ข่าวจริงหรือข่าวลวง

เมื่อวันที่ 6 เม.ย.63 โฆษก ศบค. ยืนยัน ขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง เนื่องจากเพิ่งประกาศเคอร์ฟิวเป็นเวลา 6 ชั่วโมงระหว่าง 22.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ซึ่งประชาชนอยู่ระหว่างการปรับตัวส่วนกรณีที่มีการแชร์ ข้อสั่งการของปลัดกระทรวงมหาดไทยที่สื่อสารไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ก็เพื่อให้มีการบูรณาการทุกภาคส่วนในการปฏิบัติการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ใช่การเตรียมการเพื่อประกาศเคอร์ฟิว 24 ชม. โดย โฆษก ศบค. เน้นย้ำ สื่อและประชาชน อย่าตีความกันไปเองและขอเตือนอย่าแชร์ข้อมูลเท็จ เพราะมีโทษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยขอให้ฟังมาตรการต่างๆ จากการแถลงจาก ศบค.เป็นหลัก

จากการค้นหา พบที่แหล่งของของข้อมูลเพียงแหล่งเดียว ข้อมูลนี้อยู่นอกเหนือการตรวจสอบ

ข้อมูลเนื้อหาอยู่นอกเหนือการตรวจสอบ ข้อเท็จจริง

ธนาคารกรุงไทยชี้แจงว่า ช่องทางตรวจสอบสิทธิผลการลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5,000 บาท สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com เท่านั้น โดยคลิกที่ตรวจสอบสถานะ หรือรอการแจ้งผลทาง SMS และคอลเซ็นเตอร์ ไม่สามารถตรวจสอบด้วยวิธีอื่นได้

ข้อมูลข่าวอยู่นอกเหนือขอบเขตการตรวจสอบ

สภาการพยาบาลเปิดรับ “พยาบาลอาสา” ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 อาการวิกฤต 400 อัตรา

Test

Link เพิ่มเติมจากหัวข้อนี้ https://www.nytimes.com/2020/04/07/climate/air-pollution-coronavirus-covid.html https://projects.iq.harvard.edu/covid-pm https://www.theguardian.com/environment/2020/apr/07/air-pollution-linked-to-far-higher-covid-19-death-rates-study-finds

ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ชี้แจงถึงข้อมูลประเด็นดังกล่าวว่า . 1. ยังไม่มีรายงานการศึกษาของสมุนไพรตัวใดเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านเชื้ออุบัติใหม่ที่ก่อโรคโควิด-19 ขณะนี้มีเพียงงานวิจัยเบื้องต้นโดยการจำลองการจับกันของไวรัสกับตัวรับในทางเดินหายใจของคนโดยใช้เทคนิคทางคอมพิวเตอร์ (molecular docking) ที่พบว่าสมุนไพรบางชนิดมีสารสำคัญที่อาจช่วยลดโอกาสติดเชื้อโควิด-19 ได้เท่านั้น . 2. ผู้ที่ถูกอ้างในข่าว เป็นแพทย์ประจำตำบล ตรวจสอบแล้วไม่พบการขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้านประจำจังหวัดปทุมธานี และไม่พบข้อมูลในฐานข้อมูลผู้ที่มาขึ้นทะเบียนวิชาชีพการแพทย์แผนไทย .

ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ชี้แจงว่า รัฐบาลไม่มีการประมูลชุดตรวจตามที่เป็นข่าวรวมถึงน้ำยาตามที่ระบุในคลิปว่ามีราคาถูกนั่นเป็นแบบคัดกรอง screening test ไม่ใช่แบบตรวจหาเชื้อ RT- PCR เนื้อหาข้อมูลนี้ จึงเป็นเนื้อหาที่หลอกลวง

รศ.ดร. อาจารย์เจษฎา อาจารย์ประจำภาควิชา ชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

บริษัทไปรษณีย์ไทย ไม่ได้มีคำเตือนนี้ออกมา มีแต่ออกมาตรการต่างๆ เพื่อดูแลความสะอาดของจดหมายและพัสดุไปรษณีย์ รวมถึงสุขอนามัยของพนักงานผู้ให้บริการ เพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชน ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข เพียงเท่านั้น ข้อมูลนี้จริงไม่เป็นความจริง

เนื้อหาข้อมูล มีความจริงอยู่ในข้อมูลซึ่งตรงกับมาตรการของโครงการ แต่มีข้อความบางส่วนที่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว

พบเพียง ข่าวที่มีเนื้อหาของการดำเนินการ ปิดชั่วคราว เท่านั้น เนื้อหาข่าวอาจอยู่เหนือขอบเขตการตรวจสอบ

วัคซีนแบบแผ่นแปะต้านโควิด-19' ผลงานการพัฒนาของมหาวิทยาลัยพิทท์เบิร์ก สหรัฐอเมริกา ที่กำลังทดสอบกับหนูทดลอง ระบุสามารถกระตุ้นการสร้างแอนติบอดี้ต้านไวรัสร้ายนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื้อหาของเรื่องมีความจริง จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือครับ

LINK : https://www.facebook.com/100000701917936/posts/3249077525125613/?d=n LINK : https://www.aei.org/wp-content/uploads/2020/03/National-Coronavirus-Response-a-Road-Map-to-Recovering-2.pdf?fbclid=IwAR22MewlZiT1AhnusgojykkTHag5Y1tK7eWWgtEZPgvxMhL6ZyhYtotGb-4

หมายเลขโทรศัพท์ 02 111 1144 เป็นเบอร์โทรศัพท์ของธนาคารกรุงไทย เพื่อสอบถามสถานะการลงทะเบียน ไม่ใช่การโทรเช็คผล และจะมีการทยอยส่งข้อความ (sms) แจ้งผลการคัดกรองแก่ผู้ผ่านเกณฑ์

เป็นข่าวปลอมครับ !! ความจริงแล้ว แม้ว่าศาสตราจารย์ Charles Lieber จะถูกจับกุมจริงในเดือนมกราคม ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา ด้วยข้อหาที่ให้การเป็นเท็จเกี่ยวกับเงินทุนที่เขาได้รับจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีอู่ฮั่น Wuhan University of Technology (หรือ WUT) แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการพัฒนาหรือการสร้างเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่ ศ. Lieber ถูกจับกุมนั้น มาจากการทำงานอย่างผิดกฎหมายให้กับมหาวิทยาลัยของประเทศจีน ในการช่วยเฟ้นหาและพัฒนาผู้ที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ มาตั้งแต่ 9 ปีก่อน ซึ่งเป็นเวลายาวนานก่อนที่จะบังเอิญเกิดการระบาดของโรคขึ้น และในเอกสารการจับกุมนั้น ก็ไม่มีการพูดถึงเชื้อโคโรนาไวรัสหรืออาวุธทางชีวภาพแต่อย่างไร การจับกุม ศ. Lieber และคนจีนอีก 2 คน โดยกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกานี้ เป็นเหมือนกับสงครามทางวิชาการระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน โดยที่ Lieber โดนข้อหาเข้าร่วมกับโครงการ ของจีนอย่างผิดกฎหมาย ขณะที่อีก 2 คนนั้น คนหนึ่งชื่อว่า Yanqing Ye ซึ่งเป็นทหารของกองทัพประชาชนจีน โดนข้อหาพยายามขโมยเอกสารงานวิจัย และอีกคน คือ Zaosong Zheng โดนข้อหาขโมยสารตัวอย่างทางชีวภาพ (เซลล์มะเร็ง) จำนวน 21 หลอด ซึ่งทั้งสามรายนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน และก่อเหตุขึ้นในคนละมหาวิทยาลัย

"เจลแอลกอฮอล์เก็บไว้ในรถยนต์ ถ้าไม่มีเปลวไฟ ก็ไม่ติดไฟครับ" ในความเป็นจริงแล้ว ถึงแม้เราจะไม่เห็นว่าไฟลุกติดโชติช่วง แต่ไอระเหยของแอลกอฮอล์ที่ออกมาจากเนื้อเจลนั้น ก็สามารถติดไฟได้ ดังนั้น จริงๆ แล้ว การจุดไฟด้วยไฟแช็ค มีการติดไฟของแอลกอฮอล์ขึ้นแล้ว แต่มองไม่ค่อยเห็นชัด พอเอากระดาษทิชชูเข้าไปจ่อใส่ ทิชชู่มันก็เลยติดไฟขึ้นมาได้ ย้อนกลับมาที่การเก็บเจลแอลกอฮอล์ในรถยนต์ ถ้าแอลกอฮอล์อยู่ในภาชนะปิดมิดชิด และไม่มีเปลวไฟประกายไฟลามมาโดน เจลแอลกอฮอล์นั้น ก็จะไม่ได้ลุกไหม้รถยนต์อย่างที่กังวลกัน อย่างไรก็ตาม การเก็บแอลกอฮอล์ไว้ในที่ร้อน เช่น รถยนต์ที่ตากแดด ก็อาจจะทำให้เกิดการระเหยรั่วซึมของแอลกอฮอล์ออกจากภาชนะ จะทำให้ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์เจือจางลงได้ จึงไม่ควรเก็บไว้ที่ร้อนๆ นะครับ

รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงเรื่องดังกล่าวโดยระบุว่า มีการแชร์คลิปวิดีโอกันใหญ่ว่า “วิธีตรวจสอบว่าเจลแอลกอฮอล์นั้น เป็นของแท้หรือเป็นของปลอม”โดยการเอาไปถูกกับใบเสร็จรับเงิน ถ้าละลายหมึกได้ แสดงว่าของแท้ ถ้าไม่ได้แสดงว่าของปลอม ?? เป็นเรื่องหลอกลวง ถึงแม้ในเจลจะมีแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นตัวทำละลายที่น่าจะละลายหมึกใบเสร็จได้ แต่มันมีปัจจัยแปรปรวนมากมาย ทั้งชนิดของหมึกที่ใบเสร็จ (หมึกบางตัว อาจจะไม่ละลายด้วยแอลกอฮอล์) ทั้งสารที่ใส่เพิ่มมาให้เกิดเป็นเนื้อเจล (ที่บางตัวสามารถทำให้หมึกละลายยากขึ้น) หรือแม้แต่ถ้าคิดกลับกัน เจลแอลกอฮอล์อันตรายใส่สารอื่นๆ ที่อันตรายแต่ดันละลายหมึกได้ ก็มีสิทธิที่จะมี

เนื่องจากสถานการ์ณโควิด 19 ส่งผลกระทบที่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่กลับภูมิลำเนาและอาศัยอยู่แต่ในที่พัก รวมไปถึงการ work from home ครม. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพิ่มเติม ออกนโยบายค่าไฟฟ้าฟรีกับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์

จากการที่มีแพทย์หลายท่านออกมาเตือนเรื่องหน้าฝนกับอันตรายของการแพร่กระจายไวรัสตามข่าว เนื่องจากหน้าฝนมีการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจหลายประเภท ทั้งไข้หวัด หวัดธรรมดา ซึ่งทำให้เกิดการแยกโรคได้ยาก ประกอบกับเชื้อไวรัสโควิด 19 ยังสามารถแพร่กระจายได้ในสภาวะร้อนชื้นอีกด้วย

แอลกอฮอล์ 90% หรือ 91% เข้มข้นมากเกินไป บางกรณีสารละลายที่เข้มข้นเกินไป จะทำลายที่ภายนอกของเซลล์ หรือเยื่อหุ้มเซลล์ก่อน ถึงจะเข้าไปข้างในและเกิดการฆ่าเชื้อจริง แต่หากเป็นแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70% นับเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม เพราะน้ำและแอลกอฮอล์จะเข้าไปทำลายเซลล์ทั้งหมด โดยปริมาณน้ำที่มีอยู่จะสามารถผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ เพื่อเข้าไปฆ่าเชื้อได้

จากการวิจัยเราพบว่า ผู้ป่วยโรค COVID-19 (หมายถึงมีผลตรวจเป็นบวกแล้ว) พบมี anosmia (อาการสูญเสียการได้กลิ่น) ได้ถึง 2 ใน 3 ผู้ป่วยโรค COVID-19 ที่มีอาการอื่นๆ (ไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล) ไม่มาก จะพบว่ามี anosmia (อาการสูญเสียการได้กลิ่น) เป็นอาการหลักถึงร้อยละ 30

ยังไม่เจองานวิจัยใดที่บอกว่าการใส่หน้ากากพวกนี้นานๆในการทำงานปกติแล้วจะเกิดภาวะเลือดเป็นกรดได้ ... ภาวะเลือดเป็นกรดนี่ก็ไม่ใช่เจอกันง่ายๆด้วย ต่อให้ขาดอากาศ ก็ต้องขาดเยอะประมาณนึงถึงจะเกิดได้ บางงานวิจัยวัดค่าดู พบว่าพื้นที่ระหว่างหน้ากับหน้ากากมันจะกักคาร์บอนไดออกไซด์ไว้นิดนึง โดยเฉพาะ N95 เพราะมันใส่แน่นแนบชิดกว่า พอหายใจก็จะมีคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มนิด ออกซิเจนต่ำลงหน่อยนึง อาจจะทำให้เวียนหัว แต่ยังไม่มีการรายงานว่าใครเสียชีวิตหรือเกิดภาวะเลือดเป็นกรด แนะนำว่าถ้ารู้สึกเวียนหัวก็แค่ถอดออกนะจ๊ะ