1 คนสงสัย
การทานมะเขือเทศให้มีประโยชน์สูงสุดต้องผ่านความร้อนให้สุกก่อนจริงหรือไม่
มะเขือเทศ อุดมไปด้วยสารอาหารมากมายมะเขือเทศโดยเฉพาะไลโคปีน สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ เช่น ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
ไลโคปีน ในมะเขือเทศนั้นจะอยู่ในรูปที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้ดี ดังนั้นการรับประทานมะเขือเทศให้ได้ประโยชน์สูงสุดจึงไม่ควรรับประทานสด

วิธีทานมะเขือเทศที่ได้ประโยชน์สูงสุด
- รับประทานผ่านความร้อน จะช่วยให้ไลโคปีนเปลี่ยนรูปร่างทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น นำมะเขือเทศไปต้ม ผัด อบ หรือย่าง
- รับประทานมะเขือเทศสุก (ไม่สุกจนเกินไป) จะมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศดิบ
- ไลโคปีนเป็นสารละลายในไขมัน การรับประทานมะเขือเทศพร้อมกับน้ำมันจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีนได้ดีขึ้น
(ข้อมูลจากเว็บไซต์ : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข / เภสัชกรภรภัทร TIKTOK : pharmacist.ponpat)

สรุป มะเขือเทศเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ไม่ควรรับประทานสด ควรผ่านความร้อนหรือรับประทานมะเขือเทศสุก เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมไลโคปีนได้ดี
Pare Petchara
 •  8 วันที่แล้ว
meter: mostly-true--middle
2 ความเห็น

สุขภาพ

Thanathun. เลือกให้ข้อความนี้◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน

เหตุผล

แม้ว่ามะเขือเทศสดจะไม่ควรรับประทาน แต่เรายังสามารถรับประทานมะเขือเทศเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากไลโคปีนได้ โดยมีวิธีการ ดังนี้
• รับประทานมะเขือ

ที่มา

https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1139931
Pare Petchara เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

เหตุผล

มะเขือเทศเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ไม่ควรรับประทานสด ควรผ่านความร้อนหรือรับประทานมะเขือเทศสุก เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมไลโคปีนได้ด

ที่มา

https://www.mojoesan.com/view/การทานมะเข⋯ดต้องผ่านความร้อนให้สุกก่อนจริงหรือไม่--

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    🔴 ในที่สุดก็ประกาศข่าวร้าย: สหรัฐอเมริกาประกาศอย่างเป็นทางการ: อาหารดัดแปลงพันธุกรรมที่มีสารพิษร้ายแรงได้ระเบิดในที่สุด 🔴 การระบาดของเนื้องอกในวงกว้างเกี่ยวข้องกับอาหารดัดแปลงพันธุกรรม กระจายข่าวด่วนและแจ้งให้ญาติและเพื่อนของคุณ (ของคุณ) ทราบ! อย่าลืมใส่ใจ! 🔴ทุกคนต้องดูให้ดีเมื่อไปซุปเปอร์มาร์เก็ต: 🔴บาร์โค้ดที่ขึ้นต้นด้วย "8" เป็นอาหารดัดแปลงพันธุกรรม! ⭕ ไม่ว่าจะเป็นอาหารอะไร ขอแค่ดัดแปลงพันธุกรรม อย่าซื้อหรือกิน! ไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญจะสนับสนุนว่าอาหารดัดแปลงพันธุกรรมนั้นไม่เป็นอันตรายอย่างไร เราก็ต้องจำไว้ว่า: 1. คนอเมริกันไม่กินมัน 2. ห้ามโดยเด็ดขาดโดยสหภาพยุโรป; 3. ห้ามใช้ระบบอาหารพิเศษของจีนโดยเด็ดขาด 4. ห้ามเด็ดขาดในงาน World Expo; 5. ห้ามโดยเด็ดขาดในเอเชียนเกมส์ 6. ชาวแอฟริกันจะไม่นำเข้ายีนดัดแปลงพันธุกรรมแม้ว่าพวกเขาจะอดอาหารจนตายก็ตาม 7. ห้ามอย่างเคร่งครัดในมหาวิทยาลัยโลก 8. รัสเซียยืนยันว่าอาหารดัดแปลงพันธุกรรมทำให้สัตว์สูญพันธุ์มาสามชั่วอายุคน 🔴 หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารปลอม (มีพิษ) เหล่านี้: 🔴 1.มะเขือเทศเนื้อแดงมียีนพิษแมงป่อง! 🔴 2. ข้าวโพดหวานเป็นอาหารดัดแปลงพันธุกรรมอย่างแท้จริง! 🔴 3. มันเทศสีม่วงยังเป็นอาหารดัดแปลงพันธุกรรมอีกด้วย! ข้าวโพดหวานเป็นอาหารดัดแปลงพันธุกรรมจากประเทศสหรัฐอเมริกา "ข้าวโพดหวาน" ที่เรากินกันอย่างมีความสุขมานานกลายมาเป็นอาหารดัดแปลงพันธุกรรมที่ประเทศสหรัฐอเมริกาใช้เลี้ยงสัตว์ อย่างไรก็ตาม หลายปีที่ผ่านมา คนธรรมดาๆ หลายคนไม่มีความรู้เรื่องนี้ และยังชอบซื้อข้าวโพดหวานมารับประทานอีกด้วย คนหนุ่มสาว คนที่ยังไม่แต่งงาน และคนที่ยังไม่คลอดบุตร ไม่ควรกิน! แน่นอนว่าหลังจากทราบข่าวนี้แล้วทุกคนเพื่อตนเองและครอบครัว อย่าลืม: อย่ากินอาหารดัดแปลงพันธุกรรมอีกต่อไป 🔴โปรดจำไว้ว่า: ผลไม้นอกฤดูกาลทุกชนิดไม่สามารถรับประทานได้! ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหน กรุณาส่งต่อให้เพื่อนของคุณ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  9 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    "จิงจูฉ่าย" เป็นผัก มหัศจรรย์ สามารถใช้รักษามะเร็งได้ !
    "จิงจูฉ่าย" เป็นผัก มหัศจรรย์ สามารถใช้รักษามะเร็งได้ ! ———————————— “ผม..นิกกี้ อิทธิเกษม KU37 อดีตนายกสมาคมม.เกษตรฯแห่งอเมริกา จะขอเล่าประสบการณ์ที่เคยสัมผัสมากับตัวเองเมื่อปี 2007 เพื่อเป็นcaseตัวอย่างและเป็นทางออกให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหลาย        ผมมีร้านอาหารอยู่ในเขต N.Hooywood วันหนึ่งกลางปี 2007 ผมได้มีโอกาสเจอลูกศิษย์เก่าที่เคยมาเรียนแจกไพ่ที่ร้าน ถามทุกข์สุขกันไปมา ถึงได้รู้ว่าเขาเคยเป็นมะเร็งที่คอ 1 ครั้ง,มะเร็งที่ต่อมลูกหมาก 1 ครั้ง ปัจจุบันหายเป็นปลิดทิ้ง รวมทั้งพี่น้องญาติอีก8คนที่เป็นมะเร็งภายในเวลา5 ปี ทุกคนหายหมด ผมจึงเกิดความกระตือรือร้นที่จะถามว่า มีวิธีรักษากันอย่างไร?  วันนั้นคุณแม่เขามาด้วยจึงอธิบายให้ฟังว่า "ฉันมีต้นจิงจูฉ่ายอยู่ในสวนหลังบ้านเยอะ ปกติก็จะใส่ในแกงจืดให้ลูกๆกินเป็นประจำ เพราะคนจีนบอกต่อๆกันมาถึงสรรพคุณช่วยฟอกเลือดและขับสารพิษออกจากร่างกายทำ ให้ลูกๆไม่ค่อยเป็นอะไร วันหนึ่งลูกฉันไปตรวจหมอกลับมา บอกว่าเป็นมะเร็ง อีก 2 เดือนต้องไปฉายแสง ฉันจึงลองเอาจิงจูฉ่าย1กำมือมาตำ จะได้น้ำออกมาแก้ว(เล็ก)หนึ่ง ให้เขากินตอนเช้าทุกวัน 2 เดือน ถัดมาไปตรวจหมอ หมอถามไปทำอะไรมา ทุกอย่างปกติหมด มะเร็งได้หายไปแล้ว"         หลังจากคุยกันพักหนึ่ง ผมก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า คน8คนเป็นมะเร็งในที่ต่างกัน กินน้ำจิงจูฮวยฉ่าย 2-3 เดือน ทุกคนหายหมด(ไม่มีใครต้องทำคีโมเลย) ผมจึงเกิดความเชื่อถือขึ้นมาระดับหนึ่ง         ก่อนหน้านั้น พี่สะใภ้ผม 2 คน (ปี2006) เป็นมะเร็งที่เต้านม,มดลูก คนหนึ่งต้องทำคีโม ใช้วิธี"นั่งสมาธิ"ทุกวัน 8 เดือน หายเป็นปกติ         ต่อมาผมได้ต้นจิงจูฉ่ายมา1 ต้น จากคุณแม่ของลูกศิษย์ จึงรีบนำมาเพาะขยาย ปลายปี 2008 ผมได้รู้ว่าแม่ค้าที่เช่าที่ในร้านผมคนหนึ่งเป็นมะเร็งเต้านมขั้น 3 หน้าคล้ำ เดินตัวแข็งแล้ว ผมรีบเชิญมานั่งคุยเล่าเรื่องจิงจูฉ่ายให้ฟังและเรื่องพี่สะใภ้นั่งสมาธิ ก็เลยแนะนำให้ทำ 2 อย่างควบคู่กันไป เชื่อไหมว่า 3 เดือนถัดไป หายเป็นปลิดทิ้ง (ผมให้เขาไปเพียง1ต้นไปปลูกและ เด็ดใบทานเลยวันละ1ใบ เพราะมีน้อย ก็ยังได้ผล)         ปี 2009 ผมมีต้นจิงจูฉ่ายมากขึ้นและแจกจ่ายให้กับคนรู้จักหลายคน ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่าง 3 เดือน ทุกคนอาการดีขึ้นหมด ถ้าเราอยากช่วยผู้ที่เรารักและห่วงใยซึ่งกำลังเผชิญกับโรคร้ายนี้ ผมแนะนำวิธีนี้ ถ้าคุณต้องทำคีโมก็ทำไป กินใบจิงจูฉ่ายและนั่งสมาธิผมว่าคุณมีโอกาสหาย         ผมพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าผักชนิดนี้ แพมย์จีนโบราณเรียกว่า"ยาเย็น"เป็น"หยิน"ช่วยฟอกเลือด,ขับสารพิษ..ฆ่าเชื้อ ไวรัสทุกชนิด.. เพื่อนku37 คนหนึ่งลองให้ลูกกิน เนื้องอกที่คอก็ยุบลง      เนื่องจากที่ LA.เรามีน้อยมาก ถ้าเกิดใครต้องการมากๆ (จริงๆต้องทานวันละ1กำ )ลองคุยกับคุณน้อยที่สวนคุณน้อย จ.เชียงใหม่ เขาขายกก.ละ 35 บาท     ใครเป็นมะเร็งลองดูซิครับ ทานแล้วยังไงก็ไม่มีผลข้างเคียง แต่ คุณมีโอกาสหายครับ. ใครที่เคยสั่ง "เกาเหลาเลือดหมู" มาทาน เคยสงสัยกันไหมว่า ในชามเกาเหลาของเราจะมีผักสีเขียวชนิดหนึ่ง ที่ไม่ใช่ผักกาดหอม ขึ้นฉ่าย หรือใบตำลึงใส่ชามมาด้วย หลายคนไม่ทราบว่าเจ้าผักชนิดนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร แล้วมีสรรพคุณอย่างไร เอ้า...ใครที่ไม่รู้ ตามกระปุกดอทคอมมาเลยค่ะ          เจ้าผักชนิดนี้เรียกว่า "จิงจูฉ่าย" ค่ะ หรือที่ชาวต่างชาติเรียกว่า "เซเลอรี่" (Celery) เป็นผักสมุนไพรชนิดหนึ่งของจีน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Apium graveolens L. ลักษณะต้น "จิงจูฉ่าย" จะเป็นกอคล้ายใบบัวบก สามารถเจริญงอกงามได้ดีในที่ที่มีแสงแดดรำไร ชื้น ดินโปร่งแต่ไม่แฉะ ชอบอากาศเย็นมากกว่าอากาศร้อน  คุณค่าทางโภชนาการของ "จิงจูฉ่าย" มีไม่น้อยทีเดียวค่ะ เพราะ "จิงจูฉ่าย" 100 กรัม ให้พลังงาน 392 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยสารอาหารนานาชนิด คือ โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบไฮเดรต, เส้นใย, แคลเซียม, เหล็ก, ฟอสฟอรัส, วิตามินเอ, วิตามินบี6, วิตามินซี และวิตามินอี          มาที่สรรพคุณทางยากันบ้างดีกว่า จุดเด่นของ "จิงจูฉ่าย" คือมีกลิ่นหอม คล้าย ๆ กับตั้งโอ๋ ยิ่งโดนความร้อนจะยิ่งหอม และยิ่งเพิ่มสรรพคุณมากขึ้น โดยกลิ่นหอมของ "จิงจูฉ่าย" มาจากน้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ในลำต้นและใบนั่นเอง ประกอบด้วยสารไลโมนีน ซิลนีน และสารกลัยโคไซด์ที่มีชื่อว่า อะปิอิน ซึ่ง สารเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดัน แถมยังช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ด้วย ส่วนต้นสด และเมล็ดของ "จิงจูฉ่าย" มีโซเดียมต่ำ จึงดีต่อผู้ป่วยโรคไต           นอกจากนี้ ในทางการแพทย์เชื่อว่า "จิงจูฉ่าย" เป็นยาเย็น จึงช่วยบำรุงปอด ช่วยฟอกเลือด เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก คนจีนจึงนิยมนำผักชนิดนี้มาปรุงเป็นอาหารรับประทานในหน้าหนาว เพื่อช่วยในเรื่องการไหลเวียนของโลหิต ปรับสมดุลให้ร่างกายได้ดีนั่นเอง  ส่วนที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมเราจึงมักเห็น "จิงจูฉ่าย" อยู่ในเกาเหลาเลือดหมู นั่นก็เพราะ "จิงจูฉ่าย" มีสรรพคุณช่วยดับกลิ่นคาวเลือดได้ดีด้วยค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว "จิงจูฉ่าย" ไม่ได้ใช้ทำอาหารได้เพียงแค่ต้มเลือดหมูเท่านั้นนะ เพราะอาหารประเภทแกงจืดทั้งหลาย หรือผัดผัก ผัดฉ่าก็สามารถใช้ "จิงจูฉ่าย" เป็นส่วนผสมที่ลงตัวน่ารับประทานไม่แพ้กันจิงจูฉ่าย  ในรูปแบบชา  คัดวัตถุดิบใบจิงจูฉ่ายคุณภาพ  ปลอดสาร ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน สะอาดปลอดภัย ไม่มีสารปนเปื้อน รสชาติหอมหวานไม่ขม ดื่มง่าย โดยกระบวนการหมัก นวดอย่างพิถีพิถัน และอบด้วยไฟอ่อนเพื่อให้คงคุณค่าทางโภชนาการ และสรรพคุณทางยา  ชาจิงจูฉ่ายจึงมีประโยชน์มากมาย  และเนื่องจากเป็๋นสมุนไพรจึงไม่มีผลข้างเคียง ในกรณีที่บริโภคเป็นปริมาณมากอยกได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนในเวปค่ะLiked By: PinKen มะเร็งระยะสุดท้าย 2 ปี ไม่เข้ารับรักษา ค่ามะเร็งล…: https://youtu.be/uITAm2Gi5mQ
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    คีโม คือธุรกิจเลือดเย็นของโรงพยาบาลแบบเจ้ามือหวย คนเล่นเสีย เจ้ามือรวย มะเร็งไม่ได้พรากใครไป คีโมต่างหาก โปรดอ่าน สำคัญมาก (Doctor)ดร. รุ่ง จาก รพ. จุฬา บทความนี้ น่าสนใจมาก Shafin de Zane presents: What is Cancer? นี่คือ สิ่งที่คุณ ไม่เคยคาดคิด มาก่อนเลยว่า จะมีผู้ใดกล่าวว่า - มะเร็ง คือ ธรรมชาติ (Cancer is Natural) มะเร็ง คือ ธรรมชาติ ของการปรับตัว ของเซลล์ อันเนื่องมาจาก การที่เลือดของเรา กลายเป็นพิษ เกินกว่าที่ เซลล์จะมีชีวิต ต่อไปได้ ถ้าหาก เซลล์เหล่านั้น ไม่ปรับตัว เซลล์เหล่านั้น จะป่วย และตาย เซลล์เหล่านั้น จึงตอบสนอง อย่างเป็น ธรรมชาติ ด้วยการผ่าเหล่า เพราะเซลล์ ในร่างกายมนุษย์ มีความสามารถ ที่จะปรับตัว เพื่อรับมือกับ การเปลี่ยนแปลง การปรับตัว ของเซลล์ จึงเป็นสิ่ง ที่เป็นธรรมชาติ เป็นที่ น่าเสียดายว่า คุณหมอทั่วโลก บอกกับเราว่า วิธีการรักษามะเร็ง คือ การบำบัดด้วย-คีโม หรือ การทำลาย เซลล์มะเร็ง ด้วยรังสี แต่สิ่งที่คุณหมอ ไม่ได้บอกเราคือ ทำไมเซลล์มะเร็ง จึงผ่าเหล่า ตั้งแต่แรก? อย่างไรก็ตาม- เมื่อสภาพแวดล้อม เปลี่ยนไป เซลล์อีกจำนวนมาก ก็จะผ่าเหล่า- ต่อไปอีก-ไม่เร็วก็ช้า นั่นเป็นสาเหตุ ที่เราพบเห็น ผู้ป่วยมะเร็ง ถูกให้คีโม ดีขึ้นเพียงชั่วคราว แล้วกลับทรุด ลงไปใหม่อีก จากมุมมอง ของเซลล์ หากมัน ไม่ผ่าเหล่า-มันจะต้องตาย การผ่าเหล่า ของเซลล์ จึงเป็นธรรมชาติ มะเร็งแท้จริงแล้ว คือ วิวัฒนาการ ของกลุ่มเซลล์ ที่พยายามรอดตาย จากสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษ แต่ทั้งหมดนี้ ก็กลายเป็นสิ่งที่ ควบคุมไม่ได้ เพราะเซลล์เหล่านั้น ลงเอยด้วยการ- ฆ่าร่างกาย แต่นั้น ไม่ใช่ประเด็น ที่แท้จริง มะเร็ง คือ วิวัฒนาการ ของกลุ่มเซลล์ ที่พยายาม จะรอดตาย ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษอย่างสูง เราต้องพยายาม ทำความเข้าใจ ในประเด็นนี้ ให้ชัดเจน การพยายามฆ่า เซลล์เหล่านั้น -โดย ไม่ได้เปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อม เปรียบได้กับ การฆ่าแมลงวัน โดยไม่ได้พยายาม เอาขยะออกไป เอาละ คุณจะลงมือ อย่างฉับพลัน- เพื่อปรับปรุง สภาพแวดล้อม ของคุณ อย่างรวดเร็ว ได้อย่างไร มีวิธีการง่ายๆ ด้วยกัน 3 วิธีคือ: 👉วิธีที่ 1. หายใจลึกๆ - หายใจลึกๆ สิ่งแรกที่กระตุ้น ให้เซลล์ผ่าเหล่า และ กลายเป็น เซลล์มะเร็ง คือ การขาดออกซิเจน เซลล์มะเร็ง ปรับตัวเพื่อรอดชีวิต ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับ ออกซิเจนต่ำ ยิ่งมีออกซิเจน ต่ำเท่าไร เซลล์มะเร็ง ก็ยิ่งเติบโต ได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะนี่คือ วิวัฒนาการ ของเซลล์ ที่ปกติต้องการ จะรอดชีวิต อยู่ได้ ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับ ออกซิเจนต่ำ - วิธีแก้ไขคือ หายใจลึกๆ ซึ่งเป็นการ ออกกำลังง่ายๆ ที่ทำได้ทุกเช้า เพื่อเพิ่ม ระดับออกซิเจน ให้กับเลือด -- เดิน 5 นาที แล้วหายใจแบบนี้ คือ - หายใจเข้า 4ครั้ง ติดกัน กลั้นหายใจแล้วนับ 1 ถึง4 - หายใจออกช้าๆ 4 ครั้ง ติดกัน ทำอย่างนี้ครับ >>>> 1-2-3-4 <<<< ทำอีกครั้งครับ >>>> 1-2-3-4 <<<< ผมหายใจเข้าทางจมูก >>>> กลั้นใจแล้วนับ 1-2-3-4 หายใจออกทางปาก <<<< หายใจ เข้าไปในท้อง ไม่ใช่หายใจ เข้าไปในอก นี่คือวิธีการหายใจ ที่ถูกต้อง ถ้าหากไม่มีที่เดิน ให้เดิน ในห้องนอน ของคุณ เพราะมันมีที่ พอสำหรับ การออกกำลัง ของเราทุกวิธี 👉วิธีที่ 2 หยุดรับประทาน -กรด สิ่งที่สอง ที่มากระตุ้นเซลล์ ให้ผ่าเหล่า กลายเป็น เซลล์มะเร็ง คือ สภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด เพราะนั่นคือ การตอบสนอง ที่จะทำให้ เซลล์รอดชีวิตได้ ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด เซลล์ที่ผ่าเหล่า จะตาย ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นด่าง และเติบโต ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด คุณจะทำ ให้ร่างกายของคุณ เป็นด่างได้ ก็ด้วยการ รับประทาน อาหารที่เป็นด่าง มากขึ้น - น้ำผัก น้ำผลไม้สด มีประสิทธิภาพ สูงมาก - งดน้ำตาล โคคา-โคล่า เปปซึ่ และ น้ำอัดลมทุกชนิด กาแฟ เนื้อสัตว์ นม บุหรี่ และ แอลกอฮอล์ - รับประทาน ผักสดสีเขียว ผลไม้สด น้ำด่าง และ น้ำมะพร้าว หากคุณ ต้องการเห็น การเปลี่ยนแปลง ของสุขภาพ อย่างน่าอัศจรรย์ ในระยะเวลาอันสั้น ดื่มน้ำผักสดปั่น ทุกเช้า โดยไม่ต้อง รับประทาน อะไรอีกเลย จนกว่าจะถึง มื้อเที่ยง -นำผักใบเขียว หลากชนิด มะเขือเทศ แตงกวา ปั่นกับน้ำสะอาด แล้วดื่ม คุณอาจจะคิดว่า มันไม่น่าดื่มเลย แต่มันไม่เลวร้าย และออกจะอร่อย ด้วยซ้ำไป เมื่อคุณ คุ้นเคยกับมัน 👉วิธีที่ 3 ดูแลร่างกายของคุณ ความเครียด ทำให้ ระบบภูมิคุ้มกัน อ่อนแอ ความเครียด คือ ฆาตกรเบอร์หนึ่ง และเป็นต้นเหตุ ที่ก่อให้เกิดโรค -ทุกโรค ความเครียด เพิ่มกรด และ ส่งผลกระทบ ต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ในร่างกาย มันจึงเป็นสิ่ง ที่สำคัญมาก ที่เราจะต้อง ทำจิตใจ ให้แข็งแรง เบิกบานอยู่เสมอ คุณจะทำเช่นนั้น ได้อย่างไร ? - ทำสมาธิ ดูหนังตลก ละเว้นจากการดู ข่าวร้าย และ เรื่องเลวร้าย อ่านหนังสือดีๆ ที่ทำให้เกิด แรงบันดาลใจ หาสัตว์มาเลี้ยง พบเพื่อนใหม่ๆ สัมพันธภาพใหม่ๆ ปลดความทุกข์ ความสลดใจเก่าๆ และสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่ผ่านไปแล้ว (ประกาศ)แชร์ข้อมูลนี้ ให้กับผู้อื่นต่อไป ให้มากที่สุด ที่คุณจะทำได้ ความเจ็บปวด และ ความเสียหาย ที่เกิดจากการ บำบัดด้วยคีโม เลยเถิดไปอย่าง เหนือคำบรรยาย ช่วยให้ผู้อื่น ตื่นจากฝันร้าย ที่เกิดจาก โฆษณาชวนเชื่อ ของผู้ผลิตยา กันเสียที การป้องกัน และ รักษาตนเอง ให้หายจากมะเร็ง เป็นสิ่งที่ง่ายดาย เสียจนแทบ จะเป็นเรื่องตลก อย่างเหลือเชื่อ ใช้ความคิด ให้ถูกต้อง จงเปลี่ยนน้ำ ในบ่อปลา เมื่อปลาป่วย เพราะ การทำลายบ่อปลา ไม่ใช่ทางออก ที่ถูกต้อง มาช่วยกัน ทำให้โลกของเรา ในวันนี้- น่าอยู่ขึ้น (หมอ)ดร.ชนิสา อรรถจินดา Chanisa Arthachinda, Ph.D., ดร.รุ่ง รพ.จุฬา (*)(*)(*)(*)
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ผักกระสังรักษามะเร็งเต้านม
    จากการศึกษาสมัยใหม่พบว่า ผักกระสังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรียหลายชนิด ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งจะช่วยกำจัดเนื้อตายทำให้ฝีแตกได้ง่าย และสิวยุบเร็วขึ้น แต่ผู้ที่แพ้พืชที่มีกลิ่นฉุนประเภท Mustard (พืชที่เป็นเครื่องเทศทั้งหลาย) ไม่ควรรับประทาน นั่นเป็นสรรพคุณที่พอเชื่อถือได้จากหลักฐานทางวิชาการ ซึ่งทางโคแฟคเองไม่ยืนยันว่าผักกระสังรักษามะเร็งเต้านมได้
    fluke.sattra
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    คีโม คือธุรกิจเลือดเย็น ของโรงพยาบาล แบบเจ้ามือหวย คนเล่นเสีย เจ้ามือรวย มะเร็งไม่ได้พรากใครไป คีโมต่างหาก
    คีโม คือธุรกิจเลือดเย็น ของโรงพยาบาล แบบเจ้ามือหวย คนเล่นเสีย เจ้ามือรวย มะเร็งไม่ได้พรากใครไป คีโมต่างหาก โปรดอ่าน สำคัญมาก ดร. รุ่ง จาก รพ. จุฬา บทความนี้ น่าสนใจมาก Shafin de Zane presents: What is Cancer? นี่คือ สิ่งที่คุณไม่เคยคาดคิด มาก่อนเลยว่า จะมีผู้ใดกล่าวว่า - มะเร็ง คือ ธรรมชาติ (Cancer is Natural) มะเร็ง คือ ธรรมชาติ ของการปรับตัว ของเซลล์ อันเนื่องมาจาก การที่เลือดของเรา กลายเป็นพิษ เกินกว่าที่ เซลล์จะมีชีวิต ต่อไปได้ ถ้าหากเซลล์เหล่านั้น ไม่ปรับตัว เซลล์เหล่านั้น จะป่วย และตาย เซลล์เหล่านั้น จึงตอบสนอง อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการผ่าเหล่า เพราะเซลล์ ในร่างกายมนุษย์ มีความสามารถ ที่จะปรับตัว เพื่อรับมือกับ การเปลี่ยนแปลง การปรับตัวของเซลล์ จึงเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ เป็นที่น่าเสียดายว่า คุณหมอทั่วโลก บอกกับเราว่า วิธีการรักษามะเร็ง คือ การบำบัดด้วย -คีโม หรือ การทำลาย เซลล์มะเร็ง ด้วยรังสี แต่สิ่งที่คุณหมอ ไม่ได้บอกเราคือ ทำไมเซลล์มะเร็ง จึงผ่าเหล่าตั้งแต่แรก? อย่างไรก็ตาม - เมื่อสภาพแวดล้อม เปลี่ยนไป เซลล์อีกจำนวนมาก ก็จะผ่าเหล่า ต่อไปอีก -ไม่เร็วก็ช้า นั่นเป็นสาเหตุ ที่เราพบเห็น ผู้ป่วยมะเร็ง ถูกให้คีโม ดีขึ้นเพียงชั่วคราว แล้วกลับทรุดลงไปใหม่อีก จากมุมมองของเซลล์ หากมันไม่ผ่าเหล่า มันจะต้องตาย การผ่าเหล่าของเซลล์ จึงเป็นธรรมชาติ มะเร็งแท้จริงแล้ว คือ วิวัฒนาการของกลุ่มเซลล์ ที่พยายาม รอดตาย จากสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษ แต่ทั้งหมดนี้ ก็กลายเป็นสิ่งที่ ควบคุมไม่ได้ เพราะเซลล์เหล่านั้น ลงเอยด้วยการ - ฆ่าร่างกาย แต่นั้น ไม่ใช่ประเด็นที่แท้จริง มะเร็ง คือ วิวัฒนาการของกลุ่มเซลล์ ที่พยายาม จะรอดตาย ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษอย่างสูง เราต้องพยายาม ทำความเข้าใจ ในประเด็นนี้ให้ชัดเจน การพยายามฆ่า เซลล์เหล่านั้น -โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อม เปรียบได้กับ การฆ่าแมลงวัน โดยไม่ได้พยายาม เอาขยะออกไป เอาละ คุณจะลงมืออย่างฉับพลัน - เพื่อปรับปรุง สภาพแวดล้อม ของคุณ อย่างรวดเร็ว ได้อย่างไร มีวิธีการง่ายๆ ด้วยกัน 3 วิธี คือ : 👉วิธีที่ 1. หายใจลึกๆ - หายใจลึกๆ สิ่งแรกที่กระตุ้น ให้เซลล์ผ่าเหล่า และ กลายเป็นเซลล์มะเร็ง คือ การขาดออกซิเจน เซลล์มะเร็ง ปรับตัวเพื่อรอดชีวิต ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับ ออกซิเจนต่ำ ยิ่งมีออกซิเจนต่ำเท่าไร เซลล์มะเร็ง ก็ยิ่งเติบโต ได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะนี่คือ วิวัฒนาการของเซลล์ ที่ปกติต้องการ จะรอดชีวิตอยู่ได้ ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับออกซิเจนต่ำ - วิธีแก้ไขคือ หายใจลึกๆ ซึ่งเป็นการ ออกกำลังง่ายๆ ที่ทำได้ทุกเช้า เพื่อเพิ่มระดับออกซิเจน ให้กับเลือด -- เดิน 5 นาที แล้วหายใจแบบนี้ คือ - หายใจเข้า 4ครั้ง ติดกัน กลั้นหายใจ แล้วนับ 1 ถึง4 - หายใจออกช้าๆ 4 ครั้ง ติดกัน ทำอย่างนี้ครับ >>>> 1-2-3-4 <<<< ทำอีกครั้งครับ >>>> 1-2-3-4 <<<< ผมหายใจเข้าทางจมูก >>>> กลั้นใจ แล้วนับ 1-2-3-4 หายใจออกทางปาก <<<< หายใจเข้าไปในท้อง ไม่ใช่หายใจ เข้าไปในอก นี่คือวิธีการหายใจ ที่ถูกต้อง ถ้าหากไม่มีที่เดิน ให้เดิน ในห้องนอนของคุณ เพราะมันมีที่พอ สำหรับการออกกำลัง ของเราทุกวิธี 👉วิธีที่ 2 หยุดรับประทาน -กรด สิ่งที่สอง ที่มากระตุ้นเซลล์ ให้ผ่าเหล่า กลายเป็นเซลล์มะเร็ง คือ สภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด เพราะนั่นคือ การตอบสนอง ที่จะทำให้ เซลล์รอดชีวิตได้ ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด เซลล์ที่ผ่าเหล่า จะตาย ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นด่าง และเติบโต ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด คุณจะทำให้ร่างกายของคุณ เป็นด่างได้ ก็ด้วยการ รับประทานอาหาร ที่เป็นด่าง มากขึ้น - น้ำผัก น้ำผลไม้สด มีประสิทธิภาพ สูงมาก - งดน้ำตาล โคคา-โคล่า เปปซี่ และ น้ำอัดลมทุกชนิด กาแฟ เนื้อสัตว์ นม บุหรี่ และ แอลกอฮอล์ - รับประทานผักสดสีเขียว ผลไม้สด น้ำด่าง และ น้ำมะพร้าว หากคุณต้องการเห็น การเปลี่ยนแปลง ของสุขภาพ อย่างน่าอัศจรรย์ ในระยะเวลาอันสั้น ดื่มน้ำผักสดปั่น ทุกเช้า โดยไม่ต้อง รับประทานอะไรอีกเลย จนกว่าจะถึง มื้อเที่ยง -นำผักใบเขียว หลากชนิด มะเขือเทศ แตงกวา ปั่นกับน้ำสะอาด แล้วดื่ม คุณอาจจะคิดว่า มันไม่น่าดื่มเลย แต่มันไม่เลวร้าย และออกจะอร่อย ด้วยซ้ำไป เมื่อคุณคุ้นเคยกับมัน 👉วิธีที่ 3 ดูแลร่างกายของคุณ ความเครียด ทำให้ ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ความเครียด คือ ฆาตกรเบอร์หนึ่ง และเป็นต้นเหตุ ที่ก่อให้เกิดโรค -ทุกโรค ความเครียด เพิ่มกรด และ ส่งผลกระทบ ต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ในร่างกาย มันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่เราจะต้อง ทำจิตใจ ให้แข็งแรง เบิกบานอยู่เสมอ คุณจะทำเช่นนั้น ได้อย่างไร ? - ทำสมาธิ ดูหนังตลก ละเว้นจากการดู ข่าวร้าย และ เรื่องเลวร้าย อ่านหนังสือดีๆ ที่ทำให้เกิด แรงบันดาลใจ หาสัตว์มาเลี้ยง พบเพื่อนใหม่ๆ สัมพันธภาพใหม่ๆ ปลดความทุกข์ ความสลดใจเก่าๆ และสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่ผ่านไปแล้ว แชร์ข้อมูลนี้ ให้กับผู้อื่นต่อไป ให้มากที่สุด ที่คุณจะทำได้ ความเจ็บปวด และ ความเสียหาย ที่เกิดจากการ บำบัดด้วยคีโม เลยเถิดไปอย่าง เหนือคำบรรยาย ช่วยให้ผู้อื่น ตื่นจากฝันร้าย ที่เกิดจากโฆษณาชวนเชื่อ ของผู้ผลิตยา กันเสียที การป้องกัน และ รักษาตนเอง ให้หายจากมะเร็ง เป็นสิ่งที่ง่ายดาย เสียจนแทบจะเป็นเรื่องตลก อย่างเหลือเชื่อ ใช้ความคิด ให้ถูกต้อง จงเปลี่ยนน้ำในบ่อปลา เมื่อปลาป่วย เพราะการทำลายบ่อปลา ไม่ใช่ทางออก ที่ถูกต้อง มาช่วยกัน ทำให้โลกของเรา ในวันนี้- น่าอยู่ขึ้น ดร.ชนิสา อรรถจินดา Chanisa Arthachinda, Ph.D., ดร.รุ่ง รพ.จุฬา (*)(*)
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    รัฐบาลญี่ปุ่นให้ประชาชนทิ้งไมโครเวฟ ไม่เช่นนั้นจะถูกปรับและจำคุก
    รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจที่จะทิ้งเตาอบไมโครเวฟทั้งหมดในประเทศภายในสิ้นปีนี้และประชาชนและองค์กรที่ไม่สามารถตอบสนองต่อคำขอทั้งหมดจะถูกปรับและถูกจำคุก ญี่ปุ่นสั่งห้ามใช้เตาไมโครเวฟเนื่องจากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮิโรชิมาพวกเขาพบว่าคลื่นวิทยุทำให้เกิดความเสียหายต่อสุขภาพของประชาชนในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาการใช้เตาไมโครเวฟเป็นอันตรายยิ่งกว่าสหรัฐอเมริกาในฮิโรชิมาและกันยายน 1945 ระเบิดปรมาณูหล่นจากนางาซากิ ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นว่าอาหารที่อุ่นในเตาไมโครเวฟนั้นมีรังสีที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้นโรงงานไมโครเวฟขนาดใหญ่ทั้งหมดที่ผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในญี่ปุ่นกำลังจะปิด เกาหลีใต้ออกแถลงการณ์: ในปี 2021 การผลิตเตาอบไมโครเวฟกำลังจะหยุดลง จีนยังวางแผนที่จะห้ามเทคโนโลยีนี้ในปี 2566 การประชุมเกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งถูกจัดขึ้นที่ศูนย์บำบัดโรคมะเร็งของ Kashira ที่ประชุมสรุปว่าควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้: น้ำมันสำเร็จรูป 2. นมจากสัตว์ (แนะนำนมถั่วเหลือง) 3. อาหารแปรรูปก้อน (เครื่องเทศซุปไก่เช่นแม็กกี้และชอบ) 4. โซดา (32 น้ำตาลต่อลิตร) 5. น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ 6. อาหารร้อนไมโครเวฟ 7. การทำแมมโมแกรมไม่ได้เกิดขึ้นก่อนที่ทารกจะคลอดยกเว้น echocardiography 8. ชุดชั้นในชุดชั้นในแน่นมาก 9. แอลกอฮอล์ 10. ละลายอาหารแช่แข็งและทำให้เย็นลง 11. ดื่มน้ำขวดพลาสติกจากตู้เย็น 12. ยาคุมกำเนิด มันเปลี่ยนระบบฮอร์โมนเพศหญิงและทำให้เกิดโรคมะเร็ง 13. ยาดับกลิ่นพิเศษที่ใช้หลังการโกนหนวดนั้นเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งได้ง่าย 14. น้ำตาลทรายขาวทุกชนิด (เซลล์มะเร็งมีแนวโน้มที่จะเติบโตภายใต้การบำรุงของน้ำตาล) ผู้ป่วยโรคมะเร็งควรหลีกเลี่ยงน้ำตาลให้ได้มากที่สุด ที่ประชุมแนะนำว่าควรเพิ่มอาหารประจำวัน: 1. ผัก 2. ใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาล 3. โปรตีนจากผัก (ถั่วแทนเนื้อสัตว์) 4. ดื่มน้ำสองแก้วที่มีอุณหภูมิของร่างกายเท่ากันในขณะท้องว่างก่อนแปรงฟัน 5. อาหารควรอุ่น แต่ไม่สูงเกินไป 6. น้ำว่านหางจระเข้ + ขิง + ผักชีฝรั่ง + ขึ้นฉ่าย + myristin เราแนะนำให้ผสมในขณะท้องว่าง 7. ดื่มน้ำแครอททุกวัน 8. มะเขือเทศกระเทียมหัวหอมและเนื้อสัตว์ บันทึก : วิทยาลัยแพทย์อเมริกันค้นพบสาเหตุของโรคมะเร็ง 1. อย่าดื่มชากาแฟหรือเครื่องดื่มร้อน ๆ ในถ้วยพลาสติก 2. อย่ากินอาหารร้อนที่ห่อด้วยกระดาษหรือถุงพลาสติก (เช่นมันฝรั่งทอด) 3. อย่ากินอาหารในกล่องพลาสติกหรืออาหารไมโครเวฟ เราควรให้ความสนใจกับประเด็นต่อไปนี้: เมื่อพลาสติกสัมผัสกับอุณหภูมิสูงสารเคมีที่ผลิตอาจทำให้เกิดมะเร็ง 52 ชนิด ดังนั้นคุณต้องหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมทุกชนิดเช่นโคล่า, เป๊ปซี่, AV, แฟนต้าและน้ำผลไม้เข้มข้นอื่น ๆ 4 กินสับปะรดสด ๆ แต่อย่าดื่มน้ำสับปะรดผสมกับโคล่าเครื่องดื่มผสมนี้ถึงแก่ชีวิต 5 ใช้หูซ้ายเพื่อรับโทรศัพท์และใช้ชุดหูฟังในปริมาณที่พอเหมาะ 6 อย่าทานยาด้วยน้ำเย็น 7. อย่ากินอาหารที่ย่อยไม่ได้หลังจาก 7 โมงเช้า 8. ดื่มน้ำให้มากขึ้นในตอนเช้าและดื่มน้ำน้อยลงในเวลากลางคืน 9. อย่าอยู่ในตำแหน่งแนวนอนทันทีหลังจากรับประทานอาหาร (นอน / นอนหลับ) 10. เมื่อโทรศัพท์ของคุณใกล้จะหมดอย่าหยิบโทรศัพท์ของคุณเพราะรังสีของโทรศัพท์นั้นแข็งแกร่งกว่าทีวีเต็ม 1,000 เท่า แบ่งปันบทความนี้กับคนที่คุณรัก (วรว.อ่านและเริ่มส่ง 13.35น. 18กุมภาพันธ์ 2564)
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    *** สมุนไพร 3 แม่ทัพต้านไวรัสโควิด-19 *** . เมื่อสาย ๆของวันนี้ ดิฉันได้คุยกับพี่ชายที่รัก คนทำงานด้วยกันที่มูลนิธิข้าวขวัญ . ประโยคแรกที่พี่ชายพูดกับดิฉันก็คือ "เอียด พี่กับเพื่อนพี่ คนไทยในอเมริกา ต้องขอบคุณเอียดมากนะ สูตรน้ำสมุนไพร 3 แม่ทัพ ที่เอียดบอกมา ช่วยคนไทยในอเมริกาได้มาก เพื่อนพี่อยู่ที่เท็กซัส กับแคลิฟอร์เนีย ศูนย์กลางการระบาดหนักของไวรัสโควิด-19 เขากินน้ำสมุนไพร 3 แม่ทัพแล้วได้ผลดีมาก เพื่อนที่ป่วยติดไวรัสโควิด-19 ไปโรงพยาบาล หมอให้กลับมาอยู่บ้าน เขาป่วยหนัก ก่อนนี้พี่ส่งขมิ้นชันผง หอมแดง กระเทียมไปให้เขาทาง DHL เขาเอาต้มน้ำสมุนไพร 3 แม่ทัพกิน 4-5 วันเขาดีขึ้น ชุ่มคอ หายใจสะดวก เขาดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่กี่วันก็หายป่วย ตอนนี้หายสนิทแล้ว ส่วนอีกคน พี่ส่งขมิ้นชัน หอมแดง กระเทียม จากเมืองไทยไปให้เขาทาง DHL เพื่อนใช้กินป้องกัน ใช้กันทั้งครอบครัว แล้วเขาก็ใช้แมสก์ด้วยนะ เพื่อนๆคนไทยเราแข็งแรงดี เมื่อเช้าคุยวิดีโอคอลกัน เสียดายไม่ได้อัดเทปไว้ แต่ตอนนี้สูตรน้ำมัน 3 แม่ทัพที่เอียดให้มา กลุ่มเพื่อนคนไทยในเท็กซัส แคลิฟอร์เนีย ใช้กันมาก แล้วได้ผลดีจริงๆ หายป่วยจากไวรัสโควิด ได้จริงๆ ตอนแรกพี่ก็ไม่ค่อยเชื่อหรอก พวกเรื่องต่างๆที่เทพบอกมา แต่ตอนนี้พี่เชื่อแล้ว เพราะเพื่อนๆใช้ได้จริง หายป่วยได้จริง ขอบคุณเอียดมากๆเลยนะ” . ดิฉันฟังพี่ชายพูดแล้วน้ำตาจะไหล ดิฉันมั่นใจ สูตรชาสมุนไพร 3 แม่ทัพ ต้องใช้ได้ผลแน่ เทพบอกมาเอง ถามท่านปุ๊บ ก็มีเสียงบอกมาเลย และดิฉันก็มอบสูตรนี้ให้ทีมพี่เดชา ไปเผยแพร่ต่อ บัดนี้ชาสมุนไพร 3 แม่ทัพสามารถช่วยชีวิตคนไทยที่เผชิญโรคระบาดไวรัสโควิดในเท็กซัสและแคลิฟอร์เนียได้จริงๆ ข่าวที่รับทราบมาเมื่อเช้านี้ ทำให้ดิฉันไปค้นข้อมูลเก่าเรื่องชาสมุนไพร 3 แม่ทัพ ที่เคยเผยแพร่ไว้เมื่อปลายเดือน มีนาคม 2563 ในช่วงไวรัสโควิด19 ระบาดหนักครั้งก่อน เพื่อมาฝากเพื่อนๆและพี่น้องคนไทย ไว้ใช้ป้องกันตัวเอง รักษาอาการป่วยไข้ โดยมีเนื้อหารายละเอียดของสูตรยาสมุนไพร 3 แม่ทัพ ดังนี้ . . “ในขณะที่ครุ่นคิดพิจารณาหนทางที่จะช่วยให้สถานการณ์การแพร่ระบาดให้ลดลง อาจารย์เดชา ศิริภัทร ได้รับข้อมูลว่าให้นำสมุนไพรทั้ง 3 ชนิด คือ ขมิ้นชัน หอมแดง กระเทียม มาปรุงเป็นยา เพื่อช่วยป้องกันโรคโควิด-19 ที่มาจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ จากการค้นคว้าสรรพคุณของสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดพบว่า มีความเป็นไปได้สูงในการใช้บำรุงสุขภาพเพื่อต้านไวรัส จึงทดลองปรุงสมุนไพรตามสูตร แล้วรับประทานเองก่อนแจกจ่ายให้คนใกล้ชิดได้ทดลอง โดยหวังว่าจะเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้ต่อสู้กับเชื้อไวรัสนี้ สำหรับสรรพคุณของสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดนี้คือ ขมิ้นชัน เสมอด้วยแม่ทัพใหญ่ มีฤทธิ์ช่วยสร้างลิมโฟไซท์ ซึ่งเป็นเม็ดโลหิตขาวสำคัญในระบบน้ำเหลืองที่ต้านเชื้อไวรัส และช่วยบำรุงปอดให้แข็งแรง ช่วยรักษาอาการอักเสบของปอดไม่อันตรายต่อตับ เนื่องจากขมิ้นชันเป็นเครื่องเทศที่ถูกใช้เป็นอาหารของคนเอเชียมาหลายพันปี มีสารเคอร์คูมินมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ ฤทธิ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้ในการป้องกันการถูกทำลายจากปอดจากกระบวนการอักเสบที่เกิดจากหลอดลม เนื้อปอดและหลอดเลือดปอด นอกจากนี้มีข้อมูลการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคแกงที่มีขมันชันเป็นส่วนประกอบกับการทำงานของปอดในประชากรผู้สูงวัยชาวจีนจำนวน 2,478 คนอายุ 55 ปีขึ้นไป ผลการศึกษาพบว่า การบริโภคแกงที่มีขมิ้นชัน อย่างน้อยเดือนละครั้ง ทำให้สมรรถภาพปอดดีขี้น กระเทียม เสมอขุนพลหลักด้านขวา น้ำมันหอมระเหยในกระเทียมมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อช่วยขยายทางเดินหายใจ และเพิ่มภูมิต้านทาน ส่วนหอมแดง เสมอขุนพลหลักด้านซ้าย ในการแก้อักเสบ รักษาหวัด และระบบทางเดินหายใจ เมื่อนำสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดนี้มารวมกัน จะช่วยหนุนเสริมพลังของแต่ละตัวให้แข็งแรงขึ้นมาก โดยมีสูตรการปรุง 2 สูตรคือ สูตรที่ 1 น้ำมัน 3 แม่ทัพต้านไวรัส 1.ขมิ้นชัน 2 ขีด 2.หอมแดง 2 ขีด 3.กระเทียม 2 ขีด 4.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 ลิตร วิธีทำ 1.หั่นวัตถุดิบเป็นชิ้นบางๆ 2.ทอดในน้ำมันมะพร้าวที่เตรียมไว้ในอุณหภูมิประมาณ120 องศาเซลเซียส จนน้ำในวัตถุดิบแห้ง 3.กรองด้วยผ้าขาวบาง 4.บรรจุแคปซูล ๆละ 15 หยด วิธีใช้ กินมื้อเช้า 2 แคปซูลและ มื้อเย็น 2 แคปซูล สูตรที่ 2 'ชาสมุนไพร' 3 แม่ทัพต้านไวรัส 1.ขมิ้นชัน ครึ่งขีด 2.หอมแดง ครึ่งขีด 3.กระเทียม ครึ่งขีด 4.น้ำ 1.5 ลิตร วิธิทำ 1. ต้มน้ำให้เดือด 2. ทุบวัตถุดิบสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดพอแตก ลงไปในหม้อ 3. หรี่ไฟให้อ่อนๆต้มไว้นานประมาณ 30 นาที วิธีใช้ กินวันละประมาณ 2 แก้วขณะน้ำยังร้อนๆ หรืออุ่นมาก จิบได้เรื่อยๆ หรือจะดื่มทีเดียวหมดก็ได้ (ถ้าดื่มมากกว่า 2 แก้วจะปัสสาวะมาก) รสชา 3 แม่ทัพจะหอมนุ่มนวล ถ้าไม่คุ้นลิ้น เติมน้ำผึ้งลงไป จะดื่มได้สดชื่นมาก ดื่มชาสมุนไพร 3 แม่ทัพ แล้ว เพียงไม่กี่นาที จะรู้สึกโล่งจมูก หายใจได้ลึกสุด และสบายท้อง ดีกับระบบลมในร่างกาย . "ดื่มชาและกินน้ำมัน 3 แม่ทัพสมุนไพรต้านไวรัสนี้แล้ว ขอให้อุทิศกุศลและภาวนาเมตตาธรรมให้กับไวรัสโควิด 19 และเจ้ากรรมนายเวรของคุณด้วยนะ"
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false