Phase I: Slow the Spread
เฟสที่ 1 - ชะลอการระบาด ด้วยวิธี
- มาตรการเพื่อลดการติดต่อ เช่น physical distancing, lockdown.
- เพิ่มความสามารถในการ test ให้ครอบคลุมผู้ป่วยที่นอน รพ. บุคลากรทางการแพทย์ ผู้สัมผัสโรค และ คนทั่วไปที่มีอาการ
- เพิ่มความสามารถในการจัดการข้อมูล
- เพิ่มความสามารถของระบบสาธารณสุขในการดูแลผู้ติดเชื้อ เช่น เพิ่มเตียงธรรมดาและเตียงผู้ป่วยหนัก รวมทั้งจัดหาเวชภัณฑ์ให้พอ
จัดหาชุดป้องกันและหน้ากากให้เพียงพอ
- เพิ่มความเข้มข้นในการหาตัวผู้สัมผัสมากักตัว โดยรัฐจัดหาที่พักอาหารให้
- เน้นย้ำให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือ
*** จะย้ายไปเฟสที่ 2 ได้ ต้องมีสัญญาณดังนี้ ***
- เคสใหม่ลดลงเรื่อยๆ ต่อเนื่อง 14 วัน
- รพ. ต้องรักษาผู้ป่วยที่นอน รพ.ได้อย่างสบายๆ
- รัฐสามารถตรวจทุกคนที่มีอาการได้
- รัฐต้องติดตามผู้่ติดเชื้อและผู้สัมผัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เมื่อไหร่ก็ตามที่จำนวนเคสใหม่เพิ่มขึ้น ต้องกลับที่เฟสแรกตามเดิม
Phase II: Reopen, State by State
- ค่อยๆ เปิดเมืองทีละส่วน เช่น เปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัย บริษัท แต่จำกัดการชุมนุมในที่ปิด เช่น ห้ามจัดคอนเสิร์ต (ของไทยคงห้ามจัดชกมวย) ยังให้รักษาระยะห่าง ควบคุมการชุมนุมให้น้อยกว่า 50 คน
- ทำความสะอาดสถานที่สม่ำเสมอ
- เฝ้าระวังและกักตัวผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัส รวมทั้ง test
- สำหรับผู้สูงอายูและผู้ที่มีความเสี่ยง ยังคงแนะนำให้อยู่บ้านจนกว่าจะมีการค้นพบการรักษาที่ได้ผล
- หาตัวผู้ที่มีภูมิคุ้มกัน ซึ่งคนกลุ่มนี้สามารถกลับไปทำงาน หรือ ช่วยงานที่อาจสัมผัสผู้ป่วยได้ หรือ ช่วยดูแลคนแก่
- Phase III: Establish Protection Then Lift All Restrictions
*** จะเข้าสู่เฟสสามได้ต่อเมื่อ มีการพัฒนาวัคซีนจนนำมาใช้ได้สำเร็จ (ผ่าน FDA)
- ป้องกันการติดเชื้อด้วยการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมาก
- สำรวจหาผู้ที่มีภูมิคุ้มกัน
Phase IV: Rebuild Our Readiness for the Next Pandemic
- เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการระบาดครั้งหน้า
- พัฒนาวิธีการให้ได้มาซึ่งวัคซีนสำหรับไวรัสตัวใหม่ให้เร็วขึ้น เป็นเดือน ไม่ใช่เป็นปี
- เพิ่มความสามารถและประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุข