(2461 ข้อความ)
- 1 คนสงสัย13 สิทธิผู้สูงอายุ13 สิทธิผู้สูงอายุ 1. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 60-69 ปี 600 บาท/เดือน 2. ลดหย่อนค่าโดยสาร 50% ขสกมก เรือโดยสาร MRT BTS Airport Rail link 3. ลูกขอลดหย่อนภาษีเลี้ยงดูบิดามารดา คนละ 30,000 บาท/ปี 4. ปรับสภาพที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุที่ยากจน กรมกิจการผู้สูงอายุ ส.น.ง.พัฒนาความมั่นคงและสังคมของมนุษย์ พ.ม.จ. เหมาจ่าย 22,500-40,000 บาท 5. กู้ยืมเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพปลอดดอกเบี้ย วงเงิน 30,000 บาท/คน หรือ 100,000 บาท/กลุ่มไม่น้อยกว่า 5 คน ต้องมีผู้ค้ำประกัน ผ่อนชำระรายเดือน ภายใน 3 ปี 6. สิทธิ์ทางอาชีพ ข้อมูลสมัครงาน หลักสูตรอบรม สำนักจัดหางาน กระทรวงแรงงาน 7. การบริการสาธารณะ และสิ่งอำนวยความสะดวกในการเที่ยว พิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน หอจดหมายเหตุแห่งชาติ มีลิฟท์ ราวบันไดทางลาด จอดรถ จ.น.ท. อำนวยความสะดวก 8. เรียนรู้ตลอดชีวิต โดย ก.ศ.น. กระทรวงศึกษา 9. สิทธิ์ทางการแพทย์และบริการสาธารณสุข ช่องทางด่วน 10. ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย ให้คำปรึกษาแนะนำช่วยเหลือ ค่าทนาย ค่าธรรมเนียมขึ้นศาล ค่าปล่อยตัวชั่วคราว โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม 11. ยกเว้นค่าเข้าชมสถานที่ของรัฐ เช่น พิพิธภัณฑ์ อุทยานแห่งชาติ สวนพฤกษศาสตร์ สวนสัตว์ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 12. การมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคม กิจกรรมชมรมผู้สูงอายุ สวนสุขภาพ สนามกีฬา ศูนย์กีฬาในร่มลดค่าสมัครสมาชิก50% 13. ช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ถูกทารุณกรรมทอดทิ้งหาประโยชน์ โดย กระทรวง พ.ม. รักษาพยาบาล ดำเนินคดี จัดหาที่พักที่ปลอดภัย ฟื้นฟูสภาพร่างกายจิตใจ ขอรับเงินช่วยเหลือค่าอาหาร เครื่องนุ่งห่มวงเงิน 3,000 บาท 3 ครั้ง/คน/ปี ยากจนขาดคนดูแลขอเข้าใช้บริการที่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ ผู้จัดการศพขอรับค่าจัดงานศพวงเงิน 3,000 บาท จาก ส.น.ง.เขต อ.บ.ต. ส.น.ง.เทศบาล ภายใน 6 เดือน หลังออกใบมรณบัตรแล้ว รายละเอียดเพิ่มเติม ศูนย์ช่วยเหลือสังคม โทร 1300 https://www.youtube.com/watch?v=mRYly1KSRQQ&feature=youtu.beMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยแบบฝึกการพูด สามารถกระตุ้นการทำงานของระบบสมองได้จริงหรือนานๆ ไม่ได้พูดกับใคร อยู่แต่ในบ้าน ต้องฝึกพูดกันบ้างน่ะ เขาว่า สว.ที่อยู่เฉยๆ นานวัน ไปจะพูดผิดๆ ถูกๆ พูดสลับคำกันมั่ง จึงควรทำแบบฝึกหัดข้างล่างนี้ทุกวัน แบบฝึกการพูดเพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบสมอง ให้ท่องประโยคตามข้อ 1-23 ท่องเร็วๆ นะคะ ห้ามโกงนะ _________________ 1. ระนอง ระยอง ยะลา 2. ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก 3. ชามเขียวคว่ำเช้า ชามขาวคว่ำค่ำ 4. เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดฟักผัด 5. ทหารบก ถือปืน แบกปูน ไปโบกตึก 6. ยานัดหมอมีแก้ฝีแก้หิด ยานัดหมอชิดแก้หิดแก้ฝี 7. หมู หมึก กุ้ง 8. ปิดประตูโบสถ์ เปิดประตูโบสถ์ 9. รถยนต์ล้อยาง รถรางล้อเหล็ก 10. กินมันติดเหงือก กินเผือกติดฟัน กินทั้งมันกินทั้งเผือก ติดทั้งเหงือกติดทั้งฟัน 11. หมอนลอยน้ำมา ว่ายน้ำไปถอยหมอน 12. สำลีขายหวย สำรวยขายสี สำลีเล่นหวย สำรวยเล่นสี 13. ไปยะลา มาระยอง ฉลวยขึ้นล่องระหว่างระยอง ยะลา 14. ยายกินลำใยน้ำลายยายไหลย้อย 15. ยายมีขายหอย ยายมอยขายหมี ขนหมีของยายมอย ติดอยู่บนหอยของยายมี วันดีคืนดีหอยยายมี ไปกัดหมียายมอย 16. กวางขาวเข้ากลางเขา คว้าขวานขว้างกวางขาว 17. อาเฮียหลี อาหลีเฮีย 18. บริษัทกำจัด จำกัด มหาชน 19. หมึกหกเลอะมุ้ง มุ้งเลอะหมึกหมด 20. ตาตี่ตกต้นตาล ตาตี่ตายใต้ต้นตาล 21. ไม้ขัดแตะ แหกแตะ แหกดูรูแตะ 22. เด็กเล่นเหล็กดัด 23. ตาตี๋ตกต้นตาล ตอตาลตำตูด ตาตี๋ตายใต้ต้นตาลล้อเลียนMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยดังสนั่นโลก ไทยเข้าสู่กลียุค สามพลเอกแห่งกองทัพไทยถูกจับติดคุกอยู่ USA ฉลาดไหม ?? เอาลูกปืนและอาวุธ ที่ ทบ.ไทยผลิตไปขายพม่าแต่ไม่ขอรับเป็นเงินสด ขอรับเป็นยาเสพย์ติดแทน แล้วเอายาเสพย์ติดนี้ส่งออกไปขายใน USA ร่วมกับแกงค์ยากูซ่า เพิ่งโดน ยากูซ่ากลับใจ ร่วมมือกะ ตร สหรัฐฯ + FBI ลวงมาเที่ยว USA จับทันทีคาโรงแรมที่พัก ปัจจุบันติดคุกอยู่ใน USA ตั้งแต่ 5/เมษายน/2565 คนนึงคือ พลเอก สุขสันต์ จุลานนท์ อายุ 53 ปี ลูกชาย พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรีไทย พร้อมเพื่อน ยศ พลเอกอีกสองคน เตรียมรับพายุเศรษฐกิจโต้ตอบจาก USA จากการที่สามพลเอกไทยค้ายาเสพย์ติดให้ดีเถอะจ้า ทันควัน เริ่มจากห้ามกล้วยไม้ไทยไป USA ทันที ยอดส่งออกหายทันทีปีละหลายพันล้าน ปัจจุบันโรงเลี้ยงกล้วยไม้เริ่มปิดร้างเพียบ คนสวนกล้วยไม้ ตกงานระนาวนับพันคน ต่อมาก็ห้ามมะพร้าวน้ำหอมและผลไม้ไทยไป USA ตอนนี้มะพร้าวน้ำหอมเหลือราคาลูกละ 1-2 บาทจ้า ทั้งที่เข้าฤดูร้อน USA เคยผลิตไม่พอขาย ในราคาขายปลีกลูกละ 3-5 เหรียญสหรัฐ ล่าสุด สส.มะกันเสนอ สภาฯห้ามนำเข้าสินค้าไทยทั้งหมด อ้างกองทัพไทยเน่าสนิท ค้ามนุษย์ ค้ายาเสพย์ติด นายพลรวยอู้ฟู่ แถมโยงใยโรงเรียนเตรียมทหารจากรุ่นสู่รุ่น ทหารอยู่เหนือกฎหมาย แม้นายกฯก็เป็นทหาร แต่งตั้ง สว ขี้ข้ามาเลือกตนเองเป็นนายกฯหลังโค่นล้มรัฐบาลเลือกตั้ง ชักชวน EU แบนสินค้าไทย อ้างเยาวชนอเมริกัน ยุโรป ติดยาเสพย์ติดจากไทยเยอะมาก แถมทำไงก็แก้ไขไม่ได้เพราะนายพลไทยค้าเสียเอง ...................................... *..นายพลกะลานีเซียร่วมกับแก๊งค์ยากูซ่าค้าอาวุธข้ามชาติ+ยาเสพติดข้ามชาติ..* *..3นายพลแห่งกองทัพไทยค้าอาวุธและค้ายาเสพติดข้ามชาติร่วมกับแก๊งค์ซากูซ่า ถูกตำรวจสหรัฐอเมริกาจับติดคุก ซึ่งมีนายพลตระกูลจุลานนท์ร่วมแก๊งค์ด้วย(กองทัพไทยยอมรับแต่แถลงข่าวอย่างบิดเบือน.."นายพลกะลานีเซียค้ายา-ค้าอาวุธ-ค้ามนุษย์ รวมทั้งอาชีพสีเทาเป็นอาชีพหลักและไม่ใช่ครั้งแรก")..* https://youtu.be/ah-YAe_IFLEข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอย่าลืมกินยานะครับ (Don't forget to take your M.E.D.S) วันก่อนนั่งดูรายการของ Tom Ferry ชอบตอนนี้มาก เค้าบอกว่า "คุณไม่จำเป็นต้องมีวันร้าย ๆ ใช่มั้ย?" "ถ้าคุณต้องการเริ่มต้นวันดี ๆ ถึงเวลาที่คุณต้องกระตุ้นตัวเองด้วยการกินยา (MEDS) แล้ว, เชื่อผม!" ยา 5 เม็ดที่เค้าพูดถึง คือ 1. Meditation นั่งสมาธิ นี่ขนาดฝรั่งเค้ายังนั่งสมาธิเลย เราคนไทยเมืองพุทธแท้ ๆ ผมว่าเราน่าจะเริ่มปฏิบัติกันนะครับ นั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 15 นาที ตอนตื่นเช้าหรือก่อนนอนก็ได้ อันนี้ยาเม็ดแรกครับ 2. Exercise ออกกำลังกายให้เหนื่อย แต่ไม่เหนื่อยมากเกินไป อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ใน fat burn zone อย่างน้อย 150 นาที ต่อสัปดาห์ นี่คือยาเม็ดที่สองของวันครับ 3. Diet อาหารก็สำคัญ ลดการกินของมัน แป้ง น้ำตาลลง กินผักผลไม้ให้มากขึ้น สุขภาพแข็งแรงขึ้นแน่นอนครับ นี่ไง ยาเม็ดที่สามของวันนี้ 4. Sleep การนอน ให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืนขึ้นไปนะครับ ถ้าหลับไม่พอ ไปหลับซ่อมช่วงกลางวันซัก 15-20 นาที ก็มีประโยชน์ อย่าเครียดมากครับ เวลานอนแก้อะไรไม่ได้แล้ว นอน ๆ ไปเถอะ คิดไปก็เท่านั้น 5. Social คบเพื่อนดี สังคมดี เราก็จะมีความสุขครับ เลือกคบคนดี ๆ หากหลีกเลี่ยงคนไม่ดีไม่ได้ ก็ทำใจ "เมตตา" กันไปครับ เค้าก็เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เช่นเดียวกันกับเรา เค้าต้องลำบากลำบนหาเงินหาทอง ต้องรักษาญาติพี่น้องที่เจ็บป่วย และสุดท้ายตัวเองก็เจ็บป่วยและตายจากไป เช่นเดียวกันกับเรา เหมือนกันทุกคนนั่นแหละครับ อภัย และ เมตตา กันครับ เราจะสบายใจเอง สรุป ยา 5 เม็ด ที่เล่ามา อย่าลืมกินทุกวันเลยนะครับไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยท่านใดขับรถไปเสียที่ไหน ในประเทศไทย โทร. 02-354-6324 เป็นเบอร์โครงการหน่วย ตำรวจช่าง ในโครงการ พระราชดำริ สามารถช่วยท่านได้ทุกที่ จะโทรสอบถามอาการ แล้วเตรียมพร้อมที่จะมาช่วยให้คุณสามารถเดินทางไปต่อได้ จ่ายเงินเฉพาะ ค่าอะไหล่ ที่นำมาให้ ไม่รับเงินค่าอื่นๆ แค่ขอถ่ายรูป 1 อุบลราชธานี 0-4535-2600-09 2 นครราชสีมา 0-4242-0250-99 3 ขอนแก่น 0-4324-0250-98 4 เชียงใหม่ 0-5392-0750-51 5 พิษณุโลก 0-5523-6400 6 นครปฐม 0-3424-0650 7 สุราษฎร์ธานี 0-7727-7600 8 อุดรธานี 0-4221-5750-99 9 ชลบุรี 0-3893-2600-08 10 สงขลา 0-7431-7301-30 11 ปทุมธานี 0-2598-8191 12 พระนครศรีอยุธยา 0-3524-9750 13 ฉะเชิงเทรา 0-3850-0099 14 ศรีสะเกษ 0-4582-9799 15 ร้อยเอ็ด 0-4361-9799 16 เชียงราย 0-5391-0788 17 นครสวรรค์ 0-5621-9099 18 นครศรีธรรมราช 0-7530-4600 19 พัทลุง 0-7460-9977 20 กาญจนบุรี 0-3452-7600-49 21 ลำปาง 0-5423-7090 22 ระยอง 0-3892-8090 23 สภ.หัวหิน 0-3261-8090 24 ภูเก็ต 0-7636-0790 25 นราธิวาส 0-7351-7990 26 ราชบุรี 0-3271-9798 27 กาฬสินธุ์ 0-4380-9799 28 เพชรบูรณ์ 0-5671-7799 29 ปัตตานี 0-7334-5999 30 สระบุรี 0-3624-0698 31 สมุทรสาคร 0-3441-9780 32 สมุทรปราการ 0-2338-0090 33 จันทบุรี 0-3931-9790 34 ยะลา 0-7322-0890 35 ตรัง 0-7520-1990 36 กระบี่ 0-7562-7900 37 กำแพงเพชร 0-5571-8490 38 ลำพูน 0-5356-9790 39 บุรีรัมย์ 0-4460-4090 40 นครพนม 0-4253-9790 41 นนทบุรี 02-528-7490 42 สุพรรณบุรี 035-514-000 43 ชัยนาท 056-459-639 44 ลพบุรี 036-418-900 45 ชัยภูมิ 044-815-000 46 พิจิตร 056-609-739 47 ตาก 055-518-000 48 สุโขทัย 055-609-739 49 แพร่ 054-539-739 50 พะเยา 054-409-739 51 น่าน 054-683-000 52 เลย 042-808-739 53 หนองบัวลำภู 042-318-739 54 หนองคาย 042-415-000 55 สกลนคร 042-700-739 56 มุกดาหาร 042-629-739 57 ยโสธร 045-709-739 58 สุรินทร์ 044-710-739 59 สระแก้ว 037-240-740 60 ปราจีนบุรี 037-239-098 61 นครนายก 037-307-000 62 สมุทรสงคราม 034-719-740 63 เพชรบุรี 032-709-740 64 ชุมพร 077-529-739 65 พังงา 076-401-439 66 สตูล 074-709-739 67 ระนอง 077-819-739 68 สิงห์บุรี 036-509798-99 69 อ่างทอง 035-617098-99 70 ตราด 039-552900-01 71 อำนาจเจริญ 045-519200-01 72 มหาสารคาม 043-719698-99 ฝากแชร์กันต่อๆด้วยนะค่ะไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: middle3 ความเห็น
- 1 คนสงสัยPhase I: Slow the Spread เฟสที่ 1 - ชะลอการระบาด ด้วยวิธี - มาตรการเพื่อลดการติดต่อ เช่น physical distancing, lockdown. - เพิ่มความสามารถในการ test ให้ครอบคลุมผู้ป่วยที่นอน รพ. บุคลากรทางการแพทย์ ผู้สัมผัสโรค และ คนทั่วไปที่มีอาการ - เพิ่มความสามารถในการจัดการข้อมูล - เพิ่มความสามารถของระบบสาธารณสุขในการดูแลผู้ติดเชื้อ เช่น เพิ่มเตียงธรรมดาและเตียงผู้ป่วยหนัก รวมทั้งจัดหาเวชภัณฑ์ให้พอ จัดหาชุดป้องกันและหน้ากากให้เพียงพอ - เพิ่มความเข้มข้นในการหาตัวผู้สัมผัสมากักตัว โดยรัฐจัดหาที่พักอาหารให้ - เน้นย้ำให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือ *** จะย้ายไปเฟสที่ 2 ได้ ต้องมีสัญญาณดังนี้ *** - เคสใหม่ลดลงเรื่อยๆ ต่อเนื่อง 14 วัน - รพ. ต้องรักษาผู้ป่วยที่นอน รพ.ได้อย่างสบายๆ - รัฐสามารถตรวจทุกคนที่มีอาการได้ - รัฐต้องติดตามผู้่ติดเชื้อและผู้สัมผัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ - เมื่อไหร่ก็ตามที่จำนวนเคสใหม่เพิ่มขึ้น ต้องกลับที่เฟสแรกตามเดิม Phase II: Reopen, State by State - ค่อยๆ เปิดเมืองทีละส่วน เช่น เปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัย บริษัท แต่จำกัดการชุมนุมในที่ปิด เช่น ห้ามจัดคอนเสิร์ต (ของไทยคงห้ามจัดชกมวย) ยังให้รักษาระยะห่าง ควบคุมการชุมนุมให้น้อยกว่า 50 คน - ทำความสะอาดสถานที่สม่ำเสมอ - เฝ้าระวังและกักตัวผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัส รวมทั้ง test - สำหรับผู้สูงอายูและผู้ที่มีความเสี่ยง ยังคงแนะนำให้อยู่บ้านจนกว่าจะมีการค้นพบการรักษาที่ได้ผล - หาตัวผู้ที่มีภูมิคุ้มกัน ซึ่งคนกลุ่มนี้สามารถกลับไปทำงาน หรือ ช่วยงานที่อาจสัมผัสผู้ป่วยได้ หรือ ช่วยดูแลคนแก่ - Phase III: Establish Protection Then Lift All Restrictions *** จะเข้าสู่เฟสสามได้ต่อเมื่อ มีการพัฒนาวัคซีนจนนำมาใช้ได้สำเร็จ (ผ่าน FDA) - ป้องกันการติดเชื้อด้วยการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมาก - สำรวจหาผู้ที่มีภูมิคุ้มกัน Phase IV: Rebuild Our Readiness for the Next Pandemic - เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการระบาดครั้งหน้า - พัฒนาวิธีการให้ได้มาซึ่งวัคซีนสำหรับไวรัสตัวใหม่ให้เร็วขึ้น เป็นเดือน ไม่ใช่เป็นปี - เพิ่มความสามารถและประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขโควิด 2019anonymous• 6 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยยาลดความอ้วนสาเหตุหลักของการมีน้ำหนักเพิ่มคือร่างกายสามารถเผาผลาญได้ช้า จึงทำให้เกิดการสะสมไขมันในร่างกาย เม็ดฟู่ EFFERIN pantip จึงถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มการทำงานของระบบเผาผลาญให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้ร่างกายของคุณดูดซึมสารสกัดไปใช้ได้ง่ายด้วยการละลายเม็ดฟู่ในน้ำแล้วดื่ม โดยช่วยสนับสนุนให้การออกกำลังกายของคุณดันเอาพลังงานจากไขมันมาใช้มากขึ้น อีกทั้ง EFFERIN ยังเป็นเม็ดฟู่ที่ได้มาจากสารสกัดธรรมชาติเข้มข้น 100% จึงทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็นอย่างดี แต่ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ต่อร่างกายเหมือนการทานยาลดน้ำหนักลดความอ้วนpocky18b• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมะเร็ง กับ มะนาว🟣 ถ้ารักตัวเองก็อ่าน.. ถ้าคิดแค่อยู่แค่วันนี้ พรุ่งนี้ไม่สน ไรจะเกิดก็เกิด ก็ปัดผ่านไป... 👉ขอเล่า.. ผมได้ไปตรวจสุขภาพ ทำอัลตราซาวน์ เมื่อปลายปี 59 พบติ่งเนื้อในถุงน้ำดี ยาว 4 มม. หมอบอกไม่เป็นไร ถือว่าผิดปกติเล็กน้อย อีก 6 เดือน ให้ไปอัลตราซาวน์ใหม่ ครั้งที่ 2 รอบนี้พบว่า ติ่งเนื้อ มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6 มม. หมอบอก ยังไม่เป็นไรอีก อีก 6 เดือน ให้ไปอัลตราซาวด์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ผมไม่ได้ไปตามนัด คิดว่าจะไม่ไปแล้ว จนกระทั่ง เลยกำหนดไป 2 เดือนกว่า ลูกๆจึงขอร้องให้ไปตรวจ จึงได้ไปทำ อัลตร้าซาวน์อีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 คราวนี้พบว่า ติ่งเนื้อเดิม เพิ่มขนาดขึ้นเป็น 1 ซม. หมอบอก ควรผ่าตัดถุงน้ำดีออก เพราะหากปล่อยไว้ ติ่งเนื้อ อาจกลายเป็น เนื้อร้ายได้ (ผมตรวจที่ โรงพยาบาลเอกชน ที่กรุงเทพฯ) เมื่อสอบถามค่าใช้จ่าย เห็นว่าสูงพอสมควร จึงขอประวัติ ไปรักษาต่อเนื่อง ที่โรงพยาบาลรัฐบาล (ผมใช้สิทธิ์ ข้าราชการ เบิกค่าใช้จ่ายได้) เป็นโรงพยาบาลใหญ่ ในกรุงเทพฯ เช่นกัน หมอดูผลตรวจแล้ว แนะนำว่า หากติ่งเนื้อ มีขนาดใหญ่กว่า 1 ซม. ควรผ่าตัดถุงน้ำดีออก ไม่ควรเก็บไว้ โดยท่านให้เวลาอีก 4 เดือน เพื่อมาอัลตราซาวด์ ซ้ำอีกครั้ง ก่อนผ่าตัด ผมกลับบ้านที่ นครศรีธรรมราช เล่าให้บางคนได้ฟัง หลังพูดคุยกับ คุณณัชชา ปรีชา (ติ้ม) ได้แนะนำ ให้ผมดื่ม น้ำมะนาวในน้ำร้อน ผมจึงทำดื่มมาตลอด โดยใช้มะนาวสด วันละประมาณ ครึ่งลูก หั่นเป็นแว่นบางๆ 4-5 แว่น ใส่แก้วรินน้ำร้อนใส่ วางไว้ให้เย็น ดื่มหมดแก้ว เติมน้ำร้อนใหม่ ดื่มซ้ำไปตลอดวัน แล้วจึงเททิ้ง ในตอนเย็น ทำอยู่ 3 เดือน ก่อนไปพบหมอ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 61 ผมได้มาทำอันตราซาวน์ อีกครั้ง ตามกำหนด และนัดฟังผลตรวจ ในวันที่ 2 พ.ย. 61 ตามนัด หมอบอก ไม่พบเห็น ติ่งเนื้อ ในถุงน้ำดีแล้ว แต่เห็นเป็นก้อนนิ่ว เล็กๆ ขนาดใหญ่สุด 5 มม. หมอถามผมว่า มีอาการอย่างไรบ้าง ผมเล่าตามตรงว่า ไม่มีอาการอะไรผิดปกติเลย หมอจึงว่า ถ้าอย่างนั้น ไม่ต้องผ่าตัด อีก 6 เดือน (28 เม.ย.62) ค่อยมาตรวจซ้ำ เพื่อตรวจเช็ค ว่าเป็นอย่างไรบ้าง จึงบอกมายังทุกท่านว่า ‘การดื่มน้ำมะนาว ในน้ำร้อน’ ตามที่ผม ได้ทดลองด้วยตนเอง ได้ผลดังที่กล่าว ตามบทความข้างล่างนี้ ลองอ่านดูนะครับ อาจจะยาวไปสักนิด แต่มีประโยชน์มาก ขอบคุณเพื่อนณัชชา ปรีชา ที่แนะนำเคล็ดลับดีๆ ขอบคุณ คุณหมอ ที่คิดค้นวิจัย และเผยแพร่ เป็นอย่างสูง (หลังเมษายน 2562 ผลเป็นอย่างไร จะมาแจ้งความคืบหน้า ให้ทราบกัน อีกครั้งนะครับ เสถียร วัฒนาพันธุ์ 3 พ.ย. 61 ------------ **น้ำมะนาวร้อน ในโรงพยาบาลกองทัพบก แห่งกรุงปักกิ่ง (北京เป่ยจิง) มีศาสตราจารย์ท่านหนึ่ง ชื่อเฉินฮุ้ยเหยิน กล่าวหนักแน่นว่า "ถ้าท่านผู้ใด ได้รับเอกสารนี้ แล้วสามารถส่งต่อๆไป ให้ผู้อื่นอีก ร่วมๆ 10 คนแล้ว แน่นอนที่สุด เราก็จะสามารถ ช่วยเหลือ ชีวิตคนอื่นๆอีก ได้อย่างน้อยๆ ก็ 1 คน” ผมได้ทำสิ่งนี้แล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านสามารถ ทำสิ่งนี้ด้วย ขอขอบคุณมากๆ น้ำมะนาวร้อนนี้ สามารถช่วยชีวิตของคุณ ได้ดีตลอดไป แม้คุณจะยุ่ง แค่ไหนก็ตาม ก็ขอให้คุณเปิดอ่าน ข้อความเหล่านี้ แล้วส่งต่อไป ให้คนที่คุณรักทุกๆคน ได้รับทราบ น้ำมะนาวร้อนนี้ ทำหน้าที่ฆ่าเซลมะเร็ง ให้ท่านนำมะนาว มาผลหนึ่ง แล้วทำการฝาน เป็นแว่นบางๆ นำมันใส่ลง ในแก้วน้ำ เทน้ำร้อนลงในแก้ว ทิ้งไว้สักครู่ น้ำมะนาว ก็จะกลายสภาพ เปลี่ยนเป็น * ด่าง * ทำดื่มมันทุกๆวัน มีผลดีต่อสุขภาพ ของทุกๆคน น้ำมะนาวร้อนนี้ มันจะปลดปล่อย สารรสขม ที่ต้านมะเร็งออกมา นี่คือความคืบหน้า ทางการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับ การบำบัด รักษาโรคมะเร็ง น้ำมะนาวที่เราแช่เย็นไว้ มันมีแค่วิตามิน ซี อย่างมะเขือเทศ ที่นำมาต้มสุก ก็มีแต่สารไลโปซีน น้ำมะนาวร้อนนี้ มีผลต่อการทำลายซีส และเนื้องอกต่างๆ ได้พิสูจน์ ให้เห็นแล้วว่า น้ำมะนาวร้อน สามารถรักษา โรคมะเร็ง ได้ทุกชนิด ใช้สารสกัด จากมะนาว มารักษาโรคมะเร็ง มาทำลายล้าง เซลมะเร็งร้าย ให้หมดไป น้ำมะนาวร้อน จะไม่ไปทำลาย และกระทบกระเทือน ต่อเซลที่แข็งแรงดีอื่นๆ ในร่างกายเลย นอกจากนี้ ในน้ำมะนาวร้อน ยังมีกรดซีตริก และกรดฟีนอล สามารถไปปรับระดับ ความดันสูง และยังช่วยป้องกัน ไม่ให้เกิดเส้นเลือดตีบ ปรับการไหลเวียน ของเลือดให้ดีขึ้น ลดการจับกัน จนแข็งตัวของเลือด หากอ่านข้อความเหล่านี้จบแล้ว ขอได้โปรดบอกต่อๆ ให้คนอื่นๆ คนในครอบครัว ญาติๆเพื่อนๆ และขอให้ ดูแลสุขภาพ ของตัวท่านเอง ให้มีสุขภาพแข็งแรง อยู่อย่างสม่ำเสมอนะครับยาสมุนไพรมะเร็งMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยออกจากมือปีศาจโคบ้า(โควิด)ได้แล้ว โดย สิริอัญญา วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 โคบ้าระบาดมาสองปีเศษ ขณะนี้ประเทศต่าง ๆ ได้ถีบหัวส่งปีศาจตนนี้และคืนความปกติแก่สังคม ทำให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่ต้องห่วงว่าใครจะติดเชื้ออีกต่อไป และถ้าใครติดเชื้อก็แนะนำให้ซื้อหายามากินก็จะหายได้ในเวลา 1-3 วัน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับไข้หวัดใหญ่ เป็นเรื่องตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้ที่สร้างกระแสให้หวาดกลัวว่าโคบ้าคือปีศาจร้าย ใครสัมผัสแล้วก็จะกลายเป็นผีดิบและเสียชีวิตได้โดยง่าย ในขณะที่มีกระบวนการถ่วงเวลาการดูแลรักษาเพื่อให้ไวรัสลงปอด หายใจไม่ออก และเสียชีวิต ซึ่งเป็นแผนอุบาทว์ชาติชั่วที่ล้างผลาญชีวิตมนุษย์อย่างอำมหิต แต่ปรากฏว่าจีน รัสเซีย อิหร่าน และประเทศในเครือข่ายองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้รู้เท่าทันแผนอุบาทว์นี้มาตั้งแต่ต้นจึงไม่หลงกลเป็นเครื่องมือ และในวันนี้ก็ได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าที่จีน รัส เซีย อินเดีย อิหร่านและพันธมิตรจัดการกับโคบ้านั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์แก่มวลมนุษย์มากที่สุด ทั้งทำลายล้างแผนอุบาทว์จากบริษัทยานักล่าอาณานิคม ยกตัวอย่างประเทศจีน นับตั้งแต่ถูกใส่ร้ายว่าเป็นต้นตอของโคบ้ามาจนถึงวันนี้ประเทศจีนมีคนป่วยรวมทั้งสิ้นแค่แสนคน ปีที่ผ่านมาไม่มีใครเสียชีวิตเลย รัฐบาลจีนไม่ได้เน้นการฉีดวัคซีน แต่ประกาศรายการยาที่ใช้รักษาโคบ้าให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ซึ่งใครมีอาการติดเชื้อก็สามารถซื้อหากินกันเองได้โดยง่าย 2-3 วันก็หายขาด นี่คือความสำเร็จอันเป็นที่ประจักษ์ อีกตัวอย่างซึ่งตรงกันข้ามคือสหรัฐซึ่งเป็นต้นตอของการสร้างความตกใจกลัวในเรื่องโคบ้า ซึ่งวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าคนอเมริกันติดโคบ้าเกือบสิบล้านคนและมีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน ประเทศยากจน ประชาชนยากเข็ญ จนต้องพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาอย่างไม่บันยะบันยัง ประเทศไทยของเราทำตัวเป็นสมุนบริวารที่เอาแบบอย่างสหรัฐ ดังนั้นถึงวันนี้ประเทศไทยซึ่งมีประชากรเพียง 66 ล้านคน มีผู้ป่วยมากกว่าประเทศจีนซึ่งมีประชากร 1,400 ล้านคน กว่า 20 เท่า และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากมาย ผู้ประกอบการทั่วประเทศถูกปิดกิจการ ขาดทุนย่อยยับ คนตกงานทั่วทั้งประเทศ เศรษฐกิจยับเยิน คนไทยยากจนเพิ่มขึ้นเกือบสิบล้านคนในชั่วระยะเวลาเพียงสองปีเศษ ประเทศเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้นร่วมกว่า 2 ล้านล้านบาทในช่วงสองปีเศษ หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นร่วม 4 ล้านล้านบาท ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้การปกครองตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นประเทศเดียวของโลกที่ใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเรื่องโคบ้าที่ยาวนานที่สุดและล้มเหลวมากที่สุด มีการใช้เงินแผ่นดินเกี่ยวกับเรื่องโคบ้ามากมายมหาศาล มีข่าวคราวการทุจริตอย่างกว้างขวาง ถึงขนาดสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแถลงที่จะตรวจสอบการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณและงบกลางซึ่งมีจำนวนร่วม 2 ล้านล้านบาท แต่กลับเงียบหายไปดื้อ ๆ เพราะอำนาจผีสางตนใดก็ไม่รู้ มีการสั่งยาฟาวิพิราเวียร์ถึง 430 ล้านเม็ดเข้ามาใช้ ทั้งที่ประเทศผู้ผลิตทั้งสามประเทศคือเยอรมัน อินเดีย และญี่ปุ่นพิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถใช้รักษาโคบ้าได้ และไม่อนุญาตให้ประเทศของตนเองใช้ แต่ประเทศไทยก็ยังดันทุรังใช้กันอยู่แต่ต้องใช้คู่กับยารักษาอื่นที่ใช้รักษาโคบ้าได้ ประเทศไทยเดินตามหนทางสหรัฐ โหมและบังคับการฉีดวัคซีนอย่างไม่บันยะบันยัง เฉพาะปี 2565 ก็มีข่าวว่าสั่งซื้อเข้ามาถึง 165 ล้านโดส และกำลังบังคับให้ผู้คนฉีดวัคซีนเข็ม 3 เข็ม 4 เข็ม 5 กันต่อไป ทั้ง ๆ ที่ความจริงได้พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าจะฉีดวัคซีนสักกี่เข็มก็ตาม จะฉีดไขว้หรือไม่ไขว้ก็ตามไม่สามารถป้องกันการติดโคบ้าได้เลย แต่ยังดันทุรังฉีดกันอยู่ จนกระทั่งขณะนี้มีผู้ตั้งข้อสังเกตแล้วว่าคนไทยตายและพิการป่วยเจ็บ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เพราะการฉีดวัคซีนมากหรือเท่ากับตายเพราะโคบ้ากันแน่ บรรดาหมอทั้งหลายไม่เคยปริปากแนะนำคนไทยว่าจะใช้ยาอะไรในการรักษาโคบ้า และน่าแปลกใจว่าหมอทั้งประเทศก็ประพฤติอย่างเดียวกัน พากันเงียบปากสนิทท่ามกลางผลประโยชน์ที่ได้รับจากความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของประชาชน ในขณะที่มีหมอจัญไรราว 10 คน ที่แต่ละวันแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ปั่นกระแสหลอกลวงให้ผู้คนตื่นตระหนกตกใจกลัวเพื่อจะได้ไปฉีดวัคซีน หมอจัญไรเหล่านี้ประชาชนต้องจดจำหน้าตาชื่อเสียงไว้ให้แม่น จะได้บอกลูกบอกหลานว่าคนไทยล้มหายตายจาก ประเทศชาติเสียหายยับเยินก็เพราะหมอจัญไรราว 10 คนนี้ที่สร้างกรรมทำเข็ญไว้กับบ้านเมืองสุดคณานับ ฟ้ามืดเมื่อมีได้ ก็ฟ้าใหม่ย่อมคงมี ขณะนี้ได้เกิดขบวนการต่อต้านบรรดาทุนยาที่ทำมาหากินกับชีวิตมนุษย์ขึ้นในขอบเขตทั่วโลกแล้ว แพทย์กว่า 20,000 คนทั่วโลกรุมกันแฉแผนอุบาทว์ที่ต้องการให้มนุษย์ตกอยู่ในอำนาจวัคซีน ซึ่งอาจนำไปสู่การกำกับบงการสุขภาพและชีวิตมวลมนุษย์ในวันข้างหน้า แพทย์ชาวเยอรมันได้สำนึกผิดเปิดเผยความจริงให้ชาวโลกทราบว่าโรคโคบ้านั้นไม่ได้ร้ายแรงอะไร แค่เอาน้ำเกลืออุ่น ๆ กลั้วคอไว้เป็นระยะ ๆ ก็สามารถป้องกันและรักษาการติดโคบ้าได้อย่างชะงัด ล่าสุดคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ของศิริราชก็ได้ทำคลิปออกเปิดเผยปลุกให้คนไทยตื่นขึ้นแล้วหนีออกจากเงื้อมมืออสูร โดยคลิประบุว่าเพียงแค่ใช้กระเทียมสดและพริกสดเคี้ยวร่วมกันก็จะป้องกันและรักษาโคบ้าได้ ในขณะที่แพทย์จำนวนหนึ่งก็เริ่มเปิดเผยถึงกระบวนการทำมาหากินที่แสวงหาประโยชน์ทุจริตในทุกกระบวนการและขั้นตอนของการเยียวยารักษาโคบ้าในประเทศไทย ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ประชาชนไทยจะได้ตื่นขึ้นจากความกลัวและก้าวออกมาจากเงื้อมมือปีศาจที่อำมหิตนี้ให้ทันท่วงที.โควิด 2019วัคซีนโควิดไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 2 คนสงสัยได้ข้อมูลจาก คุณ พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร มติชน อ่านเลย! มีประโยชน์ช่วยคนได้ครับ.... ท่านผู้นี้ชื่อจริงไชยวรรณ พิมพนิช คนส่วนมากเรียกติดปากว่าพ่อเลี้ยงวรรณ เป็นคนแม่สอดจ.ตาก มีอาชีพทำการเกษตร ปลูกมันสำปะหลังปลูกอ้อย ปลูกส้ม สุดท้ายก็มาปลูกกล้วยส่งต่างประเทศ ก็ทำมาสิบกว่าปีแล้ว มีลูกชายสามคนจบปริญญาโทด้านการเกษตรทั้งสามคน คนโตเรียนพืชไร่ คนที่สองเรียนพืชสวน คนที่สามเรียนส่งเสริมการเกษตร ปัจจุบันอายุก็หกสิบกว่าแล้ว ปกติจะเป็นคนชอบออกกำลังกาย สุขภาพก็แข็งแรงดี เพื่อนๆหรือคนรู้จักจะชมว่าทำไมอายุมากขนาดนี้ถึงแข็งแรงเดินเหินได้สบาย @ เข้าตรวจอาการที่โรงพยาบาล @ อยู่มาไม่นานเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเกิดอาการปวดที่หลังและไม่หายประมาณ 2 เดือนกว่า รักษาหลายวิธีทั้งแช่น้ำอุ่นและให้หมอนวด ก็ไม่หาย วันหนึ่งไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯเพื่อนเป็นหมอ อาตมาเล่า(ขณะที่เล่า..บวชแล้ว) ให้เพื่อนฟังว่าปวดหลังมา สองเดือนกว่าแล้วไม่หายสักที เพื่อนก็นิ่งแล้วมองหน้ากันเขาไม่พูดอะไร สักพักเพื่อนก็พูดขึ้นมาว่าเอกซเรย์หน่อยดีไหม เพราะคนปกติปวดธรรมดาทั่วๆไป กล้ามเนื้ออักเสบเอ็นพลิก ใช้เวลาประมาณ 3 อาทิตย์ก็หายแล้ว แต่พ่อเลี้ยงวรรณ ปวดจากหลังลามมาถึงหน้าอก 2 เดือนแล้วไม่หายต้องเอกซเรย์หน่อย พอเอกซ์เรย์เสร็จ ก็เห็นว่ามันมีรอยจุดด่างๆอยู่ 2 จุด หมอบอกว่ายังไม่แน่ใจนะต้องเข้าเครื่องสะแกน เข้าเครื่อง สะแกน 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่ทราบผล พอออกมาจากเครื่องสะแกนก็กลับบ้าน หมอบอกว่า 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ค่อยมาฟังผล เพราะ ฟิมล์ผลตรวจจะออกมาวันพรุ่งนี้ รุ่งขึ้น 10 โมงเช้าก็ไปโรงพยาบาล มีหมอ 4-5 คนอยู่ในห้องคุณหมอที่เป็นเพื่อนสนิทกันพูดขึ้นมาว่า ไม่น่าจะเกิดกับเพื่อนเราเลย อีกประมาณ 20 นาทีก็ให้หมอผู้หญิง ที่เป็นหมออายุรกรรมมาบอกว่า พ่อเลี้ยงวรรณ ต้อง ( ATMID) แอดมิด แล้วละ หมายถึงต้องนอนที่โรงพยาบาล ตกลงวันนั้นก็ต้องนอนโรงพยาบาล หมอก็เอาเลือดไปตรวจเข้าเครื่องอัลตร้าซาวด์ ตรวจคลื่นหัวใจ วันนั้นผลเลือด หมอส่วนใหญ่ก็จะรู้แล้วว่าเป็นมะเร็ง เพราะว่า PHA ค่าของเลือดอยู่ที่ 300.800 สำหรับคนปกติ จะอยู่ที่ 000.000-4.0000 ถัดไปประมาณ 2-3 วันหมอก็ตัดเนื้อเยื่อไปตรวจ แล้วลงมติว่าเป็นมะเร็ง หลังจากทราบผลว่าเป็นมะเร็งที่กระดูกสันหลังขั้นสุดท้าย ก็ตกใจช็อกไปประมาณ 20 นาที 20 นาทีที่บอกไม่ถูก เป็น 20 นาทีที่ทรมานมาก ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตดี ความดันก็ขึ้นไป 180 จากปกติ 110 ถึงขั้นสุดท้ายแล้วจะทำยังไงดี หมอบอกว่าต้องให้คีโม ( เคมีบำบัด ) ต้องฉายแสง ต้องฝังแร่ ก็เลยถามกลับไปว่า ถ้าฝังแร่แล้วอยู่ได้นานเท่าไหร่ หมอบอกว่าอยู่ได้ปีหนึ่งไม่รับรองมากกว่านี้ พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ที่อเมริกา เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง เขาบอกให้ไปที่นั่น เขาจะดูแลให้ ก็ถามเขาว่าไปแล้วจะให้ไปทำอะไร เขาบอกให้ไปฝังแร่ ผมก็ไม่ไป ยังไงหนึ่งปีก็ตายอยู่แล้วจะไปทำไมให้เสียเงิน @ ตัดสินใจบวชหนีโรคร้าย @ ตัดสินใจเข้าวัดปฏิบัติธรรมอยู่ 1 อาทิตย์ ก็เลยนั่งคิดต่อว่าถ้าอยู่แต่ที่วัดจะรอดไหม น่าจะสู้กับมัน จะต้องสู้ให้ได้ จะต้องชนะ ชีวิตเกิดมาเพียงแค่ชีวิตเดียวอยู่ๆจะมายอมตายง่ายๆได้อย่างไร ผมคิดขึ้นมาได้ว่ากษัตริย์สีหนุ ท่านเคยเป็นมะเร็ง เมื่ออายุ 40 กว่าปีก่อนไปรักษาที่ต่างประเทศเวลานี้อายุตั้ง 90 ปียังมีชีวิตอยู่ คิดถึงตรงนี้ เลยโทรศัพท์หาน้องที่เป็นกงสุลใหญ่อยู่ต่างประเทศ ตรวจสอบข้อมูลทราบว่าที่ประเทศที่สาม ( เกาหลีเหนือ ) มีสถานที่บำบัดมะเร็งจริงแต่การเดินทางไปลำบากมาก @ หนีความตายไปประเทศที่สาม @ มะเร็งระยะสุดท้าย ฟังแล้วน่ากลัวจริงๆ หนทางรอดแทบไม่มี จึงตัดสินใจทำพินัยกรรมให้ลูกๆแล้วรวบรวมเงินทองที่หามาได้ตลอดชีวิตเดินทางไปประเทศที่สามเผชิญความตายด้วยใจสงบ ถ้าโชคดีคงได้กลับมาอีกมันเป็นภาวะจนตรอกที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต ถึงแม้ชีวิตของคนเราจะเกิดมาแล้วต้องตายกันทุกคน แต่ถึงวินาทีนั้นคนเราต่างก็กลัวความตายโดยสัญชาตญาณ อยากจะยืดชีวิตต่อลมหายใจออกไปอีก นั่งเครื่องบินไปลงที่ประเทศญี่ปุ่น แล้วจึงนั่งรถยนต์ไปอีก 8 ชั่วโมง แทบเอาตัวไม่รอดสุดทรมานโดยเฉพาะช่วงที่นั่งบนเครื่องบิน นั่งพิงเบาะไม่ได้ ปวดหลังอึดอัดทรมานมากนั่งเอามือเกาะเบาะด้านหน้าร้องโอดครวญตลอดการเดินทาง น้ำตาลูกผู้ชายมันหยดไหลอย่างไม่รู้ตัว นึกในใจว่าการเดินทางครั้งนี้คงไม่ได้กลับเมืองไทยอีกแล้ว ยิ่งช่วงการเดินทางโดยรถยนต์ไปยังประเทศที่สาม ลำบากมากทั้งเจ็บปวดสุดทรมานตลอดการเดินทาง 8 ชั่วโมงเต็ม ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่เป็นศูนย์บำบัดตั้งอยู่บนเขา ผู้ที่มาบำบัดรักษาส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป อเมริกา อาหรับ ญี่ปุ่น คนไทยมีอาตมาเพียงคนเดียว เน้นการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด ใช้แสงตะวัน ใช้สายน้ำ ใช้หิมะ อาหารทุกอย่างต้องสด คนป่วย 1 คน จะมีพยาบาลประจำตัว 1 คนดูแลเราอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่เช้า 05.00-20.00 น.ไปไหนไปด้วยกันนอนด้วยกัน ดูแลทุกย่างก้าว เข้าห้องน้ำก็ไปนั่งเฝ้า เป็นพี่เลี้ยงตลอด อาบน้ำก็ไปดูว่าน้ำได้อุณหภูมิไหม อุ่นพอไหมเย็นพอไหม อาหารการกินก็กินโอสถ เน้นธรรมชาติล้วนๆ อยู่ที่นี่ยาสักเม็ดก็ไม่มี ศูนย์ธรรมชาติบำบัดแห่งนี้ จะมีคอร์สบำบัดรักษา 30 วัน 60 วัน และ 90 วัน ของผม 30 วันอาการก็ดีขึ้นมาก ผิดกับตอนที่มาใหม่ๆ เจ็บปวดจนทนไม่ไหว คนที่มาที่นี่ป่วยเป็นมะเร็งทุกชนิดบางคนปฏิบัติตัวได้ตามที่เขาให้ทำให้กินก็ประสบความสำเร็จ ในแต่ละวันตื่นเช้าขึ้นมาประมาณ 05.00น.ก็จะเอาน้ำโอสถมาให้ดื่ม 1 ลิตร รสชาดจืดชืดสีเขียวเข้ม เวลาประมาณ 06.30น. ก็จะพาไปเดินออกกำลังกาย แล้วพาไปรับแสงตะวัน เรียกว่าแสงตะวันบำบัด นั่งรถประมาณชั่วโมงครึ่ง ไปกลับวันละ 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะพาเดินบนหิมะประมาณ 1 ชั่วโมงทุกวัน เสร็จแล้วมาประคบน้ำอุ่นที่ฝ่าเท้า ถามเขาว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ เขาบอกว่าเพื่อสร้างภูมิภูมิต้านทานขึ้นมา บางคนก็ทำไม่ได้ ทำได้ประมาณ 20-30 % แต่ของอาตมาอาศัยเป็นนักกีฬาเก่า วันแรกก็ไม่ไหวเหมือนกันเย็นจัด วันที่สองวันที่สามก็เริ่มทำได้ และทำได้มาตลอด พอทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดีขึ้น ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ สำหรับโอสถสีเขียวเข้มจะดื่มช่วงเช้า 1 ลิตร บ่าย 1 ลิตร ตอนเย็นอีก 1 ลิตร และก่อนนอนอีก 1 ลิตร วันหนึ่งจะดื่มโอสถวันละ 4 ลิตร น้ำนี้น่าจะเข้าไปช่วยกำจัดอาจจะเป็นน้ำที่เชื้อมะเร็งไม่ชอบ เอาไปล้างพิษในร่างกายออกมา เพราะเรากินเข้าไปวันละตั้ง 4 ลิตรก็ต้องมีการถ่ายเทออกมา แต่เป็นเรื่องที่แปลกนะ เวลาเรากินน้ำกินยาแคปซูลอะไรก็แล้วแต่ เวลาเราปัสสาวะออกมาจะเป็นสีเหลือง แต่เวลาเราดื่มโอสถพวกนี้เวลาปัสสาวะออกมาก็ยังใส แสดงว่ามันเอาไปใช้หมด เป็นเรื่องที่แปลก ใสกว่าปกติด้วยซ้ำไป ช่วงไปอยู่ทีนั่นใหม่ๆนอนหงายไม่ได้ มันปวดหลังมากต้องนอนคว่ำเหมือนจระเข้ หลังมันปวดร้าวไปหมดเพราะถูกมะเร็งทำลายไปเยอะรวมไปถึงหัวเข่าด้านซ้ายด้วย เวลานั่งหลังก็พิงไม่ได้ เรื่องอาหารการกิน เขาจะให้ทานข้าวบาร์เลย์ กับข้าวก็เป็นกับข้าวพื้นๆไม่มีอะไรมากมายเน้นผักเป็นส่วนใหญ่ ผักที่นี่เขาปลูกเอง ปลูกในกระโจม ปรับอุณหภูมิและไร้สารพิษ ดินที่ใช้ปลูกเปลี่ยนทุก 3 เดือน เขาบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดล้วนๆแต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก ค่าใช้จ่ายต่อวันเขาคิด 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ ผมอยู่ที่นี่ 30 วัน ปฏิบัตตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดมีระเบียบวินัย ถึงเวลาออกกำลังกายก็ต้องออก พักผ่อนก็ต้องพักผ่อน ถึงเวลากินก็ต้องกิน มั่นใจว่าดีขึ้นแน่ อาการป่วยของผมดีขึ้นตามลำดับ เพียง 10 วันแรกเราจะสัมผัสได้เลยว่าเรามาถูกทางแล้วอาการปวดเริ่มลดลงๆ ร่างกายแข็งแรงขึ้น ผิดกับวันแรกๆที่นอนร้องโอดโอยตลอดเวลา พอร่างกายแข็งแรงก็ขยับตัวเองไปเป็นพี่เลี้ยงช่วยคนอื่นต่อ ก็คิดว่าเราน่าจะนำวิชาความรู้เหล่านี้ไปช่วยเหลือเพื่อนคนไทยที่ต้องทุกข์ทรมานกับมะเร็งร้าย ถ้าจะให้ดีต้องบุกครัวเข้าไปช่วยในครัวจะได้จดจำโอสถยาให้ได้ แต่โชคร้ายเขาไม่อนุญาต ผมจึงตัดสินใจว่าไหนๆก็เดินทางมาถึงที่สุดของชีวิตแล้ว จึงทรุดตัวลงคุกเข่าก้มกราบเขาจนกระทั่งเขาสงสาร จึงอนุญาตให้เข้าไปช่วยในครัว คิดถึงบ้านขอกลับ ผมรู้สึกร่างกายเราแข็งแรงแล้วเราไม่ตายแล้ว คิดถึงบ้านก็เลยขอกลับ เขาก็มาตรวจร่างกาย เขาบอกร่างกายแข็งแรงดีเขาก็ให้กลับ ระหว่างนั่งอยู่บนเครื่องบินก็คิดว่าเราน่าจะกลับไปช่วยคนที่เป็นมะเร็งได้ เพราะคนที่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตรงไหนก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่ 90 % จิตใจมันตายแล้ว มันเหลือแค่ 10 % เท่านั้นในร่างกาย จะมีสักกี่คนที่ใจสู้แล้วยอมหาวิธีรักษาตนเอง มีน้อยมาก ผมตั้งใจว่าถ้ากลับถึงเมืองไทยจะช่วยคนที่เป็นมะเร็ง ถึงช่วยได้ไม่ถึง 100 % ช่วยได้ 50 % ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้ว กลับมาเลยปรึกษาญาติๆว่าจะตั้งมูลนิธิเป็นของตัวเองชื่อว่ามูลนิธิวรรณ จุดเป้าหมายก็คือ ดูแลพวกที่เป็นโรคร้ายเกี่ยวกับมะเร็ง ส่งเสริมให้การศึกษาเด็กดีขยันเรียน คืนป่าให้แผ่นดิน มูลนิธิเราคงมีรายได้จากการปลูกผักไร้สารจากอำเภอแม่สอดจังหวัดตากส่งมาขายที่กรุงเทพฯ หลายคนพอทราบข่าวก็ยินดีให้การสนับสนุน หลังจากกลับจากต่างประเทศแล้วก็ไปตรวจร่างกายตรวจเลือดที่โรงพยาบาลที่เคยตรวจ ผลเลือดที่เรียกว่า PHA ( ช่วงที่ป่วยก่อนรักษาอยู่ที่ 311.800) หมอใช้เวลาตรวจ 6 ชั่วโมง วัดได้ 5.090 ต่อมาวันที่ 28 พฤษภาคม 2550 ไปตรวจอีกครั้งวัดได้ 0.268 หมอไม่แน่ใจส่งเลือดไปให้โรงพยาบาลอีก 2 แห่งตรวจอีก ผลการตรวจออกมาตรงกันหมด ถือว่าเยี่ยมแล้ว คนปกติทั่วไปที่ไม่มีเชื้อมะเร็ง จะอยู่ที่ 0.000-4.000 ของเราเลือดดีกว่าคนปกติอีก หมอถามว่าไปทำอะไรมา อาตมาบอกไปรักษามา อาตมาไม่ยอมตาย คิดว่ามะเร็งยังหลบอยู่ในตัวเรา แต่ไม่รู้อยู่ที่ไหน เราก็ไม่ชะล่าใจ มะเร็งเกิดจากภูมิบกพร่องของชีวิต มันต้องการอาหาร อาหารโปรดของมันคือ โปรตีนจากเนื้อสัตว์ทุกชนิด ซึ่งเราก็ไม่ให้มันกินเลย มะเร็งถ้าเราไม่ให้อาหารมัน มันก็จะฝ่อ และอ่อนแรง เราไม่ให้กินนานๆเข้ามันก็จะตายในที่สุด บ้านเราผู้ป่วยใหม่ที่เป็นมะเร็งมี 284 คน/วัน ตายชั่วโมงละ 11 คน เราต้องมาปรับเปลี่ยนวิธีกินอยู่กันใหม่ การเจริญเติบโตของมะเร็ง เขาจะก้าวกระโดด จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จาก 4 เป็น 8 จาก 8 เป็น 16 บวกขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นคนที่ป่วยเป็นมะเร็งส่วนใหญ่ที่ตายเพราะโลเล ตัดสินใจไม่เด็ดขาด มะเร็งหยุดได้ถ้าใจสู้” “ เราต้องมีวินัยถ้ามีวินัยเราสามารถหยุดมะเร็งได้ ต้องยึดกฎเหล็กดูแลเรื่องอาหารการกิน การปฏิบัติตัว สิ่งแวดล้อมอากาศบริสุทธิ์ การออกกำลังกาย ผมอาจจะมีบุญเพราะเป็นมะเร็งแต่ไม่เคยคิดว่าเป็นมะเร็ง คิดอยู่อย่างเดียวว่าทำอย่างไรถึงจะชนะ ทำอย่างไรถึงจะมีชีวิตที่ยืนยาวดูแลลูกเต้าต่อไป ไม่เคยกังวลเลย แล้วเรื่องพืชผักต้องไร้สารจริงๆไม่ใช่ปลอดสาร ไร้สารคือดูแลการปลูกตั้งแต่เริ่มต้นจนเก็บเกี่ยวจะไม่ใช้ยา แต่ถ้าปลอดสารคือใช้เคมีพอใกล้วันเก็บเกี่ยวประมาณ 15 วันก็จะหยุดใช้สารเคมีอันนี้ไม่ปลอดภัย จะมีสารตกค้างตามมา” มะเร็งไม่น่ากลัวอย่างที่คิดถ้าเรารู้จักวิธีป้องกันดูแลสุขภาพเราก็สามารถชนะมันได้ขอเพียงอย่างเดียวจิตใจต้องเข้มแข็ง บางรายเกิดวิตกจริตนอนไม่หลับเพราะญาติพี่น้องเสียชีวิตเพราะมะเร็งไม่รู้จะถึงตัวเองเมื่อไหร่ หลายรายทำตามคำแนะนำของพ่อเลี้ยงวรรณอาการดีขึ้นทันตาเห็น ปัจจุบันพ่อเลี้ยงวรรณมีโครงการสร้างศูนย์ธรรมชาติบำบัดที่สวนเกษตรของพ่อเลี้ยงเองที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ผมเลยแนะนำพ่อเลี้ยงให้สร้างหิมะเทียมขึ้นเอง ในอนาคตเราคงได้เห็นศูนย์ธรรมชาติบำบัด ของมูลนิธิวรรณ ในเมืองไทย ซึ่งที่ อ.แม่สอด จ.ตากอากาศดีมาก นอกจากได้สูดอากาศบริสุทธ์แล้วยังมีแปลงเกษตรไร้สารพิษอีกด้วย พ่อเลี้ยงวรรณมีปณิธานว่าสำหรับผู้ยากไร้ มูลนิธิวรรณจะรักษาให้ฟรี สำหรับผู้มีอันจะกินให้สนับสนุนค่าโอสถเพียงวันละ 100 บาท ทางมูลนิธิจะจัดส่งโอสถไปให้ เรียกว่าคนมีฐานะช่วยคนด้อยโอกาสนะครับ ถ้าท่านอยากทราบรายละเอียดและขอคำ ปรึกษาเรื่องการดูแลสุขภาพเพิ่มเติม ติดต่อมูลนิธิวรรณ(ปัจจุบันลูกชาย-ภรรยาดูแลอยู่) เลขที่ ๓/๖๘๑ ประชานิเวศน์ ถนนเทศบาลนิมิตรเหนือ ลาดยาวจตุจักร กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๑๕๘-๐๖๕๘ ช่วยกันเผยแพร่นะครับ ได้บุญมะเร็งไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมาเลเซีย คนติดไวรัสสายพันธุ์ใหม่จะกลายเป็น “ซอมบี้”ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ จะไม่ทำให้ผู้ติดเชื้อแสดงพฤติกรรมแบบเดียวกัน “ซอมบี้” แต่อย่างใด รัฐบาลมาเลเซียต้องออกมาประกาศเช่นนี้ทางสื่อสังคม ขณะพวกเจ้าหน้าที่กำลังพยายามให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคระบาดชนิดนี้ ท่ามกลางการแพร่กระจายของ “ข่าวปลอม” มุ่งก่อให้เกิดความแตกตื่นหวาดกลัวอย่างไร้สติsuperpeach002• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแค่ กำมือ ก็ช่วยลดความดัน สมองดีการกำมือ ส่งผลดีกับระบบหมุนเลือด ทำให้การหมุนเวียนเลือดเป็นไปอย่างคล่องตัว เมื่อระบบไหลเวียนร่างกายทำงานด้วยประสิทธิภาพที่ดี ทำความสะอาดท่อเส้นเลือดที่เกิดจากไขมันเกาะตามผนัง ซึ่งระบบต่างๆ ของร่างกายก็จะเสริมส่งซึ่งกันและกันนั้นเอง โดยการกำมือควรนั่งตัวตรงเพื่อขยายซี่โครงให้กว้างขึ้น จากนั้นกำมือทั้งสองข้างพร้อมๆ กัน และในระหว่างที่กำมือให้หายใจเข้าลึกๆ ให้เต็มปอดเพื่อให้เม็ดเลือดแดงได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ ก่อนจะคลายมือช้าๆ พร้อมกับผ่อนลมหายใจออกผ่านทางจมูกนานจนรู้สึกว่า ทำให้ท้องแฟบมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48326• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยการกินเจ กินมังสวิรัติ แล้วทำให้เลือดเป็นด่างจะไม่ติดโควิด-19 ซึ่งมีการกลับมาแชร์บ่อยครั้งจึงไม่เป็นความจริงหลายครั้งความเชื่อกับความป่วยมักสวนทางกัน หนึ่งในนั้นคือการสร้างความเชื่อที่ว่าการกินเจ กินมังสวิรัติ และรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิเป็นด่างจะไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีผู้ส่งข้อความมายัง cofact.org เพื่อให้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมากว่ากินเจไม่ติดโควิดจริงหรือไม่ ประเด็นนี้ต้องย้อนไปในสื่อที่เคยนำเสนอบทความเผยแพร่ว่านักวิชาการยืนยันการกินเจ กินมังสวิรัติ ไม่ติดโควิด ไม่เป็นความจริง ช่วงปลายเดือนมี.ค. 2563 ที่ผ่านมา มีการชี้แจงข้อเท็จจริงจากนักวิชาการหลายๆ ท่านว่า การกินเจ กินมังสวิรัติ ไม่ติดโควิด-19 ไม่เป็นความจริง อาทิ อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์อธิบายผ่านเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2563 ระบุว่า “คนกินเจ ก็ติดโรคโควิด-19 ได้นะครับ เหมือนช่วงนี้ ทุกคนพยายามจะเอาความเชื่อตัวเอง มาเชื่อมโยงกับการป้องกันรักษาโรคจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่กันใหญ่เลย มีอาหารเสริมหลายชนิดที่แอบอ้างขายช่วงนี้ รวมไปถึงวิตามิน และสมุนไพรด้วย “ล่าสุดนี้ ก็มาเจอที่บอกว่า คนกินเจจะไม่ติดโรคโควิด-19 เพราะคนที่กินเจ เลือดจะเป็นด่าง ไม่ติดเชื้อไวรัส หรือถ้าติดก็อาการไม่รุนแรง ... ส่วนคนกินเนื้อสัตว์นั้น เลือดจะเป็นกรด ติดไวรัสง่าย ตายง่าย (เหมือนฝรั่งที่กินแต่เนื้อนมไข่ เลยตายเร็ว) “ไม่จริงนะครับ !! ไม่มีงานวิจัยไหนที่ออกมาบอกว่า มีความแตกต่างกันในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์นี้ ระหว่างกลุ่มคนที่เป็นคนกินมังสวิรัติกับคนที่กินเนื้อสัตว์ “ลองนึกภาพประเทศอินเดียก็ได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่นั้นกินมังสวิรัติ (รู้กันหรือเปล่า) ก็พบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากในปัจจุบันนี้ “แถมด้วยว่า ค่าพีเอชของเลือดของคนที่กินมังสวิรัติกับคนที่กินเนื้อนั้น ก็มีค่าเป็นด่างอ่อนๆ ประมาณ 7.35-7.45 พอๆ กันทุกคน ซึ่งจะคงที่เกือบตลอดเวลา ด้วยการปรับสมดุลจากระดับการหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากร่างกาย ไม่ใช่ว่ากินเนื้อสัตว์แล้วจะมีเลือดเป็นกรด อย่างที่ว่า” ไม่เพียงเท่านั้น สื่อต่างประเทศอย่าง สำนักข่าวซินหัว (Xinhua) ก็ได้ชี้แจงเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2563 ระบุว่า จากกรณีกระแสข่าวการกินเจ มังสวิรัติ จะป้องกันโควิด-19 และอ้างว่าเป็นรายงานจากองค์การอนามัยโลกนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะผู้เชี่ยวชาญไม่พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่า ผู้ที่กินอาหารมังสวิรัตินั้นจะปลอดภัยจากโรคโควิด-19 อีกทั้งองค์การอนามัยโลก ก็ไม่เคยเผยแพร่รายงานดังกล่าว สุปริยา เพซพรุวา (Supriya Bezbaruah) ตัวแทนองค์การฯ ชาวอินเดียกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี (AFP) ว่า “องค์การฯ ไม่เคยเผยแพร่แถลงการณ์เช่นนั้น นอกจากนี้คำแนะนำขององค์การฯ ในเรื่องโภชนาการสำหรับผู้ใหญ่ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 และระบุว่า การกินอาหารที่ถูกต้องตามโภชนาการและดื่มน้ำให้เพียงพอนั้นเป็นสิ่งสำคัญ “ผู้ที่ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน มีแนวโน้มมีสุขภาพดีกว่า โดยจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้น มีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังและโรคติดเชื้อน้อยลง” นอกจากนี้ยังแนะนำด้วยว่าประชาชนควรกินอาหารสดใหม่และไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นประจำทุกวัน อาทิ เนื้อ ปลา ไข่ นม และอาหารอื่นๆ ที่ได้จากสัตว์ อาร์. วี. อโศก (R.V. Asokan) เลขาธิการสมาคมการแพทย์อินเดีย กล่าวกับสำนักข่าวฯ ว่าคำกล่าวอ้างข้างต้น ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์บ่งชี้ว่า อาหารที่ไม่ใช่มังสวิรัตินั้นเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการชี้แจงจากผู้รู้และนักวิชาการทั้งไทยและต่างประเทศหลายครั้ง แต่แล้วเรื่องการกินเจ กินมังสวิรัติ ไม่ติดโควิด-19 ก็กลับมาเป็นประเด็นที่สร้างความสับสนอยู่เนืองๆ 28 ธ.ค.2563 เพจ Drama-addict ได้โพสต์ถึงประเด็นนี้ว่า “มันมีคลิปที่คนแชร์กันในไลน์เยอะมากตอนนี้ บอกประมาณว่า ให้กินเจ หรือกินมังฯ แล้วจะทำให้เลือดเป็นด่าง ช่วยป้องกันไม่ให้ติด covid-19 ได้ ขอบอกว่าไม่เป็นความจริงนะจ๊ะ คนกินเจหรือกินมังฯ ก็ติด covid-19 ได้ “แล้วไอ้การกินผักกินเจ ก็โอเคนะ กินกันตามสะดวก แต่อย่าหวังว่าจะป้องกันโควิดได้ ขอให้เสริมโปรตีนให้โภชนาการครบถ้วนก็โอเค แต่การกินผัก กินเจ ไม่ทำให้เลือดเป็นด่าง ถ้าเลือดเป็นด่างนี่คือใกล้ตายแล้วล่ะ เพราะระบบรักษาสมดุลกรดด่างในเลือดน่าจะพังพินาศไปแล้ว” หลายครั้งความเชื่อกับความป่วยมักสวนทางกัน หนึ่งในนั้นคือการสร้างความเชื่อที่ว่าการกินเจ กินมังสวิรัติ และรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิเป็นด่างจะไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีผู้ส่งข้อความมายัง cofact.org เพื่อให้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมากว่ากินเจไม่ติดโควิดจริงหรือไม่ ประเด็นนี้ต้องย้อนไปในสื่อที่เคยนำเสนอบทความเผยแพร่ว่านักวิชาการยืนยันการกินเจ กินมังสวิรัติ ไม่ติดโควิด ไม่เป็นความจริง ช่วงปลายเดือนมี.ค. 2563 ที่ผ่านมา มีการชี้แจงข้อเท็จจริงจากนักวิชาการหลายๆ ท่านว่า การกินเจ กินมังสวิรัติ ไม่ติดโควิด-19 ไม่เป็นความจริง อาทิ อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์อธิบายผ่านเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2563 ระบุว่า “คนกินเจ ก็ติดโรคโควิด-19 ได้นะครับ เหมือนช่วงนี้ ทุกคนพยายามจะเอาความเชื่อตัวเอง มาเชื่อมโยงกับการป้องกันรักษาโรคจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่กันใหญ่เลย มีอาหารเสริมหลายชนิดที่แอบอ้างขายช่วงนี้ รวมไปถึงวิตามิน และสมุนไพรด้วย “ล่าสุดนี้ ก็มาเจอที่บอกว่า คนกินเจจะไม่ติดโรคโควิด-19 เพราะคนที่กินเจ เลือดจะเป็นด่าง ไม่ติดเชื้อไวรัส หรือถ้าติดก็อาการไม่รุนแรง ... ส่วนคนกินเนื้อสัตว์นั้น เลือดจะเป็นกรด ติดไวรัสง่าย ตายง่าย (เหมือนฝรั่งที่กินแต่เนื้อนมไข่ เลยตายเร็ว) “ไม่จริงนะครับ !! ไม่มีงานวิจัยไหนที่ออกมาบอกว่า มีความแตกต่างกันในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์นี้ ระหว่างกลุ่มคนที่เป็นคนกินมังสวิรัติกับคนที่กินเนื้อสัตว์ “ลองนึกภาพประเทศอินเดียก็ได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่นั้นกินมังสวิรัติ (รู้กันหรือเปล่า) ก็พบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากในปัจจุบันนี้ “แถมด้วยว่า ค่าพีเอชของเลือดของคนที่กินมังสวิรัติกับคนที่กินเนื้อนั้น ก็มีค่าเป็นด่างอ่อนๆ ประมาณ 7.35-7.45 พอๆ กันทุกคน ซึ่งจะคงที่เกือบตลอดเวลา ด้วยการปรับสมดุลจากระดับการหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากร่างกาย ไม่ใช่ว่ากินเนื้อสัตว์แล้วจะมีเลือดเป็นกรด อย่างที่ว่า” ไม่เพียงเท่านั้น สื่อต่างประเทศอย่าง สำนักข่าวซินหัว (Xinhua) ก็ได้ชี้แจงเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2563 ระบุว่า จากกรณีกระแสข่าวการกินเจ มังสวิรัติ จะป้องกันโควิด-19 และอ้างว่าเป็นรายงานจากองค์การอนามัยโลกนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะผู้เชี่ยวชาญไม่พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่า ผู้ที่กินอาหารมังสวิรัตินั้นจะปลอดภัยจากโรคโควิด-19 อีกทั้งองค์การอนามัยโลก ก็ไม่เคยเผยแพร่รายงานดังกล่าว สุปริยา เพซพรุวา (Supriya Bezbaruah) ตัวแทนองค์การฯ ชาวอินเดียกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี (AFP) ว่า “องค์การฯ ไม่เคยเผยแพร่แถลงการณ์เช่นนั้น นอกจากนี้คำแนะนำขององค์การฯ ในเรื่องโภชนาการสำหรับผู้ใหญ่ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 และระบุว่า การกินอาหารที่ถูกต้องตามโภชนาการและดื่มน้ำให้เพียงพอนั้นเป็นสิ่งสำคัญ “ผู้ที่ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน มีแนวโน้มมีสุขภาพดีกว่า โดยจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้น มีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังและโรคติดเชื้อน้อยลง” นอกจากนี้ยังแนะนำด้วยว่าประชาชนควรกินอาหารสดใหม่และไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นประจำทุกวัน อาทิ เนื้อ ปลา ไข่ นม และอาหารอื่นๆ ที่ได้จากสัตว์ อาร์. วี. อโศก (R.V. Asokan) เลขาธิการสมาคมการแพทย์อินเดีย กล่าวกับสำนักข่าวฯ ว่าคำกล่าวอ้างข้างต้น ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์บ่งชี้ว่า อาหารที่ไม่ใช่มังสวิรัตินั้นเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการชี้แจงจากผู้รู้และนักวิชาการทั้งไทยและต่างประเทศหลายครั้ง แต่แล้วเรื่องการกินเจ กินมังสวิรัติ ไม่ติดโควิด-19 ก็กลับมาเป็นประเด็นที่สร้างความสับสนอยู่เนืองๆ 28 ธ.ค.2563 เพจ Drama-addict ได้โพสต์ถึงประเด็นนี้ว่า “มันมีคลิปที่คนแชร์กันในไลน์เยอะมากตอนนี้ บอกประมาณว่า ให้กินเจ หรือกินมังฯ แล้วจะทำให้เลือดเป็นด่าง ช่วยป้องกันไม่ให้ติด covid-19 ได้ ขอบอกว่าไม่เป็นความจริงนะจ๊ะ คนกินเจหรือกินมังฯ ก็ติด covid-19 ได้ “แล้วไอ้การกินผักกินเจ ก็โอเคนะ กินกันตามสะดวก แต่อย่าหวังว่าจะป้องกันโควิดได้ ขอให้เสริมโปรตีนให้โภชนาการครบถ้วนก็โอเค แต่การกินผัก กินเจ ไม่ทำให้เลือดเป็นด่าง ถ้าเลือดเป็นด่างนี่คือใกล้ตายแล้วล่ะ เพราะระบบรักษาสมดุลกรดด่างในเลือดน่าจะพังพินาศไปแล้ว”ข่าวการเมืองวัคซีนโควิดความสวยความงามภาคตะวันออก สภาพอากาศ เสียดสีsomosiri14• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"น้ำเปล่า" ช่วยลดการเกิดหัวใจล้มเหลว งานนี้เช็คให้ชัวร์ก่อนอาจเป็นโทษได้"น้ำเปล่า" การดื่มน้ำเปล่าหลายคนก็น่าจะทราบดีแล้วว่าเต็มไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย แต่เมื่อไม่นานมานี้ชาวเน็ตก็ต่างพากันแชร์ข้อมูลที่มีการอ้างว่า การดื่มน้ำเปล่าช่วยลดการเกิดหัวใจล้มเหลวได้ ทำให้ล่าสุดทางด้าน ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย ได้ออกมาเผยข้อมูลความจริงแล้วว่าเป็นข่าวเท็จ หนำซ้ำในบางบุคคลอาจต้องจำกัดปริมาณน้ำที่ดื่มต่อวันช่วงที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันอีกด้วยstd49574• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยวัคซีนไฟเซอร์วัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) เป็นวัคซีน messenger RNA (mRNA) vaccine: วัคซีนชนิดสารพันธุกรรม หรือวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ วัคซีนจะทำหน้าที่พา mRNA เข้าเซลล์และกำกับให้เซลล์ผลิตสารโปรตีนสไปค์ (Spike Protein) ของเชื้อไวรัส โดยวัคซีนกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้ขึ้นมาต่อต้านเชื้อไวรัส เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันเริ่มคุ้นเคยกับไวรัสและเริ่มต้นที่จะเอาชนะมัน และร่างกายจะเรียนรู้วิธีต่อสู้กับโปรตีนเหล่านี้ถ้าต้องเผชิญกับมันอีกครั้งnattikasaunsawatsuga• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเชื้อไวรัสโคโรนาสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสทางอากาศ (airborne transmission)นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC" ระบุถึงข้อมูลล่าสุด ที่สนับสนุนว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ระยะฟักตัว สามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสทางอากาศ (airborne transmission) ไม่ต่างจากวัณโรค ปัจจุบันมีหลักฐานจากการทดลองในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถล่องลอยมีชีวิตอยู่ในอากาศนานถึง 3 ชั่วโมงโควิด 2019naruemonjoy• 6 ปีที่แล้วmeter: mostly-false--middle3 ความเห็น
- 2 คนสงสัยวัคซีนวัคซีนพิษสุนัขบ้า วัคซีนพิษสุนัขบ้า คือวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสเรบี (Rabies) โดยมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นพาหะ เช่น สุนัข แมว ลิง ค้างคาว ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะได้รับเชื้อจากการถูกกัดหรือข่วน การฉีดวัคซีนนี้จะช่วยป้องกันผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้า โดยผลิตขึ้นมาจากเชื้อไวรัสเรบีที่ตายแล้ว เมื่อเข้าไปในร่างกาย เชื้อจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิdiazp121phoenix• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวัคซีนพิษสุนัขบ้าวัคซีนพิษสุนัขบ้า คือวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสเรบี (Rabies) โดยมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นพาหะ เช่น สุนัข แมว ลิง ค้างคาว ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะได้รับเชื้อจากการถูกกัดหรือข่วน การฉีดวัคซีนนี้จะช่วยป้องกันผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้า โดยผลิตขึ้นมาจากเชื้อไวรัสเรบีที่ตายแล้ว เมื่อเข้าไปในร่างกาย เชื้อจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไวรัสเรบีpocky18b• 3 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยฝีดากลิงฝีดากลิงคือไรโรคฝีดาษลิง โรคฝีดาษลิง หรือ โรคฝีดาษวานร (Monnkeypox Virus) เริ่มมีข่าวถึงการแพร่ระบาดมากขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้หลายคนเริ่มมีข้อสงสัย และกังวลว่า โรคฝีดาษลิง หรือฝีดาษวานร คืออะไร สาเหตุโรคฝีดาษลิง เกิดจากอะไร อาการน่ากลัวไหม และมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน เรามาทำความรู้จักโรคฝีดาษลิงกันครับ โรคฝีดาษลิง หรือ โรคฝีดาษวานร (Monnkeypox Virus) เป็นโรคที่ใกล้เคียงกับโรคอีสุกอีใส หรือไข้ทรพิษ แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า ผู้ป่วยจะมีไข้ ร่วมกับมีตุ่มผื่นตุ่มหนองทั่วตัว และต่อมน้ำเหลืองโต อย่างไรก็ดีขณะนี้ (เดือนพฤษภาคม 2565) ยังไม่พบการติดเชื้อของโรคนี้ในประเทศไทย แต่ก็ถือเป็นกลุ่มโรคที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะฉะนั้นผู้ที่กลับจากแอฟริกา หรือสัมผัสกับสัตว์ป่าต่างถิ่น หากมีอาการดังกล่าว หรือพบอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์สุขภาพdiazp121phoenix• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสูตรดูแลเส้นผมด้วยกระเทียม แก้ผมร่วง ผมบางหลายคนอาจมีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม เช่น ผมร่วง ผมบาง ผมยาวช้า บางคนใช้แชมพู ครีมนวดหรือทรีตเมนท์ต่างๆ กลับมีปัญหามากขึ้น นั่นเป็นเพราะคุณอาจจะแพ้สารเคมีก็ได้ แต่รู้หรือไม่อาหารจากธรรมชาติอย่าง 'กระเทียม' สามารถช่วยได้std48356• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแผ่นดินไหว ญี่ปุ่น ครั้งใหญ่ย้อนกลับไปวันที่ 11 มีนาคม ปี 2011 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น วัดแรงสั่นสะเทือนได้ขนาด 9.0 ตามมาตราริกเตอร์ โดยมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่นอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ (โทโฮกุ) ของคาบสมุทรโอชิกะ ลึกลงไปใต้พื้นดิน 32 กิโลเมตร นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงเป็นอันดับ 4 ของโลก เท่าที่มีการบันทึกไว้ตั้งแต่ปี 1900trueoppo302• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยยาลดน้ำหนักของ Nobu ลดได้ถึง 15 โล จริงเหรอค่ะลดจริง ผอม ไว อิ่มนาน หมดทุกปัญหา ตัน อ้วน ย้วย ลดถึง 15 โล ใน4 สัปดาห์ โดยไม่ใช้สารเคมี ไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องออกกำลังกายลดความอ้วนMxtinx260148• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยพายุโคนี จะส่งผลกระทบต่ออีสานไหมพายุโคนี ใหญ่กว่าลูกก่อน จะ ส่งผลกระทบต่ออีสานไหม หนักหรือเบาKittisak Thum Chinnasang• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกระเทียมรักษาผมร่วงได้หรือเปล่าคะ เห็นมีสูตรแชร์กันเยอะมากใน internetมีสูตรจากหลายสำนักเลยค่ะว่ากระเทียมสามารถรักษาผมร่วงได้ ไม่ค่อยแน่ใจในสรรพคุณเท่าไหร่ค่ะยาสมุนไพรanonymous• 6 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยPM2.5 คือสาเหตุการเกิดมะเร็งปอด‼️ 🏵 วันหยุดวันนี้ ประเทศไทยโดยเฉพาะภาคเหนือก็ยังผจญกับ PM2.5 ในระดับเลวร้าย ประจวบเหมาะวันนี้ Nature เผยแพร่วารสารฉบับล่าสุด (6 เมษายน) ทำปกและ headline เกี่ยวกับ PM2.5 และกลไกการเกิดมะเร็งปอด ซึ่งเป็นงานที่เคยนำเสนอใน ESMO ล่าสุด ลงตีพิมพ์ในฉบับนี้พอดี 🏵 Paper นี้เป็นผลงานของทีม TRACERx นำโดยนักวิจัยจาก UK ร่วมกับอีกหลายประเทศ เริ่มศึกษาจากมะเร็งปอดชนิด non-small cell lung cancer (NSCLC) ที่มี EGFR mutation กว่า 3 หมื่นคน มะเร็งปอดที่พบการกลายพันธุ์ของยีนนี้จะพบบ่อยในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะชาวเอเชีย พบว่าอุบัติการณ์ของโรคสัมพันธ์กับระดับ PM2.5 ในพื้นที่ของผู้ป่วยอย่างชัดเจน จากกราฟเทียบระดับ PM2.5 ที่ 10 กับ 40μg/m3 จะเห็นว่าอัตราเกิดมะเร็งปอดต่างกันราว 7 เท่า 🏵 การศึกษาในหนูที่สร้างขึ้นมาให้มีการกลายพันธุ์ของยีน EGFR ในเนื้อปอด หายใจอากาศที่มี PM2.5 ต่างกันคือ 0, 5 และ 50μg/m3 เป็นเวลา 10 สัปดาห์ แล้วเอาเนื้อปอดมาตรวจดูจะเห็นชัดว่ามี PM2.5 สะสมในปอดหนูต่างกันมาก และจำนวนจุดที่พบการขยายตัวของกลุ่มเซลล์เนื้องอกที่มียีน EGFR mutation ในเนื้อปอด (จุดสีต่าง ๆ หลากสีในภาพแถวที่ 2 ด้านขวา) ระหว่างกลุ่มควบคุม (0) กับ 50μg/m3 ก็ต่างชัดเจน พรึ่บไปหมด 🏵 การศึกษาเนื้อปอดของคนปกติ พบว่าเซลล์ปอดของเรามียีน EGFR กลายพันธุ์ได้อยู่แล้วนิดหน่อย เฉลี่ย 1 ใน 550,000 เซลล์ และเมื่อสุ่มตรวจพบว่าคนปกติ 18% มียีนนี้กลายพันธุ์อยู่แล้ว และสัดส่วนเพิ่มขึ้นตามอายุ 🏵 เมื่อหายใจเอา PM2.5 เข้าไปสะสมในเนื้อปอด ส่งผลกระตุ้นการอักเสบ เกิดการลุกฮือของเซลล์ macrophage เข้ามารุมและปล่อย interleukin-1 (IL-1) ออกมา ซึ่ง IL-1 นี่เองที่กระตุ้นให้เซลล์ปอดที่มี EGFR mutation อยู่เดิมเปลี่ยนพฤติกรรมไปเป็น cancer stem cells เป็นจุดเริ่มของการขยาย clone ของเซลล์มะเร็ง (การทดสอบพบว่าการยับยั้ง IL-1 ด้วยยา canakinumab สามารถหยุดกระบวนการนี้ได้) 🏵 โดยสรุป PM2.5 เป็นเหตุของการเกิดมะเร็งโดยเฉพาะที่มีการกลายพันธุ์ของยีน EGFR ซึ่งพบบ่อยที่สุดในคนเอเชียรวมถึงคนไทยด้วย แม้ว่าการกลายพันธุ์ของยีนนี้เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติและเพิ่มขึ้นตามอายุ แต่การกระตุ้นให้เซลล์ที่มียีนกลายพันธุ์เติบโตเพิ่มจำนวนจนกลายเป็นมะเร็งต้องอาศัย PM2.5 การป้องกัน/ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดที่ดีสุดคือการเลี่ยง PM2.5 ครับ 🏵 ไม่ควรจะเห็นใครที่ยังตะแบงบอกไม่มีข้อมูลว่า PM2.5 มีผลต่อสุขภาพโดยเฉพาะมะเร็งปอดอีก และเลิกทำอะไรหน่อมแน้มแบบที่ผ่านมา ควรเอาจริงเอาจังกับปัญหาได้แล้วครับ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nature.com/articles/s41586-023-05874-3มะเร็งภาคเหนือสภาพอากาศผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ
