1 คนสงสัย
เมอร์ด็อก' เจ้าพ่อสื่อผู้ทรงอิทธิพล แทรกแซงการเมืองทั่วโลก?
ในหนังสือของ ดอฟ เลวิน (Dov Levin) เรื่อง Meddling in the Ballot Box ระบุว่า ระหว่างปี 2489 ถึง 2543 สหรัฐอเมริกามีส่วนการแทรกแซงการเมืองโดยเฉพาะการเลือกตั้งในต่างประเทศทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยถึง 81 ครั้ง ด้วยการช่วยเหลือ หรือขัดขวางผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือพรรค

David Robarge นักประวัติศาสตร์ของสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (Central Intelligence Agency) หรือซีไอเอ ได้กล่าวกับ David Shimer ผู้เขียนหนังสือ Rigged ว่า ในช่วงเวลานั้นซีไอเอ “แทบจะไม่เคยทำให้เปลี่ยนผลคะแนนเสียงโดยตรง” ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็หมายความว่า บางครั้งก็เคยทำอย่างนั้นด้วย
หลังสิ้นสุดสงครามเย็น ภายในรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการแทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศอื่น

คณะกรรมการข่าวกรองของรัฐสภาเริ่มเก็บตัว แต่การแทรกแซงยังคงดำเนินต่อไป โดยในปี 2543 ประธานาธิบดีบิล คลินตัน มอบหมายให้ซีไอเอให้การสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามของประธานาธิบดีสโลโบดาน มิโลเซวิช ในยูโกสลาเวียในขณะนั้นอย่างลับๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาได้รับเลือกตั้งใหม่

ต่อมารัฐบาลของจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้จัดทำแผนลับเพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งรัฐสภาอิรักในเดือน ม.ค. 2548 แต่ได้ยกเลิกไปในเวลาต่อมา เนี่องจากเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงจากรัฐสภา

ลีออน พาเนตตา (Leon Panetta) อดีตผู้อำนวยการซีไอเอ กล่าวว่า ซีไอเอไม่ได้เปลี่ยนคะแนนเสียงหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ผิด แต่มีการกระทำการต่อองค์กรสื่อต่างประเทศเพื่อ “เปลี่ยนทัศนคติในประเทศนั้น” พาเนตตา บอกกับ David Shimer ว่า ซีไอเอบางครั้งก็ “ซื้อสื่อในประเทศหรือภูมิภาคที่สามารถใช้งานได้สะดวก...ในการส่งสาร” หรือพยายาม “โน้มน้าวผู้คนที่มีความเกี่ยวข้องกับสื่อ...ให้ร่วมมือเพื่อนำเสนอข่าวสาร” การส่งสารที่พาเนตตากล่าวถึงนั้นถูกเข้าใจว่า เป็นการโฆษณาชวนเชื่อของซีไอเอที่เกี่ยวกับการเมือง และการเลือกตั้ง

การแทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศอื่นที่เห็นบ่อยในภายหลังคือ การชี้นำผ่านสื่อผูกขาดของตะวันตก ปัจจุบันบริษัทสื่อ 50 แห่งทั่วโลกครอบครองตลาดสื่อ 95% ของโลก และมากกว่า 90% ของข่าวถูก “ผูกขาด” โดยสื่อตะวันตก News Corporation ที่ก่อตั้งโดย รูเพิร์ต เมอร์ด็อก (Rupert Murdoch) เป็นหนึ่งในบริษัทสื่อครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดและมีความเป็นสากลที่สุดในโลกในปัจจุบัน ด้วยสินทรัพย์สุทธิมากกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเป็นอาณาจักรสื่อขนาดใหญ่อย่างแท้จริง

เมอร์ด็อก กลายเป็น “เจ้าพ่อสื่อ” ตัวจริง เพราะมีสื่อดังอยู่ในมืออย่าง Fox News, The Times of London, The Wall Street Journal, New York Post เป็นต้น เมอร์ด็อกเคยกล่าวว่า เขา “ไม่เคยขออะไรจากนายกรัฐมนตรีเลย” แต่ความจริงคือ นักการเมืองของตะวันตกยังต้องเกรงกลัวเขามากกว่า

ตามรายงานของ The New York Times ซึ่งดำเนินการสอบสวนเป็นระยะเวลา 6 เดือน และครอบคลุม 3 ทวีป โดยได้สัมภาษณ์มากกว่า 150 ครั้ง ชี้ให้เห็นว่า เมอร์ด็อก และลูกชายได้เปลี่ยนสื่อของพวกเขาให้กลายเป็นเครื่องจักรทรงอิทธิพลทางการเมืองฝ่ายขวาและบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยในอเมริกาเหนือ ยุโรป และออสเตรเลีย

ยกตัวอย่างข่าว Fox News สร้างแรงกดดันต่อพรรครีพับลิกันมาอย่างยาวนาน ทำให้กลุ่มขวาจัดผงาดขึ้นมา และทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เป็นต้น

ในกรณีหนังสือพิมพ์ The Sun ของเมอร์ด็อกได้นำเสนอข่าวในเชิงลบของสหภาพยุโรป (EU) ต่อผู้อ่านชาวอังกฤษ และกลายเป็นหนึ่งในการรณรงค์ Brexit ที่ทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมากกว่าครึ่งหนึ่งลงประชามติสนับสนุนให้ออกจาก EU ในปี 2559 หลังจากนั้นเป็นต้นมาทำให้อังกฤษจมปลักอยู่กับความวุ่นวายทางการเมือง

จะว่าไปการควบคุมสื่อของ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก นั้นแข็งแกร่งที่สุดในออสเตรเลีย อาจเพราะเขาเป็นชาวออสเตรเลีย (ภายหลังเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน) โดยเมอร์ด็อกสามารถผลักดันให้ยกเลิกภาษีคาร์บอนของประเทศและมีส่วนร่วมในการขับไล่นายกรัฐมนตรีที่เขาไม่ชอบออกจากตำแหน่ง ในจำนวนนั้นรวมถึงนายกรัฐมนตรี มัลคอล์ม เทิร์นบูลล์ ที่หลุดเก้าอี้เมื่อปี 2561

ในส่วนของเอเชีย เมอร์ด็อกเคยมุ่งเป้าไปที่จีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ โดยในปี 2536 News Corporation ได้เข้าซื้อ Hong Kong Star TV ด้วยเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์จากตระกูล Li Ka-Shing โดยพยายามใช้จุดนี้เพื่อเข้าสู่ตลาดสื่อของจีน ต่อมา เมอร์ด็อกก็พบว่า ธุรกิจของ Star Media ไม่สามารถดำเนินการได้ ในปี 2548 News Corporation จึงได้ร่วมมือกับโทรทัศน์ดาวเทียมท้องถิ่นเพื่อทำตลาดทั้งประเทศจีน แต่สุดท้ายก็ต้องยุติลงเนื่องจากแตะเส้นสีแดงของทางการจีน

ในเดือน ม.ค. 2557 บริษัท News Corporation ประกาศขายหุ้น 47% ใน Star Greater China ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท Star Media และ News Corporation ดำเนินการช่องภาษาจีนสามช่องตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งก่อนหน้านี้ News Corporation ได้ขายหุ้นใน Phoenix TV ไปก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความสนใจของเมอร์ด็อกที่มีต่อตลาดเอเชีย หรือจะเรียกว่าความอุตสาหะหรืออิทธิพลในการแทรกซึมภูมิภาคเอเชียดูเหมือนจะยังไม่หมดลงแค่นั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมอร์ด็อกได้พยายามเข้ามาถือหุ้นในกลุ่มสื่อทรงอิทธิพลในประเทศไทยด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เขายังคงมุ่งหน้าปักธงในเอเชียต่อไป เพื่อสนองความทะเยอทะยานที่จะมีอิทธิพลต่อโลกนั่นเอง
std46747
 •  1 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร 10 พฤษภาคม 2566 คงไม่มีข้อสงสัยอีกแล้วว่า พรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ว่ากำลังมาแรง กับกลุ่มคนหนุ่มสาวที่พยายามกัดเซาะสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เสื่อมลง มีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน และยังคงพยายามอย่างแข็งขันต่อเนื่องที่จะกัดเซาะต่อไปจนน่าแปลกใจ ไม่มีใครเลยในกลุ่มนี้ที่สำนึกว่าพระมหากษัตริย์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อบรรพบุรุษและครอบครัวตัวเอง ถึงตรงนี้อยากจะเล่าเรื่องที่ผมเคยเล่ามาครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้จะขอนำกลับมาเล่าอีกครั้ง เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อผมยังเด็กๆ คุณยายผมซื้อบ้านพักตากอากาศที่หาดชะอำ ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างในยุคเดียวกันกับ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ชื่อ "บ้านปลุกปรีดี" เมื่อครั้งกระโน้น ผมและพี่ๆในช่วงเวลาปิดภาคเรียน จะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้โดยมีคุณยายเป็นผู้ดูแล หาอาหารการกินให้ทุกมื้อ พวกเราตื่นแต่เช้าก็ไปหาน้ำตาลสดกัน ไปรอซื้อจากใต้ต้นตาล น้ำตาลสดจะบรรจุอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ เป็นน้ำตาลสดที่ยังไม่ผ่านความร้อน หวานหอมยิ่งนัก หลังอาหารเช้าก็ลงทะเล เล่นน้ำทะเล หาหอยเสียบ กลับเข้าบ้านทานอาหารกลางวัน บ่ายลงทะเล เย็นทานอาหารเย็น หลังอาหารเย็นลงทะเลไล่จับปูลม ชีวิตช่วงนั้น เป็นชีวิตที่สนุกและมีความสุขจนจำได้ไม่เคยลืมจนถึงทุกวันนี้ ที่บ้านชะอำแห่งนี้ คุณยายอนุญาตให้คนท้องถิ่นคนหนึ่งชื่อ นายอ๋วย มาปลูกกระต๊อบอยู่ฟรีๆทางด้านปลายสุดของที่ ดูเหมือนนายอ๋วยจะเป็นช่างที่มาช่วยซ่อมบ้านให้ นายอ๋วยมีลูกชายหลายคน ลูกของนายอ๋วยบางคนก็มีความสนิทสนมกับเรา หลังจากที่คุณยายจากไป คุนพ่อคุณแม่และพวกเราก็ยังมาพักตากอากาศที่บ้านหลังนี้เป็นประจำ หลังจากนายอ๋วยเสียชีวิต ลูกคนโต และคนกลาง ย้ายออกไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่น ลูกคนเล็กที่ยังคงอาศัยอยู่ในที่แปลงนี้ วันหนึ่ง ตัวเขาร่วมกับเพื่อนๆของเขากับทนายความคนหนึ่งถือโอกาสใช้ช่องกฎหมาย แอบไปยื่นศาลจังหวัดเพชรบุรี ขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินครี่งหนึ่ง คือด้านหลังที่เขาปลูกกระต๊อบอยู่ ความจริงเราไม่น่าจะมีโอกาสที่จะรู้เรื่องนี้เลย แต่บังเอิญเพื่อนของเขาคนหนึ่งเกิดความขัดแย้งกับเขา จึงนำเรื่องนี้มาบอกเรา เราจึงไปยื่นฟ้องค้านได้ทันก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา ต่อสู้คดีกันกว่าจะชนะก็ใช้เวลาเป็นปี ซึ่งเหนื่อยและต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่าเรื่องจะจบ สุดท้ายเรายังให้เงินผู้ที่พยายามยึดครองที่ของเราไปจำนวนไม่น้อยเป็นค่ารื้อถอน กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ก่อตั้งพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง พยายามจะเปลี่ยนประเทศ ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ อ้างตลอดเวลาว่า ประเทศไทยเป็นของประชาชน หาใช่เป็นของพระมหากษัตริย์ไม่ คนกลุ่มนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกชายคนเล็กของนายอ๋วยที่บ้านชะอำของครอบครัวผม ที่ได้อาศัยอยู่อย่างสุขสบาย สุดท้ายพยายามยึดเป็นที่ของตัวเอง ปฐมกษัตริย์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุทธยา กรุงธนบุรี กรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนเป็นพระมหากษัตริย์ที่นำทัพออกรบ รวบรวมดินแดนก่อตั้งประเทศ พระองค์ต่อๆมาก็มีทั้งต้องทำสงครามเพื่อป้องกันประเทศเมื่อถูกรุกราน เมื่อประเทศชาติต้องเสียเอกราชถูกยึดครอง ก็มีพระมหากษัตริย์ทรงทำสงครามเพื่อกู้ชาติจนได้รับเอกราชอีกครั้ง หากไม่มีพระมหากษัตริย์ เราอาจไม่มีประเทศอย่างทุกวันนี้ ในราชวงศ์จักรี หากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และกรมพระราชวังบวรสุรสิงหนาท ทรงนำทัพรบกับทัพพ่ายแพ้พม่าในสงครามเก้าทัพ เราก็อาจไม่มีประเทศไทย อาจเป็นแบบเดียวกับมอญ กระเหรี่ยง หรือกระทั่งโรฮิงญา ด้วยเหตุนี้สำหรับประเทศเรา หากจะถือว่าพระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ทรงเป็นเจ้าของประะเทศ ก็เป็นการถูกต้องแล้ว เมื่อพระมหากษัตริย์ปกครองประเทศ มีคนต่างถิ่นอพยพมาพี่งพระบรมโภธิสมภาร ได้รับพระบรมราชานุญาตให้มีที่ดินทำกินจนมีเงินมีทอง พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงตระหนักว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเจ้าของประเทศ และยังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ แต่ต่อมามีลูก ลูกๆก็ยังมีความสำนึกเช่นเดียวกับรุ่นพ่อ รุ่นแม่ และคงสืบทอดกันต่อๆมา แต่มาวันนี้ รุ่นหลาน รุ่นเหลน ของผู้ที่เคยขอเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารจำนวนหนึ่ง ละเลยเรื่องพระมหากรุณาธิคุณที่พระมหากษัติริย์มีให้รุ่นปู่ รุ่นทวด เสียสิ้น กลับตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ป้อนข้อมูลผ่านสื่อยุคใหม่ สร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เกิดขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เติบโตมาในยุคของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สนับสนุนให้เกิดขบวนการกล่าวหา หมิ่นแคลน ย่ำยี จาบจ้วงองค์พระมหากษัตริย์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งเกิดแนวร่วมที่หลงเชื่อเป็นจำนวนไม่น้อย ทำเช่นนี้กันอย่างไม่กลัวบาปกลัวกรรม ลองคิดกันดูว่า องค์พระมหากษัตริย์จะทรงรู้สึกอย่างไร และพระเจ้าอยู้หัวรัชกาลที่ 9 หากยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่จะทรงรู้สึกอย่างไร จริงอยู่หากจะกล่าวว่า ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศก็คงไม่ผิด แต่การเป็นเจ้าของประเทศหมายถึงการมีสิทธิอาศัยอยู่ในประเทศ มีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ มีสิทธิทุกประการตามที่กฎหมายกำหนด หาได้มีสิทธิจะทำอะไรกับประเทศก็ได้เหมือนกับทำอะไรก็ได้กับที่ดินหรือบ้านที่ตัวเองเป็นเจ้าของไม่ ความเป็นเจ้าของประเทศต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างฯของบ้านเมือง ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ยิ่งไม่อาจขายประเทศของตัวเองได้ คนกลุ่มนี้ได้ดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะถึงขั้นตอนสำคัญ เป็นขั้นตอนที่พวกเขาพยายามจะยึดการปกครองของประเทศผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย หากทำสำเร็จเขาก็คงจะดำเนินการในขั้นต่อๆไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของเขา กรณีที่คนกลุ่มนี้พยายามที่จะยกเลิกมาตาม 112 เมื่อไม่สำเร็จ เปลี่ยนเป็นมาเป็นขอแก้ไข ลดโทษ ให้มีโทษปรับได ที่สำคัญคือ เอามาตรา 112 ออกจากหมวดความมั่นคง แสดงว่าพวกเขาเห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ และต้องการทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอลง กรณีที่ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภาของไทย เชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยมาชี้แจง เรื่องการที่มีคนไทยส่งหนังสือร้องเรียนไปยังวุฒิสภาว่า สถาบันพระมหากษัตริย์และทหารแทรกแซงการเลือกตั้ง และวุฒิสมาชิกสหรัฐกลุ่มหนึ่งขานรับ และกำลังจะเสนอวุฒิสภาให้มีมติ 114 กล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยว่าแทรกแซงการเลือกตั้ง ทั้ง 2 กรณีเป็นการบ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้มากที่กลุ่มการเมืองกลุ่มนี้มีการติดต่อกับต่างชาติ นี่อาจเป็นความจริงที่น่ากลัวที่สุด จากที่ได้ฟังพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ตอบคำถามของคุณ สันติสุข มะโรงศรี ทาง Top News ทำให้ทราบว่า ทั้งสองท่านตระหนักและเห็นว่าเรื่องข้างต้นเป็นเรื่องจริงและจะกระทบต่อความมั่นคงของชาติ อีกพรรคหนึ่งที่ตระหนักเรื่องนี้คือพรรคไทยภักดี พรรคอื่นๆหากไม่ได้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเสียเองก็คงเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล จึงไม่มีพรรคใดให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้แม้แต่พรรคเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ หากเรายังให้ความสำคัญต่อความเป็นชาติ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คงไม่ต้องบอกว่า เราควรเลือกเบอร์อะไร พรรคใด ให้เข้ามาบริหารประเทศ ขอย้ำอีกครั้ง พวกเขาทำกันเป็นขั้นเป็นตอน เป็นขบวนการ หากทุกท่านอยากทราบว่าขั้นตอนทั้งหมดมีขั้นตอนใดบ้าง กรุณาดูคลิปตอนที่ 2 ของพลเรือเอก ชาตร์ นาวาวิจิต อดีตเจ้ากรมยุทธการ และอดีตผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง ที่วิเคราะห์ไว้ ตาม link ด้านล่างได้เลย https://www.youtube.com/watch?v=w2L99EeQjPI&feature=youtu.be
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    มาทำความรู้จัก กับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการประท้วงของกลุ่มนิสิตนักศึกษาทั้งจริงและปลอมกัน ...จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโต้โผใหญ่ ที่ยึดไร่ฝิ่นในอาฟกานิสถาน และปล้นน้ำมันในซีเรีย และอิรักแบบไม่ยอมถอนทหารออกจากชาติดังกล่าว ทั้งที่ผู้ก่อการร้ายถูกปราบจนแทบจะสูญพันธุ์หมดแล้ว. สิ่งที่กำลังจะกล่าวถึงคือ " NED" หรือเนด...ที่เป็น SPONSOR / สปอนเซอร์ ฮ่องกงโมเดล ที่ทำลายฮ่องกงจนยับเยิน บัดนี้กับเบื้องหลังกลุ่มผู้ประท้วงในไทย เริ่มจากเกมรุกอย่างอ่อน ( soft power ) ไปจนถึง radicialization ( การใช้ความรุนแรงแบบสุดโต่งเหมือนที่เห็นในฮ่องกง ) ทำจีนและอิหร่านไม่ประสบผลสำเร็จตอนนี้หันมาจัดการไทย สั่นคลอนอำนาจทำลายเสถียรภาพของ "รัฐบาลประยุทธ จันทร์โอชา " . NED ...ตอน..1 NED กับอิทธิพลในไทย . NED คือ อะไร ...คือ กองทุนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติสหรัฐอเมริกา สังกัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ฯ หรืออีกนัยหนึ่งคือ ซีไอเอภาคพลเรือน มีชื่อเต็มว่า " National Endowment For Democracy " . เพื่อภาระกิจแทรกแซงการเมือง และสังคมไทย เพื่อการควบคุมจัดการผลประโยชน์ของประเทศเรา เป็นองค์กรที่รัฐบาลสหรัฐสนับสนุน บทบาทคือ แทรกซึม - ชอนไช ไปทั่วโลกตามกลุ่มประเทศเป้าหมาย รวมทั้งประเทศไทย ภายใต้หน้ากากเพื่อพัฒนาประชาธิปไตย. เหล่าบรรดาอาจารย์โลภไร้สามัญสำนึกและหิวเงิน พวกหากินทางสังคม ทางการศึกษา ทางกฎหมาย ทางสื่อ ทางแพลตฟอร์มออนไลน์ พวกเสแสร้งเป็นคนดี พวกสยบตะวันตกเป็นอาชีพ กลุ่มบุคคลเหล่านี้จะถูกตะวันตก กองทุน NED ของสหรัฐควบคุมและบงการทั้งสิ้น. NED จะแทรกซึมเข้าไป ให้ก่อตั้งชมรม มูลนิธิ องค์กร แล้วเสนอให้เงินสนับสนุน ด้วยนโยบายฉาบหน้าทางสังคมสวยหรู แต่เจตนาข้างใน ให้เหล่าคนขายชาติ ทำอะไรก็ได้ ที่กัดเซาะ ชอนไชสถาบันไทยให้เซทรุด ด้วยข้อแลกเปลี่ยน ด้วยการเชิดชูคนเหล่านั้นให้เป็นใหญ่. และรัฐบาลของสหรัฐจะชักใย " ควบคุมประเทศ " โดยผ่านการกำหนดแผนการจากซีไอเอ อยู่เบื้องหลัง โดยผ่านหน้าฉากคนไทยที่ยินยอมทำลายชาติตนเอง หรือ เหล่าไทยขายชาติที่ไม่รู้จักบุญคุณของแผ่นดิน. พวกองค์กรสิทธิมนุษยชน ,ฮิวเมนไรท์ ล้วนเป็นขบวนการเครือข่ายใต้น้ำเลี้ยงของ NED ทั้งสิ้น ที่เห็นหลากหลาย มากมาย มีกลุ่มนั้น องค์กรนี้ ที่ออกมาเคลื่อนไหวบ่อยๆ ล้วนมี NED เป็นสปอนเซอร์ทั้งสิ้น เป็นการขุนไว้ใช้งาน เพื่อต่อต้านรัฐบาลที่อเมริกาต้องการล้มล้าง....แท้จริง NED คือ กองทุนสนับสนุนต่อกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลที่อเมริกาไม่ชอบใจ ** แต่ใช้คำว่า กองทุนเพื่อประชาธิปไตย บังหน้า ** ความเป็นจริง NED ให้การสนับสนุน นักปลุกระดมคนมาตั้งแต่ คสช.ยึดอำนาจแล้ว เพราะสหรัฐต้องการปลุกระดมให้คนออกมาต่อต้านคสช.. มีข้อมูลจากสื่อออนไลน์ พบหลักฐานว่า สภาคองเกรส ให้เงินทุนสนับสนุนองค์กรดังกล่าว ด้วยเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ 2560 เป็นเงินกว่า 2ล้านดอลล่าร์ หรือ 70 ล้านบาทไทย ให้กับองค์กรพัฒนาเอกชน ไม่แสวงหาผลกำไร ที่อ้างว่าทำงานเพื่อสร้างประชาธิปไตย และการป้องกันสิทธิมนุษยชน ในประเทศไทย จำนวน 22 องค์กร. มีรายงานว่า NED ซึ่งมีนายแอนดรูว์ เอช การ์ด ( Andrew H. Card )อดีตหัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช เป็นประธาน สังกัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และอยู่ภายใต้การดูแลของสถานทูตอเมริกา เรียกกันว่า เป็นซีไอเอ.ภาคพลเรือน มีภาระกิจแทรกแซง การเมือง และสังคมไทย โดยมีจุดประสงค์เพื่อ การควบคุมจัดการผลประโยชน์ต่างๆในประเทศไทย ด้วยการให้เงินงบประมาณสนับสนุน นักการเมือง และกลุ่มมวลชน รวมถึงสื่อมวลชน นักวิชาการ อาจารย์ มหาวิทยาลัย ให้ออกมาดำเนินการเคลื่อนไหวในเรื่องต่างๆ ทั้งทางการเมือง ความมั่นคง สังคม และระบอบการปกครองไทย. เปิดข้อมูลที่หลายคนไม่เคยรู้ ..... ปี 2560 " NED" สนับสนุนเงินทุนกว่า 2 ล้านดอลล่าร์ ให้กับเอ็นจีโอ กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ,สถาบันส่งเสริมกรรมการบริษัทไทย และกลุ่มสื่อมวลชนในไทย. .☆ ความสัมพันธ์ของ Open Society และ NED ในไทย ☆. จอร์จ โซรอส เป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของพรรค เดโมแครต และเป็นคนสนับสนุนนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา โดยให้การสนับสนุนหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐ ด้วยเงินทุนส่วนตัวมาโดยตลอด และใช้มูลนิธิ Open Society เป็นตัวแทน ให้เงินสนับสนุนเป็นจำนวนมาก แก่องค์กรการกุศล ,องค์กรภาคเอกชน และภาครัฐทั่วโลกกว่า 100 ประเทศ จนสามารถชี้นำในองค์กรเหล่านั้นได้ เพื่อสนับสนุนให้เปิดสังคมนั้นๆเป็นประชาธิปไตยแบบสหรัฐ หรือสังคมประชาธิปไตยแบบเสรี. ที่สำคัญ จอร์จ โซรอส ยังให้เงินทุนสนับสนุนแก่ NED ด้วย จึงเป็นพันธมิตรที่ดีในการทำงานร่วมกัน เพื่อแทรกแซงประเทศตนเอง และประเทศต่างๆ แนวทางการทำงานขององค์กรเหล่านี้ จะใช้การกระตุ้นความตื่นตัวของพลเมือง โดยข้ออ้างเรื่องหลักๆคือ ประชาธิปไตย , สิทธิมนุษยชน และสิ่งแวดล้อม ผ่านการทำงานของบุคคล 3 กลุ่มหลักคือ. 1.นักวิชาการ ในการผลิตชุดความรู้ เผยแพร่ข้อมูลที่อ้างอิงได้จากผู้เชี่ยวชาญ ...เพื่อสร้างน้ำหนักให้สังคมคล้อยตาม . 2 .นักเขียน , สื่อ , บล็อกเกอร์ หรือ ผู้มีอิทธิพล ( influencer ) ทางสังคม ผ่านช่องทางต่างๆเช่น สื่อออนไลน์ เพื่อสร้างกระแสการติดตาม และส่งต่อเป็นเครือข่ายเหมือนไฟลามทุ่ง. 3.NGO. หรือนักเคลื่อนไหว เพื่อปลุกระดม หรือทำการเคลื่อนไหวต่อต้าน เช่นต่อต้านนโยบายของรัฐที่ไม่ตอบสนองต่อนโยบายของสหรัฐอเมริกา โดยอ้างประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสิ่งแวดล้อม บังหน้า . เงินทุนกว่า 2ล้านดอลล่าร์ ไปอยู่ที่ไหนบ้าง.???. 1 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการ บริษัทไทย [ IOD]. เพื่อการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในตลาดหลักทรัพย์ และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน จำนวน 257,361 ดอลล่าร์ . ☆ บุคลากร -- นายเกริกไกร จีระแพทย์ ตำแหน่งนายกสมาคม , นายบัณฑิต นิลถาวร ,นางเกศรา บัญชูศรี , นางทองอุไร ลิ้มปิติ , นายประสัณห์ เชื้อพาณิช , นางนวลพรรณ ล่ำซำ , นายบรรจง จิตต์แจ้ง ,นายปรีดี ดาวฉาย ,นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ,นางภัทรียา เบญจพลชัย. 2 ศูนย์ข้อมูล และข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง [ TCIJ ]. เพื่อความโปร่งใสและความรับผิดชอบ ต่อการทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน 30,000 ดอลล่าร์. 3. ฮิวแมนไรท์ วอชประเทศไทย [ นาย สุนัย ผาสุก ] กับโครงการย่อยอีก 6โครงการ --- โครงการเสริมสร้างประชาสังคม เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยในภาคเหนือ จำนวนเงินสนับสนุน 52,220 ดอลล่าร์. ---โครงการเพิ่มขีดความสามารถของผู้นำชุมชน ในการส่งเสริมประชาธิปไตย ของนักเคลื่อนไหวระดับรากหญ้า จำนวน 31,100 ดอลล่าร์ --- สนับสนุนการทำกิจกรรมคุ้มครองสิทธิชุมชน 35,000ดอลล่าร์ . --- ☆☆☆สนับสนุนการทำกิจกรรมการเคลื่อนไหวของนักศึกษา นักกิจกรรม และผู้นำชุมชน จำนวน 45,000 ดอลล่ารฺ☆☆☆ . ----ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพลเมืองในการสนับสนุนประชาธิปไตย 50,000ดอลล่าร์ และจ่ายให้อีก 50,000 ดอลล่าร์ ถ้าสามารถสร้างจำนวนนักเคลื่อนไหวระดับรากหญ้าได้เพิ่มขึ้น. 4.เดอะอีสาน เรคคอร์ด . เพื่อเสริมสร้างนักข่าวพลเมืองในภาคอิสาน จำนวน 46,000 ดอลล่าร์. 5. Asian Network For Free Election Foundation ....☆☆☆เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนในขบวนการประชาธิปไตย จำนวน 70,000 ดอลล่าร์ [ บุคลากร นางสมศรี หาญอนันทสุข กรรมการไทยพีบีเอส และอดีตอำนวยการบริหารเอเซีย เน๊คเวิร์ค ]. 6. มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม จำนวน 80,500 ดอลล่าร์ [ บุคลากร - นางสุรัสวดี หุ่นยนต์, **นายโคทม อารียา ** , นายเดช พุ่มคชา , นายประพจน์ เกตรากาศ , นายวิทูรย์ เลี่ยมจำรูญ , **นายจอน อึ้งภากรณ์** ,นาย นิมิตร เทียนอุดม]. 7 .สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เพื่อสร้างเครือข่าย ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน จำนวน 50,000 ดอลล่าร์. 8.Solidarity Center [ SC]...เพื่อส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพในการทำงานในระดับสากล ในหลักการและการปฎิบัติ ตลอดจนสิทธิของแรงงานข้ามชาติ จำนวน 754,904 ดอลล่าร์. 9. Union For Civil Liberty....เพื่อส่งเสริมสทธิมนุษยชน และเพิ่มการเข้าถึงยุติธรรม สำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการละเมิดสิทธิ จำนวน 12,500ดอลล่าร์. 10. Cafe Democracy. เพื่อเป็นเงินทุน โครงการส่งเสริมการเจรจา และส่งเสริมคุณค่า ทางประชาธิปไตยจำนวน ..35,000 ดอลล่าร์. 11 . บริษัทดิวันโอวัน เปอร์เซ็นต์จำกัด. เพื่อการจัดทำแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และ การเมืองที่สำคัญ จำนวน 50,000 ดอลล่าร์. [ บุคลากร นายปกป้อง จันวิทย์ , นายสราวุธ เอ็งสวัสดิ์ เจ้าของนามปากกา " นิ้วกลม "] 12. มูลนิธิธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม. เพื่อทำกิจกรรมการเสริมสร้างความสามารถพลเมือง ในการใช้สิทธิด้านสิ่งแวดล้อม จำนวน 55,000 ดอลล่าร์ [ บุคลากร นายไพโรจน์ พลเพชร เป็นประธานมูลนิธิ ,นายสมชาย ปรีชา ศิลปกุล ]. 13. International Repubican Institute [IRI]. เพื่อเสริมสร้างหลักการประชาธิปไตย จำนวน 405,000. 14. มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาชุมชน...เพื่อการเผยแพร่ประเด็น ปัญหาด้านการเมือง ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ผ่านเว็บไซต์ ประชาไท จำนวน 50,000 ดอลล่าร์. วิธีการให้เงินสนับสนุนของ. NED ถือเป็นเกมรุกอย่างอ่อนหรือ Soft power ที่แสดงถึงความเลวไร้มรรยาทและไร้ซึ่งศีลธรรมในด้านแนวความคิดที่ใช้ความเป็นมหาอำนาจ ตักตวงผลประโยชน์ และมีแนวความคิดที่เหิมเกริมต้องการเปลี่ยนแปลงหลักการปกครองของไทย เจตนาร้ายต่อสถาบัน ถึงขั้นต้องการยึดประเทศไทยโดยการบริหารงานผ่านผู้นำหุ่นเชิดของตนที่เป็นคนไทย https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=532710264318527&id=100027386730023
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false