13434 ข้อความ
- 1 คนสงสัยสารส้มผสมน้ำใช้ล้างตาช่วยรักษาโรคตาแดงไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยการจัดส่งพัสดุของคุณล่าช้าเนื่องจากไม่สามารถติดต่อผู้รับได้ กรุณาตรวจสอบสถานะและยืนยันการจัดส่งที่ linkup-express.comแอคปลอมไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเสียดสีไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยน้ำท่วมไปทุกจุดไม่เอางบไปช่วยน้ำท่วม เสือกเอามาทำฝาท่อ มึงบ้าหรือเปล่าเรื่องไม่เป็นเรื่องเก่งนัก #ผวสต https://www.facebook.com/share/r/3GctSC9eFxyCmhoY/?สภาพอากาศการเงินไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนรับประทาน2อาทิตย์กระจ่างใสขึ้นจริงหรือไม่?ผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนรับประทาน 2 อาทิตย์กระจ่างใส จริงหรือไม่? จากประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงกันบนโลกออนไลน์ว่า การรับประทานผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนสามารถทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นจริงหรือไม่ รศ. พญ.เพ็ญพรรณ วัฒนไกร แพทย์ประจําหน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนว่า กลูต้าไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เซลล์ในร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ได้เอง มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย (ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.rama.mahidol.ac.th ) ในทางการแพทย์พบว่ามีการนำกลูต้าไธโอนมาทดลองใช้ในการรักษาโรคต่างๆ แต่ยังไม่ได้รับการ อนุมัติข้อบ่งใช้จากองค์การอาหารและยา เช่น ภาวะเป็นหมันในเพศชาย ปลายเส้นประสาทอักเสบ มะเร็ง กระเพาะอาหาร หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก วิธีการรักษามักทำโดยการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำหรือเข้าที่ กล้ามเนื้อ ผลข้างเคียงอย่างหนึ่ง คือ ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการฉีดกลูต้าไธโอนนั้นมีสีผิวที่ขาวขึ้น เนื่องมาจากกลูต้าไธโอนสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) ได้ และส่งผลให้เม็ดสีของผิวหนัง เปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว ด้วยเหตุนี้เองจึงมีผู้พยายามนำผลข้างเคียงของยามาใช้ในการทำ ให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นการนำยามาใช้ในทางที่ผิดอีกรูปแบบหนึ่ง โดยในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาที่ น่าเชื่อถือยืนยันหรือรับรองประสิทธิภาพและประโยชน์ของกลูต้าไธโอนในการทำให้ผิวขาวได้อย่างแท้จริง (ข้อมูลจากเว็บไซต์https://pharmacy.mahidol.ac.th/dic/) ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าผิวที่ขาวขึ้นจากกลูต้าไธโอนนั้นยังอยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น หากต้องการให้ผลอยู่ในระยะยาวจำเป็นต้องทานซ้ำเป็นระยะๆ ทำให้ยาสะสมในร่างกายมากขึ้น และอาจมีความเป็นพิษต่อตับ รวมถึงอาจก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาวได้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ กลูตาไธโอนชนิดฉีดหรือชนิดรับประทานเพื่อให้ผิวขาวใสนั้นยังไม่มีการพิสูจน์ผลที่ชัดเจน ความปลอดภัยในการใช้ยาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง และพึงระลึกไว้เสมอว่า “ ไม่มียาชนิดใดในโลกที่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์ ” ดังนั้นก่อนการใช้ยาใดๆ ก็ตามควรศึกษาข้อมูลปรึกษาเภสัชกร ก่อนรับประทานให้ละเอียดเสียก่อนเพื่อความปลอดภัยของตนเอง ( ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://hdmall.co.th/ )ความสวยความงามอย. เพิกถอนsatit1302• 4 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยตร.สอบสวนกลาง เตือนประชาชนอย่ารับสายเบอร์ขึ้นต้น +697 , +698 , +66 เป็นเบอร์มิจฉาชีพ เผยแพร่: 20 ก.ย. 2567 16:33 ปรับปรุง: 20 ก.ย. 2567 16:33 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ 2,937 เพจ “ตำรวจสอบสวนกลาง” เตือนประชาชนห้ามรับสายเบอร์ ขึ้นต้นด้วย +697 หรือ +698 เเละ +66 คือเบอร์มิจฉาชีพ โทรจากต่างประเทศ เพราะอาจถูกหลอกลวงหรือขโมยข้อมูลส่วนตัวได้ วันนี้ (20 ก.ย.) เพจ “ตำรวจสอบสวนกลาง” ได้ออกมาโพสต์ข้อความเตือนประชาชนห้ามรับสายเบอร์ ขึ้นต้นด้วย +697 หรือ +698 เเละ +66 คือเบอร์โทรจากมิจฉาชีพ โดยระบุว่า “มีสายเรียกเข้าขึ้นต้นด้วยเบอร์นี้อย่ารับสาย หากได้รับสายจากเบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย +697 หรือ +698 เเละ +66 นั่นคือสายจากมิจฉาชีพที่ใช้ระบบ VoIP โทรเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่ง กสทช. ได้กำหนดให้โอเปอร์เรเตอร์ (Operatore) แปะรหัสนี้ไว้เพื่อให้ผู้รับสายระวังตัวรู้ว่าคือเบอร์โทรจากมิจฉาชีพ ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ขอแนะนำว่าหากมีเบอร์ ขึ้นต้นด้วย +697 หรือ +698 เเละ +66 โดยไม่มีธุระติดต่อจากต่างประเทศ ให้วางสายทันที อย่ารับสายหรือโต้ตอบ เพราะอาจถูกหลอกลวงหรือขโมยข้อมูลส่วนตัว ทั้งนี้ สามารถแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลเกี่ยวกับมิจฉาชีพในลักษณะดังกล่าว ได้ที่สายด่วนศูนย์ AOC 1441 ตลอด 24 ชั่วโมงครับ ”ไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยพายุไต้ฝุ่นเบบินคา ลูกนี้แรงที่สุดเท่าที่มีมาตั้งแต่ปี 1949 เตือนคนไทยเตรียมรับมวลน้ำจำนวนมากไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยลุกจากที่นอนกะทันหัน ทำให้กระดูกกะโหลกศีรษะแตก หัวใจหยุดเต้นไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยรัฐบาลเยียวยาบ้านที่เสียหายเกิน 70% จากอุทกภัย หลังละ 2.3 แสนบาทไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยบัตร 10 ปีที่ต่างด้าวได้รับ ถูกจำหน่ายออกจากระบบไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยUp5 Sure Digestion ช่วยรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร ป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยใกลัเสียดสีไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกรุงไทยเปิดเพจใหม่ชื่อ Krungthai KTX Stock Exchangeการเงินแอคปลอมไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกยศ. ผ่อนผันชำระหนี้ผู้กู้ยืมที่ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ โดยไม่เสียเบี้ยปรับ รวมระยะเวลาไม่เกิน 2 ปีไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสุนัขทหารสหรัฐฯ มียศสูงกว่าทหารควบคุมสุนัขข่าวการเมืองมีม เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยรากฟันเทียมฟรี สำหรับคนอายุ 55 ปีขึ้นไปสุขภาพไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยไม่ควรปิดฝาไมโครเวฟทันทีหลังใช้งานไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยhttps://www.blockdit.com/posts/66ea22bbba64429178820b58ไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"น้ำที่เข้าสู่ร่างกายกำหนดอายุขัยมนุษย์ได้" ผู้เขียน : ดร. เอฟ. แบทแมน ดร. แบทแมนเป็นลูกศิษย์ของอเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่ง ผู้ค้นพบเพนนิซิลินและผู้ได้รับรางวัลโนเบล เขาอุทิศชีวิตให้กับการศึกษาผลการบำบัดของน้ำ น้ำเพียงสองแก้วสามารถบรรเทาอาการปวดท้องรุนแรงที่เกิดจากแผลในกระเพาะอาหารได้ เขารักษาคนไข้มากกว่า 3,000 คนด้วยน้ำโดยไม่ต้องใช้ยา 1. เขาพบว่าน้ำสามารถรักษา: 1.1 โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง: เพราะน้ำสามารถเจือจางเลือดและป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1.2 โรคกระดูกพรุน: เพราะน้ำสามารถทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นในระหว่างการเจริญเติบโต 1.3 โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง: เพราะน้ำสามารถขนส่งออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ได้ และเซลล์มะเร็งเป็นเซลล์ที่ไม่ใช้ออกซิเจน 1.4 ความดันโลหิตสูง: เพราะน้ำเป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติที่ดีที่สุด 1.5 โรคเบาหวาน: เพราะน้ำสามารถเพิ่มปริมาณทริปโตเฟนในร่างกายได้ 1.6 นอนไม่หลับ: เพราะน้ำสามารถผลิตสารควบคุมการนอนหลับตามธรรมชาติได้ - เมลาโทนิน 1.7 ภาวะซึมเศร้า: เพราะน้ำสามารถเพิ่มปริมาณเซโรโทนินในร่างกายได้ตามธรรมชาติ 2. บทนำเกี่ยวกับการดื่มน้ำ : 2.1 ควรดื่มน้ำบริสุทธิ์ 2 ถึง 3 ลิตรต่อวัน ดื่มหลังตื่นนอน 1-2 แก้ว และจิบทุกๆ ครึ่งชั่วโมงตลอดวัน(จะไม่ทำให้ฉี่บ่อย) อย่ารอจนกระหายน้ำจึงจะดื่มน้ำ 2.1.1 พยายามดื่มน้ำบริสุทธิ์แทนน้ำอัดลมและกาแฟ 2.1.2 คนสมัยใหม่ รวมถึงแพทย์ส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจถึงความสำคัญของน้ำในร่างกายมนุษย์ 2.1.3 ยาสามารถบรรเทาอาการได้ แต่ไม่สามารถรักษาโรคที่เกิดจากการแก่ชราได้ 2.1.4 เราจะรู้ทันทีว่าสาเหตุของโรคต่างๆ มากมายก็คือการขาดน้ำ 2.1.5 การขาดน้ำในร่างกายทำให้เกิดความผิดปกติของการเผาผลาญน้ำ และความผิดปกติทางสรีรวิทยาในที่สุดก็นำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ มากมาย 2.2 น้ำเป็นแหล่งที่มาของชีวิต : เหตุผลที่มนุษย์สามารถเติบโตบนบกได้ก็เพราะว่าร่างกายมีระบบกักเก็บน้ำที่สมบูรณ์ 2.2.1 ระบบนี้กักเก็บน้ำไว้ในร่างกายมนุษย์เป็นจำนวนมาก คิดเป็นประมาณ 75% ของน้ำหนักตัว 2.2.2 ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงปรับตัวให้เข้ากับภาวะขาดแคลนน้ำชั่วคราวได้ในช่วงเวลาสั้นๆ 2.2.3 ในขณะเดียวกัน ร่างกายของมนุษย์ยังมีกลไกการจัดการภาวะขาดน้ำแคลนในร่างกายอีกด้วย เมื่อร่างกายมนุษย์ขาดน้ำ น้ำที่กักเก็บไว้ในร่างกายจะถูกกระจายอย่างเข้มงวด และอวัยวะที่สำคัญที่สุดจะได้รับน้ำและสารอาหารที่ขนส่งทางน้ำในปริมาณที่เพียงพอก่อน 2.2.4 ในการกระจายน้ำ สมองจะได้รับความสำคัญสูงสุด 2.2.5 สมองคิดเป็น 1/50 ของน้ำหนักร่างกายมนุษย์ แต่ได้รับการไหลเวียนของเลือดทั้งหมด 18%-20% และมีสัดส่วนของน้ำเท่ากัน 2.2.6 เมื่อร่างกายขาดน้ำ กลไกการจัดการภาวะขาดแคลนน้ำในร่างกาย จะให้ความสำคัญกับ อวัยวะที่สำคัญก่อน ดังนั้นอวัยวะอื่นๆ จะได้รับน้ำไม่เพียงพอ 2.2.7 ในเวลานี้ พวกมันจะส่งสัญญาณเตือน ซึ่งบ่งชี้ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งขาดน้ำ 3. ผู้เขียนเป็นแพทย์มาหลายปี และมักพบสถานการณ์นี้บ่อยครั้ง: เป็นสัญญาณจากร่างกายอย่างชัดเจนว่าน้ำกำลังขาดแคลนและจำเป็นต้องเติมน้ำอย่างเร่งด่วน แต่ผู้คนใช้ยาเคมีเพื่อจัดการกับสัญญาณการขาดแคลนน้ำเหล่านี้ น่าเสียดายที่ความผิดพลาดนี้จะยังคงดำเนินต่อไป อาการของร่างกายจะค่อยๆ พัฒนาขึ้น และภาวะขาดน้ำจะซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ 3.1 อย่าดื่มน้ำแข็งเปล่า (น้ำผสมน้ำแข็ง หรือน้ำแช่เย็น) ผู้คนเทน้ำ 0℃ ลงในกระเพาะที่อุณหภูมิ 37℃ แต่ปัสสาวะกลับร้อน ซึ่งก็คืออุณหภูมิของร่างกายที่ 37℃ 3.2 อะไรเปลี่ยนน้ำที่เย็น 0℃ ให้เป็นปัสสาวะที่อุณหภูมิ 37℃ เขาคือม้ามและกระเพาะ เมื่อม้ามและกระเพาะอาหารไม่สามารถทนรับเครื่องดื่มที่เย็นขนาดนั้นได้ พวกเขาจะดึงเอาสิ่งสำคัญ (พลังชีวิต) จาก "ไต" แล้วนำมาแปลงเป็นพลังงานความร้อนเพื่อปรุง ให้ร่างกายกลับมาที่อุณหภูมิ 37℃ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สกัดออกมาจากไตจะทำให้ไตของคุณอ่อนแอ 4. หากคุณชอบดื่มน้ำเย็น ไตของคุณจะอ่อนแอ ซึ่งจะส่งผลต่อความจำของคุณ ทำให้คุณต้องนั่งรถเข็นเมื่อแก่ชรา และทำลายกระดูกของคุณ... ※อุณหภูมิที่ส่งเข้าสู่ร่างกายจะกำหนดอายุขัยของคุณ Cr : บทความภาษาอังกฤษ จาก ห้อง TRAFS Chat Room บันทึกโดย taew lalida - อนามัย อภัยโส แปลไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยย้อมสีผมบ่อย เสี่ยงก่อโรคมะเร็งจริงหรือไม่ ?ย้อมสีผมบ่อย เสี่ยงก่อโรคมะเร็งจริงหรือไม่ ? การย้อมสีผมในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการย้อมเพื่อเปลี่ยนลุคและสไตล์ หรือการซ่อนผมขาว ได้รับการยอมรับในทุกช่วงวัย การย้อมสีผมบ่อยๆจะทำให้เราได้รับสารเคมีอย่างต่อเนื่อง แต่สารเคมีเหล่านั้นไม่สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ แต่หากการได้รับสารเคมีในน้ำยาย้อมสีผมเป็นประจำอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ (ข้อมูลจาก Harvard Medical School) ยาย้อมผมตามท้องตลาดมี 3 ประเภท ดังนี้ 1. ประเภทสีชั่วคราว ถ้าสระผมแล้วสีก็จะค่อยๆหายไป 2. ประเภทสีกึ่งถาวร หรือเรียกว่าสีโกรกผม สามารถปิดหงอกได้ไม่เกิน 30% ถ้าสระผม 5-6 ครั้ง ก็จะค่อยๆหลุดออกไป 3. ประเภทสีย้อมถาวร หรือเรียกว่าสีย้อมผม สามารถปกปิดผมได้ สระแล้วสีไม่หลุดลอก แต่วิธีนี้งานวิจัยระบุว่าจะทำให้โครโมโซมร่างกายเสียหาย ถ้าย้อมบ่อยๆเซลล์อาจจะกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งได้ ส่วนผสมในน้ำยาย้อมผมที่อาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย ดังนี้ 1. สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไชด์ : ทำลายเส้นผมและหนังศีรษะ ก่อให้เกิดอาการอักเสบ และระคายเคือง 2. สารฟีนิลินไดอะมีน หรือสีย้อมผมชนิดถาวร : อาจทำให้เกิดการระคายเคือง และอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งหนังศีรษะได้ 3. แอมโมเนีย : สามารถกัดเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้ผมเสีย รากผมอ่อนแอ 4. สารซิลเวอร์ไนเตรต : ทำให้เกิดการระคายได้ 5. สารเลดอะซีเตด : หากสะสมในร่างกายจะทำลายสมอง ประสาทสัมผัส และจัดอยู่ในสารก่อมะเร็ง (ข้อมูลจาก Herbplus+) เราจึงควรมีหลักการในการเลือกน้ำยาย้อมสีผม ดังนี้ 1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน มีวันหมดอายุ วิธีใช้ ส่วนผสม และเลขที่จดแจ้งระบุไว้ชัดเจน 2. เลือกน้ำยาที่ไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย 3. ทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ทุกครั้ง 4. เช็กความเข้มข้นของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ไม่ควรมีมากกว่า 6% เพราะจะทำให้ผมแห้ง ผมกระด้าง และอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะได้ 5. ใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมที่มีส่วนผสมของสมุนไพรเป็นหลัก (ข้อมูลจาก Herbplus+ และ Wongnai) นอกจากนี้ คนที่ย้อมสีผมอยู่แล้ว ไม่ควรย้อมเกิน 9 ครั้งต่อปี นพ.วีรวุฒิ อิ่มสาราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้กล่าวไว้ว่า ผู้ที่ยังไม่เคยย้อมผมไม่ควรย้อมสีผม โดยเฉพาะคนที่ผมบางหรือผมน้อยอยู่แล้ว เพราะการย้อมผมทำให้รากผมไม่แข็งแรง ผมหลุดร่วงได้ง่าย หากสะสมในร่างกาย อาจทำร้ายสมอง ประสาทสัมผัส ที่สำคัญยังจัดอยู่ในสารก่อมะเร็งด้วยเช่นกัน และ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ได้กล่าวไว้ว่า น้ำยาย้อมสีผมยังเป็นอันตรายต่อช่างทำผม เพราะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารเคมีมากกว่าผู้ที่ย้อมผม เนื่องจากต้องสัมผัสกับสารเคมีที่มาจากน้ำยาต่างๆเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม จากการทบทวนวรรณกรรมงานวิจัยต่างๆ พบว่ายังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่ายาย้อมสีผมเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ได้ ดังนั้นเวลาที่ย้อมสีผมควรอยู่ในที่ที่ระบายอากาศได้ดี มีการสวมถุงมือ และใส่หน้ากากป้องกันสารเคมีทุกครั้ง (สาธิตา แสวงลาภ, ฤดีรัตน์ มหาบุญปี ติ, อัจฉรา นราศรี, 2562) (ข้อมูลจาก Herbplus+,สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณะสุข) เครือข่าย : ชมรมสื่อสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามสุขภาพมะเร็งapinya25460• 4 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยใช้โทรศัพท์มือถือขณะฝนตกเสี่ยงฟ้าผ่าหรือไม่ ?“โทรศัพท์มือถือมีความเข้มข้นของสัญญาณต่ำ และหากสนามแม่เหล็กในคลื่นโทรศัพท์มือถือสูงก็สามารถทำให้เกิดอันตรายกับคนได้โดยที่ไม่ต้องโดนฟ้าผ่าเพราะโทรศัพท์มือถือไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ฟ้าผ่า ต่อให้เราไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือ แล้วไปยืนกลางแจ้งขณะฝนฟ้าคะนองก็มีโอกาสที่จะโดนฟ้าผ่าได้เช่นกัน”สภาพอากาศkimwa2002• 4 เดือนที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยดื่มยาดองเหล้าเสี่ยงตาบอด และเสียชีวิตไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น