1 คนสงสัย
สมุนไพรไทย " พลูคาว" ใช้ต้านไวรัสโควิด 19 ได้ จริงหรือ
พลูคาวมีประวัติใช้เป็นยาสมุนไพรมาอย่างยาวนาน มีบันทึกทั้งในตำราการแพทย์ของจีนและไทย นิยมใช้ในการรักษาการอักเสบ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน รักษาโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส จากการวิจัยเราพบว่าพลูคาวมีสารต้านเชื้อไวรัสได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสก่อโรคเริม เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เชื้อไวรัสโรคเอดส์ เชื้อโรคซาร์ส รวมทั้งไข้หวัดนกที่ระบาดในช่วงปี 2546-2549 เราได้ทดลองนำไปใช้กับผู้ป่วยหลายราย ผลปรากฏออกมาว่าใช้ลดการติดเชื้อได้ ส่วนการนำมาใช้กับโควิด-19 นายอุดม รินคำ เภสัชกรและนักวิชาการ อิสระ ผู้ทำวิจัยสมุนไพรพลูคาว เผยว่า ช่วงที่ผ่านมา นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้รับการติดต่อจากจีนและอีก 20 สถาบันจากทั่วโลกที่มีงานวิจัยเรื่องสรรพคุณของพลูคาว นำไปทดลองใช้กับผู้ป่วยในหลายประเทศแล้วปรากฏว่าใช้ได้ผลดี
naydoitall
 •  5 ปีที่แล้ว
1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
meter: false
2 ความเห็น

โควิด 2019

std47935 เลือกให้ข้อความนี้⚠️️ ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ

เหตุผล

องค์การอนามัยโลก (WHO) ยอมรับ เชื้อไวรัสโควิด-19 อาจติดต่อผ่านทางอากาศได้ หลังเพิ่งถูกนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกทำจดหมายเปิดผนึก ท้วงติงว่าประเมิ
naydoitall เลือกให้ข้อความนี้❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง

เหตุผล

จากกรณีการโฆษณาชวนเชื่อขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีส่วนประกอบของพลูคาว หรือคาวตอง โดยระบุสรรพคุณว่าสามารถต้านเชื้อโควิด-19 ได้นั้น จากการตรวจสอบ

ที่มา

Ad.tar เลือกให้ข้อความนี้❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง

เหตุผล

ข่าวบิดเบือน อย่าแชร์! รวมรายชื่อสมุนไพรไทย เพิ่มภูมิต้านทาน และมีฤทธิ์ป้องกัน COVID-19 จากสธ.

ที่มา

https://www.antifakenewscenter.com/ข่าวบิดเบือน-อย่าแชร์-ร-3/

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือ WHO องค์การอนามัยโลก ยอมรับ เชื้อไวรัสโควิด-19 อาจติดต่อผ่านทางอากาศได้
    องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ ยอมรับแล้วว่า เริ่มปรากฏหลักฐานใหม่ว่า เชื้อไวรัสโควิด19 สามารถแพร่ระบาด ผ่านละอองฝอยขนาดเล็ก ที่แขวนลอยอยู่ในอากาศได้ โดยเบเนเด๊ตต้า อัลเลแกรนซี่ หัวหน้าฝ่ายควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของดับเบิลยูเอชโอ ระบุว่า เริ่มปรากฏหลักฐานใหม่ว่า โคโรน่าไวรัส หรือเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถติดต่อผ่านทางอากาศได้ ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด สถานที่ปิด หรือมีการระบายอากาศที่ไม่ดี
    naydoitall
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สเปรย์พ่นปากฟ้าทะลายโจร ตราวี เฟรช สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงปอดได้
    ผลิตภัณฑ์วี เฟรช เม้าท์ สเปรย์ โฆษณาสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ว่า สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงปอดได้นั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า ผลิตภัณฑ์วี เฟรช เม้าท์ สเปรย์ V FRESH MOUTH SPRAY ผลิตโดย บ. บิวตี้ คอสเมต จก. จดแจ้งไว้ว่าเป็นเครื่องสำอาง ประเภทสเปรย์ระงับกลิ่นปาก ใบรับจดแจ้งเลขที่ 65-1-6400022581 ผลิตภัณฑ์นี้เป็นเครื่องสำอาง ใช้เพื่อระงับกลิ่นปาก ไม่มีผลในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงปอดได้ หากผู้บริโภคหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้ เพื่อหวังผลในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงปอด อาจเสียโอกาสในการรักษา ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง
    std47859
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    "ศาลโลก" รับฟ้อง "พญาอินทรีย์" ปล่อยโควิด-19 สงครามชีวภาพ ในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิดเผย โดย ผู้ตัดต่อพันธุกรรมเชื้อโควิด-19 คือพญาอินทรีย์เอง... ************** โควิด-19 มาจากฝีมือมนุษย์ สั่งทำโดย โดนัล ทรัมป์ มีแหล่งที่มาจากห้องแลป ไวรัส P3 ในมลรัฐคาโรไลน่าเหนือ ของสหรัฐอเมริกา!!! นาย Greg Roubini ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองชื่อดังของสหรัฐอเมริกาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทีวีที่ 1 ของอเมริกาได้เป็นผู้เผยความลับนี้ นาย Greg เผยว่า ไวรัสโควิด-19 ได้รับการออกแบบทางพันธุกรรมเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ หรือสงครามเชื้อโรค:- - มีแหล่งที่มาจากห้องแลป BSL-3 ในมลรัฐคาโรไลน่าเหนือ พัฒนาโดย ศาสตราจารย์ราล์ฟ บาร์ริก - พร้อมกันนั้น เขาระบุว่า ไวรัสถูก “รัฐบาลมืด” จากรัฐคาโรไลน่าเหนือ ทดลองในทหารส่งไปแพร่ระบาดในการแข่งขันกีฬาในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ลุกลามไปอิตาลี และอเมริกาทั้งประเทศ ##..ก่อนหน้านี้ในวันที่ 15 มีนาคม 2564 นายเกรก ก็ได้ ทวิตข้อความถามนายทรัมป์ว่า - เหตุใดจึงไม่บอกประชาชนอเมริกาว่า ไวรัสผลิตจากอเมริกา? ทำไมไม่อธิบายให้ชัดเจนว่าตัวไวรัสเองแท้จริงแล้วคืออาวุธชีวภาพ? **บังเอิญ ศาสตราจารย์ Luc Montanier ผู้ได้รับรางวัลโนเบลเนื่องจากเป็นผู้ค้นพบไวรัสเอชไอวี (HIV) ได้เปิดเผยกับนักข่าวชาวฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า - โควิด-19 ไม่ใช่มาจากธรรมชาติ หากแต่ได้รับการพัฒนาอย่างประณีตโดยนักวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุล ***ศาสตราจารย์ Luc Montanier ยืนยันว่า เป็นเรื่องเด่นชัดที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำเชื้อไวรัสที่มาจาก ค้างคาวเข้าไปเพิ่มความเข้มข้นของเชื้อเอชไอวีเข้าไปด้วย - นี่คือ การวางยาพิษที่ชั่วร้ายที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของโลก! ***นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สุดโหด ข่าวเกี่ยวกับ “เชื้อโควิด-19 เป็นอาวุธชีวภาพที่มาจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยฝีมือมนุษย์” มีมาโดยตลอด ***นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามทำงานหาแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสโดยนักวิทยาศาสตร์อินเดียค้นพบว่า เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ มีเชื้อเอชไอวีแทรกอยู่ด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าไวรัสตัวนี้มาจากการตัดต่อทางพันธุกรรม ***กลางเดือนมีนาคม นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์พบว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 จากผู้ป่วยรายหนึ่งในรัฐวอชิงตันพบว่าวัฏจักรวิวัฒนาการของมันมียาวนานกว่าครึ่งปีมาแล้ว พร้อมๆกับการศึกษาลึกซึ้งลงไปว่า ประเทศต่างๆในโลกไม่น้อยได้เบนสายตาแห่งความสงสัยไปที่อเมริกา ประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น อิตาลี ออสเตรเลีย ล้วนมีผู้ป่วยทียืนยันว่ามีแหล่งที่มาจากอเมริกาทั้งสิ้น *** ในเวลาต่อมา ROBERT REDFIELD ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกายอมรับว่า ผู้ป่วยตายจากไข้หวัดใหญ่ในเดือนกันยายน 2019 มีอยู่ไม่น้อยที่ตายจากเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ (เกิดก่อนการระบาดที่อู่ฮั่น) - ต่อปัญหานี้โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน นายจ้าว ลี่เจียง ได้ทวิตข้อความในทวิตเตอร์ถามผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกาว่า ผู้ป่วยรายแรกของอเมริกาเกิดขึ้นตอนไหน? ชื่ออะไร? อยู่โรงพยาบาลอะไร? และเป็นไปได้อย่างมากที่ทหารอเมริกาที่มาแข่งกีฬาทหาร นำเชื้อมาแพร่ที่เมืองอู่ฮั่น ในจีน >>>>สหรัฐอเมริกาต้องโปร่งใส ต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ให้โลกได้รู้ความจริง **ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถของคณะผู้สื่อข่าวคณะหนึ่งแห่งรัฐเวอร์จิเนีย ในที่สุดก็ได้ตามหาผู้ป่วยรายแรกจนพบ นั่นก็คือ ทหารอเมริกาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทหารที่เมืองอู่ฮั่นของจีนในเดือนตุลาคม 2019 นางมีชื่อว่า "Maatje Benassi" >>>นายทหารหญิงของอเมริกาคนนี้มีภูมิหลังพิเศษตรงที่นางมีความเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการชีวเคมี P4 ของนาย FORT DETRICK *** คนในครอบครัวก็มีหลายคนที่ยืนยันว่าผู้ติดเชื้อในจำนวนนี้มีอยู่คนหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายแรกในฮอลแลนด์ ก่อนติดเชื้อ เขาเคยไปในเขตพื้นที่ลอมบาร์เดียของอิตาลี ทำให้เขตพื้นที่นั้นเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ***มาถึงตรงนี้ หลักฐานเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 มีต้นกำเนิดมาจากสหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอน มีห่วงโซ่เชื่อมร้อยอย่างครบถ้วน ทหารพิเศษ 5 คนที่อเมริกาส่งเครื่องบินมารับกลับไปภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสและห้องแลป ที่ถูกปิดตาย ก็สามารถนำมาปะติดปะต่อกันได้แล้ว หากว่ากันตามตรรกะของนายทรัมป์ เราก็สามารถเรียกเชื้อโควิด-19 ว่า เป็น "ไวรัสนอร์ธคาโรไลนา" (Virus North Carolina) หรือ "ไวรัสอเมริกา" ***ในขณะที่หลักฐานทั้งหมดต่างชี้ไปที่อเมริกา เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของสหรัฐอเมริกายอมรับอย่างเปิดเผยว่า เชื้อโควิด-19 ไม่จัดอยู่ในชั้นของโรคระบาดเท่านั้น แต่จัดอยู่ในชั้นของอาวุธชีวภาพ กรืออาวุธเชื้อโรค เหมือนไวรัสโรคไข้หวัดเสปน เมื่อ 100 ปีก่อนที่ทหารอเมริกานำไปแพร่ในเสปน >>>ความไร้ยางอายนี้ ทำให้โลกตะลึงและได้เพิ่มข้อน่าสงสัยว่าสหรัฐอเมริกา เป็นฆาตกรผู้วางยาพิษคนทั้งโลก เพียงเพื่อจะขายวัคซีนป้องกันมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ขาดดุลการค้า” >>>เรื่องทั้งหมดได้ปรากฏชัดเจนแล้ว แต่ทว่าทรัมป์ยังพยายามโยนบาปอย่างไม่คิดชีวิต กล่าวหาให้จีนรับเคราะห์แทนอย่าง น่ารังเกลียดที่สุด ***เชื้อโควิด-19 ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติและความสูญเสียที่ยากจะประเมินได้ บาปนี้มันใหญ่หลวงเกินกว่าจะโยนออกไป แล้วโทษคนอื่น ***ยังมีข้อน่าสงสัยที่นาย เกรกได้ตีแผ่ออกมา นายราล์ฟ บาร์ริค ผู้รับผิดชอบพัฒนาไวรัส รัฐคาโรไลนาเหนือคนนี้เป็นใคร *** นาย บาร์ริค มาจากมหาวิทยาลัยคาโรไลนาเหนือ เขาเป็นหัวหน้านักไวรัสวิทยาที่เปลี่ยนโฉมใหม่ของโรคซาร์สโคโรนาไวรัสโดยการตัดต่อยีนในปี 2015 - และเขายังเป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาไวรัสดังกล่าวอีกด้วย ที่น่าตกใจก็คือ เขาเป็นบุคคลที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาทางคลินิกของยาวิเศษ "RADEXIVIR" เป็นไปอย่างที่โบราณว่าไว้ คนที่วางยาพิษก่อนอื่นต้องเตรียมผลิตยาแก้ยาพิษนั้นๆไว้ก่อนเสมอ!!!! - ยา RIDESIVIR ภายหลังจากปฏิบัติการทางคลินิกและถูกตั้งข้อสงสัยโดยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของมันจึงทำให้ตกกระป๋องไปพร้อมๆกับการแพร่ระบาดที่ลุกลามออกไปทั่วโลก ***สหรัฐอเมริกากลายเป็น “ศูนย์กลางการล้างโลก” ไปแล้ว - การแพร่ระบาดในช่วงแรกของอเมริกา ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ให้ความสาคัญกับมันเลยโดยมองว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ที่หนักกว่าปกติเท่านั้นเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคนของตนเองผลิตมันขึ้นมาจนกระทั่งเพื่อนรักของเขาคือ "นายสแตนลี่ย์ เชล่า" เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งมลรัฐนิวยอร์กเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 !! >>>>ถึงเวลานี้จีนได้ฟ้องร้องต่อศาลโลกว่า อเมริกาเป็นต้นเหตุในการแพร่เชื้อโรคไวรัสโควิด-19 อย่างตั้งใจเพื่อทำลายล้างจีนและประชาชนทั่วโลก*** >>>ตอนนี้คงต้องรอดูการสืบสวนของศาลโลกว่า จะตัดสินออกมาเช่นไร? ซึ่งถึง ณ เวลานี้ ทรัมป์เริ่มรู้สึกตัว และให้ความสาคัญในระดับสูง แต่ว่าสายไปเสียแล้ว!!! https://youtu.be/Y04Qm8QVQXE ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.ขวัญชัย เสธนันท์
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    โควิด ติดแล้ว ปอดจะทำงานไม่เหมือนเดิมตลอดไป จริงหรือไม่
    Don't mean to scare you, folks, but be very cautious, be protective & be safe to you all. ********************************************************** บอย วรพล สิงห์เขียวพงษ์ December 29, 2020 at 4:55 PM โควิด-19 เป็นแล้วโอกาสตายน้อยกว่าห้าเปอร์เซ็นต์ จริงครับ > แต่หายแล้ว ปอดอาจพังตลอดชีวิต > ลิเดีย-แข็งแรง เหลือปอดทำงาน หกสิบเปอร์เซ็นต์ > ล่าสุด...31 ธันวาคม 2563 ผู้ว่าจังหวัดสมุทรสาครน่าจะเป็นเคสนี้ครับ บทความนี้ถูกส่งต่อกันมา ผมพอทราบว่ามีส่วนจริง แต่ให้แน่ใจ จึงส่งไปถามเพื่อนที่เป็น...’หมอ’ ! เขาตอบว่า...จริง !!! > โควิด-19 เป็นแล้วตายก็จบไป แต่ถ้าไม่ตายก็ต้องลุ้น ! > คุยกันครั้งใด เขาบอกผม...พี่อย่าให้เป็นนะ อายุเยอะแล้ว ตายก็ลำบากก่อนตาย ไม่ตายก็แย่ไปตลอดชีวิต ยกมา > "ผมกลัว" ที่จะติดเชื้อ Covid-l9 ผมจึงทำตามที่รัฐบาลบอก คือ "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" และจะออกจากบ้าน เมื่อจำเป็นจริง ๆ ผมบอกว่า ผมเชื่อว่าใครที่ติดเชื้อ Covid-l9 จะไม่มีวันกลับไป "ปกติ" เพราะปอดจะไม่ทำงานเต็มร้อยอีกแล้ว > แต่...แต่ก่อนที่จะเสียชีวิต หากคุณติดเชื้อ รู้ไหมว่ามันทรมานแค่ไหน > คุณรู้ไหมว่า การรักษาโรคปอดติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2ol9 หรือ Covid-19 มันไม่ใช่แค่ใส่หน้ากากออกซิเจน แล้วนอนอ่านหนังสือ หรือเล่นโทรศัพท์ อยู่บนเตียงสบาย ๆ ในโรงพยาบาล > เพราะเครื่องช่วยหายใจสำหรับผู้ป่วย Covid-19 (บางคน-ไม่ทุกคน) มันสร้างความเจ็บปวด ต้องสอดท่อลงไปในลำคอและคาไว้ จนกว่าจะหาย หรือตายภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยแทบไม่สามารถขยับตัว > การรักษานี้ คนไข้จะถูกจับให้นอนคว่ำกลับหัว มีท่อหายใจต่อจากปากขึ้นไปที่เครื่องช่วยหายใจ ไม่สามารถพูด กิน หรือขับถ่ายได้ตามปกติ แถมเจ็บปวดตลอดเวลา > สิ่งที่แพทย์ช่วยได้ก็คือ ให้ยานอนหลับและยาแก้ปวด เพื่อให้แน่ใจว่าคนไข้สามารถทนต่อความเจ็บจากการใส่ท่อช่วยหายใจ เหมือนอยู่ในอาการโคม่าเทียม > ผ่านไป 20 วัน ผู้ป่วยจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ สี่สิบเปอร์เซนต์ และมีแผลในปากหรือหลอดลม เช่นเดียวกับปอด เกิดภาวะแทรกซ้อนของหัวใจ > นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้คนแก่ หรือผู้ป่วยโรคอื่น เช่น ความดัน หัวใจ ไม่สามารถทนการรักษาได้ และอาจตายในที่สุด >>> ย้ำ..นี่ไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ ! การให้อาหารเหลวใส่หลอดเข้าไปในท้องของคุณ ไม่ว่าจะผ่านจมูกหรือเส้นเลือด การที่ต้องมีพยาบาลมาช่วยขยับแขนขาทุกสoงชั่วโมง เพื่อป้องกันแผลกดทับ และต้องนอนบนเตียงน้ำที่เย็น เพื่อช่วยลดอุณหภูมิ 40 องศาของคุณ "มันไม่ใช่เรื่องสนุก" และคนที่บ้านเป็นทุกข์แน่ ๆ นี่คือหนึ่งในเหตุผล ที่ชาติตะวันตก ปล่อยให้ตาย ไม่รับรักษา เพราะสิ้นเปลือง > ผมกลัว...ผมจึงอยู่บ้าน ถ้าคุณไม่กลัว ก็ตามสบายนะครับ ไม่สวมหน้ากากตอนออกจากบ้าน ไม่รักษาระยะห่าง ไปในที่สุ่มเสี่ยง เป็นเรื่องความรับผิดชอบที่คุณมีต่อครอบครัวของคุณเอง > ที่เล่ามาทั้งหมด ก็เพื่อคนที่คุณรัก เพื่อคนที่รักคุณ และ เพื่อตัวคุณเอง #เรียบเรียงบางส่วนจาก LIND ใครจะหาว่าผมตื่นตูม ก็ตามสะดวก แต่ผมว่าเราต้อง ‘ตื่นตัว’ แม้คนที่เป็น ไม่ทุกคนที่จะมีสภาพนี้ แต่ก็มีไม่น้อยที่หายแล้วปอดไม่เต็มร้อย > ผมว่าปอดพังเร็วมาก ยิ่งกว่าสูบบุหรี่ซะอีก > แชร์ได้ ไม่ต้องขอครับ > รักใคร ห่วงใคร ก็แชร์กันไป ถ้าคุณได้รับแชร์นี้มาแสดงว่ามีคนรักคุณ
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    กล้วยดิบ 'วัคซีน' พื้นบ้าน เปลวสีเงิน : ไทยโพสต์ 25 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 00:01 น. ผมทดลองแล้ว ลงทุนไป ๒๐ บาท รับประกันคุณภาพในการป้องกันได้กว่า ๘๐% UP! กล้วยครับ.... กล้วยน้ำว้าดิบๆ หั่นแว่นๆ ทั้งเปลือก คลุกเกลือ เคี้ยวให้เต็มปาก เจ้ายางและเมือกกล้วย จะเป็นด่านหน้า เคลือบในปากและลำคอ ฆ่าเชื้อแปลกปลอม ก่อนลงไปในท้อง ผมดูจากคลิป "ป้านิดดา หงษ์วิวัฒน์" นักธรรมชาติบำบัด สนทนากับ "รศ.ดร.โกวิน วิวัฒนพงศ์พันธ์" ที่พวกเขาส่งมาให้ ผมมันพวก "กล้วยนิยม" ฟังเสร็จ ซื้อกล้วยดิบมาลองเลย ลองมา ๒ วัน เห็นผลทันตา ปกติตื่นนอน คอผมเหมือนผ่านการกินทราย ปรากฏว่าหายไปเลย! ผมถอดคำจากคลิปมาให้ อยากให้ทดลองกัน ระหว่างวัคซีนยังไม่มา ใช้ "วัคซีนกล้วยดิบ" ไปก่อน รับรอง "โควิดยกโคตรขยาด"! โกวิน : ผมไอ แสบคอ ก็ค้นในเน็ต พบว่า เมื่อเป็นไวรัส มีรายงานศึกษาว่า โควิดตัวนี้ มีความแตกต่างจากไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดธรรมดาอย่างไร อยู่ในกลุ่มเดียวกัน อาการคล้ายกันมาก แต่จุดต่างของเขา คือ จะแสบคอมาก จะไอ (แห้ง) มาก มีไข้ ก็ไข้มากเลย มีรายงานออกมาว่า จุดเริ่มต้นของเขาอยู่ที่ลำคอ จนกระทั่งต่อมรับรสที่อยู่ที่ปลายลิ้นไม่สามารถทำงานได้ดี กินอาหารไม่อร่อย รับรสไม่ได้ "ผมก็บอกว่า เอ้ย..ถ้าอย่างนั้น มันเริ่มต้นที่คอใช่มั้ย เราหาอะไรมาจัดการที่คอให้ได้สิ ถ้าเราจัดการได้ มันก็ไม่มีลามไปที่ปอด ปอดก็ไม่เป็นไร ปอดก็ทำหน้าที่ได้ การที่เอาปอดเข้าฟอกออกซิเจนได้ ระบบอื่นก็ไม่ล้มเหลว ไม่ล้มเหลวเราก็ไม่ป่วยซี" ผมก็เริ่มต้นศึกษา แล้วก็เจอกล้วย มีอยู่ราย ผมจำไม่ได้ ต้องขอบคุณเขา ที่เขาช่วยแนะนำ เขาบอกว่ากล้วยน้ำว้า ต้องกล้วยดิบนะเขียวๆ เนี่ย เอามาแล้วต้องหั่นเป็นแว่นๆ เอาลักษณะที่เราเคี้ยวง่ายๆ มีข้อมูลแพทย์แผนไทยโบราณว่า กล้วยดิบนี้สามารถหยุดยั้งการไอที่ลำคอได้ "ผมบอกเอ๊ะ...อย่างนั้นต้องทดลองดูซี" มันหยุดไอที่ลำคอเพราะอะไร เพราะว่าเมื่อมีเชื้อโรคมาเข้าร่างกาย จะผ่านระบบหายใจก่อน หรือผ่านมาที่ปาก ร่างกายก็จะมีระบบกักเชื้อโรค ลำคอนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะมีน้ำเมือกออกมา เพื่อกักเชื้อโรคจากอากาศที่มีเชื้อโรค ฉะนั้น เมื่อเชื้อโรคมาติดที่นี่ มันก็จะมีอาการอักเสบที่ลำคอก่อน พออักเสบปุ๊บ ร่างกายก็พยายามกำจัดมันออกด้วยอาการไอ ไอมากแสดงว่ามีเยอะ ถ้าแสบคอมาก แสดงว่ามีเยอะ แสบคอน้อยก็มีน้อย ผมก็เออ...เว็บไซต์ที่พูดถึงนี่ กล้วยเนี่ย ยางเขาสามารถจัดการได้ เขาบอกว่า เอายางเนี่ย แล้วก็เอาเกลือใส่เล็กน้อย แล้วก็เคี้ยว ยางก็จะค่อยๆ เคลือบลำคอ ยางมีคุณสมบัติพิเศษในการฆ่า เพราะเป็นด่างด้วย ถ้าสด ยางจะเยอะ แห้ง ยางจะน้อย แล้วผมก็ทดลอง เอากล้วยดิบทั้งเปลือกมาหั่น ใส่ทัพเพอร์แวร์แล้วเอาเกลือใส่ไว้ พกขึ้นก่อนนอน เพราะผมกลางวันไอน้อย กลางคืนไอเยอะ ถามว่าทำไมกลางวันไอน้อย เพราะกลางวันเราดื่มน้ำ เดินไป-เดินมา น้ำลายเราจะหลั่งมากในเวลากลางวัน เวลาหลั่งเราก็กลืนเข้าไปในร่างกาย ระหว่างกลืนก็พาเชื้อโรคเข้าไปในลำคอ น้ำลายเป็นด่าง พอเราดึงตัวนี้ผ่านเข้าไปในกระเพาะ กระเพาะมีกรดสูง ก็ฆ่ามันตาย แต่กลางคืนน้ำลายหลั่งน้อย ยิ่งผู้สูงอายุยิ่งหลั่งน้อย เพราะฉะนั้น ผู้สูงอายุ แม้จะแปรงฟันให้สะอาดอย่างไร ก็จะมีรสเปรี้ยว-กลิ่นเปรี้ยว เพราะว่าแบคทีเรียมันเติบโต ยิ่งถ้าเกิดมีน้ำตาลในเหงือกเยอะ กินของหวานเยอะ แปรงยังไงก็ไม่สะอาดมาก ก็จะติดอยู่ แต่ถ้าเจอด่างเข้าไป ผมจิ้ม ก็จะเคี้ยว วันนั้นผมมีไข้ ไอเยอะมากเลย ผมก็ไปเอากล้วยดิบมาเลย หั่นๆๆๆๆ เก็บไว้ เกลือจิ้มไว้ กลางคืนก่อนนอน ผมก็เคี้ยวๆ พอเคี้ยวไปประมาณครึ่งลูก อาการที่ไอๆ อยู่เนี่ย ผมตกใจมากเลย เอ๊ะ...ผมไอ ทางการแพทย์นับเป็นหน่วยนะ มันหายไป ๕๐%เลย แล้วที่แสบคอ กินข้าว-กินน้ำแสบมากเลย โอ๊ะ..หายไปแฮะ ผมก็ดีใจ พร้อมตกใจนะ เอ๊ะ...เราไม่มียาอะไรในการแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ว่าจะเอายาอะไรมาอม ที่จะสามารถลดอาการอักเสบ ไอน้อยลง ๕๐% หลังเคี้ยวกลืนเข้าไปไม่เกิน ๕ นาที เป็นความมหัศจรรย์มากเลย ที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านยุคโบราณที่เขาใช้อยู่ ผมก็เคี้ยวๆๆๆ พอเคี้ยวๆๆ เสร็จแล้ว ก็เคี้ยวให้เต็มปาก เพราะในปากก็จะมีเกลือที่ใส่กับกล้วยเข้าไป เกลือก็จะไปละลายเคลือบที่ลำคอ กล้วยนี่ก็มีเนื้อแล้วก็ยาง เมื่อเคี้ยวยางก็จะค่อยๆ ออก แล้วก็ค่อยๆ กลืนลงไป ก็จะไปเคลือบที่คอ พอเคลือบที่คอ ยางนี้เป็นด่างสูงมาก เจ้าเชื้อโรคที่มาจากหวัดทั้งหมดติดที่คอก็จะตาย พออาการไอน้อยลง ไข้น้อยลง เพราะว่าอักเสบน้อยลง ก็หลับสบาย ถ้าเมื่อไหร่ไอมาก เราจะนอนไม่หลับ พอหลับตื่นมา ก็เข้าห้องน้ำ ผมเคี้ยวต่อไปอีก เพราะว่าตื่นขึ้นปุ๊บก็กลืนน้ำลาย เคี้ยวต่ออีก ๓-๔ แว่น ต่อมาตอนเช้าผมหายเลย ป้านิดดา : อาจารย์เคี้ยวหลังแปรงฟันหรือก่อนแปรงฟัน? โกวิน : หลังแปรงฟัน หมายถึงกลางคืน อาจารย์แปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เคี้ยว "คือเราแปรงฟันเรียบร้อยแล้วก็เคี้ยวเลย เคี้ยวแล้วก็เคลือบไว้เลย ไม่ต้องไปแปรงฟันใหม่นะ เพราะฉะนั้น แปรงฟันตอนเช้าก็จะมีเศษกล้วยอยู่บ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้น อาการอักเสบที่คอ ไอ หายไป" ป้านิดดา : เฉพาะก่อนนอนใช่มั้ย แล้วตอนเช้าเคี้ยวต่อมั้ย? โกวิน : พออาการไอมันหาย ก็ไม่ได้เคี้ยว แต่พอก่อนนอน ผมก็เตรียมไปอีก ถ้ามีอาการไอ ผมก็เคี้ยวต่อไป ทำแบบนี้ จนทุกวันนี้ติดกล้วยเลย "คำถามทางบ้าน" "มีหลายคนถามมาว่า เวลาทาน ทานทั้งเปลือกด้วยใช่มั้ยคะ?" "ใช่..ใช่ เอากล้วยทั้งลูกล้างให้สะอาด แล้วก็ฝาน พอฝานไปแล้ว ยางก็จะออกมา ส่วนกล้วย เนื้อกล้วยปกติจะมีคาร์โบไฮเดรต เป็นน้ำตาล แต่เนื่องจากเขาดิบ เป็นแป้ง เขาจึงไม่มีสภาพเป็นน้ำตาลเท่าไหร่ ฉะนั้น การที่เขาทำหน้าที่ได้สมบูรณ์เนี่ย มันเป็นความซับซ้อน ไม่ใช่ยางอย่างเดียว ผมคาดว่า น้ำเกลือก็มีผล ยางก็มีผล เนื้อที่เป็นแป้งก็มีผล" ครับ....... ผมแกะคำมาเลย ไม่อยากสรุป ก็ยังไม่จบความดี แต่เนื้อที่หมด ที่เหลือ "ป้านิดดา" ให้ความรู้ด้านสารในกล้วยดิบ จะนำมาต่อวันหลัง ลองกันดูนะครับ "กล้วยดิบ" พิชิตโควิดได้ แต่ใครก็อย่าไปบอกธนาธรเชียวนะ เดี๋ยวมัน "อมกล้วย" ไลฟ์สดอีก ยุ่งตายหะ!
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ผู้สูงอายุไม่ควรฉีดวัคซีน
    4 เหตุผลที่ไม่ควรให้ผู้สูงอายุฉีดวัคซีน ศาสตราจารย์นายแพทย์สุจริต ภักดีเป็นนักไวรัสวิทยาชาวเยอรมันและศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยา เขาเป็นคนไทยที่เกิดในสหรัฐอเมริกาและได้รับการศึกษาที่โรงเรียนในสวิตเซอร์แลนด์อียิปต์และไทย เขาเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยบอนน์ เขาเป็นอดีตหัวหน้าสถาบันจุลชีววิทยาทางการแพทย์และสุขอนามัยในเยอรมนี นายแพทย์สุจริต ภักดี อายุ 73 ปี บอกว่าจะไม่ยอมให้ฉีดวัคซีนป้องกัน Covid -19 อย่างเด็ดขาดและนี่คือ 4 เหตุผลของท่าน 1. วัคซีน เฉพาะตัวมันเองก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงอยู่แล้ว : วัคซีนป้องกัน Covid - 19 นี้ไม่เคยทดสอบกับผู้สูงอายุ เกือบทั้งหมดทดลองกับคนหนุ่มสาวที่แข็งแรง เท่านั้น ราวครึ่งนึงมีไข้ หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ มีภาวะบวมน้ำเหลือง ปวดหัว และไม่สบาย ดังนั้นถ้าฉีดวัคซีนนี้ให้กับคนสูงอายุที่มีอาการเหล่านี้อยู่ก่อนแล้ว ก็จินตนาการไม่ออกว่าหลังจากได้รับวัคซีนไปแล้วจะเป็นอย่างไร 2. วัคซีนมีส่วนประกอบหลายอย่างซึ่งสารหรือสิ่งที่ถูกห่อหุ้ม (mRNA) อาจทำให้เกิดการแพ้อย่างรุนแรง 3. วัคซีนนี้อาจทำให้เกิดปฎิกริยาเกินจริง (Overreaction) กับการติดเชื้อที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติตามมา เช่นไข้หวัดใหญ่ วัคซีนจะทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำงานเกินจริง ผลการทดลองในสัตว์ สำหรับเชื้อไวรัส ซาร์ - โควิด -1 พบว่ามันทำให้เกิดการขยาย (Amplification) ของระบบภูมิคุ้มกันเพื่อทำปฎิกริยากับโรค ส่งผลให้สัตว์ทดลองเกือบเสียชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เมื่อคุณฉีดวัคซีนเข้าไป ภายในเวลาไม่กี่นาที วัคซีน (mRNA) จะกระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว และมันจะเข้าไปยังเซลล์ที่ไม่ได้ติดเชื้อด้วย และมันจะผลิตไวรัสโปรตีนในเซลล์ของเรา ทำเซลล์ของเราให้เป็นโรงงานผลิตโปรตีน และจะทำให้เกิดอาการแพ้ภูมิตัวเอง รวมทั้งอาจส่งผลถึงภาวะเส้นเลือดอุดตัน ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ 4. วัคซีนนี้ไม่ควรใช้กับสตรีมีครรภ์ (BioNtechไบโอเอนเทค ถึงกับห้ามให้วัคซีนกับสตรมีครรภ์เลยทีเดียว) และหากสตรีได้รับการฉีดวัคซีนนี้แล้วก็ไม่ควรมีครรภ์ในระยะ 2 เดือนหลังจากได้รับวัคซีน Cr. V.Chalermchai ผู้แปล
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อย่าทานผลไม้ที่ซื้อมาภายใน 48 ชั่วโมง หรือต้องลวกด้วยน้ำร้อนก่อน เพราะเสี่ยงทำให้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ จริงหรือไม่
    ข่าวด่วน ! จากแหล่งข่าวท่ีน่าเชื่อถือในห้องแล็ปของแพทย์ในฮ่องกงวันนี้ “ในห้องทดลองของเรา ได้พบร่องรอยจำนวนไวรัสบนผิวของผลไม้และผักหลังจากลูกค้าท่ีติดเชื้อโควิด-19 จับต้องท่ีผลไม้และผักดังกล่าวเมื่อ 12 ชั่วโมงมาแล้ว แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการทานสลัด ***** อย่าทานผลไม้ท่ีซื้อมาภายในเวลา 48 ชั่วโมง หรือต้องลวกผลไม้ด้วยน้ำร้อนก่อนปลอกหรือหั่น เบอรรี่ แอปเปิล แตงกวา และมะเขือเทศแย่ท่ีสุด เพราะคนเราจะทานทั้งเปลือก นี่เป็นสิ่งท่ีอธิบายว่าไวรัสระบาดได้รวดเร็วในประเทศตะวันตกมากกว่าในเอเชีย คนเอเชียส่วนมากไม่ทานสลัด และน้อยคนมากที่จะทานเปลือกผลไม้ พวกเราต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าทุกอย่างท่ีมาจากนอกบ้านของเราภายใน 48 ชั่วโมงติดเชื้อทั้งสิ้น เป็นต้นว่า รองเท้า เสื้อผ้า ผมของเรา และอาหารทั้งหมด
    ได้ข่าวมา
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    พีชกระท่อมสามารถยับยั้งและทำลายเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ จริงหรือ
    สุดช็อค..วงการแพทย์ ใบกระท่อม ใบท่อมถีบหน้า *วัคซีนลวงโลก* หายหลัง เหตุเกิดที่ จังหวัดระนอง แม่ลูกติดโควิด แต่ผัวตรวจ 3 รอบไม่พบเชื้อ ทั้งที่กินอยู่นอน ในบ้านหลังเดียวกัน เคสนี้ไม่ใช่แค่ครอบครัวเดียวนะ มีถึง 3-4 ครอบครัวแล้วที่เจอเคสนี้ แต่ถึงยังไงวงการแพทย์ ก็ไม่ออกมายืนยันหรอก เพราะถ้าแถลงไป วัคซีนที่สั่งมา คงขายไม่ได้ ...สิ่งที่องค์การอนามัยโลกปิดบังเราไว้ : พีชกระท่อมสามารถยับยั้งและทำลายเชื้อไวรัสโค โรน่าได้ โดยผลงานการวิจัยจาก Professor Yee T Bi หัวหน้าภาควิชาไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัย Datissin ค้นพบว่าไมทราไจนในพีช กระท่อมนั้นสามารถทำลายไวรัสได้ภายใน 0.05วินาทีหลังจากรับประทาน และยังมีฤทธิ์ยับยั้งโรคต่างๆได้อีก 1975โรค - ...เอาละ ถึงแม้ว่าจะจริงหรือไม่ ลองกินดู วันละ 1-2ใบ ก็มีแต่ผลดี นะ ครับ หามาปลูกกันไว้ครับ ได้บ้านละ 3 ต้น ใช้ได้ดีแน่นอน คนไทยใช้เป็นยาตำรับมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว... ใบกระท่อมเมื่อเคี้ยวกินเข้าไปในปาก ฤทธิ์ของยาสมุนไพรใบกระท่อมจะฆ่าเชื้อโรคโควิดทันที เมื่อเราดูที่ดอกกระท่อมแล้ว เหมือนกับธรรมชาติบอกเราเป็นนัยยะว่าตัวเรานี้สามารถที่จะฆ่าเชื้อโรคโควิดได้นะ ดูที่ดอกกระท่อมรูปทรงเหมือนกับรูปลักษณ์ของเชื้อโรคโควิดจริงๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว...
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ด่วน ยืนยันแล้วเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) สามารถล่องลอยในอากาศได้นานถึง 3 ชั่วโมง
    ด่วน ยืนยันแล้วเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) สามารถล่องลอยในอากาศได้นานถึง 3 ชั่วโมง ไกลสุดถึง 8 เมตรและติดต่อกันทางลมหายใจได้ด้วยการพูดคุยกันธรรมดาๆ โดยไม่ต้องไอหรือจาม ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อทดสอบในห้องอากาศปิด (แอร์) พบว่าเชื้อนั้นสามารถฟุ้งกระจายอยู่ในห้องที่มีอากาศปิดแบบนั้น และไปอยู่ในช่องแอร์ได้ด้วย ดังนั้น ก) จงเลือกที่โล่ง ข) เลี่ยงสถานที่อากาศปิด เช่นห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านที่มีแอร์ต่างๆ 3) ต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งและหลีกเลี่ยงให้ห่างไกลจากคนที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย 4) ดูแลรักษาตัวเองอย่างเคร่งครัด พลาดคือกรรม กรรมมากกว่า คือพาเชื้อไปติดคนที่เรารักด้วย เปิดฟังให้ได้นะ ส่งต่อด้วย https://youtu.be/KKFCoxrZy9w
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือ ประเทศไทยถูกจัดให้เป็นอันดับ 1 ของโลกในการฟื้นตัวจากไวรัสโควิด 19 ได้ดีที่สุด
    The Global COVID-19 Index (GCI) จัดอันดับประเทศไทยเป็นประเทศที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ดีที่สุดของโลก
    naydoitall
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false