ตรวจสอบข่าว

1 คนสงสัย
เพื่อไทยขั้วใหม่ ภูมิใจไทยตัวแปร !?
มาถึงตอนนี้ก็ต้องมองข้ามช็อตกันแล้วว่า ปิดฉากพรรคก้าวไกลได้จัดตั้งรัฐบาล ที่มี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้เลย สิ่งที่ต้องพิจารณากันถึงความเป็นไปได้ ก็คือ เริ่มจาก พรรคเพื่อไทยจะได้เก้าอี้ประธานสภาผู้แทน โดยมีชื่อของ นายสุชาติ ตันเจริญ เป็นเต็งหนึ่ง จากนั้นก็เป็นการ “จับขั้ว” ตั้งรัฐบาลใหม่ มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มีภูมิใจไทยและ พลังประชารัฐเข้าร่วม สูตรนี้ภูมิใจไทยเป็น “ตัวแปร” ส่วนใครจะเป็นนายกฯ ระหว่าง นายเศรษฐา ทวีสิน หรือ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ค่อยมาว่ากัน
std47872
 •  2 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    เลือกตั้งนายกคนที่ 30 พิธาลิ้มเจริญรัตน์
    วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินในรัฐพิธีเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันอังคารที่ 4 กรกฎาคม เวลา 09.30 น. เปิดประชุมสภาฯ นัดแรก เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทน ราษฎรและรองประธานสภาฯอีก 2 คน ถ้าการโหวตเลือกประธานสภาฯและรองประธานสภาฯไม่มีการหักหลังพวกเดียวกันเอง?? การจัดตั้งรัฐบาลผสม 8 พรรค จะผ่านด่านแรกได้อย่างสะดวกโยธิน!! จากนั้นอีก 10 วัน จะมีการประชุมร่วม 2 สภาฯ เพื่อโหวตเลือก “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หน.พรรคก้าวไกล เป็นนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทย ถ้าโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน เพราะเสียงสนับสนุนไม่ถึง 376 คะแนน จากเสียง ส.ส.บวก ส.ว.ทั้งหมด 750 คน ก็ต้องนัดประชุมครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 หรือครั้งที่ 4 หรือครั้งที่ 5... หรือจนกว่านายพิธาจะได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากการโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ต้องล่าช้าออกไป ส.ว.ลากตั้ง 250 คน ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ หากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ต้องยืดเยื้อเกินควร ส.ว.ลากตั้งต้องรับผิดชอบผลกระทบที่จะตามมา “แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่หักหลังพรรคก้าวไกล นายพิธา ต้องได้เป็นนายกฯคนใหม่แน่นอน!! แม้ว่า “นายพิธา” อาจโดน กกต.ยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญให้หลุดจาก ส.ส.กรณีถือหุ้นไอทีวี?? ชะตากรรมนายพิธาอาจซ้ำรอยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ต้องหลุดจาก ส.ส.เพราะกรณีถือหุ้นสื่อเช่นเดียวกัน?? แต่ “แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่า “เคสพิธา” จะไม่ซ้ำรอย “เคสธนาธร”
    eikq.exe
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ก้าวไกล มีมติ ไม่ร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ-พรรครวมไทยสร้างชาติ
    วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกลได้จัดประชุม ส.ส.ผ่านทางออนไลน์ เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน และการกำหนดทิศทางการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ได้ข้อสรุปว่า พรรคก้าวไกลยืนยันจะไม่ร่วมรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ด้วยเหตุผลต่อไปนี้ 1.เป็นที่แน่ชัดว่าพรรคพลังประชารัฐมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และพรรครวมไทยสร้างชาติมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งสองเป็นหัวหอกหลักในการยึดอำนาจ ทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซ้ำยังมีกระบวนการสืบทอดอำนาจตนเองผ่านรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วยกลไกและองค์กรสถาบันทางการเมืองต่าง ๆ จนถึงปัจจุบัน 2.พรรคก้าวไกลมีจุดยืนชัดเจนต่อประเด็นการสืบทอดอำนาจ และประกาศตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2565 ว่าจะไม่จับมือกับพรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจ และได้ประกาศย้ำต่อประชาชนในทุกรายการ ทุกเวทีหาเสียงเลือกตั้ง 3.ผลการเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคม เป็นการประกาศเจตจำนงของประชาชนที่ชัดเจนว่าต้องการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจนชนะเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 เมื่อรวมกันได้ 8 พรรคการเมืองที่มีแนวทางยุติการสืบทอดอำนาจ ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรถึง 312 จาก 500 ที่นั่ง และมีคะแนนดิบสูงถึง 27 ล้านเสียง ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้ว่าประชาชนต้องการพลิกขั้วเปลี่ยนข้างรัฐบาล ดังนั้น เป้าหมายสูงสุดของเราในฐานะพรรคอันดับ 1 คือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้สำเร็จเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิม 4.แม้กลไก ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. จะสกัดขัดขวาง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่เรายืนยันว่าสิ่งสำคัญในวันนี้ ไม่ใช่พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี หรือก้าวไกลเป็นรัฐบาล แต่คือการจัดตั้งรัฐบาลที่ประกอบด้วย 8 พรรคตามมติประชาชน พรรคก้าวไกลจึงเปิดทางให้พรรคอันดับสองคือพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เดินหน้าหาเสียงสนับสนุนตามที่ปรากฏเป็นข่าว 5.แม้การจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็วที่สุด จะมีความสำคัญต่อการเดินหน้าแก้ไขปัญหาของประชาชน แต่เราเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่บิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนซึ่งสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง จะนำไปสู่วิกฤตศรัทธาของประชาชนต่อระบอบประชาธิปไตย จนอาจยากต่อการเรียกกลับคืน
    std46768
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    การเมืองเล่นงาน เรื่องของกัญชา ที่ พ.ร.บ. ต้องถูกถอดออกจากที่ประชุมสภา แบบหักปากกาเซียนนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องของการเมือง ที่พรรคการเมือง จะต้องมองถึงศึกเลือกตั้งที่กำลังใกล้เข้ามาทุกวินาที เป็นศึกที่จะยอมกันไม่ได้แน่นอน จำได้ไหม ตอนนำร่าง พ.ร.บ.กัญชาเข้าสภา ในขั้นตอนยกร่าง ปรากฏว่าทุกพรรคยกมือเห็นดี เห็นงาม วันนั้น ยังมองว่าเป็นโอกาสของประเทศไทย ทั้งในเรื่องของการแพทย์และเศรษฐกิจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ท่าที ที่เคยเป็นมิตรจากฝ่ายการเมืองเริ่มไม่เหมือนเดิม เพราะรู้กันดีว่าหากปล่อยนโยบายกัญชาเดินหน้าราบรื่น รับรองว่า พรรคภูมิใจไทย กับสโลแกน “พูดแล้วทำ” กระหื่มแน่ ดังนั้น เมื่อมาถึงวาระที่ 2 ของการพิจารณา พ.ร.บ.ดังกล่าว จึงต้องใช้โอกาสนี้ ซัดให้ล้มหงาย นำโดยพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ที่กลับมาจับมือกัน ทั้งที่เรื่องนี้ มีทางออก มากมายโดยไม่จำเป็นต้องถอนร่างกลับไปแก้ไขใหม่ให้เสียเวลา อาทิ การพิจารณารายมาตราต่อในที่ประชุมสภาได้เลย แต่การดึงดันที่จะให้ถอนร่างไปนั้น ก็ไม่ต่างจากการล้มนโยบายของพรรคภูมิใจไทยแล้ว เพราะเหลือเวลาอีกไม่มากอายุของสภาจะหมดลง นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธาน กมธ.ร่าง พระราชบัญญัติฉบับนี้ พูดด้วยความท้อใจ “วันนี้ประเทศไทยต้องเดินหน้านับหนึ่งก่อน ถ้ามีข้อบกพร่องประการใดก็พร้อมที่จะแก้ แต่วันนี้ท่านยังไม่ได้ดูแต่ละมาตราเลย แต่บอกให้ผมเอากลับไปแก้ ผมเอามานำเสนอต่อที่ประชุมนี้ หากท่านเห็นว่ากฎหมายในแต่ละมาตราไม่ดี ก็เป็นเอกสิทธิ์ของท่าน แต่วันนี้อย่าเพิ่งติ หากท่านยังไม่เห็นรายละเอียด” นายศุภชัย กล่าว อันที่จริง กับท่าทีของพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกพิศดาร แต่เป็นพรรคประชาธิปัตย์ต่างหากที่น่าจับตามอง เพราะอย่าลืมว่า ก็เป็นพรรคร่วมมาด้วยกัน จึงถือเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย ที่อยู่ดีๆ เอามีดมาฟันเพื่อนหัวแบะ หรือโกรธเคืองที่ถูกพรรคภูมิใจไทย ไล่เจาะพื้นที่ภาคใต้ แต่ทุกพื้นที่นั้น ทุกพรรคก็มีสิทธิ์หาเสียง และประชาชนก็มีสิทธิ์เลือก ใช่หรือไม่ ? อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ พูดอยู่เสมอว่า กังวลการใช้กัญชาอย่างเลยเถิด แต่การบังคับให้ต้องถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เท่ากับการใช้กัญชาของไทย จะยังถูกควบคุมด้วยกฎหมายเดิม ที่ไม่ทันสมัย ไม่ทันสถานการณ์ การดูแลไม่ทั่วถึงครอบคลุม ช่างย้อนแย้งเสียนี่กระไร มีคำถามที่แหลมคมจากกลุ่ม “เขียนอนาคตกัญชาไทย” ต่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่บัดนี้ หมายรวมถึงพรรคเพื่อไทยด้วย 1.กัญชาเสรีนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงวันที่ 9 มิ.ย.จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการปล่อยให้กัญชาเสรีที่สุดเพราะไม่มีกฎหมายมากำกับ และในช่วงที่เสรีที่สุดนี้ กัญชาได้ก่อให้เกิดความวิบัติใดกับสังคมบ้าง เช่น คนติดกัญชาเพิ่มขึ้น คนติดกัญชาไปทำร้ายคนอื่น เหตุการณ์ใดที่ถูกนำมาเป็นปัจจัยชี้วัดว่ากัญชาควรกลับไปเป็นยาเสพติด โดยต้องตอบคำถามนี้เพราะในคำแถลงระบุชัดเจนว่านี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง ฉะนั้นหากยืนยันว่ากระทำบนหลักการ จึงต้องชี้แจงต่อสาธารณะว่ามีข้อมูลใดที่แสดงให้เห็นว่ากัญชาควรต้องกลับไปเป็นยาเสพติด 2.ท่านไม่เห็นด้วยที่อนุญาตให้ครัวเรือนปลูกกัญชาได้ เพราะมองว่าจะเอาไปสูบแทนที่จะนำไปทำประโยชน์ทางการแพทย์ คำถามที่สำคัญคือท่านมีความรู้แค่ไหนในเรื่องกัญชา และนำหลักเกณฑ์ใดมาตัดสินว่าหากชาวบ้านมีสิทธิในการปลูกกัญชาได้แล้วจะก่อให้เกิดภาวะคนสูบกัญชาทั้งประเทศ หากท่านคิดว่าการที่คนเข้าถึงกัญชาแล้วจะทำให้คนสูบกัญชามากขึ้นนั้น เป็นความไร้เดียงสานำความไม่รู้มาตัดสินพืชพื้นเมืองที่อยู่คู่กับครัวเรือนของประเทศนี้มานานก่อนที่รัฐบาลจะประกาศให้ผิดกฎหมาย “ความตายและการเจ็บป่วยของชาวบ้านซึ่งไม่มีเงินรักษา ไม่ได้มีเงินแบบท่าน พวกเขาเหล่านั้นใช้น้ำมันกัญชาในการรักษาชีวิต อย่างที่ ท่านไม่เคยใส่ใจ และอย่าไร้เดียงสาพูดเรื่องกัญชาทางการแพทย์ หากประชาชนไม่สามารถปลูกได้ กัญชาจะกลับไปอยู่ในมือของกลุ่มทุนและผู้เชี่ยวชาญ ทั้งที่มันอยู่ในตำรายาแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้านเมื่อครั้งสมัยอยุธยาและชาวบ้านสามารถผลิตยารักษา นำไปใส่อาหารแทนผงชูรส และอย่าดูถูกประชาชนว่าไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรถูกอะไรผิดต่อการใช้พืชพื้นเมืองชนิดนี้ ชาวบ้านปลูกกัญชาผิด เวลาพวกคุณเทเหล้าใส่ปากขวดละหลายหมื่น มึนเมากันกลับเป็นวัฒนธรรมอันดีงาม” น่าเสียดายที่พรรคนี้กีดขวางประชาชนในการเข้าถึงการผลิตยาสมุนไพรจากพืชพื้นเมืองที่ชื่อว่ากัญชา สังคมต้องตัดสินพรรคนี้ว่า ควรที่จะให้โอกาสพรรคนี้มาทำงานในสภาอีกหรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อว่าคำถามเหล่านี้ จะไม่มีคำตอบ เพราะพวกเขาได้บรรลุเป้าหมายแล้ว เป้าหมายทางการเมืองในการตัดขาคู่แข่ง เขาคิดแค่นี้ และทำมันได้แล้ว #Ringsideการเมือง
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    “ ชลน่าน” โต้ข่าวเพื่อไทยยกประธานสภาให้ก้าวไกล ซัดปล่อยข่าวทำพรรคตกเป็นจำเลย ยืนยันหนุน “พิธา” นั่งนายกฯ ไม่มีแผน 2-3
    “ชลน่าน” โต้ข่าวเพื่อไทยยกประธานสภาให้ก้าวไกล ซัดปล่อยข่าวทำพรรคตกเป็นจำเลย ยืนยันหนุน “พิธา” นั่งนายกฯ ไม่มีแผน 2-3 จากกรณีมีกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยยอมยกเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้พรรคก้าวไกล โดยพรรคเพื่อไทยจะนั่งรองประธานสภาฯ 2 ตำแหน่ง มีเงื่อนไขว่าทั้ง 8 พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมจะชู นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี หาก นายพิธา ไม่สามารถฝ่าด่าน ส.ว. ได้ พรรคเพื่อไทย จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคก้าวไกลจะอยู่ช่วยพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลไม่แยกตัวออกไปไหนนั้น ล่าสุด นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า ไม่รู้ที่มาที่ไปของข่าวดังกล่าว โดย นพ.ชลน่าน บอกว่า เมื่อวานนี้ยังอยู่กับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ก็ยังมีการพูดคุยถึงแนวทางต่างๆ ที่เราจะไปพูดคุย เจรจากับพรรคก้าวไกล รวมถึงกระบวนการเพื่อขอมติพรรค 3 ก.ค. ก่อนที่จะมีการโหวตประธานสภา 4 ก.ค. นพ.ชลน่าน ย้ำว่า คำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก บางคนไปตีความ สิ่งที่สื่อสารออกไปผิด ที่ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ว่า เปรียบประชาชนเป็นพ่อแม่ เมื่อพ่อแม่ให้เขามาอย่างไรเราก็ต้องทำ แม้เราไม่เห็นด้วยในเรื่องนั้นตนก็เลยเปรียบเทียบ ให้ฟังกลับไปตีความผิด กลายเป็นว่าไม่รักกัน มันไม่ใช่ไม่รักกัน การคลุมถุงชนมันไม่ใช่ว่ารักหรือไม่รัก จริงอยู่ส่วนหนึ่งที่อาจมีไม่รักแต่ถูกจับมาแต่ง บางครอบครัวเขาไม่เคยเจอกันเลยแต่ถูกจับมาแต่งเขาก็รักกัน เป็นคู่ชีวิตที่ยั่งยืน อย่างเช่นคนจีนที่มีครอบครัวเข้มแข็ง ความหมาย คือ เพียงแค่จะต้องการให้เห็นความสำคัญของประชาชน ว่าเขามอบอำนาจมาให้เราเหมือนพ่อเหมือนแม่ ดังนั้นเราเองไม่มีสิทธิ์ที่จะไปคิดอย่างอื่นเลย ต้องการจะเปรียบเทียบเท่านี้ แต่อาจจะสื่อสาร ไขว้เขวก็ต้องขออภัย เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวที่ระบุว่าพรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งรองประธานสภา 2 คน และเป็นเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลแทนหากก้าวไกลทำไม่สำเร็จนั้น นพ.ชลน่าน ยืนยัน เป็นการปล่อยข่าว ระดับแกนนำเองก็ยังงง ว่ามายังไง เพราะไม่ใช่ผลดีกับพรรคแน่นอน และคนที่ปล่อยข่าวมาอ้างตัวว่าเป็นแหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย อย่างนี้ยิ่งส่งผลไม่ดี ยิ่งทำให้เราตกเป็นจำเลยเข้าไปอีก ดังนั้นตนขอย้ำอีกครั้งว่า พรรคเพื่อไทยยึดมั่นในฉันทามติของประชาชน สนับสนุนนายพิธาเป็นนายก และก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยที่เพื่อไทยจะไม่เป็นเงื่อนไขในการที่จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่ประสบความสำเร็จ
    std46218
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    “ใครคือนายกฯ” มีคำตอบ! – เปลว สีเงิน จากเลือกตั้ง ๑๔ พฤษภา.๖๖ มี ๒ คำถามเท่านั้น ที่ประชาชนอยากรู้คำตอบ พรรคไหนจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล? และ………. ใครจะได้เป็นนายกฯ? อยากรู้ใช่มั้ย ถ้าอยากรู้ก็ตามผมมา เดี๋ยวรู้! ตอนนี้ มีพรรคยื่นรายชื่อ “ว่าที่นายกฯ” ของพรรคต่อกกต.แล้วกว่า ๕๐ พรรค พรรคที่มีความน่าจะเข้าถึงรอบ “๔ พรรคสุดท้าย” ได้ชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ ๓๐ ของประเทศไทย มี ๔ คน จาก ๔ พรรค เรียงไปตาม “เบอร์พรรค” ดังนี้ -เบอร์ ๗ พรรคภูมิใจไทย “นายอนุทิน ชาญวีระกูล” -เบอร์ ๒๒ พรรครวมไทยสร้างชาติ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” -เบอร์ ๒๙ พรรคเพื่อไทย “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” และ -เบอร์ ๓๗ พรรคพลังประชารัฐ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้ยื่นบัญชีรายชื่อ “ว่าที่นายกฯ” ของพรรคต่อกกต. คงรอไว้เปิดตัวเพื่อความตูมตามพรรคเดียวโดดๆ มั้ง แต่แน่นอนแล้ว “ว่าที่นายกฯ” ของเพื่อไทย ๓ คน คือ…. นางแพทองธาร นายเศรษฐา ทวีสิน ส่วนคนที่ ๓ ที่ลุ้นกัน อยากให้เป็นโอ๊กอ๊ากหรือไม่ก็ชลน่าน แต่กลับเป็น “นายชัยเกษม นิติสิริ” อดีตอัยการสูงสุด ผู้ภักดีครอบครัวชินวัตรมายาวนาน เอาหละ ได้ตัว ๔ พรรค ๔ คน ในรอบ “รองชนะเลิศ” แล้ว ก็พอจะแยกเป็น ๒ กลุ่มได้ ดังนี้… -ภูมิใจไทย, รวมไทยสร้างชาติ, พลังประชารัฐ คือกลุ่มรัฐบาลเดิม -เพื่อไทย คือกลุ่มฝ่ายค้านเดิม ที่ผมจัดเป็นกลุ่ม เพราะเชื่อว่า ผลเลือกตั้งที่ออกมา จะไม่มีพรรคไหนได้สส.มากถึงขั้น “พรรคเดียว” ตั้งรัฐบาลได้แน่ พรรคที่ได้สส.มาก แต่ไม่มากพอ ก็ต้องไปรวมเสียงพรรคอื่นๆ มาให้ได้มากกว่า ๒๕๑ เสียงขึ้นไป เพื่อร่วม “จัดตั้งรัฐบาล” โดยลงตัวกันว่า…… จะเสนอใครให้สมาชิกรัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ ในขั้วฝ่ายตนด้วย! ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงให้ป่วยการ อากาศยิ่งร้อนๆ อยู่ด้วย ผมฟันธงเลย…….. ตัวแทนกลุ่มขั้วรัฐบาลเดิม ได้แก่ “พลเอกประยุทธ์” ตัวแทนกลุ่มขั้วฝ่ายค้าน ได้แก่ “นางแพทองธาร” ตานี้ก็… แอ่น..แอ้นนนนน กลุ่มที่จะรวมเสียงข้างมาก “จัดตั้งรัฐบาล” ก็คือ กลุ่มรัฐบาลเดิม และนายกรัฐมนตรี คนที่ ๓๐ ของประเทศไทย ได้แก่ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”! ฝ่ายเสื้อแดง เสื้อส้ม เสื้อดำ คงถุย…ถุย ไอ้แก่นี่มันอวยลุงตู่ เป็นไปไม่ได้ ยังไงๆ ครอบครัวเพื่อไทยก็ต้องแลนด์สไลด์ ได้จัดตั้งรัฐบาล และนางแพทองธาร ได้ขึ้นเป็นนายกฯแม่ลูกอ่อนแหงๆ! ก็ว่ากันไป ผมก็ไม่ขัดกระเดือกท่าน เพราะตอนนี้ เหมือนไฮโลในถ้วย อยู่ที่ใครหูดีกว่ากันตอนรินถ้วย เป็น สี่-ห้า-หก หรือ สี่-หก-เอี่ยว รู้กันตอนเปิดถ้วยค่ำๆที่ ๑๔ พฤษภา.โน่นแหละ ลุงตู่น่ะ ไม่ใช่เบลลา รานี ผมจะไปหลงรักหาวิมานอะไร เพราะผมตาสว่างตะหาก จึงรู้ว่า คนไหน “ราศีจ้าว” จับ คนไหน “ราศีโจร” จับ! และคนไหนเจ้าเล่ห์ ไว้ใจไม่ได้ กินบ้าน-กินเมือง และคนไหนไว้ใจได้ สร้างบ้าน-สร้างเมือง ไม่ต้องถาม “ริว จิตสัมผัส” หรอก ถาม “เปลว สัมผัส” นี่แหละ ถามปุ๊บ-ตอบปั๊บได้เลย! จากสัมผัสแรกของผมนะ วันจับเบอร์พรรค พอ “ลุงตู่” จับได้เบอร์ ๒๒ เท่านั้นแหละ ยังเปียกๆ อยู่เลย แต่เบอร์ ๒๒ พลเอกประยุทธ์ รวมไทยสร้างชาติ พรึ่บทั้งโซชียล ทั้งติ๊กต๊อก ผมไถเฟซไปครึ่งค่อนวัน อะไร (วะ) เนี่ย ๒๒ ,๒๒, ๒๒, ๒๒, ๒๒, ๒๒, ลุงตู่, ลุงตู่, ลุงตู่, ลุงตู่, รวมไทยสร้างชาติ, รวมไทยสร้างชาติ, รวมไทยสร้างชาติ ยึดเต็มพื้นที่ ทั้งวัน พี่ “มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก” คงตกใจ ๒๒ นี่มันรหัสลับ “ล้างคอก-ครองโลก” รึยังไงกัน มันถึงได้พรึ่บพร้อมกันขนาดนี้!? เบอร์อื่นมีบ้างประปราย แต่โดยเฉพาะ เบอร์ ๒๙ ของครอบครัวเพื่อไทย แทบไม่เห็น พูดตรงๆ ผมไม่เห็นเลยในโซเชียลในวัน-สองวันที่ผ่านมา หรือมี แต่ถูกรัศมีเบอร์ ๒๒ กลบหมดก็ไม่ทราบนะ? นี่เป็น “สัมผัสแรก” กับกระแส “จิตจักรวาล” ว่าพรรคไหน-ใคร ที่ประชาชน “จับจ้อง-สนใจ” มากที่สุด ในการเลือกตั้ง แทนที่จะเป็น แพทองธาร, พิธา อย่างที่โพล ที่สื่อซื้อสร้างกระแสปั่นกันนำมาโด่งเป็นเดือนๆ แต่ถึงตอนไคลแมกซ์ ที่โดดโด่งออกมา “ตัวเดียว-เบอร์เดียว” เกรียวกราวโซเชียล กลับเป็น “พลเอกประยุทธ์ เบอร์ ๒๒” ซะงั้น! ตามมาด้วย “เบอร์ ๗ พรรคภูมิใจไทย ของนายอนุทิน เป็นพรรคเดียวกลุ่มเต็งที่ได้เบอร์ “เลขตัวเดียว” นับได้ว่า เบอร์ ๒๒ กับเบอร์ ๗ เป็น magic number คือเลขมหัศจรรย์ จู่ๆ ก็โดดเข้าตาประชาชนเองโดยอัตโนมัติ!!! สัมผัสที่ ๒ ของผม ก็จาก magic number นั่นแหละ ส่งกระแสสัมผัสไปถึง “พรรคร่วมธาตุ” อีกพรรคคือ “พลังประชารัฐ” เบอร์ ๓๗ พลังประชารัฐกับรวมไทยสร้างชาติ สองพรรคนี้ โครงสร้างมาจาก DNA เดียวกัน พลังประชารัฐ เบอร์ ๓๗ เป็นเลขต่างค่า เมื่อเอา ๓ กับ ๗ คูณกัน จะได้ ๒๑ แต้ม ๒๑ เท่ากับ “ป๊อก” กินเรียบรอบวง หมายถึงมีแต่ชนะกับเสมอ ไม่มีแพ้! ส่วน “รวมไทยสร้างชาติ” เบอร์ ๒๒ เป็นเลขค่าเดียวกัน เลข ๒ สัญลักษณ์ถึงประชาชน เอา ๒๑+๒๒=๔๓ ๔+๓= ๗ ๗ ก็คือเบอร์ ภูมิใจไทย สรุป magic number เลข ๓ ชุดนี้ คือ ๒๒, ๓๗ กับ ๗ คือเลขจิตจักรวาล “ร่วมธาตุ” เดียวกัน! ฉะนั้น ผลจาก “เลขมหัศจรรย์” นี้ คือ รวมไทยสร้างชาติ, พลังประชารัฐ และภูมิใจไทย จะเป็น “๓ พรรคแกน” จัดตั้งรัฐบาล ++++ พรรคอื่นๆ!!! มาดูทางกลุ่ม “ฝ่ายค้านเดิม” บ้าง เพื่อไทย เบอร์ ๒๙ ว่ากันตรงๆ ถึงวันนี้แล้ว แม้แฟนคลับเพื่อไทยชนิดเข้าข้อ-เข้ากระดูกแดงเอง ก็ยังจำไม่ค่อยได้ นอกจากไม่ “สะดุดหู-สะดุดใจ” แล้ว ยังหาหลักจำอิงแทบไม่ได้ ขนาดชลน่านหัวหน้าพรรคเอง ตะแบงหัวแทบแตก ยังฝืนแบบตลกฝืด ว่า ๒๙ หมายถึง “ปิดฉาก” บิ๊กตู่!!! จะปิดฉากได้ไง……. ก็เลข ๒๙ คือเลขบิ๊กตู่ “นายกฯ คนที่ ๒๙” ที่เป็นแล้ว-เป็นอยู่ และจะเป็นต่อ เมื่อย่ำหน้าเพื่อไทยแบบย้ำๆ จะจะแจ้งๆ ขนาดนี้ แล้วยังจะกล้าตะแบงไปไหน หือ? เพื่อไทยเองก็เถอะ ดูทุกคนจะเซ็งกับเบอร์ ๒๙ ของพรรคมาก เพราะถึงชูทั้ง ๑๐ นิ้วมือ แถมอีก ๑๐ นิ้วเท้า ยังได้แค่ ๒๐ แล้วจะทำยังไง ถึงจะสื่อสัญลักษณ์ เบอร์ ๒๙ ให้คนรู้? เรื่องนี้คงต้องถึงปัญญาระดับ “หัวหน้าคอกหมา” ซะแล้วละมั้ง? สำหรับ “ก้าวไกล” เบอร์ ๓๑ มีภาษีกว่าเบอร์ ๒๙ ของเพื่อไทยเยอะ ยกมือขวาชู ๓ นิ้ว ส่วนมือซ้าย ๑ นิ้ว ชี้ลงต่ำระหว่างเป้า เท่านี้ “ส้มซอมบี้” ก็ร้อง…อ๋อ หัวกับหว่างขาคือ “ก้าวไกล”! ตาม magic number เลข ๒๙ กับเลข ๓๑ จัดอยู่ในกลุ่ม “สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ” อนาคตหลัง ๑๔ พฤษภา.ก็จะประมาณนั้นเลย ๒๙+๓๑=๖๐ อ่านว่า”หกสิบ” “หกสิบ” หมายถึงแลนด์สไลด์ ไถลแหกเลน คือ “หกหมด” ชนิดเทกระจาด ระเนนระนาด ไม่เหลืออะไรเลย!!! นี่ยังดีนะ คนไทยอ่าน ถ้าให้คนจีนรุ่นเก่าๆ อ่านจะน่าสะพรึงว่านี้ “หกสิบ” ภาษาไทยสำเนียงจีน จะประมาณว่า “หอกเสียบ” “แหงแก๋” ทั้งคู่เลย!!! สรุป ผลเลือกตั้ง ๑๔ พฤษภา.ตามรหัส magic number ผลจะออกมา รอยเกวียนทับรอยโค คือ เผด็จการสร้างเมืองจะ “แฮตทริก” เป็นรัฐบาล สมัยที่ ๓ ประชาธิปไตยกินเมืองจะ “แฮตทริก” เป็นค้าน สมัยที่ ๓ ลุงตู่ “แพ้ในโพล” แต่ถล่มทลายใน “พลังเงียบ” รู้แล้วเหยียบไว้นะ! เปลว สีเงิน ๖ เมษายน ๒๕๖๖ https://plewseengern.com/plewseengern/111502
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false