1 คนสงสัย
นักวิจัยในเยอรมนีและนอร์เวย์ ทำการศึกษาและค้นพบว่า คนที่มีเลือดกรุ๊ปเอ (A+) มีความเสี่ยงที่จะติดโควิด-19 สูงกว่า และมีอาการรุนแรงมากกว่าคนกรุ๊ปเลือดอื่น ๆ จริงหรือคะ
จากการวิจัยพบว่า คนที่มีเลือดกรุ๊ป เอ จะมีโอกาสสูงกว่าคนเลือดกรุ๊ปอื่นถึง 45% ที่จะเกิดภาวะหายใจล้มเหลว ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขามีโอกาสสูงที่จะต้องการออกซิเจน หรือต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในการรักษาโควิด-19
และข้อมูลนี้น่าจะเป็นตัวช่วยให้กับทีมหมอและพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เพราะสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 คือ ผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหายใจล้มเหลว มีอาการติดเชื้อในปอด หรือกลุ่มที่มีอาการหายใจไม่ออกเฉียบพลัน
ในสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับในประเทศไทย เลือดกรุ๊ปเอเป็นหมู่โลหิตที่มีมากเป็นอันดับที่ 2 รองจากเลือดกรุ๊ปโอ ซึ่งจากการศึกษาชิ้นนี้พบกว่าคนเลือดกรุ๊ปโอ กลับมีโอกาสที่จะเกิดภาวะหายใจล้มเหลวจากโควิด-19 น้อยกว่าหมู่เลือดอื่นๆ ถึง 35%
ผลจากรายงานนี้คล้ายกับการศึกษาก่อนหน้านี้ในจีนและสหรัฐฯ ที่แสดงให้เห็นว่าคนที่มีเลือดกรุ๊ปเอ จะมีโอกาสติดโควิด-19 มากกว่ากรุ๊ปโอ อีกด้วย จริงหรือคะ
anonymous
 •  4 ปีที่แล้ว
meter: true
1 ความเห็น

โควิด 2019

Ad.tar เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

เหตุผล

นักวิจัยในเยอรมนีและนอร์เวย์ ทำการศึกษาและค้นพบว่า คนที่มีเลือดกรุ๊ปเอ (A+) มีความเสี่ยงที่จะติดโควิด-19 สูงกว่า และมีอาการรุนแรงมากกว่าคนกร

ที่มา

https://www.sanook.com/news/8180150/

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    มีการโฆษณาว่าเครื่องตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้วสามารถวินิจฉัยยืนยันการติดเชื้อโควิด -19 ได้ จริงหรือ
    มีสื่อต่างๆ โฆษณาแนะนำให้ประชาชนหาซื้อเครื่องตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้ว มาไว้ติดบ้านเพื่อวัดระดับออกซิเจนในร่างกายและตรวจสอบว่าตนเองติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ ตรวจได้จริงหรือ
    anonymous
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    ข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง
    กรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อ
    std46748
     •  10 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สิงคโปร์กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ทำการชันสูตรพลิกศพ (ชันสูตรพลิกศพ) ศพผู้ป่วยโควิด-19 หลังจากการสอบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว พบว่าโควิด-19 ไม่มีอยู่จริงในรูปของไวรัส แต่เป็นแบคทีเรียที่ได้รับรังสีและทำให้มนุษย์เสียชีวิตจากการแข็งตัวของเลือด
    สิงคโปร์กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ทำการชันสูตรพลิกศพ (ชันสูตรพลิกศพ) ศพผู้ป่วยโควิด-19 หลังจากการสอบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว พบว่าโควิด-19 ไม่มีอยู่จริงในรูปของไวรัส แต่เป็นแบคทีเรียที่ได้รับรังสีและทำให้มนุษย์เสียชีวิตจากการแข็งตัวของเลือด พบโรคโควิด-19 ทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด ซึ่งทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือดในมนุษย์ และทำให้เลือดแข็งตัวในเส้นเลือด ทำให้คนหายใจลำบาก เพราะสมอง หัวใจ และปอดไม่สามารถรับออกซิเจนได้ ทำให้คนเสียชีวิต อย่างรวดเร็ว. เพื่อหาสาเหตุของการขาดแคลนพลังงานระบบทางเดินหายใจ แพทย์ในสิงคโปร์ไม่ฟังระเบียบการของ WHO และทำการชันสูตรพลิกศพสำหรับ COVID-19 หลังจากที่แพทย์เปิดแขน ขา และส่วนอื่นๆ ของร่างกายและตรวจดูอย่างระมัดระวัง พวกเขาสังเกตเห็นว่าหลอดเลือดขยายตัวและเต็มไปด้วยลิ่มเลือด ซึ่งขัดขวางการไหลเวียนของเลือดและลดการไหลของออกซิเจน ในร่างกายทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับงานวิจัยนี้ กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ได้เปลี่ยนโปรโตคอลการรักษาสำหรับ Covid-19 ทันทีและให้แอสไพรินแก่ผู้ป่วยที่เป็นบวก ฉันเริ่มทาน 100 มก. และอิมโรแมค ส่งผลให้ผู้ป่วยเริ่มฟื้นตัวและสุขภาพก็เริ่มดีขึ้น กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์อพยพผู้ป่วยมากกว่า 14,000 คนในหนึ่งวันและส่งพวกเขากลับบ้าน หลังจากช่วงระยะเวลาของการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ แพทย์ในสิงคโปร์อธิบายวิธีการรักษาโดยกล่าวว่าโรคนี้เป็นกลอุบายทั่วโลก "ไม่ใช่แค่การแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือด (ลิ่มเลือด) และวิธีการรักษา ยาเม็ดยาปฏิชีวนะ ต้านการอักเสบและ ทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด (แอสไพริน). แสดงว่าสามารถรักษาโรคได้ ตามที่นักวิทยาศาสตร์ชาวสิงคโปร์คนอื่น ๆ ระบุว่าไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและห้องไอซียู (ICU) โปรโตคอลสำหรับเอฟเฟกต์นี้ได้รับการเผยแพร่แล้วในสิงคโปร์ จีนรู้เรื่องนี้แล้ว แต่ไม่เคยเปิดเผยรายงานของตน แบ่งปันข้อมูลนี้กับครอบครัว เพื่อนบ้าน คนรู้จัก เพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมงาน เพื่อที่พวกเขาจะได้กำจัดความกลัวของ Covid-19 และตระหนักว่านี่ไม่ใช่ไวรัส แต่เป็นแบคทีเรียที่ได้รับรังสีเท่านั้น เฉพาะผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำมากเท่านั้นที่ควรระวัง รังสีนี้ยังทำให้เกิดการอักเสบและขาดออกซิเจน ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อควรรับประทาน Asprin-100mg และ Apronik หรือ Paracetamol 650mg ที่มา: กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือคะ ที่ รพ. ศิริราช ประกาศว่า เลือดสำรองไม่พอ
    เลือดกรุ๊ป บี และ เอ ขาดแคลนหนักมาก! ธ.เลือดศิริราช วอนคนไทยบริจาคช่วยผู้ป่วยในช่วงวิกฤตโควิด-19
    naydoitall
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    รัสเซียพบว่าโควิด-19 เป็นแบคทีเรียที่สัมผัสกับรังสีและทำให้มนุษย์เสียชีวิตจากการแข็งตัวของเลือด
    รัสเซียกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ทำการชันสูตรพลิกศพ (ชันสูตรพลิกศพ) สำหรับศพโควิด -19 หลังจากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า Covid-19 ไม่มีอยู่ในรูปของไวรัส แต่เป็นแบคทีเรียที่สัมผัสกับรังสีและทำให้มนุษย์เสียชีวิตจากการแข็งตัวของเลือด พบว่าโรค Covid-19 ทำให้เลือดแข็งตัวซึ่งทำให้เลือดแข็งตัวในมนุษย์และทำให้เลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำทำให้หายใจได้ยากเนื่องจากสมองหัวใจและปอดไม่สามารถรับออกซิเจนได้ทำให้คนเสียชีวิต อย่างรวดเร็ว. เพื่อหาสาเหตุของการขาดแคลนพลังงานทางเดินหายใจแพทย์ในรัสเซียไม่ได้ฟังโปรโตคอลของ WHO และทำการชันสูตรพลิกศพ COVID-19 หลังจากแพทย์เปิดแขนขาและส่วนอื่น ๆ ของร่างกายและตรวจดูอย่างละเอียดพวกเขาสังเกตเห็นว่าเส้นเลือดขยายตัวและเต็มไปด้วยลิ่มเลือดซึ่งขัดขวางการไหลเวียนของเลือดและยังทำให้การไหลเวียนของออกซิเจนลดลง ในร่างกายเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของผู้ป่วย หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับงานวิจัยนี้กระทรวงสาธารณสุขรัสเซียได้เปลี่ยนแนวทางการรักษาโควิด -19 ทันทีและให้ยาแอสไพรินแก่ผู้ป่วยที่เป็นโรค ฉันเริ่มทาน 100 มก. และ Imromac เป็นผลให้ผู้ป่วยเริ่มฟื้นตัวและสุขภาพของพวกเขาเริ่มดีขึ้น กระทรวงสาธารณสุขรัสเซียอพยพผู้ป่วยมากกว่า 14,000 คนในวันเดียวและส่งพวกเขากลับบ้าน หลังจากการค้นพบทางวิทยาศาสตร์มาระยะหนึ่งแพทย์ในรัสเซียได้อธิบายวิธีการรักษาโดยกล่าวว่าโรคนี้เป็นกลลวงของโลกว่า“ ไม่มีอะไรนอกจากการแข็งตัวของหลอดเลือด (ลิ่มเลือด) และวิธีการรักษา ยาปฏิชีวนะ ต้านการอักเสบและ ทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด (แอสไพริน) สิ่งนี้บ่งชี้ว่าสามารถรักษาโรคได้ ตามที่นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียคนอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) มีการเผยแพร่โปรโตคอลสำหรับผลกระทบนี้แล้วในรัสเซีย จีนรู้เรื่องนี้แล้ว แต่ไม่เคยเปิดเผยรายงาน แบ่งปันข้อมูลนี้กับครอบครัวเพื่อนบ้านคนรู้จักเพื่อนและเพื่อนร่วมงานเพื่อที่พวกเขาจะได้กำจัดความกลัวโควิด -19 และตระหนักว่านี่ไม่ใช่ไวรัส แต่เป็นแบคทีเรียที่ได้รับรังสีเท่านั้น ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำมากเท่านั้นที่ควรระวัง รังสีนี้ยังทำให้เกิดการอักเสบและขาดออกซิเจน ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อควรรับประทานยา Asprin-100mg และ Apronik หรือ Paracetamol 650mg ที่มา: กระทรวงสาธารณสุขของรัสเซีย
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false