2434 ข้อความ
- 1 คนสงสัยด่วน!!! รัสเซียประกาศตัดขาดเงินดอลลาร์และยูโรอย่างเป็นทางการ เตรียมใช้เงินหยวนของจีนแทน จริงหรือด่วน!!! รัสเซียประกาศตัดขาดเงินดอลลาร์และยูโรอย่างเป็นทางการ เตรียมใช้เงินหยวนของจีนแทน รัสเซีย ประกาศตัดขาดจากเงินสกุลดอลลาร์และยูโรอย่างเป็นทางการแล้ว โดนในตอนนี้ธนาคาร VTB ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของรัสเซีย ได้ประกาศรับเงินหยวนของจีนเข้ามาในบัญชีแทนที่เงินสกุลดอลลาร์และยูโรแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ธนาคาร VTB เพิ่งจะประกาศขึ้นดอกเบี้ยเงินหยวนไปถึงระดับ 8% สำหรับลูกค้าชาวจีน โดยทางรัสเซียระบุว่าการดำเนินการดังกล่าวนี้เป็นกลยุทธ์ที่รัสเซียใช้ตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐและชาติพันธมิตรและรัสเซียจะไม่กลับไปอยู่ภายใต้อำนาจของเงินดอลลาร์และยูโรอีกต่อไป นอกจากนี้ VTB ยังได้เปิดเผยอีกว่า ในตอนนี้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีเงินฝากที่เป็นสกุลเงินหยวน ผ่านทางออนไลน์ ด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำเพียง 100 หยวน หรือราว 16 ดอลลาร์ และถ้าฝากเงินสดที่สาขา จะมีกำหนดเงินฝากขั้นต่ำอยู่ที่ 500 หยวน ขณะที่ เงินฝากสกุลรูเบิลจะมีอัตราผลตอบแทนสูงถึง 21% ต่อปี ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนก็เพิ่งจะประกาศเพิ่มวงการค้า (Trading band) ระหว่างเงินหยวนและรูเบิลขึ้นเป็น 2 เท่า เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับเงินรูเบิลผ่านตลาดจีน ทำให้สามารถแลกเงินหยวนเป็นรูเบิลได้มากขึ้นอีกเท่าตัวMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยท่านที่คิดจะฉีดวัคซีน mRNA โปรดสละเวลาฟังคลิปนี้หน่อย หมอคนนี้รักษาคนไข้ในอเมริกา บอกว่าเริ่มพบคนไข้มีปัญหาโรคภูมิแพ้ตนเอง (Auto-immune Disease), มะเร็งผิวหนัง (Melanoma) เพิ่มขึ้น 20 เท่าเมื่อเทียบกับก่อนการฉีดวัคซีน และยังกล่าวอีกว่า โรคโควิด19 สามารถรักษาให้หายได้หากคนไข้ได้รับยา Ivermectin ในระยะเริ่มต้น นั่นหมายถึงไม่ปล่อยให้ โรคล่วงเลยไปสู่เฟสที่ 2 คือการลงไปทำลายปอด ซึ่งการอักเสบที่ปอดนี้เองเป็นสาเหตุให้เนื้อปอดที่สามารถแลกเปลี่ยนอ๊อกซิเจนให้เม็ดเลือดลดลง ทำให้อวัยวะเริ่มล้มเหลวเริ่มจากไตวาย และตามด้วยตับวาย คนไข้จึงมีอัตราการเสียชีวิตได้รวดเร็ว อันเนื่องมาจากการอักเสบและการเกิดลิ่มเลือดที่ปอด คนไข้ในเฟสที่ 2 นี้จะไม่พบการแบ่งตัวของไวรัสแล้ว แต่สามารถพบเศษทรากไวรัสและเศษหนามไวรัส (Spike Proteins) ได้เป็นจำนวนมาก จากการศึกษาทาง Microbiology พบว่าแค่เพียงหนามไวรัส หรือ Spike Protein ก็ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อและทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันในเสันเลือดได้ดังนั้น Spike Protein จึงเป็นอาวุธสำคัญของโคโรนาไวรัสนี้ แต่เขากลับนำอาวุธของ SARs-CoV2 มาทำวัคซีน นั่นเท่ากับฉีดอาวุธของไวรัสให้คนโดยตรง ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อย่อมเป็นสิทธิ์ของท่าน แต่อย่าบอกว่า เราไม่เตือนท่าน หากท่านจำเป็นต้องฉีดวัคซีน ขอให้เป็นวัคซีนเชื้อตายปลอดภัยที่สุด รองลงไปคือ ไวรัสเวคเตอร์และที่อันตรายที่สุด คือ mRNA. ด้วยความปรารถนาดีจาก ทพญ.อุบลรัตน์ วรรณวิสูตร DDS, MPH, MS, Diplomate American Board of Periodontology https://youtu.be/tUE5EBPt-lUวัคซีนโควิดไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยความรู้เพื่อการอยู่ร่วมกับการระบาดของโควิด 19มาเพิ่มเติม..ความรู้อีกรูปแบบ เพื่อการอยู่ร่วมกับ การระบาดของโรคโควิด-19 อย่างปลอดภัย มาเรียนรู้กัน.... 1)ค่าพีเอช (pH) คือความเป็นกรดด่าง ที่มีอยู่ในกระแสเลือด -ค่าพีเอชของ"ไวรัสโคโรนา" มีค่า 5.5 ถึง 8.5 -สิ่งที่เราต้องทำ เพื่อเอาชนะไวรัสโคโรนา คือ ต้องกินอาหารที่มีค่าพีเอช มากกว่า พีเอช ในไวรัสโคโรนา -ส่วนอาหารที่มีค่าพีเอช สูงกว่าโคโรนาไวรัส ที่น่าสนใจคือ: * กระเทียม - 13.2pH * * สัปปะรด - 12.7pH* * มะนาว - 9.5pH * * มะม่วง - 8.7pH * * Tangerine(ส้มเขียวหวาน)- 8.5pH * ดังนั้นถ้ากินอาหารเหล่านี้จะทำให้เราเอาชนะไวรัสโคโรนาได้ 2) คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า คุณมี coronavirus(ไวรัสโคโรนา) 1. * มีอาการคันที่คอ * 2. * คอแห้ง * 3. * อาการไอแห้ง * 4. อุณหภูมิสูง 5. หายใจถี่ @ ดังนั้น..ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ สิ่งที่ต้องรีบดำเนินการ คือ #ต้องรีบ ดื่มน้ำอุ่นกับมะนาว (ซึ่งมีค่า Ph 9.5) # หมั่นกินสิ่งที่มี ค่าpH สูงกว่าเชื้อโคโรนาไวรัส 😘 ส่งต่อ ทุกคนในครอบครัวและคนที่คุณรู้จัก ด้วยน่ะMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยคำแนะนำในโรงพยาบาลกักกัน (เราสามารถนำไปใช้ที่บ้านได้) - ยาที่ดำเนินการในโรงพยาบาลกักกัน 1. วิตามินซี -1000 2. วิตามินอี (E) 3. เวลา 10.00-11.00 น. นั่งตากแดด 15-20 นาที 4. อาหารไข่วันละครั้ง 5. เราพักผ่อน / นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง 6. ทุกวันเราดื่มน้ำ 1.5 ลิตร 7. อาหารทุกมื้อต้องทานแบบร้อน (ไม่เย็น) นี่คือสิ่งที่เราทำในโรงพยาบาลเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โปรดทราบว่า pH ของ COVID-19 อยู่ระหว่าง 5.5 ถึง 8.5 ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำเพื่อกำจัดไวรัสคือการกินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่างและเป็นกรดมากกว่าโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เช่น: กล้วย มะนาวเขียว -9.9 pH มะนาวเหลือง -8.2 pH ผลไม้นม -15.6 pH * กระเทียม -13.2 pH * Mango-8.7 pH * Orange Orange-8.5 pH * Huang Li-12.7 pH * แพงพวย - 22.7 pH * Orange-9.2 pH คุณรู้ได้อย่างไรว่าคุณติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่? 1. คันคอ 2. คอแห้ง 3. อาการไอแห้ง 4. อุณหภูมิร่างกายสูง 5. หายใจถี่ 6. การสูญเสียกลิ่น . ก่อนที่ไวรัสจะติดเชื้อในปอดน้ำอุ่นผสมมะนาวสามารถกำจัดไวรัสได้ อย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ใช้เอง กรุณาส่งต่อไปยังครอบครัวและเพื่อนของคุณ.โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยช่วยบอกต่อๆกันนะครับ.. ตอนนี้.. พวกCall center.. จะโทรหาเรื่องเงินเดือนหรือบำนาญออก 2 ครั้ง.. ท่านมีความเห็นอย่างไร.. ให้กด9.. อย่ากด.. อย่าตอบใดๆ.. อย่าคุยต่อนะครับ..ช่วยบอกต่อๆกันนะครับ.. ตอนนี้.. พวกCall center.. จะโทรหาเรื่องเงินเดือนหรือบำนาญออก 2 ครั้ง.. ท่านมีความเห็นอย่างไร.. ให้กด9.. อย่ากด.. อย่าตอบใดๆ.. อย่าคุยต่อนะครับ.. รบกวนทุกท่านส่งคลิปนี้เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้รับบำนาญได้ทราบด้วยนะคะ (ถ้ามีกลุ่มไลน์ของผู้รับบำนาญค่ะ)ผู้บริโภคเฝ้าระวังแอคปลอมMrs.Doubt• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัย"กาละแมร์" แอบย่องมอบตัว ปคบ. คดีรีวิวอาหารเสริม โดน พ.ร.บ.คอมพ์ อีก 1 ข้อหาจากกรณีพิธีกรชื่อดัง “กาละแมร์ - พัชรศรี เบญจมาศ” ถูกออกหมายเรียกครั้งที่ 2 เพื่อให้เข้าพบพนักงานสอบสวน ปคบ.ในวันนี้ (9ก.พ.) กรณีโฆษณาอาหารเสริมอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง แต่เมื่อตรวจสอบกับทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า กาละแมร์ ไม่ได้มาในเช้าวันนี้ตามหมายนัด เพราะได้แอบเข้าพบตำรวจไปแล้วเมื่อคืน พร้อมกับถูกแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 ข้อหา ฐานนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์std48077• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยครูโรงเรียนเบ็ญจะมะอุบลฯติดโควิด จริงหรือไม่ (กรกฎาคม 2564)ตามที่มีการโพสต์ในโลกโซเชี่ยลว่า "ข่าวด่วน ครูโรงเรียนเบ็ญจะมะ ติดโควิด เนื่องจากหลานสาวที่เดินทางมาจ.เสี่ยง มาแวะที่บ้านพักในรร.เมื่อ 27 มิย. โควิดส่งออกจาก กทม. และปริมณฑล ได้ถึงบ้านเราแล้วนะครับ" นั้น ทางโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงแล้วว่าไม่เป็นความจริง 2 กรกฎาคม 2564โควิด 2019สุชัย เจริญมุขยนันท• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกล้วยดิบกินช่วยแก้กรดไหลย้อนได้ จริงหรือผลกล้วยน้ำว้าดิบ หรือผลกล้วยน้ำว้าดิบที่ฝานบาง ๆ แล้วตากแห้ง ในทางยาเพื่อบรรเทาอาการท้องเสีย อาการปวดท้องจุกเสียด โดยนำกล้วยดิบหั่นบาง ๆ ตากแดดให้แห้ง และบดให้ละเอียดเป็นแป้ง ปริมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำผึ้ง 1 ซ้อนโต๊ะ กินช่วยแก้กรดไหลย้อนได้โควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยใบสั่งจราจรแบบใหม่ จ่ายเงินค่าปรับผ่านธนาคารได้แล้ว จริงหรือเมื่อก่อนต้องไปที่สถานีตำรวจอย่างเดียวแต่ปัจจุบันผู้กระทำผิดสามารถชำระค่าปรับ ผ่านทางธนาคารกรุงไทย ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือผ่านแอพพลิเคชัน KTB net bank หลังถูกออกใบสั่ง 2 วันที่การ ทั้งนี้ใบสั่งมีอายุ 7 วัน หรือหากผู้กระทำผิดต้องการจ่ายเงินค่าปรับที่สถานีตำรวจท้องที่ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที จริงหรือanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ มีโคงการช่วยคนปลดหนี้ ชื่อ คลินิกแก้หนี้ ดอกเบี้ยแค่ร้อยละ 2 บาท ดำเนินผ่านธนาคารออมสิน กรุงไทย และ ธ.ก.ส.โอกาสดีสำหรับคนเป็นหนี้ หนี้นอกระบบ หนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล กยศ ปล่อยเงินกู้แบบรายเดือน โครงการคลินิกแก้หนี้ คิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 บาท ที่ดำเนินการผ่านธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารธ.ก.ส. รับแค่ 50 คนเท่านั้นnaydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยฝากข่าวบอกต่อๆกันสำหรับท่านที่เป็นเจ้าของรถยนต์ทุกประ เภทให้ถ่ายรูปรถไว้ และตำหนิรถของท่าน ยี่ห้อ ทะเบียน สีรถ (รถเก๋ง รถแวน รถกระบะ SUV Crossover )ใส่ไว้ในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ 1192 ลงในมือถือด้วย ถ้ารถหาย แจ้งสายด่วน 1192 เจ้าหน้าที่จะมี sms แจ้งไปยังจุดสกัดจับทั่วประเทศภายใน 2 นาที มีหวังได้รถคืนเกือบ 90 % ฝากบอกต่อๆ กันด้วยมีประโยชน์มากมายมหาศาลไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ โควิดลอยอยู่ในอากาศไกลถึง 2 เมตร ไม่ควรละเลยการใส่หน้ากากผ้าเด็ดขาดนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเชื่อว่าไวรัสโควิด-19 สามารถแพร่กระจายในอากาศผ่านทางละอองฝอย (aerosol) เวลาหายใจออก พูดคุย ตะโกนเสียงดัง ส่งเสียงเชียร์ ร้องเพลง และไอจาม ออกมาไกลกว่า 2 เมตร และหน่วยงานสาธารณสุขในทุกประเทศรณรงค์ให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าโควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ ประเทศไทยพร้อมทดลองวัคซีนโควิด 19 ในมนุษย์แล้ว พร้อมเปิดรับอาสาสมัคร ส.ค.-ก.ย.นี้ ก่อนทดสอบเข็มแรก ต.ค.ข่าวดีมีเฮ รมว.อุดมศึกษาฯ เผยผลวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 ของทีมวิจัยไทยในลิง สร้างภูมิคุ้มกันได้สูง เล็งทดลองในมนุษย์ต่อไป เปิดรับอาสาสมัครเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ ก่อนทดสอบเข็มแรกเดือน ต.ค.นี้โควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยมีอาการไข้สูงฉับพลัน ไข้นานเกิน 2 วัน ให้รีบพบแพทย์ อย่าซื้อยาทานเอง เพราะอาจเป็นไข้เลือดออกอันตรายถึงชีวิตจริงหรือคะทางกรมควบคุมโรคเตือนประชาชนควรสังเกตอาการของตนเองและคนในครอบครัว หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน และไข้นานเกินกว่า 2 วัน อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย หน้าตาแดง อาจมีผื่นขึ้นใต้ผิวหนังตามแขนขา ข้อพับ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ต้องรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยเร็ว เพื่อรับการวินิจฉัย เพราะหากเข้ามารับการวินิจฉัยช้า อาจเป็นเหตุสำคัญทำให้มีภาวะแทรกซ้อนและเป็นปัจจัยที่ทำให้เสียชีวิตได้ จริงหรือคะanonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ WHO ออกมาย้ำว่า กินเนื้อแดงและเนื้อสัตว์แปรรูป เสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่องค์กรวิจัยมะเร็งนานาชาติ หรือ International Agency for Research on Cancer (IARC) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ เนื้อสัตว์แปรรูปเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 1 คือ สามารถก่อมะเร็งในมนุษย์ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับ บุหรี่ แอลกอฮอล์ แร่ใยหิน สารหนู เป็นต้น ส่วนเนื้อแดง เป็นกลุ่ม 2A คือ อาจจะก่อมะเร็งในมนุษย์ การกินเนื้อแดงมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งลำไส้และไส้ตรงมะเร็งnaydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือ เงินเยียวยาของ สำหรับคนพิการ 1000บาท ประชาชนไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน เพราะรัฐบาลมีข้อมูลอยู่แล้วรัฐบาลโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้พิการในช่วงภาวะวิกฤติโควิด-19 คนละ 1,000 บาท จำนวน 1 ครั้ง สำหรับผู้ที่มีบัตรประจำตัวผู้พิการกว่า 2 ล้านคนทั่วประเทศ โดยไม่ต้องลงทะเบียนใดๆ ซึ่งพร้อมจ่ายเงินเยียวยาฯ ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. 63 เป็นต้นไปโควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยโควิด-19 แพร่ได้ดีในอุณหภูมิ 33 องศาเซลเซียส จริงหรือเปล่าคะกลุ่มนักวิจัยในสวิตเซอแลนด์ ได้ทำการเปรียบเทียบความสามารถของการเพิ่มจำนวนของไวรัสโควิด-19 ( SARS-CoV-2 )เปรียบเทียบกับไวรัสซาร์ส (SARS-CoV ) ซึ่งมีข้อมูลชัดมาก่อนหน้านี้ว่าไวรัส ซาร์สไม่ชอบสภาวะอุณหภูมิ 33 แต่จะโตดีที่ 37 องศา แต่พอทดสอบในเซลล์ human airway epithelial cell (hAEC) กับ ไวรัส โควิด-19 พบว่า ไวรัสสามารถเพิ่มจำนวนในเซลล์ดังกล่าวที่อุณหภูมิ 33 องศาได้ดีกว่า SARS ถึง 100 เท่า จริงหรือคะโควิด 2019anonymous• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเพื่อทำความสะอาด สวยงามแต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ โดยเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้ข้อมูลว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้นครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับภายนอกร่างกายของมนุษย์ รวมถึงฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด ความสวยงาม แต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ การโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ทำให้ดั้งโด่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณที่โกหก เพราะครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตหรือขายผลิตภัณฑ์ที่หลอกลวงสรรพคุณให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ถือเป็นการโฆษณาที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขอเตือนผู้บริโภคให้คิดก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการโฆษณาสรรพคุณต่าง ๆ ว่า ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th และหากพบเห็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงขอให้แจ้งร้องเรียนมาที่สายด่วน อย. 1556ความสวยความงามอย. เพิกถอนผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48423• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเพื่อทำความสะอาด สวยงามแต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ โดยเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้ข้อมูลว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้นครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับภายนอกร่างกายของมนุษย์ รวมถึงฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด ความสวยงาม แต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ การโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ทำให้ดั้งโด่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณที่โกหก เพราะครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตหรือขายผลิตภัณฑ์ที่หลอกลวงสรรพคุณให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ถือเป็นการโฆษณาที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขอเตือนผู้บริโภคให้คิดก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการโฆษณาสรรพคุณต่าง ๆ ว่า ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th และหากพบเห็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงขอให้แจ้งร้องเรียนมาที่สายด่วน อย. 1556 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เนื่องจากครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ความสวยความงามอย. เพิกถอนผู้บริโภคเฝ้าระวังpeekapatpeekapat• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงตามที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อเมื่อคนรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน อาจนานถึง 21 วัน โดยอาการเริ่มแรกจะมีไข้ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น อ่อนเพลีย จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา อาการป่วยจะประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคฝีดาษลิงที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถควบคุมการระบาดได้ด้วย การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ ซึ่งสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ 85%std47897• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงตามที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น รวมทั้งคนก็สามารถติดโรคได้ จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน การประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า หรือกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรืออุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อ เมื่อคนรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน อาจนานถึง 21 วัน โดยอาการเริ่มแรกจะมีไข้ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น อ่อนเพลีย จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา อาการป่วยจะประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคฝีดาษลิงที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถควบคุมการระบาดได้ด้วย การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ ซึ่งสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ 85%pgolfpaotung• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยปัญหาคู่กับเมืองไทย จอดรถทิ้งไว้ร้อนมาก ขึ้นรถไปควรทำยังไงดีเพื่อให้เรารู้สึกเย็นไวสุด!? . สหพันธ์รถยนต์ของญี่ปุ่น (JAF) เค้าพิสูจน์มาให้แล้วว่า อะไรคือคำตอบของเรื่องนี้ โดยทดลองด้วยการใช้รถที่อุณหภูมิภายในรถ เริ่มต้นสูงถึง 55 องศา . 1.เปิดปิดประตูรถ 5 ครั้ง 🔅อุณหภูมิลดลงทันทีจาก 55 เหลือ 47.5 องศา แต่ก็ยังร้อนอยู่ . 2.เปิดแอร์รถแรงสุด กดปุ่มให้สามารถ ดึงอากาศจากภายนอกเข้ามาในรถ แล้วรอ 10 นาที (โดยไม่ต้องเปิดกระจก) 🔅อุณหภูมิค่อยๆ ลดลงไป ใช้เวลา 10 นาที จาก 55 ลงมาเหลือ 29.5 องศา . 3. เปิดแอร์รถแรงสุด กดปุ่มให้อากาศหมุนเวียนแค่ภายในรถ แล้วรอ 10 นาที (โดยไม่ต้องเปิดกระจก) 🔅 อุณหภูมิค่อยๆ ลดลงไป ใช้เวลา 10 นาที จาก 55 ลงมาเหลือ 27.5 องศา . . แต่ทั้ง 3 วิธีนี้ก็ยังไม่สุด อันแรกลดความร้อนได้ไม่มาก ส่วนวิธีที่ 2,3 ก็ต้องรอนานมากกว่า 10 นาที กว่าอุณหภูมิภายในตัวรถถึงจะเริ่มเย็น . . =================== ฉะนั้น ทาง JAF เค้าพิสูจน์ต่อ เพื่อค้นหาวิธีที่ตอบโจทย์มากที่สุด ได้คำตอบว่า หากต้องการลดอุณหภูมิภายในรถไวๆ แล้วได้ผลดี คือต้องอาศัย “เปิดแอร์รถ” + “ต้องแล่นรถออกไปด้วย” โดยจากการพิสูจน์พบว่า 🔅ให้ลดกระจกทุกบานลงให้สุด + 🔅เปิดแอร์แรงสุด + 🔅กดปุ่มปิดหมุนเวียนอากาศให้รถดึงอากาศจากภายนอกรถเข้ามาในรถด้วย จากนั้นให้แล่นรถออกไปเลย เพื่อไล่อากาศร้อนในรถออกไปทันที . เมื่อแล่นรถครบ 2 นาทีแล้ว 🔅ให้ปิดกระจกทุกบาน + 🔅กดปุ่มหมุนเวียนอากาศให้อากาศหมุนเวียนแค่ภายในรถ เพียงเท่านี้อากาศในรถก็จะเย็นทันที จากการทดลองนี้สามารถเปลี่ยนจาก รถอุณหภูมิสูงมาก 55 องศา กลายเป็น 28 องศา ภายใน 2 นาที!!! ชอบมากที่ญี่ปุ่นทดลองให้เห็นภาพเลย ดูแล้วอยากทดลองตามด้วย . แล้วเพื่อนๆ ล่ะ ทุกวันนี้ใช้วิธีไหนกันอยู่บ้าง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ร้อนสาหัสแบบทุกวันนี้ Boom JapanSalaryman Cr: ANN News, JAFสภาพอากาศไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเปิดรายชื่อประเทศ ที่ประกาศ❌ห้ามนำเข้า ‘กัญชา-กัญชง’📌เปิดรายชื่อประเทศ ที่ประกาศ❌ห้ามนำเข้า ‘กัญชา-กัญชง’🪴❌ ➡️หากตรวจเจอมีโทษทั้งจำ- ทั้งปรับ สูงสุดถึงขั้น ประหารชีวิต ➡️สถานทูตไทยหลายประเทศ ประกาศข่าวย้ำเตือนคนไทย ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ห้ามนำกัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ (ที่มีส่วนผสมจากสารสกัดกัญชา-กัญชง) เข้าประเทศ ระวังโทษแรง สูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต เปิดรายชื่อประเทศที่ประกาศห้ามนำเข้า‘กัญชา-กัญชง’ ❌1.สิงคโปร์ มีครอบครอง-เสพ จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ทั้งจำ-ปรับ ลักลอบ นำเข้า อาจมีโทษประหารชีวิต ❌2.เกาหลีใต้ ลักลอบ จำคุก 5 ปี ขึ้นไป หรือ ตลอดชีวิต ปลูกหรือ จำหน่าย จำคุกอย่างน้อย 1 ปี ครอบครอง-เสพ จำคุกไม่เกิน 5 ปีและ ถูกเนรเทศ ห้ามเข้าประเทศอีก ❌3.ภูฏาน นำเข้า จำคุกระหว่าง 1 เดือน - 3 ปี ขึ้นอยู่กับปริมาณที่นำเข้าหรือครอบครอง ผู้ครอบครองกัญชา หรือ สารสกัดกัญชา เพื่อจำหน่าย มากกว่า 50 กรัม ขึ้นไป มีโทษจำคุก 5-9 ปี ❌4.สหราชอาณาจักร ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 5-14 ปี หรือทั้งจำและปรับ ❌5.บังกลาเทศ โทษแตกต่างตามปริมาณที่นำเข้า หรือ ครอบครอง โทษสูงสุด ประหารชีวิต ( มีปริมาณมากกว่า 2 กก.) ❌6.ญี่ปุ่น ครอบครอง นำเข้า ส่งออก จำคุกไม่เกิน 7 ปี จำหน่าย จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 3 ล้านเยน ❌7.เวียดนาม ห้ามใช้ทั้งในการแพทย์-ชีวิตประจำวัน มีครอบครอง โทษปรับตั้งแต่ 5,000.000 - 5000,000,000 ดอง และ จำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึงประหารชีวิต ❌8.อินโดนีเซีย ฝ่าฝืนปรับขั้นต่ำ 1 พันล้าน รูเปียห์ จำคุก 5 ปี - ตลอดชีวิตหรือโทษสูงสุดประหารชีวิต ❌9.ศรีลังกา หรือ มัลดีฟส์ มีโทษปรับและจำคุก โทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต ❌10.จอร์แดน อิรัก และ ปาเลสไตน์ ครอบครอง หรือ เสพผิดกฏหมาย รับโทษรุนแรงตามกฏหมายท้องถิ่น.อินโดนีเซีย ฝ่าฝืนปรับขั้นต่ำ 1 พันล้าน รูเปียห์ จำคุก 5 ปี - ตลอดชีวิตหรือโทษสูงสุดประหารชีวิต ❌9.ศรีลังกา หรือ มัลดีฟส์ มีโทษปรับและจำคุก โทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต ❌10.จอร์แดน อิรัก และ ปาเลสไตน์ ครอบครอง หรือ เสพผิดกฏหมาย รับโทษรุนแรงตามกฏหมายท้องถิ่นยาสมุนไพรผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยปัจจียในการลงทุนเงินทุน หรือเงินต้นที่ใช้ในการลงทุน คนส่วนใหญ่มักมีความสามารถในการหาเงินกันอยู่แล้ว เพราะเราเรียนจบกันมาเพื่อที่จะนำเอาวิชาความรู้ที่เรียนมาไปใช้ในการหาเงิน ถึงแม้ว่าส่วนมากจะเป็นการหารายได้จากสายอาชีพที่ตนเองเรียนมา และเป็นรายได้จากงานประจำก็เถอะ จะมากบ้างน้อยบ้างก็แล้วแต่ศักยภาพภาพของแต่ละคน อย่างไรก็ตามถ้าคุณสามารถเพิ่มศักยภาพในการหาเงินของคุณได้ คุณยิอมมีโอกาสเพิ่มเงินต้นในการลงทุนของคุณได้มากขึ้นด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเงินต้นที่มากขึ้นย่อมส่งผลให้คุณมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นขึ้นอยู่กับศักยภาพของแหล่งลงทุนนั้นๆ ไม่ว่าคุณจะลงทุนในทรัพย์สินใดก็แล้วแต่คุณต้องรู้ว่าสิ่งที่คุณลงทุนนั้นมีศักยภาพเท่าใด สามารถให้ผลตอบได้ตามที่คุณคาดหวังรึเปล่า อย่างเช่นคุณต้องการได้ผลตอบแทนประมาณ 7-8% ต่อปี คุณก็ควรมองไปที่แหล่งลงทุนที่มีศักยภาพที่สามารถให้ผลตอบแทนคุณได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น หรือกองทุนรวม เป็นต้น แต่ถ้าคุณดันไปลงทุนในพันธบัตร หรือเอาไปฝากประจำกับธนาคาร คุณก็จะไม่สามารถมีโอกาสได้ผลตอบแทนได้ตามที่คุณต้องการ ที่สำคัญคุณต้องรู้ธรรมชาติในการหารายได้จากทรัพย์สินนั้นๆ ด้วย เช่น หากคุณอยากลงทุนและต้องการกระแสเงินสดจากการลงทุนนั้นๆ อย่างสม่ำเสมอ แบบ Passive Income แต่คุณดันตัดสินใจลงทุนในทองคำ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ไม่สามารถกระแสเงินสดที่เป็น Passive Income ให้กับคุณได้ อย่างนี้เรียกว่าลงทุนไม่ถูกตัว ดังนั้นคุณควรมองไปที่การลงทุนในหุ้น หรือกองทุนรวมที่มีการปันผลตอบแทนจะดีกว่า สิ่งที่คุณควรต้องรู้อีกเรื่องนึงคือ อัตราผลตอบแทนที่สูง มักแปรผันตรงกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง อะไรที่มีความเสี่ยงต่ำมากๆ มักให้ผลตอบแทนที่ไม่ค่อยดี หรือแทบไม่ได้ผลตอบแทนเลย ลองดูอย่างการออมเงินในบัญชีออมทรัพย์ธนาคารทั่วๆ ไป ให้อัตราดอกเบี้ยเพียงแค่ 0.75% ต่อปี พื่อให้เห็นภาพ ถ้าคุณฝากเงินในธนาคารสัก 100 บาท ปีนึงคุณจะได้ผลตอบแทนแค่ 75 สตางค์เท่านั้น น้อยมากๆ! นี่แหละคือความแตกต่างระหว่างการออมเงิน กับการลงทุน คุณเห็นมั้ยว่าการออมเงินไม่มีทางทำให้คุณรวยได้เลย แต่การลงทุนสามารถทำให้คุณรวยได้ (แต่ช้าก่อน! การออมยังคงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำอยู่นะครับ เพราะไม่แน่ว่าในอนาคตของคุณอาจมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินในกรณีฉุกเฉินก็เป็นได้ เช่น กรณีที่คุณเกิดเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ หรือการถูกไล่ออกจากงาน ฯลฯ) ระยะเวลาที่ใช้ในการลงทุน การได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในทรัพย์สินแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ผลตอบแทนที่เกิดจากการเติบโตของทรัพย์สิน (หรือที่เราเรียกว่า “ส่วนต่างผลกำไร” หรือ “Capital Gain”) และผลตอบแทนที่เกิดจากกระแสเงินสดแบบ Passive Income ของทรัพย์สินนั้นๆ เช่น เงินปันผลจากหุ้น/กองทุน และค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งเราลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ ได้ยาวนานมากแค่ไหน เราก็จะยิ่งได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนมากขึ้นเท่านั้นstd48459• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม! ห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดแตกได้จากการส่งต่อข้อความที่ระบุ ห้ามสระผมก่อนอาบน้ำ ว่า ไม่ควรสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดแตกได้ ทางสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า โรคหลอดเลือดสมอง มี 2 ประเภท คือ สมองขาดเลือด และภาวะเลือดออกในเนื้อสมองstd47916• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ