ปัจจุบันเราจะเห็นผลิตภัณฑ์อาหารชงดื่มเป็นจำนวนมาก ที่ระบุข้างกล่องว่าน้ำตาล 0% แต่พอดื่มแล้วกลับมีรสชาติหวานอร่อย นั่นเพราะได้ใช้สารแทนความหวานแทนน้ำการระบุน้ำตาลเพื่อเป็นการเลี่ยงและโฆษณาเพื่อดึงดูดกลุ่มคนอยากลดน้ำหนักให้มาทานผลิตภัณฑ์
แน่นอนว่าอะไรก็แล้วแต่ ที่เป็นสิ่งที่สังเคราะห์ขึ้นมา ไม่ได้เป็นผลผลิตมาจากธรรมชาติ ย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์อย่างเราลังเลใจอยู่ไม่น้อย หากจะนำมันเข้าสู่ภายในร่างกาย วันนี้เรามาทำความรู้จักกับสารชนิดหนึ่งที่ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่เป็นนักรักษาสุขภาพ มักนำมาเป็นเครื่องปรุงรสชาติในอาหารและเครื่องดื่มแทนน้ำตาล เพราะเข้าใจว่าน่าจะมีประโยชน์และให้โทษน้อยกว่าน้ำตาลทั่วไปที่เราบริโภคกันเป็นประจำ วันนี้เรามาทำความรู้จักสารให้ความหวานแทนน้ำตาลให้มากขึ้นกันหน่อยดีกว่า
อย่างไรก็ตาม น้ำตาลเทียมหรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาลเหล่านี้ ก็ได้แฝงอันตรายเอาไว้อยู่เหมือนกัน ถ้าทานหรือนำเข้าร่างกายไปในปริมาณที่เกินกว่าความเหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายคือ สารเคมีตกค้างในร่างกาย ก่อให้เกิดการก่อตัวของโรคมะเร็ง และยังมีรายงานที่พบในตอนหลังว่า มีผู้ทำการทดลองและพบว่า การทานสารให้ความหวานทำให้ร่างกายไม่ได้รับพลังงาน นำพาไปสู่การหวนกลับไปกินอาหารชนิดอื่นที่ให้พลังงานมากกว่าเดิม อีกทั้งยังพบว่า แอสปาแตมที่ไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย จึงทำให้มันไปกองรวมกันอยู่ในลำไส้ใหญ่ และมีแบคทีเรียที่สามารถย่อยแอสปาแตมได้ ซึ่งจะผลิตก๊าซออกมาด้วย จึงทำให้มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อและถ่ายได้มากกว่าปกติ และอันตรายมากที่สุดก็คือ กรดแอสปาร์ติก ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งในน้ำตาลเทียม ก็สามารถผ่านเข้าสู่เซลล์สมองได้ และเมื่อมีปริมาณแคลเซียมในสมองมาก ๆ ก็ทำให้สมองได้รับอันตรายได้
แน่นอนว่าอะไรก็แล้วแต่ ที่เป็นสิ่งที่สังเคราะห์ขึ้นมา ไม่ได้เป็นผลผลิตมาจากธรรมชาติ ย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์อย่างเราลังเลใจอยู่ไม่น้อย หากจะนำมันเข้าสู่ภายในร่างกาย วันนี้เรามาทำความรู้จักกับสารชนิดหนึ่งที่ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่เป็นนักรักษาสุขภาพ มักนำมาเป็นเครื่องปรุงรสชาติในอาหารและเครื่องดื่มแทนน้ำตาล เพราะเข้าใจว่าน่าจะมีประโยชน์และให้โทษน้อยกว่าน้ำตาลทั่วไปที่เราบริโภคกันเป็นประจำ วันนี้เรามาทำความรู้จักสารให้ความหวานแทนน้ำตาลให้มากขึ้นกันหน่อยดีกว่า
อย่างไรก็ตาม น้ำตาลเทียมหรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาลเหล่านี้ ก็ได้แฝงอันตรายเอาไว้อยู่เหมือนกัน ถ้าทานหรือนำเข้าร่างกายไปในปริมาณที่เกินกว่าความเหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายคือ สารเคมีตกค้างในร่างกาย ก่อให้เกิดการก่อตัวของโรคมะเร็ง และยังมีรายงานที่พบในตอนหลังว่า มีผู้ทำการทดลองและพบว่า การทานสารให้ความหวานทำให้ร่างกายไม่ได้รับพลังงาน นำพาไปสู่การหวนกลับไปกินอาหารชนิดอื่นที่ให้พลังงานมากกว่าเดิม อีกทั้งยังพบว่า แอสปาแตมที่ไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย จึงทำให้มันไปกองรวมกันอยู่ในลำไส้ใหญ่ และมีแบคทีเรียที่สามารถย่อยแอสปาแตมได้ ซึ่งจะผลิตก๊าซออกมาด้วย จึงทำให้มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อและถ่ายได้มากกว่าปกติ และอันตรายมากที่สุดก็คือ กรดแอสปาร์ติก ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งในน้ำตาลเทียม ก็สามารถผ่านเข้าสู่เซลล์สมองได้ และเมื่อมีปริมาณแคลเซียมในสมองมาก ๆ ก็ทำให้สมองได้รับอันตรายได้
You’re Temporarily Blocked
https://www.facebook.com/100063797235672/posts/pfbid02wa5wLCepMCqfmg5eYNvu1CM5R1RLCEuBHQrUR456h6t2mE7xo8WAwbvcrkcLcCTVl/It looks like you were misusing this feature by going too fast. You’ve been temporarily blocked from using it.If you think that this doesn't go against our Community Standards, let us know.