ว่าด้วยเรื่องยา…ลองอ่านและพิจารณาดูนะ ว่าอะไรยังไง
🚩นาง Gwen Olsen คนวงใน ตัวแทนขายยา ที่ฝังตัวอยู่ในธุรกิจยามานาน 15 ปี ออกมาแฉ :-
📕บริษัทยักษ์ใหญ่ขายยา ไม่ได้สนใจที่จะ เสริมสุขภาพ หรือ เยียวยารักษา หรอกนะ
📕แต่พวกเขา อยู่ในธุรกิจ =เลี้ยงไข้= และ =บริหารอาการป่วย= ต่างหาก
📕พวกเขา ไม่รักษามะเร็ง ไม่รักษาอัลไซม์เมอร์ ไม่รักษาโรคหัวใจ หรือโรคใดๆ ทั้งสั้น
📕เพราะหากพวกเขาทำอย่างนั้น บริษัทก็เจ๊งกันพอดีนะสิ เพราะจะไม่เหลือคนป่วย มาคอยซื้อยาของพวกเขา ซึ่งแบบนั้นจะเป็นอันตรายต่อธุรกิจ
🚩ดิฉันไม่ใช่พวกนักทฤษฎีสมคบคิด เพราะมันมีหลักฐานโทนโท่
📕ยกตัวอย่างเช่น พวกยาระงับประสาท มันมีไว้เพื่อ =เลี้ยงไข้= ให้ป่วยอย่างนั้นอยู่นานๆ ส่วนใหญ่ต้องกินยาไปตลอดชีวิต มันเหมือนยาเสพติดที่คุณ =ถอนออก= ไม่ได้
📕ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผู้คนจะต้องรู้ว่า ยาตัวไหน คือยาประเภทเลี้ยงไข้ ตัวอย่างเช่น
📕ยาลดคลอเรสเตอรอล ตอนนี้เรารู้แล้วว่ามันลดครอเรสเตอรอล =มากเกินไป= จนผู้ป่วย กลายเป็นโรคอื่นๆ เข้ามาแทน ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของยานี้
📕คน 44 ล้านคน ยังกินยากดประสาทอยู่ ซึ่งตอนนี้พิสูจน์ได้แล้วว่า มันใช้ไม่ได้ผล เพราะถึงกินไป ก็ไม่ต่างจากกินยาหลอก และแค่ไปออกกำลังกาย ก็ยังได้ผลดีกว่ากินยาถึง 2 เท่าด้วยเลย
📕แต่เดี๋ยวนี้ คุณจะไม่ได้ยินข่าวจริง ที่ดีต่อสุขภาพแบบนี้หรอกนะ ตราบใดที่ยักษ์ยา ยังเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ เป็นรายได้หลักให้กับช่องทีวี บริษัทพวกนี้ทำกำไร 5-6 เท่าเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่อื่นๆ ในอเมริกา พวกเขาจะไม่มีทางยอมสูญเสีย ผลกำไรงามๆ แบบนี้ไปง่ายๆ อย่างแน่นอน และจริงๆ แล้ว พวกเราก็เป็นแค่เหยื่อประเภท =โภคภัณฑ์มนุษย์= หรือ =แม่วัวทำเงิน= ตัวอ้วนๆ สำหรับพวกเขา
📕อย่างที่ดิฉันเอง ก็ถูกกระตุ้นให้ออกไปหลอกลวง เพื่อ =เพิ่มส่วนแบ่งตลาด= ให้กับบริษัท โดยไม่คิดไม่สน ว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยอย่างไรบ้าง โดยไม่รู้ว่าพวกเขา ปล่อยข่าวเท็จอะไรออกไปบ้าง โดยไม่รู้ว่างานวิจัย ถูกโกงอย่างไร ให้ออกมาดูดี ด้วยการปกปิดซุกซ่อน ผลข้างเคียงที่อันตรายอะไรบ้าง
📕ดิฉันอยู่ในวงการนี้มา 15 ปี และเป็นระดับตัวแม่ของตัวแม่นักขาย แต่ดิฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้ และกำลังบอกคุณว่า อุตสาหกรรมนี้มัน เน่าเฟะ แค่ไหน และเราต้องเอาอำนาจของเราคืนกลับมา ช่วยกันทำให้บริษัทยาเหล่านี้ ต้องรับผิดชอบกับความผิดที่ได้กระทำ สำหรับยาห่วยแตกที่ขายๆ กันอยู่ของพวกเขา
📕เพราะอีกไม่นานเกินรอ ที่ชาวมะกันทุกคน จะได้เจอผลลัพท์อันเลวร้ายของหายนะนี้ เราต้องแยกแยะให้ออกระหว่าง
• อะไรคือโรค
• อะไรคือความผิดปกติ
• อะไรคืออาการ
📕นั่นเพราะถ้ามันไม่มีหลักฐานทางการแพทย์อย่าง ผลเลือด ผลสแกนสมอง ฯลฯ คุณก็ไม่มีเอกสารอะไรมาพิสูจน์ได้ ว่าเป็นโรค ซึ่งคุณอาจไม่ได้ติดโรค แต่คุณแค่มีความผิดปกติ ที่อาจถูกวินิจฉัยมาอย่างผิดๆ
📕และคุณต้องขวนขวายหาความรู้ จนเข้าใจว่า มันยังมี =ทางเลือก= อื่นอยู่นะ ซึ่งอาจรักษาได้ผลดีกว่าการใช้ยา เสียด้วยซ้ำ ต้องไปดูในมุมของโภชนาการ ของอาหารที่คุณกิน ไลฟ์สไตล์ของคุณ คุณได้ออกกำลังกายบ้างไหม ? คุณได้ดูแลตัวเองดีพอแล้วหรือยัง ?
📕นั่นก็เพราะ เมื่อคุณเริ่มกินยาขนานหนึ่งเข้าไป คุณก็จะกลายเป็น =ลูกค้าตลอดชีพ= ของบริษัทขายยา ... 💊
🚩นาง Gwen Olsen คนวงใน ตัวแทนขายยา ที่ฝังตัวอยู่ในธุรกิจยามานาน 15 ปี ออกมาแฉ :-
📕บริษัทยักษ์ใหญ่ขายยา ไม่ได้สนใจที่จะ เสริมสุขภาพ หรือ เยียวยารักษา หรอกนะ
📕แต่พวกเขา อยู่ในธุรกิจ =เลี้ยงไข้= และ =บริหารอาการป่วย= ต่างหาก
📕พวกเขา ไม่รักษามะเร็ง ไม่รักษาอัลไซม์เมอร์ ไม่รักษาโรคหัวใจ หรือโรคใดๆ ทั้งสั้น
📕เพราะหากพวกเขาทำอย่างนั้น บริษัทก็เจ๊งกันพอดีนะสิ เพราะจะไม่เหลือคนป่วย มาคอยซื้อยาของพวกเขา ซึ่งแบบนั้นจะเป็นอันตรายต่อธุรกิจ
🚩ดิฉันไม่ใช่พวกนักทฤษฎีสมคบคิด เพราะมันมีหลักฐานโทนโท่
📕ยกตัวอย่างเช่น พวกยาระงับประสาท มันมีไว้เพื่อ =เลี้ยงไข้= ให้ป่วยอย่างนั้นอยู่นานๆ ส่วนใหญ่ต้องกินยาไปตลอดชีวิต มันเหมือนยาเสพติดที่คุณ =ถอนออก= ไม่ได้
📕ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผู้คนจะต้องรู้ว่า ยาตัวไหน คือยาประเภทเลี้ยงไข้ ตัวอย่างเช่น
📕ยาลดคลอเรสเตอรอล ตอนนี้เรารู้แล้วว่ามันลดครอเรสเตอรอล =มากเกินไป= จนผู้ป่วย กลายเป็นโรคอื่นๆ เข้ามาแทน ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของยานี้
📕คน 44 ล้านคน ยังกินยากดประสาทอยู่ ซึ่งตอนนี้พิสูจน์ได้แล้วว่า มันใช้ไม่ได้ผล เพราะถึงกินไป ก็ไม่ต่างจากกินยาหลอก และแค่ไปออกกำลังกาย ก็ยังได้ผลดีกว่ากินยาถึง 2 เท่าด้วยเลย
📕แต่เดี๋ยวนี้ คุณจะไม่ได้ยินข่าวจริง ที่ดีต่อสุขภาพแบบนี้หรอกนะ ตราบใดที่ยักษ์ยา ยังเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ เป็นรายได้หลักให้กับช่องทีวี บริษัทพวกนี้ทำกำไร 5-6 เท่าเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่อื่นๆ ในอเมริกา พวกเขาจะไม่มีทางยอมสูญเสีย ผลกำไรงามๆ แบบนี้ไปง่ายๆ อย่างแน่นอน และจริงๆ แล้ว พวกเราก็เป็นแค่เหยื่อประเภท =โภคภัณฑ์มนุษย์= หรือ =แม่วัวทำเงิน= ตัวอ้วนๆ สำหรับพวกเขา
📕อย่างที่ดิฉันเอง ก็ถูกกระตุ้นให้ออกไปหลอกลวง เพื่อ =เพิ่มส่วนแบ่งตลาด= ให้กับบริษัท โดยไม่คิดไม่สน ว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยอย่างไรบ้าง โดยไม่รู้ว่าพวกเขา ปล่อยข่าวเท็จอะไรออกไปบ้าง โดยไม่รู้ว่างานวิจัย ถูกโกงอย่างไร ให้ออกมาดูดี ด้วยการปกปิดซุกซ่อน ผลข้างเคียงที่อันตรายอะไรบ้าง
📕ดิฉันอยู่ในวงการนี้มา 15 ปี และเป็นระดับตัวแม่ของตัวแม่นักขาย แต่ดิฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้ และกำลังบอกคุณว่า อุตสาหกรรมนี้มัน เน่าเฟะ แค่ไหน และเราต้องเอาอำนาจของเราคืนกลับมา ช่วยกันทำให้บริษัทยาเหล่านี้ ต้องรับผิดชอบกับความผิดที่ได้กระทำ สำหรับยาห่วยแตกที่ขายๆ กันอยู่ของพวกเขา
📕เพราะอีกไม่นานเกินรอ ที่ชาวมะกันทุกคน จะได้เจอผลลัพท์อันเลวร้ายของหายนะนี้ เราต้องแยกแยะให้ออกระหว่าง
• อะไรคือโรค
• อะไรคือความผิดปกติ
• อะไรคืออาการ
📕นั่นเพราะถ้ามันไม่มีหลักฐานทางการแพทย์อย่าง ผลเลือด ผลสแกนสมอง ฯลฯ คุณก็ไม่มีเอกสารอะไรมาพิสูจน์ได้ ว่าเป็นโรค ซึ่งคุณอาจไม่ได้ติดโรค แต่คุณแค่มีความผิดปกติ ที่อาจถูกวินิจฉัยมาอย่างผิดๆ
📕และคุณต้องขวนขวายหาความรู้ จนเข้าใจว่า มันยังมี =ทางเลือก= อื่นอยู่นะ ซึ่งอาจรักษาได้ผลดีกว่าการใช้ยา เสียด้วยซ้ำ ต้องไปดูในมุมของโภชนาการ ของอาหารที่คุณกิน ไลฟ์สไตล์ของคุณ คุณได้ออกกำลังกายบ้างไหม ? คุณได้ดูแลตัวเองดีพอแล้วหรือยัง ?
📕นั่นก็เพราะ เมื่อคุณเริ่มกินยาขนานหนึ่งเข้าไป คุณก็จะกลายเป็น =ลูกค้าตลอดชีพ= ของบริษัทขายยา ... 💊