โคแฟคตรวจสอบ: ดร.สุพรรณ ทิพย์ทิพากร หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลกับโคแฟคว่า เหตุไฟลุกไหม้โทรศัพท์ขณะชาร์จแบตเตอรีเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริงจากหลายสาเหตุ ดร.สุพรรณอธิบายว่า โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันใช้แบตเตอรีลีเธียม-ไอออน (Lithium-ion: Li-ion) ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีคือมีความหนาแน่นในการเก็บพลังงานที่สูง มีน้ำหนักเบาและไม่มีปัญหา “memory effect” (แบตเตอรีถูกใช้ไฟไม่หมดประจุแล้วมีการนำไปชาร์จไฟใหม่บ่อย ๆ ทำให้แบตเตอรีไม่สามารถจำค่าสูงสุดที่เคยเก็บไว้ได้ แบตเตอรีจึงเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว) อย่างไรก็ตาม แบตเตอรีลีเธียม-ไอออนมีความไวต่อความร้อนสูง กระบวนการทางเคมีภายในแบตเตอรีจากการชาร์จจะทำให้เกิดความร้อน ซึ่งหากมีความร้อนสะสมมากเกินไปและควบคุมไม่ได้จนเกิด Thermal Runaway ก็จะทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุประกอบที่ทำให้เกิดไฟไหม้โทรศัพท์มือถือ ได้แก่ การใช้หัวชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน การเสื่อมตามอายุหรือการตกกระแทก การชาร์จในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงเช่น ตากแดด มีการใช้งานหนักขณะชาร์จเช่นเล่นเกม การชาร์จใต้หมอน ฟูก หรือที่นอน ดร.สุพรรณเตือนว่า แม้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ จะมีระบบจำกัดไฟป้องกันการ overcharged ซึ่งทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้ต่ำลง หรือแม้จะใช้หัวชาร์จ สายชาร์จและแบตเตอรีของแท้จากผู้ผลิต แต่การเสียบชาร์จทิ้งไว้ตอนกลางคืนค้างคืนก่อนนอนก็ไม่ถือว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะหากระบบป้องกันนั้นไม่ทำงานในขณะที่ผู้ใช้งานนอนหลับก็จะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองหรือระงับเหตุได้ทัน เพราะการลุกไหม้ของแบตเตอรีมีความรุนแรงและรวดเร็วมาก

โคแฟคตรวจสอบ: รศ.ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลกับโคแฟคว่าอาวุธชนิดนี้เป็นอาวุธที่เคยใช้โดยกองทัพอากาศสหรัฐฯ บางครั้งเรียกว่าระเบิดเรดดอทหรือระเบิดเยลโลด็อก เป็นกระสุนจลน์ขนาดเล็กที่ไม่มีการนำวิถี มีความยาวประมาณ 1.75 นิ้ว (44 มม.) เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 นิ้ว (13 มม.) และหนักประมาณ 0.7 ออนซ์ (20 กรัม) อาวุธนี้ถูกออกแบบมาเพื่อทิ้งจากเครื่องบิน ไม่มีประจุระเบิดแต่มีพลังงานจลน์สูง เมื่อถูกทิ้งจากเครื่องบินที่ความสูงหรือความเร็วสูงจะทำให้มันเป็นอาวุธที่ร้ายแรง อาจทะลุสิ่งกำบังที่อ่อนนุ่มได้ เช่น เรือนยอดป่าทึบ ทรายที่มีความหนาหลายนิ้ว หรือเกราะเบา กระสุน Lazy Dog นั้นราคาค่อนข้างถูก เครื่องบินสามารถทิ้งได้ในปริมาณมหาศาลในคราวเดียว แม้ว่าผลกระทบของมันจะร้ายแรงไม่แพ้กระสุนชนิดอื่น แต่ก็ไม่ได้ทิ้งวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดซึ่งอาจทำงานได้หลายปีหลังจากความขัดแย้งสิ้นสุดลง กระสุนชนิดนี้ถูกใช้เป็นหลักในช่วงสงครามเกาหลีและสงครามเวียดนาม เว็บไซต์ GlobalSecurity.org ขององค์กรวิจัยด้านความมั่นคงในสหรัฐฯ ให้ข้อมูลว่า Lazy Dog ถูกพัฒนาขึ้นตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ไม่ได้ใช้ในช่วงนั้น มันถูกนำมาใช้ครั้งแรกในเวียดนาม ซึ่งมีรายงานการใช้ Lazy Dog ทั้งการทิ้งจากเฮลิคอปเตอร์ UH-1 Huey และจากเครื่องบินทิ้งระเบิดลงสู่ป่าเบื้องล่าง อย่างไรก็ตาม มีการถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยวกับการใช้อาวุธชนิดนี้ รวมถึงประเด็นเรื่องการละเมิดอนุสัญญาเจนีวา เพราะเป็นอาวุธที่โจมตีได้อย่างเงียบเชียบ (silent) อันตรายถึงชีวิต (deadly) และส่งผลกระทบทางจิตใจ (demoralizing) เว็บไซต์ iwm.org.uk ของ Imperial War Museums พิพิธภัณฑ์ทางการทหารในอังกฤษระบุว่า ในช่วงสงครามเวียดนาม กองทัพสหรัฐฯ มีการใช้ Lazy Dog ร่วมกับระเบิดลูกปราย (cluster bomb) แบบ MK44 ซึ่งเมื่อเกิดการระเบิดกลางอากาศ จะปล่อยจรวดขนาดจิ๋ว (บ้างเรียกว่าลูกดอกอากาศ – Aerial Dart) ราว 1 หมื่นลูกตกลงสู่พื้นดิน กระจายและทะลุทะลวงไปทั่วพื้นที่เป้าหมาย

เรื่องที่สื่อกัมพูชานำเสนอว่าไทยยิงกระสุนฟอสฟอรัสใส่พื้นที่พลเรือน แท้จริงมีการบิดเบือนโดยใช้ภาพเก่าจากเหตุการณ์อิสราเอลยิงฟอสฟอรัสขาวที่เลบานอนในปี 2023 ไม่ใช่ภาพเหตุการณ์ล่าสุดของไทย–กัมพูชา กองทัพไทยยืนยันว่าไม่ได้โจมตีพลเรือน การใช้กระสุนฟอสฟอรัส (ถ้ามี) อยู่ภายใต้กฎหมายสากล ใช้ต่อเป้าหมายทางทหารเพื่อสร้างควันหรือแสงสว่าง ไม่ใช่อาวุธเคมี ฝ่ายกัมพูชาผ่านหน่วย CMAC อ้างว่าพบหัวกระสุน 155 มม. แบบบรรจุ WP ในทุ่งนาพื้นที่อุดรมีชัย และกล่าวหาว่ามาจากการยิงของไทยในช่วงการปะทะ อย่างไรก็ดี ข้ออ้างดังกล่าวยังไม่มีการตรวจสอบอิสระยืนยัน ขณะที่ฝ่ายไทยโต้ว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ฟอสฟอรัสขาวแม้ไม่ถูกจัดเป็นอาวุธเคมี แต่มีอันตรายร้ายแรงต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม หากใช้ใกล้พื้นที่พลเรือนอาจขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ องค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลกเคยวิจารณ์การใช้ WP เหนือชุมชน เช่น กรณีอิสราเอลในเลบานอนและกาซา ว่าสร้างความเสียหายหนัก สรุปคือ ข้อความที่แชร์พร้อมภาพว่า “ไทยยิงฟอสฟอรัสใส่พลเรือน” เป็นข่าว บิดเบือน/เท็จบางส่วน ภาพประกอบเป็นภาพเก่า และข้อกล่าวหายังไม่มีหลักฐานอิสระรองรับ ประชาชนควรระมัดระวัง ไม่แชร์ข้อมูลผิดๆ ต่อ เพราะอาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนในประเด็นอ่อนไหวด้านความมั่นคงระหว่างประเทศได้.

_

เรื่องที่มีการแชร์กันว่า “ฝานมะนาวใส่แก้ว เติมน้ำร้อน ทิ้งไว้แล้วดื่ม สามารถรักษามะเร็งได้” เป็น ข่าวปลอม ที่ถูกนำมาเผยแพร่ซ้ำหลายครั้งแล้ว โดยมีการอ้างชื่อแพทย์อย่าง “Dr. Gupta” และสถาบันวิจัย “the medical school of Maryland Chemical Therapy” ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีตัวตนจริงแต่อย่างใด ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและยืนยันว่า การดื่มน้ำอุ่นแช่มะนาวฝานไม่ได้ช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ตามที่กล่าวอ้าง อีกทั้งยังไม่ทำให้น้ำเปลี่ยนเป็นด่างตามที่มีการแชร์ เพราะจากการทดลองพบว่าน้ำมะนาวที่ผสมกับน้ำร้อนยังคงมีค่า pH 3.17 ซึ่งเป็นกรด ไม่ใช่ด่าง นอกจากนี้ยังมีข้อความที่แชร์กันว่า การหยุดกินน้ำตาลจะทำให้เซลล์มะเร็งตาย หรือการดื่มน้ำมันมะพร้าววันละหลายช้อนจะช่วยรักษามะเร็งได้ ซึ่งก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน การงดน้ำตาลโดยสิ้นเชิงอาจทำให้ร่างกายขาดพลังงานและกระทบต่อการทำงานของเซลล์ปกติทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะเซลล์มะเร็ง ส่วนการบริโภคน้ำมันมะพร้าวเกินความเหมาะสมก็อาจทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่า สรุปคือ ข้อความและสูตรที่กล่าวมาเป็น ข้อมูลเท็จ ไม่น่าเชื่อถือ และไม่ควรถูกแชร์ต่อ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิด หันไปพึ่งวิธีที่ไม่มีมูลความจริง แทนที่จะเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

-

-

ปภ. จึงได้ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่งข้อความแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast แจ้งเตือนพายุคาจิกิ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และ จ.อุทัยธานี ทั้งนี้ สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” เพิ่มเพื่อนที่ Line ID @1784DDPM หรือโทรสายด่วนนิรภัย (ปภ.) 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 11:56 ตามเวลาประเทศไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.4 แมกนิจูด ที่ความลึก 10 กิโลเมตร โดยมีบริเวณศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 599 กม. เป็นแผ่นดินไหวขนาดปานกลาง ผู้อาศัยอยู่บนตึกสูงที่โครงสร้างแข็งแรงพอรู้สึกได้บ้าง แต่ไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประเทศไทย

มีการเตือนภัยเรื่อง “ห่านจิก” หลังพบว่าชาวบ้านนำห่านมาเลี้ยงที่คูเมืองเชียงใหม่ เพื่อช่วยกำจัดจอกแหน หลายคนกังวลเรื่องความปลอดภัย ซึ่ง รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ชี้ว่า ห่านมีอวัยวะคล้ายฟันที่เรียกว่า ทอเมียม (Tomium) อยู่ทั้งบนจะงอยปากและบนลิ้น ลักษณะเป็นกระดูกอ่อนสีขาวแหลมคม ใช้กัดฉีกอาหารและจับเหยื่อเล็ก ๆ ได้ แม้ไม่ใช่ฟันจริงแต่ก็สามารถทำให้คนเจ็บ เลือดออก หรือฟกช้ำได้ ห่านเป็นสัตว์ดุโดยเฉพาะช่วงฤดูผสมพันธุ์ มักไล่จิกหรือใช้ปีกตีคนที่เข้าใกล้อาณาเขตของมัน การบาดเจ็บจากห่านมีตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงกระดูกหัก แต่ ยังไม่เคยมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต จากการถูกห่านโจมตี อาจารย์ได้แนะวิธีเอาตัวรอด เช่น - สังเกตสัญญาณเตือน (ห่านจ้อง, ยืดคอ, โยกหัว) - อย่าแสดงอาการตกใจหรือก้าวร้าว แต่ให้ถอยช้า ๆ - ปกป้องใบหน้า-คอ และเคลื่อนตัวหลบที่มุม 90° - ไม่ให้อาหารหรือให้เด็กไล่ห่าน - หากบาดเจ็บควรไปพบแพทย์

กรมทางหลวง เปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการมอเตอร์เวย์สาย M81 บางใหญ่ - กาญจนบุรี ฟรีทุกสุดสัปดาห์ ตั้งแต่วันศุกร์ เวลา 15.00 น. - วันจันทร์ เวลา 09.00 น. สามารถเข้า - ออกได้ 7 ด่าน และใช้ได้เฉพาะรถเล็ก 4 ล้อเท่านั้น โดยจำกัดความเร็วที่ 80 กม./ชม

โคแฟคตรวจสอบ: คลิปนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ทางการไทยและกัมพูชาเริ่มปรับเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดน ทำให้ชาวกัมพูชาที่มารักษาพยาบาลในไทยไม่สามารถเดินทางมาพบแพทย์ตามนัดและรับยาที่ต้องกินต่อเนื่องได้ เฟซบุ๊กศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) โพสต์ภาพเหตุการณ์นี้เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 68 โดยบรรยายภาพว่า เจ้าหน้าที่หน่วยทหารและสาธารณสุข "ดำเนินการส่งมอบยารักษาโรคให้กับผู้ป่วยชาวกัมพูชาจำนวน 33 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคฯ กัมพูชาเป็นผู้รับมอบ ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ" โคแฟคตรวจสอบภาพเพิ่มเติมพบว่าถุงบรรจุยามีชื่อ "SPS Premium รพ.สรรพสิทธิประสงค์" จึงได้สอบถาม นพ. ธวัชชัย ทองประเสริฐ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ซึ่งให้ข้อมูลว่า ช่วงที่ทางการไทยเริ่มปรับเวลาเปิด-ปิดด่าน ทางโรงพยาบาลเคยจัดส่งยาให้ผู้ป่วยกัมพูชาของที่ไม่สามารถเดินทางมารับยาได้จริง โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็นผู้ป่วยของคลินิกพรีเมียมที่จ่ายค่ารักษาและค่ายาเองทั้งหมด การส่งมอบยานี้เกิดขึ้นหลายสัปดาห์ก่อนจะมีเหตุปะทะเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 68 ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้หรือในขณะนี้ซึ่งไม่มีการจัดส่งยาข้ามแดนให้ผู้ป่วยกัมพูชาแล้ว นพ.ธวัชชัยยืนยันด้วยว่าทางโรงพยาบาลไม่ได้ใช้เงินงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนไปซื้อยาให้ผู้ป่วยกัมพูชาซึ่งต้องจ่ายค่ารักษาและค่ายาเอง และขณะนี้คลินิกพรีเมียมยังคงปิดให้บริการชั่วคราวเนื่องจากจำนวนผู้ป่วยซึ่งส่วนหนึ่งเป็นชาวกัมพูชาที่มาใช้บริการลดลงมาก แต่คาดว่าจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติในวันที่ 1 ก.ย. 68 นี้

เป็นวิดิโอจริง เป็นการฝึกทดสอบแผนเผชิญเหตุในสถานีรถไฟใต้ดินเต็มรูปแบบ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 68 ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้มตะวันออก OR14 โดยมีการฝึกปฏิบัติในแต่ละสถานีฝึก ได้แก่ สถานีการควบคุมฝูงชน สถานีการก่อวินาศกรรม  (เกิดเพลิงไหม้) สถานี WWD และการกราดยิง และสถานีจับตัวประกันและการใช้หน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้ายุติปัญหา ซึ่งมีหลายหน่วยงานมาร่วมฝึกปฏิบัติ ทั้งกองทัพ ตำรวจและ รฟม. ซึ่งในคลิปตามลิงค์นี้ ก็มีระบุในแคปชั่น ว่า “กิดเหตุฉุกเฉินรถไฟฟ้าใต้ดิน(ซ้อม)” เพียงแต่ในตัวคลิประบุแค่เพียงนาทีระทึก สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

เป็นเนื้อหาที่สร้างขึ้นโดยเอไอ และมีจุดที่ดูเว่อร์หรือไม่สมเหตุสมผล

จากการใช้เครื่องมือ Google Lens ค้นหาภาพพบว่าคลิปนี้ถูกแชร์อย่างกว้างขวางพร้อมคำบรรยายภาษาอินโดนีเซียตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หนึ่งในนั้นเป็นคลิปความยาว 4.24 นาทีที่เผยแพร่โดยเพจเฟซบุ๊ก "KARO News" เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 68 เป็นภาพกลุ่มผู้ประท้วงพยายามขัดขวางไม่ให้รถแบ็คโฮเข้ารื้อถอนอาคาร โดยช่วงหนึ่งของคลิปจะเห็นผู้ประท้วงบนอาคารดังกล่าวถือธงชาติอินโดนีเซียอย่างชัดเจน และมีภาพเจ้าหน้าที่ตั้งแนวโล่ซึ่งมีคำว่า POLISI ในภาษาอินโดนีเซียแปลว่า "ตำรวจ" KARO News บรรยายคลิปเป็นภาษาอินโดนีเซีย แปลสรุปเป็นภาษาไทยได้ว่า เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานในอินโดนีเซียสนธิกำลังเข้ารื้อถอนสถานบันเทิงชื่อ Diskotik Marcopolo และโรงแรมขนาด 30 ห้องพักในจังหวัดสุมาตราเหนือ หลังการสอบสวนพบว่าเป็นแหล่งมั่วสุมและมีการจำหน่ายยาเสพติด ระหว่างการรื้อถอนมีคนกลุ่มหนึ่งมาประท้วง รวมถึงเจ้าของสถานที่ซึ่งอ้างว่าอาคารแห่งนี้เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษของเขา นอกจากนี้เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Bangka Pos ของอินโดนีเซีย รายงานว่าเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้ารื้อถอนอาคารสถานบันเทิง Diskotek Marcopolo เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 68 เนื่องจากตำรวจพบว่ามีการค้ายาเสพติดที่สถานที่แห่งนี้ สรุปได้ว่าคลิปนี้เป็นเหตุการณ์ที่จังหวัดสุมาตรเหนือของอินโดนีเซีย ไม่ใช่ภาพเหตุการณ์รื้อถอนบ้านชาวเขมรตามที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียในไทยกล่าวอ้าง

สำนักงานประกันสังคม เพิ่มสิทธิรักษาฟรีในทุกโรงพยาบาล หากเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉิน และเข้ารับการรักษาภายใน 72 ชั่วโมง ให้แก่ผู้ประกันตนม.33 และม.39 โดยไม่จำกัดเฉพาะโรงพยาบาลตามสิทธิเท่านั้น แต่สามารถเข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลทั้งสถานพยาบาลของรัฐ และเอกชน นับว่าเป็นสิทธิที่เพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ประกันตนอย่างมาก

คลิปนี้ถูกเผยแพร่สองวันหลังจากทางการไทยนำคณะทูตจากประเทศอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมทั้งสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 68 เพื่อสังเกตการณ์สถานการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยฝ่ายกัมพูชาในดินแดนไทย โคแฟคตรวจสอบจากรายงานข่าวของสื่อมวลชนพบว่าระหว่างลงพื้นที่ นายแร็มโก ฟัน ไวร์คาร์เดิน เอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไทยรัฐออนไลน์เป็นภาษาอังกฤษ โดยผู้สื่อข่าวถามเอกอัครราชทูตถึงผลการสังเกตการณ์ที่ภูมะเขือ เขาตอบว่าได้เห็นปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก และนี่เป็นเหตุผลที่เนเธอร์แลนด์และอีกหลายประเทศเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาออตตาวาและต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิดในทุกกรณีและทุกพื้นที่รวมถึงที่นี่ด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่าทุ่นระเบิดที่เห็นเป็นของใหม่ตามที่ทางการไทยให้ข้อมูลหรือไม่ ท่านทูตตอบว่า "ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านทุ่นระเบิด จึงไม่สามารถบอกได้" ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า "(ทุ่นระเบิด) ดูใหม่หรือไม่" ท่านทูตตอบว่า "...ผมบอกไม่ได้ว่ามันเก่าหรือใหม่แค่ไหน แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นทุ่นระเบิดเก่า แต่ผมไม่สามารถตัดสินได้ว่าทุ่นใหม่นั้นใหม่แค่ไหน หรือเก่าแค่ไหน มันดูใหม่สำหรับผม แต่ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านทุ่นระเบิด" จากคำให้สัมภาษณ์นี้ แสดงให้เห็นว่า คลิปที่เพจเฟซบุ๊กนำมาเผยแพร่โดยอ้างว่าทูตเนเธอร์แลนด์ "พูดชัด ๆ ว่าทุ่นระเบิดเป็นของใหม่" เป็นการบิดเบือนคำพูดที่ท่านทูตตอบคำถามผู้สื่อข่าว โคแฟคสอบถามนายสุผจญ กลิ่นสุวรรณ ผู้สื่อข่าวพิเศษไทยรัฐออนไลน์ ซึ่งเป็นผู้สัมภาษณ์นายแร็มโก ฟัน ไวร์คาร์เดิน ได้รับคำยืนยันว่าท่านทูตระบุเพียงว่าทุ่นระเบิดที่ได้เห็น "ดูใหม่สำหรับผม" (They look new to me) และย้ำถึงสองครั้งว่าท่านไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านทุ่นระเบิด

เมื่อค้นหาภาพด้วย Google Lens พบว่า คลิปดังกล่าวเป็นภาพจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่เผยแพร่มานานก่อนเกิดเหตุสู้รบไทย-กัมพูชา เช่น The Sun สื่อของอังกฤษเผยแพร่คลิปนี้ในช่องยูทูบเมื่อ 6 ก.ย. 2567 โดยบรรยายว่าเป็นภาพรถหุ้มเกราะของรัสเซียถูกทหารยูเครนโจมตีจนเกิดไฟไหม้และระเบิด สำนักข่าวออนไลน์ Kanal13 ของอาเซอร์ไบจาน เผยแพร่คลิปนี้ในวันเดียวกัน โดยระบุว่าทหารยูเครนโจมตีรถหุ้มเกราะของรัสเซียที่บรรทุกกระสุนมาเต็มคันจนส่งผลให้เกิดการระเบิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ทั้งสองสำนักข่าวไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่เท่าไหร่และเกิดขึ้นในพื้นที่ใดของการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน

เมื่อค้นหาภาพด้วย Google Lens พบว่า คลิปดังกล่าวเป็นภาพจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่เผยแพร่มานานก่อนเกิดเหตุสู้รบไทย-กัมพูชา เช่น The Sun สื่อของอังกฤษเผยแพร่คลิปนี้ในช่องยูทูบเมื่อ 6 ก.ย. 2567 โดยบรรยายว่าเป็นภาพรถหุ้มเกราะของรัสเซียถูกทหารยูเครนโจมตีจนเกิดไฟไหม้และระเบิด สำนักข่าวออนไลน์ Kanal13 ของอาเซอร์ไบจาน เผยแพร่คลิปนี้ในวันเดียวกัน โดยระบุว่าทหารยูเครนโจมตีรถหุ้มเกราะของรัสเซียที่บรรทุกกระสุนมาเต็มคันจนส่งผลให้เกิดการระเบิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ทั้งสองสำนักข่าวไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่เท่าไหร่และเกิดขึ้นในพื้นที่ใดของการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน

โคแฟคตรวจสอบ: วันนี้ (22 ส.ค. 68) ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ออกแถลงการณ์ปฏิเสธว่าเนื้อหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง และเป็นการบิดเบือนข้อมูลอย่างร้ายแรง พร้อมกับยืนยันว่าทางการไทย "ไม่มีการประกาศสงครามกับกัมพูชา" ศบ.ทก. ระบุว่าประเทศไทย "ไม่มีการประชุมรัฐสภาเพื่อประกาศสงคราม กับประเทศใด ๆ รวมถึงประเทศกัมพูชา และไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่จะนำไปสู่ภาวะสงคราม" และยึดมั่นในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ตามกลไกทวิภาคี

ทาง Cofact Thailand ได้สอบถามไปยัง เพจ สวนผักโอ้กะจู๋ OHKAJHU.Official เกี่ยวกับเมนูอาหาร Chicken caesar with egg wrap ที่เสิร์ฟบนเครื่องบินการบินไทย ทาง Cofact ได้รับข้อมูลมาจากแอดมินเพจ ว่า "รายการอาหารของเราขณะนี้ยังไม่ได้รับรองฮาลาล แต่ทางเราตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้และกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่ทานฮาลาลได้ในอนาคต ครับ ขอฝากให้ติดตามข่าวสารจากทางร้านอีกครั้ง หากมีความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องหมายการรับรองฮาลาล เราจะแจ้งให้ทราบทันที ครับ"

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมออกมาตรการเพื่อป้องกันความเสียหายจากการถูกมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินผ่านบัญชีม้า โดยจะขอให้แต่ละธนาคารพิจารณากำหนดวงเงินการโอนและชำระเงินต่อวันให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของลูกค้า ซึ่งวงเงินเริ่มต้นจะอยู่ที่ ไม่เกิน 50,000 บาทต่อวัน โดยมาตรการนี้จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะ ทั้งเด็กและผู้สูงอายุ เพื่อจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่เหยื่อจะรู้ตัว

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณ 700 ล้านบาท สำหรับโครงการ “Buy International, Free Thailand Domestic Flights” มอบตั๋วเครื่องบินภายในประเทศฟรีให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 200,000 คน เป้าหมายเพื่อกระตุ้นการเดินทางสู่เมืองรองและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นทั่วประเทศ โครงการนี้มีต้นแบบจากญี่ปุ่น และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ประกาศให้ปี 2568 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย นอกจากนี้ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยความคืบหน้าโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ว่าขณะนี้สิทธิ์ในเมืองหลักถูกจองเต็มแล้ว เหลือสิทธิ์ในเมืองรองราว 54,075 สิทธิ์ ซึ่งคาดว่าจะหมดภายในเดือนกันยายนนี้ กระทรวงฯ มีแผนหารือเพื่อประเมินผลและพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง เฟส 2” โดยใช้งบที่เหลือและผลลัพธ์ด้านเศรษฐกิจเป็นเกณฑ์ สำหรับรายละเอียดโครงการ Buy International, Free Thailand Domestic Flights นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางเข้าประเทศไทย จะได้รับบัตรโดยสารภายในประเทศแบบไป-กลับฟรี 1 ใบ พร้อมน้ำหนักกระเป๋า 20 กิโลกรัม เมื่อจองผ่านสายการบินที่เข้าร่วม 6 สาย ได้แก่ ไทยแอร์เอเชีย, บางกอกแอร์เวย์ส, นกแอร์, การบินไทย, ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยเวียตเจ็ท สามารถใช้สิทธิ์เดินทางได้ในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน 2568

ด่วน! หลักฐานเด็ด ‘ทหารเรือ’ เก็บกู้ทุ่นระเบิด เจอ ‘มือถือปริศนา’ แถวภูมะเขือ พบหลักฐานเพียบ ทหารเขมรลักลอบใช้-วางทุ่นระเบิด PMN-2 วันที่ 19 ส.ค. 68 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ที่สนับสนุนการปฏิบัติงานการเก็บกู้ และกวาดล้างฯ ได้ตรวจพบโทรศัพท์ของทหารกัมพูชา ที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) นปท.ทร. จึงได้นำมาใส่แบตเตอรี่ และตรวจสอบภาพที่อยู่ในโทรศัพท์ พบคลิปวีดีโอ และภาพถ่าย ทหารกัมพูชาถือทุ่นระเบิด PMN-2 ซึ่งในคลิปพูดภาษาเขมร คาดว่าเป็นการแนะนำการใช้งาน ก่อนลักลอบนำไปฝังดิน เจ้าหน้าที่ ทร.จึงได้นำโทรศัพท์ ส่งให้ทางหน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการต่อไปทั้งนี้ ถือว่าเจ้าหน้าที่ นปท. ทร. มีไหวพริบที่ดีมาก เมื่อพบหลักฐานแล้วรีบตรวจสอบ ที่สำคัญภาพในโทรศัพท์ ระบุไว้ด้วยว่า ถ่ายวันไหน จึงถือเป็นหลักฐานชั้นดีทีเดียว

แม้ “ฟอสฟอรัสขาว” ไม่ถูกจัดเป็น อาวุธเคมี ตามอนุสัญญา CWC และไม่ถือว่าเป็น อาวุธเพลิงโดยตรง ตามพิธีสารที่ 3 ของอนุสัญญา CCW แต่ความจริงคือสารชนิดนี้มีอันตรายสูงมาก หากสัมผัสผิวหนังจะไหม้ลึกถึงกระดูก และสามารถทำลายอวัยวะภายในได้ อีกทั้งยังปล่อยควันพิษที่เป็นอันตรายต่อการหายใจ ฟอสฟอรัสขาวถูกใช้โดยกองทัพหลายประเทศเพื่อสร้างม่านควันหรือเพลิง แต่กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศกำหนดห้ามใช้กับพลเรือนหรือพื้นที่ที่มีชุมชนอยู่ เนื่องจากผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้น ข่าวที่ว่า “ฟอสฟอรัสขาวไม่ใช่อาวุธเคมีแต่ก็ห้ามใช้กับพลเรือน” จึงเป็น จริงบางส่วน เพราะถูกต้องที่ไม่ใช่อาวุธเคมี แต่ก็จริงเช่นกันว่ามีข้อห้ามใช้ต่อพลเรือนภายใต้กฎหมายสงครามสากล