ข่าวจริงหรือข่าวลวง

แชร์กันอย่างแพร่หลายสำหรับสูตรการลดน้ำนักด้วยการดื่ม กาแฟ+เนย ในตอนเช้า อ้างว่าจะช่วยลดน้ำหนัก เร่งการเผาพลาญ ทำให้ไม่รู้สึกหิวบ่อย ป้องกันความเมื่อยล้า อ่อนล้าและกระปรี้กระเปร่าทั้งวัน ล่าสุดทางอย.ให้ข้อมูลชัดเจนว่า เนย เป็นไขมันที่เกิดจากน้ำนมสัตว์ มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง การบริโภคเนยที่มากเกินไปจะส่งผลทำให้เกิดไขมันในหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ที่สำคัญการดื่มกาแฟในตอนเช้าไม่สามารถลดน้ำหนักหรือเร่งการเผาพลาญได้ วิธีการลดน้ำหนักที่ดีที่สุดคือการเลือกกินอาหารในปริมาณที่เหมาะสมและออกกำลังกายอย่างเสมอ

คอลลาเจนที่หลายคนเคยรับประทาน และกำลังรับประทานอยู่จริงๆ แล้ว คือโปรตีนประเภทหนึ่งเท่านั้น ซึ่งโปรตีนชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นเส้นใยโปรตีนอันเป็นโครงสร้างหลักของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหลายชนิดของสัตว์ โดยเฉพาะในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะมีคอลลาเจนอยู่ราวๆ 25 - 35 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณโปรตีนทั้งหมดในร่างกายเลยทีเดียว โดยเราจะพบตามข้อต่อกระดูก ชั้นโครงสร้างผิว ภายในดวงตา ผม เล็บ และแทรกตามอวัยวะน้อยใหญ่ในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีคอลลาเจนที่อยู่บริเวณผิวหนังที่เรียกกันว่า เคราติน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำให้โครงสร้างชั้นผิวแข็งแรง และมีความยืดหยุ่นอยู่เสมอ แต่เมื่ออายุมากขึ้น อัตราการสลายตัวของคอลลาเจนก็จะสูงขึ้นมากกว่าการสังเคราะห์ จึงส่งผลให้ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และแรงสปริงของชั้นผิวค่อยๆ เสื่อม และลดลงไปเรื่อยๆ ทำให้ความกระชับของผิวหนังที่เคยมีลดลง และเกิดริ้วรอยอันไม่พึงประสงค์ขึ้นในที่สุด ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวไปเบื้องต้น จึงสรุปได้ว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดที่คอลลาเจนจะช่วยให้ผิวขาวใสขึ้น เพียงแต่มีส่วนช่วยในเรื่องการเติมเต็มหรือซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บริเวณที่คอลลาเจนหายไปตามเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของโครงสร้างชั้นผิว และอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย จึงส่งผลให้โครงสร้างชั้นผิวแข็งแรงขึ้น กระชับขึ้น ไม่หย่อนคล้อย และไม่เกิดริ้วรอยแบบร่องลึกง่ายจนเกินไป

  เช็กให้ชัวร์ ! ที่เขาว่าน้ำขิงผสมน้ำผึ้งเป็นเครื่องดื่มลดน้ำหนักที่สาว ๆ ควรดื่มทุกวัน เพราะช่วยลดไขมัน ขจัดรอบเอวส่วนเกิน เรื่องนี้เชื่อดีไหม ? งานนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เลยต้องรีบแจงเรื่องน้ำขิงผสมน้ำผึ้งว่า ถ้ามาดูกันจริง ๆ น้ำผึ้งมีส่วนประกอบหลัก คือ น้ำตาล ทั้งน้ำตาลฟรุกโตส น้ำตาลกลูโคส น้ำตาลเดกซ์โทรส น้ำตาลลีวูโลส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว หมายความว่าพอกินเข้าไป ร่างกายจะดูดซึมไปสร้างพลังงานให้ร่างกายได้ทันที ดังนั้น การกินน้ำผึ้งก็เหมือนกินน้ำตาล กินมาก ๆ โรคอ้วนก็มาเยือน และหากเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานก็ยิ่งไม่ควรกินมาก เพราะจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น

ต้องยอมรับว่าสมัยนี้วิธีการลดน้ำหนักนั้นมีหลากหลายให้เราได้เลือกนำไปทำตามกัน ไม่ว่าจะเป็นวิธีแบบธรรมดาที่ดีกับสุขภาพ หรือวิธีแปลก ๆ ที่เราเห็นแล้วก็ยังแอบสงสัยกันว่าจะช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ อย่างเช่นสูตรลดน้ำหนักที่เราหลาย ๆ คนน่าจะได้เห็นผ่านตากันมาบ้างแล้วกับการดื่มโซดาและนมเปรี้ยว ที่อ้างกันว่าสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ เรื่องนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ เราไปดูคำชี้แจงจากผู้รู้กันเลยดีกว่าค่ะ โดยข้อเท็จจริงนี้ รศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ชี้แจงเอาไว้ในเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ว่าการดื่มโซดากับนมเปรี้ยวนั้นไม่ใช่สูตรการลดน้ำหนักแต่อย่างใด เพราะการดื่มเครื่องดื่มเพียงแค่ 2 อย่างนี้ ไม่ว่าอย่างไรน้ำหนักก็ต้องลงอยู่แล้วเนื่องจากโซดาไม่มีแคลอรี หรือแม้นมเปรี้ยวจะมีแคลอรีจากนมและน้ำตาล แต่ก็สามารถช่วยในการขับถ่ายได้ ซึ่งถ้าหากใครนำสูตรนี้ไปลองทำแล้วไม่มีการควบคุมน้ำหนัก หรือออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ก็ไม่มีทางที่น้ำหนักจะลงอย่างแน่นอน มิหนำซ้ำอาจจะทำให้อ้วนขึ้นจากการดื่มนมเปรี้ยวอีกด้วย เช่นเดียวกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่ออกมาเตือนว่า สามารถทานโซดานมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตได้ แต่ไม่ควรหวังผลว่าจะช่วยลดน้ำหนัก เพราะไม่มีงานวิจัยใดรับรอง อีกทั้งถ้ามองเรื่องผลข้างเคียง การดื่มโซดามากเกินไปจะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร อาจทำให้ท้องอืด ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้โซดายังมีฤทธิ์เป็นกรด คนที่เป็นโรคกระเพาะและกรดไหลย้อนจึงไม่ควรดื่มมาก และผลเสียระยะยาวอาจทำให้เกิดกระดูกพรุนได้ ขณะที่โยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยว มีส่วนผสมของน้ำตาล ซึ่งถ้ารับประทานมากเกินไป อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น

เมล็ดผักกาด แปะหู ลดความอ้วน .. ควรให้แพทย์จีนเป็นผู้แปะให้ ไม่ควรซื้อมาแปะเองครับ การใช้เมล็ดผักกาดแปะที่ใบหูนั้น แน่นอนว่า ไม่ใช่ศาสตร์ตามการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่เป็นแพทย์แผนจีน ในกลุ่มเดียวกับการฝังเข็มเพื่อช่วยในการลดความอ้วน โดยผลการศึกษาวิจัยของคณะแพทย์แผนจีน แห่งมหาวิทยาลัยนานกิง พบว่า การฝังเข็มในคนอ้วน ๔๔ ราย อายุระหว่าง ๑๗-๔๘ ปี ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดน้อยลง และระดับอะดรีนาลินคอร์ติโซนเพิ่มสูงขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ จึงสรุปว่า การฝังเข็มมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงกลไกของฮอร์โมน ต่อการสะสมและสลายไขมันของร่างกาย (ดูงานวิจัยเพิ่มเติมใน https://www.doctor.or.th/article/detail/2569) แต่การฝังเข็ม หรือการแปะเมล็ดผักกาด กดจุดที่ใบหูนั้น จะต้องให้ตรงตามตำแหน่ง เช่นที่ จุดหิว จุดเสินเหมิน จุดกระเพาะอาหาร จุดซานเจียว จุดสมอง จุด ลำไส้ใหญ่ จุดลำไส้เล็ก จุดปอด (ดูรูปประกอบ) ไม่ใช่แปะตรงไหนก็ได้ ... จึงจะช่วยควบคุมความหิว กระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร ลำไส้ ช่วยการขับถ่ายอาหารตกค้างวิธีการทำ แพทย์จีนจะใช้ปลาสเตอร์ตัดเป็นแผ่นเล็กๆ ใส่เม็ดแม่เหล็กหรือเมล็ดผักกาด ทำความสะอาดบริเวณใบหูด้วยแอลกอฮอล์ ๗๐เปอร์เซ็นต์ ปล่อยให้แห้ง แล้วติดด้วยปลาสเตอร์ที่มีเม็ดแม่เหล็กหรือเมล็ดผักกาดตามตำแหน่งต่างๆ เปลี่ยนทุก ๓-๔ วัน ถ้ามีอาการคัน เจ็บ ต้องถอดออก เพราะอาจมีการอักเสบได้ดังนั้น จะเห็นว่า การที่ซื้อแผ่นพลาสเตอร์เมล็ดผักกาดไปแปะกันเอง โดยไม่ได้ให้แพทย์จีนดูแล นอกจากจะไม่ได้ผลแล้วเนื่องจากแปะไม่ถูกจุด ยังอาจจะมีผลเสียตามมาได้

ยาคุมกำเนิดทั่วไป จะมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง อาจจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการเติบโตของเต้านมได้บ้าง การทานยาคุมกำเนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานจะดีที่สุดเพราะว่ายาคุมกำเนิดไม่ได้มีอยู่ชนิดเดียว ดังนั้นเราควรเลือกชนิดยาคุมที่เหมาะกับตัวเองจะดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มีโรคประจำตัว ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

อาหารคลีนดีต่อสุขภาพ แต่การคลั่งอาหารคลีนอาจทำให้เกิดโรค Orthorexia โรคไม่กล้ากินอาหารที่คนอื่นทำ เพราะคิดว่าไม่ดีต่อสุขภาพมาก

เมล็ดแห้งของมะระขี้นกมีสรรพคุณบำรุงกำหนัด โดยใช้เมล็ดแห้งน้ำหนักประมาณ 3 กรัมมาต้มกับน้ำ ใช้ดื่มเป็นประจำจะช่วยกระตุ้นความรู้สึกทางเพศโดยไม่ต้องพึ่งไวอากร้า

มะระขี้นกมีสารต้านอนุมูลอิสระส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง และช่วยชะลอวัย มะระขี้นก (สีเขียว) มีคุณค่า ทางอาหารเพราะมีวิตามินเอ (2,924 IU) ไนอะ ซิน (190 มก./100 ก) และมีคุณสมบัติต้าน อนุมูลอิสระ มีเบต้าแคโรทีน ทำหน้าที่สำคัญใน การต้านอนุมูลอิสระ ข่วยปกป้องและบำรุงเซลล์ให้แข็งแรงสมบูรณ์ และบำรุงผิวพรรณ ช่วยให้ดูอ่อนเยาว์สู่ ผู้ที่ม้ามเย็นพร่อง กระเพาะเย็นพร่อง หากรับประทานเข้าไปอาจจะทำให้มีอาการอาเจียน ถ่ายท้อง ปวดท้องได้ และควรรับประทานในปริมาณที่พอดี อย่าทำอะไรเกินเลย เช่นการดื่มน้ำมะระขี้นกก็อย่าขมจัด เพราะจะทำให้ตับทำงานหนัก และสำหรับหญิงตั้งครรภ์อาจจะทำให้ตกเลือดหรือแท้งได้หากรับประทานเกินขนาดหรือกินมะระขี้นกที่เริ่มสุกแล้ว

นำผ้าบาง ๆ มาห่อน้ำแข็ง แล้วนำมานวดอย่างเบา ๆ ตรงบริเวณที่ต้องการ ให้นวดไปเรื่อย ๆ จนครบ 15 นาที และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรนวดผิวด้วยน้ำแข็งทุกคืนก่อนเข้านอน ก็จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้ไปเลี้ยงผิวได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผิวสุขภาพดี และดูผ่องใส

นำเปลือกส้มและเปลือกมะนาวอบแห้งมาผสมกับโยเกิร์ต คนส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วนำมาพอกบริเวณใบหน้ากับลำคอให้ทั่ว ปล่อยไว้ราว ๆ 15 นาที แล้วทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่น จากนั้นให้ทามอยส์เจอไรเซอร์ โดยควรทำตามเคล็ดลับผิวขาว นี้อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ก็จะช่วยบำรุงผิวให้ขาวขึ้นได้อย่างใจต้องการ

นำมะละกอสุกมาบด แล้วจึงนำมาผสมกับแป้งข้าวเจ้าอย่างละครึ่งถ้วย ตามด้วยโยเกิร์ตกับน้ำมะนาวเล็กน้อย ผสมให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน แล้วนำมาพอกให้ทั่วบริเวณลำคอกับใบหน้า ปล่อยทิ้งเอาไว้สัก 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยทามอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง ซึ่งสำหรับสูตรนี้ควรทำ 2-3 ครั้ง ต่ออาทิตย์ รับรองว่าจะช่วยให้ผิวขาวใสเป็นธรรมชาติ

เพียงแค่นำผงชาเขียวสำเร็จรูป หรือใบชาเขียวสดมาบดผสมกับนมและน้ำตาลทรายแดง นำมาสครับหน้าขัดๆ วนๆอย่างเบามือ ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออก หรือสามารถพอกทิ้งไว้ได้ โดยในชาเขียวจะมี ฤทธิ์ที่ช่วยลดการอักเสบของสิวนะคะ ใครที่เป็นสิวก็ลองนำสูตรนี้ไปใช้กันดูค่ะ

นำน้ำมะเขือเทศ (สด) มาผสมกับนมเปรี้ยว แล้ว คนให้เข้ากัน จากนั้นนำมาทาลงบนผิวให้ทั่ว เรือนร่าง แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็นจัด วิธีนี้เหมาะ สำหรับคุณสาว ๆ ที่ผิวคล้ำเสียจากแดดค่ะ สาว คนไหนไปทะเลมารับรองว่าผิวจะดูขาว สดใส ขึ้นแน่นอนค่ะ

แม้จะเป็นสาวผิวหน้ามัน แต่ก็ไม่ได้หมายความ ว่าผิวหน้าจะชุ่มชื่นนะ ให้นำมะกรูด 1/2 ลูก ล้าง ทำความสะอาด แล้วนำไปปั่นจนเละคล้ายเนื้อ ครีม เติมน้ำมะกรูดลงไปเล็กน้อย ตามด้วยไข่ ขาวอีก 1 ฟอง คนส่วนผสมให้เข้ากัน พอกลงบน ใบหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ 20-30 นาที ค่อยล้างออก ด้วยน้ำเย็น เพียงเท่านี้หน้าของสาวๆ ก็จะชุ่มชื้น ขึ้นแล้วค่ะ

นำมะละกอสุก มาผสมกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ เกลือทะเล จากนั้นนำส่วนผสมไปปั่นรวมกันให้ ละเอียด เมื่อได้สครับมะละกอแล้วให้นำมาขัด ผิว นวดเบา ๆ ให้ทั่วเรือนร่าง ทิ้งไว้สักพัก แล้ว ล้างออกด้วยน้ำสะอาดค่ะ ในมะละกอมีเอนไซม์ พาเพนที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายนะคะ ดังนั้นส ครับปุ๊ป ขาวปั๊ปแน่นอน

นำขิงไปสับให้ละเอียด แล้วเติมผงโสม , น้ำตาล ทราย และ น้ำมันกุหลาบ คนส่วนผสมให้เข้ากัน เมื่ออาบน้ำให้นำสครับขิงที่ได้มานวดลงบนผิว กายเป้นแนววงกลม แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า เพียงเท่านี้ก็จะได้สัมผัสกับผิวที่เนียนนุ่ม และ กลิ่นของสครับขิงยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายอีก ด้วยค่ะ ถือเป็นอโรม่าเทอราปีไปในตัว

นำแตงกวาไปปั่นแล้วคั้นน้ำออก นำส่วนที่ได้ไป แช่ตู้เย็นสักพัก จากนั้นนำเนื้อแตงกวาไปผสม กับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ และน้ำผึ้งเล็กน้อย คน ให้เข้ากัน แล้วนำเนื้อครีมที่ได้มาขัดเบา ๆ ให้ ทั่ว เสร็จแล้วพอกทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก แตงกวามีสารที่ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นแบบสุดๆ นะคะ

สูตรนี้ให้ผสมโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย ผสม เข้ากับเกลือป่น และน้ำผึ้ง อย่าละ 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน หลังจากนั้นใส่มะนาว 1 ช้อนชา นำมาขัดผิวเบาๆ ประมาณ15-20 นาที หลังจาก นั้นพอกทิ้งไว้อีกประมาณ 30 นาที โยเกิร์ตและ มะนาวจะช่วยทำให้ผิวของสาวๆ ดูกระจ่างใส ขึ้น ส่วนน้ำผึ้งนั้นจะทำให้ผิวชุ่มชื้น บอกได้เลย ว่าสครับครั้งเดียวได้ถึง 2 ประโยชน์

เพียงฝานมะเขือเทศให้เป็นแว่นๆ แล้วนำไปชุบ น้ำตาล นำมะเขือเทศมาขัดวนที่ผิวจนน้ำตาล ละลายหมด แล้วค่อยเปลี่ยนชิ้นใหม่ เมื่อทำทั่ว ทั้งตัวแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงล้าง ออก ในมะเขือเทศนั้นมีกรด AHA และวิตามินซี ช่วยผลัดเซลล์ผิว และทำให้ผิวดูขาว กระจ่างใส ส่วนน้ำตาลนั้นเป็นตัวช่วยให้การขัดผิวง่ายและ ได้ผลยิ่งขึ้น สาวๆ ควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ ครั้ง รับรองขาวใส ออร่าพุ่งแน่นอนค่ะ

นำเกลือมาผสมกับน้ำมะพร้าว แล้วนำมาขัดผิว น้ำมันมะพร้าวจะช่วยให้ผิวลื่น นุ่ม ชุ่มชื้น และ ลดอาการผิวแห้งหลังการขัดผิว เมื่อทำเป็น ประจำ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็จะเห็นได้ว่าผิวดู นุ่มเนียนขึ้นอย่างชัดเจนนะคะ ทริคเล็กๆ คือ สาวๆควรเลือกเกลือที่เม็ดละเอียดนะคะจะได้ไม่ บาดผิว

เพียงนำมะขามเปียก-นม-น้ำผึ้ง มาผสมกัน ใน อัตราส่วนที่เท่าๆ กัน คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมานวดวนที่ผิวให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออก จะรู้สึกได้ว่าผิวกระจ่างใสขึ้น เลยค่ะ ใครไม่เชื่อไปลองทำดู

เบกกิ้งโซดา (ผงฟู) ใครที่ชอบทำขนมบอกเลย ว่าหวานหมู เพราะตัวเบกกิ้งโซดานั้นมีเนื้อ ละเอียด ขัดง่าย ไม่บาดผิว ยิ่งถ้าลองเอาไปผสม น้ำนมหรือมะขามเปียก แล้วขัดวนเบาๆ ทั่วผิว 15-20 นาที สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รับรองค่ะว่าไม่ กี่สัปดาห์ ออร่ามาแน่นอนค่ะ

    สูตรลดน้ำหนักดังกล่าว เน้นทานอาหารหลัก ๆ คือ น้ำส้ม นมสด ขนมปัง ไข่หรือปลา ผัก และมีผลไม้บางมื้อเท่านั้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาระบุว่า หากมองตามชนิดอาหารที่นำมาวางแผนการลดน้ำหนักแล้วนับว่าเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ รวมทั้งการเน้นปรุงอาหารด้วยการต้ม นึ่ง ย่าง แทนการทอดทั้งหมด และงดเติมน้ำตาลในเครื่องดื่ม ก็ถือเป็นแนวทางการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้มีสุขภาพดีเสมอไป นั่นเพราะเมื่อดูปริมาณอาหารตามสูตรที่ลดน้ำหนักแล้ว จะเห็นว่าพลังงานจากอาหารที่ได้ในแต่ละมื้อน้อยมาก ๆ หากนำมาคิดเป็นพลังงานเฉลี่ยต่อวันได้เพียง 962 กิโลแคลอรีเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าปริมาณอาหารที่เหมาะสำหรับการลดน้ำหนักมาก เพราะโดยปกติแล้วใน 1 วัน สำหรับผู้หญิงที่ต้องการลดน้ำหนักจะต้องได้รับพลังงานไม่น้อยกว่า 1,200 กิโลแคลอรี ส่วนผู้ชายควรรับพลังงานไม่น้อยกว่า 1,600 กิโลแคลอรี ดังนั้น หากต้องการลดน้ำหนักลงอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละครึ่งกิโลกรัม วิธีง่าย ๆ คือ ให้ลดพลังงานที่ได้จากอาหารวันละ 500 กิโลแคลอรี จะทำให้น้ำหนักลดลงได้สัปดาห์ละครึ่งกิโลกรัม โดยไม่ต้องอด

“น้ำขึ้นฉ่ายฝรั่ง เป็นสูตรมาตรฐานที่มีมานานมากแล้วค่ะ เวลาใครจะทำน้ำผักปั่นก็ต้องใส่ขึ้นฉ่ายฝรั่งลงไปด้วย ประโยชน์หลักๆ ของมันคือ มีโพแทสเซียมสูง จะช่วยทำให้การเต้นของหัวใจทำงานได้ดีขึ้นและลดความดันโลหิต มีวิตามินซีสูง พอไม่ได้ผ่านความร้อน จึงทำให้วิตามินซีมีอยู่เยอะ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการสร้างคอลลาเจนหรือเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย เมื่อดื่มเป็นน้ำในปริมาณมาก ก็จะทำให้ขับสารพิษในร่างกายเราและเป็นการดีท็อกซ์ในตัว สามารถทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น ไม่แตกแห้ง และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เกี่ยวกับเรื่องความงามก็น่าจะมีส่วนช่วยให้เกิดประโยชน์ด้านผิวพรรณค่ะ แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนมี 2 ด้านเสมอ การดื่มน้ำขึ้นฉ่ายฝรั่งก็เช่นกัน เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนที่สามารถดื่มมันได้ตามที่ชาเลนจ์กำหนด โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต , ความดันโลหิต และผู้สูงอายุ