1 คนสงสัย
ความดันโลหิตสูงแก้ได้โดยการกำมือ - แบมือ
ข่าวปลอม อย่าแชร์! ❌ ความดันโลหิตสูงแก้ได้โดยการกำมือ - แบมือ
.
ตามที่มีผู้เผยแพร่คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องความดันโลหิตสูงแก้ได้โดยการกำมือ - แบมือ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบโดยโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
.
กรณีที่มีผู้ส่งต่อข้อมูลด้านสุขภาพว่า ความดันโลหิตสูงแก้ได้โดยการกำมือ - แบมือ ทางโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ข้อมูลที่กล่าวถึงเรื่องข้างต้น เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง กล่าวคือ การกำมือและแบมือดังข้อความที่พูดถึงนั้น ไม่มีผลทางการแพทย์ที่สามารถอธิบายหรือยืนยันได้ว่า วิธีการดังกล่าวจะสามารถลดความดันโลหิตได้
.
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากโรงพยาบาลราชวิถี สามารถติดตามได้ที่ www.rajavithi.go.th หรือโทร 02 206 2900
.
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การกำมือและแบมือดังข้อความที่พูดถึงนั้น ไม่มีผลทางการแพทย์ที่สามารถอธิบายหรือยืนยันได้ว่า วิธีการดังกล่าวจะสามารถลดความดันโลหิตได้
.
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
.
📌 ช่องทางการติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม
.
LINE : @antifakenewscenter (http://nav.cx/uyKYnsG)
Website : https://www.antifakenewscenter.com/
Twitter: https://twitter.com/AFNCThailand
Tiktok : @antifakenewscenter
สายด่วน : ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน 1111 ต่อ 87
.
#ข่าวปลอม #ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม #AntiFakeNewsCenter #AFNCThailand #ข่าวสุขภาพ
#ความดันโลหิตสูง #กำมือ #แบมือ #แก้ความดัน
ธัญวรัตม์ ทานศรี
 •  1 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ มีโอกาสเสียชีวิตจากโควิด 19 มากกว่าคนปกติอย่างน้อย 5 เท่า
    ในการวิเคราะห์ขนาดใหญ่ครั้งแรกในผู้ติดเชื้อมากกว่า 44,000 ในประเทศจีน อัตราการเสียชีวิตในผู้สูงอายุสูงกว่าคนวัยกลางคนถึง 10 เท่า ผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือปัญหาในการหายใจ มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าคนปกติอย่างน้อย 5 เท่า และผู้ชายมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าผู้หญิงเล็กน้อย
    naruemonjoy
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    กินกระเทียมป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้จริงไหม
    กินกระเทียมป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้จริงไหม
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    โครงการคัดกรองโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง เสนอโครงการโดย อสม. ทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้สามารถจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงให้กับ อสม. ได้หรือไม่ ?
    รู้ชัด ทำได้ สไตล์ กปท. (Ep.20) ❓ ไขข้อสงสัย❓ 📌 โครงการคัดกรองโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง เสนอโครงการโดย อสม. ทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้สามารถจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงให้กับ อสม. ได้หรือไม่ ❓ #กองทุนกปท #คัดกรองโรคเบาหวาน #คัดกรองความดันโลหิตสูง #อสม #อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน #จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง มาร่วมไขข้อสงสัยด้วยกันผ่านทาง...
    ชุมพล ศรีสมบัติ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    กำมือ-แบมือ ข่าวปลอม! แก้โรคความดันโลหิตสูง แค่กำมือ – แบมือ
    มีคนบอกว่าสามารถแก้โรคความดันโลหิตสูงได้เพียงแค่ กำมือ-แบมือ ข่าวปลอม! แก้โรคความดันโลหิตสูง แค่กำมือ – แบมือ | Hfocus.org แก้โรคความดันโลหิตสูง แค่กำมือ – แบมือ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบเรื่อง ความดันโลหิตสูงแก้ได้โดยการกำมือ-แบมือ กับโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
    std47905
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เผยค่าความดันใหม่จากสหรัฐ และ เรื่องการกินข้าวร้อนๆเป็นอันตราย จริงหรือ
    มีการแชร์ข้อมูลในโลกออนไลน์ โปรดแบ่งปันข้อมูลใหม่นี้กับเพื่อนและครอบครัวของคุณ A.S.A.P. ประกาศโดย Dr.Mingxiong Guo (Jing Qi) 🇺🇸สหรัฐอเมริกาได้กำหนดอย่างเป็นทางการว่าความดันโลหิตมาตรฐานคือ 150/90 สำหรับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปและสำหรับผู้สูงอายุปกติที่อายุมากกว่า 80, 160 หรือ 170 ก็เป็นที่ยอมรับเช่นกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราทุกคนได้รับผลกระทบจาก "มาตรฐานเดิม" (ไม่เกิน 120) ที่มุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ทางธุรกิจทางการแพทย์ในอดีตซึ่งก่อให้เกิดภาระทางจิตใจของความดันโลหิตสูงที่ไม่จำเป็นต่อผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 หรือ 70 ปี! จากนี้เราต้องแก้ไขความคิดผิด ๆ ที่สอนโดยแพทย์ โปรดดูรายงานต่อไปนี้ 〖โปรดดูที่การแบ่งปันความดันโลหิต〗: ล้มล้างความเข้าใจเรื่องความดันโลหิตปกติ! ความดันโลหิตปกติสำหรับวัยต่างๆควรเป็นอย่างไร? ความดันโลหิตซิสโตลิกปกติ = ความดันโลหิตซิสโตลิกที่คำนวณได้ของ Wu = (อายุ 82 ปีขึ้นไป) ตัวอย่าง: อายุ 75 ปี = 82 + 75 = 157 【สรุปแล้ว】 ความดันโลหิตซิสโตลิกปกติ: ชาย = 82 + อายุ, หญิง = 80 + อายุ, ตัวบ่งชี้สุขภาพ (ปกติ): วัดความดันโลหิตซิสโตลิก = ความดันโลหิตซิสโตลิกปกติ Guo Mingxiong (Zong Qi) 102 คณบดีโรงพยาบาลที่สามของวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งบอกว่าผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีไม่สามารถมีความดันโลหิตสูงต่ำกว่า 130 ได้มิฉะนั้นจะมีแนวโน้มที่จะเกิดความดันเลือดต่ำและเป็นลมได้ ความดันโลหิตสูงระหว่าง 150 ถึง 130 ปลอดภัยกว่า จะดีกว่าที่จะสูงกว่า , อย่าต่ำ. น้ำตาลในเลือดก็เช่นเดียวกัน มาตรฐานควรจะผ่อนคลายเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารของผู้ป่วยเบาหวานที่มีอายุมากกว่า 60 ปีควรควบคุมให้อยู่ที่ประมาณ 6.5 ผู้ที่อายุมากกว่า 70 ปีควรควบคุมให้อยู่ที่ประมาณ 7.5 และส่วนใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 80 ปีไม่ควรเกิน 8.0 เป็นครั้งคราวประมาณ 8.5 อันตรายของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำยิ่งน่ากลัว 😱ขอให้ทุกครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง! มีสาร "ต้านมะเร็งลำไส้" ในข้าว! กินข้าวมั้ย? กินตอนร้อนๆ? ปล่อยให้เย็นดีกว่าไหม ฉันเคยทำข้าวและฉันมักจะกลัวความหนาวเย็นดังนั้นฉันจึงขอให้ครอบครัวของฉันกินในขณะที่อากาศร้อน ไม่ถูกต้อง! มีสารชนิดหนึ่งในข้าวที่สามารถต้านมะเร็งลำไส้ได้เรียกว่าแป้งดื้อยา ข้าวสุกจะผลิตแป้งที่ต้านทานได้มากขึ้นเมื่อถูกทำให้เย็นลง ดังนั้นหลังจากข้าวสุกแล้วให้เปิดฝาและใช้ช้อนคนข้าวเพื่อให้ข้าวกระจายความร้อน เมื่อข้าวถึงอุณหภูมิปานกลางให้กินอีกครั้งและแป้งที่ทนต่อจะถูกผลิตขึ้น ข้าวชนิดนี้เนื่องจากมีแป้งที่ดื้อยามากกว่าจึงไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนแป้งดื้อยาเป็นน้ำตาลซึ่งดีต่อการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ง่ายขึ้น ยังป้องกันมะเร็งลำไส้ได้ดีมาก * รีบเปลี่ยนแนวคิดการกินแบบเดิม ๆ ! เริ่มตั้งแต่วันนี้เรามาเปลี่ยนนิสัยการกินแบบเดิม ๆ ในขณะที่ร้อนกันเถอะ! นี่นึกว่ากินซูชิก็ดีเหมือนกัน ไม่น่าแปลกใจที่ชาวญี่ปุ่นมีอายุยืนยาว พวกเขาไม่เพียง แต่กินปลาทะเลจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังกินข้าวทางวิทยาศาสตร์ด้วย เป็นข้าวปั้นซูชิและเค้กเย็น ปล. หลังจากอ่านแล้วโปรดอย่าขี้เหนียวและส่งต่อให้เพื่อนโดยเร็วที่สุด
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    การกำหนดความดันโลหิตมาตรฐาน
    โปรดแบ่งปันข้อมูลใหม่นี้กับเพื่อนและครอบครัวของคุณ A.S.A.P. ประกาศโดย Dr.Mingxiong Guo (Jing Qi) 🇺🇸สหรัฐอเมริกาได้กำหนดอย่างเป็นทางการว่าความดันโลหิตมาตรฐานคือ 150/90 สำหรับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปและสำหรับผู้สูงอายุปกติที่อายุมากกว่า 80, 160 หรือ 170 ก็เป็นที่ยอมรับเช่นกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราทุกคนได้รับผลกระทบจาก "มาตรฐานเดิม" (ไม่เกิน 120) ที่มุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ทางธุรกิจทางการแพทย์ในอดีตซึ่งก่อให้เกิดภาระทางจิตใจของความดันโลหิตสูงที่ไม่จำเป็นต่อผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 หรือ 70 ปี! จากนี้เราต้องแก้ไขความคิดผิด ๆ ที่สอนโดยแพทย์ โปรดดูรายงานต่อไปนี้ 〖โปรดดูที่การแบ่งปันความดันโลหิต〗: ล้มล้างความเข้าใจเรื่องความดันโลหิตปกติ! ความดันโลหิตปกติสำหรับวัยต่างๆควรเป็นอย่างไร? ความดันโลหิตซิสโตลิกปกติ = ความดันโลหิตซิสโตลิกที่คำนวณได้ของ Wu = (อายุ 82 ปีขึ้นไป) ตัวอย่าง: อายุ 75 ปี = 82 + 75 = 157 【สรุปแล้ว】 ความดันโลหิตซิสโตลิกปกติ: ชาย = 82 + อายุ, หญิง = 80 + อายุ, ตัวบ่งชี้สุขภาพ (ปกติ): วัดความดันโลหิตซิสโตลิก = ความดันโลหิตซิสโตลิกปกติ Guo Mingxiong (Zong Qi) 102 คณบดีโรงพยาบาลที่สามของวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งบอกว่าผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีไม่สามารถมีความดันโลหิตสูงต่ำกว่า 130 ได้มิฉะนั้นจะมีแนวโน้มที่จะเกิดความดันเลือดต่ำและเป็นลมได้ ความดันโลหิตสูงระหว่าง 150 ถึง 130 ปลอดภัยกว่า จะดีกว่าที่จะสูงกว่า , อย่าต่ำ. น้ำตาลในเลือดก็เช่นเดียวกัน มาตรฐานควรจะผ่อนคลายเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารของผู้ป่วยเบาหวานที่มีอายุมากกว่า 60 ปีควรควบคุมให้อยู่ที่ประมาณ 6.5 ผู้ที่อายุมากกว่า 70 ปีควรควบคุมให้อยู่ที่ประมาณ 7.5 และส่วนใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 80 ปีไม่ควรเกิน 8.0 เป็นครั้งคราวประมาณ 8.5 อันตรายของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำยิ่งน่ากลัว 😱ขอให้ทุกครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง!
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ผลงานวิจัยเกิดโรคมะเร็งของรัสเซีย ----- รัสเซียทำอะไรชอบเปิดเผยให้โลกรู้ทุกอย่างไม่เหมือนอเมริกาที่รู้อะไรเก็บเป็นความลับหมด แล้วมนุษย์บนโลกใบนี้จะเชื่อว่าระบอบการปกครองแบบไหนดีที่สุดของมนุษยชาติ หรือถูกอเมริกาหลอกมาตลอดว่าระบอบเขาดีสุด หรือระบอบรัสเซีย-จีนดีสุดกันแน่ ในท้ายสุดมนุษย์รุ่นต่อๆไปจะอยู่กับระบอบไหนถึงจะมีชีวิตรอดยาวนาน ไม่ใช่ผลาญทรัพย์กรธรรมชาติโลกที่ว่ายุโรปและอเมริกาผลาญจนประเทศตัวเองไม่มีอะไรเหลือ แล้วไปปล้นคนอื่นกินเข้าประเทศตัวเอง คนที่เป็นมะเร็งเสียชีวิตเพราะอะไร ผลงานวิจัยฯ ของรัสเซีย อ้างว่าเหตุผลการเสียชีวิตมิได้เกิดจากมะเร็ง ยกเว้นความสะเพร่าของผู้ป่วย เมื่อผู้ป่วยทราบว่ามีเซลล์มะเร็ง ให้รีบปฏิบัติ 1. ขั้นตอนแรกคือ การหยุดน้ำตาลทั้งหมด ถ้าไม่มีน้ำตาล ในร่างกายของคุณจำนวนมาก เซลล์มะเร็ง ก็จะตาย อย่างเป็นธรรมชาติ 2. ผสมผลไม้ มะนาว ทั้งหมด กับน้ำร้อนสักแก้ว แล้วดื่มมัน ประมาณ 3 เดือน เซลล์มะเร็งจะแพ้ การปฏิบัติดังกล่าวดีกว่าการรักษาด้วยคีโม 3. ขั้นตอนที่ 3 คือ การดื่มน้ำมันมะพร้าว อินทรีย์ 3 ช้อนโต๊ะ เช้าและกลางคืน เซลล์มะเร็งจะค่อยๆ หายไป ท่านสามารถเลือก 1 ใน 2 วิธีนี้ หลังจากหลีกเลี่ยงน้ำตาล ที่ผ่านมา ความไม่รู้ ไม่ใช่ความผิด ข้อมูลนี้เผยแพร่มานานกว่า 5 ปี ซึ่งปัจจุบันนี้ เพิ่งมาถึงคุณ แต่ที่สำคัญที่สุด มันยังช้ากว่าการที่คุณไม่เคยให้ข้อมูลนี้กับทุกคนรอบตัวคุณเพื่อได้รู้เห็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมอสโก รัสเซีย ผมเห็นว่ามีประโยชน์ จึงขอให้ทุกท่านที่ได้รับข้อมูลนี้ กรุณาส่งต่อบทความนี้ให้กับคน ที่ท่านรักอีก 1 คน ผมเชื่อว่าแน่นอน! อย่างน้อย 1 ชีวิต จะได้รับประโยชน์ และจะบันทึกไว้ ส่วน ผมได้ทำในส่วนของผมแล้ว หวังว่าท่านจะสามารถช่วยเผยแพร่ โดยการทำส่วนของคุณ กล่าวคือ 1. การดื่มน้ำมะนาว สามารถป้องกันมะเร็งได้ แต่จำไว้ว่า อย่าผสมน้ำตาล น้ำมะนาวร้อน มีประโยชน์กว่า น้ำมะนาวเย็นๆ 2. หั่นเป็นแว่น 5 ชิ้น แล้วแช่ด้วยน้ำร้อนสักแก้วทิ้งไว้ 20- 30 นาที แล้วค่อยดื่ม 3. มันสำปะหลัง นำไปต้ม แต่ต้องต้มด้วย เปิดฝาหม้อวิตามิน B 17 อยู่ในมันสำปะหลัง ที่สามารถปิดเซลล์มะเร็งได้ บ่อยครั้ง การกินมื้อเย็นสามารถเพิ่มความเป็นไปได้ ของมะเร็งลำไส้ - มะเร็งกระเพาะอาหาร - ผู้หญิง อย่าดื่มชาในช่วงมีรอบเดือน และ การดื่มน้ำถั่วเหลือง นั้น ไม่ควรเพิ่มน้ำตาล หรือไข่ ในน้ำถั่วเหลือง ไม่กินมะเขือเทศ ตอนท้องว่าง ดื่มน้ำเปล่า 1 แก้ว ทุกเช้า ก่อนอาหาร เพื่อป้องกันนิ่ว ไม่กินอาหารในช่วง 3 ชั่วโมง ก่อนนอน หลีกเลี่ยงสุรา เพราะไม่มีประสิทธิภาพ ทางโภชนาการ แต่สามารถทำให้เกิดโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้ อย่ากินขนมปัง ในขณะที่ร้อนจาก เตาอบ หรือเครื่องปิ้งขนมปัง ไม่ชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ใดๆ ที่อยู่ข้างๆ ตัวคุณ ในขณะที่คุณหลับ ดื่มน้ำเปล่าวันละ 10 แก้ว ป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ ให้ดื่มน้ำต่อเนื่องระหว่างวัน ลดช่วงกลางคืน และ อย่าดื่มกาแฟ มากกว่า 2 แก้วต่อวัน เพราะมันสามารถทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ และมีปัญหาต่อกระเพาะอาหารได้ กินอาหารที่เลี่ยนได้เล็กน้อย หรือหลีกเลี่ยงมัน เพราะต้องใช้เวลา 5-7 ชั่วโมงในการย่อย ทั้งยังทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย หลัง 17:00 น.กินอาหารให้น้อยลง ประการสำคัญอาหาร 6 ชนิด ที่ทำให้คุณมีความสุข ได้แก่ กล้วย, ส้มบาหลี, ผักโขม, ฟักทอง, ลูกพีช อนึ่ง การนอนไม่ถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้มีการทำงานของสมองเสื่อมสภาพ พยายามนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะจะทำให้เราอ่อนกว่าวัย อย่าลืม น้ำมะนาวที่ไม่มีน้ำตาล สามารถดูแลสุขภาพของคุณและทำให้คุณรู้สึกสดชื่น น้ำมะนาวร้อนฆ่าเซลล์มะเร็ง แช่มะนาวชิ้นเท่าๆกัน 5 ชิ้นกับน้ำร้อน ดื่มเป็นประจำทุกวัน anti-oxsidan รสชาติขมในน้ำมะนาวร้อนเป็นสารที่ดีที่สุดในการฆ่าเซลล์มะเร็ง น้ำมะนาวเย็นประกอบด้วยวิตามินซีเท่านั้น ซึ่งไม่ช่วยป้องกันมะเร็ง น้ำมะนาวร้อนสามารถควบคุมการเติบโตของเนื้องอกมะเร็งได้ การทดสอบทางคลินิก พิสูจน์แล้วว่า น้ำมะนาวร้อน ทำงานได้ดี เพื่อยับยั้งเซลล์มะเร็ง การรักษาด้วยน้ำมะนาวร้อน จะทำลายเซลล์ที่ชั่วร้าย เท่านั้น แต่ไม่มีผลกระทบต่อเซลล์ที่ดี กรด citric และมะนาว polyphenol ในน้ำมะนาว ช่วยลดความดันสูง และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด และป้องกันการแข็งตัวของเลือด ถึงแม้ คุณจะยุ่งแค่ไหน เมื่ออ่านข้อความนี้ของผมแล้ว ช่วยถ่ายทอดให้ผู้อื่นด้วยครับ❤ การแบ่งปัน ถือเป็นวิทยาทาน ด้วยความปรารถนาดี ผศ.ดร.ศ.สำเร็จผล #มะเร็ง #โรคมะเร็ง #มะเร็งหายได้
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    โสม ไม่เหมาะกับคนที่เป็นความดันโลหิตสูง จริงหรือ
    โสม ไม่เหมาะกับคนที่เป็นความดันโลหิตสูง จริงหรือ
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    #กินเค็มระวังความดันขึ้น…
    #กินเค็มระวังความดันขึ้น… คำแนะนำทางการแพทย์ดังกล่าวนี้ ผมได้ยินมาตั้งแต่เป็นนักเรียนแพทย์… จนเป็นอาจารย์ และในที่สุด จนเป็นความดันโลหิตสูง เสียเอง ใช่ครับอ่านไม่ผิดหรอกครับ ผมมี ภาวะความดันโลหิตสูงมากกว่า 2 ปี แล้วผมจะได้รับคำแนะนำให้เริ่มต้นรักษา ด้วยการปรับวิธีการใช้ชีวิต และหนึ่งคำแนะนำนั้นก็คือ หมอต้องลดปริมาณเกลือในอาหารลงเยอะๆเลยนะครับ… ถ้าไม่ดี เดี๋ยว start amodipine เลยนะ ผมก็พยายามควบคุมทุกอย่าง งดอาหาร ที่มีรสชาติเค็มที่ผมรัก แกงไตปลา สะตอผัดกะปิ และ ทานน้ำมากๆ…. แต่ที่ผมยังกินอยู่เหมือนเดิมก็คือ เข้าไปน้ำตาล แต่เหมือนดูจะไม่ดีขึ้นก็คือ ผมยังคงอ้วนลงพุง มีกรดยูริคสูง มีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูงของผมไม่ดีขึ้น กลับแย่ลงจนกระทั่ง หรือ เพราะว่า เส้นเลือดของผมเริ่มแข็ง กรอบเหมือนเส้นเลือดคนแก่ ทั้งๆที่อายุยังไม่ถึง 50 จริงๆเนี่ยนะ… ในที่สุด เกิดภาวะวิกฤตบางอย่างกับตัวผม เนื่องจากความดันโลหิตที่สูงอย่างมาก…. ซึ่งผมเคยเล่าให้เพื่อนๆฟังว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรบ้าง มันเป็นจุดเปลี่ยนที่ผมคิดว่าผมจะต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อหลุดพ้นจากภาวะนี้ จากวิกฤตนั้น ผมจึงคิดทบทวนใหม่ว่า ผู้ร้ายตัวจริงที่สร้างปัญหาให้กับผมตอนนี้ มันต้องไม่ใช่ แค่ การกินเค็ม การกินกาแฟ หรือ เส้นเลือดผมแข็งกรอบตามวัยมากจนเกินไป…. ผมจึงจะเริ่มตั้งต้นจากคำว่า metabolic syndrome ซึ่งเป็นความผิดปกติทั้งหมดที่ผมมี ไม่ว่าจะเป็น อ้วนลงพุง ความดันสูง ไขมันในเลือด ยูริคสูง… หลังจากนั้นผมก็เริ่มรู้ว่า สิ่งที่ผมเป็น ว่าเกิดจากสิ่งที่เรียกว่า ภาวะดื้ออินซูลิน หรือ insulin resistance… มาจากการบริโภค น้ำตาล น้ำหวาน คาร์โบไฮเดรตแปรรูป แบบไร้ระเบียบวินัยของตัวผม ตลอดระยะเวลานับ 10 ปีที่ผ่านมา จากการทบทวนความรู้ต่างๆทำให้ผมพบว่า ภาวะดื้ออินซูลินนั้น ส่งผลกระทบ ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง ด้วยกลไกหลายอย่าง ได้แก่ 1) มีการเพิ่มการดูดกับโซเดียมที่หน่วยไตหลายตำแหน่ง 2) มีการกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติกผ่าน RAAS 3) มีการเพิ่มการหดตัวของกล้ามเนื้อในหลอดเลือด ผ่านกลไกของ การเพิ่มแคลเซียมเข้าเซลล์ รูปภาพที่ประกอบการโพสต์นี้ แสดงให้เห็นถึงผลของ ฮอร์โมนอินซูลิน ที่มีต่อการกระตุ้นให้ไต เกลือโซเดียมเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น ผ่าน receptor ต่างๆในรูป ดังนั้นการรักษาภาวะ ดื้อต่ออินซูลิน หากประสบความสำเร็จในการักษา ก็จะส่งผลให้ความดันโลหิต กลับมาสู่สภาวะปกติได้ และมีรายงานการรักษา ในแนวทางนี้หลายรายงาน พบว่าสามารถช่วยให้ผู้ป่วย สามารถลดและหยุดยาลดความดันโลหิตได้ แล้วภาวะดื้อต่ออินซูลิน ผู้ต้องหาในคดี metabolic Syndrome เกิดจากอะไร… ถ้าได้ติดตามที่ผมเขียนมาตั้งแต่ต้น ก็จะตอบได้ทันทีว่า "เกิดจากการบริโภค น้ำหวาน น้ำตาล คาร์โบไฮเดรตแปรรูปต่างๆ ในปริมาณที่มาก แล้วต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ" ดังนั้น ผู้ต้องหาตัวจริง ก็คงหนีไม่ น้ำตาลน้ำหวานและคาร์โบไฮเดรตแปรรูป ที่เรารับประทานอย่างมาก ไม่มีขีดจำกัด ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆนั่นเอง ถ้าผมเลือกรักษาตัวเองที่ปลายเหตุมันง่ายมากเลยครับ คือ รักษาตามกลไกล ข้อ 1) ทานยา HCTZ กลไกล ข้อ 2) ทานยา enalapril และ กลไกลข้อ 3) ทานยา amlodipine เลือกเอาเลย… ทานยาลดความดันแล้วนั่งดูความดันลด ปรับยา แต่ผู้ร้ายต้นเหตุไม่ถูกกำจัด… รอวันสร้างหายนะรอบใหม่ ทีหนักกว่าเดิมนั่นคือ เบาหวานชนิดที่2 และก็ต้องถามตนเองว่า แล้วผมต้องกินยาถึงเมื่อไหร่อีกด้วยครับ… ผมเลยตัดสินใจทดสอบ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ ในครั้งนี้กับตัวผมเอง ด้วยการรักษาตนเอง ตามแนวทางของการ รับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ และจำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร… และผมต้องใช้ความอดทน และการปรับตัว อย่างสูงมาก เพราะเดิมพันนี้มันคือ ชีวิตของตนเอง ผ่านไป 1 เดือน ผมไม่เคยมีระดับความดัน 160/100 อีก ยังมี ตัวบน 130-140 บ้าง… และที่ระยะเวลาผ่านไป 3 เดือนความดันตัวบน (Systolic) ของผม ไม่เคยเกิน 120 ตัวล่างไม่เคยเกิน 80 อีกเลย แม้จะวัดในสภาวะหลังออกกำลังกายทันทีก็ตาม… ร่วมกับน้ำหนักตัวที่หายไปกว่า 13 กิโลกรัม (วิชาตัวเบามันเป็นแบบนี้นี่เอง) สรุปคือ ผู้ร้ายตัวการ ตัวสำคัญสำหรับโรคความดันโลหิตสูง นั่นก็คือ "ภาวะดื้อต่ออินซูลิน" อันเนื่องมาจาก การบริโภคน้ำตาล คาร์แปรรูปนั่นเอง เขียนแบบนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าจะ ไปกินเค็มหนักๆ อันนั้นก็ไม่ควรนะครับ แม้เขาไม่ใช่ผู้ร้ายตัวจริง แต่ถ้าเรากินแบบไม่คิด ผู้ร้ายตัวปลอมนี้เขาก็พร้อมจะพายเรือให้โจรนั่งนะครับ ผมหวังว่าสิ่งนี้จะมีประโยชน์ กับผู้ติดตามทุกท่าน ในการนำไปปรับใช้ อย่ารอให้ ชีวิตต้องเจอแบบที่ผมเจอ แล้วจะคิดจะเริ่มนะครับ #หมอจิรรุจน์ สำหรับท่านที่สนใจเนื้อหาเพิ่มเติม เราเข้าไปอ่านใน Reference ที่แนบไว้ได้นะครับ ที่มาภาพ: Insulin resistance and hypertension: new insights, Kidney International Vol.87 2015 ที่มาข้อมูล Obesity-related hypertension: pathogenesis, cardiovascular risk, and treatment. A position paper of The Obesity Society and the American Society of Hypertension. J Clin Hypertens (Greenwich). 2013; 15: 14 Insulin resistance, obesity, hypertension, and renal sodium transport. Int J Hypertens [online]. 2011; 2011: 391762
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    คนที่เป็นมะเร็งเสียชีวิตเพราะอะไร ผลงานวิจัยฯ ของรัสเซีย อ้างว่าเหตุผลการเสียชีวิตมิได้เกิดจากมะเร็ง ยกเว้นความสะเพร่าของผู้ป่วย เมื่อผู้ป่วยทราบว่ามีเซลล์มะเร็ง ให้รีบปฏิบัติ 1. ขั้นตอนแรกคือ การหยุดน้ำตาลทั้งหมด ถ้าไม่มีน้ำตาล ในร่างกายของคุณจำนวนมาก เซลล์มะเร็ง ก็จะตาย อย่างเป็นธรรมชาติ 2. ผสมผลไม้ มะนาว ทั้งหมด กับน้ำร้อนสักแก้ว แล้วดื่มมัน ประมาณ 3 เดือน เซลล์มะเร็งจะแพ้ การปฏิบัติดังกล่าวดีกว่าการรักษาด้วยคีโม 3. ขั้นตอนที่ 3 คือ การดื่มน้ำมันมะพร้าว อินทรีย์ 3 ช้อนโต๊ะ เช้าและกลางคืน เซลล์มะเร็งจะค่อยๆ หายไป ท่านสามารถเลือก 1 ใน 2 วิธีนี้ หลังจากหลีกเลี่ยงน้ำตาล ที่ผ่านมา ความไม่รู้ ไม่ใช่ความผิด ข้อมูลนี้เผยแพร่มานานกว่า 5 ปี ซึ่งปัจจุบันนี้ เพิ่งมาถึงคุณ แต่ที่สำคัญที่สุด มันยังช้ากว่าการที่คุณไม่เคยให้ข้อมูลนี้กับทุกคนรอบตัวคุณเพื่อได้รู้เห็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมอสโก รัสเซีย ผมเห็นว่ามีประโยชน์ จึงขอให้ทุกท่านที่ได้รับข้อมูลนี้ กรุณาส่งต่อบทความนี้ให้กับคน ที่ท่านรักอีก 1 คน ผมเชื่อว่าแน่นอน! อย่างน้อย 1 ชีวิต จะได้รับประโยชน์ และจะบันทึกไว้ ส่วน ผมได้ทำในส่วนของผมแล้ว หวังว่าท่านจะสามารถช่วยเผยแพร่ โดยการทำส่วนของคุณ กล่าวคือ 1. การดื่มน้ำมะนาว สามารถป้องกันมะเร็งได้ แต่จำไว้ว่า อย่าผสมน้ำตาล น้ำมะนาวร้อน มีประโยชน์กว่า น้ำมะนาวเย็นๆ 2. หั่นเป็นแว่น 5 ชิ้น แล้วแช่ด้วยน้ำร้อนสักแก้วทิ้งไว้ 20- 30 นาที แล้วค่อยดื่ม 3. มันสำปะหลัง นำไปต้ม แต่ต้องต้มด้วย เปิดฝาหม้อวิตามิน B 17 อยู่ในมันสำปะหลัง ที่สามารถปิดเซลล์มะเร็งได้ บ่อยครั้ง การกินมื้อเย็นสามารถเพิ่มความเป็นไปได้ ของมะเร็งลำไส้ - มะเร็งกระเพาะอาหาร - ผู้หญิง อย่าดื่มชาในช่วงมีรอบเดือน และ การดื่มน้ำถั่วเหลือง นั้น ไม่ควรเพิ่มน้ำตาล หรือไข่ ในน้ำถั่วเหลือง ไม่กินมะเขือเทศ ตอนท้องว่าง ดื่มน้ำเปล่า 1 แก้ว ทุกเช้า ก่อนอาหาร เพื่อป้องกันนิ่ว ไม่กินอาหารในช่วง 3 ชั่วโมง ก่อนนอน หลีกเลี่ยงสุรา เพราะไม่มีประสิทธิภาพ ทางโภชนาการ แต่สามารถทำให้เกิดโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้ อย่ากินขนมปัง ในขณะที่ร้อนจาก เตาอบ หรือเครื่องปิ้งขนมปัง ไม่ชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ใดๆ ที่อยู่ข้างๆ ตัวคุณ ในขณะที่คุณหลับ ดื่มน้ำเปล่าวันละ 10 แก้ว ป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ ให้ดื่มน้ำต่อเนื่องระหว่างวัน ลดช่วงกลางคืน และ อย่าดื่มกาแฟ มากกว่า 2 แก้วต่อวัน เพราะมันสามารถทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ และมีปัญหาต่อกระเพาะอาหารได้ กินอาหารที่เลี่ยนได้เล็กน้อย หรือหลีกเลี่ยงมัน เพราะต้องใช้เวลา 5-7 ชั่วโมงในการย่อย ทั้งยังทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย หลัง 17:00 น.กินอาหารให้น้อยลง ประการสำคัญอาหาร 6 ชนิด ที่ทำให้คุณมีความสุข ได้แก่ กล้วย, ส้มบาหลี, ผักโขม, ฟักทอง, ลูกพีช อนึ่ง การนอนไม่ถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้มีการทำงานของสมองเสื่อมสภาพ พยายามนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะจะทำให้เราอ่อนกว่าวัย อย่าลืม น้ำมะนาวที่ไม่มีน้ำตาล สามารถดูแลสุขภาพของคุณและทำให้คุณรู้สึกสดชื่น น้ำมะนาวร้อนฆ่าเซลล์มะเร็ง แช่มะนาวชิ้นเท่าๆกัน 5 ชิ้นกับน้ำร้อน ดื่มเป็นประจำทุกวัน anti-oxsidan รสชาติขมในน้ำมะนาวร้อนเป็นสารที่ดีที่สุดในการฆ่าเซลล์มะเร็ง น้ำมะนาวเย็นประกอบด้วยวิตามินซีเท่านั้น ซึ่งไม่ช่วยป้องกันมะเร็ง น้ำมะนาวร้อนสามารถควบคุมการเติบโตของเนื้องอกมะเร็งได้ การทดสอบทางคลินิก พิสูจน์แล้วว่า น้ำมะนาวร้อน ทำงานได้ดี เพื่อยับยั้งเซลล์มะเร็ง การรักษาด้วยน้ำมะนาวร้อน จะทำลายเซลล์ที่ชั่วร้าย เท่านั้น แต่ไม่มีผลกระทบต่อเซลล์ที่ดี กรด citric และมะนาว polyphenol ในน้ำมะนาว ช่วยลดความดันสูง และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด และป้องกันการแข็งตัวของเลือด ถึงแม้ คุณจะยุ่งแค่ไหน เมื่ออ่านข้อความนี้ของผมแล้ว ช่วยถ่ายทอดให้ผู้อื่นด้วยครับ❤ การแบ่งปัน ถือเป็นวิทยาทาน ด้วยความปรารถนาดี ผศ.ดร.ศ.สำเร็จผล #มะเร็ง #โรคมะเร็ง #มะเร็งหายได้
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false