ของจริง....มาแล้วนะครับ
โควิด - 19 สายพันธุ์อังกฤษ British variant ( B.1.1.7 )
ที่ตอนนี้กำลังระบาดหนักไปทั้งโลกนะครับ ไม่ใช่แค่ที่ไทย
ประเทศไทยน่ะหรือ ... ยังแค่เริ่มต้น
แค่เริ่มต้นจริงๆนะ
ที่อังกฤษ ต้นทางของเจ้าสายพันธุ์ดุนี้ มีคนเสียชีวิตกับไวรัสตัวนี้ไปแล้วประมาณ "หนึ่งแสนสองหมื่นคน"
ช่วงที่พีคมากๆ มีคนตาย"ต่อวัน" คือ พันกว่าคน
(ตายวันละพันกว่านะครับ พันหก เกือบๆพันเจ็ด เห็นตัวเลขแล้ว ขนลุกเลย)
ช่วงผ่อนปรนล็อคดาวน์ที่อังกฤษตอนคริสมาสต์ มีการติดเชื้อแบบที่ติดกันทั้งครอบครัว เข้าโรงพยาบาลกันทั้งครอบครัว และ ตายกันทั้งครอบครัวเกิดขึ้นแล้วที่นั่น
ช่วงที่เชื้อนี้กระจายกันแบบพีคๆ
มีรายงานว่า ติดกันที่ตัวเลขต่อวันคือ หกหมื่นกว่าราย
ย้ำ... วันละ หกหมื่นราย
มีหลักฐานสนับสนุนทางการแพทย์ชัดเจน
ว่าสายพันธุ๋นี้ติดง่ายกว่าสายพันธุ์อู่ฮั่น และ สายพันธุ์อินเดีย ที่เราเจอมาก่อนหน้านี้
และถ้าเราคิดว่า ที่ผ่านมา เรายังรอด ตอนนี้ก็สบายๆเหมือนเดิมก็ได้
ก็น่าจะประเมินเชื้อนี้ต่ำไปแล้ว...
และถ้ายังเชื่อว่า สายพันธุ์นี้ อาการไม่รุนแรง ก็คิดใหม่นะครับ
มีรายงานในประเทศไทยของเราพบว่า
พบอาการรุนแรงในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
อาการเจ็บคอมาก เหมือนมีดบาด เสมหะมีเลือด หายใจได้ไม่ปกติ จนกระทั่งพัฒนาไปสู่อาการปอดบวม ( pneumonia ) เกิดขึ้นได้เยอะมากนะครับ
ลงปอดกันเป็นว่าเล่นเลย
ซึ่ง ณ จุดนั้น ต้องรักษาแบบซีเรียสแล้วนะครับ โอกาสไปถึงโคม่า นอนไอซียู ใกล้เข้ามาแล้ว
และแพทย์หลายๆท่านให้ความเห็นว่า
การจัดการตอนอยู่ในไอซียูของโรคนี้ มีความซับซ้อนมาก ถ้าได้หมอเก่งๆระดับเทพ ว่าไปอย่าง แต่เอาเข้าจริงๆ บ้านเราไม่ได้มีหมอในระดับนั้น มากอย่างที่เราคิด
คนสูงวัย น้ำหนักตัวเยอะ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
คนที่มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดัน หัวใจ หอบหืด ไม่จำกัดวัย ถ้าเราเข้าข่าย ก็ระวังให้มากกว่าคนอื่นๆเถอะครับ
โอกาสรุนแรงไปถึงปอด สูงมากกก
และที่เรายังไม่ได้ยินข่าวคนเสียชีวิตในครั้งนี้ จนทำให้หลายๆคนคิดแค่ว่า เป็นแค่หวัดกระจอกๆธรรมดาๆนั้น
เพราะมันยังเป็นแค่การเริ่มต้น
สงสัยว่าติด ไปตรวจ เข้าโรงพยาบาลได้เลย
มีที่นอน มีหมอดูแล โคม่าขึ้นมา ยังมีหมอดูแล มีเครื่องช่วยหายใจอยู่ในตอนนี้ ก็เลยพอจะช่วยเหลือกันทัน
แต่ว่า...
ดูสถิติของวันนี้ 15 เมษายน ตามรูปสิครับ
ไม่ต้องดูที่จำนวนคนติดเชื้อ 1,543 นะ ... มองผ่านไปได้เลย พันห้า บางคนจะคิดในใจว่า แล้วไง
ไปดูที่จำนวนคนที่กำลังรักษาตัว นอนโรงพยาบาลอยู่ตอนนี้สิครับ ช่องสีเขียวๆน่ะ
" 8,973 ราย "
นี่คือคนที่กำลังนอนโรงพยาบาลตอนนี้อยู่ ซึ่งจะถึงหมื่นเตียง ในอีกวันสองวันนี้แน่นอน
และคนพวกนี้จะยังต้องนอนยึดเตียงไปอีกเรื่อยๆ ไม่ต่ำกว่า 10 วัน
นั่นหมายความว่า
ถ้าเราเกิดติดโควิดขึ้นมา ในวันถัดๆไปหลังจากนี้
จะเหลือเตียงให้เรานอนรักษา .... น้อยลงไปทุกที
และเตียงจะเริ่มทยอยกันเต็มไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งเหมือนต่างประเทศ
คือ ไม่มีเตียงให้ใครอีก
คราวนี้ ต่อให้มีเงิน
ก็หาเตียงนอนไม่ได้หรอกครับ จะโทรร้องเรียนที่เบอร์ไหน ใครก็คงช่วยไม่ได้ มีประกันกี่ฉบับ ก็ไม่มีผล
ไม่ต้องพูดถึงโรงพยาบาลเอกชนหรอกนะครับ
โรงพยาบาลสนาม .... ก็จะเต็มไปด้วย
แย่ไปกว่านั้นก็คือ ... เรามีเครื่องช่วยหายใจไม่มากพอ เราหาซื้อตอนนี้ ไม่ทันหรอกนะครับ ทั้งโลก ใครก็อยากได้
แล้วในวันที่เกิดซวย ปอดบวม อาการโคม่า เราต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อยื้อชีวิตนะครับ
ถ้าในเวลานั้น ไม่มีเครื่องช่วยหายใจเหลือเลย เพราะคนก่อนหน้านี้ก็เอาไปใส่กันหมดแล้ว
มันก็จะเหมือนกับที่ต่างประเทศ
คือ เครื่องช่วยหายใจที่เหลืออยู่ 1 เครื่อง จะเลือกใส่ให้ใคร
และที่เหลือ ก็ต้องปล่อยให้ตาย....
วันนั้นแหละ เราจะเข้าใจความหมายว่า ทำไม เราจึงควรช่วยกัน ในวันที่ยังทำได้ในวันนี้...
........................................
.......................................
พรุ่งนี้ จะมีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ
เพราะตอนนี้ ทุกคนดูชินชากับโควิด รอดมาแล้วหลายครั้ง ยังไม่เห็นมีอะไร เดี๋ยวก็ลดลงไปเอง
ตั้งแต่ระดับผู้นำ จนถึงคนธรรมดาๆข้างถนน
ที่ผมยังเห็นนั่งดื่มกันสนุกสนานกันอยู่เลย
ประเทศไทยเราโชคร้าย
ตรงที่ได้เจอกับสายพันธุ์ที่ติดง่ายที่สุด
ในวันที่เราประมาทที่สุด
เพราะถ้ามาตั้งแต่รอบแรก ที่เรายังตื่นตัวกันอยู่
ก็คงไม่น่ากลัวอะไรมากนัก
อ่านจบแล้ว ไม่ต้องประสาทกินหรอกนะครับ
แต่ต้องกลับมายอมรับ และตระหนักจริงๆจังๆได้แล้ว
ว่าเรากำลังเจอกับอะไรที่หนักหนาและรุนแรงกว่าเดิม
ออกบ้านเท่าที่จำเป็นเถอะครับ
หลีกเลี่ยงการไปในที่ซึ่งคนเยอะๆ งดไปเลย
อย่าใส่หน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง แบบที่ทำไปอย่างงั้นๆเอง
แต่จงทำมัน เหมือนเป็นสิ่งเดียวที่กำลังรักษาชีวิตเราไว้
เพราะมันช่วยได้จริงๆ...
อย่าเบื่อการอยู่บ้าน
เพราะเชื่อเถอะว่า
สบายกว่าโรงพยาบาลสนาม
สบายกว่าแอร์ในห้องไอซียู
และไม่ต้องต่อคิวเครื่องช่วยหายใจจากใครนะครับ
แล้วมันก็จะผ่านไป
ไม่มีอะไรอยู่กับเราไปได้ตลอดหรอก
แต่ต้องช่วยกัน
และให้มันผ่านไปให้เร็วที่สุด
อย่าให้มีสถิติการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ แล้วค่อยมาเสียใจ
ไม่ต้องไปหวังพึ่งวัคซีนตอนนี้
ยี่ห้อแอสตร้า ---> เดนมาร์คสั่งหยุดใช้ถาวรแล้ว
ส่วนยี่ห้อจอห์นสัน ---> อเมริกา สั่งหยุดใช้ไปแล้ว
ซินโนแวคของจีน ประสิทธิภาพต่ำ แถมไม่ยอมเปิดเผยผลการทดลองเฟส 3 และตอนนี้จีนยังเร่งศึกษาทำวัคซีนตัวใหม่ แสดงว่า อีที่ออกมาขายนี้ ไม่ดีอย่างที่คิด ดีจริง จะปิดไว้ทำไม แล้วจะไปทำอันใหม่ทำไมอีก... คิดง่ายๆแค่นี้พอ
ที่สำคัญ ประเทศไทย ยังฉีดได้ไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งประเทศ
ฉีดไป ก็เสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งถ้ามันไปตันในที่สำคัญๆ คือ ตายได้เลยนะครับ
พึ่งตัวเอง ดูแลตัวเอง
คือทางออกที่ดีที่สุด ที่ต้องทำในตอนนี้แล้ว...
ช่วงนี้ครูโยคะทั้งหลาย งานอาจจะน้อยลงหน่อย ลำบากหน่อย
แต่ยังหายใจได้ ยังแข็งแรง คือดีที่สุดแล้ว...
งาน กับ เงิน ไม่ได้หายไปไหน
มันแค่เลื่อนออกไปรอเราข้างหน้า
คำว่า "เงินทอง ถ้าไม่ตาย หาใหม่ได้"
น่าจะประโลมใจได้ดีที่สุดจริงๆในตอนนี้
ถ้าเราบอกว่า โควิดไม่กลัว กลัวอดตาย มากกว่า ..ก็ไม่ผิดหรอกครับ
คนเรามีชีวิตที่ต่างกัน
เพียงแต่เรากลัวอดตายได้ และก็กลัวโควิดไปด้วยพร้อมๆกันได้ โดยใช้สติคอยกำกับ
ออกไปทำงาน ออกไปหาเงิน ถ้ามันจำเป็น
แต่ก็ไปด้วยสติ ไปด้วยความระวังตัวที่สุด
ไม่ได้เขียนเพื่อให้กลัวและอดตายอยู่ที่บ้านครับ
แต่เขียนเพื่อให้ ออกไปทำงาน ด้วยความไม่ประมาท และระวังตัวให้มากที่สุด เท่านั้นเอง
สำหรับใครที่พอจะเลือกได้...
ก็ถึงเวลาที่เราจะได้เห็นตัวตนของเราจริงๆแล้วนะครับว่า
"สุขภาพ กับ เงิน"
เราเป็นคนที่จะเลือกอะไร...
โควิด - 19 สายพันธุ์อังกฤษ British variant ( B.1.1.7 )
ที่ตอนนี้กำลังระบาดหนักไปทั้งโลกนะครับ ไม่ใช่แค่ที่ไทย
ประเทศไทยน่ะหรือ ... ยังแค่เริ่มต้น
แค่เริ่มต้นจริงๆนะ
ที่อังกฤษ ต้นทางของเจ้าสายพันธุ์ดุนี้ มีคนเสียชีวิตกับไวรัสตัวนี้ไปแล้วประมาณ "หนึ่งแสนสองหมื่นคน"
ช่วงที่พีคมากๆ มีคนตาย"ต่อวัน" คือ พันกว่าคน
(ตายวันละพันกว่านะครับ พันหก เกือบๆพันเจ็ด เห็นตัวเลขแล้ว ขนลุกเลย)
ช่วงผ่อนปรนล็อคดาวน์ที่อังกฤษตอนคริสมาสต์ มีการติดเชื้อแบบที่ติดกันทั้งครอบครัว เข้าโรงพยาบาลกันทั้งครอบครัว และ ตายกันทั้งครอบครัวเกิดขึ้นแล้วที่นั่น
ช่วงที่เชื้อนี้กระจายกันแบบพีคๆ
มีรายงานว่า ติดกันที่ตัวเลขต่อวันคือ หกหมื่นกว่าราย
ย้ำ... วันละ หกหมื่นราย
มีหลักฐานสนับสนุนทางการแพทย์ชัดเจน
ว่าสายพันธุ๋นี้ติดง่ายกว่าสายพันธุ์อู่ฮั่น และ สายพันธุ์อินเดีย ที่เราเจอมาก่อนหน้านี้
และถ้าเราคิดว่า ที่ผ่านมา เรายังรอด ตอนนี้ก็สบายๆเหมือนเดิมก็ได้
ก็น่าจะประเมินเชื้อนี้ต่ำไปแล้ว...
และถ้ายังเชื่อว่า สายพันธุ์นี้ อาการไม่รุนแรง ก็คิดใหม่นะครับ
มีรายงานในประเทศไทยของเราพบว่า
พบอาการรุนแรงในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
อาการเจ็บคอมาก เหมือนมีดบาด เสมหะมีเลือด หายใจได้ไม่ปกติ จนกระทั่งพัฒนาไปสู่อาการปอดบวม ( pneumonia ) เกิดขึ้นได้เยอะมากนะครับ
ลงปอดกันเป็นว่าเล่นเลย
ซึ่ง ณ จุดนั้น ต้องรักษาแบบซีเรียสแล้วนะครับ โอกาสไปถึงโคม่า นอนไอซียู ใกล้เข้ามาแล้ว
และแพทย์หลายๆท่านให้ความเห็นว่า
การจัดการตอนอยู่ในไอซียูของโรคนี้ มีความซับซ้อนมาก ถ้าได้หมอเก่งๆระดับเทพ ว่าไปอย่าง แต่เอาเข้าจริงๆ บ้านเราไม่ได้มีหมอในระดับนั้น มากอย่างที่เราคิด
คนสูงวัย น้ำหนักตัวเยอะ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
คนที่มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดัน หัวใจ หอบหืด ไม่จำกัดวัย ถ้าเราเข้าข่าย ก็ระวังให้มากกว่าคนอื่นๆเถอะครับ
โอกาสรุนแรงไปถึงปอด สูงมากกก
และที่เรายังไม่ได้ยินข่าวคนเสียชีวิตในครั้งนี้ จนทำให้หลายๆคนคิดแค่ว่า เป็นแค่หวัดกระจอกๆธรรมดาๆนั้น
เพราะมันยังเป็นแค่การเริ่มต้น
สงสัยว่าติด ไปตรวจ เข้าโรงพยาบาลได้เลย
มีที่นอน มีหมอดูแล โคม่าขึ้นมา ยังมีหมอดูแล มีเครื่องช่วยหายใจอยู่ในตอนนี้ ก็เลยพอจะช่วยเหลือกันทัน
แต่ว่า...
ดูสถิติของวันนี้ 15 เมษายน ตามรูปสิครับ
ไม่ต้องดูที่จำนวนคนติดเชื้อ 1,543 นะ ... มองผ่านไปได้เลย พันห้า บางคนจะคิดในใจว่า แล้วไง
ไปดูที่จำนวนคนที่กำลังรักษาตัว นอนโรงพยาบาลอยู่ตอนนี้สิครับ ช่องสีเขียวๆน่ะ
" 8,973 ราย "
นี่คือคนที่กำลังนอนโรงพยาบาลตอนนี้อยู่ ซึ่งจะถึงหมื่นเตียง ในอีกวันสองวันนี้แน่นอน
และคนพวกนี้จะยังต้องนอนยึดเตียงไปอีกเรื่อยๆ ไม่ต่ำกว่า 10 วัน
นั่นหมายความว่า
ถ้าเราเกิดติดโควิดขึ้นมา ในวันถัดๆไปหลังจากนี้
จะเหลือเตียงให้เรานอนรักษา .... น้อยลงไปทุกที
และเตียงจะเริ่มทยอยกันเต็มไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งเหมือนต่างประเทศ
คือ ไม่มีเตียงให้ใครอีก
คราวนี้ ต่อให้มีเงิน
ก็หาเตียงนอนไม่ได้หรอกครับ จะโทรร้องเรียนที่เบอร์ไหน ใครก็คงช่วยไม่ได้ มีประกันกี่ฉบับ ก็ไม่มีผล
ไม่ต้องพูดถึงโรงพยาบาลเอกชนหรอกนะครับ
โรงพยาบาลสนาม .... ก็จะเต็มไปด้วย
แย่ไปกว่านั้นก็คือ ... เรามีเครื่องช่วยหายใจไม่มากพอ เราหาซื้อตอนนี้ ไม่ทันหรอกนะครับ ทั้งโลก ใครก็อยากได้
แล้วในวันที่เกิดซวย ปอดบวม อาการโคม่า เราต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อยื้อชีวิตนะครับ
ถ้าในเวลานั้น ไม่มีเครื่องช่วยหายใจเหลือเลย เพราะคนก่อนหน้านี้ก็เอาไปใส่กันหมดแล้ว
มันก็จะเหมือนกับที่ต่างประเทศ
คือ เครื่องช่วยหายใจที่เหลืออยู่ 1 เครื่อง จะเลือกใส่ให้ใคร
และที่เหลือ ก็ต้องปล่อยให้ตาย....
วันนั้นแหละ เราจะเข้าใจความหมายว่า ทำไม เราจึงควรช่วยกัน ในวันที่ยังทำได้ในวันนี้...
........................................
.......................................
พรุ่งนี้ จะมีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ
เพราะตอนนี้ ทุกคนดูชินชากับโควิด รอดมาแล้วหลายครั้ง ยังไม่เห็นมีอะไร เดี๋ยวก็ลดลงไปเอง
ตั้งแต่ระดับผู้นำ จนถึงคนธรรมดาๆข้างถนน
ที่ผมยังเห็นนั่งดื่มกันสนุกสนานกันอยู่เลย
ประเทศไทยเราโชคร้าย
ตรงที่ได้เจอกับสายพันธุ์ที่ติดง่ายที่สุด
ในวันที่เราประมาทที่สุด
เพราะถ้ามาตั้งแต่รอบแรก ที่เรายังตื่นตัวกันอยู่
ก็คงไม่น่ากลัวอะไรมากนัก
อ่านจบแล้ว ไม่ต้องประสาทกินหรอกนะครับ
แต่ต้องกลับมายอมรับ และตระหนักจริงๆจังๆได้แล้ว
ว่าเรากำลังเจอกับอะไรที่หนักหนาและรุนแรงกว่าเดิม
ออกบ้านเท่าที่จำเป็นเถอะครับ
หลีกเลี่ยงการไปในที่ซึ่งคนเยอะๆ งดไปเลย
อย่าใส่หน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง แบบที่ทำไปอย่างงั้นๆเอง
แต่จงทำมัน เหมือนเป็นสิ่งเดียวที่กำลังรักษาชีวิตเราไว้
เพราะมันช่วยได้จริงๆ...
อย่าเบื่อการอยู่บ้าน
เพราะเชื่อเถอะว่า
สบายกว่าโรงพยาบาลสนาม
สบายกว่าแอร์ในห้องไอซียู
และไม่ต้องต่อคิวเครื่องช่วยหายใจจากใครนะครับ
แล้วมันก็จะผ่านไป
ไม่มีอะไรอยู่กับเราไปได้ตลอดหรอก
แต่ต้องช่วยกัน
และให้มันผ่านไปให้เร็วที่สุด
อย่าให้มีสถิติการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ แล้วค่อยมาเสียใจ
ไม่ต้องไปหวังพึ่งวัคซีนตอนนี้
ยี่ห้อแอสตร้า ---> เดนมาร์คสั่งหยุดใช้ถาวรแล้ว
ส่วนยี่ห้อจอห์นสัน ---> อเมริกา สั่งหยุดใช้ไปแล้ว
ซินโนแวคของจีน ประสิทธิภาพต่ำ แถมไม่ยอมเปิดเผยผลการทดลองเฟส 3 และตอนนี้จีนยังเร่งศึกษาทำวัคซีนตัวใหม่ แสดงว่า อีที่ออกมาขายนี้ ไม่ดีอย่างที่คิด ดีจริง จะปิดไว้ทำไม แล้วจะไปทำอันใหม่ทำไมอีก... คิดง่ายๆแค่นี้พอ
ที่สำคัญ ประเทศไทย ยังฉีดได้ไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งประเทศ
ฉีดไป ก็เสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งถ้ามันไปตันในที่สำคัญๆ คือ ตายได้เลยนะครับ
พึ่งตัวเอง ดูแลตัวเอง
คือทางออกที่ดีที่สุด ที่ต้องทำในตอนนี้แล้ว...
ช่วงนี้ครูโยคะทั้งหลาย งานอาจจะน้อยลงหน่อย ลำบากหน่อย
แต่ยังหายใจได้ ยังแข็งแรง คือดีที่สุดแล้ว...
งาน กับ เงิน ไม่ได้หายไปไหน
มันแค่เลื่อนออกไปรอเราข้างหน้า
คำว่า "เงินทอง ถ้าไม่ตาย หาใหม่ได้"
น่าจะประโลมใจได้ดีที่สุดจริงๆในตอนนี้
ถ้าเราบอกว่า โควิดไม่กลัว กลัวอดตาย มากกว่า ..ก็ไม่ผิดหรอกครับ
คนเรามีชีวิตที่ต่างกัน
เพียงแต่เรากลัวอดตายได้ และก็กลัวโควิดไปด้วยพร้อมๆกันได้ โดยใช้สติคอยกำกับ
ออกไปทำงาน ออกไปหาเงิน ถ้ามันจำเป็น
แต่ก็ไปด้วยสติ ไปด้วยความระวังตัวที่สุด
ไม่ได้เขียนเพื่อให้กลัวและอดตายอยู่ที่บ้านครับ
แต่เขียนเพื่อให้ ออกไปทำงาน ด้วยความไม่ประมาท และระวังตัวให้มากที่สุด เท่านั้นเอง
สำหรับใครที่พอจะเลือกได้...
ก็ถึงเวลาที่เราจะได้เห็นตัวตนของเราจริงๆแล้วนะครับว่า
"สุขภาพ กับ เงิน"
เราเป็นคนที่จะเลือกอะไร...