รายการความเห็น


12668 ความเห็น

✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Maymabell
สำหรับผู้หญิงปัญหาจุดซ่อนเร้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่เราต้องทำความสะอาดดูแลเป็นอย่างดี ถ้าหากดูแลรักษาความสะอาดไม่ดีอาจจะส่งผลให้มีปัญหาตามมา เกิดความอับชื้น หรือเกิดอาการคันและโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จากตกขาวที่เป็นสาเหตุทำให้สาว ๆ หมดความมั่นใจ ดังนั้นเราจึงต้องหาวิธีดูแลรักษาที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัยต่อจุดซ้อนเร้นของเรานั่นเอง ในปัจจุบันมีการแชร์วิธีรักษาอาการตกขาวมากมาย โดยเฉพาะวิธีการลดอาการตกขาวด้วยการนั่งแช่น้ำเกลือ โดยบอกว่าการแช่น้ำเกลือสามารถช่วยลดอาการตกขาว และช่วยลดกลิ่นจากตกขาวได้ วิธีการนี้ถูกแชร์ออกไปในสื่อโซเชียลอย่างแพร่หลายไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอหรือบทความ ซึ่งการใช้น้ำเกลือช่วยลดตกขาวนี้ยังไม่มีวิจัยออกมาว่าจะสามารถช่วยลดอาการตกขาวได้จริง มีเพียงแต่การแสดงความคิดเห็นจากผู้ที่เคยใช้วิธีนี้ว่าสามารถลดอาการตกขาวได้ และมีผู้แสดงความคิดเห็นที่ต่างออกไป และเกิดความสงสัยว่าการแช่น้ำเกลือมันช่วยลดอาการตกขาวได้จริงหรือเปล่า แพทย์หญิง ศิริวรรณ ศิริรัตน์ แพทย์เฉพาะทางสูตินรีเวชกรรม ได้ให้ข้อมูลว่าน้ำเกลือไม่ได้ช่วยรักษาอาการตกขาว ในทางการแพทย์หมอไม่เคยแนะนำให้นั่งแช่น้ำเกลือเพื่อลดตกขาว และยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าน้ำเกลือช่วยลดตกขาวได้จริง นอกจากการนั่งแช่น้ำเกลือแล้วก็ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด ไม่ว่าจะเป็นน้ำเกลือ น้ำเปล่า หรือไม่ว่าจะใช้วิธีใด ห้ามทำโดยเด็ดขาด ในส่วนของวิธีการป้องกันการเกิดตกขาวที่ถูกต้องนั้น อย่างแรกเลยตกขาวมีกันทุกคน ซึ่งจะมีตกขาวแบบปกติและตกขาวที่ผิดปกติ ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อจากช่องคลอด การป้องกันคือไม่ให้ตกขาวมีการติดเชื้อก็พอ เช่น การใส่ถุงยางทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การดูแลรักษาความสะอาดของช่องคลอดอย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกใช้สบู่ที่อ่อนโยนต่อจุดซ้อนเร้น แพทย์หญิงสิริพร ไตรนาค สูตินรีแพทย์เฉพาะทางต่อยอดด้านมารดาและทารกในครรภ์ปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่เป็นอาจารย์แพทย์ประจำแผนกสูตินรีเวช โรงพยาบาลชลบุรี ได้ให้ข้อมูลเช่นเดียวกันว่า การแช่น้ำเกลือไม่ได้ช่วยลดอาการตกขาวของผู้หญิง ปกติการแช่น้ำเกลือมีใช้ในทางการแพทย์ โดยจะเป็นการแช่น้ำเกลืออุ่น ๆ แต่การนำมาใช้จะมีประโยชน์ในบางกรณีเท่านั้น เช่น ผู้มีอาการปวดริดสีดวงทวาร มีแผลที่ขอบทวารหนักหลังผ่าตัดก้อนหนองบริเวณอวัยวะเพศ ลดอาการปวดของแผลฝีเย็บหลังคลอดบุตร หากเป็นไปตามข้อบ่งชี้ข้างต้น การแช่น้ำเกลืออุ่น ๆ ถึงจะได้ประโยชน์ แต่หากไม่มีข้อบ่งชี้ข้างต้น แช่ไปแล้วอาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร อีกทั้งหากเราเตรียมภาชนะ หรือน้ำที่แช่ไม่สะอาดพอก็อาจจะเป็นการแช่ลงน้ำที่สกปรก ทำให้เกิดการติดเชื้อตามมาได้ นอกจากนี้ แพทย์หญิงสิริพร ไตรนาค ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงโดยใช้หลักการเรียบง่ายและอ่อนโยน เริ่มต้นจากการล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าที่สะอาด เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาเฉพาะจุดซ่อนเร้นที่มีฤทธิ์แรงซึ่งอาจทำลายแบคทีเรียเจ้าถิ่นได้ ควรซับให้แห้งทุกครั้ง อย่าปล่อยให้อับชื้น ห้ามสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้สมดุลในช่องคลอดเสีย และเกิดปัญหาตกขาวติดเชื้อตามมา สรุปแล้วการแช่น้ำเกลือนั้นไม่ได้ช่วยลดอาการตกขาวแต่อย่างใด อีกทั้งการนั่งแช่ในน้ำเกลือ อาจจะเสี่ยงทำให้เราติดเชื้อภายในช่องคลอด จากภาชนะที่ใช้นั่งแช่ที่ไม่สะอาด ทั้งนี้หากพบว่าตกขาวมีความผิดปกติ มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ เกิดอาการคัน ควรไปปรึกษาแพทย์หรือสูตินรีแพทย์เพื่อทำการตรวจภายในช่องคลอด และให้การรักษาตามวิธีการทางการแพทย์อย่างถูกต้อง ผู้จัดทํา นางสาววิภาพร ดาศรี นิสิตสาขาวิชาการสื่อสารองค์กร ภาควิชานิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และ Cofact ภาคตะวันออก #CCBUUXCofact #เปิดโลกความจริงสู่สังคม
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Maymabell
จากที่ในโซเชียลมีการถามถึงการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดว่าใส่นอนได้หรือไม่ เนื่องจากผ้าอนามัยชนิดนี้ช่วยลดการซึมเปื้อนบนเสื้อผ้าให้น้อยลง และเพิ่มความคล่องตัวในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากกว่าการใส่ผ้าอนามัยชนิดแผ่น จึงมีผู้หญิงหลายท่านมาให้ข้อมูลในการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดว่าสามารถใส่นอนได้ สามารถใส่นอนหลับข้ามคืนไม่เป็นอันตราย แต่บางส่วนก็บอกว่าหากใส่นอนอาจเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดได้ จึงต้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นนี้ หากใช้ใส่ตอนนอนและใส่นานเกินเวลาที่กำหนดนั้นเสี่ยงจะเกิดอันตรายได้หรือไม่ จากที่ได้สัมภาษณ์คุณหมอณัฏฐ์ เกียรติอภิวสุ คุณหมอด้านสูตินรีแพทย์ เกี่ยวกับการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดในเวลานอน คุณหมอได้ตอบเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า ผ้าอนามัยแบบสอดกลไกของผ้าอนามัยชนิดนี้คือป้องกันเลือดจากประจำเดือนที่ออกมาทางช่องคลอดหรือทางปากมดลูก ในการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ตามทฤษฎีแล้วการใส่ผ้าอนามัยแบบสอดควรเปลี่ยนทุก ๆ 4-6 ชั่วโมงจะดีที่สุด ถ้าหากจะใส่ในเวลานอน แต่การนอนของเรานอนเกิน 6 ชั่วโมง ไม่สามารถลุกมาเปลี่ยนได้ ก็จะเริ่มไม่ปลอดภัย จะก่อให้เกิดการหมักหมมและเกิดเชื้อโรคได้การใส่ผ้าอนามัยแบบสอดนานเกินเวลาที่ควรจะเปลี่ยนนั้นสามารถเกิดอาการ Toxic Shock Syndrome ขึ้นได้ อาการ Toxic Shock Syndrome เป็นการติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นผลข้างเคียงที่อันตรายที่สุดจากการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยอาการดังกล่าว ไม่ได้เจอบ่อยนัก โอกาสเกิดน้อยมาก ประมาณ 1-3 % โดยหลักการของมันเกิดจากการที่ในช่องคลอดของผู้หญิงมีเชื้อประจำถิ่น (normal flora) ที่มีแบคทีเรียอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว พอเอาผ้าอนามัยแบบสอดไปอุดตรงนั้นไว้ จะทำให้เกิดการ stasis ทำให้ไม่ถูกการถ่ายเท เลยเกิดสารพิษที่ปล่อยมาจากแบคทีเรียพวกนี้ที่เรียกว่า สแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส ซึ่งปล่อยก๊าซออกมาและติดเชื้อเข้าไปในกระแสเลือด เลยทำให้เกิดภาวะ Toxic Shock Syndrome ซึ่งภาวะการติดเชื้อในกระแสเลือด จะทำให้มีไข้สูง ความดันโลหิตต่ำ ท้องเสีย ปวดศีรษะลามไปถึงอาการชัก ทางที่ดีควรจะเปลี่ยนทุก ๆ 4-6 ชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยง การใส่ผ้าอนามัยแบบสอดควรจะใส่สบาย ใช้ชีวิตได้ตามปกติ หากใช้ผิดวิธีจะเกิดอาการปวดตรงช่องคลอด ถ้าปวดหน่วง แสบคันบริเวณตรงน้องสาว มีไข้ หรือตกขาวเริ่มมีกลิ่น มีหนอง เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเริ่มมีอาการที่ไม่พึงประสงค์จากการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดและบกบ่องว่าเริ่มมีการติดเชื้อแล้ว โดยวิธีใช้ผ้าอนามัยแบบสอดที่ถูกต้องและให้ปลอดภัย อย่างแรกต้องล้างมือให้สะอาดก่อน เวลาแกะผ้าอนามัยออกมา ควรจะแกะในซองที่มีซีลและมั่นใจว่าสะอาดแน่นอน ก่อนสอดผ้าอนามัยเข้าไปให้จับปลายด้ามของผ้าอนามัย จะมีด้านที่มีเชือกไว้สำหรับดึงเอาออก ตอนใส่เข้าไปให้ค่อย ๆ ดันเข้าไปสัก 2 ข้อนิ้วมือ นั่นคือตำแหน่งที่ดีที่สุดแล้วจะไม่เจ็บ หากใช้งานเสร็จแล้ว 4-6 ชั่วโมง ดึงออกมาห่อกระดาษทิชชูให้มิดชิดและทิ้งลงถังขยะ และเราควรทำความสะอาดช่องคลอดร่วมด้วย ก็จะทำให้ปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากขึ้นการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดควรใช้ให้ถูกวิธีและทำตามคำแนะนำ โดยควรเปลี่ยนทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดอาการ Toxic Shock Syndrome หรือการติดเชื้อในกระแสเลือด แม้ว่าโอกาสเกิดจะน้อยมาก แต่อาการของภาวะดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก หากไม่รีบรักษาอย่างเร่งด่วนก็จะเกิดภาวะแทรกซ้อนและสามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดนั้นถือว่าเป็นเรื่องปลอดภัยและห่างไกลการติดเชื้อหากใช้อย่างถูกวิธีและปฏิบัติตามคำแนะนำ ผู้จัดทำ นางสาวหทัยภัทร แสงวาโท สาขาสื่อสารองค์กร ภาควิชานิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพา และ Cofact ภาคตะวันออก #CCBUUXCofact #เปิดโลกความจริงสู่สังคม
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Maymabell
หากดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินกว่าร่างกายจะสามารถรับได้ จะทำให้เกิดอาการมึนเมาจากแอลกอฮอล์และยังส่งผลให้เกิดอาการเมาค้างได้หากร่างกายขาดน้ำ โดยอาการเมาค้างนั้นจะมีอาการโดยทั่วไปคือ ปวดหัว เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย กระหายน้ำ ปากแห้ง ปวดท้อง ท้องอืด รับประทานอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ มือสั่น ใจสั่น เหงื่อออกเยอะกว่าปกติ หงุดหงิดง่าย และอาจจะส่งผลให้เกิดอาการซึมเศร้า โดยส่วนใหญ่อาการเมาค้างนั้นจะสามารถหายได้เองแม้จะต้องใช้เวลาสักพักเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองแต่ก็มีวิธีแก้อาการเมาค้างอย่างหนึ่งที่เราได้ยินกันมาอย่างยาวนานนั้นก็คือ การดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเพิ่มนิดหน่อยหากมีอาการเมาค้างจะช่วยให้หายเมาค้างได้หรือที่เรียกกันว่าการถอน ซึ่งวิธีการดังกล่าวก็ได้มีทั้งคนที่เชื่อว่าการกระทำอย่างนั้นจะสามารถแก้อาการเมาค้างได้จริง และคนที่ไม่เชื่อเพราะคิดว่ามันไม่น่าจะสามารถแก้อาการเมาค้างได้ โดยในวันนี้เราจะมาแก้ข้อสงสัยที่ว่า การดื่มแอลกอฮอล์นั้นจะช่วยแก้เมาค้างได้จริงหรือไม่ โดยเราได้สอบถามข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ปรึกษาเพื่อการเลิกสุราและการเสพติด Alcohol and Drugs Helpline Centre และได้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ว่า “ไม่เป็นจริงค่ะ เพราะการดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้คุณปวดปัสสาวะมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจจะนำไปสู่ภาวะขาดน้ำ เเละนั่นยิ่งเป็นสาเหตุของอาการเมาค้างได้”นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญก็ได้แนะนำวิธีแก้อาการเมาค้างที่ถูกต้องคือ พยายามทำให้ห้ร่างกายไม่ขาดน้ำ ซึ่งสามารถดื่มน้ำทดเเทนก่อนนอนหลังจากที่ดื่มเเอลกอฮอล์เสร็จ เเละยังมีวิธีต่างๆที่ใช้แก้อาการเมาค้าง เช่น -ยาแก้ปวด ช่วยเรื่องปวดหัวและปวดกล้ามเนื้อ -หากมีอาการ มือสั่น ตัวสั่น ให้ทานอาหารที่มีน้ำตาลเพราะจะช่วยให้รู้สึกตัวสั่นน้อยลง -ทานซุปจากผักหรือเนื้อสัตว์ เพราะเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุ จะช่วยเพิ่มพลังงานได้ เเถมยังย่อยง่ายอีกด้วย -การดื่มของเหลวจืดๆ เช่น น้ำ โซดา หรือเครื่องดื่มเกลือเเร่ จะสามารถทดแทนภาวะขาดน้ำได้ ดังนั้น คำตอบสำหรับข้อสงสัยที่ว่าการดื่มแอลกอฮอล์นั้นจะช่วยแก้เมาค้างได้หรือไม่นั้นไม่เป็นความจริงและไม่สามารถแก้อาการเมาค้างได้ นายนรวัฒน์ ยอดวงค์พะเนา สาขาการสื่อสารองค์กร ภาควิชานิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และ Cofact ภาคตะวันออก เป็นผู้จัดทำ #CCBUUXCofact #เปิดโลกความจริงสู่สังคม
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Maymabell
หากดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินกว่าร่างกายจะสามารถรับได้ จะทำให้เกิดอาการมึนเมาจากแอลกอฮอล์และยังส่งผลให้เกิดอาการเมาค้างได้หากร่างกายขาดน้ำ โดยอาการเมาค้างนั้นจะมีอาการโดยทั่วไปคือ ปวดหัว เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย กระหายน้ำ ปากแห้ง ปวดท้อง ท้องอืด รับประทานอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ มือสั่น ใจสั่น เหงื่อออกเยอะกว่าปกติ หงุดหงิดง่าย และอาจจะส่งผลให้เกิดอาการซึมเศร้า โดยส่วนใหญ่อาการเมาค้างนั้นจะสามารถหายได้เองแม้จะต้องใช้เวลาสักพักเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองแต่ก็มีวิธีแก้อาการเมาค้างอย่างหนึ่งที่เราได้ยินกันมาอย่างยาวนานนั้นก็คือ การดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเพิ่มนิดหน่อยหากมีอาการเมาค้างจะช่วยให้หายเมาค้างได้หรือที่เรียกกันว่าการถอน ซึ่งวิธีการดังกล่าวก็ได้มีทั้งคนที่เชื่อว่าการกระทำอย่างนั้นจะสามารถแก้อาการเมาค้างได้จริง และคนที่ไม่เชื่อเพราะคิดว่ามันไม่น่าจะสามารถแก้อาการเมาค้างได้ โดยในวันนี้เราจะมาแก้ข้อสงสัยที่ว่า การดื่มแอลกอฮอล์นั้นจะช่วยแก้เมาค้างได้จริงหรือไม่ โดยเราได้สอบถามข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ปรึกษาเพื่อการเลิกสุราและการเสพติด Alcohol and Drugs Helpline Centre และได้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ว่า “ไม่เป็นจริงค่ะ เพราะการดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้คุณปวดปัสสาวะมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจจะนำไปสู่ภาวะขาดน้ำ เเละนั่นยิ่งเป็นสาเหตุของอาการเมาค้างได้”นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญก็ได้แนะนำวิธีแก้อาการเมาค้างที่ถูกต้องคือ พยายามทำให้ห้ร่างกายไม่ขาดน้ำ ซึ่งสามารถดื่มน้ำทดเเทนก่อนนอนหลังจากที่ดื่มเเอลกอฮอล์เสร็จ เเละยังมีวิธีต่างๆที่ใช้แก้อาการเมาค้าง เช่น -ยาแก้ปวด ช่วยเรื่องปวดหัวและปวดกล้ามเนื้อ -หากมีอาการ มือสั่น ตัวสั่น ให้ทานอาหารที่มีน้ำตาลเพราะจะช่วยให้รู้สึกตัวสั่นน้อยลง -ทานซุปจากผักหรือเนื้อสัตว์ เพราะเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุ จะช่วยเพิ่มพลังงานได้ เเถมยังย่อยง่ายอีกด้วย -การดื่มของเหลวจืดๆ เช่น น้ำ โซดา หรือเครื่องดื่มเกลือเเร่ จะสามารถทดแทนภาวะขาดน้ำได้ ดังนั้น คำตอบสำหรับข้อสงสัยที่ว่าการดื่มแอลกอฮอล์นั้นจะช่วยแก้เมาค้างได้หรือไม่นั้นไม่เป็นความจริงและไม่สามารถแก้อาการเมาค้างได้ นายนรวัฒน์ ยอดวงค์พะเนา สาขาการสื่อสารองค์กร ภาควิชานิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และ Cofact ภาคตะวันออก เป็นผู้จัดทำ #CCBUUXCofact #เปิดโลกความจริงสู่สังคม
ใช้ใน 0 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Thanathun.
การรักษาความปลอดภัยด้านไซเบอร์ เพื่อปกป้องการใช้งานของลูกค้า โดยเปิดสายด่วน 1185 ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน หรือ AIS Spam Report Center ครั้งแรกในวงการธุรกิจโทรคมนาคม เพื่อให้ลูกค้าแจ้งข้อมูลเบอร์โทร และ SMS มิจฉาชีพ ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมดำเนินการตรวจสอบข้อมูลภายใน 72 ชั่วโมง
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
Thanathun.
พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และข้อกำหนด ไม่ได้ให้สิทธิ์ผู้ใดในการแอบดู แอบดัก แอบเก็บ เอาข้อมูลการโทร. การส่งข้อความ หรือการโพสต์ ของประชาชนไปโดยไม่ทำตามขั้นตอน และหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่มีอยู่
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Thanathun.
ภัยไซเบอร์ หากพูดถึงในช่วงปัจจุบัน จะมีหลายครั้งที่ได้ยินเรื่องข่าวการโจมตีต่าง ๆ ทั้งสถาบันการเงิน, ภาคธุรกิจ และแม้แต่หน่วยงานรัฐเป็นจำนวนมากและบ่อยครั้ง แต่ในความเป็นจริงแล้วภัยไซเบอร์นั้นอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เพราะเพียงแค่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถเกิดขึ้นกับเราได้เช่นกัน
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Thanathun.
ผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นคอพ่นจมูกป้องกันไวรัสที่มีการโฆษณาและจำหน่ายที่จุฬาเภสัช (บริษัท จุฬา เอ็ม. ดี. จำกัด) นั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Thanathun.
พสต์ในเพจเฟซบุ๊ก "World Health Organization Thailand" แนะนำแนวทางในการป้องกันคนในครอบครัวติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะกลุ่มคนผู้สูงอายุ ระบุว่า.. ฉลองสงกรานต์อย่างปลอดภัย เพื่อปกป้องตัวคุณเองและครอบครัวของคุณจาก โควิด-19 มีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้ - พาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีนหรือ ฉีดเข็มกระตุ้นก่อนสงกรานต์ - คุยกันผ่านวิดิโอคอล เพื่อหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม - สำหรับครอบครัวใหญ่ จัดเวลาไปเจอญาติผู้ใหญ่ไม่ตรงกัน - ตรวจ ATK ก่อนไปเยี่ยมญาติ - ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา - เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร - เช็กจุดสัมผัสต่างๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค - เปิดหน้าต่างเพื่อให้บ้านระบายอากาศได้ดี
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Thanathun.
มูลธิอิสรชน #ถุงปันสุข ออกตระเวนแบ่งปันตามจุดต่างๆ พร้อมทั้งเก็บข้อมูล พูดคุย เยียวยาเบื้องต้น ช่วยประคับประคองไปก่อนเพื่อให้กลุ่มคนเหล่านั้นมีแรกสู้ต่อไป มูลนิธิอิสรชน จึงอยากเชิญชวนทุกๆท่าน ลองติดถุงปันสุข บรรจุอาหารแห้ง ของใช้จำเป็น ติดรถ หรือ ติดตัวไว้ แล้วแบ่งปันให้กับกลุ่มคนเปราะบาง คนลำบาก คนเร่ร่อน คนตกงาน ให้เขาได้มีแรง มีกำลังใจในการสู้ฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
Thanathun.
แตงกวา แตงโม ที่อาจจะมีกรดอะมิโนบางชนิดที่ไปส่งเสริมเรื่องฮอร์โมนเพศชายได้แต่ด้วยหลักฐานในปัจจุบันยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งไม่สามารถสรุปได้ว่าจะไปช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายแต่อาจจะไปช่วยในเรื่องของอวัยวะเพศแข็งตัวได้จริง เพราะฉะนั้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นความจริงแต่ก็ไม่ปฏิเสธด้วยว่าไม่เป็นความจริงเหมือนกัน ในส่วนของเรื่องอาหารประเภทแตงจะไปล้างฮอร์โมนเพศหญิงนั้น สรุปได้อย่างคร่าว ๆ ว่าไม่เป็นความจริงในขณะนี้เพราะปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยใดที่บอกว่าอาหารประเภทแตงมีสารที่จะไปล้างฮอร์โมนเพศหญิง สรุปได้ว่าไม่ใช่เรื่องจริงที่ควรจะนำไปปฏิบัติ”
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
Thanathun.
ยังไม่มีความสัมพันธ์ที่เห็นได้ชัดเจน ระหว่างผู้หญิงท้อง กินพาราเซตามอลกับเงื่อนไขในการวินิจฉัยโรคสมาธิสั้น (ADHD) หรืออาการออทิสติกในเด็กทุกคน และยังไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับพัฒนาการหรือสติปัญญา ที่สำคัญกว่านั้น งานวิจัยยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า การใช้ยาพาราเซตามอลขณะตั้งครรภ์นั้น ส่งผลให้เกิดอาการเหล่านี้ สาเหตุของโรคทั้งสองนั้น ยังคงไม่สามารถอธิบายได้ และอาจรวมไปถึงการถ่ายทอดทางพันธุกรรมหลายอย่าง ภาวะสุขภาพ และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
Thanathun.
"กบ" หรือสัตว์อื่นๆ ไปตบปากเด็ก เพื่อให้พูดจะไม่ช่วยเรื่องพัฒนาการการพูดของเด็กแล้ว ยังอาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางอารมณ์และความรู้สึกของเด็ก ทำใฟ้เด็กเกิดความกลัว หรือเป็นการจำฝังใจจากความกลัวในวัยเด็กได้ ขณะเดียวกันอาจได้รับเชื้อโรคจากสัตว์ที่นำมาใช้ ทางปากและทางเดินหายใจอีกด้วย การนำเด็กไปพบแพทย์พัฒนาการเด็ก และพบนักแก้ไขการพูด ยิ่งจะช่วยให้คุณพ่อ คุณแม่มีแนวทางในการช่วยสอนลูกน้องให้พูดได้เร็วเขึ้นตามวัยและพัฒนาการของลูก
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน
Thanathun.
สำหรับเรื่องผิวขาวนั้น ข้อเท็จจริงคือ ในร่างกายมนุษย์ คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบหลักในเนื้อเยื่อ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้แก่ผิวหนัง ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว การรับประทานคอลลาเจนจึงไม่มีส่วนช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้ แต่อาจมีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและยึดหยุ่นของผิวหนังได้ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มอาสาสมัครที่รับประทานคอลลาเจนมีความชุ่มชื่นของผิวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 28 และผิวมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น ร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (กลุ่มที่ไม่ได้รับประทานคอลลาเจน) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนั้นริ้วรอยขนาดเล็กยังมีจำนวนน้อยลงในกลุ่มที่รับประทานคอลลาเจน
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Thanathun.
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรื่อง ห้ามนำภาชนะที่ทำด้วยโฟมและบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single – use plastics) เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาแล้ว เพื่อเป็นการสงวน อนุรักษ์ คุ้มครองดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อปะการัง ระบบนิเวศและเป็นการควบคุมลดปริมาณขยะในอุทยานแห่งชาติ
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
น้อง
อาการเจ็บหูปวดหู จากการนำเส้นผมมาปั่นและแคะหูไว้ดังนี้ "คิดว่าน่าจะเป็นจากปัจจัยอื่นมากกว่า เพราะ จริงๆเส้นผมค่อนข้างอ่อนนุ่มไม่แข็ง ไม่ทำให้มีรอยแผลหรืออะไรก็ตามข้างในหูแต่บางคนที่ใช้คอตตอนบัด อันนี้จะอันตรายกว่าเส้นผมชะด้วยซ้ำ ถ้ามีอาการเจ็บหูและเป็นตลอดทั้งวัน แนะนำให้ไปหาคุณหมอเพื่อตรวจเช็คภายใน ช่องหูเพื่อหาสาเหตุว่ามันคืออะไร
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน
น้อง
การเลือกทานอาหารสามารถเลือกเพศของลูกได้เป็นความจริง แต่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย ถ้าเกิดต้องการเลือกเพศของลูกจริงสามารถใช้วิธีการทำเด็กหลอดแก้วได้ ซึ่งจะเห็นผลได้ดีกว่าการเลือกรับประทานอาหาร
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
น้อง
จริงค่ะตัวสารโบท็อกซ์จะทำการออกฤทธิ์ ฉะนั้นตัวแอนติเจนที่หุ้มสารโบท็อกซ์มาแต่ละยี่ห้อจะไม่เหมือนกัน ถ้าเรารับหลายยี่ห้อ เช่น เดือนนี้ฉีดยี่ห้อนี้ อีกสี่เดือนฉีดอีกยี่ห้อ แล้วเราก็ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่รู้เลยว่าร่างกายของเรารับแอนติเจนหลายชนิดเกินไป ร่างกายต้องสร้างแอนติบอดีขึ้นมาหลาย ๆ ครั้ง เพื่อกำจัดแอนติเจนออกไป อาจทำให้โบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรืออาจจะถูกทำลายด้วยเลยก็ได้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนคือ ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะการดื้อยากับตนเอง ซึ่งทำได้ง่ายๆ คือเลือกฉีดโบท็อกซ์กับสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน, ใช้โบท็อกซ์ยี่ห้อที่มีคุณภาพ, มีแพทย์ที่มีประสบการณ์, มีความรู้-ความชำนาญเป็นผู้ดูแลและเลือกใช้ปริมาณโบท็อกซ์ที่เหมาะสมและไม่ถี่จนเกินไป เพื่อลดริ้วรอยให้ทุกคนดูอ่อนเยาว์ สวย หล่อกว่าวัยไปตลอด
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
น้อง
การเทคฮอร์โมนของสาวข้ามเพศนั้นจะมียา 2 ตัวคือเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงและกดฮอร์โมน เพศชาย การกินสารที่กดฮอร์โมนเพศชายนั้นสามารถช่วยลดฮอร์โมนเพศชายได้อยู่แล้ว ดังนั้นสาวข้ามเพศ สามารถกินอะไรก็ได้ไม่ต้องกังวล เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากให้สนใจไม่ใช่เรื่องของอาหารแต่เป็นเรื่องของการเข้า มารับการให้คำปรึกษาหรือช่วยดูแลที่ถูกต้อง ถึงจะพอเห็นผลในการข้ามเพศนะคะ
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
น้อง
ยาพาราเซตามอล เป็นยาที่ปลอดภัยไม่ได้ส่งผลให้ทารกในครรภ์เป็นออทิสติก ไม่ว่าจะเป็นในระยะของการตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดลูกสามารถรับประทานได้
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
น้อง
ไม่เป็นความจริงเลย แนะนำให้มาพบแพทย์เพื่อที่จะประเมินพัฒนาการและตรวจรักษาเพื่อส่งต่อให้นักฝึกพูดได้ประเมินวางแผนในเรื่องของการฝึกต่อไปในอนาคตถ้าเด็กได้รับการแก้ไขเด็กก็จะกลับมาพูดได้แบบปกติจะดีกว่า
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน
น้อง
การรับประทานคอลลาเจน ไม่ได้ช่วยให้ผิวขาว แต่จะช่วยทำให้ผิวเปล่งปลั่งไม่เหี่ยวย่น การปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้น ขึ้นอยู่กับ องค์ประกอบและสภาพแวดล้อมหลายอย่าง
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน
เอเลี่ยน
การรับประทานคอลลาเจน ไม่ได้ช่วยให้ผิวขาว แต่จะช่วยทำให้ผิวเปล่งปลั่งไม่เหี่ยวย้นได้ การปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้น ขึ้นอยู่กับ องค์ประกอบและสภาพแวดล้อมหลายอย่าง
ใช้ใน 0 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน
Ravinnipa Yaikaew
นพ.ศวัสพล คูณชัยพานิชย์ แพทย์ประจำศูนย์ Wellness Center ได้มีการให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “การดื่มน้ำเต้าหู้มีทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่ต้องระวัง ซึ่งการดื่มน้ำเต้าหู้ทุกวันแล้วน่าใสขึ้นอาจจะถูกส่วนนึงเพราะในน้ำเต้าหู้มีโปรตีนจากถั่วเหลืองที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารที่เกี่ยวกับการป้องกันอนุมูลอิสระ เช่น สารไอโซฟลาโวนส์(Isoflavones) หลังจากบริโภคน้ำเต้าหู้ร่างกายจะเปลี่ยนสารเคมีชนิดนี้ให้เป็นสารไฟโตรเอสโตรเจน (Phytoestrogens) ที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับเอสโตรเจน (Estrogen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่มีผลต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์และภาวะต่างๆที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเอสโตรเจนจึงเป็นผลดีต่อผู้หญิงถ้าหากได้รับในปริมาณที่เหมาะสมก็อาจจะช่วยเสริมสร้างในเรื่องของผิวพรรณได้ แต่ในส่วนที่อาจจะต้องระมัดระวังคือในเรื่องของกระบวนการผลิตน้ำเต้าหู้ ถ้าเกิดมีกระบวนการผลิตที่มาจากถั่วเหลืองก็ต้องระมัดระวังในเรื่องของการตัดต่อพันธุกรรมหรือการทำGMO ซึ่งอาจจะทำให้มีผลระยะยาวเกี่ยวกับการเสี่ยงในเรื่องของโรคมะเร็งหรืออีกหนึ่งปัจจัยคือในเรื่องของการปรุงแต่งรสการใส่น้ำตาลมากเกินไปซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน” ดังนั้นจากข้อสงสัยที่ว่า การดื่มน้ำเต้าหู้ทุกวันช่วยให้ผิวหน้าใสขึ้นจริงไหมนั้นเป็นความจริงแต่อาจะจะไม่ใช่ทั้งหมด ถ้าหากอยากให้ผิวหน้าใสขึ้นจะต้องทำควบคู่ไปกับการดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารที่มีโปรตีนหรืออาหารที่มีโอเมก้า3 เลือกกินผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงหรือผลไม้จำพวกเบอรี่ ล้างหน้าให้สะอาดไม่ถูหน้าแรงเกินไปเพราะอาจจะส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้าได้
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Ravinnipa Yaikaew
โดยทาง ว่าที่ร้อยตรีธนวัฒน์ ทองจีน นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชำนาญการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในประเด็น “ข่าวลือเรื่องผีแม่ม่าย หรือโรคไหลตาย แท้ที่จริงแล้วตามหลักการทางการแพทย์คืออะไร” ดังนี้ โรคไหลตายคืออะไร โรคไหลตาย คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมของการนำเกลือแร่โซเดียมเข้าออกเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะขั้นรุนแรงและเสียชีวิตกะทันหันได้ สาเหตุการไหลตายในปัจจุบันที่ชัดเจน และแท้จริงคืออะไร ภาวะร่างกายขาดแร่ธาตุโพแทสเซียม ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง ส่งผลให้หัวใจเต้นแรงขึ้นและเสียชีวิตในที่สุด ปัจจัยที่เกี่ยวข้องของโรคมี 2 ประการด้วยกัน ได้แก่ การบริโภคอาหารที่มีสารพิษวันละเล็กละน้อย จนเกิดการสะสมและเป็นพิษต่อกล้ามเนื้อหัวใจ ปัจจัยต่อมาคือการขาดสารอาหารที่เป็นวิตามินบี 1 อย่างรุนแรงเฉียบพลัน ทำให้คนที่แข็งแรงอยู่ดี ๆ รู้สึกอ่อนเพลียและอยากนอน เมื่อหลับแล้วก็หัวใจวายตายเกือบจะทันที โดยโรคนี้สัมพันธ์ใกล้ชิดกับภาวะทุพโภชนาการ และสุขนิสัยการกินที่ผิด นอกจากนี้ในทางการแพทย์ในปัจจุบัน ระบุสาเหตุการไหลตาย เป็นเพราะโดยปกติหัวใจห้องบนขวาของคนเรามีเซลล์พิเศษที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าเพื่อควบคุมให้หัวใจเต้นเป็นปกติ เมื่อเซลล์ดังกล่าวเกิดความบกพร่องจึงกระทบต่อการทำงานของกระแสไฟฟ้า ทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติหรือเต้นไม่เป็นจังหวะ และสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้หมดสติและอาจเสียชีวิตอย่างรวดเร็วหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ภาวะไหลตายพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย ทว่าผู้ชายอายุ 25-55 ปี อาจเสี่ยงเกิดภาวะนี้มากกว่าคนกลุ่มอื่น สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยไหลตายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด และรองลงมาคือภาคเหนือ นอกจากนี้ อุณหภูมิของร่างกายที่อยู่ในระดับสูง เช่น เมื่อมีไข้หรือดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก รวมถึงภาวะขาดน้ำ ก็อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดภาวะไหลตายได้ ทำไมโรคไหลตายถึงถูกเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องของผีแม่ม่าย อาการไหลตายใช้เรียกการเสียชีวิตขณะหลับ โดยมักมีอาการหายใจไม่สะดวกอาจเกิดคล้ายการละเมอก่อนเสียชีวิต มักเกิดในผู้ชายภาคอีสานอายุระหว่าง 30-50 ปี ประชาชนจึงคิดวิธีรักษาตัวเองตามความเชื่อต่าง ๆ ว่ามาจากเรื่องของภูตผีปีศาจ เช่นการใส่ผ้าถุง การทาปากแดง ซึ่งที่ผ่านมาโรคดังกล่าวก็ไม่เป็นที่สนใจของประชาชนมากนัก จนกระทั่งมีการเสียชีวิตของชายไทยที่ไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์จำนวน 160 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชายที่มาจากภาคอีสาน และมีประวัติพันธุกรรม 18-40 % จึงเชื่อมโยงได้ว่ามีกรรมพันธุ์บางอย่างกำหนดอยู่ ทำไมโรคไหลตายถึงเกิดกับคนในชนบท - การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ คนในชนบทมักจะกลั่นเหล้าดื่มเอง ซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอลและ เมทานอลในปริมาณสูง - การขาดสารอาหารประเภทโพแทสเซียม วิตามิน B1 แต่มักบริโภคอาหารที่เป็นพิษสะสมทีละเล็กละน้อย จนสะสมอยู่ในร่างกายมาก - การเป็นไข้สูง - การใช้ยานอนหลับ บุคคลที่มีความเสี่ยงจะเป็นโรคไหลตาย เป็นคนกลุ่มไหน ต้องมีการสังเกตตนเองอย่างไร บุคคลที่มีความเสี่ยงจะเป็นโรคไหลตาย มักเป็นกลุ่มคนที่นอนพักผ่อนน้อย ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำ ขาดสารอาหารประเภทโพแทสเซียม และวิตามิน B1 อย่างรุนแรง และมีสุขนิสัยการกินที่ผิด สังเกตได้จาก คือ เกิดการเกร็งของแขนและขา หายใจเสียงดังจากการมีเสมหะในหลอดลม บางรายปัสสาวะและอุจจาระราด เพราะสูญเสียการควบคุมของระบบประสาทโดยอัตโนมัติ ผู้ป่วยจะมีใบหน้าและริมฝีปากเขียวคล้ำ จากนั้นจะเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการไหลตาย - การเป็นไข้สูง - การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ - การใช้ยานอนหลับ - ผู้ที่เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ เช่น มีอาการท้องเสีย - การขาดสารอาหารประเภทโพแทสเซียม บทสรุปของเรื่องนี้ จึงสามารถสรุปได้ 2 รูปแบบ ทั้งในรูปแบบของความเชื่อเรื่องผีแม่ม่ายของชาวบ้านที่ต่างถูกปลูกฝังจนเหมือนกลายเป็นวัฒนธรรมประจำของพื้นที่นั้น ๆ ไปแล้ว เราจึงไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงความเชื่อนั้นได้ ยกตัวอย่างจากกรณีที่พอเกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับข่าวลื่อผีแม่ม่าย ชาวบ้านก็จะทำการอุปทานหมู่และมีการรับมือในรูปแบบเดียวกันที่ต่างพากันปฏิบัติตามความเชื่อที่ทำกันมาตลอด และในอีกรูปแบบหนึ่งถึงแม้ในหลักการทางการแพทย์จะออกมายืนยันถึงสาเหตุที่แท้จริงแล้ว แต่สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ในปัจจุบัน สิ่งที่สำคัญคือการดำเนินชีวิตด้วยทั้งหลักการทางความเชื่อและหลักการทางการแพทย์ไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความปลอดภัยของชีวิตตนเอง เพราะผลสุดท้ายแล้วทั้งหลักการทางการแพทย์ที่มีหลักฐานเข้ามายืนยันและหลักการทางความเชื่อที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน เราไม่สามารถตัดสินได้เลยว่าอะไรคือหลักการที่ถูกต้องที่สุด
ใช้ใน 1 ข้อความ3 ปีที่แล้ว