เว็บไซต์สำนักข่าวหลายแห่งในอินเดีย เช่น อินเดียทีวี เอาท์ลุคอินเดีย โอพีอินเดีย และอินเดียทูเดย์ เป็นต้น พากันรายงานข่าว โดยระบุว่า เกิดกระแสข่าวลือที่ยังไม่ได้รับการยืนยันในโลกออนไลน์ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ถูกกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน หรือพีแอลเอ ก่อรัฐประหารโค่นล้มอำนาจ โดยประธานาธิบดีสี ในเวลานี้ ถูกกักบริเวณภายในบ้านพักของเขาในกรุงปักกิ่ง และถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน หรือพีแอลเอ ซึ่งสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพพีแอลเอ โดยมีขบวนรถถัง และทหารเข้ามาอยู่ในสถานที่ต่างๆ ของกรุงปักกิ่ง
พร้อมกันนี้ บรรดาเว็บไซต์ข่าวในอินเดีย ยังระบุด้วยว่า เที่ยวบินระหว่างประเทศและภายในประเทศ ทั้งขาเข้า และขาอก จากกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ถูกยกเลิก และกรุงปักกิ่ง ก็ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยทางอินเดียทีวี ยังเปิดเผยด้วยการอ้างถึงข้อความบัญชีทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า นิวไฮแลนด์วิชั่น ระบุว่า อดีตประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน พร้อมด้วยนายเหวิน เจียเป่า อดีตนายกรัฐมนตรีของจีน ได้โน้มน้าวให้นายซ่ง ผิง อดีตสมาชิกแห่งคณะกรรมาธิการกรมการเมือง หรือโปลิตบูโร ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน มาเข้าร่วมด้วย ก่อนเข้าควบคุมสำนักงานกองกำลังพิทักษ์กลาง ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีจีน และคณะกรรมาธิการของโปลิตบูโรฯ ด้วย
ทั้งนี้ รายงานข่าวข้างต้น เผยว่า กลุ่มผู้ก่อการได้ประชุมแบบลับหลายครั้งในช่วง 10 วันที่ผ่านมา เพื่อแย่งชิงอำนาจจากประธานาธิบดีสี ซึ่งเป็นการสกัดกั้นประธานาธิบดีสี ไม่ให้ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศติดต่อกันเป็นสมัยที่ 3 ในการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 ต.ค.นี้
ทางด้าน สถานเอกอัครราชทูตจีนแห่งหนึ่ง ออกมาตอบโต้การรายงานข่าวของบรรดาสำนักข่าวในอินเดียว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวปลอม
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า สาเหตุที่ประธานาธิบดีสี ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน ณ เวลานี้ เนื่องจากอยู่ในระหว่างกระบวนการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังโรคโควิด-19 หลังเดินทางกลับจากการเข้าร่วมประชุมสุดยอดสภาประมุขแห่งรัฐสมาชิกความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ หรือเอสซีโอ ครั้งที่ 22 ที่นครซามาร์กัน ประเทศอุซเบกิสถาน
ส่วนกรณีที่สายการบินต่างๆ ในจีนยกเลิกเที่ยวบิน เป็นเพราะเหตุผลเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในมณฑลต่างๆ จนทางการต้องประกาศบังคับใช้มาตรการปิดพื้นที่ หรือล็อกดาวน์ ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบิน
ขณะที่ กรณีที่มีรถถังและทหารตามสถานที่ต่างๆ ในกรุงปักกิ่ง เนื่องจากรถถังและทหารเหล่านี้ ซึ่งเป็นยุวชนของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน หรือพีแอลเอ ฝีกซ้อมการเดินสวนสนามเนื่องในวันชาติจีน ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 ต.ค.นี้ และมีรายงานว่า ประชาชนชาจีนยังคงใช้ชีวิตตามปกติ
พร้อมกันนี้ บรรดาเว็บไซต์ข่าวในอินเดีย ยังระบุด้วยว่า เที่ยวบินระหว่างประเทศและภายในประเทศ ทั้งขาเข้า และขาอก จากกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ถูกยกเลิก และกรุงปักกิ่ง ก็ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยทางอินเดียทีวี ยังเปิดเผยด้วยการอ้างถึงข้อความบัญชีทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า นิวไฮแลนด์วิชั่น ระบุว่า อดีตประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน พร้อมด้วยนายเหวิน เจียเป่า อดีตนายกรัฐมนตรีของจีน ได้โน้มน้าวให้นายซ่ง ผิง อดีตสมาชิกแห่งคณะกรรมาธิการกรมการเมือง หรือโปลิตบูโร ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน มาเข้าร่วมด้วย ก่อนเข้าควบคุมสำนักงานกองกำลังพิทักษ์กลาง ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีจีน และคณะกรรมาธิการของโปลิตบูโรฯ ด้วย
ทั้งนี้ รายงานข่าวข้างต้น เผยว่า กลุ่มผู้ก่อการได้ประชุมแบบลับหลายครั้งในช่วง 10 วันที่ผ่านมา เพื่อแย่งชิงอำนาจจากประธานาธิบดีสี ซึ่งเป็นการสกัดกั้นประธานาธิบดีสี ไม่ให้ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศติดต่อกันเป็นสมัยที่ 3 ในการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 ต.ค.นี้
ทางด้าน สถานเอกอัครราชทูตจีนแห่งหนึ่ง ออกมาตอบโต้การรายงานข่าวของบรรดาสำนักข่าวในอินเดียว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวปลอม
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า สาเหตุที่ประธานาธิบดีสี ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน ณ เวลานี้ เนื่องจากอยู่ในระหว่างกระบวนการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังโรคโควิด-19 หลังเดินทางกลับจากการเข้าร่วมประชุมสุดยอดสภาประมุขแห่งรัฐสมาชิกความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ หรือเอสซีโอ ครั้งที่ 22 ที่นครซามาร์กัน ประเทศอุซเบกิสถาน
ส่วนกรณีที่สายการบินต่างๆ ในจีนยกเลิกเที่ยวบิน เป็นเพราะเหตุผลเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในมณฑลต่างๆ จนทางการต้องประกาศบังคับใช้มาตรการปิดพื้นที่ หรือล็อกดาวน์ ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบิน
ขณะที่ กรณีที่มีรถถังและทหารตามสถานที่ต่างๆ ในกรุงปักกิ่ง เนื่องจากรถถังและทหารเหล่านี้ ซึ่งเป็นยุวชนของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน หรือพีแอลเอ ฝีกซ้อมการเดินสวนสนามเนื่องในวันชาติจีน ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 ต.ค.นี้ และมีรายงานว่า ประชาชนชาจีนยังคงใช้ชีวิตตามปกติ