1434 ข้อความ
- 1 คนสงสัยยึดเมืองหลวงคืนจากโควิดด้วยวัคซีนได้จริงหรือ วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ 17 กรกฎาคม 2564 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมบอกว่าการระบาดในประเทศใช้เวลาสามสัปดาห์ก็จะเพิ่มจำนวนรายงานผู้ป่วยเท่าตัว และคาดว่าจะถึงอย่างน้อยหมื่นรายต่อวันในตอนปลายเดือน วันนี้เพิ่งพ้นกลางเดือนวันหวยออกได้วันเดียว ยอดติดเชื้อก็ทะลุไปเป็นตัวเลขห้าหลักอย่างว่าแล้ว ผมคาดคะเนว่าเวลาเพิ่มจำนวนของจำนวนตายจากโควิดจะเพิ่มเท่าตัวโดยใช้เวลาเพียงสัปดาห์เศษ ๆ วันนั้นดูเหมือนตัวเลขอยู่แถวห้าสิบตอนนี้ตัวเลขก็ทะลุเป็นเลขสามหลักเป็น 141 แล้ว สรุปแล้วผมคาดผิด ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะวันนี้ตัวเลขสวิงขึ้นสูงโดยบังเอิญ ถ้าเป็นเช่นนั้นพรุ่งนี้มะรืนนี้ตัวเลขจะลดกลับลงไป อีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าเวลาที่ใช้ในการเพิ่มเท่าตัวสั้นกว่าเมื่อเดือนที่แล้วจริง ๆ เราเพิ่งจะล็อคดาวน์กันมาไม่กี่วัน ผลของการตรวจพบเชื้อในวันนี้มาจากการแพร่เชื้อติดเชื้อก่อนหน้านี้ 4-5 วัน ส่วนจำนวนตายน่าจะเป็นผลจากการติดเชื้อแพร่เชื้อเมื่อสองสามสัปดาห์ที่แล้ว ถ้ากระบวนการล็อคดาวน์ได้ผล เราจะเห็นตัวเลขการติดเชื้อหยุดเพิ่มก่อน คงอีกราว 1 สัปดาห์ และกว่าตัวเลขคนตายจะหยุดเพิ่มอาจจะต้องใช้เวลาราว 3 สัปดาห์ขึ้นไป กล่าวกันว่า กทม. เป็นศูนย์กลางของการระบาด ความเร็วในการเพิ่มเท่าตัวก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ผมมีข้อสังเกตสองสามประการสำหรับผู้รับผิดชอบและประชาชน ฝากพวกเราตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย นอกจากจังหวัดภูเก็ตซึ่งประชาชนได้รับวัคซีนสองเข็มไปกว่า 70% แล้ว สถิติต่าง ๆ บ่งบอกว่าอันดับสองของความครอบคลุมการรับวัคซีน คือ กทม. ถ้าเอาจำนวนคนฉีดวัคซีนใน กทม. หารด้วยประชากรในทะเบียนบ้าน จะได้ค่าระหว่าง 40-60% ซึ่งระดับนี้ถือว่าน่าพอใจ และวันนี้ได้ข่าวว่าตั้งเป้าจะฉีดให้ได้วันละหนึ่งแสนโดส ถ้าได้อย่างนี้จริงจะช่วยเสริมแรงการล็อคดาวน์ได้มาก เพราะถ้าไม่ฉีดวัคซีนให้มากพอ ตอนคลายล็อคก็จะเกิดการระบาดอีก ปรกติถ้าฉีดวัคซีนได้ถึง 50% ขึ้นไป เราจะเห็นการระบาดชะลอลง แต่ทำไมใน กทม. ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ทำไมเราไม่เห็นแบบนั้น ผมมีคำอธิบายอื่น ๆ ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้าง โปรดช่วยกันตรวจสอบครับ ผมคิดว่าที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ว่าประชากร กทม. ที่แท้จริงอยู่ที่กี่ล้านคนเพราะปริมณฑลและเมืองบริวารกว้างขวางมาก ผู้คนเดินทางเข้า ๆ ออก ๆ การฉีดวัคซีนในกทม. อาจจะไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ กทม. ทำให้คนรอบนอกเดินทางเข้ามาฉีดได้โดยไม่ยาก ถ้าคนที่ได้วัคซีนไปเป็นคนรอบนอกเสียเยอะ วัคซีนที่ฉีดไปก็คงจะไม่มีค่อยมีผลป้องกันกลุ่มเป้าหมายใน กทม. กลุ่มเป้าหมายหลักของระบบสาธารณสุข มีชื่อย่อ ๆ ว่า 607 หมายถึงคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ฯลฯ 7 โรค ปรากฏว่ากลุ่มนี้ฉีดวัคซีนได้ต่ำกว่าเป้าทั่วประเทศ แม้แต่จังหวัดภูเก็ตที่ได้ชื่อว่าฉีดวัคซีนได้มาก ก็ครอบคลุมผู้สูงอายุได้เพียง 10% เท่านั้น (เพราะช่วงนั้นฉีดวัคซีนไซโนแวค ต้องอายุต่ำกว่า 60 ปี) จังหวัดที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมผู้สูงอายุได้ดีที่สุด คือ สมุทรสาคร ก็ได้เพียง 15% ส่วน กทม. ฉีดผู้สูงอายุได้เพียง 3.14% และ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรังได้เพียง 3.8% ของเป้าหมายเท่านั้น ตัวเลขที่ฉีดวัคซีนประชากรได้ดูเหมือนมาก แต่ ฉีดกลุ่มเป้าหมายหลักได้เพียงนิดเดียว น่าจะอธิบายสาเหตุของไอซียูและเครื่องช่วยหายใจไม่พอได้ระดับหนึ่ง ถ้ายังคงใช้ยุทธวิธีที่สะดวกแบบเดิมอยู่แบบนี้เพียงอย่างเดียว วัคซีนคงไม่ช่วยทำให้คลายล็อควัคซีนได้เท่าไรนัก การเปิดให้จองโดยระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต สะดวก รวดเร็วทั้งผู้รับและผู้ให้บริการ แต่ต้องเป็นผู้รับบริการที่รอบรู้ หูไวตาไว ใช้แอปเก่ง ๆ หรือที่เรียกว่า The Have Net ส่วนพวกที่ช้าหน่อยเข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสารและเท็คโนโลยี หรือที่เรียกว่า The Have Not ก็จะไม่ค่อยได้รับวัคซีน The Have Net จากรอบนอกเข้าถึงวัคซีน The Have Not ในกทม.เอง เข้าไม่ถึง เราก็แก้ปัญหา กทม. ไม่ได้ เวลาพวกเราคนต่างจังหวัดพูดถึง กทม. เรานึกถึง พื้นที่เศรษฐกิจที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ภาพพวกนั้นปิดบังกลุ่มคนยากจนที่อยู่ตามหลืบ ซอกซอย ชุมชนคนกลุ่มน้อย คนขายแรงงาน แคมป์คนงานก่อสร้าง ฯลฯ คนพวกนี้ คือ The Have Not ซึ่งเป็น Social Pathology หรือสภาพสังคมที่เจ็บป่วยอมโรคของเมืองหลวง ผมเชื่อว่าคนพวกนี้เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร บริการสาธารณสุขโดยเฉพาะการฉีดวัคซีนซึ่งต้องการการแข่งขันอย่างสูง เมื่อป่วยก็จะไม่สามารถร้องเรียนกับผู้ใดได้ การแยกตัวของสมาชิกออกจากครัวเรือนไม่ให้แพร่โรคน่าจะลำบากมาก เป็นที่น่ายินดีที่ทางราชการจะได้จัดหน่วยเคลื่อนที่ออกไปยังชุมชน ไปเยี่ยม The Have Not เหล่านี้ และคงเอาวัคซีนไปฉีดให้เป้าหมาย 607 ด้วย แต่ก็คงไม่ง่ายนักที่จะฉีดให้ได้จำนวนมาก ๆ เพราะอาจจะหาสถานที่ที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีนได้ลำบาก การจัดพยาบาลเข้าฉีดวัคซีนตามบ้านจะมีต้นทุนด้านเวลาสูงมาก เป้าหมายที่ตั้งว่าจะได้วันละแสนคนไม่น่าจะทำได้จริง หน่วยสาธารณสุขเคลื่อนทีเก่ง ๆ เหมือนหน่วยซีลทางทหาร คือ รบได้ทุกภูมิประเทศ ทั้งอากาศ ทะเล และ บนบก แต่ไม่สามารถยึดพื้นที่ได้ หน่วยแบบนี้จึงมีข้อจำกัด เมื่อ ห้าสิบปีที่แล้ว ในชนบทเราก็มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เอาไว้ปฏิบัติการจิตวิทยา (ปจว) แสดงว่าทางการไม่ทอดทิ้งประชาชน มีความเมตตากรุณาสงสาร แต่ปัจจุบันนี้ เราสาธารณสุขปฐมภูมิครอบคลุมทุกพื้นที่ มีเครือข่าย อสม. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (สถานีอนามัยเดิม) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ประจำถึง 4-5 คน นี่คือ กองร้อยทหารราบที่ประจำการ ปกป้องโรคภัย เขาดูแลตัวเองกันได้ ไม่ต้องรอความเมตตาจากคนนอก ผมไม่แน่ใจว่าเครือข่ายแบบนี้ในเมืองหลวงทำได้ดีเพียงไร การทำงานของหน่วยราชการโดยเฉพาะการควบคุมการระบาดของโควิดและการระดมฉีดวัคซีนโดยไม่มีประชาชนช่วยจัดตั้งน่าจะทำไม่ได้ผล ในช่วงล็อคดาวน์ เราต้องใช้ทหารราบ พลเดินเท้า และหน่วยประจำการทางสาธารณสุขจำนวนมหาศาล ทำงานสร้างพลัง (empower) ให้ประชาชนในชุมชนยากไร้ในเมืองหลวง ลุกขึ้นยืนหาทางช่วยตัวเองร่วมมือกับทางราชการแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด เพื่อยึดเมืองหลวงคืนจากโควิดให้ได้ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยเส้นสีขาวในตัวหอยแมลงภู่คือพยาธิตามที่มีข้อความชวนเชื่อเรื่องเส้นสีขาวในตัวหอยแมลงภู่คือพยาธิThitima• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยตรวจการติดเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองได้จากการกลั้นหายใจ เช็คอาการไอ-แน่นหน้าอกการกลั้นหายใจสามารถเช็คอาการไอ และแน่นหน้าอกเพื่อตรวจสอบเชื้อ โควิด-19 ได้ด้วยตัวเองstd47762• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! เส้นสีขาวในตัวหอยแมลงภู่คือพยาธิตามที่มีข้อความชวนเชื่อเรื่องเส้นสีขาวในตัวหอยแมลงภู่คือพยาธินั้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จstd47728• 2 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยโซเชียลเดือด! แบมแบม GOT7 โดนเหยียดเชื้อชาติถูกตะโกนคำนี้ใส่หน้า... การที่หนุ่มแบมแบมถูกทักว่าเป็นคนจีนหรือไม่นั้น บงบอกถึงการถูกเหยียดเชื้อชาตินั่นเอง โดยแฟนคลับชาวไทยรายหนึ่งได้มีการนำคลิปมาแชร์และระบุข้อความไว้ว่า เผื่อใครไม่รู้นะ การที่คนขาวตะโกนใส่คนเอเชียว่าไชน่ามันคือการเหยียดชนชาติอย่างหนึ่งซึ่งคนเอเชียที่อยู่ตปท. เจอบ่อยมาก นี่ขนาดว่ามีกล้องตามถ่ายแบมอยู่นะ มันยังกล้าอะตะโกนเข้ามาเสียดสีstd47789• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมเส้นสีขาวในตัวหอยแมลงภู่คือพยาธิทางสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า เส้นสีขาว ๆ ยาว ๆ คล้ายตัวพยาธิที่พบ แท้จริงเป็นลำไส้หอย ไม่ใช่พยาธิอย่างที่เข้าใจ ซึ่งหอยแมลงภู่เป็นหอยสองฝา อยู่ในไฟลัมมอลลัสคา สีของเปลือกเปลี่ยนไปตามสภาพการอยู่อาศัย ถ้าอยู่ใต้น้ำตลอดเวลามีสีเขียวอมดำ ถ้าอยู่บริเวณน้ำขึ้นน้ำลง ถูกแดดบ้างเปลือกจะออกเหลือง เปลือกด้านนอกมีสีเขียว ส่วนท้ายจะกว้างกว่าส่วนหน้า เนื้อหอยมีสีเหลืองนวลหรือสีส้ม มีหนวดหรือเส้นใยเหนียวสำหรับเกาะหลักเรียกว่า เกสร หรือ ซังIntira Jaitiang• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยหนุ่มลอบใช้ไฟหลวงขุดคริปโตฯ เสียหายหลักล้านบาทตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการค้น 3 จุด เชียงใหม่ หลังพบหนุ่มดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขุดคริปโต เคอร์เรนซี่ ความเสียหายเบื้องต้นหลักล้านบาทภาคเหนือstd46517• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยสล็อตแตกดีแตกตริงรองรับทุกบริการ คลิก >> https://bit.ly/3NldSCystd48297• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเส้นสีขาวในตัวหอยแมลงภู่คือพยาธิตามที่มีข้อความชวนเชื่อเรื่องเส้นสีขาวในตัวหอยแมลงภู่คือพยาธินั้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีมีผู้โพสต์เตือนภัยเกี่ยวกับสุขภาพโดยระบุว่า กระเพาะหรือเส้นขาว ๆ ของหอยแมลงภู่เป็นแหล่งรวมของหนอนพยาธิ ควรหลีกเลี่ยงรับประทานแม้ปรุงสุก ทางสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า เส้นสีขาว ๆ ยาว ๆ คล้ายตัวพยาธิที่พบ แท้จริงเป็นลำไส้หอย ไม่ใช่พยาธิอย่างที่เข้าใจ ซึ่งหอยแมลงภู่เป็นหอยสองฝา อยู่ในไฟลัมมอลลัสคา สีของเปลือกเปลี่ยนไปตามสภาพการอยู่อาศัย ถ้าอยู่ใต้น้ำตลอดเวลามีสีเขียวอมดำ ถ้าอยู่บริเวณน้ำขึ้นน้ำลง ถูกแดดบ้างเปลือกจะออกเหลือง เปลือกด้านนอกมีสีเขียว ส่วนท้ายจะกว้างกว่าส่วนหน้า เนื้อหอยมีสีเหลืองนวลหรือสีส้ม มีหนวดหรือเส้นใยเหนียวสำหรับเกาะหลักเรียกว่า เกสร หรือ ซังstd48885• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกู้เงินหลอกลวงให้กู้เงินโดยการใช้บัตรประชาชนได้เงินไม่เกิน10นาทีการเงินstd48001• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโฆษณากู้เงินจากYouTubeสามราถกู้เงินได้สูงสุด10,000บาทโดยใช้แค่บัตรประจำตัวประชาชน ไม่มีดอกเบี้ย ไม่มีภาษีstd48001• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเส้นสีขาวในตัวหอยแมลงภู่คือพยาธิจากกรณีมีผู้โพสต์เตือนภัยเกี่ยวกับสุขภาพโดยระบุว่า กระเพาะหรือเส้นขาว ๆ ของหอยแมลงภู่เป็นแหล่งรวมของหนอนพยาธิ ควรหลีกเลี่ยงรับประทานแม้ปรุงสุก ทางสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า เส้นสีขาว ๆ ยาว ๆ คล้ายตัวพยาธิที่พบผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48084• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยลำปางหยุดการฉีดวัคซีนโควิด19จริงรึเปล่าค่ะลำปาง แจงหยุดฉีดวัคซีนโควิด 19 กะทันหัน หลังมีอาการผิดปกติ หน้าชา-แขนขาอ่อนแรงวัคซีนโควิดkulanit1363• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสรุปสาระ ตากับสูงวัย โดย พญ.เตือนใจ วงศ์วรเศรษฐ์ (จักษุแพทย์) 18 เม.ย.66 โรคตาของ สว. 1. การหย่อนคล้อยรอบตา ถ้าหนังตาตกจนมาบังรูม่านตา อาจมีปัญหาเรื่องการมองเห็น แก้ไขโดยผ่าตัดดึงกล้ามเนื้อตาที่เปลือกตา ไม่ใช่แค่ตัดหนังตาทำตา2ชั้น 2. ต้อกระจก (เลนส์ตาขุ่น) ทุกคนจะเป็นเพราะ ความเสื่อมของเซล (เริ่มเสื่อมอายุ 50-90 ขึ้นไป) (*)การผ่าต้อกระจก คือ การใส่เลนส์เทียมแทนเลนส์ที่ขุ่น วิทยาการก้าวหน้าทุกวัน เลนส์มีหลายแบบควรปรึกษาหมอตา คนที่เปลี่ยนเลนส์ต้อกระจกแล้ว ต่อมาอาจมองไม่ชัด เพราะถุงรองรับเลนส์อาจขุ่น ไปให้หมอทำ Laser จะใสเป็นปกติ 3. ต้อหิน : การเสียของประสาทตาปัจจัยเสี่ยงคือความดันตาสูง แต่ก็มีต้อหินแบบความดันตาปกติ คนที่มุมตาแคบอาจเป็นต้อหินแบบเฉียบพลัน มีอาการปวด คลื่นไส้ มองไม่เห็น การแก้ไข ต้องไปหาหมอตา 4. วุ้นนัยตาเสื่อม เกิดแทบทุกคน อายุมาก ของเหลวในวุ้นตาตกตะกอน (*)วุ้นตาเสื่อม ถ้าพบแสงเหมือนแฟลช.. แว๊บ.. แว๊บ.. ต้องรีบพบหมอตาด่วน อาจต้องรักษาโดยทำ Laserถ้ามีประสาทตาฉีกขาด ถ้าไม่รักษาจะเป็นหายนะของตา น้ำในวุ้นตาจะเซาะไปทำให้ประสาทตาหลุดร่อน Laser เอาไม่อยู่ การมองเห็นอาจเสียไป 5. ตาแห้ง (Dry eye) ใส่คอนแทคเลนส์นานมาก ไม่เปลี่ยนมาใส่แว่นตาเลย อาการ : มีการระคายเคือง อักเสบ น้ำตาไหล : รักษาไม่หายขาด เพียงชะลอ 6. เบาหวาน ตามองไม่เห็นเพราะเส้นเลือดที่ผิดปกติ แตกง่าย การมองเห็นเสีย (*)เส้นเลือดผิดปกติที่ตา อาจมีที่ไต และหัวใจด้วย (*)คนที่เป็นเบาหวานต้องคุมความดัน คลอเรสตอรอลด้วย 7. แว่นสายตา สำหรับสายตาสูงวัยปกติจะเริ่มใส่แว่นสายตาสูงวัยเมื่ออายุ 39-45 ปี หลายคนมีแว่น 2 อัน สำหรับอ่านหนังสือ และดูไกล บางคนแก้ปัญหาโดยทำแว่น Progressive เพื่อจะไม่ต้องใส่ ๆ ถอด ๆ แว่น บางคนใส่แว่น progressive ไม่ได้ ใส่แล้ว.. งง.. งง.. ( ปจบ. เทคโนโลยี่พัฒนา.. ปัญหาใส่แว่นแล้ว.. งง.. งง.. ไม่ค่อยมีละ) 8. "แว่นกันแดด" สำคัญมาก ต้องเลือกที่กันแสง UV ได้ 100 % (ร้านแว่นจะมีเครื่องวัด )แว่นกันแดดควรมีราคา 160 บาท หรือ 500 บาทขึ้นไป แว่นแบรนด์เนม เช่น Ray Ban & ยี่ห้ออื่น ๆ ผลิตเพื่อป้องกันสายตาอยู่แล้ว (*)แว่นกันแดดปลอม คือ แว่นที่ย้อมสีดำ ใส่แล้ว ทำให้ม่านตาขยาย แสง UV เข้าตามากขึ้น ทำให้เป็นต้อเนื้อ ต้อกระจก และตาแห้ง "แว่นสายตา" สามารถทำเป็น "แว่นกันแดด" ได้การเคลือบสีเลนส์ เคลือบกัน UV เพื่อความสบายตา (*)แว่นสีเทา สบายตามาก (*)แว่นสีเหลือง ใส่กลางคืนชัดเจนมาก เป็นแว่นส่องสัตว์ (*)ข้อควรระวัง 1. "การนวดตา".. ไม่ดี จะทำให้เลนส์ตาหลุด 2. การถูมือ 2 ข้างเร็ว ๆ แล้วเอามาอังที่ตา (แบบชี่กง).. ดี เป็นการเพิ่มๆพลังให้(ดวงตา) 3. คนที่มีลูกหลานเล่นแบตมินตัน หรือ กอล์ฟ ควรให้ใส่แว่นตา ป้องกันลูกแบตฯ หรือลูกกอล์ฟมาอัดตา ทำให้ตาแตก เลือดออกในตา เลนส์หลุด อาจเป็นต้อหินได้ "ดวงตา.. เปิดโลกกว้าง".. ตรวจตาอย่างน้อย 1 ปี/ครั้งไม่ระบุชื่อ• 10 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยทะลวงหลอดเลือดด้วยภูมิปัญญาโบราณ เพียง 2 นาที🌹ทะลวงหลอดเลือดด้วยภูมิปัญญาโบราณ เพียง 2 นาที ทะลวงหลอดเลือดด้วยภูมิปัญญาโบราณ เพียง 2 นาที เป็นของขวัญอันล้ำค่าแก่พ่อแม่และเพื่อนๆ ของคุณ 📍ชายชาวลอนดอนคนหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ส่วนตัว เมื่อเขาไปประชุมที่ปากีสถาน เกิดมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างเฉียบพลัน แพทย์ตรวจพบว่าเส้นเลือดหัวใจของเขา 3 เส้นอุดตันอย่างรุนแรง จำเป็นต้องผ่าตัดทำบายพาส. กำหนดการผ่าตัดคืออีก 1 เดือน ในช่วงระหว่างนั้นเขาไปพบหมอบำบัดมุสลิมโบราณ หมอบำบัดให้เขาทำยาทานเองที่บ้าน เมื่อทานครบ 1 เดือน ก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลเดียวกันก่อนผ่าตัด พบว่าเส้นเลือดทั้ง 3 เส้นใสสะอาด ที่เคยอุดตันก็ถูกทะลวงออกหมด เพื่อช่วยให้คนอื่นได้รับประโยชน์ เขาได้บอกเล่าประสบการณ์ของตัวเองบนอินเทอร์เน็ต รวมทั้งโชว์ภาพถ่ายเส้นเลือดของเขาก่อนและหลัง เพื่อให้แสดงความแตกต่างก่อนและหลังทานยา ▪️วัตถุดิบที่ใช้ ... - 1 น้ำมะนาว 1 ถ้วย - 1 น้ำขิง 1 ถ้วย - 1 น้ำคั้นกระเทียม 1 ถ้วย - 1 น้ำส้มสายชูแอปเปิล 1 ถ้วย ▪️วิธีเตรียม.. 1.ลอกเปลือกกระเทียมและขิง หั่นขิงเป็นชิ้นบางๆ นำทั้งสองอย่างใส่เครื่องปั่นเครื่องคั้นน้ำผลไม้ ปั่นละเอียดแล้วเทลงบนผ้ากรอง เพื่อบีบน้ำคั้นออกมา 2.นำน้ำคั้นกระเทียมและขิงลงไปในหม้อ เติมน้ำมะนาวและน้ำส้มสายชูแอปเปิลลงไป ต้มจนเดือด แล้วค่อยๆเคี่ยวไปโดยไม่ต้องปิดฝาหม้อ เพื่อให้น้ำระเหยออก ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็จะได้ยาที่เคี่ยวแล้วประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณเริ่มต้น 3. ตั้งทิ้งไว้จนอุณหภูมิลดลง ก็ให้เติมน้ำผึ้งลงไปผสมเพื่อให้ทานได้ง่าย (ใส่มากเท่าที่รสชาดพอจะทานได้) 4.ใส่น้ำสมุนไพรนี้ในขวดแก้ว แช่ในตู้เย็นเก็บไว้ ▪️วิธีรับประทาน : ทาน 1 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารเช้าทุกวัน สามารถขจัดโรคหัวใจและหลอดเลือดให้หายขาดได้ คนทั่วไปยังสามารถใช้เป็นเครื่องดื่มในชีวิตประจำวัน เพื่อป้องกันโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง รวมทั้งป้องกันโรคหวัดและโรคภัยอื่นๆ ได้อีกด้วย เมื่อทานได้ 1 เดือน ให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล คุณจะพบหลอดเลือดสะอาด เส้นที่มีการอุดกั้นถูกทะลวงไปแล้ว 📍สูตรลับนี้จะต้องบันทึกเก็บไว้นะครับ...! และต้องเผยแพร่ส่งต่อให้คนที่ท่านรักและปรารถนาดี! **** หมายเหตุ น้ำส้มสายชูที่ทำจากแอปเปิ้ล มีจำหน่ายตามห้างต่างๆ "ถ้าข้อมูลนี่เป็นประโยชน์และสามารถช่วยใครได้อีกหลายๆ คน อย่าเก็บไว้อ่านคนเดียวละอย่าลืมส่งให้กับคุณที่คุณรักได้อ่านกันนะค่ะ" ———————SK—————ยาสมุนไพรAZ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเล่าแบ่งปันประสบการณ์ดีดีที่ทำให้อาการเจ็บป่วยที่ดีขึ้น สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ที่รู้จักและยังไม่รู้จักกัน ดิฉันสุณีรัตน์ (ปู) อยากขอเล่าอาการป่วยที่เป็น คือ หมอนรองกระดูกเคลื่อน ปลิ้นทับเส้นประสาท ทำให้รู้สึกเจ็บหลังมาก ขาชาทั้งสองข้าง เป็นมาตั้งแต่ปี 2566 เริ่มเป็นตอนแรกเดินไม่ได้เลย 1 วัน ต้องนอนอยู่บนเตียง พี่สาวพาหาคุณหมอที่ รพ.แห่งหนึ่ง หมอให้ยามาทาน อาการปวดหลังทุเลาลง เริ่มเดินได้แต่เดินช่วงสั้นๆ ต้องพักเป็นระยะ เวลาเดินจะตัวเอียงมากยืดตัวตรงไม่ได้รู้สึกหลังตึงปวด และต้องใช้ผ้ารัดเอวผยุงหลังตลอดเวลาที่เดิน อาการปวดหลังก็ยังคงมีมาตลอด ดิฉันไปพบหมอตามนัดทุกครั้ง อาการปวดหลังก็ยังคงเดิมและต้องรับประทานยาต่อเนื่อง จนมีกัลยาณมิตรท่านหนึ่งส่งข้อมูลให้ทางไลน์ ว่า ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย มีคุณหมอท่านหนึ่งเก่งมากรักษาโรคนี้ด้วยวิธีการที่ท่านศึกษาค้นคว้าเอง ไม่ต้องทำการผ่าตัดด้วย ถ้าสนใจให้ลองโทรไปทำบัตรนัดตรวจดู ดิฉันจึงคุยกับพี่สาวว่าอยากไปรักษา และได้โทรไปทำบัตรและนัดตรวจที่รพ.จุฬาฯ ที่คลินิกเวชศาสตร์ฟื้นฟูนอกเวลา ได้คิวนัดตรวจวันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2567 ถึงวันนัด พี่สาวและน้องสาวไปเป็นเพื่อน พบคุณหมอท่านชื่อ ศ.พญ.อารีรัตน์ สุพุทธิธาดา ท่านตรวจแล้วก็บอกว่าไม่ต้องผ่าตัด ท่านจะใช้เข็มยาวแทงไปที่หมอนรองกระดูกที่มีปัญหา แล้วเขี่ยหมอนรองกระดูกที่ปลิ้นออกมา และเขี่ยหินปูนที่เกาะอยู่ออก หลังจากทำกระดูกไขสันหลังก็จะฟื้นฟูสภาพดีขึ้น วิธีการรักษานี้ท่านบอกว่าคิดขึ้นเองและทำมาเป็น 10 ปีแล้ว และจะทำให้ดิฉันวันนี้เลย ตอนแรกก็รู้สึกกลัวมาก แต่พอเข้าห้องไปทำจริง คุณหมอเก่งมากท่านดูผ่านอัลตร้าซาวด์แล้วก็แทงเข็มเข้าไปใช้เวลาทำไม่ถึง 10 นาทีเสร็จแล้ว หลังทำดิฉันลุกจากเตียงเดินออกมาจากห้องบอกพี่สาวว่าทำเสร็จแล้ว ตอนนั้นรู้สึกหลังหายตึงเลยค่ะ กลับมาบ้านก็ปฏิบัติตามคำแนะนำของอาจารย์หมอ คือดื่มน้ำเยอะๆ และเดินบ่อยๆ รู้สึกว่าอาการปวดหายไป ไม่ต้องทานยาแก้ปวด และเวลาเดินก็ยืดตัวได้เกือบตรงเป็นปกติ ไม่ต้องใช้ผ้ารัดเอวผยุงหลังเลย อาการโดยรวมดีขึ้นมาก เมื่อไปพบอาจารย์หมอตามนัดครั้งที่ 2 คือวันที่ 4 เมษายน 2567 อาจารย์หมอตรวจดูแล้วบอกว่า อาการดีขึ้นมากเลย วันนี้ไม่ต้องทำอะไร สรุปของดิฉันคือทำครั้งเดียวพอและให้กลับไปปฏิบัติตัวตามคำแนะนำต่อไป และนัดตรวจครั้งต่อไป เป็นปีหน้าเลย คือวันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน 2568 รู้สึกดีใจมากเลยค่ะ ที่เดินได้ดีเกือบปกติแล้วไม่ปวดหลัง ไม่ต้องกินยาแก้ปวดแล้ว ขอกราบขอบพระคุณศ.พญ.อารีรัตน์ สุพุทธิธาดา เป็นอย่างสูงที่ทำให้อาการเจ็บป่วยหายไป สามารถเดินได้ดี โดยไม่ต้องผ่าตัดเลยค่ะ จึงอยากขอแบ่งปันการไปรักษาครั้งนี้ให้เพื่อนๆ และคนที่มีอาการป่วยแบบเดียวกันได้รู้ค่ะ ถ้าสนใจโทรไปนัดล่วงหน้าที่คลินิกนอกเวลาของ รพ.จุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทยค่ะ สุณีรัตน์ (ปู)สุขภาพไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว2 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยสุดลำเค็ญ...ตา-ยายพิการเก็บขยะเลี้ยงหลาน 5 ชีวิต ลูกตายชาวบ้านต้องช่วยทำศพ สุโขทัย - น่าเวทนา..ตายายพิการเก็บขยะขายเลี้ยงดูหลาน 5 คน ลูกสาวเพิ่งเสียชีวิต ญาติ เพื่อนบ้าน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึง ส.อบต.ต้องเรี่ยไรเงินทำศพให้ บอกอดบ้างอิ่มบ้างก็อยู่กันไป มีกล้วยกินกล้วย เสื้อเก่าก็ใส่ไม่ต้องอายใคร ห่วงแต่อนาคตหลาน ครอบครัว “นายไพศาล แซ่ตั๊น” พักอาศัยบ้านเลขที่ 51/12 หมู่ 12 ต.ดงเดือย อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ถือเป็นอีกครอบครัวหนึ่งใน อ.กงไกรลาศที่ชาวบ้านต่างเวทนากันทั่ว เพราะนอกจากนายไพศาลจะพิการขาเดินไม่ได้แล้ว ภรรยาก็ตาบอด ยังชีพด้วยเบี้ยผู้พิการ และรับซื้อของเก่าเลี้ยงหลานอีก 5 ชีวิต ล่าสุดลูกสาวคนโตเพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ญาติๆ รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ต้องช่วยกันเรี่ยไรเงินจัดงานพิธีบำเพ็ญกุศล และฌาปนกิจไปเมื่อ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา นายไพศาลเปิดเผยว่า ตนขาพิการเดินไม่ได้ และป่วยเบาหวาน ไขมัน เส้นเลือดตีบ มานานหลายปีแล้ว ส่วนนางเย็น ภรรยาก็ตาบอด 1 ข้าง และป่วยสารพัดโรค มีลูกด้วยกัน 2 คน คือ นางกินรี อายุ 32 ปี ที่เพิ่งจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ส่วนอีกคนเป็นลูกชายทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยนางกินรีมีลูก 4 คน คือ ด.ญ.แตงกวา อายุ 14 ปี, ด.ช.โหนก, ด.ช.แฟง อายุ 13 ปี เป็นคู่แฝดกัน และ ด.ญ.ข้าวฟ่าง อายุ 8 ขวบ ส่วนลูกชายมีลูก 3 คน แต่เอามาฝากให้เลี้ยง 1 คน คือ ด.ช.ปังปอน อายุ 2 ขวบ รวมมีหลานทั้งหมด 5 คนที่ตากับยายพิการต้องช่วยกันหาเงินเลี้ยงดู นายไพศลบอกว่า มีอาชีพขี่สามล้อรับซื้อของเก่าและหาเก็บขยะขาย มีรายได้เดือนละประมาณ 1,000-1,500 บาท และได้เบี้ยผู้พิการอีกคนละ 800 บาทเอาไว้กิน ไว้ใช้ และเป็นทุนซื้อของเก่า เมื่อตอนลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ก็จะช่วยทำงานแทนทุกอย่าง กินอยู่กันตามอัตภาพ อดบ้างอิ่มบ้าง ส่วนลูกชายก็ส่งเงินมาให้ใช้บ้างเดือนละ 1,000 บาทเพราะต้องหาเช้ากินค่ำเหมือนกัน “เกิดมาเป็นลูกหลานของเราแล้วก็ต้องดูแลกันจนถึงที่สุด แต่ก็อดห่วงพวกเขาไม่ได้ เพราะร่างกายของเราไม่รู้จะสู้ได้นานถึงเมื่อไหร่ วันนี้มีกล้วยก็กินกล้วย มีเสื้อผ้าเก่าๆ ก็สวมใส่กันไปไม่ต้องอายใคร อาชีพสุจริต แต่ก็อยากให้หลานๆ ได้มีโอกาสเรียนสูงๆ จะได้มีงานทำ ไม่ต้องลำบากเหมือนทุกวันนี้” นายไพศาลกล่าวด้วยน้ำตาคลอ สำหรับผู้ใจบุญที่ต้องการช่วยเหลือ สามารถโอนเงินมาได้ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขากงไกรลาศ ชื่อนายไพศาล แซ่ตั๊น บัญชีเลขที่ 177-3-412258 โทรศัพท์ 09-4371-4208 หรือส่งสิ่งของจำเป็น เช่น เสื้อผ้า รองเท้า ชุดนักเรียน นมผงเด็ก ฯลฯ มายังบ้านเลขที่ 51/12 หมู่ 12 ต.ดงเดือย อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัยสุขภาพภาคเหนือไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยส่งกลับตามคำแนะนำนะครับ ¤¤¤¤¤¤¤ ♥ โภชนาการบำบัด ♥ ~~~~~~~~~~~~~~~ ■ ใครที่มีเพื่อนรัก! ช่วยกันส่งกันต่อๆไป ความรู้ใหม่ โภชนาการบำบัดโรค ♥ 1. ดื่มน้ำร้อน ปลอดทุกโรค ♥ 2. กินไข่ลวกวันละ 2 ฟอง ใส่พริกไทยดำที่ตำเองหนึ่งช้อนชาจะห่างไกลจากอัลไซเมอร์ ไม่ต้องไปหาหมอ ♥ 3. หยุดกินน้ำตาลทราย เพราะเป็นสาเหตุในการก่อให้เกิดโรคต่างๆ ♥ 4. กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า ♥ 5. กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมรรถภาพทางเพศแข็งแรง ♥ 6. สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด ♥ 7. กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก (เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์) ทำให้หน้าอกโตด้วย ♥ 8. กล้วยน้ำว้า นำไปเผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา อาการปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน ♥ 9. กล้วยหอม เด็กถ้ากินจะช่วยให้มีความจำดี และสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมน ให้กินกับน้ำมะพร้าวอ่อนจะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน (สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัดนะ) ♥ 10. น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ใช้กิน และนวดหน้า นวดร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษาฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด ♥ 11. กินน้ำมันหมูดีที่สุด เพราะช่วยซ่อม สร้างเนื้อเยื่อ ที่เหลือขับทิ้งได้ ไม่เหมือนน้ำมันพืช ที่ผ่านกรรมวิธีที่มีสารเคมีตกค้างมากมาย เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวแน่นอน ♥ 12. กินหอมแดง หอมหัวใหญ่ กระเทียม และตามด้วยมะนาวฝานบางๆทั้งเปลือก 2-3 ชิ้น เพื่อดับกลิ่น เพื่อลดไขมันตัวร้ายในหลอดเลือด ดีกว่ากินยาลดไขมัน ซึ่งมีผลข้างเคียงที่อันตรายมาก ▪▪▪▪▪▪▪▪▪ ★ ส่งต่อเป็นวิทยาทานนะครับ ■ ใครคือเพื่อน 18 คน ที่คุณจะไม่สามารถลืมได้เลยในชีวิต ส่งให้แค่ 18 คน แล้วคอยดูว่า คุณเองจะได้รับกลับมาเท่าไหร่ เริ่มส่งได้เลยนะครับ! อย่าลืมส่งให้เพื่อนคนพิเศษของคุณ (รวมถึงส่งกลับมาให้ข้าพเจ้าด้วย ถ้าข้าพเจ้าเป็นคนพิเศษ) กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่ารักมากๆ เลยนะ ถ้าคุณหรือกลุ่มได้รับกลับมา อย่างน้อย 5 คน ลองดูเลยสุขภาพมะเร็งไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวอนผู้ใจบุญช่วย ยายพิการหลังค่อม อยู่ลำพัง สุดเวทนาอยู่กระท่อมผุพัง ไร้น้ำไฟ กินข้าวแมลงวันตอม ยายเล่าเสียงสั่น โชคชะตาชีวิตสุดรันทด วันที่ 19 ส.ค..2566 ผู้สื่อข่าวรายงานได้รับแจ้งจาก พลเมืองดีผู้ใจบุญ ชาวบ้านหนองโน ต.น้ำคำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ว่ามีหญิงชราพิการหลังค่อม ป่วยเป็นโรคเรื้อรังอาศัยอยู่เพียงลำพังคนเดียวอย่างน่าเวทนา มานานนับสิบปี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง เมื่อไปถึงพบ ยายมีนา มณีรัตน์ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 บ้านหนองโน หมู่ที่ 6 ต.น้ำคำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ อาศัยอยู่ในกระท่อมมุงหญ้าคา สภาพทรุดโทรมรกรุงรัง หลังคารั่วผุพังมีเพียงป้ายไวนิลโฆษณามุงหลังคา เพื่อใช้กันแดดฝน ภายในบ้านมีลักษณะไม่ต่างจากเล้าไก่ อาหารที่อยู่ในจานมีแมลงวันตอม ยายมีนา เอาน้ำปลามาผสมในอาหาร กินประทังชีวิต เป็นภาพที่น่าหดหู่กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ยายมีนา เล่าว่า ตนไม่มีสามีและลูกหลานคอยดูแล มีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคผิวหนังและพิการหลังค่อมมานานหลายสิบปีแล้ว ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ไกล ฐานะยากจนมาก ไม่มีอาชีพ ไม่มีทรัพย์สินเงินทองและที่ดินเป็นของตนเอง มีรายได้เพียงเบี้ยผู้สูงอายุและเบี้ยยังชีพคนพิการจากทต.น้ำคำ เท่านั้น ตนเดินไปไหนมาไหนไม่สะดวก ทำให้ไม่สามารถที่จะทำงานอะไรเลี้ยงตนเองได้ ยายมีนา เล่าด้วยเสียงสั่นว่า ที่ดินที่ตนได้อาศัยปลูกกระท่อมอยู่ในปัจจุบันนี้ ได้ขออาศัยเพื่อนบ้านซึ่งมีจิตใจที่เมตตามาก ได้เมตตาให้ตนมาปลูกเป็นกระท่อมอาศัยอยู่ แต่ว่าไม่มีห้องน้ำไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยเฉพาะเวลาที่มีฝนตกหนักลมแรง กระท่อมที่ตนอยู่จะถูกฝนสาดเปียกปอนทั้งตัวทุกครั้ง ตนต้องนั่งขดตัวสั่นอยู่ในมุ้งเพียงลำพังตัวคนเดียว ตนไม่มีแรงที่จะซ่อมแซมกระท่อมด้วยตนเอง และไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาซ่อมกระท่อมด้วย บางวันก็มีเพื่อนบ้านนำเอาข้าวและน้ำมาให้กิน บางวันต้องอดมื้อกินมื้อ กินข้าวกับน้ำปลาร้า น้ำปลา และดื่มกินน้ำประปาประทังชีวิต เพื่อต่อลมหายใจทนต่อสู้ชีวิตต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากผู้ใจบุญคนใดมีจิตเมตตาต้องการช่วยเหลือ ยาย มีนา มณีรัตน์ สมารถโอนเงินชว่ยเหลือได้ที่ หมายเลยบันชี กสิกรไทย 111-3-43369-4 ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบันชี นางมีนา มณีรัตน์ภาคอีสานมีมไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเส้นสีขาวในหอยแมลงภู่คือพยาธิข่าวปลอม อย่าแชร์! ❌ เส้นสีขาวในตัวหอยแมลงภู่คือพยาธิ . ตามที่มีข้อความชวนเชื่อเรื่องเส้นสีขาวในตัวหอยแมลงภู่คือพยาธินั้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ . จากกรณีมีผู้โพสต์เตือนภัยเกี่ยวกับสุขภาพโดยระบุว่า กระเพาะหรือเส้นขาว ๆ ของหอยแมลงภู่เป็นแหล่งรวมของหนอนพยาธิ ควรหลีกเลี่ยงรับประทานแม้ปรุงสุก ทางสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า เส้นสีขาว ๆ ยาว ๆ คล้ายตัวพยาธิที่พบ แท้จริงเป็นลำไส้หอย ไม่ใช่พยาธิอย่างที่เข้าใจ . ซึ่งหอยแมลงภู่เป็นหอยสองฝา อยู่ในไฟลัมมอลลัสคา สีของเปลือกเปลี่ยนไปตามสภาพการอยู่อาศัย ถ้าอยู่ใต้น้ำตลอดเวลามีสีเขียวอมดำ ถ้าอยู่บริเวณน้ำขึ้นน้ำลง ถูกแดดบ้างเปลือกจะออกเหลือง เปลือกด้านนอกมีสีเขียว ส่วนท้ายจะกว้างกว่าส่วนหน้า เนื้อหอยมีสีเหลืองนวลหรือสีส้ม มีหนวดหรือเส้นใยเหนียวสำหรับเกาะหลักเรียกว่า เกสร หรือ ซัง . โดยในหอยส่วนใหญ่สามารถพบจุลินทรีย์ก่อโรคได้แก่ เชื้อวิบริโอ พาราฮิโมไลติคัส เป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ และเป็นสาเหตุของการเกิดโรคกระเพาะอาหาร และลำไส้อักเสบเชื้อชนิดนี้ มีระยะฟักตัว 4 - 96 ชั่วโมง หลังจากได้รับเชื้อจากการกินอาหาร แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการจะเกิดประมาณ 15 ชั่วโมง หลังได้รับเชื้อผู้ที่ได้รับเชื้อจะเกิดอาการท้องเสีย เป็นตะคริวในช่องท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว มีไข้ จึงควรล้างทำความสะอาดให้ดีและนำมาปรุงสุกด้วยความร้อนอย่างทั่วถึงก่อนรับประทาน . ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่ www.foodsan.anamai.moph.go.th หรือโทร. 0-2590-4188 . บทสรุปของเรื่องนี้คือ : เส้นสีขาว ๆ ยาว ๆ คล้ายตัวพยาธิที่พบ แท้จริงเป็นลำไส้หอยไม่ใช่พยาธิอย่างที่เข้าใจ โดยในหอยส่วนใหญ่สามารถพบจุลินทรีย์ก่อโรคได้แก่ เชื้อวิบริโอ พาราฮิโมไลติคัส เป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้ . หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขNannapat• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกัญชารักษา39โรคนี้ได้จริงไหมครับ💝39โรค หายได้ด้วยกัญชา ประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์💝 🍀💐เอาสิ พี่กัญออกฤทธิ์. ปราบเรียบ 39 โรค มีอะไรบ้างไปดูกันเล้ย😊🤟 1 กัญชาสามารถหยุดการแพร่กระจายของมะเร็งไม่ให้ลุกลามและกำจัดเซลมะเร็งได้ โดยไม่ทำร้ายหรือสร้างความเสียหายให้กับเซลปกติ 2 กัญชาสามารถรักษาต้อหิน 3 กัญชาสามารถป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้(thcสามารถยับยั้งเซลล์เอเบตาโปรตีนไม่ให้ผลิตสารพิษที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์) 4 กัญชาสามารถช่วยลดอาการอักเสบ 5 กัญชาสามารถควบคุมและรักษาโรคลมชัก 6 กัญชาสามารถลดความเจ็บปวดจากโรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม 7 กัญชาสามารถรักษโรคโครห์น (Crohn’s Disease) ความผิดปกติเรื้อรังของลำไส้ใหญ่ได้ 8 กัญชาสามารถช่วยควบคุมและรักษาโรคพากินสัน 9 กัญชาสามารถลดความวิตกกังวล 10 กัญชาสามารถช่วยในการยับยั้งการสร้างสารก่อมะเร็งและปรับปรุงสุขภาพปอดได้ 11 กัญชาสามารถลดความเจ็บปวดจากเคมีบำบัด 12 กัญชาสามารถปรับปรุงอาการของโรคลูปัสหรือโรคเอสแอลอี (โรคพุ่มพวง) 13 กัญชาสามารถช่วยปกป้องสมองจากความเสียหายของโรคหลอดเลือดสมอง 14 กัญชาสามารถควบคุมกล้ามเนื้อกระตุก 15 กัญชาสามารถรักษาโรคลำไส้อักเสบ 16 กัญชาสามารถช่วยขจัดฝันร้าย 17 กัญชาสามารถปกป้องสมองจากการถูกกระทบกระแทกและการบาดเจ็บ 18 กัญชาสามารถช่วยให้เจริญอาหาร 19 กัญชาสามารถช่วยขยายหลอดลมและลดการหดตัวของหลอดลม 20 กัญชาสามารถแก้โรคบิด แก้ปวดท้อง และโรคท้องร่วง 21 กัญชาสามารถช่วยแก้อาการประจำเดือนไม่ปกติของสตรี 22 กัญชาสามารแก้โรคผิวหนังกลากเกลื้อน 23 กัญชาสามารถแก้ปวดหัวไมเกรน 24 กัญชาช่วยรักษาการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง 25 กัญชาสามารถช่วยบำบัดผู้ติดยาเสพติดชนิดรุนแรงเช่นเฮโรอีน 26 กัญชาสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตสูงได้ (รักษาเบาหวาน) 27 กัญชาสามารถช่วยรักษาแผลสด แผลหายยากจากเบาหวาน ให้แห้งและหายได้ 28 กัญชาช่วยทำให้มีอารมณ์เบิกบานแจ่มใสมีสมาธิและจิตใจสงบ 29 กัญชาสามารถช่วยผู้ป่วยที่ติดเชื้อHIVหรือเอดส์ให้สามารถใช้ชีวิตได้ดีขึ้น 30 กัญชาสามารถช่วยป้องกันโรคตับแข็ง 31 กัญชาสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น 32 กัญชาสามารถช่วยรักษาอาการกระดูกหักให้หายไวขึ้น และยังทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นด้วย 33 กัญชาสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายของระบบปเส้นประสาททั้งร่างกายและระบบเชื่อมต่อในสมอง 34 กัญชาสามารถรักษาโรคภูมิแพ้ต่างๆได้ 35 กัญชาสามารช่วยรักษาอาการโรคปลอกประสาทอักเสบหรือโรคเอ็มเอส (MS) 36 กัญชาช่วยแก้อาการแข็งเกร็งจากอัมพฤกษ์อัมพาตได้ 37 กัญชาสามารถแก้ไข้ผอมเหลือง ไม่มีกำลัง ตัวสั่นได้ 38 กัญชาสามารถรักษาแผลในเซลล์ลำไส้ที่เกิดจาการอักเสบของโรค crohn's disease ได้ (จาการทดสอบในตาจึงอาจนำไปสู่การใช้ในผู้ป่วยเบาหวานที่กำลังจะสูญเสียตาได้อีกด้วย) 39 กัญชาสามารถช่วยต่อสู้กับโรคลูคีเมียได้ กัญชาสามารถยับยั้งอารมณ์เกรี้ยวกราดได้ นี่เป็นเพียงบางส่วนเล็กๆเท่านั้นที่กัญชาสามารถทำได้ และโปรดจำไว้ว่า กัญชาเป็นมากกว่ายา..แต่ในฐานะยา.. "กัญชาคือยาที่ปลอดภัยที่สุดในโลก" ..เท่าที่มนุษย์จะหาได้..ในเวลานี้ (กัญชาใช้เป็นยาได้ทั้งมนุษย์และสัตว์) และกัญชายังมีความลับซ่อนอยู่อีกมาก.. 🤔ยาสมุนไพรKlamongkhon Klinhom• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยส่งกลับตามคำแนะนำครับ ¤¤¤¤¤¤¤ ♥โภชนาการบำบัด♥ ~~~~~~~~~~~~~~~ ■ใครที่มีเพื่อนรัก! ก็ช่วยส่งกันต่อๆไปนะ ความรู้ใหม่..โภชนาการบำบัดโรค ♥1.ดื่มน้ำร้อนปลอด ทุกโรค ♥2.กินไข่ลวกวันละ สองฟอง ใส่พริกไทยดำตำเองหนึ่งช้อนชาจะห่างไกลจากอัลไซเมอร์ไม่ต้องไปหาหมอ ♥3.หยุดกินน้ำตาล ทราย เพราะเป็นสาเหตุก่อให้ เกิดโรคต่างๆ ♥4.กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า ♥5.กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมถรรพภาพทางเพศแข็งแรง ♥6.สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด ♥7.กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก (เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์) ทำให้หน้าอกโตด้วย ♥8.กล้วยน้ำว้านำไป เผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา ปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน ♥9.กล้วยหอม เด็กถ้ากินช่วยให้ความ จำดีและสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมนให้กินกับ น้ำมะพร้าวอ่อนจะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน (สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัดนะ) ♥10.น้ำมันมะพร้าว สกัดเย็น ใช้กินและนวดหน้า นวดร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษา ฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด ♥11.กินน้ำมันหมูดีที่ สุดเพราะซ่อมสร้างเนื้อ เยื่อได้ ที่เหลือขับทิ้งได้ ไม่เหมือนน้ำมันพืชที่ ผ่านกรรมวิธีมีสารเคมี ตกค้างมากมายมีอัน ตรายต่อสุขภาพระยะ ยาวแน่นอน ♥12.กินหอมแดง,หอมใหญ่,กระเทียมและ ตามด้วยมะนาวฝานบางๆทั้งเปลือก2-3ชิ้นเพื่อ ดับกลิ่นเพื่อลดไขมันตัวร้ายในหลอดเลือดดีกว่ากินยาลดไขมันซึ่งมีผล ข้างเคียงที่อันตรายมาก ▪▪▪▪▪▪▪▪▪ ★ส่งต่อเป็นวิทยาทาน นะครับ ■ใครคือเพื่อน18คน ที่คุณจะไม่สามารถลืม ได้เลยในชีวิต ส่งให้แค่18 คนนั้น แล้วคอยดูว่าคุณเองได้กลับมาเท่าไหร่. เริ่มส่งได้แค่18คนนะ! อย่าลืมส่งให้เพื่อนคน พิเศษของคุณ (รวมถึงส่งกลับมาให้ข้าพเจ้าด้วยถ้าข้าพเจ้าเป็นคนพิเศษ) กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่ารัก มากๆ เลยนะ ถ้าคุณหรือกลุ่มได้รับ กลับมาอย่างน้อย 5คน ลองดูเลยลดความอ้วนความสวยความงามผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเช็คตัวเอง 🌿🌼🌿 9 นิ สั ย ข อ ง ผู้ ที่ มี บุ ญ ม า ก 🔸1. ไม่คิดมาก เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความสะอาด ความสว่าง ความสงบ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ทำให้เกิดพลังแห่งความสงบ แห่งจิตแห่งใจ ไม่ฟุ้งซ่านรำคาญใจ ไม่คิดเป็นทุกข์ ความคิดทุกความคิด ล้วนนำมาซึ่งความเบิกบานกายใจ ไม่คิดเบิกความทุกข์มาใช้ก่อน 🔸2. ไม่บ่น เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นปัญญา #ทำให้ยอมรับต่อความเป็นจริงของชีวิต ทำให้รู้เห็นและเข้าใจถึงระดับวาสนาของตนและบุคคลอื่น ความเป็นไปของชีวิตนั้นขึ้นตรงต่ออำนาจบุญกรรมที่ทำไว้ บ่นไปก็แค่นั้นเอง ที่ได้มา ที่มีอยู่ ที่เสียใจ ที่ไม่ได้ดั่งใจ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มันคือ “ผลแห่งกรรม” อันเป็นสมบัติของเราเอง 🔸3. รู้ได้ ตื่นได้ และเบิกบานได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความรู้ ตื่น เบิกบาน ตามกำลังของบุญฤทธิ์(ปัญญาญาณ) เป็นผู้รู้ ต่อความเป็นจริงของชีวิต ไม่ปล่อยชีวิตให้ตกไปในกระแสของความโลภ ความโกรธ ความหลง จิตใจมีความอิสระเต็มที่ ทุกวันทุกเวลาทุกนาที 🔸4. ปล่อยได้ วางได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นคนที่รู้จักการละ การวาง ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ไม่เป็นคนที่แบกทุกอย่างที่ขวางหน้า ยึดทุกอย่างที่เกิดขึ้น 🔸5. รอได้ คอยได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความใจเย็น มีความยืดหยุ่น ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ไม่ใจร้อน ใจเร็ว เห็นถึงจังหวะ และโอกาสของชีวิต 🔸6. ไม่กลัว เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความเข้มแข็ง กล้าหาญ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ทำให้ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคและปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพราะมีความมั่นใจในความเป็นผู้บริสุทธิ์ ความเป็นผู้มีบุญของตน เมื่อจะคิด จะทำอะไรลงไป ล้วนมีกำลังบุญมารองรับทั้งหมดทั้งสิ้น 🔸7. สงบได้ เย็นได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะเป็นสภาพให้เป็นคนที่สงบได้ เย็นได้ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ไม่เป็นคนที่ร้อนรน กระวนกระวาย สับส่าย วุ่นวาย ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ในสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น แม้จะตกอยู่ในเหตุการณ์ที่เลวร้าย ก็ทำใจได้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 🔸8. ไม่ทำชั่ว เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นตัวควบคุม บริหารจัดการ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ทำให้เกิดความกลัว ความละอายต่อบาป ต่อกรรม ความผิดน้อยใหญ่ ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เห็นถึงความเสียหาย หลายภพหลายชาติ เห็นถึง ผลกระทบต่อครอบครัว ต่อโลกต่อสังคม อย่างมากมายมหาศาล 🔸9. อดได้ ทนได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นพลังงานเข้มแข็ง ตามกำลังของบุญฤทธิ์ (ปัญญาญาณ) ทำให้มีความอดทน ที่เป็นหนึ่งเป็นเลิศ มีความคิดที่ไม่หวั่นไหว เห็นความสำเร็จทุกชนิดมาจากความอดทน อดทนอย่างมีความสุข 🍂 หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโณ 🌷 ที่มา :: www.luangta.comไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยด่วน ด่วน ด่วน อจ.หมอประสิทธิ์ ออกประกาศ ให้ ปชช ล๊อคดาวน์ครอบครัว ระบาดหนัก หมอจะเอาไม่อยู่แล้ว ฟังแล้วแชร์ออกกันมากๆหน่อย เหตุเกิดมีนบุรี น่าจะเป็นสายพันธุ์แลมบ์ดา กำลังระบาด อาการไอเป็นเลือด แล้วเสียชีวิตเลย มีเพื่อนกี่คน มีกลุ่มไลน์กี่กลุ่มส่งไปให้หมดเลยนะคะ ช่วยกันเพื่อตัวเราเองและเพื่อนร่วมโลก นักฆ่าสายพันธุ์ดุ แรมบ์ดา (เปรู) อนาคตไทยอาจต้องเจอ ถ้าวางแผนไม่ดี ...☠️🎚"สายพันธุ์นักฆ่า" มาถึงทวีปเอเซียเรียบร้อย มันคือ "ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แลมบ์ดา (เปรู)"💀 คนไทยไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธินโฆษก ศบค. ถึงเริ่มถอดใจเรื่องไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย เพราะประเทศไทยอ่อนแอและหย่อนยานที่สุด ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์จะเข้ามาระบาดในประเทศไทย ได้อย่างสบายๆ สายพันธุ์แลมบ์ดา (เปรู) มีจุดกำเนิดการกลายพันธุ์ชนิดรุนแรงที่สุดในประเทศเปรู และปัจจุบันมีการระบาดไปทั่วโลกถึงกว่า 30 ประเทศแล้ว เมื่อการพบการระบาดของสายพันธุ์นี้ที่ประเทศออสเตรเลีย มันจึงง่ายมากที่จะระบาดเข้ามาสู่ประเทศในกลุ่มอาเซี่ยนได้อย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีคนไทยอาศัยอยู่ในออสเตรเลียจำนวนมาก ที่เข้าๆออกๆประเทศไทยกันเป็นว่าเล่น และผู้นำไทยรีบประกาศเปิดเมืองภูเก็ตทั้งๆที่ไทยยังไม่พร้อมอย่างยิ่ง ถือเป็นการเชื้อเชิญไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆอย่างดี สายพันธุ์แลมบ์ดา (เปรู) โหดร้ายกว่าสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) ที่ขณะนี้กำลังระบาดหนักในประเทศไทยเยอะแบบไม่เห็นฝุ่น แถมยังมีความสามารถในการหลบหลีกวัคซีนที่ฉีดในไทย ได้ดีกว่า สายพันธุ์อินเดียเดลต้าพลัส เสียอีก กล่าวคือ อินเดียเดลต้าพลัสว่า เหนือกว่า อินเดียเดลต้าธรรมดาที่ วัคซีนหลายยี่ห้อในทั่วโลกเอาไม่อยู่ แต่สายพันธุ์เปรูแลมบ์ดา โหดกว่านั้นอีกคือ :- 1. ติดเชื้อเร็วกว่าทุกสายพันธุ์ 2. อัตราการตายของผู้ติดเชื้อสูง 3. ยังไม่มีวัคซีนในโลกนี้ ที่สามารถป้องกันได้ 4. ฉีดวัคซีนยี่ห้อไหน ก็ติดและตายได้ แถมยังแพร่เชื้อได้ต่อๆกันไปไม่มีหมด 5.โควิอ-19 สายพันธุ์เปรูแลมบ์ดา ยังสามารถกลายพันธุ์ได้เรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่ง และสามารถเข้ากันได้ดีกับไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ 6. อาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา ยากที่ผู้คนจะรู้รับรู้ได้ว่า ตนได้รับเชื้อมาแล้วหรือยัง ท่านต้องป้องตัวเองอย่างเคร่งครัด อย่าประมาทเด็ดขาด 7. ฟักตัวรวดเร็ว ขยายเชื้อเร็ว ทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตเร็วมาก 8. เชื้อไวรัสนี้หลบหลีกภูมิกันได้แบบสมบูรณ์แบบ นี่คือเชื้อไวรัส โควิด-19 "สายพันธุ์นักฆ่า" ที่น่ากลัวที่สุดในโลกในเวลานี้ ทุกท่านจงร่วมกันป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด เสียแต่วันนี้ ก่อนที่จะเสียใจอย่างคาดไม่ถึงในไม่กี่วัน! ไวรัสล้างโลก.โควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย"กิตติพงษ์ กิตยารักษ์" ลาออกกรรมการบอร์ด ปตท. แบบฟ้าผ่า โดยเผยว่าสาเหตุการลาออกคือ "เนื่องจากมีภารกิจอื่น" . สำหรับสาเหตุการลาออกที่มีการแจ้งในข่าวประชาสัมพันธ์ว่า "เนื่องจากมีภารกิจอื่น" แต่มีการตั้งข้อสังเกตุ เป็นการลาออกก่อนวาระอย่างกระทันหัน และโดยปกติการลาออกของประธานคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่เป็นบริษัทระหว่างประเทศ แบบ ปตท. เป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องทำอย่างรอบคอบ ไม่ส่งสัญญาณผิด ที่กระทบกับภาพลักษณ์บริษัท และอาจทำให้มีการตีความว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นใน ปตท. รายงานข่าวแจ้งว่า ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานกรรมการตรวจสอบและกรรมการอิสระ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ลาออกจากกรรมการบอร์ด ปตท. เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ใน ปตท. เพราะแทบไม่มีเหตุผลใดจะต้องลาออกช่วงเวลานี้ ทั้งนี้ ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ ได้รับแต่งตั้งเข้ามาดำรงตำแหน่งบอร์ด ในฐานะ "กรรมการอิสระ" เมื่อปี 2558 และได้รับเป็นประธานกรรมการตรวจสอบ ซึ่งช่วงที่เข้าไปใน ปตท.นั้น ก็เป็นรัฐบาล คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งก็ยังเป็นนายกฯ อยู่ในปัจจุบัน แมัจะเปลี่ยนเป็นรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สื่อที่เกาะติดปัญหาทุจริตในปตท.ทราบกันดีว่า ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบ ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ มีผลงานเป็นประจักษ์ด้านการตรวจสอบทุจริต ตามคำประกาศวาระแห่งชาติปราบทุจริตของรัฐบาล เพราะได้สะสางปมทุจริตเรื่องใหญ่ๆ ที่คาใจสังคมและผู้ถือหุ้นไปได้หลายเรื่อง นอกจากนี้ ส่วนสำคัญในการดึงองค์กรตรวจสอบมืออาชีพ และผู้สอบบัญชีระดับ big four ของโลก (บริษัท Deloitte Touche Tohmatsu) เข้าไปทำ forensic investigation จนสามารถเปิดโปงหลักฐานที่ชัดเจน ของขบวนการโกงปาล์มอินโดฯ กระทั่งส่งสำนวนให้ ป.ป.ชไต่สวนต่อได้สำเร็จ แต่ส่งไปนานถึง 4 ปี คดียังไม่คืบหน้า สำหรับคดี "ปาล์มอินโดฯ" เป็นกรณีของ บริษัท พีทีที กรีนเอเนอร์ยี่ฯ หรือ PTT.GE. บริษัทลูกของ ปตท. ถูกกล่าวหาว่าลงทุนปลูกปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่พบความไม่ชอบมาพากลในการลงทุน และมีการจ่ายค่านายหน้าแพงเกินจริงกว่า 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา นอกจากนั้น ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ ยังมีส่วนสำคัญในการร่วมมือกับประธานตรวจสอบ บริษัทโกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC จนสามารถเปิดโปงขบวนการโกงทั้งระหว่างบริษัทในเครือ ปตท. ด้วยกันเอง และโยงใยสู่เครือข่ายภายนอก จากกรณีสต๊อกน้ำมันปาล์มในคลังคู่ค้าสูญหาย ส่อว่าจะเป็น "สต็อกลม" ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญากับผู้เกี่ยวข้อง สำหรับ ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ มีประวัติการทำงานเป็นที่ยอมรับในเรื่อง "มือสะอาด" และความตรงไปตรงมา อีกทั้ง ในอดีตเคยเป็นอัยการ และข้ามฟากมาเป็นผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม เป็นอธิบดีหลายกรม ก่อนขึ้นเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ดำรงตำแหน่งยาวนานหลายปี นอกจากนี้ เคยมีบทบาทมากในคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มี ดร.คณิต ณ นคร เป็นประธาน โดยช่วงหลัง ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ มาบุกงานที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย หรือ TIJ เน้นการทำงานร่วมกับต่างประเทศและสหประชาชาติ ขณะเดียวกัน ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ ยังปรากฏชื่อเป็นแคนดิเดต "นายกฯคนกลาง" แทบทุกครั้งที่มีวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย ฉะนั้นการลาออกจาก ปตท. แบบ "ฟ้าผ่า" ครั้งนี้ จึงทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถาม ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นใน ปตท.ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: true1 ความเห็น

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ