1 คนสงสัย
มีสารก่อมะเร็งในถั่วลิสงจริงหรือ?
สุชัย เจริญมุขยนันท
 •  8 วันที่แล้ว
meter: true
1 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)
สุชัย เจริญมุขยนันท เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

เหตุผล

มีสารก่อมะเร็งในถั่วลิสงจริงหรือ?

ที่มา

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    มีสาร "ต้านมะเร็งลำไส้" ในข้าว! กินข้าวมั้ย? กินตอนร้อนๆ? ปล่อยให้เย็นดีกว่าไหม
    มีสาร "ต้านมะเร็งลำไส้" ในข้าว! กินข้าวมั้ย? กินตอนร้อนๆ? ปล่อยให้เย็นดีกว่าไหม ฉันเคยทำข้าวและฉันมักจะกลัวความหนาวเย็นดังนั้นฉันจึงขอให้ครอบครัวของฉันกินในขณะที่อากาศร้อน ไม่ถูกต้อง! มีสารชนิดหนึ่งในข้าวที่สามารถต้านมะเร็งลำไส้ได้เรียกว่าแป้งดื้อยา ข้าวสุกจะผลิตแป้งที่ต้านทานได้มากขึ้นเมื่อถูกทำให้เย็นลง ดังนั้นหลังจากข้าวสุกแล้วให้เปิดฝาและใช้ช้อนคนข้าวเพื่อให้ข้าวกระจายความร้อน เมื่อข้าวถึงอุณหภูมิปานกลางให้กินอีกครั้งและแป้งที่ทนต่อจะถูกผลิตขึ้น ข้าวชนิดนี้เนื่องจากมีแป้งที่ดื้อยามากกว่าจึงไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนแป้งดื้อยาเป็นน้ำตาลซึ่งดีต่อการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ง่ายขึ้น ยังป้องกันมะเร็งลำไส้ได้ดีมาก * รีบเปลี่ยนแนวคิดการกินแบบเดิม ๆ ! เริ่มตั้งแต่วันนี้เรามาเปลี่ยนนิสัยการกินแบบเดิม ๆ ในขณะที่ร้อนกันเถอะ! นี่นึกว่ากินซูชิก็ดีเหมือนกัน ไม่น่าแปลกใจที่ชาวญี่ปุ่นมีอายุยืนยาว พวกเขาไม่เพียง แต่กินปลาทะเลจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังกินข้าวทางวิทยาศาสตร์ด้วย เป็นข้าวปั้นซูชิและเค้กเย็น ปล. หลังจากอ่านแล้วโปรดอย่าขี้เหนียวและส่งต่อให้เพื่อนโดยเร็วที่สุด
    Mrs.Doubt
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    คลอรีนในน้ำประปา เปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็งเมื่อถูกความร้อน จริงหรือ
    ไม่ควรหุงข้าว ด้วยน้ำประปาเนื่องจากอันตรายเพราะคลอรีนในน้ำประปามีส่วนผสมสารอินทรีย์ เมื่อได้รับความร้อนจะเปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็ง
    naydoitall
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ต้องเลื่อนกระจกลง2-3 นาฑีก่อนเปิดแอร์ คู่มือรถทุกคันจะบอกว่า เมื่อขึ้นรถแล้วให้ลดกระจกลงก่อนเปิดแอร์เพื่อถ่ายเทความร้อนในตัวรถออกไป ทำไมถึงบอกอย่างนั้น? ไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบันมีคนตายด้วยมะเร็งมากขึ้น เวลาขึ้นรถ อย่าเพิ่งรีบเปิดแอร์ทันที ให้ลดกระจกลงเพื่อให้ความร้อนระบายออกไป อย่างน้อยสัก 2-3 นาทีถึงค่อยเปิดแอร์ เพราะอุปกรณ์พลาสติกในรถ เมื่อโดนความร้อนสะสมในรถจะมีการปล่อยสารเบนซีน ที่เป็นสารก่อมะเร็งออกมา มีผลต่อสุขภาพ กระดูก และลดปริมาณเม็ดเลือดขาว ในระยะยาวจะทำให้เป็นลิวคีเมีย และเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุทำให้หญิงตั้งครรภ์แท้งบุตรได้ ระดับสารเบนซีนในที่ร่มที่รับได้คิอ 50 ม.ก. ต่อตารางฟุต รถที่จอดในที่ร่มแต่ปิดหน้าต่าง จะมีสารเบนซีน 400-800 ม.ก. คือ 8 เท่าของระดับที่รับได้ แต่หากจอดรถกลางแจ้ง ที่มีอุณหภูมิ 60 องศาฟาเรนไฮต์ ระดับสารเบนซีนจะขึ้นไปถึง 2000-4000 ม.ก. คือ 40 เท่าของระดับที่รับได้ ใครที่ขึ้นรถแล้วไม่เปิดหน้าต่าง จะหายใจเอาสารพิษของเบนซีนเข้าไปจำนวนมาก ซึ่งจะทำลายตับ ไต และยากจะขับออก บทความนี้ตบท้ายว่า เมื่อใครสักคนแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้คุณและคุณได้รับประโยชน์จากมัน คุณก็ต้องมีสำนึกที่ดีที่ต้องแบ่งปัน ต่อให้ผู้อื่นเช่นกัน
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สรุปสาระสำคัญของบทความ “Exposure assessment of aflatoxins in Thai peanut consumption” งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 1. ความเป็นมา อะฟลาทอกซิน (Aflatoxins; AFs) เป็นสารพิษที่สร้างโดยเชื้อรา Aspergillus flavus และ A. parasiticus มักพบในอาหารและวัตถุดิบ เช่น ข้าวกล้อง พริกแห้ง พริกป่น อาหารแห้ง เครื่องเทศ กาแฟ และถั่วลิสง AFs โดยเฉพาะ Aflatoxin B1 (AFB1) ถูกจัดเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 โดย IARC และทนต่อความร้อนมากกว่า 260 องศา ทำให้ไม่ถูกทำลายด้วยการปรุงอาหาร ถั่วลิสงเป็นส่วนประกอบหลักในอาหารไทยหลายชนิด เช่น ผัดไทย ส้มตำ ต้มยำกุ้ง จึงมีความเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษนี้ 2. วิธีการศึกษา เก็บตัวอย่าง ถั่วลิสงดิบ คั่ว และบด จำนวน 60 ตัวอย่าง จากตลาดค้าปลีกและค้าส่งในกรุงเทพฯ ระหว่าง พ.ย. 2013 – ม.ค. 2014 วิเคราะห์การปนเปื้อนอะฟลาทอกซินด้วยวิธีมาตรฐาน (AOAC) โดยใช้ HPLC เปรียบเทียบประสิทธิภาพของคอลัมน์ตรวจสอบเชิงพาณิชย์ (AflaTest IAC) และคอลัมน์ที่พัฒนาขึ้นเอง (KU-AF02 IAC) ประเมินการได้รับสารพิษ (exposure) โดยใช้ข้อมูลการบริโภคถั่วลิสงของคนไทยจากฐานข้อมูลของ ACFS 3. ผลการศึกษา อัตราการปนเปื้อน ถั่วลิสงดิบ: 80% พบ AFs ถั่วลิสงคั่ว: 100% พบ AFs ถั่วลิสงบด: 100% พบ AFs และมีระดับสูงที่สุด ปริมาณการปนเปื้อนสูงสุด ถั่วบด: AFs สูงสุด 362.48 ng/g (ค่าเฉลี่ย 68.22 ng/g) ถั่วดิบ: ค่าเฉลี่ย 47.11 ng/g ถั่วคั่ว: ค่าเฉลี่ยต่ำสุด 13.50 ng/g ค่าการได้รับเฉลี่ย (Average daily intake) ถั่วดิบ: 0.49 ng/kg bw/day ถั่วคั่ว: 0.40 ng/kg bw/day ถั่วบด: 2.13 ng/kg bw/day กลุ่มเด็ก (6–9 ปี) ที่บริโภคถั่วบดในระดับสูง (97.5 percentile) มีการได้รับสูงสุดถึง 11.24 ng/kg bw/day 4. ความเสี่ยงต่อสุขภาพ การบริโภคถั่วลิสงเป็นแหล่งหลักของการได้รับอะฟลาทอกซินในคนไทยถึง กว่า 90% ของปริมาณที่ได้รับจากอาหารทั้งหมด การบริโภคถั่วลิสงเป็นสาเหตุของมะเร็งตับ และมะเร็งชนิดอื่นๆในประเทศไทย 5. ข้อสรุปและข้อเสนอแนะ ถั่วบด เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงสุดต่อการได้รับอะฟลาทอกซิน การปนเปื้อนในถั่วลิสงไทยยังเป็นปัญหาที่มีผลต่อสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่บริโภคถั่วลิสงในปริมาณมาก จำเป็นต้องมีมาตรการ ควบคุมคุณภาพตั้งแต่การผลิต เก็บเกี่ยว และแปรรูป รวมถึงการติดตามตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอะฟลาทอกซิน *** ประเทศไทยมีกฎหมายมาตรฐานบังคับสินค้าเกษตร การปนเปื้อนสารก่อมะเร็งอะฟลาทอกซินในถั่วลิสง ประกาศใช้มาสิบปีแล้ว แต่ไม่มีหน่วยงานรัฐไหนจะสนใจใช้บังคับ ผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็นตกอยู่กับผู้บริโภค เป็นมะเร็งตายปีละเป็นแสนคน
    ไม่ระบุชื่อ
     •  23 วันที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ย้อมสีผมบ่อย เสี่ยงก่อโรคมะเร็งจริงหรือไม่ ?
    ย้อมสีผมบ่อย เสี่ยงก่อโรคมะเร็งจริงหรือไม่ ? การย้อมสีผมในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการย้อมเพื่อเปลี่ยนลุคและสไตล์ หรือการซ่อนผมขาว ได้รับการยอมรับในทุกช่วงวัย การย้อมสีผมบ่อยๆจะทำให้เราได้รับสารเคมีอย่างต่อเนื่อง แต่สารเคมีเหล่านั้นไม่สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ แต่หากการได้รับสารเคมีในน้ำยาย้อมสีผมเป็นประจำอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ (ข้อมูลจาก Harvard Medical School) ยาย้อมผมตามท้องตลาดมี 3 ประเภท ดังนี้ 1. ประเภทสีชั่วคราว ถ้าสระผมแล้วสีก็จะค่อยๆหายไป 2. ประเภทสีกึ่งถาวร หรือเรียกว่าสีโกรกผม สามารถปิดหงอกได้ไม่เกิน 30% ถ้าสระผม 5-6 ครั้ง ก็จะค่อยๆหลุดออกไป 3. ประเภทสีย้อมถาวร หรือเรียกว่าสีย้อมผม สามารถปกปิดผมได้ สระแล้วสีไม่หลุดลอก แต่วิธีนี้งานวิจัยระบุว่าจะทำให้โครโมโซมร่างกายเสียหาย ถ้าย้อมบ่อยๆเซลล์อาจจะกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งได้ ส่วนผสมในน้ำยาย้อมผมที่อาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย ดังนี้ 1. สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไชด์ : ทำลายเส้นผมและหนังศีรษะ ก่อให้เกิดอาการอักเสบ และระคายเคือง 2. สารฟีนิลินไดอะมีน หรือสีย้อมผมชนิดถาวร : อาจทำให้เกิดการระคายเคือง และอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งหนังศีรษะได้ 3. แอมโมเนีย : สามารถกัดเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้ผมเสีย รากผมอ่อนแอ 4. สารซิลเวอร์ไนเตรต : ทำให้เกิดการระคายได้ 5. สารเลดอะซีเตด : หากสะสมในร่างกายจะทำลายสมอง ประสาทสัมผัส และจัดอยู่ในสารก่อมะเร็ง (ข้อมูลจาก Herbplus+) เราจึงควรมีหลักการในการเลือกน้ำยาย้อมสีผม ดังนี้ 1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน มีวันหมดอายุ วิธีใช้ ส่วนผสม และเลขที่จดแจ้งระบุไว้ชัดเจน 2. เลือกน้ำยาที่ไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย 3. ทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ทุกครั้ง 4. เช็กความเข้มข้นของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ไม่ควรมีมากกว่า 6% เพราะจะทำให้ผมแห้ง ผมกระด้าง และอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะได้ 5. ใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมที่มีส่วนผสมของสมุนไพรเป็นหลัก (ข้อมูลจาก Herbplus+ และ Wongnai) นอกจากนี้ คนที่ย้อมสีผมอยู่แล้ว ไม่ควรย้อมเกิน 9 ครั้งต่อปี นพ.วีรวุฒิ อิ่มสาราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้กล่าวไว้ว่า ผู้ที่ยังไม่เคยย้อมผมไม่ควรย้อมสีผม โดยเฉพาะคนที่ผมบางหรือผมน้อยอยู่แล้ว เพราะการย้อมผมทำให้รากผมไม่แข็งแรง ผมหลุดร่วงได้ง่าย หากสะสมในร่างกาย อาจทำร้ายสมอง ประสาทสัมผัส ที่สำคัญยังจัดอยู่ในสารก่อมะเร็งด้วยเช่นกัน และ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ได้กล่าวไว้ว่า น้ำยาย้อมสีผมยังเป็นอันตรายต่อช่างทำผม เพราะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารเคมีมากกว่าผู้ที่ย้อมผม เนื่องจากต้องสัมผัสกับสารเคมีที่มาจากน้ำยาต่างๆเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม จากการทบทวนวรรณกรรมงานวิจัยต่างๆ พบว่ายังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่ายาย้อมสีผมเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ได้ ดังนั้นเวลาที่ย้อมสีผมควรอยู่ในที่ที่ระบายอากาศได้ดี มีการสวมถุงมือ และใส่หน้ากากป้องกันสารเคมีทุกครั้ง (สาธิตา แสวงลาภ, ฤดีรัตน์ มหาบุญปี ติ, อัจฉรา นราศรี, 2562) (ข้อมูลจาก Herbplus+,สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณะสุข) เครือข่าย : ชมรมสื่อสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
    apinya25460
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หลังสตาร์ตรถยนต์ ห้ามเปิดแอร์ทันทีเพราะจะได้รับอันตรายจากสารเบนซีน จริงหรือ
    มีการแชร์กันในโลกออนไลน์ สารเบนซีน (ไม่ใช่น้ำมันเบนซิน) มันเป็นสารอันตรายและก็อาจพบในรถได้จริง โดยมาจากการเผาไหม้น้ำมันในรถยนต์เก่า เมื่อขึ้นรถแล้วเปิดแอร์ทันที โดยไม่ได้เปิดหน้าต่างระบายอากาศในรถก่อน เพราะพลาสติคจากอุปกรณ์ในรถจะระบายออกมา จะทำให้ได้รับสารเบนซีน ที่เป็นสารก่อมะเร็งออกมา มีผลต่อสุขภาพ กระดูก และลดปริมาณเม็ดเลือดขาว ในระยะยาวจะทำให้เป็นลิวคีเมีย และเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุทำให้หญิงตั้งครรภ์แท้งบุตรได้ ระดับสารเบนซีนในที่ร่มที่รับได้คิอ 50 ม.ก. ต่อตารางฟุตอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ จริงหรือ
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือไม่กินเม็ดชาไข่มุกทําให้เป็นมะเร็ง...!!
    จากกระแสบนโลกออนไลน์ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการกินเม็ด ชานมไข่มุกที่ส่งมาจากประเทศไต้หวัน จะทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งเพราะ มีสาร ที่เป็นอันตรายต่อตับ ไต ระบบเลือด และระบบประสาท ซึ่งเป็น สาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งต่างๆ จากข้อความดังกล่าวที่มีการแชร์บน โลกออนไลน์นั้น ได้มีการตรวจสอบโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา (อย.) และได้ชี้แจงข้อสรุปว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง จากการที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประเทศไต้หวัน ได้มีการตรวจ สอบสิ่งที่พบจริงในเม็ดไข่มุกคือสารอะซิโตฟีโนน ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ ชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายอัลมอนด์ มักถูกใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมน้ำหอมและอุตสาหกรรมยา ในเม็ดไข่มุกบางยี่ห้ออาจพบ สารเหล่านี้ในปริมาณน้อยมากแต่ไม่ใช่สารก่อมะเร็งดังที่ข่าวลือกล่าวอ้าง (อ้างอิงข้อมูลจากเว็ปไซต์ https://shorturl.asia/i74FQ ) และข้อมูลจากงานวิจัยการพัฒนาผลิตภัณฑ์เม็ดไข่มุกเสริมใยอาหารพร้อมบริโภค ของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบว่าในเม็ดไข่มุก หลายยี่ห้อมีส่วนผสมของแป้งมันสำปะหลังเป็นหลัก ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตเป็นสาร อาหารหลักชนิดหนึ่งที่ร่างกายเราต้องการและสวนผสมอื่นประกอบด้วย ผงเห็ดนางฟ้า เมือกกระเจี๊ยบเขียว อินูลิน แป้งดัดแปร คอนยัค คาราจีแนน น้ำตาล น้ำ เพียงเท่านั้น เป็นส่วนประกอบที่สามารถบริโภคได้ปกติทั่วไป (อ้างอิงข้อมูลโดยเว็บไซต์ https://shorturl.asia/mR2zQ ) ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการกินเม็ดชาไข่มุกนั้นไม่สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ดังที่แชร์ กันเพราะไม่มีสารประกอบใดๆที่เป็นอัตรายหรือก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ แต่ถึงแม้ว่า การกินเม็ดไข่มุกไม่ได้ทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็ง แต่ถ้าหากเราบริโภคไข่มุกในปริมาณที่ มากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ แทนได้เช่นกัน
    ประมุขตรัย ผิงอัน
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หม้อทอดไร้น้ำมันทำให้เกิดสารก่อมะเร็งจริงหรือ
    หม้อทอดไร้น้ำมันทำให้เกิดสารก่อมะเร็งจริงหรือ
    Asnee Abdullah
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เม็ดชานมไข่มุก มีสารก่อมะเร็ง จริงหรือ
    เม็ดชานมไข่มุกทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งการกินเม็ดชานมไข่มุก ก็เหมือนกับการกินแป้ง แต่มีการแชร์กันมาว่าในเม็ดไข่มุกบางยี่ห้อจากไต้หวันนั้น มีสารสไตรีน (Styrene), อะซิโตฟีโนน (Acetophenone) และสารอื่นที่จับอยู่กับธาตุโบรมีนซึ่งน่าจะเป็นสารประกอบกลุ่มโพลีคลอรีนเนตเต็ดไบฟีนีล ซึ่งสารกลุ่มนี้ทำให้เกิดมะเร็งได้ จริงหรือ
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ฮ่องกงตรวจพบสารโบรเมต ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งจากโซดาที่นำเข้ามาจากประเทศไทย
    ศูนย์ความปลอดภัยด้านอาหาร (Centre for Food Safety - CFS) กรมการอาหารและสุขอนามัยสิ่งแวดล้อมของฮ่องกง (Food and Environmental Hygiene Department -FEHD) เรียกร้องให้ประชาชนอย่าดื่มน้ำโซดาบรรจุขวดยี่ห้อหนึ่ง ที่นำเข้าจากประเทศไทย ซึ่งต้องสงสัยว่าปนเปื้อนสาร “โบรเมต”สารก่อกลายพันธุ์และอาจก่อมะเร็งในคน ร้านค้าควรจะหยุดใช้ หรือขายผลิตภัณฑ์นี้
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false