(14491 ข้อความ)
- 1 คนสงสัยโปรแกรมลดความอ้วนโปรแกรมลดความอ้วน | “หยาด” ผอม 9 กก..โปรแกรมลดความอ้วนได้ผลจริง ลดความอ้วนระยะสั้น ..โปรแกรมลดความอ้วนเห็นผลเร็ว “หยาด” ลดอ้วนปริศนา ... สุดช็อก! ผอมแล้ว 9 กิโล ... ทำลายทุกสถิติ!! ไต่ขึ้นแท่นอันดับ 1 ตัวจริง จนเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามียอดสั่งซื้อพุ่งกระฉูดแบบฉุดไม่อยู่ แบบไม่เคยมีมาก่อน เรียกได้ว่าผลิตไม่ทันจริงๆ เพราะจากกระแสหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้ทุกคนเริ่มรู้ถึงความ สามารถในการทำให้เอว + พุงลดได้จริง จนน้ำหนักก็ค่อยๆ ลดอย่างน่าตกใจลดความอ้วนstd47627• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกินบะหมี่ดิบที่ขยำใส่ผงปรุงรส ทำให้พองในท้องและเกิดภาวะช็อกข่าวปลอม! กินบะหมี่ดิบที่ขยำใส่ผงปรุงรส ทำให้พองในท้องและเกิดภาวะช็อก จากการตรวจสอบจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จStd47605• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโกโก้ ซอยโปรตีน เพิ่มสูง ไม่ต้องพึ่งหมอตามที่มีการเผยแพร่สรรพคุณในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโกโก้ ซอยโปรตีน เพิ่มสูง ไม่ต้องพึ่งหมอ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จตามที่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโกโก้ ซอยโปรตีน เพิ่มสูง ไม่ต้องพึ่งหมอ ตามสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ นั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในชื่อ แคลเซียมโกโก้ ซอยโปรตีน (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร)/Calcium Cocoa Soy Protein (Dietary Supplement Product) เลข อย. 13-1-14959-5-1456 ซึ่งในการยื่นขออนุญาตไม่มีการยื่นข้อมูลประสิทธิผลในการเพิ่มความสูงตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นไม่มีผลในการบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค และต้องแสดงคำเตือนดังกล่าวบนฉลากอย. เพิกถอนผู้บริโภคเฝ้าระวังStd47605• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เตือนข่าวปลอม“จิบน้ำขมิ้นชันป้องกันมะเร็งข่าว “จิบน้ำขมิ้นชันป้องกันมะเร็ง” ที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ นั้น กรมการแพทย์ โดย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้ตรวจสอบข้อมูลวิชาการพบว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าน้ำขมิ้นชันช่วยป้องกันมะเร็งมะเร็งยาสมุนไพรstd47890• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ KeyTo ช่วยลดน้ำหนักได้ 15 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์กรณีชวนเชื่อโดยอ้างสรรพคุณผลิตภัณฑ์ KeyTo สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ 15 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์ ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวไม่สามารถลดน้ำหนักได้ อย่าหลงเชื่อรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว เพราะไม่ได้ผลแถมอาจมีสารที่เป็นอันตราย มีผลข้างเคียงรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ลดความอ้วนอย. เพิกถอนผู้บริโภคเฝ้าระวังStd47605• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยนักฟิสิกส์ฝรั่งเศสขอโทษ ใช้ไส้กรอกแทนภาพดาวจากกล้องเจมส์เว็บศาสตราจารย์ เอเตียนน์ ไคลน์ นักฟิสิกส์และนักปรัชญาวิทยาศาสตร์คนดังของฝรั่งเศส ยอมออกมากล่าวขอโทษต่อบรรดาผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ หลังจากใช้ภาพไส้กรอกสเปน “โชริโซ” (Chorizo) ที่ถูกหั่นเป็นแว่น ลงเผยแพร่ทางทวิตเตอร์ โดยอ้างว่าเป็นภาพคมชัดล่าสุดของดาวฤกษ์ดวงหนึ่ง ซึ่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เว็บบ์ (JWST) บันทึกไว้ได้ เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ศ. ไคลน์ เผยแพร่ภาพชิ้นไส้กรอกดังกล่าว พร้อมกับระบุว่า “นี่คือภาพของพร็อกซิมา เซนทอรี (Proxima Centauri) ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด และอยู่ห่างจากเรา 4.2 ปีแสง”มีมstd47890• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยปัญญาประดิษฐ์ : อันตรายแค่ไหน เมื่อเอไอเขียนข่าวปลอมเองได้OpenAI บริษัทค้นคว้าวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ในนครซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ เปิดตัว ปัญญาประดิษฐ์ที่เขียนตัวอักษรเองได้ (the text generator) ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะถูกนำไปสร้างข่าวปลอม หรือข้อความสแปม (ข่าวขยะ) ที่มีลักษณะรังแกเหยียดหยาม ในโซเชียลมีเดีย ก่อนหน้านี้บริษัทจัดว่าโปรแกรมนี้อันตรายเกินไปที่จะเปิดให้สาธารณะใช้ แต่ตอนนี้ได้เผยแพร่ระบบรุ่นใหม่ซึ่งทรงพลังมากกว่าเดิมออกมาแล้ว บีบีซีและผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ ทดลองใช้ระบบที่ชื่อว่า GPT-2 นี้ดู ซึ่งเป็นระบบที่สร้างจากฐานข้อมูลจากหน้าเว็บถึง 8 ล้านแห่ง และสามารถสร้างข้อความใหม่ขึ้นโดยใช้ฐานจากข้อความเริ่มต้นที่คนป้อนไปให้ ระบบสามารถเขียนกลอนเชกสเปียร์ต่อจนจบบท และเขียนบทความเองได้ ทริสตัน กรีน เขียนบทความลงในเว็บไซต์ด้านเทคโนโลยี The Next Web ว่า เขารู้สึกกังวลกับระบบ GPT-2 เพราะ "มันเป็นตัวแทนของเทคโนโลยีประเภทที่มนุษย์คิดร้ายจะใช้ในการชักจูงผู้คน และผมคิดว่ามันอันตรายกว่าปืนชนิดไหน ๆ เสียอีก" ปัญญาประดิษฐ์ช่วยตัดต่อภาพได้อย่างไร? เอไอก้าวล้ำไปอีกขั้น รู้จักทำงานเลียนแบบเซลล์สมองมนุษย์ได้เอง มนุษย์ต้องกลัวเอไอที่สร้างภาษาขึ้นใช้เองไหม ? บริษัทญี่ปุ่นปลดพนักงานออกทั้งแผนก แล้วใช้เอไอทำงานแทน บีบีซีทดลองใช้ระบบด้วยการใส่ประโยค 2-3 ประโยคจากข่าวจริงของบีบีซีที่ระบุว่า : "Sogou เว็บไซต์ค้นหาของจีนได้สร้างคนหน้าเหมือนจากปัญญาประดิษฐ์เพื่ออ่านนวนิยายยอดนิยมด้วยเสียงของผู้เขียน" และนี่คือผลลัพธ์ที่เอไอเขียนขึ้นมา : "นักวิจัยระบุว่า วิธีการอ่านนี้ไม่ใช่แค่สิ่งประดิษฐ์ของผู้ใช้ Amazon Kindle เท่านั้น ผู้ใช้อุปกรณ์ของ Android ยังเป็นกลุ่มตลาดที่สำคัญสำหรับการอ่านแบบปลอม ๆ อีกด้วย มีหลายทฤษฎีที่จะช่วยอธิบายสิ่งนี้..." นี่คือข่าวจริงที่คุณสามารถลองอ่านเปรียบเทียบดูได้ โนเอล ชาร์คีย์ ศ.ด้านคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยเชฟฟีลด์ ได้ทำการทดลองใช้ระบบนี้เช่นกัน แต่ก็ไม่ประทับใจเท่าไรนัก "ถ้าซอฟต์แวร์ทำงานได้ดีเท่ากับที่ OpenAl อ้าง มันจะสามารถสร้างข่าวปลอมหรือข้อความปลอมที่ล่อให้คนคลิกได้ง่ายมาก แต่โชคดีที่ระบบ ณ ตอนนี้ ยังสร้างข้อความที่ฟังดูตลก และไม่เชื่อมโยงกันกับข้อความตั้งต้นที่ให้ไป" ชาร์คีย์ ใส่ข้อความตั้งต้นไปว่า ไก่งวงเกลียดเทศกาลคริสต์มาส (Turkeys hate Christmas) แต่ข้อความที่ได้กลับมาคือ "ตุรกีเป็นชาติเดียวในโลกที่ไม่ฉลองเทศกาลคริสต์มาส" (Turkey is the only nation in the world that doesn't celebrate Christmas) เดฟ คอพลิน ผู้ก่อตั้งบริษัทให้คำปรึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ The Envisioners ได้ลองทดลองระบบนี้เช่นกันโดยใส่คำตั้งต้นไปว่า "ชายคนหนึ่งเดินเข้าบาร์..." ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาคือ "...และสั่งเบียร์ 2 แก้ว และเหล้าสก็อตช์ 2 แก้ว ตอนชายคนนั้นพยายามจะจ่ายเงิน มีชายสองคนมาเผชิญหน้าเขา คนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า "นี่เพื่อซีเรีย" แล้วชายคนนั้นก็ถูกทิ้งให้เลือดไหลและถูกแทงที่คอ" เขาบอกว่า ผลลัพธ์นี้เป็นบทเรียนว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์ใด ๆ ก็ตามจะเผยให้เห็นอคติที่พบในฐานข้อมูล คอพลิน บอกว่าเมื่อผ่านช่วงเริ่มต้นของการใช้ระบบลักษณะนี้ไปแล้ว สิ่งสำคัญที่คนในสังคมจะต้องมาถกเถียงกันคือ เราอยู่ในโลกลักษณะไหนที่นับวันข้อมูลที่สร้างโดยมนุษย์กับที่สร้างโดยระบบคอมพิวเตอร์ดูจะแยกออกจากกันยากมากขึ้น ในตอนแรก OpenAI เป็นบริษัทไม่หวังผลกำไร ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2015 มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนและพัฒนาการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในลักษณะที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ ในตอนแรก อีลอน มัสก์ ก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนด้วย แต่เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทมาสักพักแล้วล้อเลียน เสียดสีแอคปลอมstd48359• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"สมุนไพรขันทองพยาบาท" ใช้รักษาโรคมะเร็งจากกรณีที่มีการแชร์สรรพคุณของสมุนไพรขันทองพยาบาท ว่าสามารถใช้รักษาโรคมะเร็งได้ ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการพบว่าขันทองพยาบาทไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็ง และไม่สามารถนำมาใช้รักษามะเร็งได้ ซึ่งปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา โดยผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ สำหรับสมุนไพรขันทองพยาบาท (Suregada multiflora) เป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในตำหรับยาสมุนไพรพื้นบ้านมีกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น อัลคาลอยด์ ซาโปนิน ฟลาโวนอยด์ เป็นต้น และจากผลการศึกษาวิจัยระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการ พบว่าสารนี้อาจมีส่วนในการยับยั้งเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง แต่ผลดังกล่าวเป็นเพียงงานวิจัยเบื้องต้น และยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าขันทองพยาบาทช่วยรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์Std47605• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยกัญชาสามารถรักษาฌรคมะเร็งได้ มีผู้ป่วยมะเร็งตับท่านหนึ่งได้ออกมานยันว่ากัญชาสามารถรักษาโรคมะเร็งได้จริงๆ กัญชารักษามะเร็ง!! เปิดประสบการณ์ลับผู้ป่วยโรคมะเร็งในบ้านเรา ก็ลองใช้วิธีการนี้มารักษาตัว จนได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แม้จะยังดีขึ้นไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แต่ “กัญชารักษามะเร็ง” ก็ดูคล้ายจะส่องแสงแห่งความหวังรังรอง ทีมข่าวสัมภาษณ์ผู้จัดการออนไลน์ ได้สนทนากับบุคคลผู้หนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกย่อๆ ว่า “คุณ น.” ... ขออภัย ใครจะกล้าบอกชื่อจริง ... แต่เขาคือผู้ป่วยมะเร็งตับจริงๆ คนหนึ่ง ซึ่งถ่ายทอดประสบการณ์การรักษาโรค ทั้งโดยแพทย์แผนปัจจุบัน และ “แพทย์แผนกัญชา” และผลลัพธ์ที่ออกมาก็ดูเหมือนว่า อย่างหลังจะให้ผลที่มหัศจรรย์อย่างยากจะเชื่อ!!std47890• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยนักฟิสิกส์ฝรั่งเศสขอโทษ ใช้ไส้กรอกแทนภาพดาวจากกล้องเจมส์เว็บบ์ศาสตราจารย์ เอเตียนน์ ไคลน์ นักฟิสิกส์และนักปรัชญาวิทยาศาสตร์คนดังของฝรั่งเศส ยอมออกมากล่าวขอโทษต่อบรรดาผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ หลังจากใช้ภาพไส้กรอกสเปน “โชริโซ” (Chorizo) ที่ถูกหั่นเป็นแว่น ลงเผยแพร่ทางทวิตเตอร์ โดยอ้างว่าเป็นภาพคมชัดล่าสุดของดาวฤกษ์ดวงหนึ่ง ซึ่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เว็บบ์ (JWST) บันทึกไว้ได้ เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ศ. ไคลน์ เผยแพร่ภาพชิ้นไส้กรอกดังกล่าว พร้อมกับระบุว่า “นี่คือภาพของพร็อกซิมา เซนทอรี (Proxima Centauri) ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด และอยู่ห่างจากเรา 4.2 ปีแสง” “ภาพถูกบันทึกไว้ด้วยกล้อง JWST...ด้วยความละเอียดสูงขนาดนี้ โลกใบใหม่ถูกค้นพบอยู่เรื่อย ๆ วันแล้ววันเล่า” กล้องเจมส์เว็บบ์เจอกาแล็กซีเก่าแก่ที่สุด เท่าที่มนุษย์เคยค้นพบมา หลุม 200 แห่งบนดวงจันทร์ มีอุณหภูมิเหมาะสมให้มนุษย์อาศัยได้ พบระบบดาวฤกษ์ยักษ์ 3 ดวง กลืนกินดาวดวงที่ 4 เป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ทวิตเตอร์บางส่วนมองไม่ออกว่าภาพดาวฤกษ์ของ ศ. ไคลน์ แท้จริงคือเนื้อไส้กรอกแสนอร่อย เพราะมันแทบจะไม่ต่างกับดาวฤกษ์ยักษ์สีแดง ที่มีกลุ่มก้อนพลังงานหมุนวนปั่นป่วนบนพื้นผิวคล้ายพายุสุริยะ ทั้งยังดูคล้ายกับภาพอันโด่งดังของดวงอาทิตย์ที่ถ่ายโดยกล้อง EUI ซึ่งติดตั้งบนดาวเทียมสังเกตการณ์ดวงอาทิตย์ (Solar Orbiter) อีกด้วย หลังจากมีเสียงวิจารณ์ตำหนิจากกลุ่มคนที่ทราบว่าภาพดังกล่าวคืออะไร ศ. ไคลน์ได้ทวีตข้อความขออภัย โดยบอกว่าไม่มีเจตนาจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด แต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจถึงมุกตลกของเขา ซึ่งมีจุดมุ่งหมายกระตุ้นเตือนให้ผู้คนคิดไตร่ตรอง และตั้งคำถามกับภาพดาราศาสตร์ที่สวยงามน่าทึ่งอยู่เสมอ โดยไม่ควรยอมรับคำอธิบายจากผู้รู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าอย่างง่ายดายแบบอัตโนมัติ “ไม่มีวัตถุที่จัดเป็นอาหารกินเล่นของสเปนอยู่ที่ไหนเลย นอกจากบนโลก” ศ. ไคลน์กล่าว เมื่อเดือนที่แล้ว อีลอน มัสก์ ประธานผู้บริหารคนดังของบริษัทสเปซเอ็กซ์ ได้ลงภาพและข้อความทางทวิตเตอร์ที่เป็นมุกตลกล้อเลียนผลงานของกล้อง JWST เช่นกัน โดยชี้ว่าภาพดวงดาวและกาแล็กซีจำนวนมหาศาลในห้วงอวกาศลึก (deep field image) แทบจะไม่แตกต่างจากลวดลายของหินแกรนิตที่ใช้ปูเคาน์เตอร์ทำครัวเลย นับแต่เปิดตัวภาพชุดที่เป็นผลงานชิ้นแรกในช่วงกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา กล้อง JWST เผยผลงานที่น่าทึ่งออกมาอีกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจับภาพกาแล็กซี CEERS-93316 ซึ่งถือกำเนิดหลังเหตุการณ์บิ๊กแบงเพียง 235 ล้านปี และอาจมีอายุเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมา หรือการบันทึกภาพดาว Earendel ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่โดดเดี่ยวและห่างไกลจากเรามากที่สุดถึง 28,000 ล้านปีแสง ล่าสุดกล้อง JWST เผยแพร่ภาพกาแล็กซีล้อเกวียน (Cartwheel Galaxy) ซึ่งเกิดจากการชนและรวมตัวของกาแล็กซีโบราณสองแห่ง โดยภาพจากกล้อง JWST เผยถึงรายละเอียดภายในกาแล็กซีล้อเกวียนได้ชัดเจนกว่าที่กล้องฮับเบิลเคยบันทึกไว้ โดยสามารถส่องทะลุกลุ่มฝุ่นและก๊าซหนาทึบเข้าไปเห็นกระจุกดาวฤกษ์ที่ก่อกำเนิดขึ้นใหม่ได้สภาพอากาศstd48359• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยวี กับ เจนนี่ เป็นเเฟนกันจริงหรือไม่โดยมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งออกมาเผยคลิปที่ เจนนี่ และ วี ใช้เวลาอยู่ด้วยกันขณะเดินควงคู่จับมือเดตกันหวาน ๆ ที่ริมแม่น้ำแซน กลางกรุงปารีส เหมือนเป็นการตอกย้ำข่าวลือว่าทังคู่กำลังคบหากันนั้นเป็นเรื่องจริง และดูท่าว่ารักครั้งนี้จะหวานเว่อร์ น้ำตาลเรียกพี่เลยทีเดียว ชาวเน็ตยังเผยหลักฐานเพิ่มเติมอีกว่าคลิปดังกล่าวน่าจะเป็น เจนนี่ และ วีจริง ๆ เพราะหนึ่งในทีม ผจก. ของ เจนนี่ ที่ใช้ชื่ออินสตาแกรมว่า @hhuit ได้โพสต์ภาพตนเองสวมแจ็คเก็ตตัวเดียวกับที่ปรากฏในคลิปขณะเดินตามหลังทั้งคู่อยู่ห่าง ๆ และมีภาพของ วี ที่ใส่ชุดคล้ายกันออกมาด้วยAom Paweetida• 2 ปีที่แล้ว
- 3 คนสงสัยกินเม็ดชานมไข่มุก ทำให้เป็นโรคมะเร็งจากที่มีการแชร์ข้อความบนสื่อออนไลน์ว่า เม็ดไข่มุกบางยี่ห้อจากไต้หวันนั้นมีสารสไตรีน และสารกลุ่มโพลีคลอรีนเนตเต็ดไบฟีนีล (Polychlorinated Biphenyls ; PCBs) ซึ่งทำให้เกิดมะเร็งได้ ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง จากที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไต้หวันได้มีการตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีสารสไตรีน (Styrene) แต่พบสารอะซิโตฟีโนน (Acetophenone) และสารประกอบกลุ่มโพลีโบรมีนเนตเต็ดไบฟีนีล (Polybrominated Biphenyl ; PBBs) ซึ่งมีปริมาณน้อยมาก แต่ไม่ใช่สารประกอบกลุ่มโพลีคลอรีนเนตเต็ดไบฟีนีล (Polychlorinated Biphenyls ; PCBs) จึงไม่ได้ทำให้เป็นมะเร็งอย่างที่ได้มีการแชร์std47890• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกัญชารักษาโรคมะเร็งได้!!กัญชาสามารถรักษาฌรคมะเร็งได้ มีผู้ป่วยมะเร็งตับท่านหนึ่งได้ออกมานยันว่ากัญชาสามารถรักษาโรคมะเร็งได้จริงๆaunchitta169• 2 ปีที่แล้ว
- 6 คนสงสัยดื่มน้ำโซดาช่วยทำให้อาหารย่อยได้ง่ายขึ้นตามที่มีการแชร์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ในประเด็นเรื่องดื่มน้ำโซดาช่วยทำให้อาหารย่อยได้ง่ายขึ้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีข้อความชวนเชื่อที่ระบุว่า ดื่มน้ำโซดาช่วยทำให้อาหารย่อยได้ง่ายขึ้นนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า โซดา คือ น้ำ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งไม่มีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร อีกทั้งยังไม่มีการศึกษาใดยืนยันได้ว่า การดื่มโซดาช่วยย่อยอาหารได้ ซึ่งโซดามีฤทธิ์เป็นกรดเล็กน้อย ไม่มีฤทธิ์ในการย่อยอาหาร นอกจากนี้แล้วความเป็นกรดของโซดาเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งเสริมให้เกิดกรดไหลย้อนและฟันผุ ผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน หรือโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารควรหลีกเลี่ยงการดื่มโซดาสุชญา ชูจันทร์• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เตือนข่าวปลอม“จิบน้ำขมิ้นชันป้องกันมะเร็ง”ข่าว “จิบน้ำขมิ้นชันป้องกันมะเร็ง” ที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ นั้น กรมการแพทย์ โดย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้ตรวจสอบข้อมูลวิชาการพบว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าน้ำขมิ้นชันช่วยป้องกันมะเร็ง นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ขมิ้นชัน (Curcuma longa L.) เป็นพืชสมุนไพรนิยมใช้เป็นเครื่องเทศสำหรับแต่งรสและสีผสมอาหาร ขมิ้นชันมีสารเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและอาจมีส่วนช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งผิวหนัง ซึ่งผลการศึกษานี้เป็นเพียงผลวิจัยในระดับเซลล์และสัตว์ทดลอง อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าสารนี้ช่วยป้องกันหรือรักษามะเร็ง นอกจากนี้การดื่มน้ำขมิ้นชันอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการป้องกันมะเร็ง หากประชาชนยังคงมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือรับประทานอาหารที่อาจปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง ด้านนพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ขมิ้นชันมีหลายรูปแบบ เช่น เหง้าสด เหง้าแห้ง ผง แคปซูล ยาเม็ด ยาทาผิวหนัง และเครื่องดื่มชาขมิ้นชัน แม้ว่าจะเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไปเพราะอาจส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรปรึกษาและขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนรับประทานสุชญา ชูจันทร์• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยNo-fat กินวันละ 1 เม็ดผอมใน 7 วันผลิตภัณฑ์ยาลดน้ำหนักตัวหนึ่งได้โฆษณาเอาไว้ว่า กินวันละ 1 เม็ดสามารถทำให้ลดน้ำหนัก 5-10 กิโลได้ภายใน 7 วันaunchitta169• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 3 คนสงสัยข่าวปลอม “สูตรน้ำพลาสม่า” เฟคนิวส์โควิด จาก ”นักต้มตุ๋น” อิหร่านไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 นอกจากจะเป็นโรคระบาดร้ายแรงที่อุบัติใหม่ขึ้นมาในยุคการสื่อสารออนไลน์ย่อโลกให้เล็กลงจนบางครั้งก็มีข่าวปลอม หรือ Fake news ถูกส่งต่อข้ามทวีปมาให้คนในอีกประเทศอย่างไม่ตั้งใจ ผู้ไม่รู้บางคนที่เห็นว่าเป็นความเคลื่อนไหวจากต่างประเทศก็อาจปักใจในทันทีโดยคิดว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นมีความน่าเชื่อถือ กรณี ข่าวนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ฟิสิกส์ระดับโลกชาวอิหร่าน เผยแพร่วิธีการทำน้ำพลาสมา เพื่อนำมาใช้ดื่มและอาบ สามารถขจัดเชื้อไวรัสโควิดได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ จนทำให้มีการตั้งคำถามว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ? ประเด็นแรกคือ “น้ำพลาสม่า” คืออะไร แล้วนำน้ำพลาสม่ามาดื่มหรืออาบได้ไหม ? พญ.ลลิตา นรเศรษฐ์ธาดา หน่วยโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยแพร่ความรู้กรณี “พลาสม่า” ว่าเป็นส่วนของประกอบของเลือดที่ได้หลังจากแยกส่วนของเม็ดเลือดแดงออกไปแล้ว ในพลาสมานี้เองจะมีโปรตีนทุกชนิดในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรตีนที่เป็นปัจจัยการแข็งตัวของเลือด สรุปแล้ว พลาสม่าก็คือ “น้ำเหลือง” ที่ทางการแพทย์นำมาใช้รักษาผู้ป่วยจากสาเหตุเลือดไหลไม่หยุด หรือภาวะเลือดออกจากการขาดปัจจัยการแข็งตัวของเลือดหลายตัว รวมทั้งยังเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด ใช้ในการรักษาโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าจะนำน้ำเหลืองมาผ่านกรรมวิธีใดๆ ก็ตาม คนปกติก็คงไม่นำมาดื่มหรืออาบอย่างแน่นอน ข่าวนี้มีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ นักวิทยาศาสตร์ชาวอิหร่านรายนี้ มีมูลนิธิและทำเว็บไซต์เปิดขายเหรียญและรับบริจาคในนามมูลนิธิ รวมถึงเป็นแหล่งในการกระจายข่าวบนโลกออนไลน์โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดคือเดือนสิงหาคม 2562 นักวิทยาศาสตร์รายนี้ยังเคยพูดถึงเรื่องพลาสม่าในเว็บไซต์มูลนิธิของตัวเองเมื่อปี 2559 และเป็นที่น่าแปลกว่าชื่อของคนๆ นี้ ไม่เคยปรากฏอยู่บนสื่อหลักต่างประเทศเลย มีแต่ในแพลตฟอร์ม Pinterest เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม พบเฟซบุ๊กเพจที่เกี่ยวกับผู้ตกเป็นเหยื่อของนักวิทยาศาสตร์รายนี้ ซึ่งเป็นแหล่งรวมของผู้ที่ฟ้องร้อง หลังถูกหลอกให้ซื้อเหรียญหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ขายในเว็บไซต์มูลนิธิ โดยมี Wordpress เผยแพร่เมื่อปี 2560 เปิดเผยว่า นักวิทยาศาสตร์รายนี้ถูกศาลอาญา ประเทศเบลเยียม พิจารณาให้จำคุก 30 เดือน ส่วนภรรยาที่ชื่อแคโรลิน่าถูกตัดสินให้จำคุก 24 เดือน ในข้อหากระทำซึ่งด้านการเภสัชกรรมโดยไม่มีใบอนุญาต หรือเข้าใจได้ง่ายๆว่าเป็น “หมอเถื่อน” หลังทำการผลิตยาเพื่อจำหน่ายโดยไม่มีใบอนุญาต นั่นหมายความว่า ข่าวปลอมเรื่อง “น้ำพลาสม่า” รักษาโควิด มาจากนักต้มตุ๋นชาวอิหร่าน ซึ่งคาดว่าหากพ้นโทษจำคุก 30 เดือนแล้ว นี่คือการเคลื่อนไหวอีกครั้งของเขา และเขาก็ยังมารูปแบบเดิมคือ ผลิตน้ำพลาสม่าเพื่อดื่มและอาบ แม้คนไทยจะไม่ใช่เป้าหมายในการหลอกขายน้ำพลาสม่าของเขาก็ตาม ซึ่งในอนาคตการตรวจสอบต้นตอข่าว (Recheck) ที่เกี่ยวกับการรักษาไวรัสโควิด-19 แบบแปลกๆพิศดาร ซึ่งแม้จะมีมาจากต่างประเทศก็อาจเป็นไปได้ว่าเป็นข่าวปลอมที่ถูกปล่อยออกมาจากนักต้มตุ๋นที่ดักรอเหยื่อให้มีเหยื่อที่หลงเชื่อพลาดเข้าไปชมสุชญา ชูจันทร์• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยอย่าเชื่อข้อมูลเท็จ ยืนตากแดดไม่ฆ่าเชื้อโควิดหนึ่งในหลายๆเรื่องเกี่ยวกับการฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีการส่งมาให้ cofact.org ตรวจสอบ และพบว่าเป็นข่าวปลอมที่ถูกนำมาแชร์ซ้ำคือประเด็นการยืนตากแดดจะสามารถฆ่าเชื้อได้ 28 มี.ค.2563 เป็นครั้งแรกที่โซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูลว่าการยืนตากแดดสามารถช่วยฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ โดยมีคนแสดงความคิดเห็นว่า อยากให้มีการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาตากแดดตอนเช้า เพื่อให้แดดฆ่าเชื้อโรคเหมือนนักเรียนสมัยก่อน เพราะเชื่อว่าเชื้อโรคชอบความเย็นมากกว่าความร้อน ซึ่งครั้งนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมายืนยันว่า การยืนตากแดดไม่สามารถช่วยให้ต้านเชื้อโควิด-19 ได้จริง กระทั่ง 13 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา ประเด็นนี้ถูกนำมาแชร์ในโลกออนไลน์อีกครั้งหนึ่ง โดยระบุว่ายืนตากแดด วันละ 20 นาทีช่วยฆ่าเชื้อ โควิด-19 ได้ คราวนี้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ออกมายืนยันอีกรอบว่าประเด็นดังกล่าวนั้นเป็นข้อมูลเท็จ กรมควบคุมโรค ยืนยันว่า กรณีชวนเชื่อเคล็ดลับฆ่าเชื้อโควิด-19 โดยระบุว่าให้แสงแดดชโลมทั่วตัววันละ 20 นาทีทุกวัน (หรือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้) แสงแดดจะไปเสริมภูมิคุ้มกันฆ่าเชื้อโควิด-19 ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าการยืนตากแดดนั้นสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ โดยเชื้อไวรัสตระกูลโควิด-19 นั้นสามารถทนทานต่อความร้อนได้ถึง 90 องศา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วความร้อนจากแสงแดดนั้น มีความร้อนไม่ถึง 90 องศาแน่นอน แม้จะมีการยืนยันจากกรมควบคุมโรคแล้ว แต่ในเวลาไม่ถึงเดือน วันที่ 5 ม.ค. 2564 ก็มีการนำประเด็นนี้มาแชร์ซ้ำอีกในสื่อโซเชียลมีเดีย ด้วยข้อความเดิมๆว่า ให้ยืนตากแดด วันละ 20 นาทีจะช่วยฆ่าโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้กรมควบคุมโรคให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการแชร์ต่อ โดยระบุว่ามีข้อมูลจากการศึกษาค้นคว้า พบว่าไวรัสชนิดนี้จะตายเมื่อโดนความร้อนที่อุณหภูมิ 56 องศาเซลเซียส เป็นเวลานานต่อเนื่อง 30 นาที ซึ่งแสงแดดไม่สามารถทำให้เกิดความร้อนในระดับนี้ได้ อีกทั้งผิวหนังของมนุษย์ก็ไม่สามารถทนทานต่อความร้อนและแสงแดดได้นานเช่นกัน ดังนั้น การตากแดดหรืออาบแดดจึงไม่สามารถรักษาและฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ โดยความร้อนจากแสงแดดนั้น มีไม่ถึง 90 องศาแน่นอน สรุปการแชร์บนโลกออนไลน์ซ้ำๆ ในประเด็นยืนตากแดด เป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง เนื่องจาก ไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าการยืนตากแดดนั้นสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ โดยเชื้อไวรัสตระกูลโควิด-19 นั้นสามารถทนทานต่อความร้อนได้ถึง 90 องศา แต่ความร้อนจากแสงแดดนั้นไม่ถึง 90 องศาสุชญา ชูจันทร์• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! กระเทียมดำมีฤทธิ์ใช้ป้องกันโรคมะเร็งในคนได้ตามที่มีคำแนะนำเกี่ยวกับประเด็นเรื่องกระเทียมดำมีฤทธิ์ใช้ป้องกันโรคมะเร็งในคนได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีการโพสต์ข้อความโดยระบุว่ากระเทียมดำมีฤทธิ์ใช้ป้องกันโรคมะเร็งในคนได้ ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันแน่ชัดจากการศึกษาวิจัยที่ระบุว่ากระเทียมดำสามารถป้องกันโรคหรือปริมาณรับประทานที่สามารถป้องกันมะเร็งในคนได้ โดยกระเทียมดำ หมายถึงกระเทียมสดที่ผ่านกระบวนการหมักบ่มเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ทำให้กระเทียมเปลี่ยนเป็นสีดำ มีเนื้อสัมผัส กลิ่นรส และสารสำคัญในกระเทียมเปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่ากระเทียมดำมีสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มฟลาโวนอยด์และโพลีฟีนอล ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง แต่งานวิจัยที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่เป็นการศึกษาในระดับห้องปฏิบัติการหรือในสัตว์ทดลองเท่านั้น ควรเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์กระเทียมดำที่ได้มาตรฐานเพื่อป้องกันการได้รับสารปนเปื้อนอื่น ๆ การรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างการรักษาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ยังไม่มีรายงานหลักฐานที่ยืนยันแน่ชัดจากการศึกษาวิจัย ที่ระบุว่ากระเทียมดำสามารถป้องกันโรคมะเร็งในคนได้Mumimumi• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ดื่มน้ำอุ่นแช่มะนาวฝาน ช่วยรักษามะเร็งตามที่ได้มีข้อมูลปรากฏในสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องดื่มน้ำอุ่นแช่มะนาวฝาน ช่วยรักษามะเร็ง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลเท็จ หลังจากที่มีการแนะนำโดยระบุว่าดื่มน้ำอุ่นแช่มะนาวฝาน ช่วยรักษามะเร็ง ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าดื่มน้ำอุ่นแช่มะนาวฝานไม่ได้มีคุณสมบัติในการที่จะไปยังยั้งหรือฆ่าเซลล์มะเร็งแต่อย่างใด และจากข่าวที่บอกว่าน้ำอุ่นแช่มะนาวฝานจะเป็นด่าง จากการทดลองโดยใช้เครื่องวัดความเป็นกรดด่าง พบว่าน้ำมะนาวในน้ำต้มสุก มีค่า PH 3.17 ไม่ได้เป็นด่างอย่างที่กล่าว บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การดื่มน้ำอุ่นแช่มะนาวฝานไม่ได้มีคุณสมบัติในการที่จะไปยังยั้งหรือฆ่าเซลล์มะเร็งแต่อย่างใดมะเร็งMumimumi• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ริดสีดวงเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้ใหญตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับประเด็นเรื่องริดสีดวงเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีคำเตือนที่ระบุว่า เป็นริดสีดวงจะทำให้มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า โรคริดสีดวงไม่ได้เป็นสาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งริดสีดวง เป็นโรคที่เกิดจากเส้นเลือดดำทวารหนัก หรือส่วนปลายสุดของลำไส้ใหญ่มีการบวมพองยื่นนูนเป็นติ่งออกมาจากทวารหนัก สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ริดสีดวงภายใน เกิดบริเวณเนื้อเยื่อทวารหนักที่อยู่สูงกว่าระดับหูรูดทวารหนัก และริดสีดวงภายนอก เกิดบริเวณทวารหนักส่วนล่าง มีอาการนูนเป็นติ่งออกจากทวารหนัก โดยปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้แก่ การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานเนื้อแดง เนื้อแปรรูป เป็นประจำ อาหารกากใยน้อย อาหารปิ้งย่างรมควัน ตลอดจนขาดการออกกำลังกาย เป็นต้น และอาการของโรคที่พบบ่อย ได้แก่ การถ่ายอุจจาระมีมูกปนเลือดหรืออาจถ่ายเป็นเลือดสด ๆ มีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง / ถ่ายไม่สุด ขนาดของลำอุจจาระเล็กลง และมีอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด จุกเสียด เป็นต้น บทสรุปของเรื่องนี้คือ : โรคริดสีดวงไม่ได้เป็นสาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานเนื้อแดง เนื้อแปรรูป อาหารกากใยน้อย เป็นประจำ เป็นต้นมะเร็งMumimumi• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! น้ำตาลเทียมทำให้เกิดการก่อตัวของโรคมะเร็งตามที่มีข่าวสารเผยแพร่เรื่องน้ำตาลเทียมทำให้เกิดการก่อตัวของโรคมะเร็ง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีผู้โพสต์ให้ข้อมูลว่า น้ำตาลเทียมทำให้เกิดการก่อตัวของโรคมะเร็ง ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า การบริโภคน้ำตาลเทียมไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งในมนุษย์ ซึ่งน้ำตาลเทียม หรือสารให้ความหวาน (Artificial Sweeteners) เป็นวัตถุเจือปนอาหารที่ผลิตขึ้นมาเพื่อแต่งเติมรสชาติหวานให้กับอาหารและเครื่องดื่มแทนน้ำตาลธรรมชาติ โดยตัวอย่างน้ำตาลเทียมที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรด้านอาหารและยาในหลายประเทศว่า มีความปลอดภัยสามารถใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลได้ เช่น แอสปาร์แตม ขัณฑสกร หรือแซคคาริน , น้ำตาลหญ้าหวาน หรือสตีเวีย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคน้ำตาลเทียมในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ โดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US – FDA) ได้กำหนดปริมาณสูงสุดต่อวันที่สามารถบริโภคน้ำตาลเทียมได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เกิดอันตรายใด ๆ (Acceptable Daily Intake; ADI) ซึ่งน้ำตาลเทียมแต่ละชนิดจะมีค่า ADI ที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น แอสปาร์แตมสามารถบริโภคได้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน เป็นต้น สำหรับผู้ที่ต้องการลดบริโภคน้ำตาล ควรจำกัด หรือค่อย ๆ ลดปริมาณการบริโภคน้ำตาลลงให้เป็นความเคยชิน เนื่องจากการบริโภคน้ำตาลเทียมเป็นเพียงตัวเลือกหนึ่งในการควบคุมปริมาณน้ำตาลของร่างกายเท่านั้น นอกจากนี้ผู้บริโภคควรศึกษาถึงข้อควรระวัง หรือข้อจำกัดในการบริโภคน้ำตาลเทียมแต่ละชนิดอย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนการบริโภคน้ำตาลเทียม บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การบริโภคน้ำตาลเทียมไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งในมนุษย์ ซึ่งน้ำตาลเทียมหรือสารให้ความหวาน (Artificial Sweeteners) เป็นวัตถุเจือปนอาหารที่ผลิตขึ้นมาเพื่อแต่งเติมรสชาติหวานให้กับอาหารและเครื่องดื่มแทนน้ำตาลธรรมชาติมะเร็งMumimumi• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! กินเม็ดชานมไข่มุก ทำให้เป็นโรคมะเร็งตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเรื่องกินเม็ดชานมไข่มุก ทำให้เป็นโรคมะเร็ง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากที่มีการแชร์ข้อความบนสื่อออนไลน์ว่า เม็ดไข่มุกบางยี่ห้อจากไต้หวันนั้นมีสารสไตรีน และสารกลุ่มโพลีคลอรีนเนตเต็ดไบฟีนีล (Polychlorinated Biphenyls ; PCBs) ซึ่งทำให้เกิดมะเร็งได้ ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง จากที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไต้หวันได้มีการตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีสารสไตรีน (Styrene) แต่พบสารอะซิโตฟีโนน (Acetophenone) และสารประกอบกลุ่มโพลีโบรมีนเนตเต็ดไบฟีนีล (Polybrominated Biphenyl ; PBBs) ซึ่งมีปริมาณน้อยมาก แต่ไม่ใช่สารประกอบกลุ่มโพลีคลอรีนเนตเต็ดไบฟีนีล (Polychlorinated Biphenyls ; PCBs) จึงไม่ได้ทำให้เป็นมะเร็งอย่างที่ได้มีการแชร์ โดยเม็ดชานมไข่มุกทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง การกินเม็ดชานมไข่มุกก็เหมือนการกินแป้ง จึงยังสามารถกินชานมไข่มุกได้เหมือนเดิม แต่สิ่งที่น่ากลัว คือการกินชานมไข่มุกในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจได้ เพราะนอกจากในเม็ดไข่มุกจะประกอบไปด้วยแป้งมันสำปะหลังแล้วนั้น ในน้ำชานมยังประกอบไปด้วยน้ำตาล น้ำเชื่อม ครีมเทียม นมข้นหวาน ซึ่งจัดได้ว่าชานมไข่มุกเป็นเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูง และมีคุณค่าทางสารอาหารน้อย จึงควรกินชานมไข่มุกนาน ๆ ครั้งเท่านั้น หรือหากต้องการกินอาจลดปริมาณน้ำตาล หลีกเลี่ยงการใส่ครีมเทียมในชานมไข่มุก บทสรุปของเรื่องนี้คือ : เม็ดชานมไข่มุกทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง หากกินเม็ดชานมไข่มุกก็เหมือนการกินแป้ง อีกทั้งไม่พบว่ามีสารสไตรีน และสารประกอบกลุ่มโพลีคลอรีนเนตเต็ดไบฟีนีล จึงไม่ได้ทำให้เป็นมะเร็งตามที่มีการแชร์ข้อมูลแต่อย่างใดมะเร็งMumimumi• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเหยื่อร้อง ตร.เชียงใหม่ ถูกหลอกขาย "ที่ดินทิพย์" สูญเงินกว่า 100 ล้าน12 มิถุนายน 2566 ที่ จ.เชียงใหม่ ผู้เสียหายจากการถูกหลอก ซื้อที่ดินทิพย์ ในจังหวัดเชียงใหม่ กว่า 200 คน เข้าร้องเรียน พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดเชียงใหม่ จากกรณีที่ เจ้เปิล นางพิชามญชุ์ และ สามีได้ ขายที่ดินจัดสรร ในราคาถูกภาคเหนือผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48187• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยบ.อาหารเสริมผิวขาว อ้างเป็นของปลอม หลังหญิง 19 ปีกินตรวจเจอสารเสพติดเด็กหญิงวัย 19 ปี ไปตรวจสุขภาพ เพื่อเตรียมก่อนเข้าเรียนคณะเภสัช แต่ผลตรวจกลับพบสาร ”เมทแอมเฟตามีน” (สารในยาบ้า) ในปัสสาวะ ไม่ผ่านการตรวจโรคเข้าเรียน คาดผสมมาในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อผิวขาวที่ซื้อมากินจากอินเตอร์เน็ตความสวยความงามภาคอีสานผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48187• 2 ปีที่แล้ว
