1 คนสงสัย
โควิด19
การฉีดวัคซีนโคสิด19ทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน
std47804
 •  1 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    “น้ำส้มสายชูหมัก” ลดลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีนโควิด-19
    ไม่ระบุชื่อ
     •  7 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ผู้สูงอายุไม่ควรฉีดวัคซีน
    4 เหตุผลที่ไม่ควรให้ผู้สูงอายุฉีดวัคซีน ศาสตราจารย์นายแพทย์สุจริต ภักดีเป็นนักไวรัสวิทยาชาวเยอรมันและศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยา เขาเป็นคนไทยที่เกิดในสหรัฐอเมริกาและได้รับการศึกษาที่โรงเรียนในสวิตเซอร์แลนด์อียิปต์และไทย เขาเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยบอนน์ เขาเป็นอดีตหัวหน้าสถาบันจุลชีววิทยาทางการแพทย์และสุขอนามัยในเยอรมนี นายแพทย์สุจริต ภักดี อายุ 73 ปี บอกว่าจะไม่ยอมให้ฉีดวัคซีนป้องกัน Covid -19 อย่างเด็ดขาดและนี่คือ 4 เหตุผลของท่าน 1. วัคซีน เฉพาะตัวมันเองก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงอยู่แล้ว : วัคซีนป้องกัน Covid - 19 นี้ไม่เคยทดสอบกับผู้สูงอายุ เกือบทั้งหมดทดลองกับคนหนุ่มสาวที่แข็งแรง เท่านั้น ราวครึ่งนึงมีไข้ หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ มีภาวะบวมน้ำเหลือง ปวดหัว และไม่สบาย ดังนั้นถ้าฉีดวัคซีนนี้ให้กับคนสูงอายุที่มีอาการเหล่านี้อยู่ก่อนแล้ว ก็จินตนาการไม่ออกว่าหลังจากได้รับวัคซีนไปแล้วจะเป็นอย่างไร 2. วัคซีนมีส่วนประกอบหลายอย่างซึ่งสารหรือสิ่งที่ถูกห่อหุ้ม (mRNA) อาจทำให้เกิดการแพ้อย่างรุนแรง 3. วัคซีนนี้อาจทำให้เกิดปฎิกริยาเกินจริง (Overreaction) กับการติดเชื้อที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติตามมา เช่นไข้หวัดใหญ่ วัคซีนจะทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำงานเกินจริง ผลการทดลองในสัตว์ สำหรับเชื้อไวรัส ซาร์ - โควิด -1 พบว่ามันทำให้เกิดการขยาย (Amplification) ของระบบภูมิคุ้มกันเพื่อทำปฎิกริยากับโรค ส่งผลให้สัตว์ทดลองเกือบเสียชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เมื่อคุณฉีดวัคซีนเข้าไป ภายในเวลาไม่กี่นาที วัคซีน (mRNA) จะกระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว และมันจะเข้าไปยังเซลล์ที่ไม่ได้ติดเชื้อด้วย และมันจะผลิตไวรัสโปรตีนในเซลล์ของเรา ทำเซลล์ของเราให้เป็นโรงงานผลิตโปรตีน และจะทำให้เกิดอาการแพ้ภูมิตัวเอง รวมทั้งอาจส่งผลถึงภาวะเส้นเลือดอุดตัน ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ 4. วัคซีนนี้ไม่ควรใช้กับสตรีมีครรภ์ (BioNtechไบโอเอนเทค ถึงกับห้ามให้วัคซีนกับสตรมีครรภ์เลยทีเดียว) และหากสตรีได้รับการฉีดวัคซีนนี้แล้วก็ไม่ควรมีครรภ์ในระยะ 2 เดือนหลังจากได้รับวัคซีน Cr. V.Chalermchai ผู้แปล
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หมอชี้ทานยาคุมทำเสี่ยงเกิด “ลิ่มเลือดอุดตัน” สูง อาจอันตรายถ้าฉีดวัคซีนโควิด ซีโนแวค จริงหรือ
    สาวแชร์เพื่อนฉีดวัคซีนโควิด “ซิโนแวค” ไร้อาการข้างเคียง ผ่านมา 5 วัน รู้สึกใจสั่น วูบเป็นลม สุดท้ายเข้า รพ. เจอ “ลิ่มเลือดในปอด” ก่อนเสียชีวิต หมอชี้ทานยาคุมทำเสี่ยงเกิด “ลิ่มเลือดอุดตัน” สูง จริงหรือ
    anonymous
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    แอสตร้าเซนเนก้ายันผลทดสอบว่าไม่เพิ่มความเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตัน จริงหรือ
    มีข่าวกันว่าวัคซีน แอสตราเซเนก้า ทำให้เกิดภาวะอุดตันลิ่มเลือด แต่บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ได้ระบุในถ้อยแถลงถึงการทบทวนอย่างระมัดระวังในข้อมูลความปลอดภัยที่มีอยู่ทั้งหมดของประชาชนมากกว่า 17 ล้านคน ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ในสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ไม่พบหลักฐานเพิ่มความเสี่ยงของลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำรุนแรง หรือ ภาวะเกล็ดเลือดตํ่า ในทุกกลุ่มอายุที่กำหนด ทุกเพศ ทุกล็อต หรือไม่ว่าจะในประเทศไหนๆ จริงหรือ
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เอาผู้ติดเชื้อโควิด19 ไปอยู่ด้วยกันในรพ.สนาม จะแลกเปลี่ยนเชื้อกันไปมาหรือไม่
    Covid#102 เอาผู้ติดเชื้อโควิด19 ไปอยู่ด้วยกันในรพ.สนาม จะแลกเปลี่ยนเชื้อกันไปมาหรือไม่ คำตอบสั้นๆ คือ ไม่ครับ คำตอบยาวๆ คือ ถ้าเรากำลังติดเชื้อไวรัสตัวหนึ่งแล้ว จะเกิดปรากฏการณ์เรียกว่า viral interference คือ ร่างกายจะต้านทานไม่ให้ไวรัสตัวที่สองเข้าสู่เซลล์ได้ ทั้งนี้เกิดจากการที่ร่างกายสร้างสารที่เรียกว่า interferon ซึ่งทำงานอย่างไม่จำเพาะหมายความว่า ถึงเป็นไวรัสคนละชนิดก็ต้านทานได้ Viral interference มักจะเกิดอย่างรวดเร็ว แต่อยู่ไม่นานเกินเดือน คือพอทิ้งช่วงห่างออกไป เราก็ติดเชื้อใหม่ได้อีก นั่นเป็นเหตุที่ตารางการฉีดวัคซีนส่วนมาก จะเว้นเวลาระหว่างเข็มแรกและเข็มที่สองไว้สักเดือน เพื่อให้ interference จากเข็มแรกหมดไปก่อน Viral interference จะเกิดได้ต้องมีช่วงห่างระหว่างเวลาที่เจอเชื้อไวรัสสองตัว หากเชื้อสองชนิดเข้ามาพร้อมกันก็อาจติดได้ทั้งคู่ ดังนั้นเราจึงฉีดวัคซีนหลายชนิดได้พร้อมกัน แต่ควรฉีดวันเดียวกัน หากทิ้งช่วงห่างแล้วควรรอไปสักเดือนเลย เพื่อให้ viral interference หมดไปก่อน แม้กระนั้น หากฉีดวัคซีนเชื้อเป็นหลายชนิดพร้อมกัน เชื้อตัวที่เจ้าสู่เซลล์ได้ก่อน ก็อาจก่อกวนไม่ให้ตัวที่เข้าช้าเข้าไม่ได้อยู่ดี เช่น วัคซีนโปลิโอ เราให้เชื้อพร้อมกันสามชนิดในหลอดเดียว โดยทั่วไปจะเกิดภูมิต้านทานสำหรับเชื้อเพียง 1-2 ชนิดในการให้แต่ละครั้ง เราจึงนิยมให้สามครั้งในเด็กเล็ก การพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกก็ยุ่งยากมาก เพราะมีเชื้อถึงสี่ชนิดที่ต้องให้ได้ผลพร้อมกัน กลับมาที่รพ.สนาม คนไข้ทุกคนติดเขื้อโควิด19แล้ว หากมีเชื้อโควิด 19 อีกตัว พยายามจะเข้าก็จะเจอ viral interference เข้าไม่ได้ เมื่อเชื้อหายไปก็เป็นเพราะมีภูมิคุ้มกันแล้ว ก็ไม่ติดอีก ไม่ต้องห่วงครับ
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    ศาลโลก สั่ง ให้ ทุกประเทศ หยุดฉีดวัคซีน
    สรุปตอนนี้ ศาลโลก สั่ง ให้ ทุกประเทศ หยุดฉีดวัคซีน เพราะ เขา เล็งเห็นอันตราย ที่ เกิด กับ มนุษย์ ที่ไดรับวัคซีนนี้..ถือ ว่า การบังคับ ออก กฏ ให้ ประชากร ต้อง ไปฉีด วัคซีน เป็น สิ่ง ผิด...เป็นการก่อ อาชญากรรม ต่อ มวลมนุษย์ชาตื ..เพราะวัคซีน ไม่สามารถ ป้องกันได้จริง..พิสํจน์ได้จาก การ ที่ ฉีด แล้ว 2-3 เข็ม ก็ ยัง ติดเชื้อ โควิด ได้อีก วัคซีนจึง ไม่ได้ช่วยป้องกัน .. แต่ ในวัคซีน มี สาร ที่ทำให้เกิด ความผิดปกติ กับ หลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกันที่มีอยู่เดิมถูกเปลี่ยนไป และจะกลายเป็น ไร้ภูมิต้านทาน อย่างถาวร....ระบบสมอง ระบบกล้ามเนื้อ กระดูก และ อวัยวะภายใน ที่ เลือด ไปหล่อเลี้ยงทั้งหมด จะเกิด ปัญหาตามมา ในระยะ หลัง จากนี้..เปรียบ เหมือน มนุษย์ ชาติ ฉีด วัคซีน เข้าไปเพื่อจะ ฆ่าตัวตาย แบบ ผ่อนส่ง...ศาลโลกพิสูจน์ ความจริง แล้ว จึง สั่ง ให้ ปรเทศ ต่างๆหยุด การ ฉีดวัคซีน..ทันที...
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ท่านที่คิดจะฉีดวัคซีน mRNA โปรดสละเวลาฟังคลิปนี้หน่อย หมอคนนี้รักษาคนไข้ในอเมริกา บอกว่าเริ่มพบคนไข้มีปัญหาโรคภูมิแพ้ตนเอง (Auto-immune Disease), มะเร็งผิวหนัง (Melanoma) เพิ่มขึ้น 20 เท่าเมื่อเทียบกับก่อนการฉีดวัคซีน และยังกล่าวอีกว่า โรคโควิด19 สามารถรักษาให้หายได้หากคนไข้ได้รับยา Ivermectin ในระยะเริ่มต้น นั่นหมายถึงไม่ปล่อยให้ โรคล่วงเลยไปสู่เฟสที่ 2 คือการลงไปทำลายปอด ซึ่งการอักเสบที่ปอดนี้เองเป็นสาเหตุให้เนื้อปอดที่สามารถแลกเปลี่ยนอ๊อกซิเจนให้เม็ดเลือดลดลง ทำให้อวัยวะเริ่มล้มเหลวเริ่มจากไตวาย และตามด้วยตับวาย คนไข้จึงมีอัตราการเสียชีวิตได้รวดเร็ว อันเนื่องมาจากการอักเสบและการเกิดลิ่มเลือดที่ปอด คนไข้ในเฟสที่ 2 นี้จะไม่พบการแบ่งตัวของไวรัสแล้ว แต่สามารถพบเศษทรากไวรัสและเศษหนามไวรัส (Spike Proteins) ได้เป็นจำนวนมาก จากการศึกษาทาง Microbiology พบว่าแค่เพียงหนามไวรัส หรือ Spike Protein ก็ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อและทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันในเสันเลือดได้ดังนั้น Spike Protein จึงเป็นอาวุธสำคัญของโคโรนาไวรัสนี้ แต่เขากลับนำอาวุธของ SARs-CoV2 มาทำวัคซีน นั่นเท่ากับฉีดอาวุธของไวรัสให้คนโดยตรง ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อย่อมเป็นสิทธิ์ของท่าน แต่อย่าบอกว่า เราไม่เตือนท่าน หากท่านจำเป็นต้องฉีดวัคซีน ขอให้เป็นวัคซีนเชื้อตายปลอดภัยที่สุด รองลงไปคือ ไวรัสเวคเตอร์และที่อันตรายที่สุด คือ mRNA. ด้วยความปรารถนาดีจาก ทพญ.อุบลรัตน์ วรรณวิสูตร DDS, MPH, MS, Diplomate American Board of Periodontology https://youtu.be/tUE5EBPt-lU
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    ของจริง....มาแล้วนะครับ โควิด - 19 สายพันธุ์อังกฤษ British variant ( B.1.1.7 ) ที่ตอนนี้กำลังระบาดหนักไปทั้งโลกนะครับ ไม่ใช่แค่ที่ไทย ประเทศไทยน่ะหรือ ... ยังแค่เริ่มต้น แค่เริ่มต้นจริงๆนะ ที่อังกฤษ ต้นทางของเจ้าสายพันธุ์ดุนี้ มีคนเสียชีวิตกับไวรัสตัวนี้ไปแล้วประมาณ "หนึ่งแสนสองหมื่นคน" ช่วงที่พีคมากๆ มีคนตาย"ต่อวัน" คือ พันกว่าคน (ตายวันละพันกว่านะครับ พันหก เกือบๆพันเจ็ด เห็นตัวเลขแล้ว ขนลุกเลย) ช่วงผ่อนปรนล็อคดาวน์ที่อังกฤษตอนคริสมาสต์ มีการติดเชื้อแบบที่ติดกันทั้งครอบครัว เข้าโรงพยาบาลกันทั้งครอบครัว และ ตายกันทั้งครอบครัวเกิดขึ้นแล้วที่นั่น ช่วงที่เชื้อนี้กระจายกันแบบพีคๆ มีรายงานว่า ติดกันที่ตัวเลขต่อวันคือ หกหมื่นกว่าราย ย้ำ... วันละ หกหมื่นราย มีหลักฐานสนับสนุนทางการแพทย์ชัดเจน ว่าสายพันธุ๋นี้ติดง่ายกว่าสายพันธุ์อู่ฮั่น และ สายพันธุ์อินเดีย ที่เราเจอมาก่อนหน้านี้ และถ้าเราคิดว่า ที่ผ่านมา เรายังรอด ตอนนี้ก็สบายๆเหมือนเดิมก็ได้ ก็น่าจะประเมินเชื้อนี้ต่ำไปแล้ว... และถ้ายังเชื่อว่า สายพันธุ์นี้ อาการไม่รุนแรง ก็คิดใหม่นะครับ มีรายงานในประเทศไทยของเราพบว่า พบอาการรุนแรงในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง อาการเจ็บคอมาก เหมือนมีดบาด เสมหะมีเลือด หายใจได้ไม่ปกติ จนกระทั่งพัฒนาไปสู่อาการปอดบวม ( pneumonia ) เกิดขึ้นได้เยอะมากนะครับ ลงปอดกันเป็นว่าเล่นเลย ซึ่ง ณ จุดนั้น ต้องรักษาแบบซีเรียสแล้วนะครับ โอกาสไปถึงโคม่า นอนไอซียู ใกล้เข้ามาแล้ว และแพทย์หลายๆท่านให้ความเห็นว่า การจัดการตอนอยู่ในไอซียูของโรคนี้ มีความซับซ้อนมาก ถ้าได้หมอเก่งๆระดับเทพ ว่าไปอย่าง แต่เอาเข้าจริงๆ บ้านเราไม่ได้มีหมอในระดับนั้น มากอย่างที่เราคิด คนสูงวัย น้ำหนักตัวเยอะ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ คนที่มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดัน หัวใจ หอบหืด ไม่จำกัดวัย ถ้าเราเข้าข่าย ก็ระวังให้มากกว่าคนอื่นๆเถอะครับ โอกาสรุนแรงไปถึงปอด สูงมากกก และที่เรายังไม่ได้ยินข่าวคนเสียชีวิตในครั้งนี้ จนทำให้หลายๆคนคิดแค่ว่า เป็นแค่หวัดกระจอกๆธรรมดาๆนั้น เพราะมันยังเป็นแค่การเริ่มต้น สงสัยว่าติด ไปตรวจ เข้าโรงพยาบาลได้เลย มีที่นอน มีหมอดูแล โคม่าขึ้นมา ยังมีหมอดูแล มีเครื่องช่วยหายใจอยู่ในตอนนี้ ก็เลยพอจะช่วยเหลือกันทัน แต่ว่า... ดูสถิติของวันนี้ 15 เมษายน ตามรูปสิครับ ไม่ต้องดูที่จำนวนคนติดเชื้อ 1,543 นะ ... มองผ่านไปได้เลย พันห้า บางคนจะคิดในใจว่า แล้วไง ไปดูที่จำนวนคนที่กำลังรักษาตัว นอนโรงพยาบาลอยู่ตอนนี้สิครับ ช่องสีเขียวๆน่ะ " 8,973 ราย " นี่คือคนที่กำลังนอนโรงพยาบาลตอนนี้อยู่ ซึ่งจะถึงหมื่นเตียง ในอีกวันสองวันนี้แน่นอน และคนพวกนี้จะยังต้องนอนยึดเตียงไปอีกเรื่อยๆ ไม่ต่ำกว่า 10 วัน นั่นหมายความว่า ถ้าเราเกิดติดโควิดขึ้นมา ในวันถัดๆไปหลังจากนี้ จะเหลือเตียงให้เรานอนรักษา .... น้อยลงไปทุกที และเตียงจะเริ่มทยอยกันเต็มไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเหมือนต่างประเทศ คือ ไม่มีเตียงให้ใครอีก คราวนี้ ต่อให้มีเงิน ก็หาเตียงนอนไม่ได้หรอกครับ จะโทรร้องเรียนที่เบอร์ไหน ใครก็คงช่วยไม่ได้ มีประกันกี่ฉบับ ก็ไม่มีผล ไม่ต้องพูดถึงโรงพยาบาลเอกชนหรอกนะครับ โรงพยาบาลสนาม .... ก็จะเต็มไปด้วย แย่ไปกว่านั้นก็คือ ... เรามีเครื่องช่วยหายใจไม่มากพอ เราหาซื้อตอนนี้ ไม่ทันหรอกนะครับ ทั้งโลก ใครก็อยากได้ แล้วในวันที่เกิดซวย ปอดบวม อาการโคม่า เราต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อยื้อชีวิตนะครับ ถ้าในเวลานั้น ไม่มีเครื่องช่วยหายใจเหลือเลย เพราะคนก่อนหน้านี้ก็เอาไปใส่กันหมดแล้ว มันก็จะเหมือนกับที่ต่างประเทศ คือ เครื่องช่วยหายใจที่เหลืออยู่ 1 เครื่อง จะเลือกใส่ให้ใคร และที่เหลือ ก็ต้องปล่อยให้ตาย.... วันนั้นแหละ เราจะเข้าใจความหมายว่า ทำไม เราจึงควรช่วยกัน ในวันที่ยังทำได้ในวันนี้... ........................................ ....................................... พรุ่งนี้ จะมีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ เพราะตอนนี้ ทุกคนดูชินชากับโควิด รอดมาแล้วหลายครั้ง ยังไม่เห็นมีอะไร เดี๋ยวก็ลดลงไปเอง ตั้งแต่ระดับผู้นำ จนถึงคนธรรมดาๆข้างถนน ที่ผมยังเห็นนั่งดื่มกันสนุกสนานกันอยู่เลย ประเทศไทยเราโชคร้าย ตรงที่ได้เจอกับสายพันธุ์ที่ติดง่ายที่สุด ในวันที่เราประมาทที่สุด เพราะถ้ามาตั้งแต่รอบแรก ที่เรายังตื่นตัวกันอยู่ ก็คงไม่น่ากลัวอะไรมากนัก อ่านจบแล้ว ไม่ต้องประสาทกินหรอกนะครับ แต่ต้องกลับมายอมรับ และตระหนักจริงๆจังๆได้แล้ว ว่าเรากำลังเจอกับอะไรที่หนักหนาและรุนแรงกว่าเดิม ออกบ้านเท่าที่จำเป็นเถอะครับ หลีกเลี่ยงการไปในที่ซึ่งคนเยอะๆ งดไปเลย อย่าใส่หน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง แบบที่ทำไปอย่างงั้นๆเอง แต่จงทำมัน เหมือนเป็นสิ่งเดียวที่กำลังรักษาชีวิตเราไว้ เพราะมันช่วยได้จริงๆ... อย่าเบื่อการอยู่บ้าน เพราะเชื่อเถอะว่า สบายกว่าโรงพยาบาลสนาม สบายกว่าแอร์ในห้องไอซียู และไม่ต้องต่อคิวเครื่องช่วยหายใจจากใครนะครับ แล้วมันก็จะผ่านไป ไม่มีอะไรอยู่กับเราไปได้ตลอดหรอก แต่ต้องช่วยกัน และให้มันผ่านไปให้เร็วที่สุด อย่าให้มีสถิติการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ แล้วค่อยมาเสียใจ ไม่ต้องไปหวังพึ่งวัคซีนตอนนี้ ยี่ห้อแอสตร้า ---> เดนมาร์คสั่งหยุดใช้ถาวรแล้ว ส่วนยี่ห้อจอห์นสัน ---> อเมริกา สั่งหยุดใช้ไปแล้ว ซินโนแวคของจีน ประสิทธิภาพต่ำ แถมไม่ยอมเปิดเผยผลการทดลองเฟส 3 และตอนนี้จีนยังเร่งศึกษาทำวัคซีนตัวใหม่ แสดงว่า อีที่ออกมาขายนี้ ไม่ดีอย่างที่คิด ดีจริง จะปิดไว้ทำไม แล้วจะไปทำอันใหม่ทำไมอีก... คิดง่ายๆแค่นี้พอ ที่สำคัญ ประเทศไทย ยังฉีดได้ไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งประเทศ ฉีดไป ก็เสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งถ้ามันไปตันในที่สำคัญๆ คือ ตายได้เลยนะครับ พึ่งตัวเอง ดูแลตัวเอง คือทางออกที่ดีที่สุด ที่ต้องทำในตอนนี้แล้ว... ช่วงนี้ครูโยคะทั้งหลาย งานอาจจะน้อยลงหน่อย ลำบากหน่อย แต่ยังหายใจได้ ยังแข็งแรง คือดีที่สุดแล้ว... งาน กับ เงิน ไม่ได้หายไปไหน มันแค่เลื่อนออกไปรอเราข้างหน้า คำว่า "เงินทอง ถ้าไม่ตาย หาใหม่ได้" น่าจะประโลมใจได้ดีที่สุดจริงๆในตอนนี้ ถ้าเราบอกว่า โควิดไม่กลัว กลัวอดตาย มากกว่า ..ก็ไม่ผิดหรอกครับ คนเรามีชีวิตที่ต่างกัน เพียงแต่เรากลัวอดตายได้ และก็กลัวโควิดไปด้วยพร้อมๆกันได้ โดยใช้สติคอยกำกับ ออกไปทำงาน ออกไปหาเงิน ถ้ามันจำเป็น แต่ก็ไปด้วยสติ ไปด้วยความระวังตัวที่สุด ไม่ได้เขียนเพื่อให้กลัวและอดตายอยู่ที่บ้านครับ แต่เขียนเพื่อให้ ออกไปทำงาน ด้วยความไม่ประมาท และระวังตัวให้มากที่สุด เท่านั้นเอง สำหรับใครที่พอจะเลือกได้... ก็ถึงเวลาที่เราจะได้เห็นตัวตนของเราจริงๆแล้วนะครับว่า "สุขภาพ กับ เงิน" เราเป็นคนที่จะเลือกอะไร...
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี สำหรับ 7 กลุ่มเสี่ยง จริงหรือ
    เนื่องจากว่าอาการ ไข้หวัดใหญ่ มีลักษณะอาการคล้ายโควิดมาก ทางกรมควบคุมโรคจะมีการฉีดวัคซีนฟรีให้กลุ่มเสี่ยงดังนี้ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และสำหรับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป โรคอ้วน (น้ำหนัก>100 กิโลกรัม หรือ BMI >35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) และผู้มีโรคเรื้อรัง (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน)
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทุกกรณี..! ความเพียรของคุณฉลาดและระมัดระวังตนเองอย่างถูกวิธี ด่วน!... FDA (อย.สหัฐ) และ Pfizer แพ้คดี ไฟเซอร์ถูกบังคับให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนให้เปิดเอกสารผลข้างเคียง 9 หน้า ทั่วโลกตกตะลึง !... เนื่องด้วยคำตัดสินของศาล ทำให้บริษัทผู้ผลิตพัฒนาวัคซีน Pfizer จะต้องรายงาน ซึ่งเดิมทีมีกำหนดจะนำข้อมูลออกให้ประชาชนรู้ในปี 2085 คืออีก 63 ปีข้างหน้า รายงานนี้เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร PHPMPT ฟ้อง FDA ในเขต Northern District of Texas เมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว โดยตั้งคำถามกับ FDA เรื่องการปกปิดข้อมูลจริงเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนต่อมนุษย์จากบริษัทยาเช่น ไฟเซอร์ FDA ได้ปฏิเสธว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 55 ปี ในการเปิดเผยตามกฎหมาย แต่ตอนรับเรื่องจากบริษัท Pfizer และอนุมัติ ใช้เวลาไม่ถึงสัปดาห์ ดังนั้น ด้วยการพ่ายแพ้ต่อศาลนี้ จึงทำให้บริษัท Pfizer จะต้องเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดต่อสาธารณะเป็นชุดๆ หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาให้ FDA แพ้คดี (ไม่งั้นก็เข้าคุก) นี่เป็นผลข้างเคียงของวัคซีน (Vaccine Side Effect) ที่เผยแพร่ครั้งแรกต่อสายตาชาวโลก ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่ากลัวมาก โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข้าไปแล้ว ไม่มีทางแก้ไข รอผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดกับบุคคล เพราะในเอกสารข้อมูลระบุชัดว่า ทางบริษัท Pfizer ได้ใส่เชื้อไวรัส อันก่อให้เกิดโรคเข้าไป เพื่อให้ประชาชนเจ็บป่วย เพื่อจะได้ขายยารักษาโรคนั้นๆ ในอนาคต ไวรัสที่ผสมในวัคซีนและฉีดให้ผู้คนได้แก่ ไวรัสที่กระตุ้นโรค ดังนี้ - โรคลูปัสผิวหนังเฉียบพลัน, - โรคไข้สมองอักเสบเฉียบพลัน, - การบาดเจ็บที่ไตเฉียบพลัน, - จอประสาทตา macular ภายนอกเฉียบพลัน, - cardiomyopathy เฉียบพลัน, - ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน, - vasculitis บริเวณที่ฉีด, - อาการชัก, - ผมร่วงเป็นหย่อมๆ, - อาการช็อกจากภูมิแพ้, - แอนาฟิแล็กซิสของการตั้งครรภ์, - โรคโลหิตจางชนิดอะพลาสติก, - ภาวะโรคลิ่มเลือด, - หัวใจเต้นผิดจังหวะ หอบหืด, - หลอดลมหดเกร็ง, - หัวใจหยุดเต้น, - หัวใจล้มเหลว, - ไม่สบายแน่นหน้าอก, สำลัก, -glomerulonephritis แพ้ภูมิตัวเองเรื้อรัง, - โรคลูปัสผิวหนังเรื้อรัง erythematosus, - ลมพิษที่เกิดขึ้นเองเรื้อรัง, - โรคโลหิตจาง hemolytic, - อาการลำไส้ใหญ่บวม, - โรคผิวหนัง, - โรคเบาหวาน, - งูสวัดกระจาย, - เส้นเลือดอุดตันในสมอง, - ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ, - อาการคัน, ตาบวม, - ใบหน้าอัมพาต, - เริมที่อวัยวะเพศ, - อัมพาตเส้นประสาท - glossopharyngeal, - vasculitis ริดสีดวงทวาร, - ปากมดลูกอักเสบ, - โรคลูปัส โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ, - โรคลูปัส โรคไข้สมองอักเสบ, - หลายเส้นโลหิตตีบ, - myasthenia gravis ทารกแรกเกิด, - โรคไขข้อ, - โรคหูน้ำหนวกไม่ติดเชื้อ, - ไทรอยด์อักเสบ, - โรคตับอักเสบ... ตัวอย่างไวรัสดังกล่าวยังไม่หมด นี้เป็นเพียงข้อมูล 10 แผ่นที่เปิดเผยออกมาจากทั้งหมด 85,000 แผ่น ที่จะทะยอยออกมาตามคำสั่งของศาล เชื้อไวรัสที่ผสมในวัคซีน ดังปรากฏข้างต้นมีปฏิกิริยามากกว่าหนึ่งพันแบบ ไม่จำกัดเฉพาะผลข้างเคียง/อาการไม่สบายกายที่หลายคนจะมี เป็นพฤติกรรมทางเลือกที่ทำร้ายตัวเองเพราะกลัว... จากการทดสอบ 46,000 คน 42,000 คนมีอาการไม่พึงประสงค์ ! เสียชีวิต 1,200 ราย CR :: AFP, Reuter, CNN
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false