ข่าวจริงหรือข่าวลวง

เมื่อ วันที่ 29 เม.ย. ตุรกีเตรียมล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกเพื่อยับยั้งการติดเชื้อและการเสียชีวิตจากโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังเมื่อ 1 ปีที่แล้ว เคยประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับโรคระบาดช่วงแรกๆ จนองค์การอนามัยโลก หรือฮู ยังชมเชย แต่ในปีนี้ กลายเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รุนแรงสุด ด้วยอัตราการติดเชื้อสูงสุดในยุโรป รัฐบาลตุรกีถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ายกเลิกมาตรการข้อจำกัดเร็วเกินไปและกระบวนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่ประชาชนยังไม่รวดเร็วพอ ด้วยจำนวนผู้ได้รับวัคซีนมีมากกว่า 22 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 82 ล้านคน วัคซีนใช้มาจากซิโนแวคของจีนเป็นหลัก และวัคซีนไฟเซอร์-บิออนเทคจำนวนเล็กน้อย ขณะที่รัฐมนตรีสาธารณสุขตุรกี นพ.ฟาห์เรตติน โคจา กล่าวเมื่อไม่นานนี้ว่า เร่งดำเนินการทูตวัคซีนเพื่อฉีดแก่ประชาชน รวมถึงซิโนแวค ไฟเซอร์-บิออนเทค และล่าสุด สปุตนิค วี ของรัสเซีย

สืบเนื่องจากการประกาศของราชกิจจานุเบกษา ปลดล็อกโรงพยาบาลเอกชนและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดหาวัคซีนได้จากหน่วยงานที่กำหนด มีผลตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายนเป็นต้นไป โดยปัจจุบันองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีได้สั่งจองวัคซีน Sinopharm ไปยังราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อเป็นตัวเลือกที่ 3 นอกจาก Sinovac และ AstraZeneca ให้แก่ประชาชนในจังหวัดปทุมธานีได้มีตัวเลือกที่หลากหลายและเข้าถึงวัคซีนได้เร็วขึ้น

ถ้าเปรียบเทียบกันในด้าน ‘ความปลอดภัย’ วัคซีน Sinovac เป็นวัคซีนเชื้อตาย คือผลิตจากไวรัสที่ไม่มีชีวิตแล้ว จึงถือว่ามีความปลอดภัยสูง ซึ่งผลการทดลองก็พบว่าวัคซีน Sinovac มีผลข้างเคียงน้อยกว่า และไม่มีอาการรุนแรง ในขณะที่วัคซีน AstraZeneca เป็นการใช้ไวรัสอะดิโนที่ก่อโรคในลิงชิมแปนซีเป็นตัวพา (Adenoviral Vector) ทำให้เกิดผลข้างเคียงมากกว่า แต่ไม่รุนแรง เช่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แต่ผู้สูงอายุจะพบน้อยกว่าวัยผู้ใหญ่

ถ้าเปรียบเทียบกันในด้าน ‘ความปลอดภัย’ วัคซีน Sinovac เป็นวัคซีนเชื้อตาย คือผลิตจากไวรัสที่ไม่มีชีวิตแล้ว จึงถือว่ามีความปลอดภัยสูง ซึ่งผลการทดลองก็พบว่าวัคซีน Sinovac มีผลข้างเคียงน้อยกว่า และไม่มีอาการรุนแรง ในขณะที่วัคซีน AstraZeneca เป็นการใช้ไวรัสอะดิโนที่ก่อโรคในลิงชิมแปนซีเป็นตัวพา (Adenoviral Vector) ทำให้เกิดผลข้างเคียงมากกว่า แต่ไม่รุนแรง เช่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แต่ผู้สูงอายุจะพบน้อยกว่าวัยผู้ใหญ่

งานวิจัยกล่าวถึงสภาวะความเป็นด่างทำให้ขัดขวางการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง แต่การหยิบเอามะนาว ซึ่งมีฤทธิ์ในการปรับสมดุลร่างกายให้เป็นด่างนั้น เมื่อนำมาผสมกับโซดา ที่มีฤทธิ์เป็นกรด ไม่ได้ทำให้เกิดสภาวะด่าง และไม่ได้ช่วยรักษามะเร็ง มะนาว ถ้าใช้ปกติ เช่น ผสมน้ำอุ่น-ดื่ม เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีวิตามินซี มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีฟลาโวนอยด์ แต่ถ้าดื่มเพียวๆ ไม่แนะนำ เพราะมีความเป็นกรดสูง ยิ่งถ้าทำเป็นประจำจะทำให้เกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร หรือเป็นกรดไหลย้อน เป็นอันตรายได้

ถ้าเปรียบเทียบกันในด้าน ‘ความปลอดภัย’ วัคซีน Sinovac เป็นวัคซีนเชื้อตาย คือผลิตจากไวรัสที่ไม่มีชีวิตแล้ว จึงถือว่ามีความปลอดภัยสูง ซึ่งผลการทดลองก็พบว่าวัคซีน Sinovac มีผลข้างเคียงน้อยกว่า และไม่มีอาการรุนแรง ในขณะที่วัคซีน AstraZeneca เป็นการใช้ไวรัสอะดิโนที่ก่อโรคในลิงชิมแปนซีเป็นตัวพา (Adenoviral Vector) ทำให้เกิดผลข้างเคียงมากกว่า แต่ไม่รุนแรง เช่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แต่ผู้สูงอายุจะพบน้อยกว่าวัยผู้ใหญ่

ต้องตรวจสอบว่าวันหมดอายุในรูปเรียงลำดับอย่างไร เช่น วัน เดือน ปี หรือ เดือน ปีวัน เช่นเป็นเดือน 8 วันที่ 6 หรือไม่ ต้องสอบถามหน่วยงานที่รับผิดชอบก่อนค่ะ เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบยืนยันว่าไม่หมดอายุ อีกทั้งเพิ่งรับมอบวัคซีนแอสตราเซเนก้ามาไม่นานนี้

โครงการ “คนละครึ่งเฟส3” เริ่มลงทะเบียนเฟส 3 วันที่ 14 มิ.ย. 64 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป สามารถใช้สิทธิได้ระหว่าง 1 ก.ค. 64 – 31 ธ.ค. 64 นี้…

ในรูปนี้มีการแปลผิด จริงๆข่าวเสนอว่า สำหรับประชาชนสิงคโปร์ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โมเดอน่า ที่เป็นประเภท mRNA หรือ มีประชาชนที่มีอาการแพ้ ทางรัฐจะมีการชดเชยให้ และ สามารถฉีดวัคซีนไซโนแวคแทนได้ที่คลินิคของเอกชน มีการแปลข่าวเรื่องนี้ในเดลินิวส์ที่ถูกต้องกว่าอันที่ส่งต่อกันจนทำให้เกิดความเข้าใจผิด https://www.dailynews.co.th/foreign/848099

สำนักข่าวต่างประเทศเสนอตรงกันว่าจะมีการจัดประชุมดังกล่าว

WHO Finally Admits Coronavirus Is Airborne. It’s Too Late. https://www.forbes.com/sites/jvchamary/2021/05/04/who-coronavirus-airborne/?sh=2f3ae8744472

WHO อัพเดทข้อมูลใหม่ “โควิด” แพร่เชื้อทางอากาศได้ จากข้อมูลใหม่พบว่ามีความเป็นไปได้ ข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 เว็บไซต์ของ CDC ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Brief) เรื่องการแพร่กระจายของไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคโควิด-19 โดยระบุว่า ช่องทางการแพร่เชื้อในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ช่องทาง คือ การหายใจเอาไวรัส เข้าไป การสัมผัสเยื่อบุตา / จมูก / ปากโดยตรง และการสัมผัสเยื่อบุตา / จมูก / ปาก ผ่านมือที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส โดยสรุป CDC ยืนยันว่าโควิด-19 สามารถแพร่กระจายได้ไกลกว่า 2 เมตร แต่ปัจจัยที่จะทำให้เกิดการแพร่เชื้อแบบนี้คือ กิจกรรมที่เพิ่มละอองสารคัดหลั่งทางเดินหายใจ + สถานที่ปิด + ระยะเวลานานเกิน 15 นาที เช่น ฟิตเนส สถานบันเทิง และอนาคตน่าจะมีการพูดถึงร้านอาหารมากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน CDC ก็ยืนยันว่ามาตรการเดิมนั้นเพียงพอ

จากข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบันยังไม่พบข้อแนะนำดังกล่าว ไม่ควรตื่นตระหนกเกินกว่าเหตุ ถ้ามีเจ็บป่วยต้องรักษาฟัน หรือ รักษาโดยการใช้ยาชา โปรดให้ข้อมูลต่อแพทย์เรื่องการฉีดวัคซีนและโรคประจำตัวอื่นๆก่อนการรักษาพยาบาลน่าจะดีที่สุด เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ Stay safe and sound!

สิ่งที่ต้องห้ามนำเข้าสหรัฐฯ ได้แก่ วัตถุระเบิด ปืน มีด สิ่งมีคม ยาเสพติด อาหารหรือวัตถุดิบปรุงอาหาร อาทิ หมูแผ่น หมูหยอง ผลไม้สดทุกชนิด สัตว์เลี้ยง ยารักษาโรคที่ไม่มีใบสั่งจากแพทย์

สถานทูตไทยในสหรัฐฯ เตือนพกยาสมุนไพรต้องมีฉลากภาษาอังกฤษชัดเจน หลังนักศึกษาไทยพกน้ำมันผสมสารสกัดกัญชาและแคปซูลฟ้าทะลายโจร ถูกควบคุมตัวส่งกลับไทย-เพิกถอนวีซ่า วันนี้ (12 มิ.ย.2564) มีรายงานว่า วันที่ 14 พ.ค. มีนักศึกษาไทย เพศหญิง อายุ 21 ปี เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสหรัฐฯ พร้อมกับพ่อและน้องสาว ซึ่งเมื่อถึงท่าอากาศยานนานาชาติ ฮาร์ตสฟีลด์-แจ็กสัน แอตแลนตา นักศึกษาไทยคนนี้ถูกควบคุมตัว เพราะเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจพบน้ำมันนวดที่มีส่วนผสมของสารสกัด CBD ซึ่งได้มาจากกัญชง หรือ กัญชา โดยระบุว่ามีสารสกัดนี้ 0.3% ซึ่งเป็นปริมาณที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้เมื่อตรวจกระเป๋ายังพบยาแคปซูลที่ไม่มีฉลากระบุตัวยา ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นแคปซูลกัญชา สืบเนื่องจากกรณีนี้ที่นักศึกษาไทยโดนส่งตัวกลับเพราะพบน้ำมันกัญชาติดตัวไป https://www.springnews.co.th/news/810624

ไม่มีการจัดอันดับโดยนิวยอร์กไทมส์ -- เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เดอะนิวยอร์กไทมส์เผยแพร่บทความที่เขียนพาดหัวซึ่งเแปลเป็นภาษาไทยว่า “ถึงเวลาไว้ใจวัคซีนของจีนและรัสเซีย” อย่างไรก็ตามบทความดังกล่าวไม่ได้มีการจัดอันดับความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 บทความดังกล่าวเป็นบทความเชิงวิเคราะห์ของ Achal Prabhala นักเคลื่อนไหวด้านสาธารณสุขชาวอินเดีย และ Chee Yoke Ling ทนายความสาธารณประโยชน์ชาวมาเลเซีย บทความดังกล่าวไม่ได้เป็นการรับรองโดยฝ่ายบรรณาธิการ และไม่ได้เป็นการรายงานโดยผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ของเดอะนิวยอร์กไทมส์

สำหรับประชาชนราว 34,000 คน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขบันทึกข้อมูลไว้ในระบบแล้วว่า มีอาการแพ้จากการฉีดวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอทั้งสองยี่ห้อ หรือไม่สามารถรับวัคซีนดังกล่าวได้ด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากบุคคลในรายชื่อตัดสินใจรับวัคซีนของซิโนแวค ซึ่งพัฒนาจากเชื้อตาย สามารถนำหลักฐานมาขอเบิกค่าใช้จ่ายจากกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ได้ในภายหลัง ขณะเดียวกัน แถลงการณ์มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "การรับฟังความคิดเห็น" ของหลายภาคส่วนด้วย ซึ่งต้องการให้รัฐบาลสิงคโปร์ขึ้นทะเบียนรับรองวัคซีนของซิโนแวคอย่างเป็นทางการ ในระดับเดียวกับวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นา แต่ยังไม่มีแนวโน้มในระยะเวลาอันใกล้นี้ว่า กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์จะรับรองวัคซีนของซิโนแวค เป็นกรณีฉุกเฉิน แม้องค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) ขึ้นทะเบียนฉุกเฉินแล้ว เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ในกรณีต้องได้รับวัคซีนชนิดอื่นทันทีเพื่อป้องกันการติดเชื้อรุนแรง เช่น โดนสุนัขกัดมีแผล สามารถฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าหรือวัคซีนบาดทะยักได้เลย โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะเวลาที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดไปก่อนหน้านี้ เพราะหากไม่ฉีดทันทีมีโอกาสเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้นั่นเอง

หลังจากที่หน่วยงานต่างๆ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยมาช่วยในการติดต่อประสานงานรวมถึงการลงทะเบียนต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มมิจฉาชีพมากมายที่ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อหลอกลวงประชาชน ขึ้นมาคล้ายกับเว็บไซต์หลักของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเว็บไซต์หลักใช้ชื่อว่า moph แต่เว็บปลอมทำคล้ายในชื่อ mqph หากหลงเชื่อกดเข้าเว็บไซต์ จะเจอเว็บปลอมที่หลอกให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว

หน่วยงานต่างๆ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยมาช่วยในการติดต่อประสานงานรวมถึงการลงทะเบียนต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มมิจฉาชีพมากมายที่ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อหลอกลวงประชาชน ควรระมัดระวังเว็บไซต์ปลอมซึ่งใช้โลโก้และเครื่องหมายที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความสับสนกับประชาชนในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

การยกเลิก SQ กำลังอยู่ในขั้นตอนที่ให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา และจะเริ่มกำหนดการยกเลิก 1 กรกฎาคมนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีและศบค.คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนบางส่วน จึงกำชับให้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยกำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาราคาที่เหมาะสม โดยรัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบงบรายจ่ายบางส่วน ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งผู้ที่เข้ารับการกักกันจะต้องรับผิดชอบเฉพาะค่าอาหาร และค่าที่พัก ซึ่งจะเป็นราคาที่ถูกลงกว่า ASQ เดิม พร้อมกับย้ำว่าการกักตัวยังคง 14 วันตามเดิม

อาการข้างเคียงที่พบทั่วไปหลังฉีดวัคซีน 60% มีอาการเจ็บบริเวณที่ฉีด 50% มีอาการปวดศีรษะ และอ่อนเพลีย 40% มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ครั่นเนื้อครั่นตัว 30% มีอาการไข้ หนาวสั่น 20% มีอาการปวดข้อ และคลื่นไส้ อาการขั้นรุนแรงหลังฉีดวัคซีน ที่ต้องรีบพบแพทย์! แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ใจสั่น หน้ามืด ตาพร่า คลื่นไส้อาเจียนขั้นรุนแรง ปากบวม หน้าแดง ตัวแดง ผื่นขึ้น หรือคันทั่วร่างกาย มีไข้สูงหนาวสั่น

ฝ่ายตรวจสอบความปลอดภัยด้านวัคซีนของคณะที่ปรึกษาศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐ(ซีดีซี) ระบุว่า มีรายงานไม่กี่ชิ้นที่บ่งชี้ว่า พบอาการหัวใจอักเสบหลังฉีดวัคซีนโควิด ซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังเข็มที่สอง ส่วนใหญ่เกิดกับเด็กวัยรุ่นชายหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และส่วนใหญ่เป็นอาการเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ซีดีซี ระบุว่า อาการดังกล่าวจะหายไปโดยปราศจากภาวะแทรกซ้อนใดๆและสามารถมีต้นตอจากไวรัสหลายชนิดและซีดีซี ไม่คิดว่าจะพบอาการลักษณะนี้เพิ่มอีกในประชาชน แต่สมาชิกคณะกรรมการด้านวัคซีน มีความเห็นว่าผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขควรได้รับรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับผู้รับการฉีดวัคซีน

เพื่อให้การบริหารจัดการฉีดวัคซีนมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ทั้งในเรื่องความต่อเนื่อง สถานที่การให้บริการ สำนักงานประกันสังคมจึงขอปิดปรับปรุงระบบบริการศูนย์ฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นการชั่วคราว โดยมีกำหนดการเปิดให้บริการศูนย์ฯ อีกครั้ง ในวันที่ 28 มิถุนายน 2564

สำหรับประชาชนราว 34,000 คน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขบันทึกข้อมูลไว้ในระบบแล้วว่า มีอาการแพ้จากการฉีดวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอทั้งสองยี่ห้อ หรือไม่สามารถรับวัคซีนดังกล่าวได้ด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากบุคคลในรายชื่อตัดสินใจรับวัคซีนของซิโนแวค ซึ่งพัฒนาจากเชื้อตาย สามารถนำหลักฐานมาขอเบิกค่าใช้จ่ายจากกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ได้ในภายหลัง   ขณะเดียวกัน แถลงการณ์มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "การรับฟังความคิดเห็น" ของหลายภาคส่วนด้วย ซึ่งต้องการให้รัฐบาลสิงคโปร์ขึ้นทะเบียนรับรองวัคซีนของซิโนแวคอย่างเป็นทางการ ในระดับเดียวกับวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นา แต่ยังไม่มีแนวโน้มในระยะเวลาอันใกล้นี้ว่า กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์จะรับรองวัคซีนของซิโนแวค เป็นกรณีฉุกเฉิน แม้องค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) ขึ้นทะเบียนฉุกเฉินแล้ว เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา