13182 ข้อความ
- 7 คนสงสัยอย่าเชื่อ! รักษา "มะเร็งระยะสุดท้าย" ด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่ายกรณีที่มีผู้โพสต์แนะนำผู้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายให้รักษาด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่าย ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้ โดยผักจิงจูฉ่าย (Artemisia lactiflora) เป็นพืชท้องถิ่นของประเทศจีนนิยมนำมาใช้ปรุงอาหารอุดมไปด้วยวิตามิน ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น สารเบต้าแคโรทีน ไรโบฟลาวิน และแอสคอบิกแอซิด ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามงานวิจัยที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่อยู่ในระดับห้องทดลอง และปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา ซึ่งทั้งนี้การรับฟังข้อมูลที่ไม่ผ่านการพิจารณาหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนและอาจลดโอกาสการรักษาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้มะเร็งstd46777• 1 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยดื่มน้ำเย็นตอนอากาศร้อน 40 องศา หลอดเลือดเล็กอาจปริหรือระเบิด?กรณีคำแนะนำว่า ดื่มน้ำเย็นตอนอากาศร้อน ถึง 40 องศา หลอดเลือดเล็กอาจปริหรือระเบิดได้ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันแล้วว่า เป็นเรื่องไม่จริงItsaree Rungninrat• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 2 คนสงสัย"สมุนไพรขันทองพยาบาท" ใช้รักษาโรคมะเร็งสำหรับสมุนไพรขันทองพยาบาท (Suregada multiflora) เป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในตำหรับยาสมุนไพรพื้นบ้านมีกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น อัลคาลอยด์ ซาโปนิน ฟลาโวนอยด์ เป็นต้น และจากผลการศึกษาวิจัยระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการ พบว่าสารนี้อาจมีส่วนในการยับยั้งเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง แต่ผลดังกล่าวเป็นเพียงงานวิจัยเบื้องต้น และยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าขันทองพยาบาทช่วยรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์std46677• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอ้างไก่ทอดแบรนด์ดัง ฉลองวันเกิด แจกถังขนม 3,000 ชิ้นเคเอฟซีประเทศไทยขอแจ้งว่าเราไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าว รวมถึงไม่มีนโยบายให้กรอกข้อมูลส่วนตัวผ่านลิงก์อื่นใด นอกเหนือจากการสั่งอาหารที่ www.kfc.co.th หากลูกค้าได้รับลิงก์แปลกปลอมดังกล่าว กรุณาอย่าคลิกเข้าไปและขอความกรุณาไม่แชร์ต่อเพื่อหยุดความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้น ลูกค้าสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรม โปรโมชั่นสุดคุ้มต่างๆได้ทาง official account ของ KFC ทาง facebook, Line, IG และ www.kfc.co.th”Supawadee Apiraklaosakul• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"เติ้ล ตะวัน" หัวเสีย เจอข่าวปลอม เสียชีวิต ลั่น ผมยังไม่ตายทำเอานักแสดงหนุ่ม "เติ้ล-ตะวัน จารุจินดา" วัย 41 ปี ถึงกับหัวเสีย หลังเจอเพจเขียนข่าวปลอม บอกว่าเติ้ล เสียชีวิตแล้ว จนทำให้เกิดความเสียหาย ถูกคนรอบตัวเข้าใจผิดกันไปหมดstd46683• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเมอร์ด็อก' เจ้าพ่อสื่อผู้ทรงอิทธิพล แทรกแซงการเมืองทั่วโลก?ในหนังสือของ ดอฟ เลวิน (Dov Levin) เรื่อง Meddling in the Ballot Box ระบุว่า ระหว่างปี 2489 ถึง 2543 สหรัฐอเมริกามีส่วนการแทรกแซงการเมืองโดยเฉพาะการเลือกตั้งในต่างประเทศทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยถึง 81 ครั้ง ด้วยการช่วยเหลือ หรือขัดขวางผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือพรรค David Robarge นักประวัติศาสตร์ของสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (Central Intelligence Agency) หรือซีไอเอ ได้กล่าวกับ David Shimer ผู้เขียนหนังสือ Rigged ว่า ในช่วงเวลานั้นซีไอเอ “แทบจะไม่เคยทำให้เปลี่ยนผลคะแนนเสียงโดยตรง” ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็หมายความว่า บางครั้งก็เคยทำอย่างนั้นด้วย หลังสิ้นสุดสงครามเย็น ภายในรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการแทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศอื่น คณะกรรมการข่าวกรองของรัฐสภาเริ่มเก็บตัว แต่การแทรกแซงยังคงดำเนินต่อไป โดยในปี 2543 ประธานาธิบดีบิล คลินตัน มอบหมายให้ซีไอเอให้การสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามของประธานาธิบดีสโลโบดาน มิโลเซวิช ในยูโกสลาเวียในขณะนั้นอย่างลับๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาได้รับเลือกตั้งใหม่ ต่อมารัฐบาลของจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้จัดทำแผนลับเพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งรัฐสภาอิรักในเดือน ม.ค. 2548 แต่ได้ยกเลิกไปในเวลาต่อมา เนี่องจากเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงจากรัฐสภา ลีออน พาเนตตา (Leon Panetta) อดีตผู้อำนวยการซีไอเอ กล่าวว่า ซีไอเอไม่ได้เปลี่ยนคะแนนเสียงหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ผิด แต่มีการกระทำการต่อองค์กรสื่อต่างประเทศเพื่อ “เปลี่ยนทัศนคติในประเทศนั้น” พาเนตตา บอกกับ David Shimer ว่า ซีไอเอบางครั้งก็ “ซื้อสื่อในประเทศหรือภูมิภาคที่สามารถใช้งานได้สะดวก...ในการส่งสาร” หรือพยายาม “โน้มน้าวผู้คนที่มีความเกี่ยวข้องกับสื่อ...ให้ร่วมมือเพื่อนำเสนอข่าวสาร” การส่งสารที่พาเนตตากล่าวถึงนั้นถูกเข้าใจว่า เป็นการโฆษณาชวนเชื่อของซีไอเอที่เกี่ยวกับการเมือง และการเลือกตั้ง การแทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศอื่นที่เห็นบ่อยในภายหลังคือ การชี้นำผ่านสื่อผูกขาดของตะวันตก ปัจจุบันบริษัทสื่อ 50 แห่งทั่วโลกครอบครองตลาดสื่อ 95% ของโลก และมากกว่า 90% ของข่าวถูก “ผูกขาด” โดยสื่อตะวันตก News Corporation ที่ก่อตั้งโดย รูเพิร์ต เมอร์ด็อก (Rupert Murdoch) เป็นหนึ่งในบริษัทสื่อครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดและมีความเป็นสากลที่สุดในโลกในปัจจุบัน ด้วยสินทรัพย์สุทธิมากกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเป็นอาณาจักรสื่อขนาดใหญ่อย่างแท้จริง เมอร์ด็อก กลายเป็น “เจ้าพ่อสื่อ” ตัวจริง เพราะมีสื่อดังอยู่ในมืออย่าง Fox News, The Times of London, The Wall Street Journal, New York Post เป็นต้น เมอร์ด็อกเคยกล่าวว่า เขา “ไม่เคยขออะไรจากนายกรัฐมนตรีเลย” แต่ความจริงคือ นักการเมืองของตะวันตกยังต้องเกรงกลัวเขามากกว่า ตามรายงานของ The New York Times ซึ่งดำเนินการสอบสวนเป็นระยะเวลา 6 เดือน และครอบคลุม 3 ทวีป โดยได้สัมภาษณ์มากกว่า 150 ครั้ง ชี้ให้เห็นว่า เมอร์ด็อก และลูกชายได้เปลี่ยนสื่อของพวกเขาให้กลายเป็นเครื่องจักรทรงอิทธิพลทางการเมืองฝ่ายขวาและบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยในอเมริกาเหนือ ยุโรป และออสเตรเลีย ยกตัวอย่างข่าว Fox News สร้างแรงกดดันต่อพรรครีพับลิกันมาอย่างยาวนาน ทำให้กลุ่มขวาจัดผงาดขึ้นมา และทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เป็นต้น ในกรณีหนังสือพิมพ์ The Sun ของเมอร์ด็อกได้นำเสนอข่าวในเชิงลบของสหภาพยุโรป (EU) ต่อผู้อ่านชาวอังกฤษ และกลายเป็นหนึ่งในการรณรงค์ Brexit ที่ทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมากกว่าครึ่งหนึ่งลงประชามติสนับสนุนให้ออกจาก EU ในปี 2559 หลังจากนั้นเป็นต้นมาทำให้อังกฤษจมปลักอยู่กับความวุ่นวายทางการเมือง จะว่าไปการควบคุมสื่อของ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก นั้นแข็งแกร่งที่สุดในออสเตรเลีย อาจเพราะเขาเป็นชาวออสเตรเลีย (ภายหลังเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน) โดยเมอร์ด็อกสามารถผลักดันให้ยกเลิกภาษีคาร์บอนของประเทศและมีส่วนร่วมในการขับไล่นายกรัฐมนตรีที่เขาไม่ชอบออกจากตำแหน่ง ในจำนวนนั้นรวมถึงนายกรัฐมนตรี มัลคอล์ม เทิร์นบูลล์ ที่หลุดเก้าอี้เมื่อปี 2561 ในส่วนของเอเชีย เมอร์ด็อกเคยมุ่งเป้าไปที่จีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ โดยในปี 2536 News Corporation ได้เข้าซื้อ Hong Kong Star TV ด้วยเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์จากตระกูล Li Ka-Shing โดยพยายามใช้จุดนี้เพื่อเข้าสู่ตลาดสื่อของจีน ต่อมา เมอร์ด็อกก็พบว่า ธุรกิจของ Star Media ไม่สามารถดำเนินการได้ ในปี 2548 News Corporation จึงได้ร่วมมือกับโทรทัศน์ดาวเทียมท้องถิ่นเพื่อทำตลาดทั้งประเทศจีน แต่สุดท้ายก็ต้องยุติลงเนื่องจากแตะเส้นสีแดงของทางการจีน ในเดือน ม.ค. 2557 บริษัท News Corporation ประกาศขายหุ้น 47% ใน Star Greater China ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท Star Media และ News Corporation ดำเนินการช่องภาษาจีนสามช่องตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งก่อนหน้านี้ News Corporation ได้ขายหุ้นใน Phoenix TV ไปก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม ความสนใจของเมอร์ด็อกที่มีต่อตลาดเอเชีย หรือจะเรียกว่าความอุตสาหะหรืออิทธิพลในการแทรกซึมภูมิภาคเอเชียดูเหมือนจะยังไม่หมดลงแค่นั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมอร์ด็อกได้พยายามเข้ามาถือหุ้นในกลุ่มสื่อทรงอิทธิพลในประเทศไทยด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เขายังคงมุ่งหน้าปักธงในเอเชียต่อไป เพื่อสนองความทะเยอทะยานที่จะมีอิทธิพลต่อโลกนั่นเองstd46747• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย‘อัจฉริยะ’ แจ้งจับ 3 นายตำรวจดังมือขวา ‘บิ๊กโจ๊ก’ เปิดเว็บพนัน ‘มาเก๊า888’ ตัวจริงเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาญากรรมทางเทคโนโลยี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ 3 นาย ที่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ “เครือข่ายมาเก๊า 888” และอื่นๆ โดยมีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท... นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตำรวจทั้ง 3 นาย ที่ตนมาร้องทุกข์กล่าวโทษในวันนี้ เป็นตำรวจระดับรองผู้บังคับการ ยศ พ.ต.อ. มี 2 คน สังกัดอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. และอีก 1 คน อยู่ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี โดยทั้ง 3 คน ได้ร่วมกันเปิดเว็บพนันออนไลน์ มีเวินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นเจ้าของเว็บและให้นอมินีดูแลแทน ส่วนตัวเองจะคอยเคลียร์หน้าเสื่อให้ และมีนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร่วมด้วย นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ที่ตนได้นำพยานหลักฐานเรื่องเว็บพนันออนไลน์มาเก๊า 888 และเว็บเครือข่ายอื่นๆ มาให้กับ บช.สอท. นั้น ตอนนี้ได้พบความเชื่อมโยงไปถึงตำรวจทั้ง 3 นาย จึงมาแจ้งความให้เอาผิดเพิ่มเติม แต่ขอยังไม่เปิดเผยว่าหลักฐานดังกล่าวคืออะไร... นายอัจฉริยะ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ ตำรวจทั้ง 3 นาย ยังเป็นชุดสืบสวนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่เป็นชุดทำคดีอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีกับพวก ร่วมกันรีดทรัพย์ผู้ต้องหาพนันออนไลน์ 140 ล้านบาทด้วย โดยเป็นระดับมือซ้ายมือขวาของบิ๊กโจ๊ก แสดงให้เห็นว่ามีการเลือกปฏิบัติ คนของตัวเองไม่จับกุม แต่ยังเอามาทำคดีอื่น โดยใช้วิธีสกปรก มีลิ่วล้อ นายอัจฉริยะ ยังระบุต่อว่า ตำรวจชุดนี้มีการแอบอ้างบิ๊กโจ๊ก ว่าได้สั่งการให้ไปอุ้มพยานมาให้การปรักปรำบุคคลต่างๆ ในคดีรีดทรัพย์ 140 ล้าน ซึ่งตนได้พูดคุยกับเหยื่อที่ถูกอุ้ม และถูกบังคับให้ให้การแล้ว ซึ่งเหยื่อรายนี้เป็นคนของนายเป้ ผู้ต้องหาที่ถูกรีดทรัพย์ 140 ล้านบาท โดยในวันพฤหัสบดีที่ 29 มิ.ย. นี้ ตนจะนำเหยื่อมาแถลงข่าวรายละเอียดอีกครั้ง แต่เบื้องต้นมีการยืนยันว่า กลุ่มของนายเป้ ไม่ได้ต้องการจะแจ้งความตำรวจ สอท. แต่ถูกปั้นพยานเท็จขึ้นมา เพื่อเอาผิดคนที่ไม่ใช่คนของตัวเอง นายอัจฉริยะ ยังบอกอีกว่า ตนจะดำเนินคดีกับผู้กำกับการ สภ.คูคต ด้วย ที่ปล่อยให้มีคนนอกมาควบคุมการสืบสวนในคดีนี้ ซึ่งตอนนี้ได้ยื่นเรื่องให้ บก.ปปป. ดำเนินการแล้ว คาดว่าจะมีการแจ้งความในสัปดาห์หน้า และตนยังตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดคดีนี้ จึงต้องมีการไปแจ้งความที่ สภ.คูคต ทั้งที่ไม่ใช่พื้นที่ที่เกิดเหตุถูกรีดเงิน หรือพื้นที่ที่นายเป้ถูกจับกุม ซึ่งตนทราบมาว่า บิ๊กโจ๊ก มีเพื่อนเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ก็อาจจะควบคุมคดีได้ง่ายกว่าพื้นที่นครบาล....Phatthananya Sathiranon• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันวันนี้ (24 ธ.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเพื่อทำความสะอาด สวยงามแต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ โดยเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้ข้อมูลว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้นครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับภายนอกร่างกายของมนุษย์ รวมถึงฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด ความสวยงาม แต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ การโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ทำให้ดั้งโด่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณที่โกหก เพราะครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตหรือขายผลิตภัณฑ์ที่หลอกลวงสรรพคุณให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ถือเป็นการโฆษณาที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขอเตือนผู้บริโภคให้คิดก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการโฆษณาสรรพคุณต่าง ๆ ว่า ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th และหากพบเห็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงขอให้แจ้งร้องเรียนมาที่สายด่วน อย. 1556ความสวยความงามHathaikan Inmaung• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยผู้สูงอายุ โมโหง่าย เรื่องธรรมดาตามวัยหรือป่วยด้วยโรคร้าย?เมื่ออายุมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงมากมายก็เกิดขึ้น ทั้งสุขภาพทางกายที่ไม่แข็งแรง กระฉับกระเฉงเท่าเดิม สุขภาพจิตใจที่อ่อนไหว ขี้วีน ขี้เหวี่ยง จริง ๆ แล้ว ผู้สูงอายุ โมโหง่าย เป็นเรื่องปกติ หรือเป็นสัญญาณอันตรายกันแน่Itsaree Rungninrat• 1 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยEXO ย่างหมากินหลังหอข่าวลือเรื่องEXOย่างหมากินหลังหอเกิดจากเหตุผลที่คริสต้องออกจาก EXO เพราะรับไม่ได้ที่เมมเบอร์ย่างหมากินหลังหอstd46403• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยทำยังไงกับเพจพวกนี้?! "เติ้ล ตะวัน" เจอกุข่าวพาดหัว จากไปไม่ทันร่ำลาก่อนหน้านี้ทำเอานักแสดงหนุ่ม ดีกรีผู้จัดคนดังอย่าง "เติ้ล ตะวัน" ต้องออกมาโพสต์เตือนเพจข่าวที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิด หลังถูกกุข่าวว่าเสียชีวิต ทำให้ญาติของตนต้องโทรศัพท์มาถาม ด้วยความตกใจ กระทั่งล่าสุดทำเอาเจ้าตัวถึงกับเดือดอีกครั้ง หลังมีเพจจำนวนหลายเพจ พาดหัวข่าวที่ทำให้เข้าใจผิดอีกครั้งว่า จากไปไม่ทันร่ำลาstd46683• 1 ปีที่แล้ว
- 4 คนสงสัยสธ.เตือนอย่าหลงเชื่อ!! กลุ่มมิจฉาชีพ "แชร์ลิงก์เว็บไซต์ปลอม" อ้างให้เงินช่วยโควิด ลวงเหยื่อกรอกข้อมูลวันนี้ (10 กันยายน 2565) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพทำเว็บไซต์ปลอมมีโลโก้กระทรวงสาธารณสุข และส่งลิงก์เว็บไซต์ให้ประชาชนทางไลน์และโซเชียลมีเดีย โดยหลอกว่ากระทรวงสาธารณสุขมีกิจกรรมให้เงินช่วยเหลือช่วงโควิด 19 เพื่อให้เหยื่อกรอกข้อมูลสำคัญส่วนตัว ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้มักใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อความปลอดภัยในการเข้าใช้ระบบต่างๆ หรือทำธุรกรรมออนไลน์ เมื่อมิจฉาชีพได้ไปอาจถูกนำไปใช้ในเรื่องที่ผิดกฎหมาย ทำให้เราตกเป็นเหยื่อหรือผู้ประสบภัยทางออนไลน์ได้ จึงขอเตือนภัยว่าอย่าหลงเชื่อให้ข้อมูลส่วนตัวอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ ภารกิจของกระทรวงสาธารณสุขคือการดูแลป้องกันรักษาควบคุมโรค ไม่ได้มีภารกิจเกี่ยวกับเงินช่วยเหลือประชาชน และไม่ได้มีโครงการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการให้เงินช่วยเหลือโควิด 19 หรือโรคระบาดแต่อย่างใด นพ.รุ่งเรืองกล่าวต่อว่า กลุ่มมิจฉาชีพมีการปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่ๆ ตลอดเวลา เพื่อหลอกลวงข้อมูลจากเหยื่อ และมักแอบอ้างหน่วยงานของรัฐ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จึงขอให้พิจารณาตรวจสอบข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนทุกครั้ง หากไม่แน่ใจแนะนำให้สอบถามกับหน่วยงานโดยตรง โดยเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข คือ www.moph.go.th สามารถเข้ามาตรวจสอบข้อมูลภายในเว็บไซต์ทางการได้ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการคดีกลุ่มมิจฉาชีพตามกฏหมายอย่างถึงที่สุดstd46557• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผักกระสังรักษามะเร็งเต้านมผักกะสังรักษาเริมและมะเร็งเต้านม” ความรู้นี้ไม่ค่อยแพร่หลายนักแต่แมะ (มือลอ มะแซ) ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลาบอกว่า ผักกะสังเป็นยารักษาเริม มะเร็งเต้านม และฝี ในการรักษาเริมนั้นจะนำต้นผักกะสังผสมกับขมิ้นและข้าวสาร (ฮูยงงูกุมาตอกูยิ) ตำให้ละเอียดแล้วพอกทิ้งไว้ 1 คืน และนำใบมาตำขยำแปะทาเม็ดที่เป็นใต้ราวนม แก้มะเร็งเต้านม ข้อมูลที่ว่าผักกะสังใช้รักษามะเร็งนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยและเป็นที่น่าทึ่งตรงที่ว่ามีรายงานการศึกษาพบว่า สารในผักกะสังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งด้วย นอกเหนือไปจากการแก้อักเสบและแก้ปวดยาสมุนไพรKingkarn7636• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสาวเกมเมอร์สอบติดมหาลัย แม่พาศัลยกรรมช่วยเลิกติดเกมแม่พาลูกสาวทำศัลยกรรมหลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เพราะตั้งแต่ขึ้น ม.ปลาย ลูกชอบก็ติดเกมหนักมาก คาดอาจติดเกมเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่สวย ขาดความมั่นใจในตัวเองจนไม่อยากเข้าสังคม ตามรายงานของพบว่า เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา คุณแม่คนหนึ่งในเมืองเถียหลิง มณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน พาลูกสาวที่เพิ่งผ่านการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไปทำศัลยกรรมพลาสติก ดึงลูกออกจากโลกในเกม มาอยู่กับโลกความเป็นจริง โดยกล่าวว่าพอลูกสาวเข้า ม.ปลาย ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองหน้าตาไม่ดี ไม่มีความมั่นใจ เลยเอาแต่เล่นเกม ดังนั้นเพื่อให้ลูกสาวได้เข้าสังคมกับโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น และอยากให้มีความมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ เลยคุยกับลูกสาวเรื่องการทำศัลยกรรม พอตกลงกันได้ก็พามาทำจมูกและคางstd46630• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันวันนี้ (24 ธ.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จSupawadee Apiraklaosakul• 1 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยนิกกี้ พาอดีตแฟนสาว เดียร์ เสาวรภย์ เข้าบ้าน เผยไม่เปลี่ยนรถบ่อยแล้ว เพราะสภาพไม่คล่องผ่อนเดือนละ 5 แสน ประกาศขายบ้าน-รถ ขายทุกอย่าง แต่สุดท้ายจบพีครถคันนี้มือสอง เฟอร์รารี่ ราคา 20 ล้าน เดี๋ยวผมผ่อนอีก 5 ล้านจะหมดแล้ว ผ่อนเดือนละ 5 แสน ผ่อนหมดกะว่าถ้าขายขาดทุนไม่เยอะจะขายไปก่อน เอาเงินโปะบ้าน โดยเงินทั้งหมดได้มาจากยูทูบ ถ้าไม่มียูทูบก็ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ส่วนของสะสมนั้นคือ แบร์บริค (Bearbrick) ตอนนี้ราคาตกลงแล้ว เรื่องขายต่อ ใครสนใจติดต่อได้ ทุกอย่างในบ้านขายหมด รถก็ขาย บ้านก็ขาย ขายหมด ยกเว้นไนล่าไม่ขายAIแอคปลอมSupawan Suwanyod• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยพ่อ แม่ ลูก กรุ๊ปเลือดไม่เหมือนกัน ใช่ครอบครัวเดียวกันไหมปัจจุบันการตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความเป็น พ่อ แม่ ลูก สามารถทำได้ง่ายขึ้น แต่ก่อนจะไปพิสูจน์เชื้อสายของครอบครัวนั้น มีบางกรณีที่ พ่อ แม่ ลูก กรุ๊ปเลือดไม่เหมือนกัน จึงเกิดความสงสัยได้ว่า ไม่ได้สืบเชื้อสายกันหรือไม่ แล้วทำไม กรุ๊ปเลือดพ่อแม่ลูกไม่ตรงกันItsaree Rungninrat• 1 ปีที่แล้ว
- 6 คนสงสัยเรื่องโม้ๆ เกี่ยวกับการแพทย์และวิทยาศาสตร์ว่าด้วยกัญชากัญชาเป็นหนึ่งในพืชที่เป็นประเด็นโต้เถียงกันมายาวนาน จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะเป็นต้นเหตุของเรื่องหลอกลวง ตำนานเล่าขานที่ปั่นกันขึ้นมา และข่าวปลอมมากมาย ทั้งหมดล้วนแต่ส่งผลกระทบในด้านใดด้านหนึ่งต่อการรับรู้ของสาธารณชนต่อการใช้กัญชาและสถานะของมัน ต่อไปนี้คือ "เรื่องโม้ๆ" ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์ของกัญชา ที่แพร่หลายในต่างประเทศ (และอาจกระทบต่อทัศนะของคนไทยเราด้วย)Primrata Armawan• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าแชร์! ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้า มีความเสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงเมื่อคนรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน อาจนานถึง 21 วัน โดยอาการเริ่มแรกจะมีไข้ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น อ่อนเพลีย จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา อาการป่วยจะประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคฝีดาษลิงที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถควบคุมการระบาดได้ด้วย การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ ซึ่งสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ 85% ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมควบคุมโรค สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.ddc.moph.go.th หรือโทร 1422 ได้ตลอด 24 ชม.std46777• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยดีอีเอส เผย “เฟคนิวส์” รอบสัปดาห์ ข่าวปลอมนโยบายรัฐบาลขึ้นอันดับ 1นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานโฆษกกระทรวงดีอีเอส กล่าวถึง ผลการมอร์นิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 5-11 พฤษภาคม 2566 ว่า พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 3,214,246 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 222 ข้อความ ทั้งนี้ ช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 195 ข้อความ ตามด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 27 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 145 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 76 เรื่อง ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มนโยบายรัฐบาล รองลงมากลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพPrimrata Armawan• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยใส่ผ้าอนามัยนาน ทําให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูกใส่ผ้าอนามัยนาน ทําให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก เป็นความเชื่อที่ผิด ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้อง โดยข้อมูลวิชาการไม่พบความเกี่ยวข้องการใส่ผ้าอนามัยนานเกินไปกับการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกstd46771• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยธ. ออมสินเปิดเพจ สินเชื่อ GSB ออมสิน ปล่อยเงินกู้ฉุกเฉิน ผ่อนจ่าย 24 เดือนธ. ออมสินเปิดเพจ สินเชื่อ GSB ออมสิน ปล่อยเงินกู้ฉุกเฉิน ผ่อนจ่าย 24 เดือน ทางธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า เพจเฟซบุ๊ก “สินเชื่อ GSB ออมสิน” ไม่ใช่เพจของธนาคารและไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับธนาคารออมสิน ซึ่งข้อมูลที่เพจนำมาเผยแพร่ไม่มีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ธนาคารเปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบันเลยstd46691• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสาวเกมเมอร์สอบติดมหาลัย แม่พาศัลยกรรมช่วยเลิกติดเกม ชาวเน็ตดูแล้วแห่กดไลค์แม่พาลูกสาวทำศัลยกรรมหลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เพราะตั้งแต่ขึ้น ม.ปลาย ลูกชอบก็ติดเกมหนักมาก คาดอาจติดเกมเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่สวย ขาดความมั่นใจในตัวเองจนไม่อยากเข้าสังคม ตามรายงานของพบว่า เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา คุณแม่คนหนึ่งในเมืองเถียหลิง มณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน พาลูกสาวที่เพิ่งผ่านการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไปทำศัลยกรรมพลาสติก ดึงลูกออกจากโลกในเกม มาอยู่กับโลกความเป็นจริง โดยกล่าวว่าพอลูกสาวเข้า ม.ปลาย ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองหน้าตาไม่ดี ไม่มีความมั่นใจ เลยเอาแต่เล่นเกม ดังนั้นเพื่อให้ลูกสาวได้เข้าสังคมกับโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น และอยากให้มีความมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ เลยคุยกับลูกสาวเรื่องการทำศัลยกรรม พอตกลงกันได้ก็พามาทำจมูกและคาง คุณแม่เล่าด้วยว่า ตอนนี้เมื่อญาติมาที่บ้านก็ต่างเห็นว่าลูกสาวของเธอดูดีขึ้น และนั่นทำให้ลูกสาวมีความมั่นใจมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี เธอยังทิ้งท้ายเป็นการเตือนด้วยว่า การทำศัลยกรรมพลาสติกมีความเสี่ยง ทุกคนต้องระมัดระวัง ศึกษาให้ดีก่อนตัดสินในทำ และไม่ควรทำตามใครอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกมา มีชาวเน็ตจำนวนมากให้ความสนใจเรื่องของคู่แม่ลูกดังกล่าว ส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นว่า ครอบครัวคงมีความสุขมากๆ เมื่อมีแม่ที่เลี้ยงลูกไปพร้อมกับการพยายามทำความเข้าใจลูก "มันค่อนข้างดีจริงๆ สังเกตและถามความสมัครใจลูกสาวก่อน” “ตอนมัธยมฉันอยากใส่เหล็กดัดฟัน และร้องไห้ที่บ้านมาตลอดสามปี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดัด" "แม่ที่รู้ใจลูกสาว ดีจัง" "แม่ที่รู้ทันโลก และเข้าใจลูกสาว น่าอิจฉาสุดๆ" "รู้จักพูดคุยและตัดสินใจร่วมกัน แบบนี้ครอบครัวมีความสุข" "แต่การหาคลินิกศัลยกรรมที่ทำดีและปลอดภัยก็เป็นเรื่องยาก"Phatthananya Sathiranon• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยหลอกไม่หยุด! คนไทยแห่แชร์ “เฟคนิวส์” กระทรวงการคลังเปิดตัวแอปพลิเคชันยอดฮิต หลอกไม่หยุด! คนไทยแห่แชร์ “เฟคนิวส์” กระทรวงการคลังเปิดตัวแอปพลิเคชันยอดฮิตดร.เวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และโฆษกกระทรวงฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวถึง ผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมระหว่างวันที่ 7- 13 เมษายน 2566 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 3,266,885 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 240 ข้อความ แบ่งเป็นข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 186 ข้อความ ข้อความที่มาจาก Line Official จำนวน 54 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 133 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 86 เรื่องPrimrata Armawan• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกินเผ็ดช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญในร่างกาย ทำให้น้ำหนักลด ผอมเร็วสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีข้อความที่หลายคนแชร์กันว่า การกินเผ็ดจะเป็นการเพิ่มระบบเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ผอมเร็วขึ้นจากสารแคปไซซิน (Capsaicin) ในพริก ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่ากินเผ็ด โดยพริกทำให้น้ำหนักลงได้ ซึ่งการกินพริกปริมาณมาก ๆ เพื่อหวังลดน้ำหนัก หรือเร่งการเผาผลาญไม่ควรทำ เพราะสารแคปไซซินในพริกทำให้ระคายเคืองเยื่อบุต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคแผลในกระเพาะอาหารได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มการหลั่งกรดอาจจะทำให้แสบท้อง ท้องอืดและปวดท้องอีกด้วย โดยพริกเป็นพืชที่มีรสเผ็ดร้อนเนื่องจากมีสารสำคัญ คือแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งเป็น Pungent agent ทำให้ ระคายเคืองและแสบร้อน ปัจจุบันมีการนำสารแคปไซซินจากพริกมาใช้ประโยชน์std46677• 1 ปีที่แล้ว