13136 ข้อความ
- 1 คนสงสัย"เก็บภาษี" วัดทั่วประเทศ ล่าสุด กรมสรรพากร ชี้แจงแล้วจริงหรือ?จากกรณีที่มีการบอกต่อข้อความโดยระบุว่า เอาแล้วไงเริ่ม "เก็บภาษีวัดทั่วประเทศ" วันนี้วัดเสียภาษี วันข้างหน้าพระต้องเสียอะไรอีกล่ะ พร้อมแนบรูปภาพบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี เป็นชื่อวัดต่างๆYanisa Praifah• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยคิมจองอึน ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้เสียชีวิตระหว่างการผ่าตัดตามข่าวลือข่าวลือเรื่องการถึงแก่อสัญกรรมของผู้นำเกาหลีเหนือ แพร่สะพัดขึ้นจากผู้อำนวยการ Hong Kong Satellite Television ที่อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือของเธอว่าผู้นำเกาหลีเหนือถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ขณะที่สื่อญี่ปุ่นสำนักหนึ่งอ้างว่าคิมอยู่ในสภาวะเป็นผักเรื้อรังหลังเข้ารับการผ่าตัดหัวใจเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา จากนั้น ผู้นำเกาหลีเหนือก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลยนับตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน แต่ความเห็นของที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศของเกาหลีใต้ ก็ทำให้ข่าวลือเรื่องการถึงแก่อสัญกรรมของผู้นำเกาหลีเหนือ คลี่คลายลงในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน บรรดาผู้แปรพักตร์จากเกาหลีเหนือ มีความเห็นตรงกันเป็นไปได้ยากที่ข่าวลือเรื่องนี้จะรั่วมาจากบุคคลใกล้ชิดผู้นำเกาหลีเหนือ จู ซอง ฮา ผู้แปรพักตร์ที่ปัจจุบันทำงานเป็นนักข่าว เผยในเฟสบุ๊คส่วนตัว ซึ่งสำนักข่าว New York Times นำไปรายงานว่า มีความเป็นไปได้ที่ผู้นำเกาหลีเหนือจะมีปัญด้านสุขภาพ แต่เขาไม่เชื่อข้อมูลที่ว่าผู้นำเกาหลีเหนือมีอาการเข้าขั้นวิกฤติ และย้ำด้วยว่า ข้อมูลด้านสุขภาพของครอบครัวคิม ถือเป็นความลับสุดยอดข่าวการเมืองstd48300• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: true2 ความเห็น
- 2 คนสงสัยFake News ทั้งนั้น! พ่อ ‘เมสซี’ เดือดฉุนสื่อกุข่าวปลอม... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/2111359/ฮอร์เก เมสซี พ่อและเอเย่นต์ของ ลีโอเนล เมสซี โพสต์เดือดหลังโดนสื่อกุข่าวเกี่ยวกับอนาคตค้าแข้งลูกชายถึง 3 ข่าวซ้อน ๆ ด่ายับสื่อพวกนี้เอาแต่กุข่าวเรียกยอดไลค์ยอดแชร์อย่างเดียวเท่านั้น... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/2111359/std48901• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอย่าบี้เห็บ เพราะจะทำให้แพร่ลูกเพิ่มทวีคูณอย่าบี้เห็บ เพราะจะทำให้ ไข่ซึ่งอยู่ในตัวเห็บ ออกมาฟักข้างนอก และแพร่ลูกเพิ่มทวีคูณ พร้อมมีการนำภาพประกอบเป็นรูปเห็บตัวอ้วนที่ภายในมีตัวอ่อนอยู่เต็ม รอที่จะออกมาสู่โลกภายนอกstd47884• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอย่าเชื่อ! รักษา "มะเร็งระยะสุดท้าย" ด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่ายกรณีที่มีผู้โพสต์แนะนำผู้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายให้รักษาด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่าย ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้ โดยผักจิงจูฉ่าย (Artemisia lactiflora) เป็นพืชท้องถิ่นของประเทศจีนนิยมนำมาใช้ปรุงอาหารอุดมไปด้วยวิตามิน ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น สารเบต้าแคโรทีน ไรโบฟลาวิน และแอสคอบิกแอซิด ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามงานวิจัยที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่อยู่ในระดับห้องทดลอง และปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา ซึ่งทั้งนี้การรับฟังข้อมูลที่ไม่ผ่านการพิจารณาหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนและอาจลดโอกาสการรักษาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้std47894• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย“เจ๊เบียร์คนละยำ” ทำยำสกปรกจริงมั้ย😱เจ๊เบียร์ ทำยำสกปรกจริงมั้ย ทั้งทำปูม้าตกถังขยะ แล้วเอามาใช้ให้ลูกค้าต่อ🤢 นำจากที่ไม่ล้าง มาใช้ให้ลูกค้า🤢std47895• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยครีมกวนเวียดนามครีมกวนเวียดนาม 1กระปุดเทียบเท่าฉีดผิว1คอสเสียดสีstd47886• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยใช้เบคกิ้งโซดาขัดหน้ากระชับรูขุมขนอย่างทันใจขณะนี้ในสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ข้อมูลว่า สามารถใช้เบกกิ้งโซดาหรือโซเดียมไบคาร์บอเนตทาบริเวณใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพื่อกระชับรูขุมขนนั้น เบคกิ้งโซดา วิธีทำ : เพียงแค่ใช้เบคกิ้งโซดาจำนวน 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำจำนวน 1/2 ช้อนชา คนผสมจนเป็นเนื้อครีมเหลวๆ จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วบริเวณที่มีรูขุมขนกว้าง ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นstd47884• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสธ.เตือน! หยุดส่งต่อข้อมูลเท็จ "โรคมะเร็ง" ต้องตรวจสอบก่อนแชร์สธ.ร่วมกับภาคีเครือข่าย 20 หน่วยงาน เดินหน้ารณรงค์ “วันมะเร็งโลก” ภายใต้แนวคิด ปี 2566 “Uniting our voices and taking action ชวนให้กำลังใจผู้ป่วยมะเร็ง หยุดส่งต่อข้อมูลเท็จด้านโรคมะเร็ง เนื่องในวันมะเร็งโลก หากวินิจฉัยเร็ว รักษาไว เพิ่มโอกาสรอดชีวิต มีโอกาสหายขาดได้ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ จ.ปทุมธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดกิจกรรม “วันมะเร็งโลก” โดยมีนายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ คณะผู้บริหาร ภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน บุคลากรสาธารณสุข อสม. และ ประชาชน เข้าร่วมงาน นายอนุทิน กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนทั่วโลก ประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ปีละประมาณ 140,000 คน เสียชีวิตประมาณ 80,000 คน โรคมะเร็งที่พบมาก 5 อันดับแรก คือ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง และมะเร็งปากมดลูก กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาโรคมะเร็งมาโดยตลอด โดยได้ผลักดันการดูแลรักษาโรคมะเร็งเข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและนำสู่การปฏิบัติ เพิ่มขึ้นหลายประการ ได้แก่ การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงด้วยการตรวจอุจจาระ หากพบความผิดปกติก็สามารถตรวจคัดกรองต่อด้วยการส่องกล้องตรวจลำไส้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยการตรวจหายีนผิดปกติ ในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม และ การคัดกรองรอยโรคเสี่ยงมะเร็งและมะเร็งช่องปาก นอกจากนี้ยังสนับสนุนสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจากวิธี PAP smear เป็นการคัดกรองด้วยวิธีการตรวจ HPV test ทำให้ความไวและความแม่นยำในการคัดกรองโรคสูงขึ้น และเมื่อคัดกรองพบว่าเป็นโรคมะเร็งแล้ว ก็สามารถเข้าสู่การรักษาได้อย่างรวดเร็ว สามารถลัดขั้นตอนการส่งต่อในระบบปกติโดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ตามนโยบาย “มะเร็งรักษาได้ทุกที่” (Cancer Anywhere) ซึ่งการวินิจฉัยเร็วและรักษาเร็ว เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วย ตั้งแต่เริ่มโครงการวันที่ 1 มกราคม 2564 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยใช้สิทธิ์มะเร็งรักษาได้ทุกที่แล้วกว่า 325,000 คน หรือ กว่า 2,900,000 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการเข้าถึงยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เช่น การตรวจวินิจฉัยด้วย PET scan ยารักษาโรคมะเร็งชนิดใหม่ สารสกัดกัญชาเพื่อลดอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นระหว่างการรักษา และการสนับสนุนอุปกรณ์ราคาแพง เช่น เครื่องฉายแสงให้กับโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยรอคอยการรักษาจำนวนมาก ทั่วประเทศ ทั้งนี้สมาพันธ์ควบคุมโรคมะเร็งสากล (UICC) ได้กำหนดให้วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็น “วันมะเร็งโลก” โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Uniting our voices and taking action ร่วมส่งพลังเสียงและลงมือทำ” มุ่งเน้นการร่วมกันหยุดการส่งต่อข้อมูลเท็จด้านโรคมะเร็ง (Fake Cancer News) และให้กำลังใจกับผู้ป่วยโรคมะเร็งให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้โดยเร็ว นอกจากการดำเนินงานของภาครัฐแล้ว สิ่งสำคัญคือความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการรับผิดชอบต่อสังคม ไม่สร้างมลภาวะหรือสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ด้านนายแพทย์ธงชัย เพิ่มเติมว่า การที่ประชาชนใช้โซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง ทำให้พบว่า มีการแชร์ข้อมูลเท็จด้านโรคมะเร็งจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ป่วยที่หลงเชื่อข้อมูลเท็จดังกล่าวเกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด ได้รับการรักษาที่เหมาะสมล่าช้า ขาดโอกาสที่จะหายขาด และอาจซ้ำเติมให้โรคมะเร็งที่เป็นอยู่รุนแรงมากขึ้น ที่ผ่านมา แม้จะมีการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมโรคมะเร็ง โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ เพื่อตรวจสอบและให้ข้อมูลข้อเท็จจริง แต่การแชร์ข้อมูลเท็จด้านนี้ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของสังคมและประชาชนในการสร้างความตระหนักและหยุดยั้งการแชร์ข้อมูลเท็จต่าง ๆ ภายในงานยังมีกิจกรรมเสวนา หัวข้อ “ANTI FAKECANCERNEWS:หยุดแชร์ข่าวปลอม = ลงมือทำ” โดยนายแพทย์สกานต์ เปิดเผยว่า เฟคนิวส์หรือข่าวปลอมนั้นกระทบคนหลายกลุ่ม ผู้ที่ยังไม่ป่วยก็จะกลัวโรคมะเร็ง จึงเสาะหาว่าสิ่งไหนป้องกันโรคมะเร็งได้ แต่การรับข่าวสารต้องระวัง เพราะบางข้อมูลจะมีความจริงบางส่วน เช่น ข่าวปลอมที่ว่า น้ำด่างและน้ำผลไม้ปั่น ป้องกันโรคมะเร็งได้ จริง ๆ แล้ว การดื่มน้ำผักและผลไม้หลากสีจะมีวิตามิน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน แต่ต้องพิจารณาว่า ป้องกันได้ในระดับไหน สิ่งที่น่ากลัว คือ กินน้ำเหล่านี้แล้วไม่ปรับพฤติกรรม ยังกินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่ระวังมลภาวะ ส่วนกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็งจะรู้สึกเคว้ง เชื่อเรื่องการรักษาด้วยวิธีง่าย ๆ เพราะคิดว่า การรักษาโรคมะเร็งด้วยการฉายแสง ใช้ยาเคมีบำบัดหรือการทำคีโม การผ่าตัด เป็นสิ่งที่ทรมาน แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีเปลี่ยนไปเยอะ แผลผ่าตัดเล็กลง การใช้ยาและการฉายแสง ไม่ส่งผลต่อร่างกายมากเท่าเดิม ซึ่งคนที่เชื่อข่าวปลอมก็จะทิ้งการรักษามาตรฐาน แทนที่จะเข้าสู่การรักษา แล้วกลับมาตอนที่เป็นในระยะที่ 3-4 ซึ่งยากต่อการรักษา อีกทั้งผลิตภัณฑ์บางอย่างยิ่งซ้ำเติมอาการให้รุนแรงอีกด้วยstd47894• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเตือนภัยสภาพอากาศเลวร้าย มรสุม 3 ชุดใหญ่ เข้าไทยต่อเนื่องจากกรณีที่มีผู้โพสต์เตือนภัยเรื่องเตือนภัยสภาพอากาศเลวร้าย มรสุม 3 ชุดใหญ่เข้าไทยต่อเนื่อง เตรียมรับมือพื้นที่สีแดง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า คลิปเตือนภัยข้างต้นเป็นข้อมูลที่มิได้มีที่มาจากกรมอุตุนิยมวิทยา โดยพยากรณ์อากาศ ในช่วงวันที่ 6 – 11 มี.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับจะมีความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร และอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ดังนั้นขอประชาชนอย่าแชร์หรือส่งต่อข่าวลือนี้ และให้ติดตามข่าว พยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยาเท่านั้น เพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกขึ้นในสังคม และหากมีสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพื่อเติม สามารถสอบถามได้ที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา https://www.tmd.go.th, Facebook กรมอุตุนิยมวิทยา Application Thai weatherสายด่วน 1182 (ตลอด 24 ชั่วโมง) บทสรุปของเรื่องนี้คือ : คลิปเตือนภัยในข่าวมิได้มาจากกรมอุตุฯ ประเทศไทยจะไม่มีมรสุมเข้าแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบพยากรณ์อากาศพบว่า ไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาคสภาพอากาศstd46432• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสงครามยูเครนไม่ใช่เรื่องจริงบัญชีโซเชียลมีเดียของฝ่ายนิยมขวาในสหรัฐฯ ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากได้โพสต์ข้อความไร้หลักฐานอ้างอิงต่าง ๆ ที่มีเนื้อหาว่าสงครามในยูเครนอาจเป็นเรื่องหลอกลวงที่สื่อมวลชนและรัฐบาลชาติตะวันตกอยู่เบื้องหลังstd47901• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยทีวีไต้หวันขอโทษ แจ้งข่าวเท็จ บอกจีนยิงจรวดโจมตีนิวไทเปสถานีโทรทัศน์ไต้หวันออกแถลงการณ์ขอโทษ หลังจากรายงานข่าวที่ไม่เป็นความจริง ว่าจีนเปิดฉากโจมตีนครนิวไทเปแล้ว และสร้างความเสียหายอย่างหนักที่ท่าเรือ เว็บไซต์ข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 20 เม.ย. 2565 สถานีโทรทัศน์ CTS ของไต้หวัน ออกแถลงการณ์ขอโทษที่สร้างความแตกตื่นให้สังคม หลังจากเกิดความผิดพลาดทำให้พวกเขารายงานข่าวที่ไม่เป็นความจริงอย่างต่อเนื่องว่า จีนเปิดฉากโจมตีนครนิวไทเปแล้ว และเกิดความเสียหายขึ้นมากมาย ทั้งนี้ ชาวไต้หวัน 23 ล้านคนใช้ชีวิตภายใต้ความกังวลอยู่ว่าจีนอาจจะบุกโจมตี หลังจากแดนมังกรประกาศกร้าวมาตลอดว่า เกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเขาที่สักวันจะกลับมารวมกันอีกครั้ง แม้จะด้วยการใช้กำลังก็ตาม และในวันพุธ CTS ก็สร้างความแตกตื่นด้วยการขึ้นข้อความแจ้งเตือนในรายการของพวกเขาหลายข้อความ รวมถึงข้อความว่า “นิวไทเปถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธนำวิถีของกองทัพคอมมิวนิสต์” และ “เรือหลายลำและอาคารที่ท่าเรือไทเปถูกทำลายหรือได้รับความเสียหาย” นอกจากนั้นยังมีข้อความอื่นๆ เช่น การเตรียมทำสงครามของคอมมิวนิสต์จีน, ประธานาธิบดีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และ สงครามอาจเกิดขึ้นได้ นิวไทเปเปิดศูนย์บัญชาการและควบคุมฉุกเฉินร่วมแล้ว เป็นต้น ก่อนที่ CTS จะรีบออกมาชี้แจงในหลายช่องทางว่าข้อความเหล่านี้ไม่เป็นความจริง และขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น CTS อ้างว่า ความผิดพลาดเกิดขึ้นหลังจาก พนักงานคนหนึ่งเผลอนำข้อความสำหรับใช้ในการฝึกซ้อมป้องกันภัยพิบัติของสถานี ไปขึ้นออกอากาศ “CTS ขอโทษอย่างจริงใจที่ความผิดพลาดร้ายแรงนี้สร้างความแตกตื่นในสังคมและรบกวนการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” แถลงการณ์ระบุnjunpatiw• 1 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยอย่าแชร์! โรงพยาบาลสงฆ์ กำลังขาดแคลนสิ่งของจำเป็นวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 เพจเฟสบุ๊ค "โรงพยาบาลสงฆ์ PriestHospital" ขอประชาสัมพันธ์ จากกรณีที่มีข้อความ โพสและส่งต่อแชร์ข้อความตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ขอรับบริจาคของโรงพยาบาลสงฆ์ ว่ากำลังขาดแคลนสิ่งของจำเป็นโรงพยาบาลสงฆ์ ขอชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลสงฆ์ ไม่ได้ขาดแคลนสิ่งของตามที่ต้นทางระบุ เนื่องจากยังมีข่าวปลอมเรื่อง รพ.สงฆ์ ขาดแคลน เครื่องอุปโภคบริโภคสำหรับพระอาพาธออกมาอยู่อย่างต่อเนื่องขอได้โปรด อย่าหลงเชื่อและติดตามข้อมูลสิ่งที่ควรบริจาคและเว้นการบริจาคให้ website ของ รพ.สงฆ์เองเท่านั้น ทั้งนี้ หากท่านใดต้องการบริจาคสิ่งต่างๆให้โรงพยาบาลสงฆ์ สามารถบริจาคได้ตามปกติแอคปลอมstd47894• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยดราม่า! กล่องสุ่ม ขนม 1,500 มูลค่าไม่ถึงพัน นาราขอคืนเงินชดเชย 10 เท่าเป็นข่าวฉาว นารา อินฟูเอนเซอร์ชื่อดัง ทำกล่องสุ่มขาย พร้อมเคลม ลูกค้าได้กำไรร้อยเปอร์เซ็น ก่อนมีคนทำคลิปแฉ สินค้าไม่ตรงตามคำโฆษณา ยันนาราโฆษณาเกินจริง ก่อนนาราออกมาขอโทษในภายหลังผู้บริโภคเฝ้าระวังstd47893• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันกรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่งภายใน 7 วัน ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่งภายใน 7 วัน ได้จริง เนื่องจากครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใดๆ ของร่างกายได้ วันนี้ (24 ธ.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเพื่อทำความสะอาด สวยงามแต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ โดยเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้ข้อมูลว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้นครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับภายนอกร่างกายของมนุษย์ รวมถึงฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด ความสวยงาม แต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ การโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ทำให้ดั้งโด่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณที่โกหก เพราะครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตหรือขายผลิตภัณฑ์ที่หลอกลวงสรรพคุณให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ถือเป็นการโฆษณาที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขอเตือนผู้บริโภคให้คิดก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการโฆษณาสรรพคุณต่าง ๆ ว่า ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th และหากพบเห็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงขอให้แจ้งร้องเรียนมาที่สายด่วน อย. 1556 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เนื่องจากครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ความสวยความงามผู้บริโภคเฝ้าระวังstd46432• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยกินเต้าหู้ถั่วเหลือง ทำให้เป็น ‘โรคพาร์กินสัน’...เมื่อวันที่ 11 ม.ค. เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย Anti-Fake News Center Thailand ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ข่าวปลอม อย่าแชร์! ❌ กินเต้าหู้ถั่วเหลือง ทำให้เป็นโรคพาร์กินสัน . ตามที่มีบทความในประเด็นเรื่องกินเต้าหู้ถั่วเหลือง ทำให้เป็นโรคพาร์กินสัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ . กรณีที่มีข้อความชวนเชื่อระบุว่าผู้ที่กินเต้าหู้ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองเยอะสมองจะถูกทำลาย ทำให้เป็นโรคพาร์กินสัน ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง การกินเต้าหู้ไม่มีปัจจัยเสี่ยงใดทำให้เป็นโรคพาร์กินสัน โดยเต้าหู้นั้นทำมาจากถั่วเหลือง มีโปรตีนในปริมาณที่สูง นอกจากนี้ ในถั่วเหลืองยังพบสารกลุ่มไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ซึ่งเป็นสารที่คล้ายกับฮอร์โมนเพศหญิงอีกด้วย มีส่วนช่วยลดอาการร้อนวูบวาบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนได้ แต่ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะหากกินในปริมาณที่มากไปอาจทำให้ร่างกายได้รับฮอร์โมนเพศหญิงมากเกินความจำเป็นได้ . ทั้งนี้ โรคพาร์กินสันจัดเป็นโรคที่เกี่ยวกับความเสื่อมของสมอง และระบบประสาท ทำให้การเคลื่อนไหวของร่างกายผิดปกติไป มักมีอาการสั่นบริเวณนิ้ว มือ แขน หรือขา ขณะที่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวอวัยวะต่าง ๆ ได้ช้ากว่าปกติ และกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ทำให้ควบคุมการทรงตัวของร่างกายลำบาก ควบคุมกล้ามเนื้อมือและแขนไม่ได้ ทำให้เขียนหนังสือลำบาก..ชื่อนีโอ ไม่ใช่มีโอ ลีโอ โอรีโอ้• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอาหารแก้เส้นเลือดในสมองตีบอาหารที่ประกอบด้วยไข่ขาว พริกไทย หอมแดง นำไปทอดหรือนึ่ง เมื่อรับประทานแล้วจะทะลวงเส้นเลือดที่ตีบตันstd46412• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อกู้เงินออนไลน์ ผ่านเพจ Trudie Torphyตามที่มีข้อมูลเผยแพร่เกี่ยวกับประเด็นเรื่องธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อกู้เงินออนไลน์ ผ่านเพจ Trudie Torphy ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีข้อมูลระบุว่าธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อกู้เงินออนไลน์ ผ่านเพจ Trudie Torphy ทางธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับธนาคารออมสินแต่อย่างใด ทั้งนี้ ธนาคารไม่มีนโยบายในการปล่อยสินเชื่อผ่านเพจเฟซบุ๊กหรือไลน์ทั้งสิ้น อีกทั้งยังมีการแอบอ้างนำภาพโฆษณาสินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน และตราสัญลักษณ์ของธนาคารออมสินมาใช้ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อและเกิดความเข้าใจผิดว่าธนาคารมีส่วนเกี่ยวข้องkwankaow82• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมีการวางแผนในการฝังไมโครชิปลงในคน ไปจนถึงการดัดแปลงรหัสพันธุกรรมของมนุษย์มีข้อกล่าวหาว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นเพียงการปกปิดแผนการที่จะฝังไมโครชิปที่สามารถแกะรอยได้ในมนุษย์ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี้คือ บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์std47901• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยปตท. เปิดลงทุนผ่านเพจกรณีที่มีผู้โพสต์ว่า ปตท. เปิดลงทุนเริ่มต้น 1,000 บาท ขั้นต่ำ 20 หุ้น กำไร 30% ผ่านเพจ Gulf Energy Development ทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กระทรวงพลังงาน ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า กลุ่ม ปตท. ไม่มีการดำเนินการดังกล่าวตามที่แอบอ้างchonlasit2551• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! "สมุนไพรขันทองพยาบาท" ใช้รักษาโรคมะเร็งจากกรณีที่มีการแชร์สรรพคุณของสมุนไพรขันทองพยาบาท ว่าสามารถใช้รักษาโรคมะเร็งได้ ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการพบว่าขันทองพยาบาทไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็ง และไม่สามารถนำมาใช้รักษามะเร็งได้ ซึ่งปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา โดยผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ สำหรับสมุนไพรขันทองพยาบาท (Suregada multiflora) เป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในตำหรับยาสมุนไพรพื้นบ้านมีกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น อัลคาลอยด์ ซาโปนิน ฟลาโวนอยด์ เป็นต้น และจากผลการศึกษาวิจัยระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการ พบว่าสารนี้อาจมีส่วนในการยับยั้งเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง แต่ผลดังกล่าวเป็นเพียงงานวิจัยเบื้องต้น และยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าขันทองพยาบาทช่วยรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : จากการตรวจสอบข้อมูลวิชาการพบว่าขันทองพยาบาทไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งและไม่สามารถนำมาใช้รักษามะเร็งได้std47894• 1 ปีที่แล้ว
- 3 คนสงสัยข่าวปลอม! ห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดแตกได้ห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ ตามที่มีข้อความปรากฏในช่องทางออนไลน์เกี่ยวกับเรื่องไม่ควรสระผมก่อนอาบน้ำ ห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดแตกได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากการส่งต่อข้อความที่ระบุ ห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ ว่า ไม่ควรสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดแตกได้ ทางสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า โรคหลอดเลือดสมอง มี 2 ประเภท คือ สมองขาดเลือด และภาวะเลือดออกในเนื้อสมอง ซึ่งโดยภาพรวมพบภาวะสมองขาดเลือดมากกว่าเลือดออกในสมอง ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญทั้งสองภาวะนี้ คือโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่ เป็นต้นstd47887• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงตามที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อเมื่อคนรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน อาจนานถึง 21 วัน โดยอาการเริ่มแรกจะมีไข้ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น อ่อนเพลีย จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา อาการป่วยจะประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคฝีดาษลิงที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถควบคุมการระบาดได้ด้วย การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ ซึ่งสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ 85%std47897• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเมืองทิพย์พังแล้ว อิทิพย์ แฉปม แตกหักกับแม่หญิงลี ยัน ไม่ขอร่วมงานกันอีกแม่หญิงลี หรือที่รู้จักกันในนามพระมหาเทวีเจ้า อินฟูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่มาคู่กับอิทิพย์ คนใกล้ตัว ทั้ง2มีตำนานมากมายในอินเตอร์เน็ต ก่อนจะมีข่าวแตกหักกัน และไม่ขอร่วมงานกันอีก แต่ล่าสุด ได้กลับมาคืนดีกัน พร้อมทำงานด้วยกันต่อไปแล้วมีมล้อเลียน เสียดสีstd47893• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกระทรวงแรงงานเปิดโควตาไปนิวซีแลนด์ ทำงานนวดและงานฟาร์มแกะรับสมัครโควตาแรงงานไปทำงานที่ประเทศนิวซีแลนด์ งานนวด 2 อัตรา และงานฟาร์มแกะ 4 อัตรา ผ่านกระทรวงแรงงานstd46412• 1 ปีที่แล้ว