13178 ข้อความ
- 1 คนสงสัยอย. 14 มี.ค.-ผอ.กองอาหาร อย. เตือนอย่าหลงเชื่อชวนกิน “บอแรกซ์” ชี้เป็นเฟคนิวส์ บอแรกซ์เป็นสารห้ามใช้ในอาหาร มีอันตราย ระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร ส่งผลไตทำงานล้มเหลว หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตนายวีระชัย นลวชัย ผอ.กองอาหาร สำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงความนิยมในบริโภคสารบอแรกซ์ ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเฟคนิวส์ สารบอแรกซ์เป็นสารห้ามใช้ในอาหาร มนุษย์ไม่ควรบริโภค โดยบอแรกซ์มักถูกนำมาประกอบอาหารเพื่อเพิ่มความกรอบและเหนียวนุ่ม ใส่เนื้อสัตว์ในลูกชิ้น และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย ทั้งระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร ไตทำงานล้มเหลว หรือเสียชีวิต ทั้งนี้ ไม่ควรเชื่อถือและส่งต่อข้อความในลักษณะดังกล่าว ลักษณนี้เช่นนี้เหมือนกับกรณีที่มีนักโทษนำแอลกอฮอล์เจลมาผสมกับน้ำอัดลมแล้วดื่ม แอลกอฮอล์แต่ละประเภทมีการใช้แตกต่างกัน แอลกอฮอล์ที่ใช้ดื่ม คือ เอทานอล พวก เหล้า ไวน์ แต่ แอลกอฮอล์ที่ใช้ ในอุตสาหกรรม คือ เมทิลแอลกอฮอล์ ไม่สามารถนำมาบริโภคได้ ไม่ว่าจะมาผสมกับอะไรก็ตาม ส่วนใหญ่การฝ่าฝืนใช้แอลกอฮอล์ผิดประเภทมาจากความคึกคะนอง .-สำนักข่าวไทยดลยา ซื่อตรง เลขที่36• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ความดันโลหิตสูงแก้ได้โดยการกำมือ – แบมือตามที่มีผู้เผยแพร่คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องความดันโลหิตสูงแก้ได้โดยการกำมือ – แบมือ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบโดยโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีผู้ส่งต่อข้อมูลด้านสุขภาพว่า ความดันโลหิตสูงแก้ได้โดยการกำมือ – แบมือ ทางโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ข้อมูลที่กล่าวถึงเรื่องข้างต้น เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง กล่าวคือ การกำมือและแบมือดังข้อความที่พูดถึงนั้น ไม่มีผลทางการแพทย์ที่สามารถอธิบายหรือยืนยันได้ว่า วิธีการดังกล่าวจะสามารถลดความดันโลหิตได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากโรงพยาบาลราชวิถี สามารถติดตามได้ที่ www.rajavithi.go.th หรือโทร 02 206 2900 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การกำมือและแบมือดังข้อความที่พูดถึงนั้น ไม่มีผลทางการแพทย์ที่สามารถอธิบายหรือยืนยันได้ว่า วิธีการดังกล่าวจะสามารถลดความดันโลหิตได้std46557• 1 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยเตือนภัยสภาพอากาศเลวร้าย มรสุม 3 ชุดใหญ่ เข้าไทยต่อเนื่องจากกรณีที่มีผู้โพสต์เตือนภัยเรื่องเตือนภัยสภาพอากาศเลวร้าย มรสุม 3 ชุดใหญ่เข้าไทยต่อเนื่อง เตรียมรับมือพื้นที่สีแดง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า คลิปเตือนภัยข้างต้นเป็นข้อมูลที่มิได้มีที่มาจากกรมอุตุนิยมวิทยา โดยพยากรณ์อากาศ ในช่วงวันที่ 6 – 11 มี.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับจะมีความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร และอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรสภาพอากาศstd46677• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยซอจินเอ แฉพฤติกรรมบูลลี่และใช้ความรุนแรงของ ซูจิน (G)I-DLEซอจินแอ ได้ออกมาแฉประเด็นเรื่องการบูลลี่และใช้ความรุนแรงภายในโรงเรียนของซูจินและพี่สาวของเธอ ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยตบหน้าเพื่อนร่วมชั้น, สร้างเรื่องในแชทกลุ่มจนทำให้เพื่อนคนหนึ่งถูกขับไล่, ไถเงินนักเรียนคนอื่น และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายstd46418• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย“ซี พฤกษ์” วอนหยุดสร้างเฟคนิวส์เพื่อทำร้ายคนอื่น พร้อมชี้แจงที่ไม่ได้ออกมาพูดจากกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีปล่อยเฟคนิวส์เกี่ยวนักแสดงหนุ่ม “ซี พฤกษ์” และอดีตเพื่อนที่เคยสนิท ล่าสุดวันนี้ทางค่ายดูมันดิได้ออกมาประกาศเตือน หลังมีผู้ไม่หวังดีปล่อยเฟคนิวส์หรือข่าวปลอมที่ทำให้มีผลกระทบกับชื่อเสียงของศิลปินในค่าย ซึ่งทางค่ายไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะได้มีการรวบรวมหลักฐานเรียบร้อยแล้ว เพื่อเข้าสู่กระบวนทางกฎหมาย พร้อมทั้งขออภัยกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับศิลปินด้วยที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจstd46683• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสมุนไพรขันทองพยาบาท" ใช้รักษาโรคมะเร็งจากกรณีที่มีการแชร์สรรพคุณของสมุนไพรขันทองพยาบาท ว่าสามารถใช้รักษาโรคมะเร็งได้ ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการพบว่าขันทองพยาบาทไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็ง และไม่สามารถนำมาใช้รักษามะเร็งได้ ซึ่งปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา โดยผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ สำหรับสมุนไพรขันทองพยาบาท (Suregada multiflora) เป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในตำหรับยาสมุนไพรพื้นบ้านมีกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น อัลคาลอยด์ ซาโปนิน ฟลาโวนอยด์ เป็นต้น และจากผลการศึกษาวิจัยระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการ พบว่าสารนี้อาจมีส่วนในการยับยั้งเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง แต่ผลดังกล่าวเป็นเพียงงานวิจัยเบื้องต้น และยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าขันทองพยาบาทช่วยรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งมะเร็งHathaikan Inmaung• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม ..ผักกระสังรักษามะเร็งเต้านมเมื่อเร็วๆ นี้มีผู้ส่งข้อมูลให้ cofact.org ตรวจสอบ ว่าผักกระสังดีจริงหรือไม่ โดยโคแฟคชี้แจงข้อมูลว่าผักกระสังเป็นสมุนไพรที่มีประวัติการใช้เป็นยามายาวนาน หมอยาพื้นบ้านมักจะใช้ผักกระสังตำพอกฝี หรือคั้นเอาน้ำทาแผลฝีที่มีหนอง สาวๆ สมัยโบราณใช้น้ำต้มผักกระสังล้างหน้า ทำให้ผิวหน้าสดใส และยังนำมาสระผมทำให้ผมนุ่ม ป้องกันผมร่วง จากการศึกษาสมัยใหม่พบว่า ผักกระสังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรียหลายชนิด ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งจะช่วยกำจัดเนื้อตายทำให้ฝีแตกได้ง่าย และสิวยุบเร็วขึ้น แต่ผู้ที่แพ้พืชที่มีกลิ่นฉุนประเภท Mustard (พืชที่เป็นเครื่องเทศทั้งหลาย) ไม่ควรรับประทาน นั่นเป็นสรรพคุณที่พอเชื่อถือได้จากหลักฐานทางวิชาการ ซึ่งทางโคแฟคเองไม่ยืนยันว่าผักกระสังรักษามะเร็งเต้านมได้ ดังนั้น การแอบอ้างสรรพคุณของผักกระสังว่าช่วยรักษามะเร็งเต้านม ด้วยการใช้ผักกระสัง นำมาตำให้ละเอียด แล้วนำไปแปะ หรือทาที่ใต้ราวนม จะช่วย รักษามะเร็งเต้านมได้นั้นจึงเป็น้อมูลเท็จ ข้อมูลเรื่องผักกระสังเคยมีการเผยแพร่กันมาก่อนแล้ว เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2562 มีเว็บไซต์หนึ่งระบุประโยชน์และคุณค่าของผักกระสังแบบเกินจริงไว้ว่า ผักกระสัง ที่ขึ้นอยู่ตามข้างทางบางท่านอาจคิดว่าเป็นแค่วัชพืช ไม่มีประโยชน์หรือคุณค่าอะไร แต่รู้หรือไม่ ว่าผักกระสังนั้นมีสรรพคุณในการรักษาโรคได้หลากหลาย สามารถรักษาโรคอะไรได้บ้าง รักษา “โรคลักปิดลักเปิด” ในตำรายาไทยระบุไว้ว่าใบของผักกะสังใช้ในการรักษาโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งพอจะอธิบายได้ว่า ในผักกะสังมีวิตามินซีและสารอาหารสูง ซึ่งการรักษานั้นใช้ทั้งการกินและการบดต้นแปะบริเวณที่เลือดออกตามไรฟัน รักษา “เริม ฝี มะเร็งเต้านม” หมอยาพื้นบ้านของไทยใช้ผักกะสังเป็นยาไม่มากนักส่วนใหญ่ใช้พอกฝีและสิวโดยใช้ต้นสดตำพอกฝี หรือใช้น้ำคั้นทาสิว ในต่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ใช้ทั้งต้นสดบดประคบฝี หรือตุ่มหนอง และโรคผิวหนังอื่น ๆ เช่นกัน ซึ่งจากการศึกษาสมัยใหม่พบว่าผักกระสังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรียหลายชนิด ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ซึ่งจะช่วยกำจัดเนื้อตายทำให้ฝีแตกได้ง่าย และสิวยุบเร็วขึ้น “ผักกะสังรักษาเริมและมะเร็งเต้านม” ความรู้นี้ไม่ค่อยแพร่หลายนักแต่แมะ (มือลอ มะแซ) ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลาบอกว่า ผักกะสังเป็นยารักษาเริม มะเร็งเต้านม และฝี ในการรักษาเริมนั้นจะนำต้นผักกะสังผสมกับขมิ้นและข้าวสาร (ฮูยงงูกุมาตอกูยิ) ตำให้ละเอียดแล้วพอกทิ้งไว้ 1 คืน และนำใบมาตำขยำแปะทาเม็ดที่เป็นใต้ราวนม แก้มะเร็งเต้านม ข้อมูลที่ว่าผักกะสังใช้รักษามะเร็งนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยและเป็นที่น่าทึ่งตรงที่ว่ามีรายงานการศึกษาพบว่า สารในผักกะสังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งด้วย นอกเหนือไปจากการแก้อักเสบและแก้ปวด “แก้อักเสบ ข้ออักเสบ เก๊าท์” หมอยาพื้นบ้านบางคนบอกว่ากินผักกะสังแก้ปวดข้อ ซึ่งในประเทศฟิลิปปินส์มีการกินผักกะสังสดๆ หรือนำมาต้มกิน เพื่อรักษาโรคเก๊าท์และข้ออักเสบ โดยนำผักกะสังต้นยาวสัก 20 เซนติเมตร ต้มกับน้ำ 2 แก้ว ให้เหลือประมาณ 1 แก้ว แบ่งรับประทานครั้งละ ครึ่งแก้ว เช้า-เย็น ปัจจุบันผักกะสังเป็นสมุนไพรตัวหนึ่งที่ฟิลิปปินส์กำลังศึกษาวิจัยเพื่อใช้เป็นยารักษาโรคข้ออักเสบรวมทั้งโรคเก๊าท์จากการที่ผักกระสังสามารถลดปริมาณกรดยูริคในกระแสเลือด ประเด็นนี้อยู่ที่มีการแชร์และเชื่อกันมากว่า ผักกระสังสามารถรักษามะเร็งเต้านม ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเคยเปิดเผยกับ hfocus.org แล้วว่าพืชสมุนไพรต่างๆที่อ้างว่ารักษามะเร็งนั้น เป็นเพียงการทดลองในห้องปฏิบัติการ ยังไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือทางวิชาการว่าสมุนไพรชนิดใดสามารถรักษามะเร็งได้ อีกทั้งการรักษามะเร็งมีความละเอียดอ่อน นอกจากจะทราบว่าเป็นที่อวัยวะใดแล้ว ต้องเข้าสู่การประเมินระยะว่าอยู่ในระยะใดเพื่อทำการรักษาด้วย ข่าว ข่าวปลอม ผักกระสัง รักษามะเร็งเต้านม cofact 4350 views เรื่องที่เกี่ยวข้อง ข่าว สปสช. เตือน! ปชช.อย่าหลงเชื่อ SMS "หลอกให้อัปเดทข้อมูลบัตรทอง" เฟคนิวส์ สธ.เตือน! หยุดส่งต่อข้อมูลเท็จ "โรคมะเร็ง" ต้องตรวจสอบก่อนแชร์ เฟคนิวส์ สธ.เตือนอย่าหลงเชื่อ!! กลุ่มมิจฉาชีพ "แชร์ลิงก์เว็บไซต์ปลอม" อ้างให้เงินช่วยโควิด ลวงเหยื่อกรอกข้อมูล เฟคนิวส์ อย่าเชื่อ! รักษา "มะเร็งระยะสุดท้าย" ด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่าย อัพเดทล่าสุด ข่าว ปลัดสธ. พบกับผู้แทนพยาบาล 5 ชมรม ชู 4 ประเด็นแก้ปัญหากำลังคน ภาระงานพยาบาล ข่าว สถาบันยุวทัศน์ฯ-สสส. ชี้ “บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ต้นทางสู่ยาเสพติด” เฟคนิวส์ ข่าวปลอม! แก้โรคความดันโลหิตสูง แค่กำมือ – แบมือ ข่าว สธ. ผนึกกำลังสหวิชาชีพ ลดป่วย ลดตายโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังเพิ่มจากหลายปัจจัยรุมเร้า infographic วายร้ายหน้าฝน "โรคฉี่หนู" สิทธิบัตรทอง รับบริการใส่รากฟันเทียม ฟรี กรณีการบรรจุข้าราชการปฏิบัติงานโควิดรอบสอง เตรียมพร้อมและเอาตัวรอดจากแผ่นดินไหว เว็บไซต์ Hfocus.org เจาะลึกระบบสุขภาพ สำนักข่าว Hfocus เจาะลึกระบบสุขภาพ อีเมล: hfocus1713@gmail.com มูลนิธิภิวัฒน์สาธารณสุขไทย เลขที่ 7 ถ.อธิบดี ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000 Copyright © Hfocus.org. All rights reserved. (Log in) Thailand Web Stat This site uses cookies. By continuing to browse thestd46557• 1 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยจริงหรือไม่! คนแก่กินปาท่องโก๋ใส่แอมโมเนียมไบคาร์บอเนต ไตทำงานหนักจากข้อมูลในโลกออนไลน์ เรื่อง คนชรากินปาท่องโก๋ที่ใส่แอมโมเนียมไบคาร์บอเนต ทำให้ไตทำงานหนัก ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมอนามัย หน่วยงานสำนักอนามัยผู้สูงอายุ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า เป็นข้อมูลเท็จ เพราะแอมโมเนียมไบคาร์บอเนตไม่มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ เมื่อผู้สูงอายุรับประทานเข้าไปจึงไม่ได้ทำให้ไตทำงานหนัก สำหรับส่วนประกอบของปาท่องโก๋ จะมีสารที่นิยมใช้ในการทำให้ขึ้นฟู 3 ชนิด ช่วยให้ปาท่องโก๋กรอบพองฟู โดยสารแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติในการทำให้เกิดการขึ้นฟูในขั้นตอนที่ต่างกัน ได้แก่ ผงฟู ยีสต์ แอมโมเนียมไบคาร์บอเนต (NH₄HCO₃) นอกจากนี้ หากทอดปาท่องโก๋แบบผ่านความร้อนนาน ๆ หรือผ่านการทอดในน้ำมันซ้ำ ยังอาจเสี่ยงจะเกิดสารก่อมะเร็งได้ ทำให้เกิดอันตรายต่อทั้งผู้ทอดและผู้บริโภค แม้ว่าการรับประทานปาท่องโก๋จะไม่มีโซเดียม ไม่ให้ไตทำงานหนัก แต่ปาท่องโก๋ก็เป็นอาหารที่มีแคลอรีสูง ไม่ควรรับประทานปาท่องโก๋เป็นประจำ โดยพลังงานของปาท่องโก๋จะสูงราว 120 – 180 กิโลแคลอรี อีกทั้งพลังงานส่วนใหญ่ยังมาจากไขมัน เพราะในปาท่องโก๋มีไขมันอิ่มตัวสูง ส่งผลต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด หากรับประทานบ่อย ๆ อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพ ส่วนการที่รับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง ส่งผลเสียต่อไต และความดันโลหิตสูง ผลที่ตามมาคือเกิดความดันในหน่วยไตสูงขึ้น และเกิดการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะมากขึ้น นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารบางอย่าง ทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น แต่ในปาท่องโก๋ไม่ได้ใส่เกลือหรือผงฟูมากขนาดนั้น หากไม่กินมากจนเกินไปก็ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายNattakij Boonmarong• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผบ.ตร. ช่วย “สารวัตร อก.” ขาดเงินส่งลูกเรียน ยอดบริจาคพุ่ง 2.7 ล้านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งช่วยเหลือ สารวัตรอยุธยา ค้ำประกันเพื่อนตำรวจ จนเป็นหนี้ 5 ล้าน พร้อมนำเข้าโครงการแก้ไขหนี้ ส่วนยอดบริจาคพุ่ง 2.7 ล้านแล้ว จากกรณีครอบครัวของ พันตำรวจโท วิริยะ เจิมจำนงค์ นายตำรวจระดับสารวัตรกองอำนวยการ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดือดร้อนจากการ เป็นหนี้สหกรณ์เกือบ 5 ล้าน เพราะไปค้ำประกันเพื่อนตำรวจจนต้องใช้หนี้แทน โดยถูกหักจากเงินเดือน ทำให้เหลือเงินติดบัญชี เพียง 70 บาทต่อเดือน ล่าสุด พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของ พ.ต.ท.วิริยะ พบว่า เจ้าตัวมีปัญหาทางการเงินจริง จากการค้ำประกันเงินกู้ตำรวจที่ถูกออกจากราชการ และเสียชีวิต จนเป็นหนี้สินstd46630• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมนะ! ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’โต้รัวข่าวลือเสียชีวิต ย้ำยังปลอดภัยดี-ไม่ต้องเป็นห่วง... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/457800/ล่าสุดหนุ่มฟิล์มได้ออกมาอัพเดทรูปข่าวดังกล่าว พร้อมข้อความเคลียร์ชัดๆว่า “ยังปลอดภัยดีอยู่นะครับ ไม่ต้องตกใจกันนะครับ ยังลงพื้นที่ไม่ได้หยุดเลย ยังช่วยชาวบ้านอยู่ตลอดน่าจะตายยากครับ555”std46683• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยทำเนียบรัฐบาล 6 ก.พ.-รองโฆษกรัฐบาล เตือนข่าวปลอม พายุลูกใหญ่หลงฤดูเข้าไทย 47 จังหวัด เป็นข้อมูลเท็จ แนะประชาชนอย่าเชื่อ อย่าแชร์ สร้างความสับสน ตื่นตระหนก ยันไม่ใช่ข้อมูลจากกรมอุตุฯน.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่มีการส่งต่อข้อมูลเตือนภัยเกี่ยวกับพายุลูกใหญ่หลงฤดูเข้าไทยแน่นอน 47 จังหวัด ให้เตรียมตัวย้ายของนั้น กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยืนยันว่าเป็น “ข่าวปลอม” ไม่ได้มีพายุเข้าประเทศไทย ข้อมูลที่ส่งต่อกันไม่ได้มาจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว่า จากรายงานสภาพอากาศคาดการณ์ 7 วันข้างหน้า (7 – 13 ก.พ. 66) ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลนดามันมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนลดลง “ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อและไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนก หากมีสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศ โทรสายด่วน 1182 หรือติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.tmd.go.th” น.ส.รัชดา กล่าว.-สำนักข่าวไทยดลยา ซื่อตรง เลขที่36• 1 ปีที่แล้ว
- 3 คนสงสัยพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล หายจากเอกสารคู่มือการเลือกตั้ง กกต. เจอเบอร์ 27 และข้ามไปเบอร์ 32จากกรณีระบุว่า กกต.แอบเอาพรรคเพื่อไทย 29 และพรรคก้าวไกล 31 ออกจากคู่มือ หมายเลข 27 แล้วไป 32 เลยนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ชี้แจงว่า ได้มีการทำและตรวจสอบจากเอกสารต้นฉบับแล้วปรากฏว่า มีครบทุกหน้า อีกทั้งในกระบวนการสั่งพิมพ์ก่อนจัดส่ง ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีการตรวจรับอย่างรอบคอบครบถ้วน ขอยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ผิดพลาดจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งกำลังสืบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่า เป็นการกลั่นแกล้งจะดำเนินการไต่สวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบของกฎหมายและยึดหลักสุจริตโดยแท้ต่อไปข่าวการเมืองstd46677• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ Efferin ช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินได้ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ผลิตภัณฑ์ Efferin ช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีผลิตภัณฑ์ Efferin ที่ใช้ข้อความโฆษณาแสดงสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ว่า สามารถช่วยลดน้ำหนักส่วนเกิน เผาผลาญไขมัน ช่วยลดความอยากอาหาร ขจัดของเสียและสารพิษออกจากร่างกายได้นั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบสืบค้นข้อมูลผลิตภัณฑ์ พบว่าผลิตภัณฑ์ Efferin ขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในชื่อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เอฟเฟอร์ริน/ Efferin Dietary Supplement Product เลขสารบบอาหาร 10-1-03958-5-0272 เป็นการแสดงแสดงข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นเท็จ และแสดงคุณประโยชน์หรือสรรพคุณของอาหารที่ไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากในการยื่นขออนุญาตไม่มีการยื่นข้อมูลเพื่อประเมินประสิทธิผลตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด อีกทั้งผลิตภัณฑ์อาหารไม่มีผลในการบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค นอกจากนี้ยังพบมีการแอบอ้างชื่อบุคลากรทางการแพทย์ ในตำแหน่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพต่อมไร้ท่อ เป็นผู้คิดค้นผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวานและนักโภชนาการ เป็นผู้รับรองผลิตภัณฑ์ดังกล่าว แต่แท้จริงแล้วนั้น ไม่มีตำแหน่งดังกล่าวตามที่กล่าวอ้าง และภาพหญิง-ชายที่อ้างว่าเป็นผู้คิดค้นและรับรองผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้น เป็นภาพหญิง-ชายที่เผยแพร่ทั่วไปอยู่บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th หรือโทร 1556ลดความอ้วนHathaikan Inmaung• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยทักษิณแฉมีคนกุเรื่องตนเปย์เพื่อไทย-ก้าวไกล หวังยุบพรรค ท้าหาหลักฐานมายันอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร โพสต์ลงแฟนเพจเมื่อวันศุกร์ (3 ธ.ค.) ว่ามีคนพยายามปล่อยข่าวลือว่าตนสนับสนุนการเงินให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุด 2 พรรค เพราะต้องการเห็น 2 พรรคการเมืองนี้ถูกยุบพรรค "ขณะนี้ก็มีคนปล่อยข่าวว่า พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล จะถูกยุบ" นายทักษิณ โพสต์ "ไปอ้างว่ามีเงินไหลมาจากต่างประเทศ" "สรุปแล้วก็จะพาดพิงผมเป็นคนทำ ผมเลยต้องขออนุญาตออกมาเล่าให้พี่น้องฟังว่า ถ้าใครมีหลักฐานว่ามีโอนเงินมาจากผม ... ผมจะให้รางวัลอย่างงาม เพราะไม่มีทางมี และผมไม่เคยโอนเงินมา ไม่ว่าเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ลำพังทำมาหากินและไว้ใช้ในต่างประเทศก็หนักหนาอยู่แล้ว คงไม่คิดจะโอนเงินมาทำอะไร"std46770• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยระวัง 5 ข่าวลือป่วนวัคซีนโควิด-19 โคแฟคแนะเช็กก่อนแชร์แผนการฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 กลับไม่ราบรื่นนัก เพราะเกิด “ข่าวลือข่าวลวง (Misinformation)” ในสังคมที่สร้างความตื่นตระหนก การเข้าใจแบบผิดๆ นำไปสู่ความไม่ไว้วางใจที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งภาคีโคแฟค ประเทศไทย (cofact.org) ได้เปิดเผย 5 ข่าวลือข่าวลวงที่เกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงหรือสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ของวัคซีนโควิด-19 ที่กำลังถูกพูดถึงในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ 1.วัคซีนฝังไมโครชิป: เป็นประเด็นที่ถูกลือกันมากที่สุดในสังคมตะวันตก ตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดในช่วงแรกๆ โดยเชื่อว่าเป็นแผนการของพวกนายทุนด้านเทคโนโลยีที่ต้องการปูทางไปสู่การฝังไมโครชิปประชากรทั่วโลก เช่น ข่าวจาก BBC รายงานว่าผลการสำรวจของ ยูกอฟ (YouGov) บริษัทรับทำโพลชื่อดังของอังกฤษ ที่สอบถามความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันจำนวน 1,640 คน สรุปผลได้ว่า 28% เชื่อเรื่องแผนการฉีดวัคซีนเพื่อฝังไมโครชิป เป็นต้น ข่าวลือนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือน มี.ค. 2563 เจ้าพ่อไอที บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ออกมาพูดเปรยๆ ว่าในอนาคตจะมีการออกใบรับรองดิจิทัลสำหรับผู้ที่เคยป่วยจากไวรัสโควิดและได้รับการรักษาจนหายแล้วไปจนถึงผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน ข่าวลือเรื่องวัคซีนโควิดฝังไมโครชิปกลับมาพูดถึงอีกครั้งในช่วงปลายปี 2563 เมื่อสหรัฐฯ เตรียมการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยใช้วัคซีนที่พัฒนาโดยไฟเซอร์ (Pfizer) ทำให้ทางไฟเซอร์ต้องชี้แจงส่วนผสมของวัคซีนซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 ชนิด ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ใช้ในวัคซีนหลายๆ ชนิดอยู่แล้ว และไม่มีส่วนผสมที่เกี่ยวข้องกับไมโครชิป เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2564 กระทรวงสาธารณสุขของออสเตรเลีย ก็ได้ออกมายืนยันว่า ไม่พบการติดตั้งซอฟต์แวร์หรือไมโครชิปในวัคซีนโควิด-19 ในชนิดใดๆ ที่ใช้กันอยู่ในขณะนี้ จากการตรวจสอบทางบีบีซี สรปได้ว่า ข่าวลือนี้ไม่เป็นความจริง 2.วัคซีนเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอมนุษย์: ข่าวลือนี้ที่ถูกพูดถึงพร้อมสร้างความเป็นกังวลกันเป็นอย่างมากในสังคมไทยและต่างประเทศ โดยกล่าวถึงพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ (DNA) ในกระบวนการผลิตและการทำงานของวัคซีน จะส่งผลข้างเคียงทำให้ดีเอ็นเอของผู้ที่ได้รับวัคซีนเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) จึงออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า วัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีทั้ง 2 ชนิด คือ mRNA เช่น วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา (Moderna) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่นำรหัสพันธุกรรมส่วนเล็กๆ ของไวรัสมาใช้กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน กับ Viral Vector เช่น วัคซีนของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ใช้วิธีฝากสารพันธุกรรมของไวรัสโควิด-19 ไปกับไวรัสชนิดอื่น แต่เมื่อเข้าไปในร่างกายแล้วจะเกิดการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโควิด-19 ด้วย และถึงแม้จะส่งสารพันธุกรรมเข้าไปในร่างกายมนุษย์ แต่สารนั้นจะไม่เข้าไปถึงนิวเคลียสอันเป็นที่เก็บดีเอ็นเอ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อดีเอ็นเอแต่อย่างใด ทางสำนักข่าวบีบีซีและรอยเตอร์ตรวจสอบแล้วพบว่าข่าววัคซีนเปลี่ยนดีเอ็นเอนี้ไม่เป็นความจริง 3.วัคซีนทำให้คนเป็นหมัน: การมีลูกเพื่อสืบทอดถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากในหลายๆ ครอบครัว ข่าวลือนี้ได้สร้างความเครียด กังวลใจและมีแนวโน้มว่าในกลุ่ม สามี-ภรรยาหลายคู่จะปฏิเสธการรับวัคซีน เพราะเชื่อว่าวัคซีนวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ กระทรวงสาธารณสุขของออสเตรเลีย โดยหน่วยงานบริหารสินค้าด้านอายุรเวท (Therapeutic Goods Administration-TGA) ได้ระบุว่า ข่าวลือนี้อ้างถึงโปรตีนซินซิติน-1 (Syncytin-1) ที่ช่วยการพัฒนารก ซึ่งมีอยู่ในหนามแหลมของเชื้อโควิด-19 เหมือนกัน แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าการได้รับวัคซีนโควิด-19 หรือแม้แต่วัคซีนป้องกันโรคอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์หรือการพัฒนาของรกแต่อย่างใด ข่าว "แนะท่านชายนำเชื้ออสุจิไปแช่แข็งก่อนรับวัคซีนโควิด” ได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่เป็นความจริงด้วยเช่นกัน โดยศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย บมจ.อสมท ตรวจสอบจากแหล่งข้อมูล #SureVac โดย Newtral.es 4.วัคซีนช่วยเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย: สาเหตุที่ประเด็นนี้ถูกพูดถึงเนื่องจากมีการอ้างถึงงานวิจัยชิ้นนึงว่า วัคซีนโควิด-19 จะช่วยเพิ่มขนาดของอวัยวะเพศชายให้ยาวขึ้น ทำให้ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เมื่อต้นเดือน ม.ค. 64 ถึงกรณีมีการส่งต่อภาพที่อ้างว่าเป็นข่าวจากสำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา ที่พาดหัวข่าวว่า แพทย์สนับสนุนให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่อวัยวะเพศชาย เพราะจะทำให้วัคซีนกระจายไปทั่วร่างกายเร็วขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นมีการแชร์ไปถึงขนาดว่า ยังจะช่วยเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายให้ยาวขึ้นได้ถึง 3 นิ้ว โดยทั้ง 2 ข่าวได้กล่าวถึงอ้างงานวิจัย แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นข่าวปลอมทั้งหมด ตั้งแต่งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ทำการศึกษาจากลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,500 คน นั่นไม่มีอยู่จริง หรืออ้างถึงวารสารวิชาการ The New England Journal of Merdecine นั้นก็ไม่มีอยู่จริง โดยวารสารที่มีจริงคือ The New England Journal of Medicine ซึ่งก็ไม่เคยตีพิมพ์บทความทำนองนี้แต่อย่างใด แม้กระทั่งสำนักข่าว CNN ก็ไม่เคยเสนอข่าวตามภาพที่นำมาอ้างกันด้วย เช่นเดียวกับตรวจสอบจากสำนักข่าว AFP และ อีกหลายสำนักสรุปตรงกันข่าวที่อ้าง CNN นี้เป็นข่าวลวง 5. วัคซีนมีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ต้องห้ามตามหลักศาสนา: ในบางศาสนานั้นมีข้อห้ามการบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของสัตว์บางชนิด เช่น ศาสนาฮินดูห้ามบริโภคเนื้อวัว ศาสนาอิสลามห้ามบริโภคเนื้อหมู ทำให้เมื่อมีการเผยแพร่ข่าวลือผิดๆ ว่าวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ทำจากส่วนประกอบของสัตว์ดังกล่าว ดังนั้นจึงนำไปสู่การปฏิเสธการรับวัคซีนจากบรรดาศาสนิกชน ที่ประเทศอังกฤษ ช่วงต้นปี 2564 ดร. ฮาร์พรีท สูท (Harpreet Sood) หัวหน้าหน่วยต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ยอมรับว่าทีมงานทำงานกันอย่างหนักและยากลำบากด้วยข้อจำกัดด้านภาษาและวัฒนธรรม จากกรณีพบผู้มีเชื้อสายเอเชียใต้ (ภูมิภาคที่ประกอบด้วยประเทศอินเดีย ปากีสถาน อัฟกานิสถาน บังกลาเทศ ศรีลังกา เนปาล ภูฏาน และมัลดีฟส์) ที่อาศัยอยู่ในอังกฤษมีแนวโน้มปฏิเสธการรับวัคซีนโควิด-19 โดยต้องทำงานร่วมกับผู้นำศาสนา อธิบายให้ศาสนิกชนเหล่านี้มั่นใจว่าวัคซีนโควิด-19 ไม่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสม และทาง Newsweek เองก็มีการตรวจสอบแล้วว่าเป็นข่าวลวง โดยเฉพาะในวัคซีนของไฟเซอร์ และในส่วนของประเทศอินโดนีเซียที่ประชากรนับถือศาสนาอิสลามส่วนใหญ่ได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนกันไปแล้ว ความสับสนและข่าวปลอมเรื่องวัคซีนที่เกิดขึ้นและแพร่กระจายออกไปในวงกว้างดังกล่าวนี้ สุภิญญา ยอมรับว่าข้อมูลข่าวสารเรื่องวัคซีนไม่นิ่งและอลหม่านมากจึงทำให้คนกลัว ไม่ใช่แค่ในประเทศแต่ทั่วโลก มีทั้งมิติวิทยาศาสตร์และการเมืองปนกัน เรื่องวัคซีนยังเป็นนโยบายสาธารณะด้วย ดังนั้นภาครัฐต้องเร่งตอบคำถามจากสังคมให้ชัดเจน เช่น ทำไมเราได้รับฉีดวัคซีนช้า มีตัวเลือกอื่นหรือไม่ การบริหารจัดการโปร่งใสหรือเปล่า และ การเข้าถึงวัคซีนเป็นสิทธิ์ทั่วถึงเป็นธรรม รวมถึงการให้ข้อมูลที่สร้างความมั่นใจในความปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งภาครัฐต้องสร้างความเชื่อมั่น ส่วนประชาชนควรแยกแยะว่าอะไรคือข้อเท็จจริง อะไรคือความคิดเห็นหรือความเชื่อ จะได้ไม่สับสนและมีความมั่นใจมากขึ้น ถ้าไม่แน่ใจอะไร ส่งมาให้สื่อมวลชน เช่น สำนักข่าว AFP ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สมาคมนักข่าวฯ และ โคแฟคเพื่อช่วยตรวจสอบได้เช่นกันstd46896• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยตำรวจเตรียมปิดคดี แอม ไซยาไนด์ วันศุกร์นี้สนามข่าว 7 สี - เป็นระยะเวลาเกือบ 3 เดือน ที่ข่าวของ แอม ไซยาไนด์ ปรากฏอยู่บานหน้าสื่อ ล่าสุดตำรวจเตรียมแถลงปิดคดี โดยจะมีการส่งสำนวนให้อัยการปลายสัปดาห์นี้ เมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) ทีมสืบสวนสอบสวน คดีแอม ไซยาไนด์ ได้ประชุมร่วมกันเป็นนัดสุดท้ายที่ตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อตรวจสำนวนการสอบสวนและรายงานการสืบสวน เพื่อส่งให่อัยการสั่งฟ้อง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า การส่งสำนวนจะเร็วที่สุดในวันศุกร์นี้ และจะมีการแถลงปิดคดีที่กองบังคับการปราบปราม โดยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แถลงด้วยตัวเอง ซึ่งคดีนี้หากนับวันก็กินเวลามาเกิน 60 วันแล้ว แอม ได้เข้าฝากขังเป็นผลัดที่ 5 จากทั้งหมด 7 ผลัด โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง แอม อดีตสามีที่เป็นตำรวจ ทนายความ ซึ่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าจะมีการสรุปสำนวนส่งไปพร้อมกันทั้งหมด 15 สำนวน แบ่งเป็นคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 14 คดี และพยายามฆ่าอีก 1 คดี ซึ่งแต่ละคดีจะมีการแจ้งข้อหาย่อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับส่วนใดบ้าง ส่วนกรณีที่จะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับคนใกล้ชิดก่อนปิดสำนวนนั้น ยังไม่มีการแจ้งในตอนนี้ เนื่องจากอัยการมีความเห็นว่าหลักฐานที่มียังต้องการเพิ่มเติมอีก ส่วนกรณีที่ทนายจะไปยื่นขอชันสูตรร่างบุตรที่แท้งในครรภ์ หรือญาติจะนำร่างไปประกอบพิธีฌาปณกิจก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าการที่แอมแท้งไม่มีความเกี่ยวข้องกับพนักงานสอบสวนหรือเป็นเพราะพนักงานสอบสวนกดดัน เนื่องจากเป็นการสอบสวนตามกระบวนการ โดยได้รับอนุญาตจากทางเรือนจำ นอกจาก สำนวนคดีแอมแล้ว ตำรวจยังต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาโรงงานที่จำหน่ายไซยาไนด์ รวมถึงเว็บพนัน ที่เส้นเงินของแอมแตะไปถึง โดยขณะนี้รู้เบาะแสของทุกคนแล้ว จึงต้องเรียกมาสอบสวนทั้งหมดเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงที่มีอยู่เพียงด้านเดียวPhatthananya Sathiranon• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยทนไม่ไหว ต่าย ชุติมา ออกมาฟาดเขียนข่าวมั่ว ชาวเน็ตเสียงแตกถกกันสนั่นไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไร หรือให้สัมภาษณ์ที่ไหน ก็ถูกเป็นที่จับตามองอย่างมาก สำหรับ ต่าย ชุติมา โดยเฉพาะเรื่องของความรัก เพราะมีแฟนคลับหลายคนยังคงเชียร์ให้ ต่าย และอดีตสามี ทิม พิธา กลับมาเป็นครอบครัวกันอีกครั้ง แม้ทั้งคู่จะยืนยันหนักแน่นว่า ตอนนี้สถานะเป็นเพียงแค่พ่อแม่ที่ดีของลูกสาวเท่านั้น ทนไม่ไหว ต่าย ชุติมา ออกมาฟาดเขียนข่าวมั่ว ชาวเน็ตเสียงแตกถกกันสนั่น ล่าสุด ดูเหมือนว่า ต่าย จะเดือดจัดเลยทีเดียว โดยเจ้าตัวได้แคปภาพข่าวจากสื่อหนึ่ง มาโพสต์ผ่านอินสตาแกรม และขีดเส้นใต้เน้นประโยคที่ว่า เจ้าตัวหัวใจไม่ว่าง กำลังคุยๆ อยู่กับหนุ่มที่อายุน้อยกว่าถึง 12 ปี โดยผู้ชายคนนี้อายุ 22 ปี ซึ่ง ต่าย ก็ได้เขียนแคปชั่นว่า "พูดตอนไหนคะว่าคุยอยู่ !!!???? ข่าวเดี๋ยวนี้ก็คือเขียนตามที่อยากจะเขียน หรือเขียนตามความรู้สึก ไม่ได้เขียนตามความจริง ??? อยากรู้ความจริงมาอ่าน #สำนักข่าวเพราะอากาศstd46630• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสภาพอากาศวันนี้ 29 จังหวัด ทั่วไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง-ฝนตกหนักบางแห่งกรมอุตุนิยมวิทยาเผยสภาพอากาศวันนี้ 29 จังหวัด ทั่วไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือนอีสานตอนบนรับมือ ฝนตกหนักบางแห่ง กทม.มีฝน 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำยังคงปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน สำหรับทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตรstd46747• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอย. แจงผลิตภัณฑ์ใช้กลั้วคอทำลายไวรัสไม่จริงอย่าแชร์ต่อนพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการแชร์ในโลกออนไลน์เกี่ยวกับสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ใช้กลั้วคอยี่ห้อหนึ่งว่าสามารถทำลายเชื้อไวรัส ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสจากลำคอลงสู่ปอดนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีการกล่าวถึง คือ โพวิโดนไอไอดีนชนิดกลั้วคอมีคุณสมบัติเป็นเพียงยาฆ่าเชื้อโรค เชื้อจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียลดอาการอักเสบบริเวณช่องปากและลำคอ แผลในปาก และระงับกลิ่นปากเท่านั้น ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสจากลำคอลงสู่ปอด และ อย. ไม่เคยอนุญาตให้ผลิตภัณฑ์นี้โฆษณาว่าป้องกันไวรัสลงสู่ปอด หรือที่ทำให้เข้าใจว่าสามารถป้องกันโรคโควิด-19 ได้ ทั้งนี้ ในปี 2563 ที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสเปรย์สำหรับพ่นปากและลำคอ ว่าสามารถยับยั้งและฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงเช่นกัน ขอผู้บริโภคอย่าแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อ เพราะอาจทำให้เกิดการเข้าใจคลาดเคลื่อน และใช้ยาในทางที่ผิด เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ยาได้ หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน อย. 1556 และสามารถติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ได้ที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หัวข้อ COVID-19 หรือกดติดตามที่แฟนเพจ Facebook/Line FDA Thaistd46557• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม !! ทบทวนสิทธิโอนเงินเข้าบัญชี 5 พันนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีการแชร์และส่งต่อข้อมูล “รัฐฯ ทบทวนสิทธิโอนเงินเข้าบัญชี จำนวน 5,000 บาท ภายในเดือนมิถุนายนนี้” ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti-Fake News Center Thailand : AFNC) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังได้ชี้แจงข้อมูลดังกล่าวว่า “เป็นข้อมูลเท็จ” โดยยืนยันว่ากระทรวงการคลังไม่มีนโยบายโอนเงินหรือแจกเงิน 5,000 บาทเข้าบัญชีในเดือนมิถุนายนนี้ “เป็นข่าวปลอมจากผู้ไม่หวังดี ขอประชาชนอย่าได้หลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว โดยประชาชนสามารถตรวจสอบและรับข้อมูลข่าวสารจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้ที่เว็บไซต์ www.cgd.go.th หรือโทร 02 127 7000 หรือผ่านทางแฟนเพจ กรมบัญชีกลาง The Comptroller General’s Department ขอความร่วมมือประชาชนอย่าส่งต่อหรือแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ อีก เพื่อป้องกันความสับสนและความเข้าใจผิดขยายไปในวงกว้างเพิ่มขึ้น” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว นายอนุชา กล่าวว่า เมื่อประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารใด ๆ มา หากมีความสงสัยหรือไม่แน่ใจในข้อมูลเหล่านั้น ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและความถูกต้องจากหน่วยงานเจ้าของเรื่องหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเผยแพร่ หรือแชร์ข้อมูลออกไปให้บุคคลอื่น เพราะหากแชร์ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนอกจากจะก่อให้เกิดความสับสน และอาจนำไปสู่การหลอกลวงสร้างความเสียหายแก่ประชาชนได้แล้ว ยังผิดกฎหมายด้วย โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมระบุกรณีพฤติกรรมการกด Like และกด Share ของผู้ที่เล่นโซเชียลมีเดียหรือใช้สื่อสังคมออนไลน์ควรรอบคอบ โดยเฉพาะการกดแชร์ ถือเป็นการเผยแพร่ หากการแชร์ข้อมูลนั้นไปกระทบกับบุคคลอื่น อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 14 (1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-สำนักข่าวไทยดลยา ซื่อตรง เลขที่36• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"ขวัญ อุษามณี" ยังไม่ตาย! เปิดใจจัดเต็ม ข่าวลือแชร์ว่อนถูกไฟดูดในกองถ่ายละครแรงที่เกินจะรับไหวจริงๆ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนางเอกซุปตาร์เจ้าของฉายา #ตุ๊กตาบาร์บี้ อย่าง ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์ เมื่ออยู่ดีๆ บนโลกโซเชียลฯ ได้มีการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับตัวเธอโดยใช้พาดหัวข่าวในทำนอง "กลับบ้านเกิด ขวัญ อุษามณี ดับคากองสามีเงินผ่อนเพื่อนดาราเศร้า, วงการบันเทิงเศร้า จบชีวิต! ขวัญ อุษามณี ไฟดูดตายคากองสามีเงินผ่อน" ซึ่งละครเรื่องนี้เป็นละครที่กำลังออกอากาศ ทางช่อง อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง34 ล่าสุดหลังจากที่ทราบว่ามีกระแสข่าวดังกล่าวถูกปล่อยออกมาและก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในกลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ต รวมถึงแฟนๆ ทางด้าน ขวัญ อุษามณี ก็ได้ออกมาชี้แจงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า... ตกใจไหมอยู่ดีๆ ก็มีเพจบนโลกออนไลน์หลายเพจพร้อมใจกันแชร์ข่าวว่าเราเสียชีวิตแล้ว ? "ไม่ตกใจเลยที่เจอข่าวแบบนี้ เพราะขวัญโดนจนชินแล้ว อันนี้ก็เป็นเฟคนิวส์เช่นเคย ขวัญยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ตายตามข่าวที่ออกมา และครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่บอกว่าขวัญเสียชีวิต"std46770• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม ..ผักกระสังรักษามะเร็งเต้านมเมื่อเร็วๆ นี้มีผู้ส่งข้อมูลให้ cofact.org ตรวจสอบ ว่าผักกระสังดีจริงหรือไม่ โดยโคแฟคชี้แจงข้อมูลว่าผักกระสังเป็นสมุนไพรที่มีประวัติการใช้เป็นยามายาวนาน หมอยาพื้นบ้านมักจะใช้ผักกระสังตำพอกฝี หรือคั้นเอาน้ำทาแผลฝีที่มีหนอง สาวๆ สมัยโบราณใช้น้ำต้มผักกระสังล้างหน้า ทำให้ผิวหน้าสดใส และยังนำมาสระผมทำให้ผมนุ่ม ป้องกันผมร่วง จากการศึกษาสมัยใหม่พบว่า ผักกระสังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรียหลายชนิด ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งจะช่วยกำจัดเนื้อตายทำให้ฝีแตกได้ง่าย และสิวยุบเร็วขึ้น แต่ผู้ที่แพ้พืชที่มีกลิ่นฉุนประเภท Mustard (พืชที่เป็นเครื่องเทศทั้งหลาย) ไม่ควรรับประทาน นั่นเป็นสรรพคุณที่พอเชื่อถือได้จากหลักฐานทางวิชาการ ซึ่งทางโคแฟคเองไม่ยืนยันว่าผักกระสังรักษามะเร็งเต้านมได้ ดังนั้น การแอบอ้างสรรพคุณของผักกระสังว่าช่วยรักษามะเร็งเต้านม ด้วยการใช้ผักกระสัง นำมาตำให้ละเอียด แล้วนำไปแปะ หรือทาที่ใต้ราวนม จะช่วย รักษามะเร็งเต้านมได้นั้นจึงเป็น้อมูลเท็จstd46896• 1 ปีที่แล้ว
- 7 คนสงสัยยืนตากแดด ฆ่าโควิด-19 ได้หนึ่งในหลายเรื่องเกี่ยวกับการฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีการนำมาแชร์ซ้ำก็คือ การยืนตากแดดจะสามารถฆ่าเชื้อได้ ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าการยืนตากแดดนั้นสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ เพราะเชื้อไวรัสตระกูลโควิด-19 นั้นสามารถทนทานต่อความร้อนได้ถึง 90 องศา ซึ่งความร้อนจากแสงแดดนั้นมีความร้อนไม่ถึงระดับนี้แน่นอน ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไวรัสชนิดนี้จะตายเมื่อโดนความร้อนที่อุณหภูมิ 56 องศาเซลเซียส เป็นเวลานานต่อเนื่อง 30 นาที ซึ่งแสงแดดก็ไม่สามารถทำให้เกิดความร้อนในระดับนี้ได้เช่นกันโควิด 2019Surayuth Chaiyo• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยประยุทธ์" เตรียมประชุม ครม.เร่งรัดเบิกจ่ายงบฯ รมต.แจ้งลา 7 คน มี "อนุทิน-สุชาติ-ธนกรพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีตามปกติ โดยมีวาระที่น่าสนใจ อาทิ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 1/2566 และรับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และการใช้สิทธิภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ขณะที่กระทรวงการคลังรายงาน การดําเนินโครงการจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ 2-3 และรายงานผลการดําเนินการแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เชื่อมสามสนามบิน พร้อมเสนอร่างร่างกฎกระทรวงกําหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดี ดําเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .. และยังเสนอการโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบัน การเงินเพื่อชําระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 ด้านกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีการจัดให้มีห้องน้ำสาธารณะ สําหรับบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ,กระทรวงอุดมศึกษา ฯขอขยายระยะเวลาดําเนินการจัดทํากฎหมายลําดับรองตามความ ในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2559 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 ,กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ร่างกฎกระทรวงกําหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสวิตช์ไฟฟ้าสําหรับใช้ใน ที่อยู่อาศัยและสิ่งติดตั้งทํางไฟฟ้ายึดกับที่ที่คล้ายกัน เล่ม 1 ข้อกําหนดทั่วไป ต้องเป็นไปตํามมําตรฐําน พ.ศ. …. คณะกรรมการ ป.ป.ช ข้อเสนอแนะในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงบประมาณเกี่ยวกับ กํารแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติเพื่อป้องกันการทุจริต ,กระทรวงวัฒนธรรม ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงการก่อหนี้ผูกผันตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติ วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 สําหรับงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2566 รายการค่าเช่ารถยนต์ สํานักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ,กระทรวงอุตสาหกรรม ร่างกฎกระทรวงกําหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. …. จํานวน 3 ฉบับ กระทรวงคมนาคมเสนอ ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกําหนด อัตราค่าโดยสารสายสีเหลือง สายเฉลิมรัชมงคล และสํายฉลองรัชธรรม ร่างข้อบังคับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการยกเลิกข้อบังคับการรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม พ.ศ.2565 พ.ศ. …. และร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยอัตราและ วิธีการจัดเก็บค่าบริการจอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์และค่าธรรมเนียมและ ค่าบริการอื่นๆ เกี่ยวกับการจอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ พ.ศ. …. (รวม 5 ฉบับ),กระทรวงพาณิชย์ เสนอการกําหนดสินค้าควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 นอกจากนี้มีรัฐมนตรีที่แจ้งลาประชุมทั้งสิ้น 7 ท่าน คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายธนกร วังคงบุญชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา, นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายนริศ ขำนุรักษ์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยstd46630• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยภาคเหนือแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ เผชิญไฟป่าครั้งใหญ่พื้นที่ทางภาคเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ชื่อดังที่สุดของสหรัฐฯ เผชิญไฟป่าครั้งใหญ่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน และบาดเจ็บอีกนับร้อย วันนี้ (10 ต.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ทางภาคเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ต้องเผชิญไฟป่าครั้งใหญ่ตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ไฟป่าเผาผลาญพื้นที่ป่าและย่านพักอาศัยของผู้คนไปแล้วราว 120,000 เอเคอร์ หรือประมาณ 303,000 ไร่ ใน 3 เขตใหญ่ๆ ได้แก่เมืองนาป้า โซโนม่า และเมนโดซิโน่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่ปลูกองุ่น เพื่อผลิตเหล้าไวน์ที่สำคัญที่สุดของสหรัฐ โดยเฉพาะนาป้า และโซโนม่า 2 เขตนี้ จะส่งผลกระทบต่อไวน์คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาทต่อเขตstd46747• 1 ปีที่แล้ว