พาราไม่ได้ปลอดภัยกับคนท้องอีกต่อไป! เพิ่มความเสี่ยงลูกเป็นสมาธิสั้น 200% ออทิสติก 300% ทำให้ IQ ต่ำลง !
จากงานวิจัยในวรสาร Nature ล่าสุดจากนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเกือบ 100 คน พบว่าการกินยาพาราเพื่อลดปวดหรือลดไข้ช่วงตั้งครรภ์ สร้างปัญหาให้เด็กมหาศาล
ยาพารา Paracetamol หรือ acetaminophen หรือ N-acetyl-p-aminophenol = APAP ทุกยี่ห้อ เวลาแม่กินไปจะผ่านรกและเข้าในสมองเด็กได้ และสมองของมนุษย์เราบอบบางและไวต่อสารเคมีหรือการบาดเจ็บ โดยเฉพาะในช่วงอยู่ในครรภ์ถึง 3 ขวบปีแรก ถ้าได้รับสารเคมีมาช่วงนี้จะมีผลให้พัฒนาช้าผิดปกติได้สูง
เมื่อพาราเข้าไปในร่างกายเด็ก พาราจะไปยับยั้ง prostaglandins E2, cyclo-oxygenase2 ซึ่งทำให้ไปลดการพัฒนาของสมองส่วน cerebrum, สมองน้อย cerebellum
จากการสำรวจแม่และเด็ก 220,000 คู่ พบว่าการกินพาราช่วงท้องเพิ่มโอกาสสมาธิสั้นอย่างน้อย 200% และออทิสติก 300% ทำให้ IQ ลดลง พูดได้ช้า สมองพิการและลด executive function ในเด็กอย่างชัดเจน
ภาพสแกนสมองในคนพบว่าพาราทำให้การประสานงานในสมองด้านหน้าซ้ายและสมองด้านขวาตรงกลางลดลง
เรามักคิดว่าพาราออกฤทธิ์ได้ไม่นานแค่ 4-6 ชั่วโมง แต่จริงๆแล้วยาที่สะสมในตัวเราและผลของยาอยู่ได้นานกว่าที่เคยคิด ในหนูทดลองที่กินยาพาราติดต่อกัน 5 วัน ก็ส่งผลต่อสมองแล้ว โดยเฉพาะในช่วงการท้องช่วงหลัง 3 เดือนสุดท้าย ยิ่งอันตรายมาก
นอกจากเรื่องสมอง พารายับยั้งฮอร์โมนเพศชาย androgen, เพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง estrogen, รบกวนการสร้าง steroid, ทำให้เพิ่ม oxidative stress และรบกวนระบบ endocannabinoid, ลด stem cell และมีผลต่อภูมิคุ้มกันร่างกาย
จากใจหมอที่รักษาเด็กออทิสติกสมาธิสั้น พัฒนาการช้าทุกวัน ความทุกข์ของครอบครัวมันหม่นหมองมากๆเลยครับ
ถ้าจะกินพาราในคนท้อง ต้องกินเมื่อจำเป็นจริงๆเท่านั้น หรือไปใช้วิธีลดปวดอื่นๆดีกว่า เช่น นวด แผ่นร้อน แผ่นเย็น เลเซอร์ อัลตราซาวน์ คลื่นกระแทก TECAR ฯลฯ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณหมอหรือผู้รักษานะครับ
การฝังเข็มก็ได้ผลดี แต่ในบางตำแหน่งอาจทำให้แท้งได้ ต้องแจ้งคุณหมอฝังเข็มก่อนนะว่าเราตั้งครรภ์อยู่ และควรหลีกเลี่ยงจุดฝังเข็มไหนบ้าง
หมออยากให้คนท้องทุกคนได้อ่าน หรือคนที่กำลังตั้งใจจะตั้งครรภ์ เพื่อนๆหมอ เภสัช พยาบาลและในสายสาธารณสุขทุกคน เพราะความรู้ที่เราเคยเรียนมาอาจเป็น iatrogenic ทำให้เด็กมีปัญหาได้ ลิงค์งานวิจัยอยู่ในเมนต์นะครับ
สรุป "ห้าม" กินยาพาราพร่ำเพรื่อเด็ดขาด ไม่งั้นลูกจะไม่ฉลาดนะครับ
#DrSomros #Autism #ADHD
จากงานวิจัยในวรสาร Nature ล่าสุดจากนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเกือบ 100 คน พบว่าการกินยาพาราเพื่อลดปวดหรือลดไข้ช่วงตั้งครรภ์ สร้างปัญหาให้เด็กมหาศาล
ยาพารา Paracetamol หรือ acetaminophen หรือ N-acetyl-p-aminophenol = APAP ทุกยี่ห้อ เวลาแม่กินไปจะผ่านรกและเข้าในสมองเด็กได้ และสมองของมนุษย์เราบอบบางและไวต่อสารเคมีหรือการบาดเจ็บ โดยเฉพาะในช่วงอยู่ในครรภ์ถึง 3 ขวบปีแรก ถ้าได้รับสารเคมีมาช่วงนี้จะมีผลให้พัฒนาช้าผิดปกติได้สูง
เมื่อพาราเข้าไปในร่างกายเด็ก พาราจะไปยับยั้ง prostaglandins E2, cyclo-oxygenase2 ซึ่งทำให้ไปลดการพัฒนาของสมองส่วน cerebrum, สมองน้อย cerebellum
จากการสำรวจแม่และเด็ก 220,000 คู่ พบว่าการกินพาราช่วงท้องเพิ่มโอกาสสมาธิสั้นอย่างน้อย 200% และออทิสติก 300% ทำให้ IQ ลดลง พูดได้ช้า สมองพิการและลด executive function ในเด็กอย่างชัดเจน
ภาพสแกนสมองในคนพบว่าพาราทำให้การประสานงานในสมองด้านหน้าซ้ายและสมองด้านขวาตรงกลางลดลง
เรามักคิดว่าพาราออกฤทธิ์ได้ไม่นานแค่ 4-6 ชั่วโมง แต่จริงๆแล้วยาที่สะสมในตัวเราและผลของยาอยู่ได้นานกว่าที่เคยคิด ในหนูทดลองที่กินยาพาราติดต่อกัน 5 วัน ก็ส่งผลต่อสมองแล้ว โดยเฉพาะในช่วงการท้องช่วงหลัง 3 เดือนสุดท้าย ยิ่งอันตรายมาก
นอกจากเรื่องสมอง พารายับยั้งฮอร์โมนเพศชาย androgen, เพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง estrogen, รบกวนการสร้าง steroid, ทำให้เพิ่ม oxidative stress และรบกวนระบบ endocannabinoid, ลด stem cell และมีผลต่อภูมิคุ้มกันร่างกาย
จากใจหมอที่รักษาเด็กออทิสติกสมาธิสั้น พัฒนาการช้าทุกวัน ความทุกข์ของครอบครัวมันหม่นหมองมากๆเลยครับ
ถ้าจะกินพาราในคนท้อง ต้องกินเมื่อจำเป็นจริงๆเท่านั้น หรือไปใช้วิธีลดปวดอื่นๆดีกว่า เช่น นวด แผ่นร้อน แผ่นเย็น เลเซอร์ อัลตราซาวน์ คลื่นกระแทก TECAR ฯลฯ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณหมอหรือผู้รักษานะครับ
การฝังเข็มก็ได้ผลดี แต่ในบางตำแหน่งอาจทำให้แท้งได้ ต้องแจ้งคุณหมอฝังเข็มก่อนนะว่าเราตั้งครรภ์อยู่ และควรหลีกเลี่ยงจุดฝังเข็มไหนบ้าง
หมออยากให้คนท้องทุกคนได้อ่าน หรือคนที่กำลังตั้งใจจะตั้งครรภ์ เพื่อนๆหมอ เภสัช พยาบาลและในสายสาธารณสุขทุกคน เพราะความรู้ที่เราเคยเรียนมาอาจเป็น iatrogenic ทำให้เด็กมีปัญหาได้ ลิงค์งานวิจัยอยู่ในเมนต์นะครับ
สรุป "ห้าม" กินยาพาราพร่ำเพรื่อเด็ดขาด ไม่งั้นลูกจะไม่ฉลาดนะครับ
#DrSomros #Autism #ADHD