1 คนสงสัย
เมื่อชาวบ้านทั้งเกาะใช้ไฟฟ้าSolar Cell จนได้รางวัลระดับโลก

เป็นเวลานานแล้ว ที่ชาวบ้านเกาะจิก นอก อำเภอขลุง จันทบุรี อยากมีไฟฟ้าใช้ แต่ไม่เคยสำเร็จ เพราะทางการไฟฟ้าอ้างว่าไม่คุ้มการลงทุน หากต้องลากสายเคเบิลใต้ทะเลมาขึ้นเกาะ

ชาวบ้านที่นำโดยผู้ใหญ่บ้านณรงค์ชัย เหมสุรรณ ไม่ยอมจำนน
เดินหน้าไปขอความช่วยเหลือจากกระทรวงพลังงาน ให้มาติดตั้งพลังงานลม แสงอาทิตย์ และดีเซล
จนสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ชาวบ้านร่วม 400 คน

ต่อมาชาวบ้านได้เพิ่มประสิทธิภาพของพลังงานแสงอาทิตย์ และค่อยๆลดพลังงานดีเซล
โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัทเอกชน นักวิจัยและสถาบันหลายแห่งมาช่วย
จนทำให้ชุมชนประหยัดค่าใช้จ่ายจากน้ำมันดีเซล
จนทั้งเกาะใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดในปีพ.ศ.2560
และจัดการด้านการเงิน การซ่อมบำรุงเครื่องมือได้ด้วยตนเอง
และนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาดัดแปลงใช้ในการผลิตไฟฟ้า

ไม่แต่เพียงเท่านั้น เรือประมงทุกลำยังใช้พลังงานแสงอาทิตย์แทนน้ำมันดีเซลบางส่วน
และแผ่ขยายไปหลายแห่ง
บนเกาะไม่มีรถและมอเตอร์ไซค์ ที่สร้างไอเสีย จนกลายเป็นชุมชนลดโลกร้อนของจริง ได้รางวัลพลังงานทางเลือกนานาชาติหลายแห่ง
ล่าสุดบริษัท Apple มาทำสัญญารับซื้อ carbon credit จากเกาะนี้ ระยะยาว 15 ปี
ไม่น่าเชื่อว่าชาวบ้านที่จบระดับประถมศึกษา จะมีความรู้และจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมได้รุดหน้าถึงเพียงนี้
ไม่ระบุชื่อ
 •  1 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น

ภาคตะวันออก มีม

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 2 คนสงสัย
    กล้วยดิบ 'วัคซีน' พื้นบ้าน เปลวสีเงิน : ไทยโพสต์ 25 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 00:01 น. ผมทดลองแล้ว ลงทุนไป ๒๐ บาท รับประกันคุณภาพในการป้องกันได้กว่า ๘๐% UP! กล้วยครับ.... กล้วยน้ำว้าดิบๆ หั่นแว่นๆ ทั้งเปลือก คลุกเกลือ เคี้ยวให้เต็มปาก เจ้ายางและเมือกกล้วย จะเป็นด่านหน้า เคลือบในปากและลำคอ ฆ่าเชื้อแปลกปลอม ก่อนลงไปในท้อง ผมดูจากคลิป "ป้านิดดา หงษ์วิวัฒน์" นักธรรมชาติบำบัด สนทนากับ "รศ.ดร.โกวิน วิวัฒนพงศ์พันธ์" ที่พวกเขาส่งมาให้ ผมมันพวก "กล้วยนิยม" ฟังเสร็จ ซื้อกล้วยดิบมาลองเลย ลองมา ๒ วัน เห็นผลทันตา ปกติตื่นนอน คอผมเหมือนผ่านการกินทราย ปรากฏว่าหายไปเลย! ผมถอดคำจากคลิปมาให้ อยากให้ทดลองกัน ระหว่างวัคซีนยังไม่มา ใช้ "วัคซีนกล้วยดิบ" ไปก่อน รับรอง "โควิดยกโคตรขยาด"! โกวิน : ผมไอ แสบคอ ก็ค้นในเน็ต พบว่า เมื่อเป็นไวรัส มีรายงานศึกษาว่า โควิดตัวนี้ มีความแตกต่างจากไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดธรรมดาอย่างไร อยู่ในกลุ่มเดียวกัน อาการคล้ายกันมาก แต่จุดต่างของเขา คือ จะแสบคอมาก จะไอ (แห้ง) มาก มีไข้ ก็ไข้มากเลย มีรายงานออกมาว่า จุดเริ่มต้นของเขาอยู่ที่ลำคอ จนกระทั่งต่อมรับรสที่อยู่ที่ปลายลิ้นไม่สามารถทำงานได้ดี กินอาหารไม่อร่อย รับรสไม่ได้ "ผมก็บอกว่า เอ้ย..ถ้าอย่างนั้น มันเริ่มต้นที่คอใช่มั้ย เราหาอะไรมาจัดการที่คอให้ได้สิ ถ้าเราจัดการได้ มันก็ไม่มีลามไปที่ปอด ปอดก็ไม่เป็นไร ปอดก็ทำหน้าที่ได้ การที่เอาปอดเข้าฟอกออกซิเจนได้ ระบบอื่นก็ไม่ล้มเหลว ไม่ล้มเหลวเราก็ไม่ป่วยซี" ผมก็เริ่มต้นศึกษา แล้วก็เจอกล้วย มีอยู่ราย ผมจำไม่ได้ ต้องขอบคุณเขา ที่เขาช่วยแนะนำ เขาบอกว่ากล้วยน้ำว้า ต้องกล้วยดิบนะเขียวๆ เนี่ย เอามาแล้วต้องหั่นเป็นแว่นๆ เอาลักษณะที่เราเคี้ยวง่ายๆ มีข้อมูลแพทย์แผนไทยโบราณว่า กล้วยดิบนี้สามารถหยุดยั้งการไอที่ลำคอได้ "ผมบอกเอ๊ะ...อย่างนั้นต้องทดลองดูซี" มันหยุดไอที่ลำคอเพราะอะไร เพราะว่าเมื่อมีเชื้อโรคมาเข้าร่างกาย จะผ่านระบบหายใจก่อน หรือผ่านมาที่ปาก ร่างกายก็จะมีระบบกักเชื้อโรค ลำคอนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะมีน้ำเมือกออกมา เพื่อกักเชื้อโรคจากอากาศที่มีเชื้อโรค ฉะนั้น เมื่อเชื้อโรคมาติดที่นี่ มันก็จะมีอาการอักเสบที่ลำคอก่อน พออักเสบปุ๊บ ร่างกายก็พยายามกำจัดมันออกด้วยอาการไอ ไอมากแสดงว่ามีเยอะ ถ้าแสบคอมาก แสดงว่ามีเยอะ แสบคอน้อยก็มีน้อย ผมก็เออ...เว็บไซต์ที่พูดถึงนี่ กล้วยเนี่ย ยางเขาสามารถจัดการได้ เขาบอกว่า เอายางเนี่ย แล้วก็เอาเกลือใส่เล็กน้อย แล้วก็เคี้ยว ยางก็จะค่อยๆ เคลือบลำคอ ยางมีคุณสมบัติพิเศษในการฆ่า เพราะเป็นด่างด้วย ถ้าสด ยางจะเยอะ แห้ง ยางจะน้อย แล้วผมก็ทดลอง เอากล้วยดิบทั้งเปลือกมาหั่น ใส่ทัพเพอร์แวร์แล้วเอาเกลือใส่ไว้ พกขึ้นก่อนนอน เพราะผมกลางวันไอน้อย กลางคืนไอเยอะ ถามว่าทำไมกลางวันไอน้อย เพราะกลางวันเราดื่มน้ำ เดินไป-เดินมา น้ำลายเราจะหลั่งมากในเวลากลางวัน เวลาหลั่งเราก็กลืนเข้าไปในร่างกาย ระหว่างกลืนก็พาเชื้อโรคเข้าไปในลำคอ น้ำลายเป็นด่าง พอเราดึงตัวนี้ผ่านเข้าไปในกระเพาะ กระเพาะมีกรดสูง ก็ฆ่ามันตาย แต่กลางคืนน้ำลายหลั่งน้อย ยิ่งผู้สูงอายุยิ่งหลั่งน้อย เพราะฉะนั้น ผู้สูงอายุ แม้จะแปรงฟันให้สะอาดอย่างไร ก็จะมีรสเปรี้ยว-กลิ่นเปรี้ยว เพราะว่าแบคทีเรียมันเติบโต ยิ่งถ้าเกิดมีน้ำตาลในเหงือกเยอะ กินของหวานเยอะ แปรงยังไงก็ไม่สะอาดมาก ก็จะติดอยู่ แต่ถ้าเจอด่างเข้าไป ผมจิ้ม ก็จะเคี้ยว วันนั้นผมมีไข้ ไอเยอะมากเลย ผมก็ไปเอากล้วยดิบมาเลย หั่นๆๆๆๆ เก็บไว้ เกลือจิ้มไว้ กลางคืนก่อนนอน ผมก็เคี้ยวๆ พอเคี้ยวไปประมาณครึ่งลูก อาการที่ไอๆ อยู่เนี่ย ผมตกใจมากเลย เอ๊ะ...ผมไอ ทางการแพทย์นับเป็นหน่วยนะ มันหายไป ๕๐%เลย แล้วที่แสบคอ กินข้าว-กินน้ำแสบมากเลย โอ๊ะ..หายไปแฮะ ผมก็ดีใจ พร้อมตกใจนะ เอ๊ะ...เราไม่มียาอะไรในการแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ว่าจะเอายาอะไรมาอม ที่จะสามารถลดอาการอักเสบ ไอน้อยลง ๕๐% หลังเคี้ยวกลืนเข้าไปไม่เกิน ๕ นาที เป็นความมหัศจรรย์มากเลย ที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านยุคโบราณที่เขาใช้อยู่ ผมก็เคี้ยวๆๆๆ พอเคี้ยวๆๆ เสร็จแล้ว ก็เคี้ยวให้เต็มปาก เพราะในปากก็จะมีเกลือที่ใส่กับกล้วยเข้าไป เกลือก็จะไปละลายเคลือบที่ลำคอ กล้วยนี่ก็มีเนื้อแล้วก็ยาง เมื่อเคี้ยวยางก็จะค่อยๆ ออก แล้วก็ค่อยๆ กลืนลงไป ก็จะไปเคลือบที่คอ พอเคลือบที่คอ ยางนี้เป็นด่างสูงมาก เจ้าเชื้อโรคที่มาจากหวัดทั้งหมดติดที่คอก็จะตาย พออาการไอน้อยลง ไข้น้อยลง เพราะว่าอักเสบน้อยลง ก็หลับสบาย ถ้าเมื่อไหร่ไอมาก เราจะนอนไม่หลับ พอหลับตื่นมา ก็เข้าห้องน้ำ ผมเคี้ยวต่อไปอีก เพราะว่าตื่นขึ้นปุ๊บก็กลืนน้ำลาย เคี้ยวต่ออีก ๓-๔ แว่น ต่อมาตอนเช้าผมหายเลย ป้านิดดา : อาจารย์เคี้ยวหลังแปรงฟันหรือก่อนแปรงฟัน? โกวิน : หลังแปรงฟัน หมายถึงกลางคืน อาจารย์แปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เคี้ยว "คือเราแปรงฟันเรียบร้อยแล้วก็เคี้ยวเลย เคี้ยวแล้วก็เคลือบไว้เลย ไม่ต้องไปแปรงฟันใหม่นะ เพราะฉะนั้น แปรงฟันตอนเช้าก็จะมีเศษกล้วยอยู่บ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้น อาการอักเสบที่คอ ไอ หายไป" ป้านิดดา : เฉพาะก่อนนอนใช่มั้ย แล้วตอนเช้าเคี้ยวต่อมั้ย? โกวิน : พออาการไอมันหาย ก็ไม่ได้เคี้ยว แต่พอก่อนนอน ผมก็เตรียมไปอีก ถ้ามีอาการไอ ผมก็เคี้ยวต่อไป ทำแบบนี้ จนทุกวันนี้ติดกล้วยเลย "คำถามทางบ้าน" "มีหลายคนถามมาว่า เวลาทาน ทานทั้งเปลือกด้วยใช่มั้ยคะ?" "ใช่..ใช่ เอากล้วยทั้งลูกล้างให้สะอาด แล้วก็ฝาน พอฝานไปแล้ว ยางก็จะออกมา ส่วนกล้วย เนื้อกล้วยปกติจะมีคาร์โบไฮเดรต เป็นน้ำตาล แต่เนื่องจากเขาดิบ เป็นแป้ง เขาจึงไม่มีสภาพเป็นน้ำตาลเท่าไหร่ ฉะนั้น การที่เขาทำหน้าที่ได้สมบูรณ์เนี่ย มันเป็นความซับซ้อน ไม่ใช่ยางอย่างเดียว ผมคาดว่า น้ำเกลือก็มีผล ยางก็มีผล เนื้อที่เป็นแป้งก็มีผล" ครับ....... ผมแกะคำมาเลย ไม่อยากสรุป ก็ยังไม่จบความดี แต่เนื้อที่หมด ที่เหลือ "ป้านิดดา" ให้ความรู้ด้านสารในกล้วยดิบ จะนำมาต่อวันหลัง ลองกันดูนะครับ "กล้วยดิบ" พิชิตโควิดได้ แต่ใครก็อย่าไปบอกธนาธรเชียวนะ เดี๋ยวมัน "อมกล้วย" ไลฟ์สดอีก ยุ่งตายหะ!
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ท่านทูตสแกนดิเนเวีย นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ เดนมาร์ก วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน ประเทศไทย และบทสรุป
    ท่านทูตสแกนดิเนเวีย นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ เดนมาร์ก วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน ประเทศไทย และบทสรุป จุดแข็งประเทศไทย 1. ตั้งอยู่ใจกลางโลก รอบข้างมีประเทศประชากรมาก อินเดีย จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ เวียดนาม เกาหลี ตลาดใหญ่ 2. พื้นที่เป็นแหลมระหว่างมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก เป็นแหล่งอาหาร ติดต่อกับทุกประเทศสะดวก 3. แผ่นดินสมบูรณ์ด้วยพืชพันธ์ุธัญญาหาร ทรัพยากรธรรมชาติหลากหลาย ป่าไม้ แหล่งน้ำน้ำจืด ทะเล ในป่า บ้าน สวน เต็มไปด้วยพืชอาหาร พืชสมุนไพร เป็นทั้งครัว คลังยาโลก 4. ใต้ผืนดินมีแร่ธาตุนานาชนิด แหล่งน้ำมันดิบ แก๊สธรรมชาติ มากกว่ากลุ่มโอเป็กหลายประเทศ 5. มีภูมิปัญญาการใช้สมุนไพรสืบทอดจากบรรพชน สามารถวิจัยพัฒนาต่อยอดเป็นยาสมุนไพรมีมาตรฐานในการรักษาโรค ส่งเป็นสินค้าออกได้ 6. มีธรรมชาติสวยงาม หาดทรายสองฝั่งทะเล น้ำตก ถ้ำ เพิงผา ป่าไม้ ภูเขา อ่าว แหลม แหล่งท่องเที่ยวที่ดีมาก 7. อยู่ในเขตร้อน ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ใช้ไม่หมด มีลมบก ลมทะเล ที่แปลงเป็นไฟฟ้าได้ 8. ตั้งอยู่ในเขตไม่เสี่ยงภัยธรรมชาติรุนแรง ห่างศูนย์กลางแผ่นดินไหว ไม่มีภูเขาไฟคุกกรุ่น ลมพายุรุนแรง 9. มีพุทธศาสนา ที่คำสอนสมบูรณ์ 10. คนไทยจิตใจดี ยิ้มแย้ม มีน้ำใจ ฉลาด เรียนรู้เร็ว พัฒนาง่าย 👉 จุดแข็ง 10 ข้อ ไทยเป็นสวรรค์บนดิน ใครได้เกิดประเทศนี้ ถือว่าโชคดี 👉 คนไทยควรมีความสุข สุขภาพดี ฐานะมั่งคั่ง ⚠️ ความเป็นจริงตรงกันข้าม ❌ จุดอ่อนประเทศไทย ❎ คนไทยไม่กี่ตระกูลเป็น 🎠 1. ขุนทหาร 🚔 2. ข้าราชการผู้ใหญ่ 🎭 3. นักการเมืองใหญ่ 💰 4. นายทุนระดับชาติ เท่านั้นที่ร่ำรวย เสพสุขบนกองทุกข์ประชาชน ราวเทพยดาเดินดิน 😢 คนส่วนใหญ่อยู่ในขุมนรกความยากจน นับวันยิ่งจน หนี้พอกพูนรุนแรง 🌳 ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย ป่าไม้เป็นป่าเสื่อมโทรม พื้นที่เกษตร แม่น้ำลำธาร เต็มด้วยสารพิษทางการเกษตร สัตว์น้ำลดลง การขยายพันธ์ุสัตว์น้ำลดลง แหล่งอาหารธรรมชาติลดลง ต้องซื้ออาหารจากตลาดราคาแพง 🏥 คนป่วยมะเร็งมาก จากสารเคมีปนเปื้อนในพืชผัก อาหาร น้ำ โรคไต เบาหวาน หัวใจ ความดันโลหิต อ้วน จากขาดสภาพแวดล้อมและการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม คนป่วยล้นโรงพยาบาล ทุกขเวทนาจากการเจ็บไข้ได้ป่วย ⚰ ไม่ปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน คนชั่วไม่เกรงกลัวกฏหมาย ยาเสพติด อาชญากรรม เต็มเมือง คนธรรมดาไม่ปลอดภัย 💲 ทุจริต คอรัปชั่น เพิ่มทวี ยักษ์ใหญ่โกงใหญ่ ยักษ์เล็กโกงเล็ก โกงตามที่มีแรงโกง มือใครยาว สาวได้ สาวเอา ชนชั้นนำตั้งแต่ 2500 ใช้ รัฐศาสตร์มาร ปกครองบ้านเมืองแบบ ฉ้อฉล หลอกลวง คดในข้อ งอในกระดูก ทำให้ประชาชนอ่อนแอ อยู่ในวงจรอุบาทว์ โง่ เลว จน เจ็บ ทำให้ปกครองอย่างเอารัด เอาเปรียบ คดโกง สะดวก ง่าย ข้อคิดน่าวิเคราะห์ของสังคมไทย ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน หนี้สิน โรคภัยไข้เจ็บ เติบโต ขยายใหญ่ ลุกลาม ทวีความรุนแรง จากโครงสร้างการปกครองชั่วร้าย รวบอำนาจ ไม่มีระบบถ่วงดุลอำนาจดีพอ ผู้ปกครอง ทำ ไม่ทำอะไรก็ได้ ผู้ปกครองขัดขวางการแก้ไขปัญหา เร่งปัญหา ปัญหาขยายใหญ่ขึ้น มากขึ้น ↗️ ทำให้ประชาชนโง่ การศึกษาทำให้เด็กไม่รักการอ่าน ไม่ชอบคิด หาเหตุผล ไม่สอนปรัชญาประชาธิปไตย ประวัติศาตร์ วีรชนสามัญชน การเอาตัวรอดในระบบทุนนิยม การรวมตัวกันต่อสู้ปัญหาเศรษฐกิจ ↙️ ทำให้ประชาชนเลว เน้นที่ปัญญาชน คนชั้นกลาง โดยการศึกษา ⬅️ ไม่ฝึกการมีวินัย ⬅️ ไม่ปลูกฝังความรู้ทางศาสนา คนไม่คิดพัฒนาจิตใจ ความเป็นมนุษย์ ⬅️ ไม่ปลูกฝังจิตสำนึกรักชาติให้ปัญญาชน กีดกันการแสดงออกทางการเมืองของนักศึกษา ปัญญาชน ทำให้ปัญญาชนเห็นแก่ตัว ⬅️ เพื่อให้ปัญญาชนคนรุ่นใหม่คิดแต่ประโยชน์ส่วนตน ตัวใครตัวมัน ไม่เห็นใจคนยากจน ไร้จิตสำนึกความเป็นมนุษย์ที่ต้องเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ด้อยกว่า 🚸 ไม่มีใครขวางการทุจริต การทำลายชาติของชนชั้นบน ⛔ ใครพูดการเมือง ปัญหาชาติ บ้านเมือง ชนชั้นกลางก็ต่อต้านไม่ให้พูด ปกป้องคอรัปชั่น ปกป้องคนทำลายชาติ 🚷 ทำให้ประชาชนจน ออกกฎหมายกีดกัน สร้างความเหลื่อมล้ำในการประกอบอาชีพ กฎหมายการเงินการธนาคาร การผลิตที่ไม่เท่าเทียม ออกนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม 🚫 เลิกสนับสนุนเกษตร งดสนับสนุนวิทยาลัยเกษตร ไม่สนับสนุนการวิจัยข้าว ยาง อ้อย พืชสวน ⬇️ ปล่อยให้บุกรุกทำลายป่าไม้ แหล่งน้ำ แหล่งอาหาร และสมุนไพร ↘️ สนับสนุนปุ๋ย เคมีฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง ทำลายสัตว์น้ำธรรมชาติ ทำลายดิน ทำให้น้ำปนเปื้อนสารพิษ ✔ เกษตรกรล้าหลัง แข่งขันไม่ได้ เป็นเบี้ยล่างนายทุนยา ปุ๋ย พันธ์ุพืชสัตว์ เครื่องจักรกกล ✔ เกษตรกรต้องทิ้งลูกเมีย ไร่นา ไปเป็นกรรมกร ✔ อ้างส่งเสริมอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว ละเลยเกษตร อาชีพคนส่วนใหญ่ ❌ สามัญชน 66 ล้านคนไทย ไม่มีใครมีศักยภาพครอบครองเทคโนโลยีสูง เป็นเจ้าของสถานที่ท่องเที่ยว เจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูง เป็นแต่ลูกจ้าง ทาสนายทุน ประชาชนจะมีรายได้สูง ตามที่ว่า เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เป็นไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างไร ✖ ทำให้ประชาชนเจ็บ ⚰ เว้นภาษีนำเข้ายาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า อ้างว่าช่วยเหลือเกษตรกรให้ซื้อได้ถูก ทำให้นายทุนยาพิษรวย ยาเหล่านี้ปนเปื้อนในดิน น้ำ อากาศ ทำให้ปลา สัตว์น้ำธรรมชาติสูญพันธุ์ คนไทยได้รับยาผ่านอาหาร สัมผัสโดยตรง เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยมะเร็ง โรคสารพัด ธุรกิจความตายเติบโต สูบเงินคนไทย 🎭 หลายคนไม่ทราบว่าสารพิษเคมีเกษตร ปลอดภาษีมูลค่าเพิ่ม ↗️ แต่จุลลินทรีย์ชีวภาพกำจัดแมลงที่ปลอดภัย คนไทยทำได้เอง ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (ความคดในข้อ ของกฎหมายออกโดยคนชั้นสูง) 🚫 เพื่อกีดกันด้านการค้า ชะลอเทคโลโลยีอินทรีย์ปลอดภัยผลิตได้เอง 🔜 บทสรุป 🔚 1. ชนชั้นนำไทย พยายามทำลายไทย เพื่อประโยชน์ตน โคตรตระกูล 2. ชนชั้นกลางไร้ความรับผิดชอบบ้านเมือง เห็นแก่ความสุขสงบของตน มองการต่อต้านความอยุติธรรมการปกครอง เป็นความวุ่นวาย ต่อต้านการต่อสู้ประชาชน แทนที่ร่วมสู้กับประชาชน 🔜รอวันล่มสลาย!!! Cr:Line KWM
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จ่อเลิกขายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 95 และE85 ดัน E20 ขึ้นแท่นน้ำมันหลัก พร้อมอัพราคาพืชเอทานอล . รถยนต์ส่วนใหญ่บนท้องถนนในประเทศไทยนิยมใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ 91 กับ 95 ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 70% ของปริมาณการใช้น้ำมันทุกประเภทในยานพาหนะ แต่อีกไม่นานเราอาจไม่ได้เติมน้ำมันประเภทนี้อีกต่อไป รวมถึงน้ำมัน E85 ด้วย เพราะมีข่าวว่ากระทรวงพลังงาน โดยเจ้ากระทรวงที่ควบต่ำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอย่างนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เดินหน้าแผนพลังงานระยะยาวแน่! . สำหรับการยกเลิกน้ำมันทั้ง 3 ประเภทนั้น หากมองเหตุผลเบื้องต้นอย่างแรกคือ รถที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงปริมาณลงเรื่อยๆ ตามกาลเวลา รถใหม่ๆ จะใช้น้ำมัน E85 E20 หรือเติมน้ำมันได้หลากหลายประเภทอยู่แล้ว แต่เมื่อเจาะลึกลงไปดูต้นทางที่จะทำให้เกิดการยกเลิกนี้ ก็มาจากแผนบูรณาการพลังงานระยะยาว หรือ TIEB ฉบับใหม่ระหว่าง พ.ศ. 2561 - 2580 โดยมีองค์ประกอบหลักๆ 5 แผนด้วยกัน ได้แก่ - แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan) - แผนอนุรักษ์พลังงาน (Energy Efficiency Plan) - แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (Alternative Energy Development Plan) - แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) - แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ถือว่าเป็นพลังงานชนิดที่มีสัดส่วนการใช้สูงมากๆ ในภาคการขนส่ง . เบื้องต้นรองนายกผู้เป็นเจ้ากระทรวงก็ได้เห็นชอบให้คงเป้าหมายของแผนบูรณาการข้างต้นต่อไป เนื่องจากจัดทำกันมาตั้งแต่ยุคของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตเจ้ากระทรวง พร้อมสั่งให้มีการวัดผลสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงทุกๆ ปี ตลอดระยะเวลาแผนช่วง 5 ปีที่ต้องชัดเจน โดยเฉพาะแผนบริหารจัดการน้ำมัน ด้วยกำหนดให้น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ B10 และ E20 กลายมาเป็นน้ำมันมาตรฐานของประเทศ และยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 แก๊สโซฮอล์ 95 และ E85 แทน . เมื่อหาเหตุผลอื่นๆ ประกอบเพิ่มเติมในการยกเลิกการใช้น้ำมันเหล่านี้ มันมีปัจจัยหนึ่งมาจาการที่ภาครัฐต้องการเข้าไปช่วยเพิ่มราคาของวัตถุดิบที่เป็นผลิตผลทางการเกษตรก็คือ มันสำปะหลัง และอ้อย เนื่องจากปัจจุบันถูกนำมาใช้ผลิตเป็นเอทานอล ในสัดส่วนประมาณ 27% ของการผลิตเอทานอลทั้งหมด . โดยก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานก็เคยมีการประกาศให้น้ำมันดีเซล B10 หรือน้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 10% ในทุกลิตรกลายเป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศเมื่อ 1 มกราคม 2563 เพื่อสนับสนุนราคาผลผลิตปาล์ม โดยปั๊มน้ำมันทุกแห่งก็จะมีเวลาปรับตัวมา 4 - 5 เดือน ในการเปลี่ยนป้ายชื่อผลิตภัณฑ์ที่ตู้จ่ายน้ำมัน จาก “ดีเซลB10” เป็น “ดีเซล” ซึ่งน้ำมันดีเซลที่ขายกันทุกวันนี้ จะถูกเปลี่ยนชื่อเรียกว่า ดีเซล B7 ให้กลายเป็นน้ำมันทางเลือกสำหรับรถเก่าและรถยุโรป น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ก็ให้เป็นน้ำมันทางเลือกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 ตุลาคมนี้ . หากมีการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ น้ำมันไบโอดีเซล B10 จะช่วยดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบหรือ CPO ได้ปีละ 2.2 ล้านตัน และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ หรือ B100 ได้วันละ 6.5 ล้านลิตร . กลับมาที่การยกเลิกน้ำมันโซฮอล์ 91 กันต่อ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า มันสร้างความสันสนงุนงงพอควรให้หมู่ประชาชนที่ต้องเจอกกับการเปลี่ยนแปลในช่วงแรกๆ แต่ไม่ใช่ประชาชนที่สับสนอย่างเดียว ทางผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันก็สับสนพอควร และปั๊มน้ำมันในบ้านเราส่วนใหญ่มีหัวจ่ายไม่มากนัก การจะเก็บสำรองน้ำมันหลายๆ ชนิดไว้ก็ล้วนเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งนั้น หากรวมน้ำมันเบนซิน กับดีเซลในบ้านเรารวมๆ กันมีถึง 11 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นสูตรพรีเมียม หรือสูตรธรรมดา ให้เป็นประเภทเดียวกันในหมวดหมู่เดียวกัน ก็จะเป็นการประหยัดต้นทุนของปั๊มน้ำมัน ฉะนั้นปั๊มน้ำมันขนาดกลาง และขนาดเล็กก็จะได้ให้บริการได้ลงตัวมากขึ้น . ถัดมาคือเรื่องของแก๊สโซฮอล์ E20 ที่ถูกมองเป็นพระรองมาตลอด แม้ว่าจะเป็นน้ำมันราคาถูกกว่า ประหยัดกว่า คุณภาพตามมาตรฐาน แต่คนเลือกเติมน้อยกว่าเนื่องจากมองว่าเวลาขับขี่แล้วรู้สึกเครื่องยนต์ไม่แรง การเผาไหม้สู้น้ำมันสูตรอื่นไม่ได้ จังหวะนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเดินหน้าครั้งสำคัญของวงการพลังงานไทยอีกครั้ง เพื่อส่งเสริมให้ลดประเภทน้ำมันลง และใช้ E20 เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐาน ด้วยการตั้งเป้าปริมาณการใช้ E20 ไม่ต่ำกว่า 50% ของความความต้องการใช้น้ำมันเบนซินภายในปี 2564 และยกมาตรฐานน้ำมันของไทยเป็นมาตรฐานยุโรป ระดับ 5 ในปี 2567 . ส่วนมาตรฐานน้ำมันยูโร คืออะไร เป็นมาตรฐานการรับมือมลพิษทางอากาศ หรือ Euro Emissions Standards เพื่อควบคุมอัตราการปล่อยมลพิษของรถยนต์ หากย้อนไปดูการกำหนดใช้ครั้งแรกที่เริ่มกันมาตั้งแต่ปี 1992 โดยรายละเอียดทางเทคนิคเบื้องต้นนั้น ข้อกำหนดของมาตรฐานยูโร 1 จะมีการระบุว่ารถยนต์ต้องเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบไร้สารตะกั่ว และให้มีอุปกรณ์เครื่องฟอกไอเสียเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) จนพัฒนามาต่อเนื่องมาเป็น ยูโร 2 ในปี 1996, ยูโร 3 ในปี 2000 ยูโร 4 ที่บ้านเราใช้กันอยู่คือการกำหนดให้รถยนต์ที่ผ่านการทดสอบจะต้องมีปริมาณการปล่อยสารมลพิษไอเสียต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ประกอบไปด้วย คาร์บอนมอนออกไซด์ต้องไม่เกิน 0.5 g/km. ไนโตรออกไซด์ต้องไม่เกิน 0.25 g/km ขณะที่ยูโร 5 จะเพิ่มความเข้มงวดขึ้นไปอีกขั้น โดยต้องลดลง 28% จากยูโร 4 . ขณะที่คุณนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานบอกไว้ว่า หากรัฐมนตรีเห็นชอบน่าจะใช้เวลาประมาณ 9 เดือนหลังจากแผนอนุมัติ โดยแบ่งเป็นช่วง 3 เดือนแรก จะทำการสนับสนุนให้ประชาชนมาเติมน้ำมัน E20 เพิ่มขึ้น ทั้งการใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาสนับสนุนด้านราคา ต่อจากนั้นช่วง 3 - 6 เดือน ก็ทำการกำหนดให้โรงกลั่นน้ำมันหยุดทำการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 พร้อมใช้กลไกราคาให้โซฮอล์ 91 กับโซฮอล์ 95 มีราคาเท่ากัน ลดส่วนต่าง E20 ให้ถูกกว่า 95 และเมื่อครบแผนการ 9 เดือน ก็เชื่อว่าจะสามารถดันให้ E20 เป็นน้ำมันพื้นฐานได้เต็มรูปแบบ . แล้วรถยนต์รุ่นเก่าจะทำอย่างไร?...ทางแรกอาจจะเปลี่ยนไปใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ก่อน เพราะยังไม่ยกเลิก ซึ่งมีราคาสูงกว่า 91 ไม่มากนัก หากรวมๆ กับประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่ดีขึ้นก็ถือว่ารับได้อยู่ อีกทางที่สายประหยัดสามารถเลือกได้นั่นคือ การนำรูปไปติดกล่องจูนเครื่องยนต์ให้รองรับน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ E20 หรือ E85 แต่ต้องยอมรับว่าการจะไปติดกล่องอะไรก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นกับเครื่องยนต์ ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของท่อน้ำมันเร็วขึ้น ยิ่งหากถึงคราวซวยเจอช่างหรืออู่รถติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็ย่อมมาพร้อมค่าใช้จ่ายที่งอกมาอีกด้วย . หากทางเลือกแรกไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งการจูนกล่องเครื่องยนต์ให้รองรับ หรือเปลี่ยนน้ำมัน ยังไม่โดนใจคุณ ทางเลือกอื่นก็ยังมีให้ แต่ทางนี้ต้องเป็นคนที่ทำใจได้ตอนขายรถ เนื่องจากให้นำรถไปติดแก๊ส เพราะแก๊ส LPG NGV ใดๆ ก็ตามจะทำให้รถยนต์สุดรักของคุณราคาตกลงไปด้วย ประกอบกับความเสี่ยงจากความร้อนในการเผาไหม้ระบบแก๊ส สูงกว่าน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วขึ้นกว่าเดิม รถยนต์เสื่อมสภาพไวกว่าปกติ และเครื่องยนต์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ออกแบบมาให้ทนความร้อนสูงมากนัก รวมถึงโอกาสเวลาเกิดอุบัติเหตุมักจะรุนแรงกว่า แม้อุบัติเหตุบนถนนไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ยิ่งเกิดขึ้นกับรถติดแก๊สนั้นจะยิ่งอันตราย เพราะแก๊สรั่วแล้วติดไฟได้ง่าย ด้วยคุณสมบัติการเป็นเชื้อเพลงชั้นดี ฉะนั้นต้องมองให้หลายมิติ . ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะทางเลือกอื่นๆ ก็ยังมี ไม่ว่าจะเป็นการยกเครื่องยนต์ใหม่ ใส่เครื่องยนต์ตัวใหม่เลย ไปจนถึงหาเครื่องยนต์เก่าตามเซียงกงมาให้อู่รถจัดการให้ แต่ต้องมีความเชี่ยวชาญเสียหน่อย และทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้ที่มีกำลังทรัพย์อาจเลือกการเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ ที่ตอบโจทย์มากกว่า อย่างไรก็ตามต้องคำนวนค่าใช้จ่ายที่ตามมาด้วย ดีไม่ดีอาจจะเข้าสุภาษิตที่ว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายเอาได้ . ทั้งนี้ การจะเคาะเริ่มการยกเลิกเมื่อไหร่นั้น ยังต้องดูความชัดเจนจากเจ้ากระทรวงพลังงานอีกครั้งหนึ่ง ว่าจะประกาศชัดๆเมื่อใด . #น้ำมัน #แก๊สโซฮอล์ #91 #E20 #พลังงาน
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    โรคไหลตาย หรือที่ทุกคนอาจจะรู้จักกันในชื่อของ ผีแม่ม่าย แท้ที่จริงแล้วคืออะไรกันแน่?
    จากเหตุการณ์การไหลตายที่เป็นประเด็นดัง จนเกิดการแชร์ต่อและถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลายของในพื้นที่ภาคตะวันออก ที่จังหวัดชลบุรีนั้น เป็นประเด็นที่น่าจับตามองอย่างมาก ซึ่งทั้งหมดเสียชีวิตในลักษณะนอนไหลตายจนทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเกิดจากฝีมือของผีแม่ม่ายออกอาละวาดหรือเกิดตามตำนานความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งประเด็นข่าวลือเรื่องผีแม่ม่าย ได้ถูกบอกและขยายความอย่างรวดเร็วหลังเกิดกระแสในโลกออนไลน์ ซึ่งนอกจากจะมีการแชร์ข้อมูลต่อแล้ว ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ในลักษะของความหวาดกลัวจนเกรงว่าอาจมีมิจฉาชีพสวมรอยเข้ามาหลอกลวงชาวบ้านในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เพราะยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สร้างความเข้าใจให้กับชาวบ้าน
    Ravinnipa Yaikaew
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ข้อความนี้ พระเทพฯ ทรงให้สัมภาษณ์ จริงหรือไม่
    ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพ่ออยู่หัว ร.9 พระเทพฯ ทรงกล่าวให้สัมภาษณ์ 1. จากนี้ไปประเทศไทยของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีก อาจมีหลายสิ่งเปลี่ยนไป รอยต่อของคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อาจชัดเจนขึ้น มันคือการเปลี่ยนผ่านในวันที่พ่อไม่อยู่ ทุกคนมีสิทธิ์เสียใจ และควรเสียใจ ทุกคนมีสิทธิ์กลัว และควรกลัว แต่จงตระหนัก เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้วยสติปัญญา 2. พ่อคือตัวแทนของความพอเพียง เป็นต้นฉบับของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในวันที่ประเทศไทยกำลังถูกปั่นด้วยกระแสความโลภ จงหยิบภูมิปัญญาของท่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จดจำหลอดยาสีฟันของท่านไว้ จดจำการแต่งกายที่เรียบง่ายของท่านไว้ อะไรที่ประหยัดได้จงประหยัด อะไรที่พึ่งพาตนเองได้จงพึ่งพา อะไรที่แบ่งปันได้จงแบ่งปัน เมื่อยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้แล้ว เราจะพึ่งพาผู้อื่นน้อยลง 3. พ่อเป็นผู้มีความเพียรดุจพระมหาชนก ท่านเป็นผู้ว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรโดยไม่เคยถามว่าเมื่อไหร่จะถึงฝั่ง ความคิดเช่นนี้ทำให้ท่านทำงานที่ยิ่งใหญ่ได้ ฝากถึงคนไทย อย่าทำงานด้วยตัณหา อย่าขับเคลื่อนชีวิตด้วยความอยากมี อยากได้ อยากเป็น อย่าให้อำนาจวัตถุบังตาจนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี จงขับเคลื่อนชีวิตและการงานด้วยฉันทะ ความรัก ความเมตตา ด้วยประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เหมือนที่พ่อเคยทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง 4. พ่อยืนเคียงข้างคนยากจนเสมอ คนจนอยู่ที่ไหนท่านก็อยู่ที่นั้น ท่านเดินทางบุกป่าฝ่าดงไปเยี่ยมพวกเขาถึงบ้าน เป็นพระราชาผู้อยู่ง่าย กินง่าย ไม่ยึดติดความหรูหรา เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว เราอย่าหลงลืมปณิธานข้อนี้ อย่าทอดทิ้งคนยากจน จงหยิบยื่นโอกาสให้ผู้ด้อยกว่า อย่าใช้ช่องว่างกฎหมายซ้ำเติมและเอาเปรียบผู้อื่น 5. ไม่มีท่าน เราจะมานั่งทะเลาะกันเหมือนในอดีตไม่ได้ เพราะไม่มีใครที่จะมาห้ามเราได้ ไม่มีใครอีกแล้วที่เราจะเกรงใจ รับฟังเหมือนที่เคยรับฟังท่าน ถ้าทุกฝ่ายไม่คิดถึงข้อนี้ให้มาก ถ้ายังเอาแต่ความคิดตนเป็นใหญ่ ประเทศไทยที่เรารัก ย่อมตกอยู่ในฐานะอันตราย เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว จงรักและถนอมน้ำใจกันให้มากกว่าที่ผ่านมา 6. สิ่งที่พ่อทิ้งไว้ ไม่ใช่เพียงอิฐ หิน ปูน ทราย แต่เป็นความรู้ขั้นปรีชาญาณ เราอาจรักษาร่างกายท่านไว้ไม่ได้ เพราะนั่นคือกฎธรรมชาติ แต่เราสามารถรักษาภูมิปัญญาของท่านไว้ได้ จงค้นคว้าข้อมูลทางเทคนิคต่างๆ ฝนเทียมเกิดได้อย่างไร กังหันน้ำชัยพัฒนาคืออะไร มันมีความน่าทึ่งยังไงในมิติทางวิศวกรรม การเพาะปลูกโดยไม่พึ่งสารเคมีทำได้อย่างไร การพัฒนาดิน รักษาน้ำ ชุบชีวิตป่าเป็นอย่างไร ทำไมท่านไม่สนับสนุนให้ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำไมท่านจึงส่งเสริมให้ชาวบ้านรู้จักการห่มดิน ท่านเคยสร้างรากฐานอันใดไว้ให้วงการเกษตรกรรมของชาติ สิ่งเหล่านี้ควรสนับสนุนให้มีการร่ำเรียนกันเป็นระบบ ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ถ้าเราทำเช่นนี้ได้ภูมิปัญญาที่ท่านคิดค้นมาหลายสิบปีจะไม่สูญหายไปจากสังคมไทย 7. จากนี้ไปจะมีคนอีกมาก ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง อาจมีคนที่ไม่เข้าใจท่านออกมาพูดในสิ่งที่เราไม่ชอบ จงใช้สติ อดทน ไม่โต้ตอบ เหมือนที่ท่านได้กระทำมาชั่วชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสไว้เสมอ ไม่เคยมีสันติภาพใด เกิดจากความรุนแรงและคำด่าทอ 8. พ่อเป็นผู้ค้ำชูศาสนาโดยแท้จริง ไม่ใช่ด้วยคำพูด หรือแค่เม็ดเงินบริจาค แต่ท่านคือผู้พิสูจน์ธรรมะด้วยกายใจ ในฐานะผู้ปฏิบัติธรรม ท่านคือนักภาวนาที่หาตัวจับยาก เป็นผู้มีอานาปานสติเป็นวิหารธรรม ทำไมพ่อทำงานหนัก แต่ยังมีเวลาภาวนา ทำไมเราทำงานน้อยกว่าท่าน แต่เรากลับอ้างว่าเราไม่มีเวลา สิ่งนี้ต้องคิดให้มาก เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง 9. พ่อคือครูผู้ยิ่งใหญ่ที่สอนด้วยชีวิตและการกระทำ ชีวิตคือธรรมะ และธรรมะก็คือชีวิตที่ตั้งอยู่ในความธรรมดาที่เกิดขึ้นกับเราทุกคน พ่อกำลังบอกเราว่า จงดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ทำให้ดีที่สุดในวันนี้ จะไม่ต้องติดค้างเสียใจในภายหลัง 10. แม้วันนี้พ่อจะไม่อยู่ แต่ขอให้ชาวไทยจงวางใจว่า สถานที่ที่ท่านเดินทางไปนั้น น่าอยู่และงดงามกว่านี้หลายเท่า ท่านคือพระโพธิสัตว์ผู้ผ่านมาสร้างแสงสว่าง การเกิดของท่านในชาตินี้เป็นการเกิดที่สมศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และเราทั้งหลายควรภูมิใจไปกับท่าน ท่านคงไม่อยากให้เราคนไทยถูกทับถมด้วยทะเลแห่งความเศร้า อย่าทิ้งหน้าที่ อย่าทิ้งการงาน และสิ่งต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่ จงตั้งสติให้มั่นคง เป็นกำลังสมาธิ เป็นความสว่างเบิกบาน เพื่อน้อมส่งท่านสู่สวรรค์คาลัย ด้วยหัวใจแห่งความรักของเราชาวไทยทุกคน… อ่านจบ อดไม่ได้ที่จะแชร์ต่อ เพราะเป็นประโยชน์มากๆ ควรจดจำให้ขึ้นใจ..ทิ้งไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว..เลยคัดลอกมาให้ทุกท่านได้อ่านด้วยกัน นะคะ.. เขียนด้วยความรัก สำนึก และบูชาตลอดไป อ่านแล้วน้ำตาไหล 😭 😭
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    วันไหว้พระจันทร์ ปีนี้ตรงกับวัน อังคาร ที่ 21 กันยายน 2564 เป็นเทศกาลตามวัฒนธรรมจีนที่มีขึ้นในกลางฤดูใบไม้ร่วง เพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว จะมีขึ้นในคืนวันเพ็ญเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 21 กันยายน 2564 และในเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ ชาวจีนจะเฉลิมฉลองด้วยการไหว้ดวงจันทร์ในเวลากลางคืน ในบางประเทศ เช่น ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ หรือเวียดนาม จะจัดเป็นประเพณีใหญ่ มีการเฉลิมฉลองด้วยโคมไฟสีแดง เป็นสีสันยามค่ำคืน หรือบางแห่งอาจมีการเชิดมังกร ทั้งนี้จะมีชื่อเรียกต่างกันออกไปตามแต่ท้องถิ่น ขนมไหว้พระจันทร์ นอกจากนี้แล้ว ยังมีขนมชนิดหนึ่ง เรียกว่า "ขนมไหว้พระจันทร์" ที่มีสันฐานกลมคล้ายขนมเค้ก ทำจากแป้ง มีไส้ต่างๆ เป็นธัญพืช ใช้เซ่นไหว้และรับประทานกันจนเป็นเอกลักษณ์สำหรับเทศกาลนี้ แต่ชาวสนุก! ดูดวงรู้หรือไม่ว่าประวัติความเป็นมาของวันไหว้พระจันทร์มีที่มาที่ไปอย่างไร... ประวัติของวันไหว้พระจันทร์ เทศกาลไหว้พระจันทร์ของทุกปี (วันที่ 15 เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน) ทุกๆ ครัวเรือนจะซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาไหว้พระจันทร์ พร้อมกับการชมพระจันทร์จนกลายเป็นประเพณีของจีนตลอดมา สำหรับประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ในวันไหว้พระจันทร์นั้น เกิดขึ้นเมื่อสมัยมองโกลเข้ามาปกครองแผ่นดินจีน เมื่อชาวมองโกลกดขี่ข่มเหงและทำร้ายชาวจีนอย่างโหดเหี้ยม และเพื่อควบคุมดูแลชาวจีนอย่างใกล้ชิด ชาวมองโกลจึงส่งทหารของตนไปประจำอยู่ในบ้านของชาวจีนครอบครัวละ 1 คน เป็นอันว่าชาวจีนทุกๆ ครัวเรือนต่างต้องเลี้ยงดูทหารมองโกล 1 คน ทหารมองโกลเหล่านี้ยังก่อกรรมทำชั่วไปหมด ทำให้ชาวจีนขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาท่านหลิวปั๋วเวิน คิดได้วิธีหนึ่ง คือ ให้นำกระดาษเขียนข้อความ แล้วสอดไส้ไว้ในขนม เรียกร้องให้ชาวจีนทุกคนลงมือสังหารทหารมองโกลที่ประจำอยู่ในบ้านของตน อย่างพร้อมเพรียงกันในวันเพ็ญเดือนแปด ทั้งนี้เพื่อให้ชาวจีนที่ไปซื้อขนมมารับประทานกัน ต่างได้อ่านข้อความดังกล่าวและช่วยกันกระจายข่าวนี้ออกไป เพื่อก่อการปฏิวัติโดยพร้อมเพรียงกัน ณ วันเพ็ญเดือนแปด ทำให้สามารถโค่นล้มอำนาจการปกครองของมองโกลในที่สุด เพื่อเป็นการฉลอง และรำลึกการกอบกู้แผ่นดินที่ประสบความสำเร็จ ประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ในวันเทศกาลดังกล่าวจึงมีการสืบทอดกันตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าแห่งหนใดที่มีชาวจีนเดินทางไปถึงก็จะพาประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ ไปด้วย สำหรับขนมไหว้พระจันทร์ที่แพร่หลายในไทยนั้น เป็นแบบของกวางตุ้งโดยส่วนใหญ่ หลายปีที่ผ่านมา ขนมไหว้พระจันทร์ที่ผลิตในไทย ไม่ว่าด้านคุณภาพ รสชาติ และการบรรจุล้วนมีระดับที่สูงขึ้น  ขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งขนมไหว้พระจันทร์ในปัจจุบันขนมไหว้พระจันทร์ได้มีการดัดแปลงทั้งรสชาติและรูปร่างหน้าตาให้ดูทันสมัยหลากหลายไส้มากขึ้น แต่ก่อนที่เราจะไปทราบว่าไส้ต่างๆ ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดมีอะไรบ้างเรามารู้กันสักนิดว่า "ขนมไหว้พระจันทร์" ทำไมต้องเป็นทรงกลม คำตอบก็คือเพราะขนมไหว้พระจันทร์เป็นขนมที่เราใช้ไหว้พระจันทร์ จึงต้องทำออกมาในลักษณะทรงกลมคล้ายดวงจันทร์นั่นเอง ส่วนตัวขนมจะทำจากแป้งและใส่ไส้เอาไว้ภายใน เจ้าไส้ที่ว่านี่แหละที่เป็นจุดเด่นที่ทำให้ขนมไหว้พระจันทร์มีจุดเด่นต่างกันออกไป ซึ่งส่วนใหญ่หากเป็นแบบต้นตำหรับจะเป็นธัญพืชต่างๆ เช่น ทุเรียน, เมล็ดบัว, แมคคาเดเมีย, พุทราจีน เป็นต้น ขนมไหว้พระจันทร์มีไส้อะไรบ้าง ขนมทรงกลม สามารถใส่ไส้ได้หลากหลาย แต่ขนมแบบดั้งเดิมจะนิยมใช้เป็นไส้ธัญพืชและเนื้อของผลไม้กวนหลากรส มักใช้เป็นผลไม้ที่เก็บไว้ได้นานผ่านการแปรรูปแล้วเช่น ทุเรียนกวน, เมล็ดบัว, ถั่วกวนต่างๆ ส่วนในปัจจุบันมีการดัดแปลงไส้ต่างๆ ให้มีความหลากหลาย มากยิ่งขึ้น โดยการเพิ่มเนื้อสัตว์ต่างๆ เข้าไป เช่น ขนมไว้พระจันทร์ไส้หมูแฮม ไส้ไข่เค็ม ไส้หมูแดงและหมูหยองเป็นต้น แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการดัดแปลงทำให้ทันสมัยและรับประทานง่ายขึ้นด้วยการทำไส้ที่หลากหลายเช่น ชาเขียว อัลมอลด์ ช็อกโกแลต ครีมคัสตาร์ด หรือบางแห่งก็จะทำออกมาคล้ายๆ ขนมโมจิ มีสีสันและรูปทรงน่ารับประทานมากขึ้นนั่นเอง พอเรารู้จักที่มาที่ไปประวัติวันไหวพระจันทร์กันแล้ว และได้รู้ถึงเรื่องราวของขนมไหว้พระจันทร์กันไปพอสมควรสิ่งต่อไปก็คือ ขั้นตอนของการไหว้พระจันทร์ต้องทำอย่างไร? ขั้นตอนพิธีการไหว้พระจันทร์ พิธีไหว้พระจันทร์จะไหว้กลางแจ้งหลังพระอาทิตย์ตกดินหรือเริ่มตอนหัวค่ำ (เมื่อเห็นพระจันทร์ก็สามารถไหว้ได้เลย) การตั้งโต๊ะจะจัดให้เรียบร้อยก่อนพระจันทร์ลอยสูงเกินขอบฟ้า และเก็บก่อนที่พระจันทร์เลยหัวไปหรือเมื่อเทียนดอกใหญ่ดับลง สถานที่ไหว้พระจันทร์อาจเป็นลานบ้านหรือดาดฟ้าก็ได้ เครื่องบวงสรวงที่ใช้จะไหว้ด้วยของเจเหมือนไหว้เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งไหว้พระจันทร์เพื่อให้มีคู่ คนจีนจะถวายอาหารเป็นเลขคู่ แต่บางคนอาจถวายอย่างละ 5 ก็ได้ ของไหว้ควรเป็นของแห้ง เพราะการไหว้พระจันทร์จะทำพิธีในตอนกลางคืน หากไหว้ด้วยของสดอาจเน่าเสียได้ง่าย ของไหว้ประกอบไปด้วย น้ำชาหรือใบชา 4 ถ้วย อาหารเจ 4 อย่าง เช่น วุ้นเส้น, ดอกไม้จีน, เห็ดหูหนู, เห็ดหอม, ฟองเต้าหู้ เป็นต้น ขนมหวาน 4 อย่าง เช่น ขนมไหว้พระจันทร์ ขนมเปี้ยะ สาคูแดง 4 ถ้วย ขนมโก๋สีขาว ผลไม้ 4 อย่าง ควรเป็นผลไม้ที่เป็นมงคล เช่น - ทับทิม ที่มีเมล็ดมากมาย หมายถึง การมีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง - แอปเปิ้ล หมายถึง ความสงบสุข สันติ - ส้มโอ หัวเผือก - องุ่น หมายถึง มีแต่ความเพิ่มพูน - ส้ม หมายถึง เป็นสิ่งมหามงคล - สาลี่ หมายถึง มีแต่เรื่องดีๆ สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ดอกไม้สด 1 คู่ ธูป 3 ดอก หรือ 5 ดอก เทียน 1 คู่ และกระถางธูป ของใช้ส่วนตัวของผู้หญิง เช่น ชุดเครื่องแป้ง เครื่องสำอาง เครื่องประดับ เครื่องแต่งกายของผู้หญิง โคมไฟ เพื่อให้มีชีวิตที่สว่างไสว อ้อย 1 คู่ สำหรับทำเป็นซุ้ม กระดาษไหว้พระจันทร์ กระดาษเงิน กระดาษทอง เช่น ค้อซี, กอจี๊, เนี้ยเก็ง, โป๊ยเซียนตี่เอี๊ย คือ กระดาษเงินกระดาษทอง, เนี้ยเพ้า คือ ชุดเจ้าแม่พระจันทร์ จากนั้นนำขอทั้งหมดมาจัดวาง เริ่มจากการตั้งโต๊ะ มีซุ้มประตูที่ทำจากต้นอ้อยผูกโคมไฟไว้กับต้นอ้อยให้สวยงาม วางกระถางธูป เทียนไว้ด้านหน้าสุด ดอกไม้วางไว้สองข้าง ผลไม้จัดตามความสวยงาม ส่วนขนมไหว้พระจันทร์ที่จัดเรียงเป็นชั้น วางขนมโก๋ และขนมหวานต่างๆ รอบโต๊ะวางประดับประดาด้วยกระดาษลวดลายที่มี อย่างไรก็ดีการจัดตั้งโต๊ะนั้นไม่ตายตัวเสมอไป แล้วแต่ใครมีวิธีการที่ต่างกันไปเน้นความสวยงามเป็นหลัก จากนั้นก็ไหว้อธิษฐานขอพรต่อพระจันทร์ บทสวดไถ่อิมแชกุงเสี่ยเก็ง “พระคัมภีร์แม่พระจันทร์” ไถ่ อิม ผ่อ สัก เฮี่ยง ตัง ไล๊ โชย เต๊ง ตี่ เง็ก กิ๋ว เต่ง ไค จับ บ่วง โป้ย โซย จู ผ่อ สัก จู ฮุก ผ่อ สัก เหลียง เปียง ไป๊ จู จุง ฮุก เก่ง บ่อ ฮุ๊ง ตี่ ฉุก จุ้ย โน๊ย ฮวย หมั๋ว ตี่ ไค ท้าว ตั่ว ฉีก จั๊ง จู ป้อ ถะ พั๊ว ซอ สี่ ไก่ งั้ง กวง เม็ง เจก ฮุก ป่อ ตับ ที ตี่ อึง หยี่ ฮุกป่อ ตับ แป๋ บ้อ อึง ต่อ แซ แป่ บ้อ เจ็ง ฮก ซิ่ว ก่วย สี่ แป่ บ้อ จ๋า เถี่ยว แซ นำ มอ ฮุก นำ มอ หวบ นำ มอ ออ นี ถ่อ ฮุก ที ล๊อ ซี๊ง ตี่ หล่อ ซี๊ง นั๊ง หลี่ หลั่ง หลั่ง หลี่ ซิง เจก เฉียก ใจ เอียง ฮ่วย อุ่ย ติ๊ง อู่ หนั่ง เนี่ยม ติ๊ก ฉีก เพียง ไถ่ อิม เก็ง แซ ซี่ ปุก ตะ ตี่ เง็ก มึ๊ง ถ้าหากใครที่ไม่สะดวกจะเตรียมของมากมายดังที่กล่าวไว้ สามารถใช้เพียงขนมไหว้พระจันทร์หรือขนมอื่นๆ ร่วมด้วยแต่ต้องเป็นขนมรูปทรงกลม รวมไปถึงของใช้ที่จำเป็นสำหรับผู้หญิง และโหลหรือชามใส่น้ำตั้งเอาไว้เพื่อให้เป็นแสงสะท้อนจากเงาจันทร์เสมือนว่าเราได้อาบแสงจันทร์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ไหว้นั่นเอง และสุดท้ายสิ่งที่หลายๆ คนหรือหลายๆ ครอบครัวจะได้จากการไหว้ใน วันไหว้พระจันทร์ ก็คือสมาชิกในครอบครัวได้มาอยู่พร้อมหน้ากันเพราะวันดีๆ แบบนี้จะมีเพียงปีละครั้ง นอกจากนี้ยังจะได้รับประทานอาหารพร้อมหน้ากันภายใต้พระจันทร์เต็มดวง อันเป็นการนำความสุขสมบูรณ์มาสู่สมาชิกครอบครัวได้เป็นอย่างดี นับว่ามีคุณค่าแก่การสืบทอดและเผยแพร่ตลอดไป
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อือฮา แห่บูชาน้ำผุดใต้ต้นลำใย เชื่อป่วยไข้ดื่มกิน ทารักษาโรคหายขาด
    ฮือฮาบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ผุดใต้ต้นลำไย ลานหน้าบ้าน 2 ตายาย ชาวบ้านแห่ตักกิน-บูชากราบไหว้ ทาตามตัวรักษาโรค เชื่อหายขาด อาการดีขึ้น เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.62 ที่บ้านเลขที่ 112 หมู่ที่ 17 บ้านดงเจริญ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นบ้านของ นายบุตร-นางแสงหล้า ทิศอุ่น พ่ออุ้ย-แม่อุ้ย วัย 70 ปี บรรยากาศคึกคักเกือบจะตลอดทั้งวัน หลังบริเวณใต้ต้นลำไย มีน้ำผุดออกมาลักษณะคล้ายตาน้ำ แล้วมีเสียงร่ำลือบอกต่อๆกันว่า เมื่อไปกราบไหว้บูชาตักมาดื่ม หรือทาตามจุดที่เจ็บปวดคัดยอก จะหายหรืออาการดีขึ้น ชึ่งเจ้าของบ้าน ต้องเอาไม้ไผ่มาล้อมไว้ และใช้ปูนก่อเป็นบ่อ แล้วต่อท่อให้น้ำไหลออกมาลงในภาชนะต่างๆ ที่มีคนนำมารองรับน้ำเอาไว้ เพื่อให้ตักเอาไปใช้ได้สะดวก พร้อมตั้งกองผ้าป่าเปิดให้คนที่มาขอรับน้ำ ร่วมทำบุญยกช่อฟ้าวัดใกล้บ้าน ซึ่งก็มีคนร่วมทำบุญกันมากน้อยตามศรัทธา
    std46349
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หลุมพรางสร้างความเกลียดชังทางศาสนาอิสลาม
    หลุมพราง บ่มเพาะความเกลียดชังทางศาสนา By ประสาร มฤคพิทักษ์ | pmarukpitak@yahoo.com21 ก.พ. 2565 เวลา 11:49 น. หลุมพราง บ่มเพาะความเกลียดชังทางศาสนา กระบวนการสร้างความเป็นอื่นให้กับบุคคลต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา ต่างผิวพรรณ จะใช้สองมือแบ่งกันทำหน้าที่ มือขวาสร้างโรงน้ำแข็ง เพื่อปั้นน้ำเป็นตัว ส่วนมือซ้าย ขุดหลุมพราง บ่มเพาะความจงเกลียดจงชังให้คนอื่นตกหลุมพรางนั้น ในบรรดาข่าวโกหก (Fake News) ที่อยู่บนหน้าจอไฟฟ้า หรือสื่อออนไลน์ ทั้งหลายนั้น ข่าวโกหกเรื่องศาสนาอิสลามมีพื้นที่ค่อนข้างมาก ส่งกันได้ทุกวัน ทั้งๆ ที่ 90% เป็นข่าวโกหก 1.โกหกว่า ศาสนาอิสลามกำลังยึดครองประเทศไทย โดยมีการออก พ.ร.บ. คุ้มครองศาสนาอิสลาม 10 ฉบับ ว่ามีมัสยิดใหม่เกิดขึ้นมาก ว่ามีการทำลายวัดในพุทธศาสนาหลายแห่ง ความจริง กรมการปกครอง ชี้แจงแล้วว่า มีกฎหมายเกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามเพียง 4 ฉบับ คือ (1) พ.ร.บ. ว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล พ.ศ. 2489 (2) พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ. 2524 (3) พ.ร.บ.การบริหารองค์การศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 (4) พ.ร.บ.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 ไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายคุ้มครองศาสนาอิสลามแต่อย่างใดเลย 2.โกหกเรื่องศาสนาอิสลามจะตั้งศาลอิสลาม เพื่อคนมุสลิมไม่ต้องขึ้นศาลไทยปกติ โดยจะระดมรายชื่อ 10 ล้านคน เพื่อถวายฎีกา โดยอ้างว่า “เพื่อเอกราชทางอำนาจของศาลไทยไม่เสียไปอยู่ในมือมุสลิมที่กำลังจะกลืนไทยพุทธหมดแล้ว” ความจริง ไม่มีเรื่องดังกล่าวเลย จะมีก็แต่การนำหลักศาสนาอิสลามเรื่องครอบครัวและมรดกมาใช้สำหรับพิจารณาคดีที่คู่ความทั้งสองฝ่ายเป็นมุสลิม และอยู่ในเขตอำนาจศาลในพื้นที่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล เท่านั้น ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว (พ.ศ. 2489 ข้อ 3.1) 3.โกหกว่ารัฐบาลต้องเอาภาษีประชาชนสร้างมัสยิดให้ชาวมุสลิมทุกจังหวัด ความจริง มัสยิดเป็นศาสนสถานของอิสลาม ดังที่คาธอลิคมีโบสถ์ พุทธศาสนามีวัด ศาสนาอิสลามมีมัสยิดจำนวน 3,965 แห่ง ตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. ปี 2540 มัสยิดทุกแห่งที่สร้างขึ้นมาจากเงินศรัทธาของชาวไทยมุสลิม รัฐบาลไม่ได้จ่ายเงินสร้างแต่อย่างใด ยกเว้นบางจังหวัดเช่น ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนเงินบูรณะซ่อมแซม ส่วนมัสยิดนครศรีธรรมราชเป็นงบผูกพัน 3 ปี (2557 - 2559) ตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ตอนบน 4.โกหกว่ารัฐบาลจ่ายเงินค่าเดินทาง ที่พัก อาหาร ให้ชาวมุสลิมไปประกอบพิธีฮัจย์ที่ซาอุดิอาระเบีย ความจริง ไม่มีเรื่องดังกล่าวเลย ผู้แสวงบุญทุกคนจ่ายเงินเองทั้งสิ้น 5.โกหกว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีสมาชิกที่เป็น สนช. ถึง 63 คน (จากสมาชิกทั้งหมด 233 คน) ที่เป็นมุสลิม กล่าวหาว่า สนช. จำนวนนี้ผลักดัน “ให้มีกฎหมายจัดตั้งศาลซารีอะห์เพื่อให้คนไทยที่มีคดีความกับคนมุสลิมต้องขึ้นศาลนี้ โดยมีผู้พิพากษาเป็นคนมุสลิม” นี่เป็นข่าวเก่าที่แพร่กระจายกันมา ตั้งแต่ 5 ปีก่อน แต่ยังกระจายกันอยู่จนเดี๋ยวนี้ ความจริง สนช. ชุดนั้นมีมุสลิมเพียง 4 คน คือ นิพนธ์ นราพิทักษ์กุล วิทยา ฉายสุวรรณ อนุมัติ อาหมัด และ ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ (ถืออิสลามตามคู่สมรส) เท่านั้น ไม่มีการร่างกฎหมาย ดังกล่าว ไม่มีการเสนอ ไม่มีการพิจารณาใดๆ ทั้งนั้น ยังมีข่าวโกหกอีกหลายอย่าง เช่น สัญลักษณ์ Green Industry ของ กท.อุตสาหกรรม สีเขียวบนสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็หาว่า “เป็นตราฮาลาลเพื่อเอาใจมุสลิม” ข่าวโกหกว่าชาวไทยมุสลิมกู้เงินธนาคารอิสลาม “โดยไม่ต้องใช้หนี้คืนได้” ข่าวโกหกว่า พ.ร.บ.ฮัจย์ “ทำให้อิสลามเข้าควบคุมการปกครอง” กระทรวงมหาดไทย ข่าวโกหกว่าผู้นำซาอุดิอาระเบียแต่งตั้ง “ให้นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคนอิสลามเข้าไทยแบบผิดกฎหมายได้” ทั้งหมดนี้เป็นข่าวโกหกอย่างสิ้นเชิงที่นำมาเผยแพร่กันโดยเฉพาะในกลุ่มไลน์ที่แพร่กระจายอย่างเสรีและยากต่อการควบคุม บทเรียน 6 ตุลาคม 2519 ของขบวนการขวาพิฆาตซ้ายที่ปั้นข่าวเท็จกลายเป็นโศกนาฏกรรมล้อมปราบที่ ม. ธรรมศาสตร์ มีการเผานั่งยางนักศึกษา มีการฆ่าแขวนคอ ที่สนามหลวง แม้แต่การโฆษณาชวนเชื่อของ ฮิตเลอร์ และนาซีเยอรมันที่สร้างความรังเกียจทางเชื้อชาติ สังหารคนยิวไป 6 ล้านคน จะไม่เก็บรับบทเรียนกันบ้างหรือไร เมื่อ 16 ก.พ. 2565 ณ วัดราชบพิธฯ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้ ดร.มูฮัมหมัด บิน อับดุลการีม อัลอีซา เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก (OIC) เข้าเฝ้า ทรงรับสั่งว่า “คนไทยคุ้นเคยกับวัฒนธรรมประเพณีของศาสนาอิสลามมานานแล้ว อย่างน้อยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีชาวมุสลิมจากตะวันออกกลางเข้ามาค้าขายหรือรับราชการในเมืองไทย มีผู้สืบเชื้อสายมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นสกุลใหญ่ที่รู้จักกว้างขวาง..... .....ยามที่ชาวมุสลิมมีการงานประเพณีใด ชาวพุทธก็นำสิ่งของไปช่วยงาน ในขณะที่ ถ้าชาวพุทธมีการงานประเพณีใด ชาวมุสลิมก็นำสิ่งของมาช่วยงานเช่นเดียวกัน ทรงสามารถยืนยันได้ เพราะได้เคยทอดพระเนตรเห็นประจักษ์มาด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้ “พระมหากษัตริย์ไทย” ทุกพระองค์ มีพระบรมราชปณิธานที่จะพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์บำรุงทุกศาสนา พระบรมราโชบายเช่นนี้ จึงทำให้เมืองไทย มีความสงบร่มเย็นด้วยสามัคคีธรรมเสมอมา” เลขาธิการ OIC กราบทูลแสดงความปิติยิ่งในพระดำรัส และยังกราบทูลถวายคำยืนยันว่า “บุคคลใดผู้ยุยงให้ผู้คนในสังคมรู้สึกแตกแยกบาดหมางกัน โดนอ้างความแตกต่างกันทางศาสนา บุคคลนั้นไม่ได้ชื่อว่าเป็นมุสลิมที่แท้จริง....... ......เพราะการก่อให้เกิดความร้าวฉานนั้น เป็นความชั่วร้ายที่ไม่อาจกล่าวได้ว่า เป็นตัวแทนของศาสนาใดๆ ในโลก ผู้ที่กระทำการเช่นนั้น ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขาเอง” สมเด็จพระสังฆราช และผู้นำองค์กรมุสลิมโลก ได้แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์แห่งความสมานฉันท์ที่มีมายาวนานตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และไม่ปรารถนาจะเห็นความขัดข้องหมองใจใดๆ เลย กลุ่มสร้างความเกลียดชังทางศาสนา ไม่เรียนรู้เลยหรือว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงทำให้ชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ ภาคภูมิใจที่ได้เป็นคนไทย ในแผ่นดินแห่งนี้ เมื่อปี 2511 พระองค์ท่านเสด็จไปงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติองค์ศาสดาพระมูฮัมหมัด โดยมีการเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน เป็นการเปิดงาน พระองค์ตรัสกับ นายต่วน สุวรรณศาสน์ อดีตจุฬาราชมนตรีว่า “พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานที่ถูกเชิญในวันนี้ เขาอ่านได้จับใจไพเราะเหลือเกิน แต่ทำอย่างไรที่จะให้พสกนิกรเรา ทั้งชาวไทยหรือไม่ใช่ก็ตามที และทุกหน่วยงานองค์กรของรัฐได้เข้าใจว่า อัลกุรอานซึ่งเป็นธรรมนูญชีวิต และเป็นคำบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ มีความหมายอย่างไร” แล้วพระองค์ท่าน ก็พระราชทานทุนทรัพย์ก้อนแรกให้กับอดีตจุฬาราชมนตรี เพื่อหาคนแปล จึงได้เกิด “พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน” ฉบับแปลเป็นภาษาไทยที่เป็นคุณูปการยิ่งต่อการศึกษาศาสนาอิสลามของชาวไทยมุสลิมทั้งปวง ต่อเนื่องมาถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่เสด็จงานเมาลิดกลาง และพระราชทานพระกรุณาให้กับชาวไทยมุสลิมโดยไม่ทรงแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนาใดๆ เลย การเอาเรื่องเท็จมาปั้นแต่งโฆษณาว่าเป็นเรื่องจริง การหยิบเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นเรื่อง การเอาเรื่องเล็กมาขยายเป็นเรื่องใหญ่ การเอาเฉพาะส่วนมาแทนที่ส่วนทั้งหมดเป็นวิสัยของมนุษย์ จำพวกไหน กระบวนการด้อยค่าบุคคลต่างศาสนา ด้วยวิธีสร้างความเป็นอื่น ขุดหลุมพรางบ่มเพาะความเกลียดชังทางศาสนา จะใจร้ายอำมหิตไปถึงไหน จึงโกหกมดเท็จรายวันไม่หยุดหย่อน เหมือนไม่เกรงนรกหมกไหม้ หรืออย่างไร.
    ชุมพล ศรีสมบัติ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จุดจบประเทศไทย
    เพื่อนส่งมาจาก USA จุดจบประเทศไทย ...... เรื่องนี้"คนไทยทุกคน"ควรที่จะได้รู้ ..... ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา ..... สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค ซึ่งเป็นสถาบันที่ สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14 ประเทศ ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง ! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์ และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศ อาเจะ และอีกหลายประเทศ ที่จะเกิดตามมา ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า "ประเทศไทย"จะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน ! ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ "การค้าเสรี"จะมีผลสมบูรณ์ สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้ เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่า. สินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๋ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากในอีก ไม่ถึง10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้ "วิกฤต"ที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย "รัฐบาลไทย"จะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้ เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจาก"ธนาคารไทย"กลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร (เช่น สัมปทาน พลังงาน ที่กำลังเป็นอยู่ขนะนี้ ) ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์ คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้ ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้ การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา "คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ " ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่สามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้ (เช่น ภาคกลาง จ.สุพรรณ อ่างทอง ชัยนาท อยุธยา ฯ ) และธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Lotus, Carrefour, ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal, สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ ดังนั้น "เงินตรา"ของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด ... เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้ ... รัฐจะอยู่ได้ อย่างไร? (นี่คือโจทย์ ใหญ่ ที่ คสช.พลเอก ประยุทธ ต้องรีบแก้ปัญหาคนจนก่อนฯ) 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็น"ความล้มเหลวของรัฐบาลไทย " การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณ"จันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา " จะขอแยกตัวตามมา เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของ"ต่างชาติ"หมดแล้ว เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก นั่นหมายถึง "การซื้อประเทศไทยคล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่ เรา "คนไทย "จะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ? ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์ บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองธุรกิจการเมือง สังคมไปพร้อมกัน รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามองอาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ ก่อนล่มจริง ... เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย แทนที่ไปเดิน lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86 บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ โลตัสเหมือนกัน นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์ สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่ เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ ถ้าซื้อจากห้าง 1,000 บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900 บาท ที่เหลือ 100 บาท ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง? ทั่วประเทศ คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด ผมอธิบาย วิธี"สิ้นชาติ"แบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ ได้ผล ... ลูกเปลี่ยนวิธีกิน ... วิธีคิดไปเลย ... เปลี่ยนไปได้มาก พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย ผมก็อธิบายคำว่า license ( ค่าลิขสิทธิ์ ) ให้ลูกฟัง ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธิ์ ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน ขนม"ต่างชาติ" ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ์ เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว ปล . ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ คิดว่า ช่วย กัน "ชาวไทย พิทักษ์ชาติไทย" ครับ ขอบคุณ ทุกท่าน ที่ "รักชาตินะครับ
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    : หยุดเป็นเหยื่อ ธุรกิจการเมือง ต้องอ่าน ! # นักการเมือง ไม่ได้มองประชาชน ด้วยความรัก ความ เป็นห่วง แต่มองเป็น แค่ 'เหยื่อ' เนื้อแท้การเมืองไทย เป็นแค่ธุรกิจ ลงทุนเพื่อ เข้ามาถอนทุน ใครเงิน หนาจ่ายหนักหรือหลอก ให้ประชาชนลงคะแนน เสียงให้ได้มากกว่า ก็ ได้ถอนทุน ใครแพ้ ก็ขาดทุน ในการเลือกตั้ง แต่ละครั้ง นักการเมือง ต่างๆจึงยอมทุ่มเงินจำ นวนมาก มีการซื้อตัว สส.จากพรรคอื่นมา เข้าพรรค มีการจ่าย เงินซื้อเสียงเพื่อหวังให้ ตัวเองได้เป็นรัฐบาล ผู้สมัคร สส.ของ พรรคการเมืองในแต่ละ จังหวัด ไม่ได้คัดเลือก จากคุณงามความดี แต่ ดูที่ว่าใครที่มีอิทธิพล มี ฐานเสียง หวังแค่ให้ พรรคชนะเลือกตี้ง รัฐ สภาไทยจึงมีแต่พวกผู้ มีอิทธิพล เจ้าพ่อ มาเฟีย คนทำธุรกิจสีเทา ฯลฯ นโยบายหาเสียง เน้นขายฝัน จะทำได้ จริงหรือไม่ ไม่ใช่สาระ สำคัญ และส่วนใหญ่ จะมาแนวประชานิยม เพราะนักการเมืองเขา รู้นิสัยคนไทยดีว่าชอบ ของแจก แด.ของฟรี แต่เมื่อมีอำนาจแล้ว เสียงของประชาชน ก็ ไร้ความหมาย ดูเรื่องพลังงานเป็น ตัวอย่างได้แหกปากร้อง อย่างไร ก็ไม่มีรัฐบาล ไหนฟัง เพราะแก็ส น้ำ มัน ไฟฟ้าคนจำเป็นต้อง ใช้ มันถอนทุนได้เต็ม ปากเต็มคำ แต่ปัญหาคือ ประชาชนส่วนใหญ่ ตามเกมนนักการเมือง ไม่ทัน จึงหลงทางไป แบ่งฝ่ายเชียร์และเชียร์ กันแบบไม่ลืมหูลืมตา ใช้แต่ความเชื่อความ ศรัทธา จนต้องมานั่ง ทะเลาะกันเอง และเมื่อ ปชช.อ่อนแอ มันจึงง่าย สำหรับการกอบโกย ถอนทุนคืน การเมืองไทย จึง ปลักอยู่กับการโกงกิน ไม่หลุดพ้นไปไหน ส่ง ผลให้ชาติบ้านเมืองไม่ ไม่พัฒนา แถมมีแต่ ถอยหลังลงเหว พวกคนชั่วร้ายจึง ชอบเข้ามาเล่นการเมือง เพราะโกงแล้วรวย มี ปชช.ปกป้องแก้ตัวให้ มี ปชช.ใช้หนี้โกงแทน เมืองไทยจึงได้แค่นี้ เรื่องความเจริญรุ่งเรือง อย่าได้ไปหวัง มารอลุ้น กันว่า จะล้มลงเมื่อไหร่ ดีกว่า เพราะเมื่อฝูง ปลวก กัดแทะบ้านทุก วันๆแล้ว สุดท้ายแล้ว มันจะไปเหลือซากอะไร ยังไงๆ วันหนึ่งมันก็ต้อง ล้มครืนลงมา มีเหตุก็ ย่อมมีผล ลำพังวันนี้ก็เสื่อม พังไปหมดทั้งชาติแล้ว เศรษฐกิจพัง สังคมพัง ความมั่นคงของชาติใน ทุกๆด้านพัง นิติรัฐพัง กระบวนการยุติธรรม พัง ตำรวจเป็นยิ่งกว่า โจร ข้าราชการโจร นักการเมืองโคตรโจร ปชช.เสื่อม คนครึ่งค่อน ประเทศแยกแยะผิด ชอบไม่ได้ แยกแยะคน ดีคนชั่วไม่เป็น ไม่รู้ดีรู้ ชั่ว ขนาดวงการสงฆ์ ยังเสื่อม ไม่เหลือ ตราบใดถ้า ปชช. ส่วนใหญ่ไม่รู่จักปรับ ปรุงพัฒนาตัวเอง ยัง เอาแต่แบ่งฝ่ายฟัดกัน เอง ไม่หันหน้ากลับมา รักสามัคคีกัน แล้วช่วย กันหาทางปฏิรูปการ เมือง เพื่อเปลี่ยนจาก การเมืองธุรกิจ ให้เป็น การเมืองเพื่อชาติและ ประชาชนอย่างแท้จริง ก็นับถอยหลังได้เลย /. (ผิดหวัง)
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false