1 คนสงสัย
ข่าวด่วน!!!!(Moon unbearable)ทุกท่านครับอาจารย์หมอมือผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้องของ รพ ศิริราช ฝากบอก และกำชับมาว่า ให้งดการบริโภคหอยแครง เพราะมันเป็นอาหารของโปรดของเชื้อมะเร็งในร่างกายมนุษย์ ซึ่งแนะให้ไม่กินมันได้จะดีที่สุด และย้ำว่าเป็นอาหารต้องห้ามสำหรับเพศหญิงทุกวัย เพราะมันทำให้เกิดเป็นก้อนเนื้องอก(seed) แล้วสามารถพัฒนาเป็นก้อนโตๆขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
กรุณาแชร์ต่อให้บุคคลที่ท่านรู้จักด้วย จะได้บุญอย่างที่สุด เพื่อสุขภาพของคนไทยทุกคน
ไม่ระบุชื่อ
 •  3 ปีที่แล้ว
1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
0 ความเห็น

มะเร็ง

Ad.tar เลือกให้ข้อความนี้⚠️️ ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ

เหตุผล

เนื้อหานี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    (มะนาว)(มะนาว)(มะนาว)(มะนาว)(มะนาว)(มะนาว) ที่บ้าน ท่านปลูก มะนาวหรือยัง ศ.นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ อดีตคณบดีเเพทย์ศิริราช.ได้แนะวิธีทำน้ำด่างทานง่ายๆ (น้ำมะนาวแช่ใส่น้ำเย็น/โซดา ) ตัดชิ้นบางๆของมะนาว🍋ใส่ในแก้ว(มะนาว)หรือโถ แล้วดื่มมันจะกลายเป็นน้ำที่มีความเป็นด่างสูงมาก เชื้อโรคในร่างกายไม่สามารถเติบโตในสภาพที่มีความเป็นด่าง ดังนั้น การทานน้ำด่างทุกวัน จึงช่วยทำลายเชื้อโรค ดื่มน้ำด่างจะทำให้มีสุขภาพดีขึ้นมาก สถาบันทางวิทยาศาตร์อนามัย ระบุว่า นี่คือยาที่มีผลต่อมะเร็งดีเยี่ยมล่าสุดของโลก มะนาว(มะนาว)(มะนาว)เป็นผลไม้ที่มหัศจรรย์มากที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้เป็น 1หมื่นเท่ามากกว่า-เคโมเทอราฟี .. ทำไมเราไม่รู้เรื่องนี้เลย เพราะว่า ปฏิบัติการห้องแล็บส่วนใหญ่นั้นไม่ยอมพูดเรื่องนี้เพราะมันจะทำให้สูญเสียผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ไป เราท่านทั้งหลายสามารถช่วยเพื่อนท่านได้ ในการบอกให้เขาหรือเธอเหล่านั้น ว่า (มะนาว)น้ำมะนาวนั้น มีประโยชน์ยิ่งในการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ มีรสชาติที่ดี และไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการฉีดคีโมฯ คนมากมายอาจตาย ในขณะที่ความลับที่ป้องกันมะเร็งนี้ได้ถูกเก็บงำเอาไว้ เพื่อไม่ให้ต้องการทำลายผลประโยชน์ นับล้านๆ ของบริษัทยาใหญ่ๆ ทราบไหมว่า (มะนาวแป้น มะนาวทุกชนิด) ท่านจะกินมะนาวเหล่านี้ในวิธีต่างๆก็ได้ เช่น กินเปลือก กินน้ำ หรือคั้น หรือเตรียมเป็นเครื่องดื่มใดๆ ก็ตาม แต่ที่เราชอบ และมันทำได้หลายอย่าง แต่ถ้าดื่มน้ำ(มะนาว)มะนาวผสมกับโซดาจะทำให้น้ำมะนาว ดูดซึมเข้าร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ที่น่าสนใจ คือ มันขจัด ซีสต์ได้ (ก้อนเนื้อร้าย) .. ผลไม้ชนิดนี้ พิสูจน์แล้วว่า สามารถต่อต้านมะเร็งได้ อย่างดีเยี่ยม มีคนกล่าวไว้ว่า (มะนาว)มันมีผลประโยชน์ในการกำจัดมะเร็งหลายชนิด (มะนาว)ป้องกันการอักเสบของเชื้อแบตทีเรีย เชื้อราได้ (มะนาว)สามารถที่จะต่อต้านพาราไซส์ที่อยู่ข้างใน (มะนาว)ทำให้เกร็ดลือดที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไป เข้าสู่ภาวะปกติ (มะนาว)ทำให้คลายเครียด (มะนาว)ต่อต้านโรคประสาท (มะนาว)ป้องกันโรคฟุ้งซ่าน ข่าวสารเรื่องนี้มาจากบริษัทผลิตยาขนาดใหญ่มากกว่า 20 บริษัทในโลกได้ทำการทดลองเรื่องนี้ผลการทดลองเปิดเผยออกมาได้ว่า (มะนาว)มะนาวสามารถทำลาย มะเร็งเนื้อร้ายที่รุนแรงได้ถึง 12 ชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง - มะเร็งลำไส้เล็ก - มะเร็งเต้านม - มะเร็งต่อมลูกหมาก - มะเร็งปอด - มะเร็งตับอ่อน (มะนาว)ส่วนผสมของไซทัสหรือมะนาว มีความสามารถในการทำลายมะเร็งได้มากกว่ายาที่ใช้การทำคีโมทำให้การเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งหยุดอยู่กับที่(คงที่) นอกจากนี้มันยังเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจมากในการรักษาด้วยมะนาวนี้ สามารถทำลายต่อต้านมะเร็งได้อย่างรุนแรง โดยไม่มีผลข้างเคียง มาดื่มน้ำมะนาวกันเถอะ ส่งให้คนที่รักนะ แต่ถึงเกลียดก็ส่งเถอะได้บุญใหญ่หลวงนะ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    น้ำมะนาวนั้น มีประโยชน์ยิ่งในการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ จริงไหม
    มะนาว ศ.นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ อดีตคณบดีเเพทย์ศิริราช.ได้แนะวิธีทำน้ำด่างทานง่ายๆ (น้ำมะนาวแช่ใส่น้ำเย็น/โซดา ) ตัดชิ้นบางๆของมะนาว🍋ใส่ในแก้ว(มะนาว)หรือโถ แล้วดื่มมันจะกลายเป็นน้ำที่มีความเป็นด่างสูงมาก เชื้อโรคในร่างกายไม่สามารถเติบโตในสภาพที่มีความเป็นด่าง ดังนั้น การทานน้ำด่างทุกวัน จึงช่วยทำลายเชื้อโรค ดื่มน้ำด่างจะทำให้มีสุขภาพดีขึ้นมาก สถาบันทางวิทยาศาตร์อนามัย ระบุว่า นี่คือยาที่มีผลต่อมะเร็งดีเยี่ยมล่าสุดของโลก มะนาวเป็นผลไม้ที่มหัศจรรย์มากที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้เป็น 1หมื่นเท่ามากกว่า-เคโมเทอราฟี .. ทำไมเราไม่รู้เรื่องนี้เลย เพราะว่า ปฏิบัติการห้องแล็บส่วนใหญ่นั้นไม่ยอมพูดเรื่องนี้เพราะมันจะทำให้สูญเสียผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ไป เราท่านทั้งหลายสามารถช่วยเพื่อนท่านได้ ในการบอกให้เขาหรือเธอเหล่านั้น ว่า น้ำมะนาวนั้น มีประโยชน์ยิ่งในการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ มีรสชาติที่ดี และไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการฉีดคีโมฯ คนมากมายอาจตาย ในขณะที่ความลับที่ป้องกันมะเร็งนี้ได้ถูกเก็บงำเอาไว้ เพื่อไม่ให้ต้องการทำลายผลประโยชน์ นับล้านๆ ของบริษัทยาใหญ่ๆ ทราบไหมว่า (มะนาวแป้น มะนาวทุกชนิด) ท่านจะกินมะนาวเหล่านี้ในวิธีต่างๆก็ได้ เช่น กินเปลือก กินน้ำ หรือคั้น หรือเตรียมเป็นเครื่องดื่มใดๆ ก็ตาม แต่ที่เราชอบ และมันทำได้หลายอย่าง แต่ถ้าดื่มน้ำ(มะนาว)มะนาวผสมกับโซดาจะทำให้น้ำมะนาว ดูดซึมเข้าร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ที่น่าสนใจ คือ มันขจัด ซีสต์ได้ (ก้อนเนื้อร้าย) .. ผลไม้ชนิดนี้ พิสูจน์แล้วว่า สามารถต่อต้านมะเร็งได้ อย่างดีเยี่ยม มีคนกล่าวไว้ว่า (มะนาว)มันมีผลประโยชน์ในการกำจัดมะเร็งหลาย ชนิด (มะนาว)ป้องกันการอักเสบของเชื้อแบตทีเรีย เชื้อราได้ (มะนาว)สามารถที่จะต่อต้านพาราไซส์ที่อยู่ข้างใน (มะนาว)ทำให้เกร็ดลือดที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไป เข้าสู่ภาวะปกติ (มะนาว)ทำให้คลายเครียด (มะนาว)ต่อต้านโรคประสาท (มะนาว)ป้องกันโรคฟุ้งซ่าน ข่าวสารเรื่องนี้มาจากบริษัทผลิตยาขนาดใหญ่มากกว่า 20 บริษัทในโลกได้ทำการทดลองเรื่องนี้ผลการทดลองเปิดเผยออกมาได้ว่า มะนาวสามารถทำลาย มะเร็งเนื้อร้ายที่รุนแรงได้ถึง 12 ชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง - มะเร็งลำไส้เล็ก - มะเร็งเต้านม - มะเร็งต่อมลูกหมาก - มะเร็งปอด - มะเร็งตับอ่อน (มะนาว)ส่วนผสมของไซทัสหรือมะนาว มีความสามารถในการทำลายมะเร็งได้มากกว่ายาที่ใช้การทำคีโมทำให้การเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งหยุดอยู่กับที่(คงที่) นอกจากนี้มันยังเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจมากในการรักษาด้วยมะนาวนี้ สามารถทำลายต่อต้านมะเร็งได้อย่างรุนแรง โดยไม่มีผลข้างเคียง มาดื่มน้ำมะนาวกันเถอะ ส่งให้คนที่รักนะ แต่ถึงเกลียดก็ส่งเถอะได้บุญใหญ่หลวงนะ
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    แก้วิธีการรักษา อาการตื่นมาฉี่บ่อย (nocturia) ของผู้สูงอายุ
    ตื่นขึ้นมาปัสสาวะบ่อย รุ่นพี่ที่เคารพท่านหนึ่ง ได้ส่ง VDO link ที่น่าสนใจมาให้ จาก NHK on demand video ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ ส.ว. ทั้งหมด (เกิน 250) แต่คนที่ยังไม่เป็น ส.ว. รู้ไว้ก็ไม่เสียหลาย เพราะอนาคตเราก็จะได้เลื่อนขั้นขึ้นไปกันทุกคนอยู่แล้ว เรื่องที่ว่านั้นก็คือ ปัญหาของการที่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกบ่อยๆ (nocturia) เพื่อไปฉี่ ปัญหานี้ ได้มีการทำวิจัยเมื่อต้นปีนี้เอง (กุมภาพันธ์ -เมษายน) ควบคุมโดย Toromoto Kazumasa อาจารย์หมอทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะ (urologist) แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์นารา (Nara Medical University) เนื่องจากโควิดมา ผลการวิจัยนี้จึงเพิ่งจะเผยแพร่สู่สาธารณชน เมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้เอง การวิจัย ดำเนินการโดยให้ หนุ่ม Terakita เดินทางไปอยู่ที่บ้านคุณลุง Hayashi ทั้งวัน และทำกิจกรรมต่างๆเหมือนกัน โดยฉี่ให้หมดกระเพาะปัสสาวะ (bladder) ในตอนเช้า จากนั้น ให้กินอาหารเหมือนกัน ดื่มน้ำเท่ากัน ออกกำลังกายเหมือนกัน แล้วฉี่ใส่ถ้วยตวง วัดปริมาณเปรียบเทียบกันดู @07:30 เริ่มกินข้าว เป็นอาหารญี่ปุ่น มีน้ำอยู่ในอาหาร 600 mL (คำนวณโดย Yamaguchi Chikage นักโภชนาการ ของ Nara Medical University Hospital) และดื่มน้ำชา 530 mL รวม 1,130 mL ตอนสาย เจ้าหนุ่ม ฉี่ไป 4 รอบ 300+400+300+100 mL ส่วนลุงฉี่แค่ 2 รอบ 100+110 mL @12:30 มื้อกลางวัน เป็นแซนวิช มีน้ำแค่ 140 mL และดื่มน้ำเปล่าอีกคนละ 380 mL ตอนบ่าย ออกกำลังกาย ไปทำสวนด้วยกัน เข้ามาในบ้าน เล่น VDO game ด้วยกัน (ลุงแกเล่นได้ด้วยแฮะ) ตอนบ่าย เจ้าหนุ่มฉี่อีก 3 ครั้ง 350+200+150 mL คุณลุงก็ฉี่ 3 ครั้งเหมือนกัน แต่ปริมาณน้อยกว่า 40+180+70 mL จนเย็น @18:30 ได้เวลาจากกัน หลังจากอยู่ด้วยกันมาทั้งวัน ค่ำคืนนั้น ก่อนเข้านอน เจ้าหนุ่มฉี่อีก 4 ครั้ง 320+150+180+150 mL แต่ลุงฉี่แค่ครั้งเดียว 180 mL หมอใช้ ultrasound ตรวจดูน้ำในกระเพาะปัสสาวะ - เกือบไม่มีทั้งคู่ ก่อนเข้านอนตอนเที่ยงคืน ในวันนั้น น้ำ เข้าไปร่างกาย คนละ 2,730 mL เท่าๆกัน แต่ลุงมีน้ำเหลืออยู่ในร่างกายเยอะมาก ผลก็คือ เจ้าหนุ่มหลับรวด ไม่ได้ตื่นขึ้นมาฉี่ แต่ลุงต้องตื่นไปฉี่ 3 รอบ 130+420+280 mL วันต่อมาจึงรู้สึกเพลีย การที่กลางวันง่วง และต้องงีบบ่อยๆ เพราะกลางคืนตื่นบ่อย (nocturia) เพื่อไปฉี่ เนื่องจากน้ำที่ดื่มระหว่างวันยังค้างอยู่ในร่างกาย แต่น้ำนั้น ... ไม่ได้อยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ! เชื่อหรือไม่ว่า มีความลับในร่างกายของเราอย่างหนึ่ง ก็คือ คนเรามีกระเพาะปัสสาวะที่สอง (2nd bladder) !! ในเมื่อน้ำ ไม่อยู่ในกระเพาะปัสสาวะ แล้วมันไปเก็บอยู่ที่ไหน? ที่ตับ (liver) หรือเปล่า เพราะแอลกอฮอล์ก็ยังไปกำจัดที่ตับ น้ำก็น่าจะไปด้วย … ไม่ใช่ ที่ไต (kidney) ใช่ไหม เพราะเป็นด่านแรก ที่น้ำจะต้องผ่าน ก่อนไปที่กระเพาะปัสสาวะ … ไม่ใช่อีก ที่เส้นเลือด (blood vessels) กระมัง เพราะในเลือดมีน้ำ อาจเก็บน้ำเพิ่มขึ้นได้ … ก็ไม่ใช่ แม้แต่ลำไส้ (intestine) ที่น่าจะมีที่เก็บน้ำไว้ได้มากทีเดียว … ไม่ใช่เหมือนกัน เพราะคำตอบที่ถูกคือ - น่อง (calves) ครับ ! เพื่อเป็นการพิสูจน์ เจ้าหน้าที่ได้ทำการวัดรอบน่องของลุง Hayashi ตอนตื่นนอนและก่อนนอน พบว่า น่องโตขึ้นจริงๆ (ขวา 40.5 => 42.7 ซ้าย 41.5 => 45.7 cm) ทีมงาน ได้นำอุปกรณ์วัดทันสมัย ไปที่บ้านลุง Hayashi เพื่อวัดปริมาณน้ำในส่วนต่างๆของร่างกาย แล้ว plot มาเป็นกราฟ พบว่า ช่วงเช้า น้ำในลำตัวและแขน เกือบคงที่ แต่น้ำในขา จะค่อยพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ช่วงบ่าย น้ำในขาเกือบคงที่ แต่ในแขนและลำตัวค่อยๆลด ส่วนตอนค่ำ ก่อนนอน น้ำในลำตัวค่อยๆลด ในแขนคงที่ แต่ในขายังพุ่งขึ้นต่อ สุดท้ายก่อนเข้านอน น้ำในขาของลุง Hayashi มีมากกว่าตอนเช้าถึง หนึ่งลิตรครึ่ง ! ทั้งนี้เพราะ ขาทั้งสองข้าง เป็นเหมือนแท็งค์น้ำ โดยน้ำจะแทรกอยู่ระหว่างกระดูกและผิวหนัง เรียกว่า “interstitium” เมื่อไม่มีน้ำ จะแฟบ พอมีน้ำก็จะพองหนาขึ้น น่อง จึงเหมือนถังน้ำ เก็บไว้ฉี่ทิ้งภายหลัง และนั่นเป็นสาเหตุที่ต้องตื่นขึ้นมาฉี่บ่อย คุณหมอ Sone Atsushi Director, Miyazu Takeda Hospital ยืนยันว่า มีคนไข้เป็นอย่างนี้หลายคน มีคำอธิบาย เขียนเป็นไดอะแกรมง่ายๆ เป็นวงจรของเส้นเลือดแดงจากหัวใจลงมาที่น่อง แล้วก็กลับขึ้นหัวใจทางเส้นเลือดดำ ส่วนกระเพาะปัสสาวะอยู่ตรงกลางระหว่างหัวใจกับน่อง การเต้นของหัวใจ กับการเคลื่อนไหวของน่อง จะเหมือนกับปั๊มสองตัวช่วยกันสูบฉีดน้ำในร่างกาย ถ้าน้ำมากไปก็จะไปปล่อยทิ้งที่กระเพาะปัสสาวะ เมื่ออายุยังน้อย ปั๊มที่น่องก็ยังแข็งแรงดีอยู่ ยิ่งเป็นเด็ก วิ่งกระโดดโลดเต้น น่องจึงแข็งแรง (เพราะฉะนั้น ถึงจะวิ่งไม่ไหว ก็ขยันเดินกันหน่อยนะครับ) แต่เมื่ออายุมากขึ้น น่องไม่ค่อยได้ทำงาน น้ำจึงมาบวมอยู่ที่ขา ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก พอล้มตัวลงนอนตอนดึก น้ำส่วนเกินนี้จึงค่อยๆกลับมาที่กระเพาะปัสสาวะ จนทำให้ต้องลุกไปฉี่บ่อยๆ ดังนั้น ในปีนี้ ทางการแพทย์ที่ญี่ปุ่น จึงมีการปรับแก้วิธีการรักษา อาการตื่นมาฉี่บ่อย (nocturia) ซึ่งไม่มีการแก้ไขมาเลยในรอบสิบปี คุณลุง Ando เป็นคนหนึ่งที่ได้รับการรักษาวิธีหนึ่งในแผนใหม่นี้ สี่ปีมาแล้วที่เขาต้องตื่นมาฉี่ 4~5 ครั้ง ทุกคืน แถมลำบากที่ต้องปีนบันไดขึ้นลง เพราะห้องน้ำอยู่คนละชั้นกับห้องนอน พลาดพลั้งเกิดตกบันไดขึ้นมาก็ยุ่งอีก ชีวิตช่างน่าหดหู่เสียจริงๆ การฉี่บ่อย (nocturia) นำไปสู่ ความรู้สึกหดหู่ และกระดูกหัก !? พูดให้เว่อร์ไปหน่อย ... ความรู้สึกหดหู่ หรือ depression ก็เพราะอดนอน และกระดูกหัก ไม่ใช่เพราะฉี่บ่อยตรงๆ แต่เป็นสาเหตุเกี่ยวเนื่อง โดยเกิดจากการงัวเงียเมื่อตื่นขึ้นมา อาจจะทำให้หกล้ม หรือ ตกบันได แต่กระดูกหักในกลุ่มผู้สูงอายุนี่เรื่องใหญ่นะ วันหนึ่ง ลุง Ando ได้รับ “กล่อง” เพื่อการรักษา หนึ่งเดือนผ่านไป คุณลุงนอนรวดเดียวยันเช้า ไม่ต้องลุกไปฉี่เลย คุณลุง Ando ได้พบ “ทางรอด” แล้ว ที่สามารถจะใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง “ทางรอด” ในกล่องเล็กๆ ที่ทำให้ชีวิตของลุง Ando เปลี่ยนไปเลยนั้น คืออะไร ? คุณ Toshida Masaki Assit. Director, ศูนย์ศึกษาผู้สูงอายุ (แห่ง National Center for Geriatric & Gerontology) มาเฉลยว่า ภายในกล่องนั้น คือ ... “ถุงเท้ารัดน่อง” (compression stockings) ครับ ถ้าสวมมันไว้ตอนกลางวัน จะช่วยทำให้ขาไม่บวม และไม่เก็บน้ำไว้ ทำให้ฉี่ตอนกลางวันมากขึ้น ไม่เก็บไว้ไปฉี่ตอนดึกอีก นอกจากนั้น ยังมีคำแนะนำง่ายๆอีกอย่าง เป็นวิธีการบำบัดข้อที่สอง ที่คุณหมอได้แนะนำให้ลุง Hayashi ที่เข้าร่วมการทดลองในตอนแรก ลองกลับไปทำดู คือการนอนยกขาให้สูงขึ้นหน่อย ประมาณครึ่งฟุต สักครึ่งชั่วโมงในตอนบ่าย แต่อย่างีบหลับไปนะ เดี๋ยวกลางคืนจะนอนไม่หลับอีก คุณลุง Hayashi ได้ลองทำดูประมาณหนึ่งเดือน โดยเริ่มทำตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ด้วยการนอนยกขาพาด อ่านหนังสือ หนึ่งเดือนผ่านไป จากการต้องลุกไปฉี่ 3 หนในตอนก่อน ก็เหลือเพียง 1.5 ครั้งโดยเฉลี่ย การรักษานี้เป็นการบำบัดโดยเปลี่ยนอุปนิสัย (behavior therapy) ดีกว่าการใช้ยา เพราะว่าไม่มีผลข้างเคียง (side effect) คำแนะนำเพื่อการบำบัดดังกล่าว มี 3 วิธี คือ :- • สวมถุงน่องแบบรัด • ยกขา • งดกินเค็ม การงดกินเค็มที่แถมมาด้วยนั้น เพราะ การกินเค็ม นอกจากจะทำให้ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นแล้ว ยังทำให้ร่างกายเก็บน้ำไว้ด้วย ของแถมอีกอย่างที่บางคนอาจจะเมิน คือ หมอเขาแนะนำให้เลิกการ “กรุ๊บๆ กรั๊บๆ” ในตอนเย็น เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แถมกับแกล้มกินเล่นซึ่งมักจะมีเกลือเยอะ จะช่วยกันเรียกความกระหายให้ร่างกายดื่มน้ำมากขึ้น สังเกตได้ว่าถ้ากินเลี้ยงตอนเย็น คืนนั้นก็จะฉี่มากขึ้น คำถามว่า สวมถุงรัดน่องด้วย พร้อมกับนอนยกขาด้วย ได้ไหม - Dr. Yoshida บอกว่า ไม่มีปัญหา แต่สวมถุงรัดน่องไปกินเลี้ยงตอนเย็นนี่คงไม่ช่วยเท่าไหร่นะ งานนี้ สงสัยจะมีคนขอเลี่ยงบาลีไปดื่มตอนเที่ยงแทน คำแนะนำแนวทางทั้งสามนั้น คงจะเป็นประโยชน์กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ส่วนเรื่องถุงรัดน่องนั้น ถ้าไปหาตามร้านขายยา ก็จะมีถึงสามชนิดให้เลือก คือ สูงแค่เข่า ซึ่งสวมง่ายหน่อย ยาวขึ้นมาหน่อยคือสวมทั้งขา และที่ยาวสุดคือ สวมขึ้นมาถึงเอว ชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามสะดวกครับ รวมทั้ง น่าจะมีขนาดให้เลือกด้วย และสามารถสวมใส่ได้ทั้งวัน อย่างไรก็ตาม คุณหมอมีคำเตือนสำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจหรือเบาหวานว่า ให้ปรึกษาหมอหน่อยก็ดีนะ เรื่องที่จะหาอะไรมารัดน่องนี่น่ะ ที่ง่ายคือการนอน (อย่าหลับ) ยกขาขึ้นมาพาดอะไรที่สูงหน่อยในตอนบ่ายนั้น ก็ต้องบริหารเรื่องเวลาเหมือนกัน ไม่เร็วไป (เพิ่งผ่านเวลาเช้ามาหยกๆ) หรือช้าไป (จะเข้านอนอยู่แล้ว) เพราะจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรทั้งคู่ เวลาแดดร่มลมตก นึกถึงเปลญวนขึ้นมาทีเดียว เพราะเป็นเปลที่ขาถูกยกขึ้นมา ไม่ได้นอนราบๆ แต่ไม่มีเปลญวนก็ไม่เป็นไร หาอะไรหนุนขาเอาก็ได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้ ผมเลยได้ไอเดีย ที่ทำให้ชีวิตสบายขึ้นเยอะ เพราะว่า ... แทนที่จะนั่งเขียนบทความ บ่ายวันนี้ ผมนอนยกขาเขียนครับ !! ... @_@ ... วัชระ นูมหันต์ 20 ธันวา 63
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    น้ำตาล” เป็นพิษอย่างเลวร้ายสําหรับมนุษย์ ..และมันถูกกฎหมาย
    🐥#“น้ำตาล” เป็นพิษอย่างเลวร้ายสําหรับมนุษย์ ..และมันถูกกฎหมาย..!!🍎 น้ำตาลไม่เคยถูกแบน เพราะมันเป็นธุรกิจที่ร่วมมือกับอุตสาหกรรม น้ำตาล คือ ความหิวโหยของเซลล์มะเร็ง ▫️แนวคิดใหม่ของการรักษา คือ..การงดเว้นน้ำตาล เข้าสู่ร่างกาย ทำให้เซลล์มะเร็งฝ่อ และ ค่อยๆ ตาย..!! น้ำตาลเป็นอาหารของเซลล์มะเร็งทั้งหลาย 📚 ดร. Raymond Francis เขียนหนังสือที่น่าทึ่ง จำนวนสามเล่ม: (1) 🌿 ไม่เคยป่วย (2) 🌿 อย่ากลัวมะเร็ง (3) 🌿 อย่าอ้วนอีก ▫️ดร.เรย์มอนด์ เขียนหนังสือเหล่านี้ หลังจากมีประสบการณ์กับมะเร็ง ที่แพทย์หมดหวังกับเขาเมื่อตอนอายุ 45 ปี วันนี้เขาอายุ 75 แล้ว และ.. ไม่เคยเจ็บป่วยเลยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ยกเว้นเป็นหวัดเพียงครั้งเดียว ▫️กุญแจสําคัญที่ Dr. Raymond พูดในหนังสือสามเล่มของเขาคือ : #“อยู่ห่างจากน้ำตาลตลอดไป” นอกจากการออกกําลังกายที่ดีแล้ว เราต้องควบคุมอาหารที่ร่างกายต้องการ ▫️หมอบอกว่า: 🌿น้ำตาลเป็นสาเหตุของ ไข้หวัด ทั้งปวง 🌿การกินน้ำตาลหนึ่งช้อน จะลดภูมิคุ้มกันของร่างกายลง 50% 🌿การดื่มโคคาโคล่าหนึ่งกระป๋อง ลดภูมิคุ้มกันลง 10% เป็นเวลา 10 ชั่วโมง 🌿น้ำตาลทําให้เกิดโรค อัลไซเมอร์ 🌿นำ้ตาลเป็นอาหารของ เซลล์มะเร็ง 🌿น้ำตาลเป็นสาเหตุของ โรคหัวใจทั้งหมด 🌿น้ำตาลเป็นสาเหตุของ ความอ้วน บวมฉุ 🌿น้ำตาลเป็นสาเหตุของ การกักเก็บไขมัน 🌿ทุกโรคที่เกิดกับมนุษย์ มีน้ำตาลเป็นพระเอก ▫️หมอบอกว่า: พ่อแม่ ไม่ยอมให้ลูก สูบบุหรี่ หรือ ดื่มสุรา แต่ซื้อขนมหวานที่อันตรายกว่ามาให้บริโภค 🔸ข้อมูลที่เป็นประโยชน์: 🌿โยเกิร์ต เป็นแหล่งแคลเซียมสูงสุด เนื่องจากมีแคลเซียม 450 มก. ต่อแก้ว ดังนั้น จงกินโยเกิร์ตเป็นอาหารทุกวัน❤ 🌿มิ้นท์ สะระแหน่ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและบำรุงหัวใจ ให้ทานเป็นประจํา ช่วยผ่อนคลายแก๊ส ทําให้ตับแข็งแรง แก้ไอ บำรุงประสาท และลดความโกรธ ช่วยอาการนอนไม่หลับและขับปัสสาวะ และช่วยย่อยอาหารได้ดี 🌿น้ำอัดลม เป็นสาเหตุ โรคกระดูกพรุน หัวใจและไต โรคอ้วน เบาหวาน ฟันผุ 🌿เครื่องดื่มชูกําลังเป็นอันตรายต่อเด็ก ทําให้หัวใจเต้นเร็ว ตะคริว ลิ่มเลือดอุดตัน 🌿ชาเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถปกป้องคุณจากมะเร็งได้ 🌿แซลมอน แอปเปิ้ล องุ่น เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ผักโขม เป็นอาหารที่ช่วยเซลล์ประสาท และเสริมสร้างความจํา 🌿ความผิดพลาดที่พบบ่อย คือการบอกว่า ดื่มน้ำระหว่างอาหารทําให้ย่อยอาหารยาก จริงๆ แล้วน้ำ ไม่ทําให้ท้องอืด แต่ ช่วยในการย่อยอาหารด้วย 🌿คุณควรดื่มน้ําสักแก้วเมื่อตื่นนอน เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำตอนหลับ และช่วยชะล้างสารพิษในร่างกาย 🌿เดินวันละ 20 นาที 3 วันต่อสัปดาห์ ปกป้องคุณจาก โรคหัวใจ เบาหวาน โรคซึมเศร้า ความดัน คอเลสเตอรอล 🌿กระเทียม ช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็ง เพราะมันสามารถเสริมระบบภูมิคุ้มกัน 🌿ขิงทานร้อนๆ ตอนบ่าย ช่วยผลาญไขมัน และขับสารพิษออกจากร่างกาย Cr: Florentin Patriotaseven
    Mrs.Doubt
     •  10 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    งาดำ อันตรายที่มาแบบเงียบๆ ดังคุณเภสัชกรเล่า อาม่า ท่านนี้ อายุ 85 ปี เราเคยเจอสามเดือนหน อาม่าชอบมาหาเภสัชที่ศูนย์ 34 เพื่อพูดคุย ทักทาย เราเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของใบหน้า อาม่า ทำไม อาม่ามีรอยสีดำ ๆ บนใบหน้าเต็มไปหมด แปลกจัง อาม่า ก็บอกว่า ช่วงนี้ เป็นอะไรไม่รู้ที่หน้ามีรอยๆ เต็มไปหมด เราคิดว่า น่าจะเกิดจากความแก่ชรา แต่ก็สงสัย เพราะลักษณะรอยของสีดำ มันเป็นกระจุก และมีลักษณะที่เหมือน การสะสมอะไรบางอย่าง... เราเริ่มถามอาม่า..ว่าช่วงนี้มีกินยาอะไรรึเปล่า...อาม่า ตอบไม่ได้กินยาอะไรเลย แล้วช่วงนี้ มีนอนหลับดีมั้ย อาม่าตอบ นอนหลับดีนะ แต่ท้องอืดบ่อยมาก แน่นท้องบ่อย ต้องมาขอยาเภสัช ยาขับลมน้ำแดงๆ ไปกินจึงค่อยดีขึ้น แต่ก็แน่นท้องมากๆ เราเลยแนะนำอาม่า... อาม่ากินน้อยๆนะ กินพอเป็นคำๆ แบ่งหลายๆมื้อ อาหารควรเป็นอาหารเหลว ที่มีน้ำเยอะ ๆ และปั่นละเอียด ๆ ช่วยกระเพาะและลำไส้ดูดซึมนะ อาม่า..ขอบคุณมาก เราสงสัยต่อ ถ่ายอุจจาระเป็นไงบ้าง ช่วงนี้ อาม่า...ถ่ายสีดำ.เทาๆ เภสัช..แปลกอ่ะ ทำไมถ่ายสีดำๆเทาๆ กินอะไรดำๆรึเปล่า เช่น คาร์บอน ยาถ่าน..สีดำแก้ท้องเสีย อาม่าตอบว่า...ไม่ได้กินนะ เภสัชถามต่อ...อาม่า กินอะไรแปลกไป หรือ กินอะไรเสริมๆ ที่ไม่เหมือนพวกเรามั้ย ลองคิดสิ มื้อเช้า กินอะไร...ถามอาม่า อาม่า...ก็กินข้าวนะ เภสัช...กินข้าวสวย หรือ ข้าวต้ม อาม่า...กินข้าวต้ม แต่สองเดือนนี้ ลูกเค้าเอา งาดำ มาเป็นถุงใหญ่ๆมาโรยในข้าวต้มเป็นกำมือเลย เค้าบอกว่าทางทีวีบอกว่า เป็นยาอายุวัฒนะ กินทุกมื้อดีมากๆ ....พออาม่าบอกว่า กินงาดำผสมในข้าวต้มเป็นกำมือ...เราถึงบางอ้อเลย...อนิจจา ลูกจะฆ่าแม่แล้ว... เวรกรรมแท้ๆของคนไทย ไม่มีใครรู้เลยหรือว่า งาดำ ห้ามเอามากินเป็นอาหารหลัก และกินทุกวันในสัดส่วนที่มาก เกิดโทษมหันต์ มิน่าล่ะ...กระจ่างทุกอย่างเลย เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว.. ถึงสวรรค์เลย..เรา เพื่อนๆ เข้าใจมั้ยคะ ว่าโทษของงาดำ มีมานานแล้ว สมัยโบราณ สุภาษิตสอนหญิงไทย ทุกคน ต้องได้เรียน นั่นคือ...กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ เพราะอะไร...เพราะงาดำมีน้ำมันมาก มีสารชนิดหนึ่งที่คั่วแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก และเหม็นหืนมาก มีอะไรในงาดำคะ ...ใครเรียนเภสัช ตอบสิ ปัญหาของอาม่า พบทางออกแล้วค่ะ ด้วยเภสัชกรสาวสวยคนนี้ คือ..งาดำ มี คอปเปอร์สูงมาก คอปเปอร์ คือ โลหะทองแดง ทองแดงมีการจับกับอะไรๆได้แน่นไปหมด จับได้ดีกว่าเหล็กอีก ดังนั้น ใครกินงาดำมาก ๆ ร่างกายจะสะสมทองแดงมหาศาล เพราะ ทองแดงเป็นสารที่เสถียรสูงมาก รองจากทองเท่านั้น ดังนั้น จึงนิยมใช้เป็นตัวนำไฟฟ้า คืออย่างนี้ค่ะ เม็ดเลือดแดงเรามีธาตุเหล็ก แต่ถ้ามีทองแดงเข้ามา ร่างกายก็เลือกทองแดงค่ะ เพราะราคาสูงกว่าเหล็ก 555 ประมาณนั้น คราวนี้ กินนิดๆหน่อยๆ ก็ไม่เป็นไร เป็นยาบำรุงเลือด แต่เมื่อไรกินงาดำทุกวัน ทุกมื้อ ถึงตายค่ะ เพราะงาดำมีไฟเบอร์สูงมากไป ย่อยยาก จึงทำให้อาม่า แน่นท้องตลอดเวลา ต้องกินยาขับลม ในคนแก่ กระเพาะก็ไม่มีน้ำย่อยแล้ว หายไป 80% ดังนั้น ร่างกายไม่ย่อยงาดำ งาดำสะสมในร่างกาย มีทองแดงมาก มีความเป็นพิษสูง เกิดอะไรขึ้น สะสมที่ใบหน้าค่ะ เพราะใบหน้า รอยเลือดจะเห็นง่าย เห็นชัด และผิวบาง และ งาดำ มีน้ำมัน วิตามินอีสูง ก็แทรกซึมเข้าชั้นไขมันในผิวหนัง ใบหน้าจึงมีรอยดำ ตามด้วย การแน่นท้อง ถ่ายดำ และที่สำคัญ ดวงตาอาม่า มีรอยรอบๆกระจกตา เป็นวงเขียวๆของทองแดง ทองแดง จะมีสีเขียวๆ เห็นชัดมาก อาม่า เริ่มตามัว มีน้ำตา จึงขอน้ำตาเทียม เราถึงบางอ้อเลย...จึงแนะนำเอาม่า ให้หยุดกินงาดำ แล้วกินน้ำมากๆ บอกลูกให้หยุดเชื่อ โฆษณา อวดอ้างสรรพคุณของงาดำ เราเจอเคส ที่เด็กอนุบาล เสียชีวิตเพราะคุณแม่ป้อนลูกด้วยข้าวผสมงาดำทุกมื้อ มาแล้ว และเราเคยอ่านเจอพิษงาดำ ที่ญี่ปุ่น เราถึงไม่ชอบ งาดำ วันนี้ จึงได้มาช่วยอาม่า และฝากบอกต่อค่ะ ขอบคุณค่ะ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  7 เดือนที่แล้ว
    meter: false