1 คนสงสัย
ยูเครน ประกาศชัยชนะสงครามในโลกโซเชียล แต่ยับเยินสงครามในโลกจริง
วิธีการหนึ่งชาติตะวันตกที่ใช้ในการจัดระเบียบโลกคือ "ปั้นน้ำเป็นตัว" สร้างข่าวเท็จออกมา แล้วให้สื่อของตนเต้าข่าว แล้วกระจายไปยังประเทศบริวาร มีค่าจ้างให้สสื่อท้องถิ่นแต่ละประเทศ นำข่าวในทิศทางต้องการนั้นไปหลอกลวงประชาชนต่อ แต่ถ้าสื่อใดจะเสนอข่าวหลายมุมที่ชาติตะวันตกไม่ได้สั่งมา เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ สื่อนั้นก็จะถูกเล่นงานใต้ดินทันที
กรณี สื่อใหญ่ตะวันตกและสื่อไทยประโคมข่าวลวงโลกว่า ประธานาธิบดีปูติน หวาดระแวงวางยาพิษ ไล่พ่อครัวและคนเกี่ยวข้องออกเกือบ 1,000 คน แต่พอไปดูต้นทางข่าวกลายเป็นเว็ปไซต์แทปลอยด์บล็อกเกอร์รัสเซีย ที่มีพฤติกรรมเต้าข่าวเป็นนิจเป็นที่เอือมระอาชาวรัสเซียมานาน และแทปลอยด์นี้เซิฟเวอร์อยู่นอกประเทศ เพราะรัสเซียมีโทษจำคุก 15 ปีสำหรับสื่อที่ปล่อยข่าวปลอม ดังนั้นบรรดาสื่อตะวันตกที่อยู่ในรัสเซีย จึงเผ่นกลับบ้านหมด
กรณีสื่อใหญ่ตะวันตกและสื่อไทยประโคมข่าวลวงโลกว่า รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ถูกประธานาธิบดีปูตินดุ จนเข้าโรงพยาบาลหัวใจวายเสียชีวิต และมีนายพลรัสเซีย 6 - 7 รายถูกสังหารในสนามรบ แต่ทุกคนตามรายชื่อที่สื่อตะวันตกอ้างถึง ก็ออกมานั่งประชุมกินกาแฟกันตามปกติและแถลงข่าว ทางสื่อตะวันตกและสื่อไทยที่หน้าแตกก็จะเขินเงียบไปดื้อๆ ไม่แสดงความรับผิดชอบขออภัยใดๆ ทั้งที่ระบุชื่อพวกเขาว่าเสียชีวิต
กรณีสื่อใหญ่ตะวันตกและสื่อไทยประโคมภาพและข่าวว่ากลาโหมยูเครน เผยแพร่คลิปยิงเครื่องบินรบ และเฮลิปคอปเตอร์กองทัพรัสเซียตกเป็นใบไม้ร่วงนั้น แท้จริงแล้วคือภาพจากเกมส์สงครามแอนิเมชั่นชื่อ Arma3 ที่เจ้าของผู้ผลิตเกมส์ออกมายืนยันทุกครั้งที่กลาโหมยูเครนเผยแพร่คลิป ว่าคือภาพจากเกมส์คอมพิวเตอร์ของเขา ไม่ใช่เหตุการณ์สงครามจริง
กรณีสื่อใหญ่ตะวันตกและสื่อไทยประโคมภาพและข่าวครึกโครมว่ากองทัพยูเครน ใช้ระบบจรวดหลายลำกล้อง BM-21 Grad ยิงถล่มเรือคอร์เวต Project 22160 Vasily bykov ของ กองทัพรัสเซีย ขณะลอยลำใกล้ชายฝั่งจนจมไปที่ก้นทะเลนั้น ในความจริงเรือลำดังกล่าวเป็นเรือปลดระวางแต่นำมาใช้ขนยุทโธปกรณ์ทางทหาร ปัจจุบันก็ยังปกติดี และก็กำลังแล่นไปมาที่ฐานทัพเรือ Sevastopol ในแหลมไครเมีย
กรณีสื่อใหญ่ตะวันตกและสื่อไทยประโคมภาพและข่าวว่ากองทัพรัสเซีย ยิงจรวดใส่บ้านเรือนประชาชนยูเครน ตกทะลุหลังคาและฝ้าเพดาน ลงไปปักในห้องครัว โดยไม่ระเบิด อุปกรณ์ทำอาหาร ขวดไม่แตกนั้น ความจริงภาพนี้เป็นเหตุการสงครามที่จอร์เจีย เมื่อกว่า 20 ปีมาแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสงครามในยูเครน
กรณีที่ทำประจำคือสื่อตะวันตกและสื่อไทย ประโคมข่าวทุกวันว่า กองทัพรัสเซีย ปิดล้อมเมืองไม่ให้ประชาชนออกมา ทิ้งระเบิดโรงเรียน โรงพยาบาล โรงละคร มีเด็กเสียชีวิตดรามาทำนองนี้ ก็ล้วนลวงโลกทั้งสิ้น เพราะมีสื่อใหญ่ออสเตรเลีย ส่งนักข่าวไปทำข่าวภาคสนามในพื้นที่สื่อตะวันตกอ้าง ในยูเครน โดยได้ไปดูหน้างานจริงโรงเรียนเป้าหมายที่ไม่มีนักเรียนมาเรียน “พบว่าโรงเรียนแห่งนี้ถูกสร้างเป็นค่ายกองกำลัง Azov นีโอนาซีขนาดใหญ่..กองทัพยูเครนได้ใช้โรงเรียน โรงพยาบาล และอาคารสาธารณะ ดัดแปลงเป็นค่ายทหารส่งผลให้โดนถล่มหมด
ด้านนายเซเลนสกี้ ผู้นำยูเครน และพรรคพวกก็ไม่ได้อยู่ในกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน มากว่าเดือนแล้ว เนื่องจากเสื้อผ้าที่เขาใส่นอกอาคารเปิดโล่งเป็น "เสื้อยืดแขนสั้นตัวเดียว เป็นสถานที่ประเทศภูมิอากาศค่อนข้างอบอ้าว" ขัดกับความจริงในกรุงเคียฟ ที่มีสภาพอุณหภูมิหนาวเย็นมาก ชาวบ้านต้องใส่เสื้อกันหนาวหนา โดยผู้นำยูเครนไม่เคยปรากฎตัวทางสาธาณะต่อประชาชนยูเครนมานานกว่า 1 เดือนแล้ว แม้ว่าจะมีสื่อตะวันตกและสื่อไทย จะประโคมภาพเขาไปเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บจากการสู้รบที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 13 มี.ค.65 ที่ผ่านมา
โดยในภาพมีคุณหมออินน่า เดรุสโซ เดินคู่มากับผู้นำยูเครนด้วย แต่เนื่องจากหมออินน่า ได้เสียชีวิตจากกระสุนปืนใหญ่ระหว่างที่ไปช่วยทหารบาดเจ็บ และผู้นำยูเครน ก็เป็นคนมอบเหรียญกล้าหาญให้กับศพคุณหมอไปตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.65 แล้ว ดังนั้นคุณหมออินน่า เดรุสโซ จึงไม่อาจฟื้นคืนชีวิต กลับมาเดินกับผู้นำยูเครนในโรงพยาบาลในวันที่ 13 มี.ค.65 ที่ผ่านมาได้อีก ล่าสุดนายเซเลนสกี้ ผู้นำยูเครน "ในโลกโซเชียล" ก็ตัดพ้อ NATO ว่า “ยูเครนไม่สามารถสู้ขีปนาวุธของรัสเซียด้วยปืนลูกซองและปืนกลได้”..สงสัยเขาจะลืมประกาศชัยชนะให้ยูเครน แต่เดี๋ยวสื่อตะวันตกและสื่อไทยคงประกาศให้เอง 😂😂

ที่มา : กลาโหมรัสเซีย , RT, ABC News, สื่อท้องถิ่นยูเครน
#WorldUpdate
ไม่ระบุชื่อ
 •  3 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    โควิด ติดแล้ว ปอดจะทำงานไม่เหมือนเดิมตลอดไป จริงหรือไม่
    Don't mean to scare you, folks, but be very cautious, be protective & be safe to you all. ********************************************************** บอย วรพล สิงห์เขียวพงษ์ December 29, 2020 at 4:55 PM โควิด-19 เป็นแล้วโอกาสตายน้อยกว่าห้าเปอร์เซ็นต์ จริงครับ > แต่หายแล้ว ปอดอาจพังตลอดชีวิต > ลิเดีย-แข็งแรง เหลือปอดทำงาน หกสิบเปอร์เซ็นต์ > ล่าสุด...31 ธันวาคม 2563 ผู้ว่าจังหวัดสมุทรสาครน่าจะเป็นเคสนี้ครับ บทความนี้ถูกส่งต่อกันมา ผมพอทราบว่ามีส่วนจริง แต่ให้แน่ใจ จึงส่งไปถามเพื่อนที่เป็น...’หมอ’ ! เขาตอบว่า...จริง !!! > โควิด-19 เป็นแล้วตายก็จบไป แต่ถ้าไม่ตายก็ต้องลุ้น ! > คุยกันครั้งใด เขาบอกผม...พี่อย่าให้เป็นนะ อายุเยอะแล้ว ตายก็ลำบากก่อนตาย ไม่ตายก็แย่ไปตลอดชีวิต ยกมา > "ผมกลัว" ที่จะติดเชื้อ Covid-l9 ผมจึงทำตามที่รัฐบาลบอก คือ "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" และจะออกจากบ้าน เมื่อจำเป็นจริง ๆ ผมบอกว่า ผมเชื่อว่าใครที่ติดเชื้อ Covid-l9 จะไม่มีวันกลับไป "ปกติ" เพราะปอดจะไม่ทำงานเต็มร้อยอีกแล้ว > แต่...แต่ก่อนที่จะเสียชีวิต หากคุณติดเชื้อ รู้ไหมว่ามันทรมานแค่ไหน > คุณรู้ไหมว่า การรักษาโรคปอดติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2ol9 หรือ Covid-19 มันไม่ใช่แค่ใส่หน้ากากออกซิเจน แล้วนอนอ่านหนังสือ หรือเล่นโทรศัพท์ อยู่บนเตียงสบาย ๆ ในโรงพยาบาล > เพราะเครื่องช่วยหายใจสำหรับผู้ป่วย Covid-19 (บางคน-ไม่ทุกคน) มันสร้างความเจ็บปวด ต้องสอดท่อลงไปในลำคอและคาไว้ จนกว่าจะหาย หรือตายภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยแทบไม่สามารถขยับตัว > การรักษานี้ คนไข้จะถูกจับให้นอนคว่ำกลับหัว มีท่อหายใจต่อจากปากขึ้นไปที่เครื่องช่วยหายใจ ไม่สามารถพูด กิน หรือขับถ่ายได้ตามปกติ แถมเจ็บปวดตลอดเวลา > สิ่งที่แพทย์ช่วยได้ก็คือ ให้ยานอนหลับและยาแก้ปวด เพื่อให้แน่ใจว่าคนไข้สามารถทนต่อความเจ็บจากการใส่ท่อช่วยหายใจ เหมือนอยู่ในอาการโคม่าเทียม > ผ่านไป 20 วัน ผู้ป่วยจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ สี่สิบเปอร์เซนต์ และมีแผลในปากหรือหลอดลม เช่นเดียวกับปอด เกิดภาวะแทรกซ้อนของหัวใจ > นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้คนแก่ หรือผู้ป่วยโรคอื่น เช่น ความดัน หัวใจ ไม่สามารถทนการรักษาได้ และอาจตายในที่สุด >>> ย้ำ..นี่ไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ ! การให้อาหารเหลวใส่หลอดเข้าไปในท้องของคุณ ไม่ว่าจะผ่านจมูกหรือเส้นเลือด การที่ต้องมีพยาบาลมาช่วยขยับแขนขาทุกสoงชั่วโมง เพื่อป้องกันแผลกดทับ และต้องนอนบนเตียงน้ำที่เย็น เพื่อช่วยลดอุณหภูมิ 40 องศาของคุณ "มันไม่ใช่เรื่องสนุก" และคนที่บ้านเป็นทุกข์แน่ ๆ นี่คือหนึ่งในเหตุผล ที่ชาติตะวันตก ปล่อยให้ตาย ไม่รับรักษา เพราะสิ้นเปลือง > ผมกลัว...ผมจึงอยู่บ้าน ถ้าคุณไม่กลัว ก็ตามสบายนะครับ ไม่สวมหน้ากากตอนออกจากบ้าน ไม่รักษาระยะห่าง ไปในที่สุ่มเสี่ยง เป็นเรื่องความรับผิดชอบที่คุณมีต่อครอบครัวของคุณเอง > ที่เล่ามาทั้งหมด ก็เพื่อคนที่คุณรัก เพื่อคนที่รักคุณ และ เพื่อตัวคุณเอง #เรียบเรียงบางส่วนจาก LIND ใครจะหาว่าผมตื่นตูม ก็ตามสะดวก แต่ผมว่าเราต้อง ‘ตื่นตัว’ แม้คนที่เป็น ไม่ทุกคนที่จะมีสภาพนี้ แต่ก็มีไม่น้อยที่หายแล้วปอดไม่เต็มร้อย > ผมว่าปอดพังเร็วมาก ยิ่งกว่าสูบบุหรี่ซะอีก > แชร์ได้ ไม่ต้องขอครับ > รักใคร ห่วงใคร ก็แชร์กันไป ถ้าคุณได้รับแชร์นี้มาแสดงว่ามีคนรักคุณ
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    #ไปยุโรปไม่ต้องทำVisaแล้วจ้า #ใช้ได้3ปี #เริ่มตุลานี้ 𝐍𝐞𝐰 𝐫𝐞𝐪𝐮𝐢𝐫𝐞𝐦𝐞𝐧𝐭𝐬 𝐭𝐨 𝐭𝐫𝐚𝐯𝐞𝐥 𝐭𝐨 𝐄𝐮𝐫𝐨𝐩𝐞 🇪🇺 ยกเลิกวีซ่าเข้า “ยุโรป” 📍 ไม่ต้องขอวีซ่า 📍 ไม่ต้องไป VFS 📍 ใช้ระบบ ETIAS ออนไลน์แทน 📅 เริ่มปลายปี 2025 เป็นต้นไป ✈️ เตรียมตัวเที่ยวสบายขึ้นทั่วยุโรป! พลเมืองไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย จะไม่ต้องไปสถานทูตหรือศูนย์ VFS อีกต่อไปเมื่อต้องการเดินทางไปยุโรป โดยในอนาคตอันใกล้ เราจะสามารถยื่นขออนุญาตเดินทางแบบออนไลน์ ผ่านระบบ ETIAS ซึ่งจะมาแทนขั้นตอนการขอวีซ่าที่ล่าช้าและยุ่งยากในอดีตสำหรับการเดินทางระยะสั้น นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับผู้เดินทางจากประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า การอัปเดตนี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบใหม่สองระบบที่สหภาพยุโรปกำลังจะเริ่มใช้ ได้แก่ ระบบ Entry/Exit System (EES) และ ระบบ European Travel Information and Authorisation System (ETIAS) โดยทั้งสองระบบมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยชายแดน พร้อมกับอำนวยความสะดวกให้กับนักเดินทาง EES: ไม่มีการประทับตราหนังสือเดินทางอีกต่อไป ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2025 ระบบ Entry/Exit System จะเข้ามาแทนที่การประทับตราหนังสือเดินทางที่จุดผ่านแดนของ 29 ประเทศในยุโรป รวมถึงเดนมาร์ก สวีเดน นอร์เวย์ และฟินแลนด์ ระบบนี้จะใช้กับผู้เดินทางทุกคนที่ไม่ใช่พลเมืองสหภาพยุโรป ซึ่งรวมถึงพลเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เดินทางเข้าสู่เขตเชงเก้นเพื่อพักระยะสั้น เมื่อเดินทางมาถึง ผู้เดินทางจะถูกลงทะเบียนแบบดิจิทัล โดยมีการเก็บข้อมูลดังนี้: • ภาพถ่ายใบหน้า • ลายนิ้วมือ • ข้อมูลหนังสือเดินทาง เช่น วันและสถานที่เดินทางเข้า-ออก ข้อมูลนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อตรวจสอบโดยอัตโนมัติว่าผู้เดินทางอยู่เกิน 90 วันภายในช่วง 180 วันหรือไม่ นอกจากนี้ EES ยังช่วยป้องกันการปลอมแปลงตัวตน และลดระยะเวลาการตรวจคนเข้าเมืองลงได้มาก ETIAS: ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเดินทาง ภายในปลายปี 2025 ผู้เดินทางจากประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า เช่น ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย จะต้องขออนุมัติการเดินทางผ่านระบบ ETIAS ก่อนออกเดินทางไปยุโรป ETIAS ไม่ใช่วีซ่า แต่เป็นระบบตรวจสอบเบื้องต้นออนไลน์แบบง่าย ผู้สมัครต้องกรอกข้อมูลพื้นฐาน เช่น: • ข้อมูลส่วนตัว • รายละเอียดหนังสือเดินทาง • อาชีพปัจจุบัน • คำตอบเกี่ยวกับประวัติการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง หรือประวัติอาชญากรรม (ถ้ามี) ไม่มีการเก็บข้อมูลทางชีวภาพ (เช่น ลายนิ้วมือหรือใบหน้า) ในขั้นตอนนี้ เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว ETIAS จะมีอายุ 3 ปี หรือจนกว่าหนังสือเดินทางจะหมดอายุ และสามารถใช้สำหรับการเดินทางได้หลายครั้ง ประเทศที่ยังต้องขอวีซ่าเหมือนเดิม สำหรับประเทศที่ยังต้องขอวีซ่าเชงเก้น เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ กฎเดิมยังคงใช้เหมือนเดิม คือต้องยื่นขอวีซ่าผ่าน VFS Global หรือสถานทูตที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะต้องผ่านระบบ EES ที่ด่านพรมแดนเช่นกัน โดยจะมีการสแกนใบหน้า ลายนิ้วมือ แทนการประทับตราหนังสือเดินทางแบบเดิม สิ่งที่นักเดินทางไทยควรรู้ ประเทศไทยอยู่ในรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิ์ยกเว้นวีซ่าในการเดินทางเข้าสู่เขตเชงเก้นไม่เกิน 90 วัน ซึ่งสิทธินี้ยังคงเหมือนเดิม แต่ตั้งแต่ปลายปี 2025 เป็นต้นไป นักเดินทางไทยจะต้องยื่นขออนุญาตเดินทางล่วงหน้าผ่านระบบ ETIAS ก่อนขึ้นเครื่องบินไปยุโรป นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2025 เป็นต้นไป นักเดินทางไทยจะถูกลงทะเบียนในระบบ EES ที่จุดผ่านแดน โดยจะมีการเก็บลายนิ้วมือและภาพใบหน้า แทนที่การประทับตราหนังสือเดินทางแบบเดิม #ยกเลิกvisaeu
    ไม่ระบุชื่อ
     •  14 วันที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    กัญชาซาติวา
    เพาะปลูก ตั้งโดย คาโรรัส ลินเนียส Carolus Linnæus หรือ Carl Linnaeus) นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน โดยจัดวงศ์พืชชนิดนี้ไว้เมื่อปี ค.ศ. 1753 (พ.ศ. 2296) มีแหล่งกำเนิดบริเวณเส้นศูนย์สูตร เช่น โคลัมเบีย เม็กซิโก (ทวีปอเมริกา) ตอนกลางของทวีปแอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซาติวามีลำต้นหนา ความสูงเมื่อเติบโตเต็มที่ประมาณ 6 เมตร ใบยาว เรียว สีเขียวอ่อน (เมื่อเทียบกับอินดิกา) ระยะเวลาการเติบโตพร้อมเก็บเกี่ยว 9-16 สัปดาห์ ชอบแดดและ อากาศร้อน ซาติวามีสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท (Psychoactive) สูงกว่าอินดิกา
    nattikasaunsawatsuga
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    แดดจัด ร้อนจัด และ ความชื้นสูง สภาพอากาศแบบนี้มีผลต่อความทนทานของโควิดหรือไม่
    เนื่องจากไวรัสตระกูลโควิดเป็นไวรัสที่ชอบอากาศเย็นเพราะระบาดในช่วงหน้าหนาว อูณหภูมิที่ระบาดได้ดีจะอยู่ที่ 5-15 องศาเซลเซียส ช่วงนี้อากาศร้อนขึ้นทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในทางแทบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่ำกว่าทางยุโรป เป็นคำถามที่หลายคนอาจจะสงสัย วันที่ 20 เมษายนมีรายงานว่า ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ผลการศึกษาชิ้นใหม่พบว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ถูกทำลายลงได้อย่างรวดเร็วด้วยแสงอาทิตย์ โดยรังสีอัลตราไวโอเลตมีผลต่อสารพันธุกรรมและการแบ่งตัวของเชื้อดังกล่าว
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ประกาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตก ฉบับที่ 4 (35/2565) เรื่อง คลื่นลมแรงและฝนตกหนักในภูเก็ต เรือเล็กต้องระวัง
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    น้ำมันดิบรั่วไหลที่จังหวัดระยอง ไม่ส่งผลกระทบต่อน่านน้ำภาคตะวันออก จริงหรือไม่คะ?
    น้ำมันดิบรั่วไหลที่จังหวัดระยอง ไม่ส่งผลกระทบต่อน่านน้ำภาคตะวันออก จริงหรือไม่คะ?
    Watcharakorn Saensee
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อย่าทานผลไม้ที่ซื้อมาภายใน 48 ชั่วโมง หรือต้องลวกด้วยน้ำร้อนก่อน เพราะเสี่ยงทำให้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ จริงหรือไม่
    ข่าวด่วน ! จากแหล่งข่าวท่ีน่าเชื่อถือในห้องแล็ปของแพทย์ในฮ่องกงวันนี้ “ในห้องทดลองของเรา ได้พบร่องรอยจำนวนไวรัสบนผิวของผลไม้และผักหลังจากลูกค้าท่ีติดเชื้อโควิด-19 จับต้องท่ีผลไม้และผักดังกล่าวเมื่อ 12 ชั่วโมงมาแล้ว แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการทานสลัด ***** อย่าทานผลไม้ท่ีซื้อมาภายในเวลา 48 ชั่วโมง หรือต้องลวกผลไม้ด้วยน้ำร้อนก่อนปลอกหรือหั่น เบอรรี่ แอปเปิล แตงกวา และมะเขือเทศแย่ท่ีสุด เพราะคนเราจะทานทั้งเปลือก นี่เป็นสิ่งท่ีอธิบายว่าไวรัสระบาดได้รวดเร็วในประเทศตะวันตกมากกว่าในเอเชีย คนเอเชียส่วนมากไม่ทานสลัด และน้อยคนมากที่จะทานเปลือกผลไม้ พวกเราต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าทุกอย่างท่ีมาจากนอกบ้านของเราภายใน 48 ชั่วโมงติดเชื้อทั้งสิ้น เป็นต้นว่า รองเท้า เสื้อผ้า ผมของเรา และอาหารทั้งหมด
    ได้ข่าวมา
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    โรคไหลตาย หรือที่ทุกคนอาจจะรู้จักกันในชื่อของ ผีแม่ม่าย แท้ที่จริงแล้วคืออะไรกันแน่?
    จากเหตุการณ์การไหลตายที่เป็นประเด็นดัง จนเกิดการแชร์ต่อและถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลายของในพื้นที่ภาคตะวันออก ที่จังหวัดชลบุรีนั้น เป็นประเด็นที่น่าจับตามองอย่างมาก ซึ่งทั้งหมดเสียชีวิตในลักษณะนอนไหลตายจนทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเกิดจากฝีมือของผีแม่ม่ายออกอาละวาดหรือเกิดตามตำนานความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งประเด็นข่าวลือเรื่องผีแม่ม่าย ได้ถูกบอกและขยายความอย่างรวดเร็วหลังเกิดกระแสในโลกออนไลน์ ซึ่งนอกจากจะมีการแชร์ข้อมูลต่อแล้ว ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ในลักษะของความหวาดกลัวจนเกรงว่าอาจมีมิจฉาชีพสวมรอยเข้ามาหลอกลวงชาวบ้านในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เพราะยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สร้างความเข้าใจให้กับชาวบ้าน
    Ravinnipa Yaikaew
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ยาต้านไข้หวัดใหญ่เกือบทั้งหมดมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย JAMA Internal Medicine 13 มกราคม 2025 • ยาต้านไข้หวัดใหญ่มีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่ออัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ทั้งที่มีความเสี่ยงต่ำและมีความเสี่ยงสูง • ยกเว้นบาโลซาเวียร์ตัวเดียวที่อาจเป็นประโยชน์ต่อ“ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง”และ“อาการไม่มาก”แม้ว่ายาตัวนี้อาจส่งผลต่อการดื้อยาได้ 10 % การทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์ข้อมูลรวมของการ ศึกษา 73 รายงาน ที่ประเมินผลของ ยาต้านไวรัสใน“ผู้ป่วยนอก”ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ พบว่าบาโลซาเวียร์เป็นยาตัวเดียวที่อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงแม้ว่ายาตัวนี้อาจส่งผลต่อการดื้อยาก็ตาม บาโลซาเวียร์อาจดีกว่าการรักษาแบบมาตรฐานหรือยาหลอกในการลดความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่เป็นไข้หวัดใหญ่ที่ไม่รุนแรง และมีแนวโน้มที่จะลดระยะเวลาในการบรรเทาอาการลงโดยมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ตามผลของการทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์ข้อมูลรวม เพื่อเปรียบเทียบผลของยาต้านไวรัสในการรักษาไข้หวัดใหญ่แบบไม่รุนแรง นักวิจัยได้ค้นหาฐานข้อมูลออนไลน์ที่เปรียบเทียบ ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ออกฤทธิ์โดยตรง (บาโลซาวิร์ฟาวิพิราเวียร์ ลานินามิเวียร์ โอเซลทามิเวียร์ เปรามิเวียร์ อูมิเฟโนเวียร์ ซานามิเวียร์ และอะแมนทาดีน) กับยาหลอก การดูแลมาตรฐาน หรือยาต้านไวรัสชนิดอื่น ผลลัพธ์ได้แก่ อัตราการเสียชีวิต การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล การเข้ารับการรักษาใน ICU ระยะเวลาในการรักษาในโรงพยาบาล เวลาในการบรรเทาอาการ การเกิดการดื้อยา และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ • มีการทดลองทั้งหมด 73 รายงาน ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 34,332 คนรวมอยู่ในผลการศึกษา ผลการวิจัยได้รับการตีพิมพ์โดย JAMA Internal Medicine เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2025 การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า • ยาต้านไวรัสทุกชนิดมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่ออัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ทั้งที่มีความเสี่ยงต่ำและมีความเสี่ยงสูงเมื่อเปรียบเทียบกับการดูแลมาตรฐานหรือยาหลอก (มีความแน่นอนสูงสำหรับยาทุกชนิด) • ยาทั้งหมดมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่ำ (ความแน่นอนสูง) ยกเว้นเพอรามิเวียร์และอะมันทาดีน ซึ่งไม่มีข้อมูลให้ สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง • บาโลซาวิร์“อาจ”ช่วยลดความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ (ความแตกต่างของความเสี่ยง [RD] -1.6%; ช่วง CI 95% -2.0% ถึง 0.4%; ความแน่นอนต่ำ) • โอเซลทามิเวียร์มีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล (RD] -0.4%; ช่วง CI 95% -1.0% ถึง 0.4%; ความแน่นอนสูง) • และยาอื่นๆ ทั้งหมดอาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่แน่นอน นอกจากนี้ บาโลซาวิร์อาจลดระยะเวลาของอาการได้ (ค่าความแตกต่างเฉลี่ย [MD] −1.02 วัน; ช่วง CI 95% −1.41 ถึง −0.63 วัน; ความแน่นอนปานกลาง) และอูมิเฟโนเวียร์อาจลดระยะเวลาของอาการได้ (MD −1.10 วัน; ช่วง CI 95% −1.57 ถึง −0.63 วัน; ความแน่นอนต่ำ) โอเซลทามิเวียร์อาจไม่มีผลสำคัญต่อระยะเวลาในการบรรเทาอาการ (MD −0.75 วัน; ช่วง CI 95% −0.93 ถึง −0.57 วัน; ความแน่นอนปานกลาง) นอกจากนี้ บาโลซาวิร์ยังมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย (RD, -3.2%; 95% CI, -5.2% ถึง -0.6%; ความแน่นอนสูง) และโอเซลทามิเวียร์อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาการคลื่นไส้และอาเจียน (RD, 2.8%; 95% CI, 1.2% ถึง 4.8%; ความแน่นอนปานกลาง) ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ศาลญี่ปุ่นสั่งจำคุกคนทำร้ายปวิน 20 เดือน ฐานบุกรุก-ทำร้ายร่างกายจริงไหม
    ศาลแขวงเกียวโต ในนครเกียวโต ของญี่ปุ่น อ่านคำพิพากษาเมื่อวันพุธ (8 มิ.ย.) ให้จำคุก นายทะสึฮิโกะ ซะโต เป็นเวลา 20 เดือนจากการบุกรุกที่พักอาศัยและทำร้ายร่างกายนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการชาวไทย ที่เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต นักวิชาการรายนี้ ที่ลี้ภัยทางการเมืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซีไทยว่า พอใจกับคำตัดสินดังกล่าวและดีใจที่ได้รับความยุติธรรมกลับมา นอกจากนี้ยังกล่าวขอบคุณตำรวจและศาลญี่ปุ่นที่ทุ่มเททำงานจนนำตัวคนร้ายมารับโทษได้ในที่สุด นายสะโตก่อเหตุเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2562 โดยสวมเสื้อมีหมวกเพื่อปิดบังใบหน้าและรูปพรรณสัณฐาน ซึ่งขณะนั้นนายปวินและคนรักกำลังอยู่ในที่พัก ทั้งยังฉีดกระป๋องบรรจุสารเคมีใส่นักวิชาการรายนี้และคนรักด้วย แม้ระหว่างพิจารณาคดี นายสะโต ผู้ก่อเหตุวัย 43 ปี รับสารภาพว่าเป็นคนลงมือทำจริง โดยได้รับการจ้างวานจากบุคคลหนึ่ง โดยตอนแรกตนปฏิเสธ แต่ต่อมาถูกขู่จึงตัดสินใจรับงานทำร้ายร่างกายครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม นายสะโตไม่ยอมเปิดเผยต่อศาลว่าใครเป็นผู้จ้างวาน
    Somphot Singkhot
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false