1 คนสงสัย
นนทบุรี พบคลัสเตอร์ใหม่ แคมป์ก่อสร้างรถไฟฟ้า ติดเชื้อแล้ว 519 คน จริงหรือ
24 พ.ค.2564 ที่บริเวณแคมป์คนงานก่อสร้าง บริษัท ซิโน ไทย จำกัด (มหาชน) ถนนพิบูลสงคราม ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนนทบุรี เดินทางเข้าตรวจสอบแคมป์คนงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู หลังได้ทำการตรวจคัดกรองเชิงรุกไปเมื่อวันที่ 22 พ.ค.64 จำนวน 900 คน ผลตรวจออกมาว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงถึง 519 คน จริงหรือ
anonymous
 •  3 ปีที่แล้ว
meter: true
1 ความเห็น

โควิด 2019

Ad.tar เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

เหตุผล

วันที่ 24 พ.ค.2564 ที่บริเวณแคมป์คนงานก่อสร้าง บริษัท ซิโน ไทย จำกัด (มหาชน) ถนนพิบูลสงคราม ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้

ที่มา

https://www.komchadluek.net/news/regional/467819?twitter=

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    แคมป์คนงานช่อง11 NBT เป็นจุดเฝ้าระวังโควิด - 19 คลัสเตอร์ระบาดใหม่ จริงหรือ
    มีข้อมูลเผยแพร่ในสื่อโซเชียลมีเดีย ว่า แคมป์คนงานช่อง11หรือ NBT เป็นจุดเฝ้าระวังโควิด - 19 คลัสเตอร์ระบาดใหม่ในพื้นที่ กทม. จริงหรือ
    anonymous
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สถานที่เสี่ยงของสมุทรปราการ จริงหรือไม่
    สถานที่เสี่ยงของสมุทรปราการ... ไม่ต้องไปไหนกันแล้วครับ สถานที่เสี่ยงจะมีดังนี้ 1.บิ๊กซีศรีนครินทร์ 2.แม็คโครศรีนครินทร์ 3.อิมพีเรียลสำโรง 4.เทสโก้โลตัสศรีนครินทร์ 5.เซ็นทรัลบางนา 6.อุดมสุข 7.s&s sukhumvit condo ที่ ถนนสุขุมวิท 101/1 8.บริษัท"....."แถวตลาดคู่สร้าง 9.คอนโด parkland ที่อยู่ติดกับโรงพยาบาลศิครินทร์ (เกี่ยวข้องกับโรงเรียนสารสาสน์วิเทศสุวรรณภูมิเป็นเด็กคนนึง7ขวบ...ทามลายน์เขาอยู่ที่ผู้ติดเชื้อของจังหวัดบึงกาฬ) 10.ร้านปังป๊าสเต็กป๊า ที่อยู่ตรงข้ามเทพารักษ์ 96 (วันเวลาที่เสี่ยงคือ 3 เมษายน) 11.mega บางนาและ ikea บางนา (ทั้ง2 ที่เลย) 12.หมู่บ้านล้วนพฤกษาเลควิลล์ใน ถนนเทพารักษ์ 96 (ผู้ติดเชื้อทราบผลว่าติดเชื้อวันที่ 28 เมษายนวันพฤหัสบดี) 13.โรบินสันสมุทรปราการ 14.ตลาดปากน้ำสมุทรปราการ 15.ร้านเจ๊จุกเย็นตาโฟปากน้ำ 16.หมู่บ้านเฟื่องฟ้า 10ซอยมังกร และหมู่บ้านเฟื่องฟ้า 12 17.BTS อ่อนนุช 18.ตลาดสดคลองด่านสมุทรปราการ (ทามลายน์ผู้ติดเชื้อออกมาวันที่ 5 พฤษภาคม) 19.บริษัทแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมบางพลี (ข้อ 18 กับ 19 นี่คนติดเชื้อคนเดียวกัน...timeline เขาไปอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา) 20.คลัสเตอร์ใหม่ แคมป์คนงานริมถนนแพรกษา หมู6 ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ ติดเชื้อแล้ว 110 ราย ซึ่งเป็น แรงงานไทย พม่า กัมพูชา จากการตรวจทั้งหมด 302 ราย รถพยาบาลกำลังทยอยรับไปส่งโรงพยาบาลตามสิทธิ์ประกันสังคม 21.พบคลัสเตอร์ใหม่ในบริษัทซีเอสพีสตีลเซ็นเตอร์(เขตอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ตำบลในคลองบางปลากด)​ 😷พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 128 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคและจะแจ้งยอดผู้ป่วยรวมในวันพรุ่งนี้ 22.สุขสวัสดิ์ 72 กับ สุขสวัสดิ์ 78 23.เทศบาลสมุทรปราการ (ที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล) ข่าวเทศบาลสมุทรปราการปิดตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 24.เคหะสมุทรปราการ(เป็นข่าวอยู่ใน timeline ผู้ป่วยที่ประกาศวันที่ 5 พฤษภาคม) 25.paradise park วันที่ 24 เมษายนมีผู้ติดเชื้อโควิคเดินทางไป (ออกข่าวทามลายน์ผู้ติดเชื้อโควิดของกทมเขตกรุงเทพมหานครโพสวันที่ 5 พฤษภาคม) 26.บางปู(ตำหรุ) 27.ซอยที่อยู่ใกล้วัดสำโรงเหนือแถวพระประแดง (ทราบข่าว 5-7 วันที่แล้วว่า ผู้ติดเชื้อ 26 คนยังไม่ได้ไปโรงพยาบาล..ยังอยู่แถวนั้น...แต่ตอนนี้ไม่รู้เขาได้ไปหรือยัง...คนที่แจ้งข่าวนี้คือผู้ที่อาศัยอยู่ในซอยเดียวกับผู้ติดเชื้อ) 28.ไปรษณีย์พระประแดงมีผู้ติดเชื้อเป็นเจ้าหน้าที่ 17 คน
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ยึดเมืองหลวงคืนจากโควิดด้วยวัคซีนได้จริงหรือ วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ 17 กรกฎาคม 2564 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมบอกว่าการระบาดในประเทศใช้เวลาสามสัปดาห์ก็จะเพิ่มจำนวนรายงานผู้ป่วยเท่าตัว และคาดว่าจะถึงอย่างน้อยหมื่นรายต่อวันในตอนปลายเดือน วันนี้เพิ่งพ้นกลางเดือนวันหวยออกได้วันเดียว ยอดติดเชื้อก็ทะลุไปเป็นตัวเลขห้าหลักอย่างว่าแล้ว ผมคาดคะเนว่าเวลาเพิ่มจำนวนของจำนวนตายจากโควิดจะเพิ่มเท่าตัวโดยใช้เวลาเพียงสัปดาห์เศษ ๆ วันนั้นดูเหมือนตัวเลขอยู่แถวห้าสิบตอนนี้ตัวเลขก็ทะลุเป็นเลขสามหลักเป็น 141 แล้ว สรุปแล้วผมคาดผิด ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะวันนี้ตัวเลขสวิงขึ้นสูงโดยบังเอิญ ถ้าเป็นเช่นนั้นพรุ่งนี้มะรืนนี้ตัวเลขจะลดกลับลงไป อีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าเวลาที่ใช้ในการเพิ่มเท่าตัวสั้นกว่าเมื่อเดือนที่แล้วจริง ๆ เราเพิ่งจะล็อคดาวน์กันมาไม่กี่วัน ผลของการตรวจพบเชื้อในวันนี้มาจากการแพร่เชื้อติดเชื้อก่อนหน้านี้ 4-5 วัน ส่วนจำนวนตายน่าจะเป็นผลจากการติดเชื้อแพร่เชื้อเมื่อสองสามสัปดาห์ที่แล้ว ถ้ากระบวนการล็อคดาวน์ได้ผล เราจะเห็นตัวเลขการติดเชื้อหยุดเพิ่มก่อน คงอีกราว 1 สัปดาห์ และกว่าตัวเลขคนตายจะหยุดเพิ่มอาจจะต้องใช้เวลาราว 3 สัปดาห์ขึ้นไป กล่าวกันว่า กทม. เป็นศูนย์กลางของการระบาด ความเร็วในการเพิ่มเท่าตัวก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ผมมีข้อสังเกตสองสามประการสำหรับผู้รับผิดชอบและประชาชน ฝากพวกเราตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย นอกจากจังหวัดภูเก็ตซึ่งประชาชนได้รับวัคซีนสองเข็มไปกว่า 70% แล้ว สถิติต่าง ๆ บ่งบอกว่าอันดับสองของความครอบคลุมการรับวัคซีน คือ กทม. ถ้าเอาจำนวนคนฉีดวัคซีนใน กทม. หารด้วยประชากรในทะเบียนบ้าน จะได้ค่าระหว่าง 40-60% ซึ่งระดับนี้ถือว่าน่าพอใจ และวันนี้ได้ข่าวว่าตั้งเป้าจะฉีดให้ได้วันละหนึ่งแสนโดส ถ้าได้อย่างนี้จริงจะช่วยเสริมแรงการล็อคดาวน์ได้มาก เพราะถ้าไม่ฉีดวัคซีนให้มากพอ ตอนคลายล็อคก็จะเกิดการระบาดอีก ปรกติถ้าฉีดวัคซีนได้ถึง 50% ขึ้นไป เราจะเห็นการระบาดชะลอลง แต่ทำไมใน กทม. ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ทำไมเราไม่เห็นแบบนั้น ผมมีคำอธิบายอื่น ๆ ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้าง โปรดช่วยกันตรวจสอบครับ ผมคิดว่าที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ว่าประชากร กทม. ที่แท้จริงอยู่ที่กี่ล้านคนเพราะปริมณฑลและเมืองบริวารกว้างขวางมาก ผู้คนเดินทางเข้า ๆ ออก ๆ การฉีดวัคซีนในกทม. อาจจะไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ กทม. ทำให้คนรอบนอกเดินทางเข้ามาฉีดได้โดยไม่ยาก ถ้าคนที่ได้วัคซีนไปเป็นคนรอบนอกเสียเยอะ วัคซีนที่ฉีดไปก็คงจะไม่มีค่อยมีผลป้องกันกลุ่มเป้าหมายใน กทม. กลุ่มเป้าหมายหลักของระบบสาธารณสุข มีชื่อย่อ ๆ ว่า 607 หมายถึงคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ฯลฯ 7 โรค ปรากฏว่ากลุ่มนี้ฉีดวัคซีนได้ต่ำกว่าเป้าทั่วประเทศ แม้แต่จังหวัดภูเก็ตที่ได้ชื่อว่าฉีดวัคซีนได้มาก ก็ครอบคลุมผู้สูงอายุได้เพียง 10% เท่านั้น (เพราะช่วงนั้นฉีดวัคซีนไซโนแวค ต้องอายุต่ำกว่า 60 ปี) จังหวัดที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมผู้สูงอายุได้ดีที่สุด คือ สมุทรสาคร ก็ได้เพียง 15% ส่วน กทม. ฉีดผู้สูงอายุได้เพียง 3.14% และ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรังได้เพียง 3.8% ของเป้าหมายเท่านั้น ตัวเลขที่ฉีดวัคซีนประชากรได้ดูเหมือนมาก แต่ ฉีดกลุ่มเป้าหมายหลักได้เพียงนิดเดียว น่าจะอธิบายสาเหตุของไอซียูและเครื่องช่วยหายใจไม่พอได้ระดับหนึ่ง ถ้ายังคงใช้ยุทธวิธีที่สะดวกแบบเดิมอยู่แบบนี้เพียงอย่างเดียว วัคซีนคงไม่ช่วยทำให้คลายล็อควัคซีนได้เท่าไรนัก การเปิดให้จองโดยระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต สะดวก รวดเร็วทั้งผู้รับและผู้ให้บริการ แต่ต้องเป็นผู้รับบริการที่รอบรู้ หูไวตาไว ใช้แอปเก่ง ๆ หรือที่เรียกว่า The Have Net ส่วนพวกที่ช้าหน่อยเข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสารและเท็คโนโลยี หรือที่เรียกว่า The Have Not ก็จะไม่ค่อยได้รับวัคซีน The Have Net จากรอบนอกเข้าถึงวัคซีน The Have Not ในกทม.เอง เข้าไม่ถึง เราก็แก้ปัญหา กทม. ไม่ได้ เวลาพวกเราคนต่างจังหวัดพูดถึง กทม. เรานึกถึง พื้นที่เศรษฐกิจที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ภาพพวกนั้นปิดบังกลุ่มคนยากจนที่อยู่ตามหลืบ ซอกซอย ชุมชนคนกลุ่มน้อย คนขายแรงงาน แคมป์คนงานก่อสร้าง ฯลฯ คนพวกนี้ คือ The Have Not ซึ่งเป็น Social Pathology หรือสภาพสังคมที่เจ็บป่วยอมโรคของเมืองหลวง ผมเชื่อว่าคนพวกนี้เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร บริการสาธารณสุขโดยเฉพาะการฉีดวัคซีนซึ่งต้องการการแข่งขันอย่างสูง เมื่อป่วยก็จะไม่สามารถร้องเรียนกับผู้ใดได้ การแยกตัวของสมาชิกออกจากครัวเรือนไม่ให้แพร่โรคน่าจะลำบากมาก เป็นที่น่ายินดีที่ทางราชการจะได้จัดหน่วยเคลื่อนที่ออกไปยังชุมชน ไปเยี่ยม The Have Not เหล่านี้ และคงเอาวัคซีนไปฉีดให้เป้าหมาย 607 ด้วย แต่ก็คงไม่ง่ายนักที่จะฉีดให้ได้จำนวนมาก ๆ เพราะอาจจะหาสถานที่ที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีนได้ลำบาก การจัดพยาบาลเข้าฉีดวัคซีนตามบ้านจะมีต้นทุนด้านเวลาสูงมาก เป้าหมายที่ตั้งว่าจะได้วันละแสนคนไม่น่าจะทำได้จริง หน่วยสาธารณสุขเคลื่อนทีเก่ง ๆ เหมือนหน่วยซีลทางทหาร คือ รบได้ทุกภูมิประเทศ ทั้งอากาศ ทะเล และ บนบก แต่ไม่สามารถยึดพื้นที่ได้ หน่วยแบบนี้จึงมีข้อจำกัด เมื่อ ห้าสิบปีที่แล้ว ในชนบทเราก็มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เอาไว้ปฏิบัติการจิตวิทยา (ปจว) แสดงว่าทางการไม่ทอดทิ้งประชาชน มีความเมตตากรุณาสงสาร แต่ปัจจุบันนี้ เราสาธารณสุขปฐมภูมิครอบคลุมทุกพื้นที่ มีเครือข่าย อสม. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (สถานีอนามัยเดิม) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ประจำถึง 4-5 คน นี่คือ กองร้อยทหารราบที่ประจำการ ปกป้องโรคภัย เขาดูแลตัวเองกันได้ ไม่ต้องรอความเมตตาจากคนนอก ผมไม่แน่ใจว่าเครือข่ายแบบนี้ในเมืองหลวงทำได้ดีเพียงไร การทำงานของหน่วยราชการโดยเฉพาะการควบคุมการระบาดของโควิดและการระดมฉีดวัคซีนโดยไม่มีประชาชนช่วยจัดตั้งน่าจะทำไม่ได้ผล ในช่วงล็อคดาวน์ เราต้องใช้ทหารราบ พลเดินเท้า และหน่วยประจำการทางสาธารณสุขจำนวนมหาศาล ทำงานสร้างพลัง (empower) ให้ประชาชนในชุมชนยากไร้ในเมืองหลวง ลุกขึ้นยืนหาทางช่วยตัวเองร่วมมือกับทางราชการแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด เพื่อยึดเมืองหลวงคืนจากโควิดให้ได้
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false