1 คนสงสัย
คนที่ติดโควิดแล้ว เสี่ยงเป็นเบาหวานจริงหรือ
ไม่ระบุชื่อ
 •  3 ปีที่แล้ว
meter: true
1 ความเห็น

โควิด 2019

Sofia Idea เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

เหตุผล

ดร.อนันต์ นักไวรัสวิทยา เผยงานวิจัย ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานภายใน 1 ปี หลังหายป่วย ซ้ำคนสุขภาพแข็งแรงก็มีความเสี่ยงไม่น้อยไป

ที่มา

https://www.thairath.co.th/news/society/2349255

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    คนฉีดวัคซีนเริ่มทยอยเสียชีวิต..มากกว่าคนที่ติดโควิด
    *** ยุ่งแล้ว..ไม่รู้จะเอาอย่างไรดี. ปรากฏว่า..ตอนนี้ คนฉีดวัคซีนเริ่มทยอยเสียชีวิต..มากกว่าคนที่ติดโควิด (question) มาดู..คุณหมอ..เกือบสองหมื่นคน..ออกมาเตือน.. คนที่ฉีดแล้ว..อย่าฉีดเพิ่มอีก.. คนที่ยังไม่ฉีดก็ไม่ต้องฉีด... ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว..โปรดหยุดการไปต่อ.. เข็มที่ 3 - 4 - 5 - 6 ก่อนที่จะจบชีวิต..ก่อนวัยอันควร...มาดูกัน.!.
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สถานการณ์โควิด
    19:52 อรชร @ ปุ๊ ลูกชาย นพ.อดิศักดิ์ si69 อายุ51 เปนนักข่าว AP ที่ NY เสียชีวิตด้วยคว19 ทั้งที่มีอาการเล็กน้อย อจ.อดิศักดิ์เล่าว่า ‘ลูกชายเป็นคนแข็งแรง นักวิ่งมาราธอน ได้เหรียญ Full marathon มา 80 กว่าเหรียญแล้ว วันหนึ่งเมื่อเร็วๆนี้รู้สึกเหนื่อยและเพลีย ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไปหาหมอ เขาก็เลยตรวจ COVID 19 test ปรากฏว่า positive ได้ follow up กับหมอมาตลอด จนกระทั่งมีอาการ breathing issue ถึงได้ไป ER ใน Manhattan พบ Pneumonia เข้า ICU on Ventilator ไม่กี่ ชม. ก็เสียชีวิตครับ มันรวดเร็วมากๆ อยากบอกเพื่อนๆว่า อย่าเอาเรื่องไข้ 37.5 C เป็น indicator ของโรคนี้ Unexplained fatigue ควรรับไว้พิจารณาด้วย.. 19:52 อรชร @ ปุ๊ For your information นะคะ จาก เพื่อนรัก พี่เปิ้ลซึ่งเป็น อาจารย์แพทย์ที่ ศิริราชค่ะส่งมาให้ วันนี้ 16 กค 65 เชื้อ BA5 ติดง่ายมากจนคิดว่าลงท้ายคงเป็นกันทุกคนทั้งโลก เมื่วานนี้มีแพทย์ท่านหนึ่งติดโควิดแล้วหาเตียงตามสิทธิ UC รักษาในรพ.ของรัฐไม่ได้ ขณะนี้อาการหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ใน ICU รพ.เอกชนแห่งหนี่ง ทุก ๆ วันมีญาติ ๆ และเพื่อน ๆ ปรึกษาผมมาวันละหลาย ๆ รายว่าติดโควิดแต่หาที่รับยาและ/หรือหาเตียงในรพ.ไม่ได้ ซึ่งมีในทุก ๆ สิทธิของระบบการรักษา และเพื่อน ๆ แพทย์ต่างก็ปรารภมากับผมว่าพบเหตุการณ์แบบเดียวกันจำนวนมาก ในฐานะที่ผมเป็นแพทย์คนหนึ่งที่ยังตรวจผู้ป่วยที่รพ.อยู่เป็นประจำ ประเมินจากสถานการณ์จริงว่าขณะนี้น่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มในแต่ละวันเกินกว่าห้าหมื่นคนอย่างแน่นอน มีทั้งแบบไม่มีอาการ แบบอาการน้อยและแบบอาการหนัก (ทั้ง 3 แบบต่างก็แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ทั้งสิ้น) ซึ่งเพื่อน ๆ แพทย์ของผมที่อยู่หน้างานจริงต่างก็คิดเหมือน ๆ กัน ดังนั้นผมจึงขอให้พี่น้องประชาชนทุก ๆ ท่านอย่าประมาทและการ์ดอย่าตกอย่างเด็ดขาดเพราะบางรายแม้ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 608 และฉีดวัคซีนแล้วไม่ต่ำกว้า 3 เข็มติดแล้วต้องใส่ท่อช่วยหายใจก็ยังมีให้เห็น อีกทั้งโควิดไม่เหมือนไข้หวัดใหญ่ที่หายแล้วจบ หากแต่ภายหลังหายแล้วระยะหนึ่งอาจเกิด MIS-C (Multisystem Inflammatory Syndrome in Children) กับลูกหลานของท่านซึ่งเป็นการอักเสบของหลาย ๆ อวัยวะพร้อม ๆ กันทำให้อาจเสียชีวิตได้ รวมทั้งทุก ๆ ท่านที่ติดเมื่อหายแล้วยังอาจเกิด Long Covid ในระยะยาวที่มีอาการได้ทั้งทางสมองและทางร่างกายทุก ๆ ส่วน กับท่านได้อีกด้วยนะครับ ด้วยความรักและความห่วงใย ศ.คลินิกเกียรติคุณนพ.อำนาจ กุสลานันท์ อดีตนายกแพทยสภา
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ทีมหมอจากมหาลัยไต้หวัน เตือนมาว่า ภายในปีนี้อย่าเข้าใกล้ พบปะ หรือ ทานอาหารร่วมกับคนที่เป็นโควิดมาก่อน ///// (๑) จากผลการผ่าร่างกาย 1. covid-19 มันคือการรวมกันของ ซาร์กับเอดส์, หมอหลายคนบอกว่า คนถึงแม้จะรักษาหายจากโควิดแล้ว แต่มันจะมีผลเป็นบวกอยู่อีก นี่ไม่ใช่การกลับมาเป็นใหม่ แต่เป็นเพราะมันไม่สามารถรักษาหายขาดได้ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโควิด 2. ภูมิต้านทานโดนทำลาย ทั้งนี้ซาร์จะทำร้ายแค่ปอด จะไม่กระทบกับภูมิต้านทาน.. ส่วนเอดส์จะทำลายภูมิต้านทาน.. ส่วนโควิด 19 นั้นทำลายอวัยวะของเราเหมือนกับ ซาร์+เอดส์ 3. การล้มเหลวของปอดอย่างเฉียบพลันเป็นผลทำให้ตายของซาร์ แต่ โควิด 19 ทำให้ตายเพราะการล้มเหลวของอวัยวะหลายๆอย่าง (๒) ศาตราจารย์ Peng Zhi Yong จากมหาลัยอู่ฮัน บอกผลจากการผ่าร่างกายว่า 1. คนที่หายจากโควิด ผลตรวจเลือดพบว่าระดับของดัชนี lymphocyte (ลิมโฟไชด์) จะไม่กลับมาเหมือนเดิม ระบบต้านทานของร่างกายจะไม่ค่อยเหมือนเดิม 2. แม้ผลตรวจของคนที่ให้กลับบ้านได้จะเป็นลบ แต่ภูมิต้านทานนั้นเสียหายไปแล้ว มันสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้ง่ายมาก 3. ลักษณะคล้ายๆกับไวรัสตับอักเสบบี ที่จะมีเชื้อโรคไวรัสอยู่ในร่างกายได้อย่างยาวนาน 4. ทีนี้ก็ต้องมาดูกันว่าคนที่หายจากโควิดแล้วนั้นจะสามารถแพร่เชื้อต่อไปได้อีกไหม? (๓) หมอที่ทำและการรักษาเสนอว่า 1. ตอนนี้เราเน้นรักษาคนไข้ ที่ติดเชื้อ แต่คนที่รักษาหายแล้วนั้นอาจยังมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย ต้องดูต่อไปและศึกษา วิจัยว่าจะแพร่เชื้อได้อีกไหม? 2. หากเป็นอย่างนี้สงครามกับโควิดก็ยังไม่จบลงง่ายๆ เลยแนะนำว่าภายในปีนี้ถึงปีหน้าออกไปข้างนอกก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยและอย่าไปที่คนรวมกลุ่มกันเยอะๆ รักษาระยะห่าง 2 เมตร ***** ผมเห็นด้วยกับบทความนี้นะ อย่าไปเสี่ยงมันไม่คุ้มเลย สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการสถาบันทิศทางไทย
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    ของจริง....มาแล้วนะครับ โควิด - 19 สายพันธุ์อังกฤษ British variant ( B.1.1.7 ) ที่ตอนนี้กำลังระบาดหนักไปทั้งโลกนะครับ ไม่ใช่แค่ที่ไทย ประเทศไทยน่ะหรือ ... ยังแค่เริ่มต้น แค่เริ่มต้นจริงๆนะ ที่อังกฤษ ต้นทางของเจ้าสายพันธุ์ดุนี้ มีคนเสียชีวิตกับไวรัสตัวนี้ไปแล้วประมาณ "หนึ่งแสนสองหมื่นคน" ช่วงที่พีคมากๆ มีคนตาย"ต่อวัน" คือ พันกว่าคน (ตายวันละพันกว่านะครับ พันหก เกือบๆพันเจ็ด เห็นตัวเลขแล้ว ขนลุกเลย) ช่วงผ่อนปรนล็อคดาวน์ที่อังกฤษตอนคริสมาสต์ มีการติดเชื้อแบบที่ติดกันทั้งครอบครัว เข้าโรงพยาบาลกันทั้งครอบครัว และ ตายกันทั้งครอบครัวเกิดขึ้นแล้วที่นั่น ช่วงที่เชื้อนี้กระจายกันแบบพีคๆ มีรายงานว่า ติดกันที่ตัวเลขต่อวันคือ หกหมื่นกว่าราย ย้ำ... วันละ หกหมื่นราย มีหลักฐานสนับสนุนทางการแพทย์ชัดเจน ว่าสายพันธุ๋นี้ติดง่ายกว่าสายพันธุ์อู่ฮั่น และ สายพันธุ์อินเดีย ที่เราเจอมาก่อนหน้านี้ และถ้าเราคิดว่า ที่ผ่านมา เรายังรอด ตอนนี้ก็สบายๆเหมือนเดิมก็ได้ ก็น่าจะประเมินเชื้อนี้ต่ำไปแล้ว... และถ้ายังเชื่อว่า สายพันธุ์นี้ อาการไม่รุนแรง ก็คิดใหม่นะครับ มีรายงานในประเทศไทยของเราพบว่า พบอาการรุนแรงในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง อาการเจ็บคอมาก เหมือนมีดบาด เสมหะมีเลือด หายใจได้ไม่ปกติ จนกระทั่งพัฒนาไปสู่อาการปอดบวม ( pneumonia ) เกิดขึ้นได้เยอะมากนะครับ ลงปอดกันเป็นว่าเล่นเลย ซึ่ง ณ จุดนั้น ต้องรักษาแบบซีเรียสแล้วนะครับ โอกาสไปถึงโคม่า นอนไอซียู ใกล้เข้ามาแล้ว และแพทย์หลายๆท่านให้ความเห็นว่า การจัดการตอนอยู่ในไอซียูของโรคนี้ มีความซับซ้อนมาก ถ้าได้หมอเก่งๆระดับเทพ ว่าไปอย่าง แต่เอาเข้าจริงๆ บ้านเราไม่ได้มีหมอในระดับนั้น มากอย่างที่เราคิด คนสูงวัย น้ำหนักตัวเยอะ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ คนที่มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดัน หัวใจ หอบหืด ไม่จำกัดวัย ถ้าเราเข้าข่าย ก็ระวังให้มากกว่าคนอื่นๆเถอะครับ โอกาสรุนแรงไปถึงปอด สูงมากกก และที่เรายังไม่ได้ยินข่าวคนเสียชีวิตในครั้งนี้ จนทำให้หลายๆคนคิดแค่ว่า เป็นแค่หวัดกระจอกๆธรรมดาๆนั้น เพราะมันยังเป็นแค่การเริ่มต้น สงสัยว่าติด ไปตรวจ เข้าโรงพยาบาลได้เลย มีที่นอน มีหมอดูแล โคม่าขึ้นมา ยังมีหมอดูแล มีเครื่องช่วยหายใจอยู่ในตอนนี้ ก็เลยพอจะช่วยเหลือกันทัน แต่ว่า... ดูสถิติของวันนี้ 15 เมษายน ตามรูปสิครับ ไม่ต้องดูที่จำนวนคนติดเชื้อ 1,543 นะ ... มองผ่านไปได้เลย พันห้า บางคนจะคิดในใจว่า แล้วไง ไปดูที่จำนวนคนที่กำลังรักษาตัว นอนโรงพยาบาลอยู่ตอนนี้สิครับ ช่องสีเขียวๆน่ะ " 8,973 ราย " นี่คือคนที่กำลังนอนโรงพยาบาลตอนนี้อยู่ ซึ่งจะถึงหมื่นเตียง ในอีกวันสองวันนี้แน่นอน และคนพวกนี้จะยังต้องนอนยึดเตียงไปอีกเรื่อยๆ ไม่ต่ำกว่า 10 วัน นั่นหมายความว่า ถ้าเราเกิดติดโควิดขึ้นมา ในวันถัดๆไปหลังจากนี้ จะเหลือเตียงให้เรานอนรักษา .... น้อยลงไปทุกที และเตียงจะเริ่มทยอยกันเต็มไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเหมือนต่างประเทศ คือ ไม่มีเตียงให้ใครอีก คราวนี้ ต่อให้มีเงิน ก็หาเตียงนอนไม่ได้หรอกครับ จะโทรร้องเรียนที่เบอร์ไหน ใครก็คงช่วยไม่ได้ มีประกันกี่ฉบับ ก็ไม่มีผล ไม่ต้องพูดถึงโรงพยาบาลเอกชนหรอกนะครับ โรงพยาบาลสนาม .... ก็จะเต็มไปด้วย แย่ไปกว่านั้นก็คือ ... เรามีเครื่องช่วยหายใจไม่มากพอ เราหาซื้อตอนนี้ ไม่ทันหรอกนะครับ ทั้งโลก ใครก็อยากได้ แล้วในวันที่เกิดซวย ปอดบวม อาการโคม่า เราต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อยื้อชีวิตนะครับ ถ้าในเวลานั้น ไม่มีเครื่องช่วยหายใจเหลือเลย เพราะคนก่อนหน้านี้ก็เอาไปใส่กันหมดแล้ว มันก็จะเหมือนกับที่ต่างประเทศ คือ เครื่องช่วยหายใจที่เหลืออยู่ 1 เครื่อง จะเลือกใส่ให้ใคร และที่เหลือ ก็ต้องปล่อยให้ตาย.... วันนั้นแหละ เราจะเข้าใจความหมายว่า ทำไม เราจึงควรช่วยกัน ในวันที่ยังทำได้ในวันนี้... ........................................ ....................................... พรุ่งนี้ จะมีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ เพราะตอนนี้ ทุกคนดูชินชากับโควิด รอดมาแล้วหลายครั้ง ยังไม่เห็นมีอะไร เดี๋ยวก็ลดลงไปเอง ตั้งแต่ระดับผู้นำ จนถึงคนธรรมดาๆข้างถนน ที่ผมยังเห็นนั่งดื่มกันสนุกสนานกันอยู่เลย ประเทศไทยเราโชคร้าย ตรงที่ได้เจอกับสายพันธุ์ที่ติดง่ายที่สุด ในวันที่เราประมาทที่สุด เพราะถ้ามาตั้งแต่รอบแรก ที่เรายังตื่นตัวกันอยู่ ก็คงไม่น่ากลัวอะไรมากนัก อ่านจบแล้ว ไม่ต้องประสาทกินหรอกนะครับ แต่ต้องกลับมายอมรับ และตระหนักจริงๆจังๆได้แล้ว ว่าเรากำลังเจอกับอะไรที่หนักหนาและรุนแรงกว่าเดิม ออกบ้านเท่าที่จำเป็นเถอะครับ หลีกเลี่ยงการไปในที่ซึ่งคนเยอะๆ งดไปเลย อย่าใส่หน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง แบบที่ทำไปอย่างงั้นๆเอง แต่จงทำมัน เหมือนเป็นสิ่งเดียวที่กำลังรักษาชีวิตเราไว้ เพราะมันช่วยได้จริงๆ... อย่าเบื่อการอยู่บ้าน เพราะเชื่อเถอะว่า สบายกว่าโรงพยาบาลสนาม สบายกว่าแอร์ในห้องไอซียู และไม่ต้องต่อคิวเครื่องช่วยหายใจจากใครนะครับ แล้วมันก็จะผ่านไป ไม่มีอะไรอยู่กับเราไปได้ตลอดหรอก แต่ต้องช่วยกัน และให้มันผ่านไปให้เร็วที่สุด อย่าให้มีสถิติการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ แล้วค่อยมาเสียใจ ไม่ต้องไปหวังพึ่งวัคซีนตอนนี้ ยี่ห้อแอสตร้า ---> เดนมาร์คสั่งหยุดใช้ถาวรแล้ว ส่วนยี่ห้อจอห์นสัน ---> อเมริกา สั่งหยุดใช้ไปแล้ว ซินโนแวคของจีน ประสิทธิภาพต่ำ แถมไม่ยอมเปิดเผยผลการทดลองเฟส 3 และตอนนี้จีนยังเร่งศึกษาทำวัคซีนตัวใหม่ แสดงว่า อีที่ออกมาขายนี้ ไม่ดีอย่างที่คิด ดีจริง จะปิดไว้ทำไม แล้วจะไปทำอันใหม่ทำไมอีก... คิดง่ายๆแค่นี้พอ ที่สำคัญ ประเทศไทย ยังฉีดได้ไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งประเทศ ฉีดไป ก็เสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งถ้ามันไปตันในที่สำคัญๆ คือ ตายได้เลยนะครับ พึ่งตัวเอง ดูแลตัวเอง คือทางออกที่ดีที่สุด ที่ต้องทำในตอนนี้แล้ว... ช่วงนี้ครูโยคะทั้งหลาย งานอาจจะน้อยลงหน่อย ลำบากหน่อย แต่ยังหายใจได้ ยังแข็งแรง คือดีที่สุดแล้ว... งาน กับ เงิน ไม่ได้หายไปไหน มันแค่เลื่อนออกไปรอเราข้างหน้า คำว่า "เงินทอง ถ้าไม่ตาย หาใหม่ได้" น่าจะประโลมใจได้ดีที่สุดจริงๆในตอนนี้ ถ้าเราบอกว่า โควิดไม่กลัว กลัวอดตาย มากกว่า ..ก็ไม่ผิดหรอกครับ คนเรามีชีวิตที่ต่างกัน เพียงแต่เรากลัวอดตายได้ และก็กลัวโควิดไปด้วยพร้อมๆกันได้ โดยใช้สติคอยกำกับ ออกไปทำงาน ออกไปหาเงิน ถ้ามันจำเป็น แต่ก็ไปด้วยสติ ไปด้วยความระวังตัวที่สุด ไม่ได้เขียนเพื่อให้กลัวและอดตายอยู่ที่บ้านครับ แต่เขียนเพื่อให้ ออกไปทำงาน ด้วยความไม่ประมาท และระวังตัวให้มากที่สุด เท่านั้นเอง สำหรับใครที่พอจะเลือกได้... ก็ถึงเวลาที่เราจะได้เห็นตัวตนของเราจริงๆแล้วนะครับว่า "สุขภาพ กับ เงิน" เราเป็นคนที่จะเลือกอะไร...
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เผยงานวิจัยพบผู้ชายผมน้อย มีฮอร์โมนเพศชายสูง มีโอกาสเสี่ยงติดโควิด-19 จริงหรือคะ
    คุณหมอคนแรกในอเมริกาที่เสียชีวิตจาก โควิด-19 (COVID-19) มีผมน้อย เลยมีนักวิจัยลองไปเก็บข้อมูลชายอเมริกาและยุโรปที่ติด COVID-19 ปรากฏว่า หัวล้านมีจำนวนสูงมาก เขาเลยรวมข้อมูลจากหลายๆ ประเทศ พบว่า สถิติพบเคสผู้ชายที่ติด COVID-19 และอาการค่อนข้างเยอะมีหัวล้านจากฮอร์โมนเพศ ประมาณ 71 - 75% ภาวะหัวล้านจากฮอร์โมนเพศ มันเกิดจากคนมีฮอร์โมนเพศชายในร่างกายมากไป หรือฮอร์โมนตัวนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับกลไกการเข้าสู่เซลล์ของไวรัส COVID-19 แล้วประจวบกับมีการเก็บข้อมูลในกลุ่มคนไข้โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งกลุ่มนี้รักษาด้วยการใช้ยาลดการสร้างฮอร์โมนเพศชาย พบว่า กลุ่มนี้อัตราการติดเชื้อน้อยกว่าประชากรปรกติเยอะเลย จึงเป็นสมมติฐานว่า ฮอร์โมนเพศชาย อาจจะสัมพันธ์กับการพยากรณ์ความรุนแรงของโรคในคนที่ติด โควิด-19 (COVID-19) ได้
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    คำแนะนำที่ถูกต้องของแพทย์ที่ รพ รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ อจ ธนัญญา วันนี้มาคุยเรื่อง #selfisolation กันนะคะ
    คำแนะนำที่ถูกต้องของแพทย์ที่ รพ รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ อจ ธนัญญา วันนี้มาคุยเรื่อง #selfisolation กันนะคะ อย่างที่ทราบ ยอดเคสใหม่ ทำลายสถิติใหม่ทุกวัน เคสหนักก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว สุดท้ายระบบสาธารณสุขจะรองรับดูแลทุกคนที่ติดเชื้อไม่ไหว ดีที่เรารู้จักมันพอสมควรแล้ว เหมือนที่เรารู้ว่าต้องดูแลตัวเองอย่างไรเวลาเป็นหวัด ใช่ค่ะ วัคซีนทำให้โควิดกลายเป็นแค่ไข้หวัด ดังนั้นหากคุณเป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรง อายุน้อยกว่า 60 ปี BMI < 30 ได้รับวัคซีนครบ กระตุ้นแล้วไม่เกิน 3 เดือน คุณคือผู้ที่สามารถดูแลตนเองที่บ้านได้ค่ะ ไม่น่ากลัวเลย เกิดวันนึงมีอาการแสบคอ เจ็บคอ คัดจมูก ไอ ไข้ ปวดเมื่อยตามตัว อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วสงสัยว่าตัวเองจะเป็นโควิดมั้ยก็เอา ATK มาจิ้มจมูกให้สิ้นสงสัย ถ้าขึ้น 2 ขีดก็คือใช่ มงลงที่คุณค่ะ (ไม่ต้องไปสืบหาว่าติดมาจากไหน ชั้นไม่ได้ออกไปไหนเลยนะ ติดได้ยังไง… เพราะตอนนี้มันอยู่ทุกที่แล้ว เหมือนเวลาเป็นหวัด เราก็ไม่เคยไปหาว่าติดจากไหน คิดซะว่าออกไปตากฝนมาเนอะ) พอขึ้น 2 ขีดแล้วตั้งสตินะคะ อย่ากรีดร้อง เดี๋ยวเชื้อฟุ้งกระจาย ค่อยๆดึงแมสก์ขึ้นมาปิดจมูกแล้วเดินเงียบๆเข้าห้องปิดประตูไป จากนั้นส่งไลน์กรุ๊ปครอบครัว และเพื่อนฝูงที่เราเจอในช่วง 3 วันที่ผ่านมา แจ้งให้ทราบว่า หนูมงลงแล้วนะคะ ช่วยตรวจ ATK ของตัวเองว่าใครเป็นบ้าง ใครที่เป็น ก็ทำแบบเดียวกันตามสเต็ปถัดไป ส่วนที่ยังไม่เป็นก็กักตัวค่ะ อีก 3 วันดูอาการแล้ว ATK อีกสักทีตอน 7 วัน กักต่อครบ 10 วัน ไม่มีอาการอะไรก็ได้ไปเวทีต่อไปค่ะ หลังจากเข้าห้อง และแจ้งคนรอบตัวแล้วทำดังนี้นะคะ 1.โทรไปลางาน แจ้งที่ทำงาน เจ้านาย ลูกน้องให้เรียบร้อย 2. แจ้ง 1330 (โทรไม่ติดไม่เป็นไรนะคะ ค่อยๆโทร แค่โทรไปแจ้งว่าเราติดเฉยๆนะ ไม่ต้องพยายามหาเตียง หายาอะไร หรือถ้าโทรไม่ได้จริงๆ ข้ามข้อนี้ไปเลยค่ะ) 3. สังเกตอาการตัวเอง นึกดีๆว่าเราเริ่มมีอาการวันแรกวันไหน นับเป็น day 0 เก็บเอาไว้ในใจนะคะ 4. มีอาการอะไรก็กินยาตามนั้น ลดไข้ ลดน้ำมูก ยาอมแก้เจ็บคอ ลดเสมหะ แก้ไอ (เตรียมติดบ้านไว้เลยนะคะ) 5. ข้อนี้ไอเท็มเสริม ถ้ามีก็อุ่นใจขึ้น คือ ปรอทวัดไข้ กับ ที่วัดออกซิเจนปลายนิ้ว (มีติดไว้และฝึกวัดไว้ก่อน ตอนเป็นจะได้ไม่ลน) วัดวันละครั้งหรือสองครั้งเช้าเย็นก็พอนะ จะได้ไม่ ปสด มาก ถ้าวัดได้ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ ติดต่อรพ. หรือ 1330 นะคะ - ไข้ > 37.5 องศาเซลเซียส เกิน 3 วัน - รู้สึกเหนื่อย แน่นอก ไอมาก วัดออกซิเจนได้ < 96% หรือ วัดออกซิเจนหลังออกกำลังกายแล้วลดลง > 3% 6. นอนดูซีรีส์ หรือทำงานที่คั่งค้างให้เสร็จ หรือจะเข้าเรียนออนไลน์ ประชุมออนไลน์ อะไรก็ทำไปค่ะ นับวันไป พอถึง day 7 คุณหายแล้วค่ะ จากนั้นก็นอนต่อแบบสบายใจขึ้น ไปจนครบ 10 วัน 7. แจ้งที่ทำงานกับคนรอบข้าง ไปว่าครบ 10 วันชั้นจะกลับไปทำงานแล้วจ้า เป็นอันครบกระบวนการ self isolation ที่บ้านแบบชิลๆ (ไม่ต้องพกฟาวิ กระชายขาว ฟ้าทะลายโจนอะไรไว้ก็ได้นะ เพราะระลอกนี้มันไม่ค่อยช่วยอะไร) แต่ๆๆๆๆ ถ้าคุณมีโรคประจำตัวที่ทำให้ภูมิอ่อนแอ เช่น เบาหวานที่คุมไม่ดี น้ำหนักเกิน ไตวายเรื้อรัง ถุงลมโป่งพอง หอบหืด กินยากดภูมิ อายุเกิน 60 ยังไม่ได้วัคซีน หรือยังไม่ได้กระตุ้น ติดต่อรพ.เลยค่ะ ถึงตอนนี้สิ่งที่ให้เตรียมไว้คือ 1. ที่แยกเพื่อกักตัว 2. ยาสามัญประจำบ้าน 3. ปรอทวัดไข้ และที่วัดออกซิเจนปลายนิ้ว 4. อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ (อย่าลืมที่ชาร์จ) 5. คนส่งอาหารถึงหน้าประตู 6. ถุงแยกขยะในห้อง กับถังใส่เสื้อผ้าซักแล้ว (เก็บไว้ซักทีเดียว ตอนกักตัวครบ) ใครยังไม่ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้กระตุ้น ไปฉีดซะนะคะ ที่นอนไอซียูตอนนี้ ไม่มีใครฉีดเลยค่ะ /เตือนแล้วนะ
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    *** หมอท่านนี้รักษาพระองค์ ร.9 ผมก็พาพ่อไปให้ท่านรักษาด้วย รพ. ธนบุรี 1 #ศ_นพ_นิพนธ์_พวงวรินทร์ #คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล_ม_หิดล ศ.นพ.นิพนธ์ พวงวรินทร์ #ท่านเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองของรพ_ศิริราชท่านบอกเคล็ดดีๆของการรักษาสมองให้แจ่มใสความจำยังคงดีแม้วัยจะสูงขึ้นลดความเสี่ยงที่จะเป็นอัลไซเมอร์ ด้วยการกินโกโก้ร้อน(ไม่ใช่ช๊อคโกแลต) ย้ำโกโก้ 100%แบบไม่ผสมน้ำตาลนะ จิบตอนเช้าๆแทนกาแฟ แต่ถ้าจะให้อร่อย อุ่นนมสดให้ร้อน แล้วใส่ผงโกโก้คนให้เข้ากัน ลองกินดูซักเดือนนะ ไม่เสียหายอะไร คุณหมอบอกทดลองกินมา 6 เดือนละ จำอะไรๆได้ดีขึ้น #วิธีชงโกโก้นมสดง่าย ๆ 1. เทนมสดกล่องลงในแก้ว 3/4 กล่อง 2. อุ่นใน microwave 50-60 วินาที นมจะเดือดแต่ยังไม่หกล้นแก้วถ้าใส่ 3/4 ของกล่อง 3. เอานมอุ่นออกมาผสมกับโกโก้หรือโอวัลตินผง 3-4 ช้อนชา คนให้เข้ากัน 4. เติมนมที่เหลือในกล่องลงผสมให้เข้ากัน จะได้โกโก้นมสดอุ่นพอดื่มได้พอดี ใช้นมไวตามิลค์เจ แทนนมสดก็ดีสำหรับมังสวิรัติที่เคร่งครัด ท่านให้คำแนะนำที่น่าสนใจลองอ่านและพิจารณาดูครับ......... #สรุปสาระสำคัญมาได้ว่า 1. หากจมูกใคร…เริ่มไม่ได้กลิ่น …แม้ไม่เป็นหวัด …ให้รีบไปตรวจ… เพราะอาจมีผลต่อสมองส่วนความจำในระยะต่อไป…พึงทราบว่า…อัลไซเมอร์ เริ่มถามหาท่าน สว. แล้ว 2. เซลล์สมอง…พัฒนาเต็มที่ถึงเพียงอายุ 2 ขวบ…หลังจากนั้นเซลล์จะเริ่มตายมากกว่าเกิดใหม่ …การเลี้ยงดูเด็กทารก…จึงสำคัญมากในช่วง 2 ปีแรก 3. ในอีกไม่กี่ปี … อัลไซเมอร์จะเป็นโรค…ที่คนแก่เป็นมากที่สุด …จะแซงหน้ามะเร็ง…อย่าได้ประมาทกับโรคสมองเสื่อม 4. อัลไซเมอร์ …นอกจากจะมีผลต่อความจำแล้ว……ยังมีผลต่อความคิด การตัดสินใจ…และอารมณ์…ในปัจจุบัน ผู้ที่อายุมากกว่า 60 มีโอกาสเป็นอัลไซเมอร์ หรือ มีสภาวะสมองเสื่อมมากขึ้นเรื่อยๆ 5. การอดนอนมีผลต่อความจำ สว.ควรนอนให้เพียงพอ…ถ้านอนน้อย…โอกาสอัลไซเมอร์มาอยู่ด้วยมีสูง…ควรนอน 22.00~05.00 หรือ นอนถึง 06.00 น. คือ ถ้านอนได้คืนละ 7~8 ชม.ได้จะดีมาก…สภาวะสมองเสื่อมจะถอยออกห่าง 6.อาหารของสมองมี 2 ชนิด…คือ กลูโคส และออกซิเจน…กลูโคสระดับต่ำกว่า 60 อาจตายได้ใน 6 ชม. ถ้ามากกว่า 120 เป็นเบาหวาน ผู้สูงอายุปกติน้ำตาลในเลือด จะอยู่ที่ 100-120 ถ้ามีน้ำตาลในเลือด มากกว่า 80 ไม่เกิน 110 ถือว่า โชคดี มีบุญ สว.ทุกคนควรฝึกหายใจเข้า/ออกยาวๆ …ในทุกครั้งที่นึกได้ …จะช่วยเติมออกซิเจนและ…ไล่อากาศเก่าที่หมักหมมอยู่ในปอดออก…สมองจะสดชื่น แจ่มใส…อัลไซเมอร์ จักหนีห่าง 7. ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีรักษา…คนที่เป็นอัลไซเมอร์…มีเพียงวิธีป้องกันที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นอัลไซเมอร์ 7.1 สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง… ต้องรักษาเบาหวาน …ลดความดันโลหิต …และเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้เพียงพอ 7.2 คนทั่วไป ต้อง…ฝึกสติ …ด้วยวิธีใดก็ได้ … สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ…และมีกิจกรรม/ทำอะไรใหม่ๆ …เพื่อให้สมองได้ทำงาน ( แต่อย่าไปคิดเรื่องลงทุน…ที่ไม่เคยทำ…และไม่ถนัดนะ …จะหมดตัวซะก่อน) 8. โกโก้ (ไม่ใช่ช๊อคโกแลต)…… เป็นอาหารที่ดีที่สุดของมนุษย์ ……มีสารต้านอนุมูลอิสระ/สารลดอัตราการตายของเซลล์ /สารลดการแข็งตัวของหลอดเลือด ฯ ……มีงานศึกษาวิจัยประโยชน์ของโกโก้หลายผลงานวิจัย พบว่า การดื่มโกโก้…ในปริมาณมากพอ ……จะทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองส่วนต่างๆ ดีขึ้น(โดยเฉพาะบริเวณ anterior cingulate cortex) คุณหมอ…แนะนำให้ดื่มโกโก้ร้อนทุกวันตอนเช้า โดยใช้ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ …ควรเติมน้ำผึ้ง…เพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น "Two spoonfuls of cocoa a day keeps Alzeimer away " โกโก้ รสชาติไม่อร่อย…แต่ มีคุณค่ามหาศาล……สามารถไล่อัลไซเมอร์ให้หนีไปไกลได้เลย……ส่วนผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดไม่สูง ไม่เกิน 100 อาจเติมนม/น้ำตาลช่วยชูรสชาติเพิ่มได้ (จากผลวิจัยในต่างประเทศ……ถ้าใช้ผงโกโก้น้อยกว่าครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ…จะไล่อัลไซเมอร์ไม่ค่อยได้ผลมากนัก) Cr. กลุ่มคนรักษ์สุขภาพ https://youtu.be/eyuoW0RfHFc
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หมอธีรวัฒน์ เหมะจุฑาเผยว่าคนกรุงเทพน่าจะติดโควิด 19 ที่ไม่แสดงอาการ 120,000 คน
    นพ.ธีระวัฒน์ อ้างถึงข้อมูลของ ศ.นพ.ดร.นรินทร์ ที่ระบุว่า รพ.รามคำแหง ทำการตรวจ Nasopharyngeal swab (ทางช่องจมูก) และ throat swab (ทางลำคอ) ของโรคcovid-19 แบบ drive through ในคนกรุงเทพฯ ที่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม ถึงวันที่ 5 เมษายน 2563 จำนวน 7,776 ราย พบว่า PCR บวก 95 ราย หรือ ร้อยละ 1.22 หรือคนกรุงเทพฯ ที่ไม่ค่อยมีอาการ 1,000 คน ติดโควิด-19 จำนวน 12 คน ถ้าตัวเลขนี้พอจะแทนประชาชนในกรุงเทพฯ ได้ กรุงเทพฯมีประชากร 10 ล้านคน น่าจะมีคนที่ติดโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ หรืออาการน้อยราว 120,000 คน
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อยู่​นอร์เวย์​ค่ะ อยากบอกว่าตั้ง​สติแล้วอ่านตรงนี้น่ะค่ะเผื่อมีประโยชน์​ไม่มากก็น้อยค่ะ ตอนนี้​ คนไทยในนอร์เวย์​ติดโควิดสายพันธุ์​ใหม่​กันเยอะมาก หลายคนหายแล้ว แต่อีกหลายคนก็เริ่มเป็น​ ไม่มีใครได้ไปอยู๋​โรงบาลสักคน ยกเว้นเคสที่ไม่สามารถ​หายใจเองได้ หมอไห้กักตัวอยุ่​ในบ้าน เพื่อนฝูงช่วยกันผลัดเปลี่ยน​ทำอาหารไปวางไว้หน้าประตู​ทุกวัน การปฏิบัติ​คนไทยที่ติดโควิดในนอร์เวย์​คือ 1=หมอไห้กักตัวอยุ่​แต่ในบ้านห้ามออกไปไหน 2=ดื่มน้ำขิง​สำเสร็จ​รูป​ 3=ดื่ม​น้ำขิงสด 4= ดื่มน้ำมะนาวดื่มอะไร​ที่เกี่ยวกับร้อนๆห้ามดื่มน้ำเย็น​ 4=และนี่เลยค่ะตัวเอกของโรคนี้ที่คนไทยในนอร์เวย์​หายกันทุกคนโดยที่หมอในนอร์เวย์​ไม่ได้รักษา​แต่อย่างใด 👉ฟ้าทะลายโจรแบบแคบซูล)​ เป็นยาที่ฆ่าเขื้อไวรัสนี้อย่างดี และนอนๆๆพักผ่อนไห้มากที่สุดหายแน่นอนค่ะ เพื่อนสนิทเป็นทั้งครอบครัว เรานี่แหละ​ค่ะที่เอาฟ้าทะลาย​โจรไปไห้เขาได้กิน จากที่เขาเจ๊บคอแสบเหมือนโดนมีดกรีดหลอดคอ และไข้ขึ้นมาก ปวดหัวแทบระเบิด คืนเดียวเองไข้ลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ คอลดปวดแสบลง ลดลงเรื่อยๆจนตอนนี้เพื่อนหายปกติกทั้งครอบครัว​ได้2-3อาทิตย์​แล้ว​ค่ะ ยังไม่มีใครตายสักคนค่ะ ยกเว้นคนที่ติดมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับ​ปอดหรือคนที่สูบบุหรี่​ปอดไม่แข็งแรง​หรือหอบหืดที่อันตราย​ค่ะ เพราะ​โควิดมันเล็งปอดอย่างเดียว เมืองไทยเราหายานี้ง่าย มีขายทั่วไป เราเอามานอร์เวย์​แค่3กะปุ๊​กเราสละไห้เพื่อน ตอนนี้​เราเองก็ต้องดูแลตัวเองเชฟตัวเองไห้ดีที่สุด จนกว่าจะได้คิวฉีดวัคซีน​ ไม่ต้องกลัวค่ะ ทำตามที่บอกเลย จากประสบการณ์​จริงค่ะ เป็นกำ​ลัง​ใจ​ไห้​คนไทยทุกน่ะค่ะ​
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    คนที่ติดโควิดแล้วมีโอกาสติดโควิดอีกรอบจริงหรือ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false