1 คนสงสัย
พบสารปนเปื้อนอันตรายในน้ำประปา
ไม่ระบุชื่อ
 •  4 เดือนที่แล้ว
meter: false
1 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)
Thanathun. เลือกให้ข้อความนี้❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง

เหตุผล

กระบวนการกรองในกระบวนการผลิตน้ำประปาของ กปน. มีชั้นของแอนทราไซต์และทรายกรองที่สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กได้ โอกาสที่น้ำประปาจะมีการปนเปื้อนข

ที่มา

https://www.antifakenewscenter.com/ผลิตภ⋯ฑ์สุขภาพ/พบสารปนเปื้อนอันตรายในน้ำประปา/

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    อ่านหน่อยนะ เตรียมตัวไว้นะ คนเยอะแยะบอกเราว่า ทำอย่างไรจึงจะไม่ติดไวรัสโคโรน่า แต่ไม่ยักมีใครสักคนบอกว่า ถ้าเกิดติดไวรัสแล้ว จะต้องทำอย่างไร ขอบคุณนะ คุณพยาบาลในจักรภพอังกฤษที่รวบรวมคำแนะนำนี้ให้เรา นี่เป็นคำแนะนำที่มีเหตุผลบางประการ จากพยาบาลทั่วไปในอังกฤษ นี่เป็นสิ่งที่ดิฉันเจอคำแนะนำว่า แรกที่สุดต้องทำอย่างไร จึงจะหลีกพ้นจากการติดไวรัส: • ล้างมือให้สะอาดหมดจด รักษาอนามัยร่างกาย อยู่ห่างๆ​ ผู้คน แต่ที่ดิฉันไม่เคยเห็นเลย คือ คำแนะนำว่า ถ้าเกิดติดไวรัสขึ้นมาจริงๆ​ จะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ซึ่งนี่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเราได้นะ ดังนั้น ในฐานะเป็นพยาบาลเพื่อนใกล้บ้าน ดิฉันขอให้คำแนะนำบางประการ: ถ้าคุณ เกิดติดเชื้อ โควิด-19 ขึ้นมา คุณต้องรู้จักเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน คล้ายๆกับว่า คุณรู้แล้วว่าคุณโดนไอ้เจ้าเชื้อทางเดินลมหายใจเล่นงานเข้าแล้ว เช่น เป็นมีภาวะหลอดลมอักเสบ หรือ ภาวะปอดบวม คุณต้องนึกไว้นะว่าอาการเหล่านี้จะเกิดกับตัวคุณ คุณต้องเริ่มทำสิ่งต่อไปนี้เดี๋ยวนี้เลย : ให้แสงแดดชะโลมทั่วตัววันละ 20 นาทีทุกวัน (หรือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้) แสงแดดจะเพิ่มระดับไวตามิน D ให้คุณมากมาย นี่จะไปเสริมความสามารถของภูมิคุ้มกันของตัวคุณ ถ้ามีกำลังทรัพย์ ให้กินอาหารเสริมดีๆ ร่วมกับไวตามิน C 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน รวมทั้ง สังกะสี ซิลิเนียม และ สารกลูทาไธโอน น้ำมันตับปลายี่ห้อ Scott’s Emulsion ก็เป็นอาหารบำรุงชั้นดีทีเดียว (น้ำมันตับปลาค้อด) สิ่งที่คุณจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าเข้าไว้ก่อน คือ: *กระดาษ Kleenex* *ยาพาราเซตามอล Paracetamol* *ยาแก้ไอ ตามที่ชอบ (ให้ดูฉลากยาด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า ยาแก้ไอจะไม่มียาพาราเซตามอลไปเพิ่มอีก) *ยาอมผสมสังกะสี *สะเปรย์พ่นคอ เช่น Andolex หรือ TCP *น้ำผึ้งกับมะนาวก็ได้นะ ดีทีเดียวละ​ ! ยาหม่อง Vicks* vaporub ก็ดีนะ คนใช้กันเยอะ *เครื่องลดความชื้น ก็ควรจะซื้อมาใช้ในห้องที่คุณจะนอนทั้งคืน (คุณอาจจะใช้วิธีอาบน้ำอุ่นจากฝักบัว และนั่งในห้องน้ำ หายใจเอาไอน้ำเข้าตัวก็ได้นะ) ถ้าคุณเคยเป็นหอบหืด และหมอเคยจ่ายยาพ่นให้ ต้องแน่ใจนะว่า มันยังไม่หมดอายุ ให้หายาพ่นมาสำรองไว้นะ *อาหารการกิน* นี่เป็นเวลาเหมาะแก่การทำอาหารดีๆกิน ให้ทำซุบไว้เยอะๆเลย ใส่ตู้เย็นเอาไว้ พร้อมทุกเมื่อ *น้ำ น้ำ น้ำ* ตุนไว้เลยนะ ของเหลวใสๆที่คุณชอบนั่นแหละ เอาไว้ดื่มกิน น้ำประปาก็น่าจะดีนะ บางครั้งบางคราวคุณอาจนะต้องใช้ *การจัดการกับอาการที่เกิดขึ้น เมื่อมีไข้สูงกว่า 38°c ให้กินยา Paracetamol จะดีกว่ายา Ibuprofen. *พักผ่อนเยอะๆ * คุณไม่ควรออกจากบ้านนะ​ ! ถึงแม้ว่าคุณรู้สึกดีขึ้น ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ก็อาจจะมีเชื้อไวรัสอยู่กับตัวไปตั้ง 14 วัน ดังนั้น คนแก่กับคนที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว อย่าไปใกล้เขานะ *ใส่ถุงมือและหน้ากากอนามัย* เพื่อป้องกันไม่ให้กระจายเชื้อไปให้คนอื่นในบ้านของคุณเอง *กักตัว* ในห้องนอน ถ้าคุณไม่ได้อยู่แต่ลำพัง ให้บอกเพื่อนและคนในครอบครัวให้ วางสิ่งที่จะส่งให้คุณไว้ภายนอก เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสติดต่อ *ทำความสะอาด* ซักผ้าปูที่นอน เสื้อผ้าบ่อยๆ และล้างห้องน้ำด้วยน้ำยาทำความสะอาดด้วย *คุณไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล เว้นไว้แต่ว่า คุณกำลังหายใจลำบาก หรือมีไข้สูงมาก(มากกว่า 39°C) แล้ว ใช้หยูกยาต่างๆ​ ไม่ได้ผล กับผู้ใหญ่ ที่มีสุขภาพดีแล้ว 90% สามารถดูแลได้ที่บ้าน โดยการพักผ่อน ดื่มน้ำ กินยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยา ถ้าคุณกังวล หรือไม่สบายใจ​ รู้สึกว่า ตัวเองอาการจะหนักขึ้น *ความเสี่ยงที่มีอยู่แล้ว* ถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับสภาพปอด (เช่น​ หายใจติดขัด ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด) หรือกำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ต้องคุยกับหมอแล้วละว่า คุณควรจะทำอย่างไร หากคุณเกิดไม่สบายขึ้นมา *สำหรับเด็กๆ* พ่อแม่ออกจะโล่งใจว่า โคโรนาไวรัส ญาติดีกับเด็กมาก มันมักจะเป็นไม่กี่วันก็หาย (แต่มันก็ยังเป็นเชื้อโรคติดต่อนะ) จึงต้องคำนึงถึงสภาพเด็กๆ​ ด้วย . *ให้มีสติและตระเตรียมตามควรแก่เหตุ* แล้วทุกอย่างจะไม่เสียหาย จะบอกคุณเอาไว้ว่า ค่า pH ของโคโรนาไวรัสทั้งหลาย มีได้ตั้งแต่ 5.5 ถึง 8.5. สิ่งที่เราต้องทำ ในการจัดการกับไวรัสโคโรนา คือ เราต้องกินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง โดยมีค่า pH สูงกว่าของไวรัส ดังที่บอกไว้ข้างบนนี้ อาหารเหล่านั้น เช่น *มะนาวฝรั่ง - 9.9pH* *มะนาว - 8.2pH* *อะโวคาโด - 15.6pH* *กระเทียม - 13.2pH* *มะม่วง - 8.7pH* *ส้มเขียวหวาน - 8.5pH* *สับปะรด - 12.7pH* *ดอกเก็กฮวย(?) - 22.7pH* *ส้ม - 9.2pH* คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณติดไวรัสโคโรนาเข้าให้แล้ว? 1. คันคอ 2. คอแห้ง 3. ไอแห้งๆ 4. มีไข้ตัวร้อน 5. หายใจถี่ หอบ 6. ไม่ได้กลิ่น และไม่รู้รส 7. นิ้วเท้า มีสีเขียวคล้ำ หรือดำ ดังนั้น เมื่อใดมีอาการอย่างนี้ให้กินน้ำอุ่น ร่วมกับน้ำมะนาวเข้าไปเลย อย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ กรุณาส่งต่อๆไปให้คนในครอบครัวและเพื่อนๆด้วยนะ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ทำไมคนไทยถึงตายด้วยโรคมะเร็ง. อันดับ1 พึ่งจะรู้ว่าน้ำแข็ง ยูนิค...ที่กินกัน ผสม"ฟอร์มาลีน" เพื่อไม่ให้ น้ำแข็ง ละลาย เร็ว ในน้ำก็มีคลอรีน วันๆ คนไทยกิน ความตายเพิ่มเข้า ไปทุกวัน ตื่นมาหิวน้ำก็กิน น้ำประปาใส่ คลอรีน สายๆมาร้อนๆ ก็กินน้ำแข็งใส่ ฟอร์มาลิน ถ้าไม่ใส่เขาบอกว่าน้ำแข็งจะแข็งตัวช้า แถมละลายเร็ว วันหนึ่งๆ เราเอา ไอ้ตัวอันตรายเข้า ไปในร่างกาย อย่างน้อย 2 ตัวนี้ อื่นๆอีก นับไม่ถ้วน ถึงบางอ้อว่า ทำไม คนไทยจึงเป็น มะเร็ง อันดับ 1 ของโลก เรื่องนี้จริง ฝรั่งที่มา เที่ยวภูเก็ตเขาจะ ไม่กินน้ำแข็งหลอดบ้านเราเลย ถามเขา ได้คำตอบ ตรงกันว่าใส่สาร ฟอร์มาลิน เรื่องจริงๆแชร์กันมากๆ ผู้ใหญ่นะ ไม่ทัน แล้ว แต่สงสาร ลูกๆ หลาน ช่วยกันหน่อย คิดว่าเอาบุญ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    น้ำประปาสามารถดื่มได้หรือไม่?
    ในทุกวันนี้มนุษย์เราต้องการดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม อย่างไรก็ดี การซื้อน้ำดื่มมาบริโภคก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายจำนวนมากในแต่ละเดือน จนทำให้ใครหลายคนเริ่มหาวิธีนำน้ำประปามาบริโภค แล้วปัจจุบันน้ำประปายังสะอาดและสามารถดื่มได้หรือไม่ (แหล่งข้อมูลจาก https://wells.co.th/is-tap-water-safe/) (https://uu.co.th/th/article/blog/is-tap-water-safe-to-drink#precautions-when-drinking-tap-water) จากการสัมภาษณ์ คุณคงกฤษ นาแซง ตำแหน่งนายช่างเครื่องกล6 การประปาส่วนภูมิภาคสาขามหาสารคาม ได้ข้อมูลว่า น้ำประปาสามารถดื่มได้ เนื่องจากได้รับการรับรองจะกรมอนามัยตามโครงการ “น้ำประปาดื่มได้” มีคุณภาพน้ำประปาตามเกณฑ์คุณภาพน้ำบริโภค ซึ่งก็จะมีการออกตรวจสอบน้ำตามชุมชนตามบ้านผู้ใช้น้ำ โดยมีหน่วยงานผลิต หน่วยงานของนักวิทยาศาสตร์ และกรมอนามัย อีกทั้งยังมีการผลิตน้ำประปาที่ได้มาตรฐานตามขั้นตอนการผลิตตั้งแต่การสูบน้ำดิบจากแหล่งน้ำ การเติมสารเคมีฆ่าเชื้อโรค การตกตะกอนของน้ำ การกรอง ไปจนถึงการสูบน้ำเพื่อส่งไปยังบ้านผู้ใช้น้ำ อีกทั้งยังมีการเฝ้าระวังตรวจสอบน้ำทุก ๆวันในแต่ละชุมชนซึ่งจะตรวจสอบค่าของคลอรีนที่ควบคุมไว้อยู่ที่ 0.2 มิลลิกรัม หากต่ำกว่า 0.2 มิลลิกรัมประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคก็จะลดลงนั่นเอง ทั้งนี้ ก่อนนำน้ำประปาจากก๊อกมาดื่มจึงควรระวังเรื่องความสะอาด และความปลอดภัยของน้ำประปาก่อนเสมอ แต่เพื่อความสบายใจว่าเมื่อดื่มน้ำประปาไปแล้วจะไม่ส่งผลต่อสุขภาพ ก็ควรติดตั้งเครื่องกรองน้ำขนาดเล็กเอาไว้อีกขั้นก็ได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าน้ำประปาที่ผ่านระบบการกรองน้ำประปามาแล้วจะมีความสะอาด ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์อยู่ดี ไม่ว่าจะนำไปต้มดื่ม ผ่านความร้อน หรือวิธีการใด ๆ ก็ตาม แต่หากต้องการดื่มน้ำประปาได้อย่างปลอดภัย การติดตั้งเครื่องกรองน้ำไว้ในบ้านจึงถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เพราะเครื่องกรองน้ำจะช่วยกรองน้ำประปาอีกครั้ง ทำให้น้ำสะอาดมากขึ้นจนอยู่ในระดับมาตรฐาน ที่จะสามารถนำมาใช้ดื่มได้อย่างปลอดภัยต่อร่างกาย แหล่งข้อมูลจาก(https://www.taksak.co.th/can-drink-tap-water/)
    Chennarong Yongmong
     •  2 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ห้ามนำน้ำประปามาหุงข้าว จริงหรือ
    โลกโซเชียล ส่งต่อข้อมูล ห้ามนำน้ำประปามาหุงข้าว โดยระบุว่าหากคลอรีนในน้ำประปาเจอกับสารอินทรีย์ที่มีอยู่ในธรรมชาติ แล้วจะกลายเป็นสารไตรฮาโลมีเทน หรือสารก่อมะเร็ง
    naydoitall
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    "จิงจูฉ่าย" เป็นผัก มหัศจรรย์ สามารถใช้รักษามะเร็งได้ !
    "จิงจูฉ่าย" เป็นผัก มหัศจรรย์ สามารถใช้รักษามะเร็งได้ ! ———————————— “ผม..นิกกี้ อิทธิเกษม KU37 อดีตนายกสมาคมม.เกษตรฯแห่งอเมริกา จะขอเล่าประสบการณ์ที่เคยสัมผัสมากับตัวเองเมื่อปี 2007 เพื่อเป็นcaseตัวอย่างและเป็นทางออกให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหลาย        ผมมีร้านอาหารอยู่ในเขต N.Hooywood วันหนึ่งกลางปี 2007 ผมได้มีโอกาสเจอลูกศิษย์เก่าที่เคยมาเรียนแจกไพ่ที่ร้าน ถามทุกข์สุขกันไปมา ถึงได้รู้ว่าเขาเคยเป็นมะเร็งที่คอ 1 ครั้ง,มะเร็งที่ต่อมลูกหมาก 1 ครั้ง ปัจจุบันหายเป็นปลิดทิ้ง รวมทั้งพี่น้องญาติอีก8คนที่เป็นมะเร็งภายในเวลา5 ปี ทุกคนหายหมด ผมจึงเกิดความกระตือรือร้นที่จะถามว่า มีวิธีรักษากันอย่างไร?  วันนั้นคุณแม่เขามาด้วยจึงอธิบายให้ฟังว่า "ฉันมีต้นจิงจูฉ่ายอยู่ในสวนหลังบ้านเยอะ ปกติก็จะใส่ในแกงจืดให้ลูกๆกินเป็นประจำ เพราะคนจีนบอกต่อๆกันมาถึงสรรพคุณช่วยฟอกเลือดและขับสารพิษออกจากร่างกายทำ ให้ลูกๆไม่ค่อยเป็นอะไร วันหนึ่งลูกฉันไปตรวจหมอกลับมา บอกว่าเป็นมะเร็ง อีก 2 เดือนต้องไปฉายแสง ฉันจึงลองเอาจิงจูฉ่าย1กำมือมาตำ จะได้น้ำออกมาแก้ว(เล็ก)หนึ่ง ให้เขากินตอนเช้าทุกวัน 2 เดือน ถัดมาไปตรวจหมอ หมอถามไปทำอะไรมา ทุกอย่างปกติหมด มะเร็งได้หายไปแล้ว"         หลังจากคุยกันพักหนึ่ง ผมก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า คน8คนเป็นมะเร็งในที่ต่างกัน กินน้ำจิงจูฮวยฉ่าย 2-3 เดือน ทุกคนหายหมด(ไม่มีใครต้องทำคีโมเลย) ผมจึงเกิดความเชื่อถือขึ้นมาระดับหนึ่ง         ก่อนหน้านั้น พี่สะใภ้ผม 2 คน (ปี2006) เป็นมะเร็งที่เต้านม,มดลูก คนหนึ่งต้องทำคีโม ใช้วิธี"นั่งสมาธิ"ทุกวัน 8 เดือน หายเป็นปกติ         ต่อมาผมได้ต้นจิงจูฉ่ายมา1 ต้น จากคุณแม่ของลูกศิษย์ จึงรีบนำมาเพาะขยาย ปลายปี 2008 ผมได้รู้ว่าแม่ค้าที่เช่าที่ในร้านผมคนหนึ่งเป็นมะเร็งเต้านมขั้น 3 หน้าคล้ำ เดินตัวแข็งแล้ว ผมรีบเชิญมานั่งคุยเล่าเรื่องจิงจูฉ่ายให้ฟังและเรื่องพี่สะใภ้นั่งสมาธิ ก็เลยแนะนำให้ทำ 2 อย่างควบคู่กันไป เชื่อไหมว่า 3 เดือนถัดไป หายเป็นปลิดทิ้ง (ผมให้เขาไปเพียง1ต้นไปปลูกและ เด็ดใบทานเลยวันละ1ใบ เพราะมีน้อย ก็ยังได้ผล)         ปี 2009 ผมมีต้นจิงจูฉ่ายมากขึ้นและแจกจ่ายให้กับคนรู้จักหลายคน ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่าง 3 เดือน ทุกคนอาการดีขึ้นหมด ถ้าเราอยากช่วยผู้ที่เรารักและห่วงใยซึ่งกำลังเผชิญกับโรคร้ายนี้ ผมแนะนำวิธีนี้ ถ้าคุณต้องทำคีโมก็ทำไป กินใบจิงจูฉ่ายและนั่งสมาธิผมว่าคุณมีโอกาสหาย         ผมพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าผักชนิดนี้ แพมย์จีนโบราณเรียกว่า"ยาเย็น"เป็น"หยิน"ช่วยฟอกเลือด,ขับสารพิษ..ฆ่าเชื้อ ไวรัสทุกชนิด.. เพื่อนku37 คนหนึ่งลองให้ลูกกิน เนื้องอกที่คอก็ยุบลง      เนื่องจากที่ LA.เรามีน้อยมาก ถ้าเกิดใครต้องการมากๆ (จริงๆต้องทานวันละ1กำ )ลองคุยกับคุณน้อยที่สวนคุณน้อย จ.เชียงใหม่ เขาขายกก.ละ 35 บาท     ใครเป็นมะเร็งลองดูซิครับ ทานแล้วยังไงก็ไม่มีผลข้างเคียง แต่ คุณมีโอกาสหายครับ. ใครที่เคยสั่ง "เกาเหลาเลือดหมู" มาทาน เคยสงสัยกันไหมว่า ในชามเกาเหลาของเราจะมีผักสีเขียวชนิดหนึ่ง ที่ไม่ใช่ผักกาดหอม ขึ้นฉ่าย หรือใบตำลึงใส่ชามมาด้วย หลายคนไม่ทราบว่าเจ้าผักชนิดนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร แล้วมีสรรพคุณอย่างไร เอ้า...ใครที่ไม่รู้ ตามกระปุกดอทคอมมาเลยค่ะ          เจ้าผักชนิดนี้เรียกว่า "จิงจูฉ่าย" ค่ะ หรือที่ชาวต่างชาติเรียกว่า "เซเลอรี่" (Celery) เป็นผักสมุนไพรชนิดหนึ่งของจีน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Apium graveolens L. ลักษณะต้น "จิงจูฉ่าย" จะเป็นกอคล้ายใบบัวบก สามารถเจริญงอกงามได้ดีในที่ที่มีแสงแดดรำไร ชื้น ดินโปร่งแต่ไม่แฉะ ชอบอากาศเย็นมากกว่าอากาศร้อน  คุณค่าทางโภชนาการของ "จิงจูฉ่าย" มีไม่น้อยทีเดียวค่ะ เพราะ "จิงจูฉ่าย" 100 กรัม ให้พลังงาน 392 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยสารอาหารนานาชนิด คือ โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบไฮเดรต, เส้นใย, แคลเซียม, เหล็ก, ฟอสฟอรัส, วิตามินเอ, วิตามินบี6, วิตามินซี และวิตามินอี          มาที่สรรพคุณทางยากันบ้างดีกว่า จุดเด่นของ "จิงจูฉ่าย" คือมีกลิ่นหอม คล้าย ๆ กับตั้งโอ๋ ยิ่งโดนความร้อนจะยิ่งหอม และยิ่งเพิ่มสรรพคุณมากขึ้น โดยกลิ่นหอมของ "จิงจูฉ่าย" มาจากน้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ในลำต้นและใบนั่นเอง ประกอบด้วยสารไลโมนีน ซิลนีน และสารกลัยโคไซด์ที่มีชื่อว่า อะปิอิน ซึ่ง สารเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดัน แถมยังช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ด้วย ส่วนต้นสด และเมล็ดของ "จิงจูฉ่าย" มีโซเดียมต่ำ จึงดีต่อผู้ป่วยโรคไต           นอกจากนี้ ในทางการแพทย์เชื่อว่า "จิงจูฉ่าย" เป็นยาเย็น จึงช่วยบำรุงปอด ช่วยฟอกเลือด เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก คนจีนจึงนิยมนำผักชนิดนี้มาปรุงเป็นอาหารรับประทานในหน้าหนาว เพื่อช่วยในเรื่องการไหลเวียนของโลหิต ปรับสมดุลให้ร่างกายได้ดีนั่นเอง  ส่วนที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมเราจึงมักเห็น "จิงจูฉ่าย" อยู่ในเกาเหลาเลือดหมู นั่นก็เพราะ "จิงจูฉ่าย" มีสรรพคุณช่วยดับกลิ่นคาวเลือดได้ดีด้วยค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว "จิงจูฉ่าย" ไม่ได้ใช้ทำอาหารได้เพียงแค่ต้มเลือดหมูเท่านั้นนะ เพราะอาหารประเภทแกงจืดทั้งหลาย หรือผัดผัก ผัดฉ่าก็สามารถใช้ "จิงจูฉ่าย" เป็นส่วนผสมที่ลงตัวน่ารับประทานไม่แพ้กันจิงจูฉ่าย  ในรูปแบบชา  คัดวัตถุดิบใบจิงจูฉ่ายคุณภาพ  ปลอดสาร ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน สะอาดปลอดภัย ไม่มีสารปนเปื้อน รสชาติหอมหวานไม่ขม ดื่มง่าย โดยกระบวนการหมัก นวดอย่างพิถีพิถัน และอบด้วยไฟอ่อนเพื่อให้คงคุณค่าทางโภชนาการ และสรรพคุณทางยา  ชาจิงจูฉ่ายจึงมีประโยชน์มากมาย  และเนื่องจากเป็๋นสมุนไพรจึงไม่มีผลข้างเคียง ในกรณีที่บริโภคเป็นปริมาณมากอยกได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนในเวปค่ะLiked By: PinKen มะเร็งระยะสุดท้าย 2 ปี ไม่เข้ารับรักษา ค่ามะเร็งล…: https://youtu.be/uITAm2Gi5mQ
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    คลอรีนในน้ำประปา เปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็งเมื่อถูกความร้อน จริงหรือ
    ไม่ควรหุงข้าว ด้วยน้ำประปาเนื่องจากอันตรายเพราะคลอรีนในน้ำประปามีส่วนผสมสารอินทรีย์ เมื่อได้รับความร้อนจะเปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็ง
    naydoitall
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    น้ำแข็งยูนิตใส่ฟอร์มาลิน
    ยุโรปไม่มีน้ำแข็งขายเพราะเป็นเมืองหนาว ไปญี่ปุ่น จีน ตะวันออกกลางไม่มีน้ำแข็งขาย ##ลองมาฟังข้อมูลนี้แล้วคิดเองน่ะครับ กลุ่มสมาคมฯส่งมาให้อ่าน ทำไมคนไทยถึงตายด้วยโรคมะเร็ง. อันดับ1 พึ่งจะรู้ว่าน้ำแข็ง ยูนิค...ที่กินกัน ผสม"ฟอร์มาลีน" เพื่อไม่ให้ น้ำแข็ง ละลายเร็วในน้ำก็มีคลอรีน วันๆ คนไทยกิน ความตายเพิ่มเข้า ไปทุกวัน ตื่นมาหิวน้ำก็กิน น้ำประปาใส่ คลอรีน สายๆมาร้อนๆ ก็กินน้ำแข็งใส่ ฟอร์มาลิน ถ้าไม่ใส่เขาบอกว่าน้ำแข็งจะแข็งตัวช้า แถมละลายเร็ว วันหนึ่งๆ เราเอา ไอ้ตัวอันตรายเข้า ไปในร่างกาย อย่างน้อย 2 ตัวนี้ อื่นๆอีก นับไม่ถ้วน ถึงบางอ้อว่า ทำไม คนไทยจึงเป็น มะเร็ง อันดับ 1 ของโลก เรื่องนี้จริง ฝรั่งที่มา เที่ยวภูเก็ตเขาจะ ไม่กินน้ำแข็งหลอดบ้านเราเลย ถามเขา ได้คำตอบ ตรงกันว่าใส่สาร ฟอร์มาลิน เรื่องจริงๆแชร์กันมากๆ ผู้ใหญ่นะ ไม่ทัน แล้ว แต่สงสาร ลูกๆ หลาน ช่วยกันหน่อย คิดว่าเอาบุญ
    Hiiiii
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ปัญหาน้ำประปากร่อยใน กทม. และปริมณฑล ควรหลีกเลี่ยงการบริโภค จริงหรือ
    มีข่าวเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 64 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแจ้งเตือนประชาชนบางกลุ่มให้งดบริโภคน้ำประปา หลังหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯประสบปัญหา น้ำประปามีรสชาติกร่อย พล.ต.อ.อัศวินระบุข้อความว่า ภัยแล้งส่งผลน้ำประปามีรสกร่อย เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก ควรหลีกเลี่ยงการบริโภค จริงหรือ
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    : ยุโรปไม่มีน้ำแข็งขาย เพราะเป็นเมืองหนาว ! ไปญี่ปุ่ จีน ตะวันออก กลางไม่มีน้ำแข็งขาย # ลองมาฟังข้อมูล นี้ แล้วคิดเองนะครับ กลุ่มสมาคมฯ ส่งมา ให้อ่าน - - - - ทำไมคนไทยถึง ืตายด้วยโรคมะเร็ง อัน ดับ1..เพิ่งจะรู้ว่าน้ำแข็ง ยูนิคที่กินกัน ผสมฟอร์ มาลีน เพื่อไม่ให้น้ำแข็ง ละลายเร็ว ในน้ำก็มีคลอรีน วันๆคนไทยกินความ ตาย เพิ่มเข้าไปทุกวัน ตื่นมาหิวน้ำ ก็กินน้ำ ประปาใส่คลอนรีน .. สายๆมาร้อนๆ ก็ กินน้ำแข็งใส่ฟอร์มาลีน ถ้าไม่ใส่ เขาจะบอกว่า น้ำแข็ง จะแข็งตัวช้า แถมละลายเร็ว วันหนึ่งๆ เราเอา ไอ้ตัวอันตรายเข้าไป ในร่างกาย อย่างน้อย 2 ตัว และอื่นๆอีกนับ ไม่ถ้วน ..ถึงบางอ้อว่า ทำไมคนไทยจึงเป็น มะเร็งอันดับ1โลก เรื่องนี้จริง ฝรั่งที่มา เที่ยวภูเก็ต เขาจะไม่กิน น้ำแข็งหลอดบ้านเรา เลยถามเขา..คำตอบ ตรงกันว่า เพราะใส่ สารฟอร์มาลีน เรื่องจริง แชร์กัน มากๆ ผู้ใหญ่น่ะ ไม่ทัน แล้ว แต่สงสารลูก ๆ หลานๆช่วยกันหน่อย คิดว่าเอาบุญ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    โฆษณาผลิตภัณท์ สารสกัด มะรุม ช่วยลดความดันเบาหวาน ไม่ต้องจ่ายแพง กล่องเดียวเอาอยู่ จริงหรือ
    สมุนไพรมะรุมซีเป็นสมุนไพรออแกนิคสกัดจากกรรมวิธีธรรมที่สะอาดและปลอดภัยไม่มีสารปนเปื้อนเลขที่ อย. จดแจ้ง 13-1-03440-1-0105 ปราบเบาหวานอยู่หมัด เบาหวาน ความดัน ควบคุมได้ด้วย มะรุม ซี
    naydoitall
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false