1 คนสงสัย
เลี้ยงไก่ที่คอนโดได้ไหม
ไม่ระบุชื่อ
 •  4 ปีที่แล้ว
meter: middle
1 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)
Mrs.Doubt เลือกให้ข้อความนี้◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน

เหตุผล

การนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงในพื้นที่ส่วนบุคคลในคอนโด ความจริงแล้วน่าจะเป็นสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมทุกคนในคอนโด ใครอยากเลี้ยงก็เป

ที่มา

https://www.smartservice.co.th/th/คอนโดที่อนุญาตให้มีสัต/

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    "น้ำชา ชีรณัฐ" ได้ออกมาโพสต์เตือนภัย มีหญิงสาวต่างชาติถูกลักพาตัวกลางวันแสกๆ จริงหรือ
    นักร้องนักแสดงสาว "น้ำชา ชีรณัฐ" ได้ออกมาโพสต์เตือนภัยว่า มีหญิงสาวต่างชาติถูกลักพาตัวกลางวันแสกๆ "การ์ดคอนโดในซอยสุขุมวิท 39 (ซอยพร้อมจิต) ให้การว่า ตอนนี้มีหญิงสาวชาวต่างชาติถูกลักพาตัวไปจากถนนซอย 49 , 39 , 31 ในช่วงไม่กี่วันมานี้ระหว่างรอรถริมถนนบนฟุตบาต สายข่าวกล่าวว่า ตำรวจกำลังขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากอาคารและคอนโดรอบๆ พบรถคันหนึ่งขับวนไปมา รอช่วงจังหวะที่ไม่มีคนและดึงผู้หญิงเข้าไปในรถ ณ ตอนนี้มีหญิงสาวหายตัวไปแล้ว 4 คน เคสล่าสุดคือ 4 โมงเย็นเมื่อวาน (7 ธ.ค.) ความขนลุกคือ คนร้ายปฏิบัติการตอนกลางวันแสกๆ 4 โมงเย็น
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ห้ามเลี้ยงสุนัขและแมว
    ห้ามเลี้ยงสุนัขและแมว ผู้เขียนคือ หนู (เนาวรัตน์ เปาว์อินทร์ ) ผู้ป่วยคือคุณแม่ของหนู เมื่อวานสามพี่น้องมาประชุมกันที่คอนโดตูน ทราบว่า ไขกระดูกแม่ที่ไม่สร้างเลือด และหลังจากให้เลือดสามถุงแล้วก็หายไป วัดเลือดได้เหลือ 19% ซึ่งต่ำมาก อันตราย ปกติคนทั่วไป ต้องมีเลือดในร่างกายต่ำสุด 29% ก็แย่แล้ว หมอเลยเช็คต่อว่าเป็นเพราะเหตุใด ก็ได้ผลว่า การที่ไขกระดูกไม่สร้างเลือดเกิดจากเชื้อไวรัส Parabola มีอยู่ในร่างกาย เชื้อนี้ ได้รับจากสุนัขและแมว เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายก็จะดูดเลือด การรักษาต้องฉีดยาฆ่าเชื้อ 2 เข็ม วันละเข็ม และกลับบ้านหลังจากฉีดยาครึ่งชั่วโมง (ราคาเข็มละ หนึ่งแสนบาท) ค่าพักรอผล ก่อนกลับบ้าน 1,600 บาท หลังจากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์เช็คร่างกายติดตามผล ถ้าหายก็จบการรักษา ถ้ายังไม่หายก็ฉีดต่อ จึงบอกให้ทราบกันถ้วนทั่วว่า อย่าอยู่ใกล้ชิดสุนัขและแมว เชื้อไวรัสเข้าร่างกายเราเมื่อใดไม่รู้ และมันจะฟักตัวถึง 4-5 ปี เราจึงจะทราบผล น้องนำไปปรึกษาหัวหน้าแพทย์ทางโลหิตได้รับคำตอบเช่นเดียวกัน เราบอกเพื่อเป็นวิทยาทาน เพราะไม่เคยรู้เรื่องเช่นนี้มาก่อนเลย
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เขียนได้โดนมากๆ ขอแชร์ให้คนไทยทุกคนได้อ่าน “ชีวิตจะดีหรือเลว อยู่ที่ตัวคุณเอง ไม่ใช่รัฐบาล” ไม่ทราบชื่อผู้เขียน…แต่เขียนสะท้อนความจริงได้ดีมาก วันนี้ ผมอยากให้คุณเปิดใจเป็นกลาง มองโลกแห่งความเป็นจริง แล้วอ่านสิ่งที่ผมเขียน... ประชาชน เรียกร้องหา การพัฒนาที่ดี เศรษฐกิจที่ดี ชีวิตที่ดี สวัสดิการที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ดี ขอให้ทุกคนรวยขึ้น มีความสุขมากขึ้น มีคนจนหมดไป แต่ตัวเองกลับทำตัวตรงข้าม คือ ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น อยากให้ประเทศพัฒนา แต่ไม่เคยพัฒนาคุณภาพตัวเอง นายกคนไหน ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ถ้าคนในประเทศยังขี้เกียจ ขาดจิตสำนึก ขาดคุณธรรม ขาดสติ ไร้ปัญญา ไร้การศึกษา หรือมีการศึกษาสูง แต่จิตสำนึกต่ำ คุณธรรมต่ำ คิดแต่จะด่าว่า โทษแต่คนอื่น ไม่เคยโทษตัวเอง หรือนอนรอแต่ความหวัง ลมๆแล้งๆ หวังคนอื่นมาช่วย แต่ไม่เคยช่วยตัวเองอย่างจริงจัง ประเทศนี้ มีปัญหามาตั้งแต่ รากเหง้าของประเทศ เป็นศูนย์รวม ของคนจำ นวนไม่น้อย ที่จอม 'ขี้เกียจ' 'มักง่าย' และ 'รอคอยความหวัง' เห็นแก่ตัว เก่งแต่พูดเก่งแต่โพสต์ พอลงมือทำจริงๆ ก็ทำไม่ได้ อย่างที่คุยโม้โอ้อวด จริงไหม? ต่อให้นายกรัฐมนตรี เก่งกาจแค่ไหน แก้ปัญหาชาติได้ดีเพียงไร หรือ มีทีมงานไม่โกงกิน แต่บางที ปัญหามาจากรากเหง้าของประเทศ ที่จริงๆแล้ว แก้เท่าไหร่ ก็ไม่สำเร็จหรอก เพราะอาจจะต้องแก้ที่ "คนในชาติก่อน" “จิตสำนึกที่ดี นั้น มีกันบ้างมั้ย” - ด้านสถาบันครอบครัว เพราะความเคยชินของคนไทย ปลูกฝังสั่งสอน ความมักง่าย ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม เลี้ยงเด็กตามมีตามเกิด บางคน แม้รวย ก็เลี้ยงดูลูกแบบตามใจ จนมากเกินไป เหมือนนิทานเรื่อง พ่อแม่รังแกฉัน เลี้ยงผิดๆ ถูกๆ บางบ้าน พูดจาหยาบคาย มึงกูกับลูกตั้งแต่เด็กๆ ปัญหาไม่พร้อมที่จะมีลูกก่อนวัยอันควร สอนกันมาแบบผิดๆ สมองเด็ก ก็ฝังลึกกันแบบผิดๆ​ ที่น่ากลัวคือ พ่อแม่คนเหล่านั้น สอนลูกไม่ เป็น ไม่รู้จักผิด/ชอบ/ชั่ว/ดี แม้บางคน พ่อแม่ เป็นถึง ศ.บ้าง รศ.บ้าง บางคนพ่วง ดร. อีกด้วย แต่มีลูกสาว ขนาดเป็นนิสิตจุฬาฯ ในปี 2563 กล้าที่จะแก้ผ้าให้ผู้ชายถ่ายรูปที่เสาชิงช้า อนาคตของชาติ จึงดูไร้คุณภาพ หรือที่เราเรียกว่า อนาคตของสังคมไทย มีแต่ “ขยะสังคม” รัฐบาล ไม่ได้มีหน้าที่ อยู่บ้านเดียวกับคุณ และคอยอบรมสั่งสอน จนลูกคุณโต หรือ จนมีหน้าที่การงาน - ด้านความยากจน หนักไม่เอา เบาไม่สู้ หมิ่นเงินน้อย คอยวาสนา บ้าเรื่องดวง ผัวทิ้งทำเสน่ห์คุณไสย งานไกลขี้เกียจไป อ้างว่าไม่มีรถขับ งานใกล้ เงินน้อยขี้เกียจทำ กู้เงินมาขายอาหาร ขายไม่เป็น ทำไม่สะอาด ทำไม่อร่อย ปากไม่ดี พอเจ๊ง ก็โทษรัฐบาล โทษเศรษฐกิจ โทษอากาศมันร้อน ฝนมันตก โทษคนไม่เดิน แต่ไม่เคยโทษตัวเอง เพราะไม่เคยมองเห็นตัวเอง ที่เป็นต้นเหตุปัญหาทั้งปวง คนจน ที่ขยันก็มีเยอะ แต่ต้องฉลาด มีสมองพัฒนา ใฝ่สูงใฝ่ก้าวไปข้างหน้า เป็นคนจนไม่ผิด แต่จนแล้วโง่ แถมขี้เกียจ เเบบนี้ผิด บางคนที่จน ไม่มีเงินจะเรียน ก็เรียนจบได้ด็อคเตอร์ ก็มีไม่น้อย มิใช่ เอาแต่มานั่งบ่น สิ่งนั้นไม่ดี สิ่งนี้ไม่ดี แต่ไม่เคยโทษตัวเอง ใครจะมาช่วยได้ล่ะ แล้วทำไมคนจน ที่เค้ามีฐานะดีขึ้น ทำงานด้วยสมอง และ มีสองมือเหมือนกัน ก็มีเยอะมากมายที่เขาได้ดี มีความเจริญก้าวหน้า เพราะเค้าไม่มีข้ออ้างแบบคุณนั่นเอง - ด้านการศึกษา ไม่รู้เค้าเลี้ยงลูกกันยังไง เด็กบางคนถึงไม่สนใจการเรียน ไม่ชอบมีการ บ้าน ไม่ชอบการสอบเก็บคะแนน อ้างว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดความเครียด ไม่ต้องการใส่เครื่องแบบ ไม่ต้องการไว้ผมทรงนักเรียน ไม่เห็นคุณค่าการศึกษา เพราะมีพ่อแม่ไร้คุณภาพ เด็กหลายคนจึงไร้การศึกษาที่ดีและสูง แทนที่จะสอนลูกว่า เรามันจนนะลูก ต้องตั้งใจเรียน​ จะได้​ทุนเรียนปริญญา เอาจริงๆนะ ถ้าลูกรักเรียนต่อ ให้พ่อแม่จนแค่ไหน ก็หาเงินมาให้ลูกเรียนจนจบปริญญาได้ เด็กหลายคนเกเร ไม่สนใจการเรียน พ่อแม่ก็ตัดหางปล่อยวัด ไม่รู้จะทำอะไร ก็กลายเป็นเด็กเกเร เด็กแว๊นซ์ ลักขโมย ดื่มเหล้า ข่มขืน ติดยา ขายตัว สร้างความเดือดร้อน พ่อแม่มันยังไร้คุณภาพ จะเอาปัญญาที่ไหนไปสอนลูก บางครอบครัว พ่อแม่ มีคุณภาพดี แต่ไม่เคยสอนเรื่องคุณ ธรรมและจริยะธรรมที่ดีให้แก่ลูก พอเกิดเรื่องก็บอก “ลูกฉันเป็นคนดี” กันทั้งนั้น ก็เพราะคิดแบบนี้ ลูกมันถึงเป็นแบบนี้ ผิด/ชอบ/ชั่ว/ดี คนเป็นพ่อแม่ ยังแยกแยะไม่ออก - ด้านสิ่งแวดล้อม ถามซิ เลิกเผาป่า เลิกเผาขยะกันหรือยัง​ ข่าวออกมาโครมๆ แต่จิตสำนึกไม่ มีเลย อ้างว่าต้องทำมาหากิน ก็ทำแบบนี้ทุกปี จริงๆแล้วการเผาป่ามันถูกต้องหรือไม่ มันก่อให้เกิดฝุ่นพิษ ควันพิษ เป็นการทำร้ายสุขภาพ หรือเราปล่อยให้ทำๆกันมาจนชิน ไม่รู้สึกอะไร พอรัฐหรือหน่วยงาน เข้ามาห้ามก็ด่า...นี่คือสันดานคนเหล่านั้น คือความเห็นแก่ตัว ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม​ เสียหายปีละเท่าไหร่​...กินตรงไหนทิ้งตรงนั้น คนที่อาศัยตามริมคลอง ก็ทิ้งลงคลองง่ายดี พอน้ำเน่าเหม็น ก็บ่น แล้วมาบอกว่า มันเป็นหน้าที่ของคนเก็บขยะ มีหน้าที่เก็บก็เก็บไป​ คุณจะให้บ้านเมืองมันเจริญได้ไง! ในเมื่อจิตใจคุณยังต่ำตมอยู่เลย -โกง/คอรัปชั่น​ เจอกันเยอะมั้ย​ ไม่ว่าจะคนรวย คนจน คนในระดับไหน การศึกษาสูง ต่ำ ไม่แตกต่างกัน ​ เป็นเรื่องนิสัย​/สันดาน พอมีโอกาส​ ก็โกงกันทั้งนั้น จิตสำนึกความซื่อสัตย์ไม่มี คนรวยโกงคนจน นักการเมืองโกงชาติ จิตใจทำด้วยอะไร ความเห็นแก่ตัวไง เงินคือพระ เจ้าสำหรับพวกมัน และค่านิยมคนไทย “มีเงินเรียกน้อง มีทองเรียกพี่” เป็นพวก ไอ้/อี ที่บ้าเงิน - ด้านการจราจร มีกี่คนที่ทำตามกฎจราจร 100% บ้าง ทางม้าลายรถต้องหยุดให้คนข้าม พวกคุณทราบกันหรือเปล่า ใช้ถนน ผิดกฎหมาย แล้วคิดว่าตัวเองถูก ดูอย่างข่าวป้าทุบรถ และข่าวจอดรถขวางหน้าบ้าน ทางเข้าออกคนอื่น โดยไร้จิตสำนึกว่า คนในบ้านเขาขับรถเข้า/ออกไม่ได้ มีบ่อย มีหลายๆคดี เรียกตัวเองว่า ชาวพุทธ แต่ไร้ ศีลธรรม การยับยั้งอารมณ์ ใครมีปืนมีมีด ก็ยิงก็ฟันเลย เถื่อนมาก แม้แต่ในโรงพยาบาล ก็ยังบุกไปทำร้ายร่างกายกัน และ พาลไปทำร้ายหมอและพยาบาลอีก แบบนี้ก็มีอยู่ในสังคมไทย แกล้งขับรถขวางทาง ไม่ให้รถ Ambulance ผ่าน ก็มีข่าวมาแล้ว ขับช้า เสือกขับแช่ยาว ในเลนขวาสุด ก็มีให้เห็นบ่อยๆในเวลาไปต่างจังหวัด อยากจอดข้างทางก็จอด เพื่อกินข้าว ที่ร้านอร่อยของตน บนถนนรถติด ขายของริมฟุตบาท ล้นออกมาบนพื้นที่ถนนรถวิ่ง รถยนต์/รถมอเตอร์ ไซค์ก็จอดซื้อกันตรงนั้น ทำให้รถติดในซอย ในเมื่อพฤติกรรมคนไทยจำนวนไม่น้อย มันเป็นแบบเนี้ย รัฐบาลจะไปช่วยอะไรได้ หวังแต่จะให้รัฐแก้ปัญหา และพัฒนาชาติ ตัวคุณเองยังแก้ปัญ หาตัวเองไม่ได้ และพัฒนาสมอง คุณภาพตัวเองไม่ได้เลย ถามตัวเองก่อน ด่ารัฐบาล "ทำหน้าที่ตัวเอง" ในฐานะพลเมืองของชาติ ดีที่สุดรึยัง พูดให้คิด มองความจริงให้ออก อย่าหลอก อย่าหลงตัวเอง เจ็บแต่จริง​ หันมามองตัวเองกันหน่อย​ ค่อยๆแก้​ ต่อให้รัฐบาล​/ผู้นำคนไหนๆ​ แปลงร่างมาจากเทวดาชั้นฟ้า​ ปัญหา​เมืองไทย ก็ไม่มีวันหมด แก้รัฐธรรม นูญ ก็เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง เป็นสำคัญ ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชา ชนอย่างแท้จริง แก้แล้ว ก็เพื่อให้นัก การเมืองกลุ่มใหม่ เข้ามาแสวงหาอำนาจ และ ผลประโยชน์ในกลุ่มพรรคพวกเพื่อนพ้องเท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องนมนานมา แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น มาให้เห็นตลอดเวลา​ที่ผ่านมา นักการเมืองโกงแล้ว หนีคดีไปต่างประเทศ ส่วนลูกน้อง ที่เคยเป็นคนดี แต่ยอมทำตาม ด้วยเกรงบารมี ก็ต้องติดคุกหัวโตไป เรายังอยากให้คนกลุ่มนี้ มาหาวิธีโกงชาติ โกงแผ่นดินกันอีกหรือ รักชาติ รักแผ่นดิน​ ให้จริงๆกันบ้างเถิด อย่าอ้างความรักชาติ จนน้ำลายไหล เพราะอดอยากปากแห้งมานาน หันกลับมามองตน แล้วเปลี่ยนแปลงตัวเองและ คนใกล้ตัวกันหน่อย สงสารนักรบชุดขาว และ อสม. ที่เขาเสียสละ และเสี่ยงกับโรค​ COVID-19 ที่ มากกว่าเรา อย่าได้เพิ่มปัญหาให้สังคมและประเทศของเราให้มากกว่า ที่มีอยู่ และเป็นอยู่เลย ในปัจจุบัน ทุกประเทศก็มีปัญหาเศรษฐกิจ ประชา ชนทุกประเทศก็ย่ำแย่เดือดร้อนกันทั้งนั้น มิใช่คนไทยเท่านั้นที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ. ขอบคุณผู้เขียน และ ขอบคุณทุกคนที่แชร์กันต่อไปและแชร์ให้มากก่อนถึงวันเลือกตั้ง.
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือ มีทูตมาจากเอสโทเนีย ไม่ยอมกักตัวตามมาตรการของรัฐบาล
    สารวัตรปราบปรามนครบาลทองหล่อ ได้รับแจ้งนิติบุคคลคอนโดจากคอนโดย่านสุขุมวิท ว่ามีคณะทูตจากประเทศเอสโตเนีย เดินทางมาจาก ต่างประเทศต้องการเข้า พักที่คอนโด ทางนิติบุคคลไม่อนุญาตให้เข้าพักเนื่องจากคณะทูตจากประเทศเอสโตเนียยังไม่ผ่านการกักตัวตามมาตรการป้องกันโรค covid-19 ของรัฐบาลไทย และเพิ่งเดินทางเข้าประเทศ
    naydoitall
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ความจำเสื่อมพฤติกรรมที่ต้องเปลี่ยน
    เรื่องนี้ดีมาก หมอศิริราชส่งมาให้ @svh9535i ❤️❤️❤️❤️❤️😊❤️ ความจำเสื่อมพฤติกรรมที่ต้องเปลี่ยน เรื่องนี้ดีมาก หมอศิริราชส่งมาให้ บทความโดย : หมอแดง ดิ อโรคยา เคยเป็นกันบ้างไหมครับ อาการที่บางครั้งเราพยายามจะนึกอะไรซักอย่างให้ได้ แต่มันนึกไม่ออก จะว่าลืมก็ไม่ใช่ เหมือนมันติดอยู่ที่ปากหรือเวลาจะก้าวออกจากบ้านไปทำงาน ทีไรก็ต้องลืมโน่นลืมนี่เป็นประจำ อาการแบบนี้จะเรียกว่าเป็นอาการความจำเสื่อมก็คงจะไม่ใช่ แต่ก็ใกล้เคียง ผมพบคนป่วยหลายรายที่มีอาการ ความจำเสื่อม แต่ที่เห็นได้ชัดเมื่อเร็วๆนี้ คนไข้เป็นผู้ชาย เคยทำงานรัฐวิสาหกิจ ตำแหน่งใหญ่โตเชียวล่ะครับ เกษียณมาได้ปีกว่าๆแล้ว พอเกษียณมาได้แล้ว ก็เกิดอาการความจำเสื่อมกำเริบอย่างหนัก มีอาการเหมือนเด็ก จำอะไรไม่ค่อยได้ จะกินจะนอนก็ดูยากไปหมด พูดฟังก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง บางครั้งมีอาการซึม บางครั้งยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าซีดเหมือนไม่มีเลือดมาเลี้ยง มือสั่นบ้าง ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรค “พาร์คินสัน” ก็เลยให้ยาสารพัดมากิน แต่อาการกลับไม่ดีขึ้นเลย เป็นที่กลุ้มใจของผู้เป็นภรรยา ที่ต้องคอยดูแลสามีเหมือนเป็นเด็กเล็ก จากการสอบถามประวัติความเป็นอยู่ อาหารการกิน การออกกำลังกาย ภรรยาของคนไข้ก็บอกว่า ผู้ป่วยก็กินดีอยู่ดี ออกกำลังกายประจำ ผู้ป่วยเป็นวิศวกรใหญ่ จึงน่าเชื่อได้ว่าต้องกินดีอยู่ดีแน่นอน กรรมพันธุ์ก็ไม่มี แล้วเกิดอาการได้อย่างไร หมอก็ให้คำตอบไม่ได้ ได้แต่รักษาไปตามอาการ ให้วิตามินบ้าง ยาแก้พาร์คินสัน ยาแก้อาการสั่นบ้าง หลายปีแล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม พฤติกรรมอย่างหนึ่งที่คนไข้ทำพลาดไป ก็คือ เขาดื่มน้ำน้อยมาก วันละไม่เกิน 2 แก้ว ไม่กระหายน้ำก็ไม่ดื่ม น้ำหนักเกือบ 60 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักขนาดนี้ควรดื่มน้ำ 9-10 แก้วต่อวัน แต่นี่ดื่มแค่ 2 แก้ว บวกกับทำงานใช้สมองมาก มีความเครียดด้วย เลือดเมื่อขาดน้ำก็ทำให้เลือดข้นหนืด ทำให้หลอดเลือดไม่มีความยืดหยุ่นเพราะเลือดไปเลี้ยงไม่พอ แล้วเลือดจะฉีดขึ้นไปเลี้ยงสมองได้อย่างไรกัน ทดลองเอาเครื่องสูบน้ำไปสูบน้ำในปลักวัวปลักควาย ที่วัวควายนอนแช่เป็นน้ำโคลนดูซิว่า เครื่องจะสูบน้ำขึ้นไปได้ไหม สุดท้ายเครื่องก็ต้องพัง ซึ่งเครื่องสูบน้ำก็เหมือนหัวใจคนเรา ที่ต้องสูบฉีดเลือดขึ้นไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่อเลือดมันข้นเหนียว ไม่ช้าหัวใจก็ต้องพัง เส้นเลือดในหัวใจก็อุดตันหมด ในกรณีของผู้ป่วยรายนี้ก็มีลักษณะเหมือนกัน เขามีอาการความจำเสื่อมหรือสมองไม่ทำงาน ก็เพราะสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง เหมือนเราใช้คนให้ทำงานแล้วไม่จ่ายเงินเดือน ไม่ให้ข้าวกิน แล้วเขาจะเอาแรงที่ไหนมาทำงานให้เรา เลือดนั้นจะนำพาอาหาร อ๊อกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าส่วนไหน เรามัวแต่กินยา กินวิตามิน โดยไม่ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต โดยเฉพาะการดื่มน้ำที่ถูกต้อง คงไม่มีวันที่โรคนี้จะหายได้ เพราะยาและวิตามิน ก็เข้าสู่ร่างกายไม่ได้ถ้าไม่มีน้ำพาไป เพราะเลือดประกอบด้วยน้ำถึง 91% ดังนั้นผมจึงให้ความสำคัญ กับการดื่มน้ำเป็นอันดับแรก โดยถือว่าน้ำเป็นยาวิเศษเลยทีเดียว เมื่อได้แนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมวิถีชีวิตใหม่แล้ว ขั้นตอนต่อไปเราก็ทำการนวดกระตุ้นฝ่าเท้า และนวดตัว เพื่อกระตุ้นให้อวัยวะภายในร่างกายทั้งหมด ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้เลือดลมหมุนเวียนได้ดี บางท่านอาจเข้าใจผิดว่าการนวดเท้านั้นเป็นการรักษาเท้า ท่านเข้าใจผิดนะครับ การนวดเท้าสามารถรักษาโรคได้เป็นอย่างดี ผู้ป่วยรายนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมได้นวดเท้าและนวดกดจุด จากใบหน้าที่ขาวซีดกลับดูมีเลือดฝาด ดูสดใสขึ้นเยอะ พูดคุยได้ดีขึ้น ยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าแต่ก่อน มีการตอบสนองที่ดี นั่นแสดงว่าเลือดลมเดินได้ดีขึ้นแล้วนั่นเอง สรุปแล้วสาเหตุของอาการความจำเสื่อมก็คือ อาการที่เลือดข้นหรือเลือดจาง ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอนั่นเอง ท่านใดที่รู้ตัวว่าเริ่มมีอาการดังกล่าวแล้ว ผมว่าทางที่ดีท่านควรจะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ถูกต้อง ตามที่ผมได้บอกไว้แล้ว อาการความจำเสื่อมจะไม่มาเยือนท่านโดยง่ายแน่นอน ป้าศรีขอเติม comment ของคุณหมอ Nart Fongsmut เข้ามานะคะ คุณหมอเชี่ยวชาญการดูแลผู้สูงอายุค่ะ ... "เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะดื่มน้ำไม่พอ dehydrated เป็นผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองไม่ดี สมองที่เสื่อม หดอยู่แล้วจะ function ได้ด้อยลงมากมาย พบบ่อยในสถานสงเคราะห์คนชราหรือ nursing home ที่ผู้สูงอายุช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มากนัก dependent..." ขอให้ช่วยกันแชร์ เพื่อประโยชน์ในวงกว้างนะ โปรดทราบ! ถ้าข้อมูลนี่เป็นประโยชน์และสามารถช่วยใครได้อีกหลายๆ คน อย่าเก็บไว้อ่านคนเดียวละอย่าลืมส่งให้กับคุณและคนที่คุณรักได้อ่านกันนะ .... ด้วยรักและห่วงใย จากเพื่อนถึงเพื่อน ....
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ไก่แต่ละตัวได้รับอะนาโบลิกสเตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะ และฮอร์โมนการเจริญเติบโต 3 โด๊สทุกวันเป็นเวลา 30 วัน ก่อให้เป็นมะเร็ง จริงหรือไม่
    ไก่แต่ละตัวได้รับอะนาโบลิกสเตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะ และฮอร์โมนการเจริญเติบโต 3 โด๊สทุกวันเป็นเวลา 30 วัน และผลที่ได้ก็ทำให้พวกเขาอ้วนเท่านั้น หลังจากนั้นไก่เหล่านี้จะต้องขายภายใน 30 ถึง 40 วัน หากไม่ทำเช่นนี้ ไก่เหล่านี้จะถูกทิ้งระเบิดตายด้วยส่วนผสมที่เป็นพิษที่กล่าวถึงข้างต้น เมื่อกินไก่เหล่านี้ ผลที่ตามมาสำหรับผู้บริโภคไม่เพียงแต่น่าตกใจ แต่ยังเป็นหายนะอีกด้วย เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ ครอบครัว และคนงานไม่เคยกินไก่เหล่านี้เพราะพวกเขาตระหนักดีถึงเรื่องนี้ พูดง่ายๆ คือ ไก่เหล่านี้เป็นเซลล์มะเร็ง ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยาทุกคนตระหนักถึงสถานการณ์นี้ คุณรู้หรือไม่? หนึ่งในสี่ของคนเป็นมะเร็ง โปรดตรวจสอบกับแพทย์ของคุณ! ! โปรดดูวิดีโอด้านบนโดยไม่ลบ นี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก คาดว่าจะแพร่กระจายไปยังกลุ่มอื่นๆ ของคุณ
    Abd Zaaq
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เรื่องนี้ดีมาก หมอศิริราชส่งมาให้ ความจำเสื่อมพฤติกรรมที่ต้องเปลี่ยน เรื่องนี้ดีมาก หมอศิริราชส่งมาให้ บทความโดย : หมอแดง ดิ อโรคยา เคยเป็นกันบ้างไหมครับ อาการที่บางครั้งเราพยายามจะนึกอะไรซักอย่างให้ได้ แต่มันนึกไม่ออก จะว่าลืมก็ไม่ใช่ เหมือนมันติดอยู่ที่ปากหรือเวลาจะก้าวออกจากบ้านไปทำงาน ทีไรก็ต้องลืมโน่นลืมนี่เป็นประจำ อาการแบบนี้จะเรียกว่าเป็นอาการความจำเสื่อมก็คงจะไม่ใช่ แต่ก็ใกล้เคียง ผมพบคนป่วยหลายรายที่มีอาการ ความจำเสื่อม แต่ที่เห็นได้ชัดเมื่อเร็วๆนี้ คนไข้เป็นผู้ชาย เคยทำงานรัฐวิสาหกิจ ตำแหน่งใหญ่โตเชียวล่ะครับ เกษียณมาได้ปีกว่าๆแล้ว พอเกษียณมาได้แล้ว ก็เกิดอาการความจำเสื่อมกำเริบอย่างหนัก มีอาการเหมือนเด็ก จำอะไรไม่ค่อยได้ จะกินจะนอนก็ดูยากไปหมด พูดฟังก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง บางครั้งมีอาการซึม บางครั้งยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าซีดเหมือนไม่มีเลือดมาเลี้ยง มือสั่นบ้าง ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรค “พาร์คินสัน” ก็เลยให้ยาสารพัดมากิน แต่อาการกลับไม่ดีขึ้นเลย เป็นที่กลุ้มใจของผู้เป็นภรรยา ที่ต้องคอยดูแลสามีเหมือนเป็นเด็กเล็ก จากการสอบถามประวัติความเป็นอยู่ อาหารการกิน การออกกำลังกาย ภรรยาของคนไข้ก็บอกว่า ผู้ป่วยก็กินดีอยู่ดี ออกกำลังกายประจำ ผู้ป่วยเป็นวิศวกรใหญ่ จึงน่าเชื่อได้ว่าต้องกินดีอยู่ดีแน่นอน กรรมพันธุ์ก็ไม่มี แล้วเกิดอาการได้อย่างไร หมอก็ให้คำตอบไม่ได้ ได้แต่รักษาไปตามอาการ ให้วิตามินบ้าง ยาแก้พาร์คินสัน ยาแก้อาการสั่นบ้าง หลายปีแล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม พฤติกรรมอย่างหนึ่งที่คนไข้ทำพลาดไป ก็คือ เขาดื่มน้ำน้อยมาก วันละไม่เกิน 2 แก้ว ไม่กระหายน้ำก็ไม่ดื่ม น้ำหนักเกือบ 60 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักขนาดนี้ควรดื่มน้ำ 9-10 แก้วต่อวัน แต่นี่ดื่มแค่ 2 แก้ว บวกกับทำงานใช้สมองมาก มีความเครียดด้วย เลือดเมื่อขาดน้ำก็ทำให้เลือดข้นหนืด ทำให้หลอดเลือดไม่มีความยืดหยุ่นเพราะเลือดไปเลี้ยงไม่พอ แล้วเลือดจะฉีดขึ้นไปเลี้ยงสมองได้อย่างไรกัน ทดลองเอาเครื่องสูบน้ำไปสูบน้ำในปลักวัวปลักควาย ที่วัวควายนอนแช่เป็นน้ำโคลนดูซิว่า เครื่องจะสูบน้ำขึ้นไปได้ไหม สุดท้ายเครื่องก็ต้องพัง ซึ่งเครื่องสูบน้ำก็เหมือนหัวใจคนเรา ที่ต้องสูบฉีดเลือดขึ้นไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่อเลือดมันข้นเหนียว ไม่ช้าหัวใจก็ต้องพัง เส้นเลือดในหัวใจก็อุดตันหมด ในกรณีของผู้ป่วยรายนี้ก็มีลักษณะเหมือนกัน เขามีอาการความจำเสื่อมหรือสมองไม่ทำงาน ก็เพราะสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง เหมือนเราใช้คนให้ทำงานแล้วไม่จ่ายเงินเดือน ไม่ให้ข้าวกิน แล้วเขาจะเอาแรงที่ไหนมาทำงานให้เรา เลือดนั้นจะนำพาอาหาร อ๊อกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าส่วนไหน เรามัวแต่กินยา กินวิตามิน โดยไม่ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต โดยเฉพาะการดื่มน้ำที่ถูกต้อง คงไม่มีวันที่โรคนี้จะหายได้ เพราะยาและวิตามิน ก็เข้าสู่ร่างกายไม่ได้ถ้าไม่มีน้ำพาไป เพราะเลือดประกอบด้วยน้ำถึง 91% ดังนั้นผมจึงให้ความสำคัญ กับการดื่มน้ำเป็นอันดับแรก โดยถือว่าน้ำเป็นยาวิเศษเลยทีเดียว เมื่อได้แนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมวิถีชีวิตใหม่แล้ว ขั้นตอนต่อไปเราก็ทำการนวดกระตุ้นฝ่าเท้า และนวดตัว เพื่อกระตุ้นให้อวัยวะภายในร่างกายทั้งหมด ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้เลือดลมหมุนเวียนได้ดี บางท่านอาจเข้าใจผิดว่าการนวดเท้านั้นเป็นการรักษาเท้า ท่านเข้าใจผิดนะครับ การนวดเท้าสามารถรักษาโรคได้เป็นอย่างดี ผู้ป่วยรายนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมได้นวดเท้าและนวดกดจุด จากใบหน้าที่ขาวซีดกลับดูมีเลือดฝาด ดูสดใสขึ้นเยอะ พูดคุยได้ดีขึ้น ยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าแต่ก่อน มีการตอบสนองที่ดี นั่นแสดงว่าเลือดลมเดินได้ดีขึ้นแล้วนั่นเอง สรุปแล้วสาเหตุของอาการความจำเสื่อมก็คือ อาการที่เลือดข้นหรือเลือดจาง ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอนั่นเอง ท่านใดที่รู้ตัวว่าเริ่มมีอาการดังกล่าวแล้ว ผมว่าทางที่ดีท่านควรจะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ถูกต้อง ตามที่ผมได้บอกไว้แล้ว อาการความจำเสื่อมจะไม่มาเยือนท่านโดยง่ายแน่นอน ป้าศรีขอเติม comment ของคุณหมอ Nart Fongsmut เข้ามานะคะ คุณหมอเชี่ยวชาญการดูแลผู้สูงอายุค่ะ ... "เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะดื่มน้ำไม่พอ dehydrated เป็นผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองไม่ดี สมองที่เสื่อม หดอยู่แล้วจะ function ได้ด้อยลงมากมาย พบบ่อยในสถานสงเคราะห์คนชราหรือ nursing home ที่ผู้สูงอายุช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มากนัก dependent..." ขอให้ช่วยกันแชร์ เพื่อประโยชน์ในวงกว้างนะ โปรดทราบ! ถ้าข้อมูลนี่เป็นประโยชน์และสามารถช่วยใครได้อีกหลายๆ คน อย่าเก็บไว้อ่านคนเดียวละอย่าลืมส่งให้กับคุณและคนที่คุณรักได้อ่านกันนะ .... ด้วยรักและห่วงใย จากเพื่อนถึงเพื่อน ....
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เชียงใหม่กลายเป็นจุด super spread หลังพบหญิงไทยติดโควิด จริงหรือ
    อัปเดต #โควิด19 - 28 พ.ย. 16.00 กรณีเคสที่เชียงใหม่ - หญิงไทย อายุ 29 ปี ผลตรวจเป็นโควิด-19 - มีภูมิลำเนาในเชียงใหม่ - 24 ต.ค. - 23 พ.ย. แต่มีออกไปทำงานที่เมียนมา 23 พ.ย. มีอาการไข้ ปวดหัว 24 พ.ย. มีอาการป่วยมากขึ้น เดินทางจากแม่สายมาที่เชียงใหม่ - รถตู้ จาก อ.แม่สาย - เชียงราย - รถบัสโดยสาร จากเชียงราย - เชียงใหม่ เวลา 11.00 น. - 14.50 น. - เรียกแกร็บ จากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปยังคอนโด ถึงเชียงใหม่ - ไป สถานบันเทิงย่านสันติธรรมกับเพื่อน 2 คน (สูบบุหรี่/ดื่มร่วมกัน) 25 พ.ย. 02.00 น. เข้าที่พักที่คอนโดของเพื่อน (ดื่มต่อที่ห้อง) 12.00 น. กลับคอนโดฯ ของตัวเอง (แกร๊บคาร์) 15.30 น. ไปห้างใกล้ ๆ ที่พัก (ทานอาหาร, ดูหนัง, ช้อปปิ้ง) สวมหน้ากากเป็นส่วนใหญ่ มีบางช่วงที่ไม่ได้สวมหน้ากาก 26 พ.ย. 15.30 น. เรียกรถไปส่งที่ รพ. ไปตรวจอาการป่วย ผลการซักประวัติ มีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น ถ่ายเหลว ไม่มีไข้ ส่งตรวจเชื้อ พบเชื้อ ในคืนวันนั้น 27 พ.ย. -ส่งตรวจหาเชื้อซ้ำ พบเชื้อ ยืนยันเป็นผู้ป่วยโควิด-19 จนท. ลงพท. ติดตามสอบสวนโรค/ติดตามผู้สัมผัส จำนวนทั้งหมด 326 ราย แบ่งเป็น ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 105 ราย : - อยู่ในชุมนุม 65 ราย (คอนโดฯ ผู้ป่วย, คอนโดฯ เพื่อน, สถานบันเทิง, ห้างสรรพสินค้า) - ผู้สัมผัสในยานพาหนะ 40 ราย (เชียงราย 35 ราย : ผู้ที่เดินทางข้ามแดนด้วยกัน, รถตู้, รถบัส, คนขับแกร๊บ) ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 149 ราย : - ชุมชน 140 (ในคอนโดฯ, ในห้างฯ) - บุคคลากรทางการแพทย์ 9 ราย ผู้สัมผัสอื่น ๆ ในชุมชน 72 ราย --- ประเด็นการเข้าเมือง/กักตัว - ทางจังหวัดกำลังตรวจสอบการเข้าเมือง เพิ่ม - เป็นการเข้าเมืองอย่างไม่ถูกต้อง ทำให้ไม่มีได้รับการกักตัว - จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด (ลักลอบเข้าเมือง/พ.ร.บ.ควบคุมโรค) - แนวชายแดนไทย-เมียนมา ก็มีจุดที่แอบลักลอบเข้ามาได้ แม้จนท. จะมีลาดตระเวน จับ ผลักดันทุกวัน - ฝากให้ ปชช. ในพท. หากพบ หรือทราบว่า ผู้ใดเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ไม่ได้กักตัว หรือสงสัย ก็ให้แจ้ง จนท. ตรวจสอบได้ทันที เพื่อความปลอดภัย
    naydoitall
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    "พื้นที่ที่มี จุดเสี่ยง ในกรุงเทพมหานคร" Update พื้นที่ที่มี "จุดเสี่ยง ในกรุงเทพมหานคร" ทั้งหมด ของการระบาดระลอกใหม่ จากตลาดกุ้ง จ.สมุทรสาคร *ใครมีจุดเพิ่มเติมแนะนำได้นะ เก็บ Timeline มาได้เท่านี้ เป็นห่วงทุกคนนน* 25 เขต ในกทม. ที่มีจุดพื่นที่เสี่ยง ------------------------------------- 1. เขต คลองสาน - ร้านสมศักดิ์ ปูอบ สาขาบีทีเอสกรุงธน 2. เขต คันนายาว - รพ.สินแพทย์ จ.กรุงเทพฯ 3. เขต จตุจักร - BTS ห้าแยกลาดพร้าว - MRT บางซื่อ - เซ็นทรัล ลาดพร้าว - ยูเนี่ยน มอลล์ Union Mall - สถานีขนส่งหมอชิต(จตุจักร) กรุงเทพฯ 4. เขต จอมทอง - ตลาดอินดี้ ดาวคะนอง 5. เขต ดอนเมือง - สนามบิน ดอนเมืองอาคาร 2 ผู้โดยสารภายในประเทศ กรุงเทพฯ 6. เขต ดุสิต - โรงพยาบาลวชิระ - กองพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง กรมชลประทาน สามเสน - รพ.รามาธิบดี 7. เขต ธนบุรี - คอนโด IDEO สาทร กรุงเทพฯ 8. เขต บางแค - เดอะมอลล์ บางแค 9. เขต บางกอกน้อย - ตลาดศาลาน้ำร้อน - ทรูช้อป@ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า - ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาปิ่นเกล้า 10. เขต บางกะปิ - เดอะมอลล์ บางกะปิ - โรงแรมอเล็กซานเดอร์ - หอพักหน้ารามคำแหงซอย 29 11. เขต บางขุนเทียน - โรงพยาบาลนครธน - ขนส่งจังหวัดเขตบางขุนเทียน - สำนักงานขนส่งทางบก กรุงเทพมหานครพื้นที่ ๑ 12. เขต บางซื่อ - นมโจ ประชาชื่น (สาขาประชาชื่น39) - รพ.เกษมราษฎร์ประชาชื่น จ.กรุงเทพฯ - ศรีสุวรรณ 13. เขต บางนา - ย่านอุดมสุข 14. เขต บางพลัด - ร้านอีสานกรองแก้ว 15. เขต บางรัก - Le Meridien Hotel Bangkok - Pullman G Hotel Bangkok - โรงพยาบาลบีเอ็นเอช กรุงเทพฯ - วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก) กรุงเทพฯ - สีลมคอมเพล็กซ์ 16. เขต บึงกุ่ม - วัดสุวรรณประสิทธิ์ - ตลาดนวดจันทร์ 17. เขต ปทุมวัน - สามย่านมิตรทาวน์ - BTS ราชเทวี - Central World - Mrt ลุมพินี - Mrt หัวลำโพง - โรงแรมอโนมา - มาบุญครอง - สยามสแควร์วัน 18. เขต ป้อมปราบศัตรูพ่าย - โรงพยาบาลกลาง 19. เขต พระนคร - ครัวแซ่บอีสาน 20. เขต ภาษีเจริญ - Seacon Bangkae - โรงพยาบาล พญาไท 3 21. เขต ราชเทวี - แพลตินัม - โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน กรุงเทพฯ - โรงพยาบาลรามาธิบดี Ramathibodi Hospital 22. เขต วังทองหลาง - โรงพยาบาลลาดพร้าว 23. เขต วัฒนา - Lamptitud เอกมัย - ตลาดอ่อนนุช 24. เขต สาทร - อาคารสาธรซิตี้ทาวเวอร์ 25. เขต หลักสี่ - รพ.มงกฏวัฒนะ จ.กรุงเทพฯ ข้อมูล: ณ วันที่ 25 ธ.ค. 63 โดยศูนย์ติดตามสถานการณ์ COVID-19 และกรมควบคุมโรค #COVID-19 #Covid #โควิด-19 #โควิด #สถานการณ์โควิด19 #สถานการณ์โควิด-19 #สถานการณ์COVID-19 #สถานการณ์COVID19 #ข่าวโควิด #โควิดวันนี้ #ข่าวโควิด #โควิด #ติดตามโควิด #ข่าว #ติดตามข่าว
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    แก้วิธีการรักษา อาการตื่นมาฉี่บ่อย (nocturia) ของผู้สูงอายุ
    ตื่นขึ้นมาปัสสาวะบ่อย รุ่นพี่ที่เคารพท่านหนึ่ง ได้ส่ง VDO link ที่น่าสนใจมาให้ จาก NHK on demand video ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ ส.ว. ทั้งหมด (เกิน 250) แต่คนที่ยังไม่เป็น ส.ว. รู้ไว้ก็ไม่เสียหลาย เพราะอนาคตเราก็จะได้เลื่อนขั้นขึ้นไปกันทุกคนอยู่แล้ว เรื่องที่ว่านั้นก็คือ ปัญหาของการที่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกบ่อยๆ (nocturia) เพื่อไปฉี่ ปัญหานี้ ได้มีการทำวิจัยเมื่อต้นปีนี้เอง (กุมภาพันธ์ -เมษายน) ควบคุมโดย Toromoto Kazumasa อาจารย์หมอทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะ (urologist) แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์นารา (Nara Medical University) เนื่องจากโควิดมา ผลการวิจัยนี้จึงเพิ่งจะเผยแพร่สู่สาธารณชน เมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้เอง การวิจัย ดำเนินการโดยให้ หนุ่ม Terakita เดินทางไปอยู่ที่บ้านคุณลุง Hayashi ทั้งวัน และทำกิจกรรมต่างๆเหมือนกัน โดยฉี่ให้หมดกระเพาะปัสสาวะ (bladder) ในตอนเช้า จากนั้น ให้กินอาหารเหมือนกัน ดื่มน้ำเท่ากัน ออกกำลังกายเหมือนกัน แล้วฉี่ใส่ถ้วยตวง วัดปริมาณเปรียบเทียบกันดู @07:30 เริ่มกินข้าว เป็นอาหารญี่ปุ่น มีน้ำอยู่ในอาหาร 600 mL (คำนวณโดย Yamaguchi Chikage นักโภชนาการ ของ Nara Medical University Hospital) และดื่มน้ำชา 530 mL รวม 1,130 mL ตอนสาย เจ้าหนุ่ม ฉี่ไป 4 รอบ 300+400+300+100 mL ส่วนลุงฉี่แค่ 2 รอบ 100+110 mL @12:30 มื้อกลางวัน เป็นแซนวิช มีน้ำแค่ 140 mL และดื่มน้ำเปล่าอีกคนละ 380 mL ตอนบ่าย ออกกำลังกาย ไปทำสวนด้วยกัน เข้ามาในบ้าน เล่น VDO game ด้วยกัน (ลุงแกเล่นได้ด้วยแฮะ) ตอนบ่าย เจ้าหนุ่มฉี่อีก 3 ครั้ง 350+200+150 mL คุณลุงก็ฉี่ 3 ครั้งเหมือนกัน แต่ปริมาณน้อยกว่า 40+180+70 mL จนเย็น @18:30 ได้เวลาจากกัน หลังจากอยู่ด้วยกันมาทั้งวัน ค่ำคืนนั้น ก่อนเข้านอน เจ้าหนุ่มฉี่อีก 4 ครั้ง 320+150+180+150 mL แต่ลุงฉี่แค่ครั้งเดียว 180 mL หมอใช้ ultrasound ตรวจดูน้ำในกระเพาะปัสสาวะ - เกือบไม่มีทั้งคู่ ก่อนเข้านอนตอนเที่ยงคืน ในวันนั้น น้ำ เข้าไปร่างกาย คนละ 2,730 mL เท่าๆกัน แต่ลุงมีน้ำเหลืออยู่ในร่างกายเยอะมาก ผลก็คือ เจ้าหนุ่มหลับรวด ไม่ได้ตื่นขึ้นมาฉี่ แต่ลุงต้องตื่นไปฉี่ 3 รอบ 130+420+280 mL วันต่อมาจึงรู้สึกเพลีย การที่กลางวันง่วง และต้องงีบบ่อยๆ เพราะกลางคืนตื่นบ่อย (nocturia) เพื่อไปฉี่ เนื่องจากน้ำที่ดื่มระหว่างวันยังค้างอยู่ในร่างกาย แต่น้ำนั้น ... ไม่ได้อยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ! เชื่อหรือไม่ว่า มีความลับในร่างกายของเราอย่างหนึ่ง ก็คือ คนเรามีกระเพาะปัสสาวะที่สอง (2nd bladder) !! ในเมื่อน้ำ ไม่อยู่ในกระเพาะปัสสาวะ แล้วมันไปเก็บอยู่ที่ไหน? ที่ตับ (liver) หรือเปล่า เพราะแอลกอฮอล์ก็ยังไปกำจัดที่ตับ น้ำก็น่าจะไปด้วย … ไม่ใช่ ที่ไต (kidney) ใช่ไหม เพราะเป็นด่านแรก ที่น้ำจะต้องผ่าน ก่อนไปที่กระเพาะปัสสาวะ … ไม่ใช่อีก ที่เส้นเลือด (blood vessels) กระมัง เพราะในเลือดมีน้ำ อาจเก็บน้ำเพิ่มขึ้นได้ … ก็ไม่ใช่ แม้แต่ลำไส้ (intestine) ที่น่าจะมีที่เก็บน้ำไว้ได้มากทีเดียว … ไม่ใช่เหมือนกัน เพราะคำตอบที่ถูกคือ - น่อง (calves) ครับ ! เพื่อเป็นการพิสูจน์ เจ้าหน้าที่ได้ทำการวัดรอบน่องของลุง Hayashi ตอนตื่นนอนและก่อนนอน พบว่า น่องโตขึ้นจริงๆ (ขวา 40.5 => 42.7 ซ้าย 41.5 => 45.7 cm) ทีมงาน ได้นำอุปกรณ์วัดทันสมัย ไปที่บ้านลุง Hayashi เพื่อวัดปริมาณน้ำในส่วนต่างๆของร่างกาย แล้ว plot มาเป็นกราฟ พบว่า ช่วงเช้า น้ำในลำตัวและแขน เกือบคงที่ แต่น้ำในขา จะค่อยพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ช่วงบ่าย น้ำในขาเกือบคงที่ แต่ในแขนและลำตัวค่อยๆลด ส่วนตอนค่ำ ก่อนนอน น้ำในลำตัวค่อยๆลด ในแขนคงที่ แต่ในขายังพุ่งขึ้นต่อ สุดท้ายก่อนเข้านอน น้ำในขาของลุง Hayashi มีมากกว่าตอนเช้าถึง หนึ่งลิตรครึ่ง ! ทั้งนี้เพราะ ขาทั้งสองข้าง เป็นเหมือนแท็งค์น้ำ โดยน้ำจะแทรกอยู่ระหว่างกระดูกและผิวหนัง เรียกว่า “interstitium” เมื่อไม่มีน้ำ จะแฟบ พอมีน้ำก็จะพองหนาขึ้น น่อง จึงเหมือนถังน้ำ เก็บไว้ฉี่ทิ้งภายหลัง และนั่นเป็นสาเหตุที่ต้องตื่นขึ้นมาฉี่บ่อย คุณหมอ Sone Atsushi Director, Miyazu Takeda Hospital ยืนยันว่า มีคนไข้เป็นอย่างนี้หลายคน มีคำอธิบาย เขียนเป็นไดอะแกรมง่ายๆ เป็นวงจรของเส้นเลือดแดงจากหัวใจลงมาที่น่อง แล้วก็กลับขึ้นหัวใจทางเส้นเลือดดำ ส่วนกระเพาะปัสสาวะอยู่ตรงกลางระหว่างหัวใจกับน่อง การเต้นของหัวใจ กับการเคลื่อนไหวของน่อง จะเหมือนกับปั๊มสองตัวช่วยกันสูบฉีดน้ำในร่างกาย ถ้าน้ำมากไปก็จะไปปล่อยทิ้งที่กระเพาะปัสสาวะ เมื่ออายุยังน้อย ปั๊มที่น่องก็ยังแข็งแรงดีอยู่ ยิ่งเป็นเด็ก วิ่งกระโดดโลดเต้น น่องจึงแข็งแรง (เพราะฉะนั้น ถึงจะวิ่งไม่ไหว ก็ขยันเดินกันหน่อยนะครับ) แต่เมื่ออายุมากขึ้น น่องไม่ค่อยได้ทำงาน น้ำจึงมาบวมอยู่ที่ขา ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก พอล้มตัวลงนอนตอนดึก น้ำส่วนเกินนี้จึงค่อยๆกลับมาที่กระเพาะปัสสาวะ จนทำให้ต้องลุกไปฉี่บ่อยๆ ดังนั้น ในปีนี้ ทางการแพทย์ที่ญี่ปุ่น จึงมีการปรับแก้วิธีการรักษา อาการตื่นมาฉี่บ่อย (nocturia) ซึ่งไม่มีการแก้ไขมาเลยในรอบสิบปี คุณลุง Ando เป็นคนหนึ่งที่ได้รับการรักษาวิธีหนึ่งในแผนใหม่นี้ สี่ปีมาแล้วที่เขาต้องตื่นมาฉี่ 4~5 ครั้ง ทุกคืน แถมลำบากที่ต้องปีนบันไดขึ้นลง เพราะห้องน้ำอยู่คนละชั้นกับห้องนอน พลาดพลั้งเกิดตกบันไดขึ้นมาก็ยุ่งอีก ชีวิตช่างน่าหดหู่เสียจริงๆ การฉี่บ่อย (nocturia) นำไปสู่ ความรู้สึกหดหู่ และกระดูกหัก !? พูดให้เว่อร์ไปหน่อย ... ความรู้สึกหดหู่ หรือ depression ก็เพราะอดนอน และกระดูกหัก ไม่ใช่เพราะฉี่บ่อยตรงๆ แต่เป็นสาเหตุเกี่ยวเนื่อง โดยเกิดจากการงัวเงียเมื่อตื่นขึ้นมา อาจจะทำให้หกล้ม หรือ ตกบันได แต่กระดูกหักในกลุ่มผู้สูงอายุนี่เรื่องใหญ่นะ วันหนึ่ง ลุง Ando ได้รับ “กล่อง” เพื่อการรักษา หนึ่งเดือนผ่านไป คุณลุงนอนรวดเดียวยันเช้า ไม่ต้องลุกไปฉี่เลย คุณลุง Ando ได้พบ “ทางรอด” แล้ว ที่สามารถจะใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง “ทางรอด” ในกล่องเล็กๆ ที่ทำให้ชีวิตของลุง Ando เปลี่ยนไปเลยนั้น คืออะไร ? คุณ Toshida Masaki Assit. Director, ศูนย์ศึกษาผู้สูงอายุ (แห่ง National Center for Geriatric & Gerontology) มาเฉลยว่า ภายในกล่องนั้น คือ ... “ถุงเท้ารัดน่อง” (compression stockings) ครับ ถ้าสวมมันไว้ตอนกลางวัน จะช่วยทำให้ขาไม่บวม และไม่เก็บน้ำไว้ ทำให้ฉี่ตอนกลางวันมากขึ้น ไม่เก็บไว้ไปฉี่ตอนดึกอีก นอกจากนั้น ยังมีคำแนะนำง่ายๆอีกอย่าง เป็นวิธีการบำบัดข้อที่สอง ที่คุณหมอได้แนะนำให้ลุง Hayashi ที่เข้าร่วมการทดลองในตอนแรก ลองกลับไปทำดู คือการนอนยกขาให้สูงขึ้นหน่อย ประมาณครึ่งฟุต สักครึ่งชั่วโมงในตอนบ่าย แต่อย่างีบหลับไปนะ เดี๋ยวกลางคืนจะนอนไม่หลับอีก คุณลุง Hayashi ได้ลองทำดูประมาณหนึ่งเดือน โดยเริ่มทำตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ด้วยการนอนยกขาพาด อ่านหนังสือ หนึ่งเดือนผ่านไป จากการต้องลุกไปฉี่ 3 หนในตอนก่อน ก็เหลือเพียง 1.5 ครั้งโดยเฉลี่ย การรักษานี้เป็นการบำบัดโดยเปลี่ยนอุปนิสัย (behavior therapy) ดีกว่าการใช้ยา เพราะว่าไม่มีผลข้างเคียง (side effect) คำแนะนำเพื่อการบำบัดดังกล่าว มี 3 วิธี คือ :- • สวมถุงน่องแบบรัด • ยกขา • งดกินเค็ม การงดกินเค็มที่แถมมาด้วยนั้น เพราะ การกินเค็ม นอกจากจะทำให้ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นแล้ว ยังทำให้ร่างกายเก็บน้ำไว้ด้วย ของแถมอีกอย่างที่บางคนอาจจะเมิน คือ หมอเขาแนะนำให้เลิกการ “กรุ๊บๆ กรั๊บๆ” ในตอนเย็น เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แถมกับแกล้มกินเล่นซึ่งมักจะมีเกลือเยอะ จะช่วยกันเรียกความกระหายให้ร่างกายดื่มน้ำมากขึ้น สังเกตได้ว่าถ้ากินเลี้ยงตอนเย็น คืนนั้นก็จะฉี่มากขึ้น คำถามว่า สวมถุงรัดน่องด้วย พร้อมกับนอนยกขาด้วย ได้ไหม - Dr. Yoshida บอกว่า ไม่มีปัญหา แต่สวมถุงรัดน่องไปกินเลี้ยงตอนเย็นนี่คงไม่ช่วยเท่าไหร่นะ งานนี้ สงสัยจะมีคนขอเลี่ยงบาลีไปดื่มตอนเที่ยงแทน คำแนะนำแนวทางทั้งสามนั้น คงจะเป็นประโยชน์กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ส่วนเรื่องถุงรัดน่องนั้น ถ้าไปหาตามร้านขายยา ก็จะมีถึงสามชนิดให้เลือก คือ สูงแค่เข่า ซึ่งสวมง่ายหน่อย ยาวขึ้นมาหน่อยคือสวมทั้งขา และที่ยาวสุดคือ สวมขึ้นมาถึงเอว ชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามสะดวกครับ รวมทั้ง น่าจะมีขนาดให้เลือกด้วย และสามารถสวมใส่ได้ทั้งวัน อย่างไรก็ตาม คุณหมอมีคำเตือนสำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจหรือเบาหวานว่า ให้ปรึกษาหมอหน่อยก็ดีนะ เรื่องที่จะหาอะไรมารัดน่องนี่น่ะ ที่ง่ายคือการนอน (อย่าหลับ) ยกขาขึ้นมาพาดอะไรที่สูงหน่อยในตอนบ่ายนั้น ก็ต้องบริหารเรื่องเวลาเหมือนกัน ไม่เร็วไป (เพิ่งผ่านเวลาเช้ามาหยกๆ) หรือช้าไป (จะเข้านอนอยู่แล้ว) เพราะจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรทั้งคู่ เวลาแดดร่มลมตก นึกถึงเปลญวนขึ้นมาทีเดียว เพราะเป็นเปลที่ขาถูกยกขึ้นมา ไม่ได้นอนราบๆ แต่ไม่มีเปลญวนก็ไม่เป็นไร หาอะไรหนุนขาเอาก็ได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้ ผมเลยได้ไอเดีย ที่ทำให้ชีวิตสบายขึ้นเยอะ เพราะว่า ... แทนที่จะนั่งเขียนบทความ บ่ายวันนี้ ผมนอนยกขาเขียนครับ !! ... @_@ ... วัชระ นูมหันต์ 20 ธันวา 63
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false