6 คนสงสัย
ข้อมูลจาก รพ.จุฬาภรณ์ *การระบาดที่กำลังเกิด จากเมื่อวานนี้และวันนี้ เป็นสายพันธุ์ B.1.1.7 หรือ British variant ที่เข้ามาระบาดภายในประเทศแล้ว
ข้อมูลจาก รพ.จุฬาภรณ์
*การระบาดที่กำลังเกิด จากเมื่อวานนี้และวันนี้ เป็นสายพันธุ์ B.1.1.7 หรือ British variant ที่เข้ามาระบาดภายในประเทศแล้ว
(มีการตรวจ genome ยืนยันแล้ว) การระบาดจะแรงขึ้น 30 ถึง 50 % ทุกคนควรระวังตัวให้เต็มที่

สัญญาณ Covid-19 สรุปจาก สธ.
น่าจะช่วยกันได้บ้าง

อาการวันต่อวัน

วันที่ 1-3 :
1. คล้ายหวัด
2. ปวดในคอเล็กน้อย
3. ไม่มีไข้ ไม่เหนื่อย
4. กิน/ดื่มปกติ

วันที่ 4 :
1. เจ็บคอเล็กน้อย
2. พูดเริ่มเจ็บในคอ
3. ไข้ดูปกติ 36.5°C
4. รบกวนกับการกิน
5. ปวดหัวเล็กน้อย
6. ท้องเสียอ่อนๆ
7. รู้สึกเหมือนเมา

วันที่ 5 :
1. ปวดในคอ พูด-เจ็บ
2. อ่อนเพลียเล็กน้อย
3. ปรอทไข้ 36.5° - 36.7°C
3. อ่อนเพลีย ปวดข้อต่อ

วันที่ 6 :
1. ปรอทไข้ 37 °C+
2. ไอแห้ง
3. ปวดคอขณะกิน/พูด
4. อ่อนเพลีย คลื่นไส้
5. หายใจลำบากเป็นครั้งคราว
6. นิ้วรู้สึกเจ็บปวด
7. ท้องร่วง อาเจียน

วันที่ 7 :
1. มีไข้ 37.4° - 37.8°C
2. ไอต่อเนื่อง มีเสมหะ
3. ปวดร่างกาย/ศีรษะ
4. ท้องร่วงมาก
5. อาเจียน

วันที่ 8 :
1. ไข้ 38°C+++
2. หายใจลำบาก
3. ไอต่อเนื่อง
4. ปวดหัว ข้อต่อ กล้ามเนื้อ
5. ง่อยและปวดก้น

วันที่ 9 :
1. ไม่ดีขึ้น และแย่ลง
2. ไข้สูงมาก
3. อาการทรุดลงมาก
4. ต้องต่อสู้เพื่อหายใจ

อาการในวันที่ 9 ต้อง
-ตรวจเลือด
-CT Scan ทรวงอก

เพื่อประโยชน์ร่วมกัน แชร์ต่อนะครับ

ขอขอบคุณครับ
Mrs.Doubt
 •  2 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น

โควิด 2019

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    รัฐบาลเตรียมจ่อประกาศงดเทศกาลปีใหม่ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธ์ใหม่ "เดลตาครอล XBC" ซึ่งแพร่ระบาดได้ง่าย/รวดเร็ว และมีผลอันตรายกว่า2สายพันธ์ที่ผ่านมาถึง3เท่า ระมัดระวังกันด้วยนะครับ ตอนนี้ประเทศเพื่อนบ้านที่ติดกับไทยติดแล้วเป็นจำนวนมากครับ ข้อมูลจาก รพ.จุฬาภรณ์ *การระบาดที่กำลังเกิด จากเมื่อวานนี้และวันนี้ เป็นสายพันธุ์ B.1.1.7 หรือ British variant ที่เข้ามาระบาดภายในประเทศแล้ว (มีการตรวจ genome ยืนยันแล้ว) การระบาดจะแรงขึ้น 30 ถึง 50 % ทุกคนควรระวังตัวให้เต็มที่ สัญญาณ Covid-19 สรุปจาก สธ. น่าจะช่วยกันได้บ้าง อาการวันต่อวัน วันที่ 1-3 : 1. คล้ายหวัด 2. ปวดในคอเล็กน้อย 3. ไม่มีไข้ ไม่เหนื่อย 4. กิน/ดื่มปกติ วันที่ 4 : 1. เจ็บคอเล็กน้อย 2. พูดเริ่มเจ็บในคอ 3. ไข้ดูปกติ 36.5°C 4. รบกวนกับการกิน 5. ปวดหัวเล็กน้อย 6. ท้องเสียอ่อนๆ 7. รู้สึกเหมือนเมา วันที่ 5 : 1. ปวดในคอ พูด-เจ็บ 2. อ่อนเพลียเล็กน้อย 3. ปรอทไข้ 36.5° - 36.7°C 3. อ่อนเพลีย ปวดข้อต่อ วันที่ 6 : 1. ปรอทไข้ 37 °C+ 2. ไอแห้ง 3. ปวดคอขณะกิน/พูด 4. อ่อนเพลีย คลื่นไส้ 5. หายใจลำบากเป็นครั้งคราว 6. นิ้วรู้สึกเจ็บปวด 7. ท้องร่วง อาเจียน วันที่ 7 : 1. มีไข้ 37.4° - 37.8°C 2. ไอต่อเนื่อง มีเสมหะ 3. ปวดร่างกาย/ศีรษะ 4. ท้องร่วงมาก 5. อาเจียน วันที่ 8 : 1. ไข้ 38°C+++ 2. หายใจลำบาก 3. ไอต่อเนื่อง 4. ปวดหัว ข้อต่อ กล้ามเนื้อ 5. ง่อยและปวดก้น วันที่ 9 : 1. ไม่ดีขึ้น และแย่ลง 2. ไข้สูงมาก 3. อาการทรุดลงมาก 4. ต้องต่อสู้เพื่อหายใจ อาการในวันที่ 9 ต้อง -ตรวจเลือด -CT Scan ทรวงอก เพื่อประโยชน์ร่วมกัน แชร์ต่อนะครับ ขอขอบคุณครับ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    คำแนะนำที่ถูกต้องของแพทย์ที่ รพ รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ อจ ธนัญญา วันนี้มาคุยเรื่อง #selfisolation กันนะคะ
    คำแนะนำที่ถูกต้องของแพทย์ที่ รพ รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ อจ ธนัญญา วันนี้มาคุยเรื่อง #selfisolation กันนะคะ อย่างที่ทราบ ยอดเคสใหม่ ทำลายสถิติใหม่ทุกวัน เคสหนักก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว สุดท้ายระบบสาธารณสุขจะรองรับดูแลทุกคนที่ติดเชื้อไม่ไหว ดีที่เรารู้จักมันพอสมควรแล้ว เหมือนที่เรารู้ว่าต้องดูแลตัวเองอย่างไรเวลาเป็นหวัด ใช่ค่ะ วัคซีนทำให้โควิดกลายเป็นแค่ไข้หวัด ดังนั้นหากคุณเป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรง อายุน้อยกว่า 60 ปี BMI < 30 ได้รับวัคซีนครบ กระตุ้นแล้วไม่เกิน 3 เดือน คุณคือผู้ที่สามารถดูแลตนเองที่บ้านได้ค่ะ ไม่น่ากลัวเลย เกิดวันนึงมีอาการแสบคอ เจ็บคอ คัดจมูก ไอ ไข้ ปวดเมื่อยตามตัว อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วสงสัยว่าตัวเองจะเป็นโควิดมั้ยก็เอา ATK มาจิ้มจมูกให้สิ้นสงสัย ถ้าขึ้น 2 ขีดก็คือใช่ มงลงที่คุณค่ะ (ไม่ต้องไปสืบหาว่าติดมาจากไหน ชั้นไม่ได้ออกไปไหนเลยนะ ติดได้ยังไง… เพราะตอนนี้มันอยู่ทุกที่แล้ว เหมือนเวลาเป็นหวัด เราก็ไม่เคยไปหาว่าติดจากไหน คิดซะว่าออกไปตากฝนมาเนอะ) พอขึ้น 2 ขีดแล้วตั้งสตินะคะ อย่ากรีดร้อง เดี๋ยวเชื้อฟุ้งกระจาย ค่อยๆดึงแมสก์ขึ้นมาปิดจมูกแล้วเดินเงียบๆเข้าห้องปิดประตูไป จากนั้นส่งไลน์กรุ๊ปครอบครัว และเพื่อนฝูงที่เราเจอในช่วง 3 วันที่ผ่านมา แจ้งให้ทราบว่า หนูมงลงแล้วนะคะ ช่วยตรวจ ATK ของตัวเองว่าใครเป็นบ้าง ใครที่เป็น ก็ทำแบบเดียวกันตามสเต็ปถัดไป ส่วนที่ยังไม่เป็นก็กักตัวค่ะ อีก 3 วันดูอาการแล้ว ATK อีกสักทีตอน 7 วัน กักต่อครบ 10 วัน ไม่มีอาการอะไรก็ได้ไปเวทีต่อไปค่ะ หลังจากเข้าห้อง และแจ้งคนรอบตัวแล้วทำดังนี้นะคะ 1.โทรไปลางาน แจ้งที่ทำงาน เจ้านาย ลูกน้องให้เรียบร้อย 2. แจ้ง 1330 (โทรไม่ติดไม่เป็นไรนะคะ ค่อยๆโทร แค่โทรไปแจ้งว่าเราติดเฉยๆนะ ไม่ต้องพยายามหาเตียง หายาอะไร หรือถ้าโทรไม่ได้จริงๆ ข้ามข้อนี้ไปเลยค่ะ) 3. สังเกตอาการตัวเอง นึกดีๆว่าเราเริ่มมีอาการวันแรกวันไหน นับเป็น day 0 เก็บเอาไว้ในใจนะคะ 4. มีอาการอะไรก็กินยาตามนั้น ลดไข้ ลดน้ำมูก ยาอมแก้เจ็บคอ ลดเสมหะ แก้ไอ (เตรียมติดบ้านไว้เลยนะคะ) 5. ข้อนี้ไอเท็มเสริม ถ้ามีก็อุ่นใจขึ้น คือ ปรอทวัดไข้ กับ ที่วัดออกซิเจนปลายนิ้ว (มีติดไว้และฝึกวัดไว้ก่อน ตอนเป็นจะได้ไม่ลน) วัดวันละครั้งหรือสองครั้งเช้าเย็นก็พอนะ จะได้ไม่ ปสด มาก ถ้าวัดได้ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ ติดต่อรพ. หรือ 1330 นะคะ - ไข้ > 37.5 องศาเซลเซียส เกิน 3 วัน - รู้สึกเหนื่อย แน่นอก ไอมาก วัดออกซิเจนได้ < 96% หรือ วัดออกซิเจนหลังออกกำลังกายแล้วลดลง > 3% 6. นอนดูซีรีส์ หรือทำงานที่คั่งค้างให้เสร็จ หรือจะเข้าเรียนออนไลน์ ประชุมออนไลน์ อะไรก็ทำไปค่ะ นับวันไป พอถึง day 7 คุณหายแล้วค่ะ จากนั้นก็นอนต่อแบบสบายใจขึ้น ไปจนครบ 10 วัน 7. แจ้งที่ทำงานกับคนรอบข้าง ไปว่าครบ 10 วันชั้นจะกลับไปทำงานแล้วจ้า เป็นอันครบกระบวนการ self isolation ที่บ้านแบบชิลๆ (ไม่ต้องพกฟาวิ กระชายขาว ฟ้าทะลายโจนอะไรไว้ก็ได้นะ เพราะระลอกนี้มันไม่ค่อยช่วยอะไร) แต่ๆๆๆๆ ถ้าคุณมีโรคประจำตัวที่ทำให้ภูมิอ่อนแอ เช่น เบาหวานที่คุมไม่ดี น้ำหนักเกิน ไตวายเรื้อรัง ถุงลมโป่งพอง หอบหืด กินยากดภูมิ อายุเกิน 60 ยังไม่ได้วัคซีน หรือยังไม่ได้กระตุ้น ติดต่อรพ.เลยค่ะ ถึงตอนนี้สิ่งที่ให้เตรียมไว้คือ 1. ที่แยกเพื่อกักตัว 2. ยาสามัญประจำบ้าน 3. ปรอทวัดไข้ และที่วัดออกซิเจนปลายนิ้ว 4. อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ (อย่าลืมที่ชาร์จ) 5. คนส่งอาหารถึงหน้าประตู 6. ถุงแยกขยะในห้อง กับถังใส่เสื้อผ้าซักแล้ว (เก็บไว้ซักทีเดียว ตอนกักตัวครบ) ใครยังไม่ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้กระตุ้น ไปฉีดซะนะคะ ที่นอนไอซียูตอนนี้ ไม่มีใครฉีดเลยค่ะ /เตือนแล้วนะ
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    วันที่ 1-3 คือ 1.อาการคล้ายหวัด 2.อาการเจ็บคอเล็กน้อย 3.ไม่มีไข้ ไอ เหนื่อย ยังคงกินอาหารและดื่มตามปกติ วันที่ 4 คือ 1.เจ็บคอเล็กน้อย ร่างกายรู้สึกเหมือนเมาเหล้า 2.เสียงเริ่มเปลี่ยน 3.อุณหภูมิของร่างกายประมาณ 36.5 องศา 4. เริ่มมีอาการที่กินลำบากนิดๆ 5.ปวดหัวเล็กน้อย 6.ท้องเสียอย่างอ่อนๆ วันที่ 5 คือ 1.มีอาการเจ็บคอและเสียงเปลี่ยน 2.อุณหภูมิของร่างกาย 36.5-37 องศา 3.ร่างกายอ่อนแอและรู้สึกปวดข้อต่อ
    naruemonjoy
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สังเกตุตัวเองด้วยนะคะ สัญญาณ Covid-19 สรุปจาก สธ น่าจะช่วยกันได้บ้าง อาการวันต่อวัน วันที่ 1-3 1. คล้ายหวัด 2. ปวดในคอเล็กน้อย 3. ไม่มีไข้ ไม่เหนื่อย 4. กิน/ดื่มปกติ วันที่ 4 1. เจ็บคอเล็กน้อย 2. พูดเริ่มเจ็บในคอ 3. ไข้ดูปกติ 36.5°C 4. รบกวนกับการกิน 5. ปวดหัวเล็กน้อย 6. ท้องเสียออ่อนๆ 7. รู้สึกเหมือนเมา วันที่ 5 1. ปวดในคอ พูด_เจ็บ 2. อ่อนเพลียเล็กน้อย 3. ปรอทไข้ 36.5° -36.7°C 3. อ่อนเพลีย ปวดข้อต่อ วันที่ 6 1. ปรอทไข้ 37 ° C+ 2. ไอแห้ง 3. ปวดคอขณะกิน/พูด 4. อ่อนเพลีย คลื่นไส้ 5. หายใจลำบากเป็นครั้งคราว 6. นิ้วรู้สึกเจ็บปวด 7. ท้องร่วง อาเจียน วันที่ 7 1. มีไข้ 37.4° -37.8°C 2. ไอต่อเนื่อง มีเสมหะ 3. ปวดร่างกาย/ศีรษะ 4. ท้องร่วงมาก 5. อาเจียน วันที่ 8 1. ไข้ 38°C+++ 2. หายใจลำบาก 3. ไอต่อเนื่อง 4. ปวดหัว ข้อต่อ กล้ามเนื้อ 5. ง่อยและปวดก้น วันที่ 9 1. ไม่ดีขึ้น และแย่ลง 2. ไข้สูงมาก 3. อาการทรุดลงมาก 4. ต้องต่อสู้เพื่อหายใจ อาการในวันที่ 9 ต้องตรวจเลือด CT Scan ทรวงอก เพื่อประโยชน์ร่วมกัน แชร์ต่อนะคะ ขอขอบคุณค่ะ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อุทาหรณ์เตือนใจ
    อุทาหรณ์เตือนใจ หมออุดมศิลป์ อายุ 83 วิ่งออกกำลังกายทุกวัน แข็งแรงมากกว่าคนวัยเดียวกัน ติดโควิดจากแม่บ้าน ไม่ไป รพ จนลงปอด ข่วยไม่ทันแล้ว อย่าลืมสวมหน้ากากเนื่องจากโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ COVID-Omicron BA 4.5 นั้นแตกต่าง อันตรายถึงชีวิต และตรวจไม่พบอย่างถูกต้อง:- อาการของไวรัส COVID-Omicron BA 4.5 มีดังนี้:- 1. ไม่มีไอ 2.ไม่มีไข้ จะมีอาการมากใน :- 3. ปวดข้อ 4. ปวดหัว 5. ปวดคอ 6. ปวดหลังส่วนบน 7. โรคปอดบวม 8. โดยทั่วไปจะไม่มีความอยากอาหาร แน่นอนว่า COVID-Omicron BA 4.5 นั้นรุนแรงกว่าตัวแปรเดลต้าถึง 5 เท่า และมีอัตราการตายสูงกว่าเดลต้า ต้องใช้เวลาไม่นานกว่าอาการจะรุนแรงถึงขั้นรุนแรง และบางครั้งก็ไม่มีอาการชัดเจน ให้ระวังมากขึ้น! ไวรัสสายพันธุ์นี้ไม่มีอยู่ในบริเวณโพรงจมูก และจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อปอด "หน้าต่าง" ในระยะเวลาอันสั้น ผู้ป่วยหลายรายที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ Covid Omicron BA 4.5 ถูกจำแนกเป็นไม่มีไข้และไม่เจ็บปวด แต่รังสีเอกซ์เรย์พบว่ามีปอดบวมที่หน้าอกเล็กน้อย การตรวจด้วยไม้กวาดทางจมูกโดยทั่วไปแล้วเป็นผลลบต่อเชื้อ COVID-Omicron BA 4.5 และกรณีการตรวจทางจมูกที่มีผลลบแบบเท็จก็เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าไวรัสสามารถแพร่กระจายในชุมชนและติดเชื้อในปอดโดยตรง นำไปสู่โรคปอดอักเสบจากไวรัส ซึ่งจะทำให้เกิดความเครียดทางเดินหายใจเฉียบพลัน สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไม Covid-Omicron BA 4.5 จึงรุนแรง เป็นพิษสูง และเป็นอันตรายถึงชีวิต โปรดทราบ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด รักษาระยะห่าง 1.5 เมตร แม้ในที่โล่ง สวมหน้ากาก 2 ชั้น หน้ากากที่เหมาะสม และล้างมือบ่อยๆ เมื่อทุกคนไม่มีอาการ (ไอหรือจาม) Covid Omicron BA 4.5 นี้ *"WAVE"* ร้ายกาจกว่าระลอกแรกของ Covid-19 ดังนั้น เราจึงต้องระมัดระวังให้มากและใช้ *มาตรการป้องกัน corona virus ขั้นสูงที่หลากหลาย* รักษาการสื่อสารกับเพื่อนและครอบครัวของคุณอย่างระมัดระวัง อย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้คนเดียว แบ่งปันให้มากที่สุดกับญาติและเพื่อน โดยเฉพาะของคุณ
    Mrs.Doubt
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false