1 คนสงสัย
มัจฉะดื่มทุกวันเป็นอันตรายจริงหรือ?
มัจฉะดื่มทุกวันเป็นอันตรายจริงหรือ?
สุชัย เจริญมุขยนันท
 •  7 วันที่แล้ว
0 ความเห็น

สุขภาพ

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    คนปลูกเห็ดไม่กินเห็ด คนขายเห็ดไม่กินเห็ด เห็ดมีอันตรายจริงหรือ
    คนชอบกินเห็ดต้องอ่านให้จบ คนปลูกเห็ดไม่กินเห็ด ? คนขายเห็ดไม่กินเห็ด ? เห็ดนานาชนิด ที่เรารู้จักและคนก็ชอบกิน เพราะรสชาติที่อร่อยกินง่าย และเรารู้แต่ประโยชน์ที่มีอยู่ในเห็ดมากมาย แต่เราไม่เคยรู้ถึง....ผลเสียของเห็ด หมายเหตุ เห็ดที่พูดถึงนั้นไม่ได้หมายถึง ทุกโรงเพาะเห็ดหรือเห็ดทั้งหมด แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เห็ดชนิดใดที่ปลอดภัย จึงอยากให้ทุกคนโปรดใคร่ครวญพิจารณา ยังไม่มีนักวิชาการคนใด พูดถึงผลเสียของเห็ด เราจะรู้กันแต่ประโยชน์ของเห็ด โดยเฉพาะถ้าเรากินเห็ด 3 ชนิดจะช่วยป้องกันมะเร็งและมีผลดีต่อสุขภาพ แต่เราไม่เคยรู้ที่มาที่ไป จากผลเสียที่ติดมากับเห็ดเลย จนมาวันนี้ ได้คุยกับคนขายเห็ดโดยเฉพาะเห็ดนางฟ้า วันนี้เรื่องราวที่จะมาเล่า. คำพูดคือความจริงทุกคำ ถ้าผู้อ่านช่วยส่งต่อเอาบุญ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ขอให้ทุกคนที่ชอบกินเห็ด ได้ป้องกันที่ตัวเรา ว่าเราควรจะกินเห็ดต่อไปหรือจะเลิกกินเห็ด จะได้ป้องกันตนเองจากโรคร้ายที่จะตามมาจากรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง จากการได้คุยเปิดใจ กับคนขายเห็ดหรือคนเพาะเห็ดขาย คุณมนัสมีอาชีพขายเห็ด ขายส่งต่อกับพ่อค้าแม่ค้าต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทำมาจนเข้าปีที่ 20 สิ่งหนึ่งที่รู้ในใจคือ จะไม่ให้ลูกและครอบครัวตัวเองกินเห็ดที่ขายเลย จนกระทั่งผลที่สุด....ร่างกายตัวเองทรุด หมดเรี่ยวหมดแรง ทั้งที่ไม่มีโรคประจำตัว เป็นมาแบบนี้มาเป็นเดือน ๆ จนไปให้หมอตรวจร่างกาย หมอบอกว่ามีเชื้อมะเร็งในกระแสเลือด แต่หาจุดที่เป็นไม่เจอ แต่ฟังจากหมอพูดว่า มะเร็งถ้าเป็นระยะที่ 1 หรือที่ 2 คงไม่พบ นี่อาจจะเป็นระยะ 3 หรือ 4 แต่หมอก็ยังเช็คไม่ได้ว่าเป็นตรงไหน คุณมนัสก็กลับบ้านมาด้วยใจหดหู่หมดกำลังใจ แต่มีลูกที่น่ารักถึง 7 คน มีภรรยาที่น่ารัก แม่พ่อและญาติที่รักอีกหลายชีวิต ที่จะทำให้ต้องสู้กับโรคร้าย จนกระทั่งคุณมนัสได้เปิดใจ เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนเลยคือ สาเหตุที่ทำให้เป็นมะเร็ง คือน่าจะมาจากสาเหตุ จากการสูดดมสารในตัวเห็ดที่ตัวเองต้องทำขายทุกวันนั้นเอง เราถามว่าทำไมถึงทำให้คิดอย่างนั้น คุณมนัสเลยเล่าให้ฟังว่า การปลูกเห็ดนางฟ้าหรือเห็ดเข็ม จะต้องใช้ยาฆ่าหนอนหรือยาฆ่าแมลง และต้องใช้เป็นจำนวนมากทุกรอบ ที่ต้องการผลผลิตที่มากและดี ต้องไม่ให้มีหนอนและแมลง แล้วคุณมนัสไม้รู้หรือถึงได้เอามาขาย คุณมนัสตอบรู้ครับ เลยไม่ให้คนในครอบครัวกินเลย รวมทั้งเพื่อนพ้องที่ตัวเองรักก็ไม่แนะนำให้กิน เพื่อนบางคนถามผมว่า ทำไมไม่เอาเห็ดมาฝากบ้าง ทั้งที่มีอาชีพขายส่งเห็ด ในใจผมรู้แต่ไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าไง แต่ไม่เคยเอาเห็ดนางฟ้าไปฝากใครเลย จนมาวันนี้เหมือนกับว่า สิ่งที่เจอจะเป็นเวรกรรมที่เราไม่ได้ตั้งใจหรือไม่ ที่มาทำให้เป็นมะแร็ง ทั้งที่ไม่ได้กินเห็ดนางฟ้า ครอบครัวก็ไม่เคยกินเห็ดนางฟ้าหรือเห็ดเลย แต่ส่งขายให้คนกินทั้งประเทศ เวรกรรมจะมาย้อนที่หรือไม่ จึงถามไปว่าทำไมถึงคิดอย่างนั้น คุณมนัสเล่าต่อว่า ก่อนที่จะเป็นแบบนี้ เขาได้เห็นเจ้าของโรงเพาะเห็ด ที่ส่งเห็ดมาให้เป็นประจำ เป็นมะแร็งเต้านมและตัดเต้านมไปแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะหายหรือไม่ และลูกน้องที่ทำงานกับโรงเพาะเห็ด ก็มีอาการเจ็บป่วยไปทีละคนสองคนอย่างต่อเนื่อง และทุกคนที่ทำงานโรงเพาะเห็ด แต่ละคนมีสุขภาพไม่ดีกันเกือบทุกคน คุณมนัสไม่ได้เพาะเห็ดเอง แต่ผมเป็นผู้รับมาจำหน่ายต่อ ซึ่งล่าสุดก็มาพบเชื้อมะเร็งในกระแสเลือด จากนั้นจึงตั้งคำถามไปว่า เพราะอะไรที่ทำให้ทุกคนที่ทำงานตรงจุดนี้ จึงมีร่างกายไม่แข็งแรง คุณมนัสเลยเล่าให้ฟังว่า การเพาะเห็ดต้องใช้ยาสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหนอนอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะเจ้าของโรงงานเพาะเห็ดและลูกน้อง ต้องสูดดมสารเคมีเหล่านั้น ถึงแม้คนปลูกเห็ดจะไม่กินเห็ด คนขายเห็ดไม่กินเห็ด แต่การสูดดมสารพิษพวกนี้ทุก ๆ วัน. มันก็สะสมในร่างกาย พอสะสมมาก ๆ ทุกวัน ๆ เลยมาแสดงอาการตอนมันเต็มที่แล้ว เมื่อขายเห็ดให้คนกินทั้งประเทศ แล้วผลเสียที่มีต่อคนอื่นต่อประชาชนคนที่ไม่รู้ เราก็จะเป็นบาปโดยที่ไม่รู้ตัวไหม เลยย้อนถามคุณมนัสว่า คุณมนัสเชื่อเรื่องเวรกรรมไหม โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวร คุณมนัสตอบมาวันนี้เข้าใจและเชื่อเรื่องเวรเรื่องกรรม หลังจากเจอด้วยตัวเอง และคุณมนัสฝากบอกมาว่า ให้ประชาชนทุกคนจงรู้ว่า เห็ดถึงมีประโยชน์มาก แต่ก็มีโทษที่แอบแฝงมามากเช่นกัน เพราะถ้าคนที่เพาะเห็ดขายเพื่อหาผลกำไรมาก หรือต้องการกำไรมาก ก็จะใช้ยาฉีดที่เป็นอันตรายมากต่อสุขภาพ โดยเฉพาะคนที่ชอบกินเห็ด เริ่มแรกอาจมีผลข้างเคียง แต่นานไปถ้าสะสมมาก ๆ ก็จะเป็นเหมือนเจ้าของโรงเพาะเห็ดและคุณมนัสผู้ขายส่งต่อ หรือคนใกล้ชิดที่ทำอาชีพนี้ ซึ่งแต่ละคนก็มีสุขภาพที่ย่ำแย่กันทุกคน เรื่องราวที่เล่าให้ฟังนี้ ขอให้ประชาชนผู้บริโภค ได้เตรียมพร้อมและรู้ทัน ว่าควรกินเห็ดต่อหรือควรหลีกเลี่ยงการกินเห็ด เนื่องจาก คนปลูกเห็ดไม่กินเห็ด คนขายเห็ดไม่กินเห็ด เพราะแบบนี้นี่เองหรือ โปรดส่งต่อเป็นวิทยาทาน
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    กินยาคลายกล้ามเนื้อบ่อย อันตรายจริงหรือไม่
    กินยาคลายกล้ามเนื้อบ่อย อันตรายจริงหรือไม่
    Fapathan’s
     •  10 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อันตรายจากการใช้กระชายมากเกินไป จริงหรือไม่
    (loud volume) มีคำเตือนจาก นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หลังจากเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนปีที่ผ่านมา มีผู้แชร์ข้อมูลประสบปัญหาการใช้สมุนไพร โดยระบุว่า ดื่มน้ำกระชาย 10 วัน ร่างกายทรุดไร้เรี่ยวแรง “ผมนำทั้งหมด (กระชาย น้ำผึ้ง น้ำมะนาว) มาปั่นเป็นน้ำสำหรับดื่ม โดยดื่มเช้าและเย็น ดื่ม 2 จอกทุกวันเป็นเวลา 10 วัน ผมเริ่มป่วย แขนขาอ่อนแรง พูดเริ่มไม่ชัด เกือบจะเป็นปากเบี้ยว เดินก้าวเท้าไม่ได้ โดยซีกขวาผิดปกติคล้ายอัมพฤกษ์ ในที่สุดต้องไปพบแพทย์ ต้องนอนโรงพยาบาล 6 วัน ตรวจสแกนสมอง สแกนทุกอย่าง ผลเอกซเรย์พบว่า เลือดหนืดไปเลี้ยงก้านสมองไม่ทัน ประเด็นสำคัญคือ กระชายไม่ควรกินเยอะทุกวัน และในผู้สูงอายุยิ่งต้องระวังจะทำให้เลือดหนืด และเสี่ยงป่วย ขณะนี้อาการฟื้นตัวดีขึ้น 80-90% แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ดีเต็ม 100% ยังเดินไม่สมบูรณ์” นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า สมุนไพรอย่างกระชาย หากรับประทานเป็นอาหารสามารถรับประทานได้ เพราะการประกอบอาหารไม่ได้ใช้จำนวนมาก แต่การรับประทานตามหลักก็ไม่ได้แนะนำให้บริโภคทุกวัน แม้แต่เป็นอาหารตามหลักโภชนาการก็ไม่แนะนำให้บริโภคอะไรประจำทุกวัน แต่ต้องบริโภคหลากหลาย หากรับประทานด้วยจุดประสงค์ทางยา หรือการบำรุงร่างกาย ต้องอยู่ภายใต้แพทย์และแพทย์แผนไท ยแนะนำ ยิ่งผู้สูงอายุยิ่งต้องระวัง
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เหล้าปั่นสูตรใหม่ ยาแผนโบราณผสมน้ำอัดลม ดื่มแล้วเสี่ยงอันตราย จริงหรือ
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เตือนการแพร่ระบาดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดใหม่ ซึ่งได้นำยาแผนโบราณที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ ผสมกับน้ำอัดลม ขายตามร้านน้ำปั่น รถเข็นน้ำปั่นทั่วไป รู้หรือไม่เสี่ยงอาจเกิดอันตรายได้ ทั้งนี้ ยาแผนโบราณที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ ที่นำมาใช้เป็นส่วนผสมกับน้ำอัดลม จัดอยู่ในประเภท “ยาสมุนไพรโบราณ” โดยยี่ห้อที่ได้นำมาผสมกับน้ำอัดลมมีแอลกอฮอล์ถึง 4% และบางชนิดมีถึง 16% ซึ่งอาจทำให้ก่อให้เกิดการมึนเมาได้ และถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จริงหรือ
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อย.เตือน เอายาทาเล็บมาทาเคลือบฟันให้ขาว อันตรายจริงหรือ
    มีการแชร์กันในโลกออนไลน์ว่า อยากฟันขาวเอายาทาเล็บมาทาเคลือบฟันให้ขาว อันตรายจริงหรือ
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ปากกาฟอกฟันขาวอันตรายจริงหรือไม่ ?
    “ปากกาฟอกฟันขาว” อันตรายจริงหรือไม่ ? ปากกาฟอกฟันขาวที่กำลังเป็นที่นิยมบนโลกออนไลน์ อุปกรณ์ช่วยเสริมความมันใจให้กับรอยยิ้ม ที่ราคาจับต้องได้ แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่มีอันตรายที่ซ่อนอยู่ จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า กรมอนามัยได้ให้ข้อมูลว่าอุปกรณ์ฟอกฟันขาว ที่ขายกันตามอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะมีสาร "ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์" สูงกว่า6 % และอาจจะสูงถึง15 % ซึ่งปกติ ถ้าสูงกว่า 6% ต้องได้รับความควบคุม โดย อย. เพราะสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซต์ ซึ่งมีฤทธิ์ในการฟอกสีให้ขาวขึ้นนั้น ถ้ามีความเข้มข้นสูงมาก จะเป็นอันตราย กัดกร่อนเนื้อฟัน ทำให้เนื้อฟันเสียหาย และเสียวฟันมากขึ้นได้ ถาดที่ใช้ครอบฟัน ในการฟอกสีฟัน ก็ควรทำเป็นรายบุคคลโดยทันตแพทย์ จึงจะพอดีกับฟันของแต่ละคน เพราะถ้าไม่พอดี สารฟอกฟันจะไปโดนเหงือก อาจทำให้เหงือกบวม อักเสบได้ การฟอกสีฟัน สิ่งแรกที่ควรทำคือการมาพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยสาเหตุของสีฟันเพื่อวางแผนการรักษา ตรวจสุขภาพฟันให้แน่ชัดว่าไม่มีฟันผุ อาการเสียวฟัน เนื่องจากภาวะเหงือกร่น หลังจากนั้นจะขูดหินปูน หรือขัดคราบสีออก แล้วจึงพิมพ์ปากคนไข้เพื่อสร้างแบบจำลองฟัน นำมาทำถาดฟอกสีฟันโดยทำการบันทึกสีของฟันก่อน จากนั้นจึงทำการรักษาต่อไป (แหล่งข้อมูล : https://www.thaihealth.or.th และ https://cofact.org) ทพ.พิชัย งามวิริยะพงศ์ ทันตแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้ข้อมูลว่า สารที่ใช้ในการฟอกสีฟันมีส่วนประกอบหลัก คือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือ คาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ แส่วนมากจะใช้ความเข้มข้นอยู่ที่ประมาณ 25-40% แล้วนำน้ำยาทาบนฟันทิ้งไว้ ทำ 3 รอบ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยมีการใส่อุปกรณ์ที่ทำมาเพื่อป้องกันเหงื่อให้คนไข้ โดยจะได้รับการพิมพ์ฟันทั้งฟันบนและฟันล่าง เป็นถาดสำหรับแต้มน้ำยาฟอกสีฟันเฉพาะบุคคลนั้น ๆ เพราะแต่ละบุคคลจะมีลักษณะฟันที่ไม่เหมือนกัน เป็นการป้องกันไม่ให้ตัวน้ำยาไหลไปโดนเหงือกได้ และหลังทำเสร็จควรจะงดอาหารประเภทที่มีการติดสีมาก ๆ เช่น เครื่องดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ และงดการสูบบุหรี่ บางครั้งสามารถเกิดอาการเสียวฟันได้ชั่วคราวประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารเย็นจัดไปก่อน ทั้งนี้ ทพ.พิชัย ให้ข้อแนะนำว่า ทันตแพทย์ไม่แนะนำการซื้อปากกาฟอกฟันขาวที่ให้ไปทำด้วยตนเอง การฟอกฟันขาวหรือการรักษาฟันจากอาการต่าง ๆ ควรปรึกษาก่อนทุกครั้ง เพื่อที่จะได้ตรวจและเลือกแนวทางการรรักษา หากซื้อผลิตภัณฑ์ทำเองอาจเกิดผลที่เป็นอันตรายได้ และถ้าหากตัดสินใจการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต้องได้รับการควบคุมโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และดูว่าผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ไม่สูงกว่า 6% ตามที่ อย. กำหนด และควรมีคาร์บอกซี่โพลิเมทิลีน เป็นสารหนืดที่ทำไม่ไห้น้ำยาเหลวจนเกิน เพื่อให้น้ำยาเกาะติดบนผิวฟันได้ เพราะถ้าน้ำยาไหลไปโดยเหงือกอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือไปทำให้เกิดเคมีคอลเบิร์นต่อเหงือกจะเกิดปัญหาตามมาได้ คนที่ไม่สามารถฟอกฟันขาวได้ 1.หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร 2.คนที่อายุต่ำกว่า 16 ปี เพราะชั้นเคลือบยังไม่ได้แข็งแรงมากพอ 3.ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพฟัน ควรได้รับการรักษาให้เรียบร้อยเสียก่อน เช่น ฟันผุแบบไม่รู้ตัว ฟันเป็นรู ฟันสึกจากการแปรงฟันแรงเป็นช่องเว้าเข้าไปแถวเหงือก ฟันร้าว มีรอยร้าวที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หรือเดิมคนไข้เสียวฟันอยู่แล้วแค่กินน้ำเย็นกับไอศกรีมก็เสียวฟัน แล้วยังพยายามจะไปฟอกสีฟันก็จะเกิดปัญหาแทรกซ้อนตามมาได้ 4.คนที่มีการอุดฟัน อาจจะต้องมาตรวจกับทันตแพทย์ก่อนว่าวัสดุต่าง ๆ มันอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือเปล่า เพราะบางคนแบบอาจจะอุดตั้งแต่เด็กแล้วมีรูหรือมีช่อง น้ำยาเคมีเกิดมันเล็ดลอดแทรกเข้าไป ทำให้เกิดโพรงประสาทฟันอักเสบได้ 5.ไม่เคยรักษาโรคเหงือก เลือดออกตามไรฟัน หินปูนเกาะเต็มฟันหน้าทั้งบนทั้งล่าง ต้องรักษาโรคเหงือกให้เรียบร้อยเสียก่อน ดังนั้น การฟอกสีฟันควรทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การจะซื้อปากกาฟอกฟันขาวมาใช้เองอาจจะไม่ได้เห็นผลเท่าที่ควร หรือเกิดอันตรายต่อตัวผู้บริโภคได้ และควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนรักษาฟันทุกครั้ง
    ธนกฤต ราชัย
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ใช้น้ำมันทอดซ้ำ เสี่ยงอันตรายจริงหรือ?
    ปัจจุบันคนส่วนมาก หรือพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ชอบใช้น้ำมันทอดซ้ำเพราะมีความเสียดาย ใช้น้ำมันทอดซ้ำเพราะช่วยประหยัดต้นทุนการซื้อน้ำมันไปได้เยอะ แต่หารู้ไม่ว่าน้ำมันที่ใช้ทอดซ้ำสามารถใช้ได้หรือไม่ได้ และจะเกิดผลอะไรตามมารึป่าว ดังนั้นการใช้น้ำมันทอดซ้ำ เสี่ยงอันตรายจริงหรือ?
    pepsiteeraphat
     •  9 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เผยค่าความดันใหม่จากสหรัฐ และ เรื่องการกินข้าวร้อนๆเป็นอันตราย จริงหรือ
    มีการแชร์ข้อมูลในโลกออนไลน์ โปรดแบ่งปันข้อมูลใหม่นี้กับเพื่อนและครอบครัวของคุณ A.S.A.P. ประกาศโดย Dr.Mingxiong Guo (Jing Qi) 🇺🇸สหรัฐอเมริกาได้กำหนดอย่างเป็นทางการว่าความดันโลหิตมาตรฐานคือ 150/90 สำหรับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปและสำหรับผู้สูงอายุปกติที่อายุมากกว่า 80, 160 หรือ 170 ก็เป็นที่ยอมรับเช่นกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราทุกคนได้รับผลกระทบจาก "มาตรฐานเดิม" (ไม่เกิน 120) ที่มุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ทางธุรกิจทางการแพทย์ในอดีตซึ่งก่อให้เกิดภาระทางจิตใจของความดันโลหิตสูงที่ไม่จำเป็นต่อผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 หรือ 70 ปี! จากนี้เราต้องแก้ไขความคิดผิด ๆ ที่สอนโดยแพทย์ โปรดดูรายงานต่อไปนี้ 〖โปรดดูที่การแบ่งปันความดันโลหิต〗: ล้มล้างความเข้าใจเรื่องความดันโลหิตปกติ! ความดันโลหิตปกติสำหรับวัยต่างๆควรเป็นอย่างไร? ความดันโลหิตซิสโตลิกปกติ = ความดันโลหิตซิสโตลิกที่คำนวณได้ของ Wu = (อายุ 82 ปีขึ้นไป) ตัวอย่าง: อายุ 75 ปี = 82 + 75 = 157 【สรุปแล้ว】 ความดันโลหิตซิสโตลิกปกติ: ชาย = 82 + อายุ, หญิง = 80 + อายุ, ตัวบ่งชี้สุขภาพ (ปกติ): วัดความดันโลหิตซิสโตลิก = ความดันโลหิตซิสโตลิกปกติ Guo Mingxiong (Zong Qi) 102 คณบดีโรงพยาบาลที่สามของวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งบอกว่าผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีไม่สามารถมีความดันโลหิตสูงต่ำกว่า 130 ได้มิฉะนั้นจะมีแนวโน้มที่จะเกิดความดันเลือดต่ำและเป็นลมได้ ความดันโลหิตสูงระหว่าง 150 ถึง 130 ปลอดภัยกว่า จะดีกว่าที่จะสูงกว่า , อย่าต่ำ. น้ำตาลในเลือดก็เช่นเดียวกัน มาตรฐานควรจะผ่อนคลายเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารของผู้ป่วยเบาหวานที่มีอายุมากกว่า 60 ปีควรควบคุมให้อยู่ที่ประมาณ 6.5 ผู้ที่อายุมากกว่า 70 ปีควรควบคุมให้อยู่ที่ประมาณ 7.5 และส่วนใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 80 ปีไม่ควรเกิน 8.0 เป็นครั้งคราวประมาณ 8.5 อันตรายของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำยิ่งน่ากลัว 😱ขอให้ทุกครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง! มีสาร "ต้านมะเร็งลำไส้" ในข้าว! กินข้าวมั้ย? กินตอนร้อนๆ? ปล่อยให้เย็นดีกว่าไหม ฉันเคยทำข้าวและฉันมักจะกลัวความหนาวเย็นดังนั้นฉันจึงขอให้ครอบครัวของฉันกินในขณะที่อากาศร้อน ไม่ถูกต้อง! มีสารชนิดหนึ่งในข้าวที่สามารถต้านมะเร็งลำไส้ได้เรียกว่าแป้งดื้อยา ข้าวสุกจะผลิตแป้งที่ต้านทานได้มากขึ้นเมื่อถูกทำให้เย็นลง ดังนั้นหลังจากข้าวสุกแล้วให้เปิดฝาและใช้ช้อนคนข้าวเพื่อให้ข้าวกระจายความร้อน เมื่อข้าวถึงอุณหภูมิปานกลางให้กินอีกครั้งและแป้งที่ทนต่อจะถูกผลิตขึ้น ข้าวชนิดนี้เนื่องจากมีแป้งที่ดื้อยามากกว่าจึงไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนแป้งดื้อยาเป็นน้ำตาลซึ่งดีต่อการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ง่ายขึ้น ยังป้องกันมะเร็งลำไส้ได้ดีมาก * รีบเปลี่ยนแนวคิดการกินแบบเดิม ๆ ! เริ่มตั้งแต่วันนี้เรามาเปลี่ยนนิสัยการกินแบบเดิม ๆ ในขณะที่ร้อนกันเถอะ! นี่นึกว่ากินซูชิก็ดีเหมือนกัน ไม่น่าแปลกใจที่ชาวญี่ปุ่นมีอายุยืนยาว พวกเขาไม่เพียง แต่กินปลาทะเลจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังกินข้าวทางวิทยาศาสตร์ด้วย เป็นข้าวปั้นซูชิและเค้กเย็น ปล. หลังจากอ่านแล้วโปรดอย่าขี้เหนียวและส่งต่อให้เพื่อนโดยเร็วที่สุด
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    มีข่าว พาราควอตตกค้างในน้ำปู อันตราย จริงหรือ
    น้ำปู เป็นอาหารพื้นบ้านประจำท้องถิ่นในภาคเหนือ ที่ใช้ปูนา มาตำให้ละเอียดแล้วนำไปต้มกับน้ำเกลือ เคี่ยวไปเรื่อยๆจนแห้งลักษณะคล้ายๆน้ำพริกตาแดง นิยมทานกับหน่อไม้ต้ม หรือใส่ในแกงหน่อหรือใส่ในตำส้มโอ ด้วยน้ำปูมีรสเค็มจัดปกติแล้วจะใส่ประมาณไม่เกิน 1-2 ช้อนโต๊ะ ต่อแกง 1 หม้อเท่านั้น ข่าวประจำวันที่ 25 กันยายน 2563 คงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าข่าวมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แถลงว่า พบการตกค้างของสารกำจัดวัชพืชพาราควอตในน้ำปู 8 ตัวอย่างจากทั้งหมด 24 ตัวอย่าง โดยค่าเฉลี่ยที่พบคือ 0.04 275 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม การบริโภคน้ำปูเป็นอันตราย จริงหรือ
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ไก่แต่ละตัวได้รับอะนาโบลิกสเตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะ และฮอร์โมนการเจริญเติบโต 3 โด๊สทุกวันเป็นเวลา 30 วัน ก่อให้เป็นมะเร็ง จริงหรือไม่
    ไก่แต่ละตัวได้รับอะนาโบลิกสเตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะ และฮอร์โมนการเจริญเติบโต 3 โด๊สทุกวันเป็นเวลา 30 วัน และผลที่ได้ก็ทำให้พวกเขาอ้วนเท่านั้น หลังจากนั้นไก่เหล่านี้จะต้องขายภายใน 30 ถึง 40 วัน หากไม่ทำเช่นนี้ ไก่เหล่านี้จะถูกทิ้งระเบิดตายด้วยส่วนผสมที่เป็นพิษที่กล่าวถึงข้างต้น เมื่อกินไก่เหล่านี้ ผลที่ตามมาสำหรับผู้บริโภคไม่เพียงแต่น่าตกใจ แต่ยังเป็นหายนะอีกด้วย เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ ครอบครัว และคนงานไม่เคยกินไก่เหล่านี้เพราะพวกเขาตระหนักดีถึงเรื่องนี้ พูดง่ายๆ คือ ไก่เหล่านี้เป็นเซลล์มะเร็ง ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยาทุกคนตระหนักถึงสถานการณ์นี้ คุณรู้หรือไม่? หนึ่งในสี่ของคนเป็นมะเร็ง โปรดตรวจสอบกับแพทย์ของคุณ! ! โปรดดูวิดีโอด้านบนโดยไม่ลบ นี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก คาดว่าจะแพร่กระจายไปยังกลุ่มอื่นๆ ของคุณ
    Abd Zaaq
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false