1 คนสงสัย
การนอนหลับเป็นยาเสริมความงาม
ไม่ระบุชื่อ
 •  2 ปีที่แล้ว
meter: middle
2 ความเห็น

ความสวยความงาม

ณัฏฐวรีย์ ไชยวัตร เลือกให้ข้อความนี้◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน

เหตุผล

เวลานอนหลับพักผ่อน ร่างกายมีการซ่อมแซม ฟื้นฟู สร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลล์เก่าในร่างกาย ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าการนอนหลับพักผ่อน เป็นการชา

ที่มา

https://www.bangkokpattayahospital.com/t⋯rticles-th/item/878-beauty-sleep-th.html
Thanathun. เลือกให้ข้อความนี้◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน

เหตุผล

งานวิจัยในปีค.ศ. 2017 ที่พบว่า การนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลลบต่อการรับรู้ของสิ่งที่น่าดึงดูดใจ และส่งผลต่อสุขภาพและความง่วงนอน รวมถึงความน่าเชื

ที่มา

https://hellokhunmor.com/หลับดี-สุขภาพดี⋯ดลับในการนอนหลับ/นอนหลับ-ความสวยความงาม/

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือ อย.เตือนว่า ไม่ควรซื้อกรดทีซีเอมาใช้เองเพื่อหวังหน้าขาวใส เพราะกรดเข้มข้นสูงเสี่ยงหน้าพังได้
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการจำหน่ายกรดทีซีเอ (Trichloroacetic Acid : TCA) ทางสื่อเฟซบุ๊กชื่อ Ac-beauty และเว็บไซต์ https://www.facebook.com/Acbeauty/ จากการตรวจสอบพบภาพผลิตภัณฑ์ยากรดทีซีเอที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย. และข้อความโฆษณาขายยาแสดงสรรพคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น ลอกฝ้า กระ จุดด่างดำ แต้มไฝ หลุมสิว เป็นต้น กระกวนใจ จึงขอเตือนไปยังวัยรุ่นที่รักความงามต้องการมีผิวขาวใสเรียบเนียน อย่าหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้โดยเด็ดขาด เพราะกรดทีซีเอเป็นยาที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคผิวหนัง และต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
    naydoitall
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ข่าวปลอม อย่าแชร์! ผลิตภัณฑ์ Rich Skin สามารถกำจัดริ้วรอย และตำหนิบนใบหน้าได้ ทำให้ดูอ่อนกว่าวัยได้ 20 – 30 ปี โดยไม่ต้องทำศัลยกรรม
    ตามที่มีการโฆษณาด้านความสวยและความงามเกี่ยวกับเรื่องผลิตภัณฑ์ Rich Skin สามารถกำจัดริ้วรอย และตำหนิบนใบหน้าได้ ทำให้ดูอ่อนกว่าวัยได้ 20 – 30 ปี โดยไม่ต้องทำศัลยกรรม ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
    std47741
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้ตรวจราชการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)ในฐานะโฆษกพศ. เปิดเผยว่า ที่ประชุมมหาเถรสมาคม( มส.) เมื่อเร็วๆ นี้ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า จากการเจริญพระพุทธมนต์ บทรัตนสูตร เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ประชาชน และความเป็นสิริมงคลต่อประเทศ เมื่อ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีการนำบทคาถาไล่โควิด มาเป็นบทเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อให้การใช้ศัพท์ โรคโควิด ในบทเจริญพระพุทธมนต์ถูกต้องตามหลักภาษาบาลี และเป็นประวัติศาสตร์ของไทย
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือไม่? ปคบ.ขู่ฮึ่ม "กาละแมร์" เจอหมายจับแน่ หากไม่มาให้ปากคำตามกำหนด
    กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. เปิดเผยว่าหลัง ปคบ. ได้ออกหมายเรียก นายยิ่งยง ยอดบัวงาม นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง และบริษัทผู้ผลิตถั่งเช่า
    Phastrapon Plodprong
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    แพทย์ผิวหนังเตือนภัยอันตรายจากการใช้ครีมหน้าขาว จริงหรือคะ
    แพทย์ผิวหนังเตือนภัยอันตรายจากการใช้ครีมหน้าขาว โดยมีการโฆษณาเกินจริง และมีช่องทางการซื้อขายที่หลากหลาย เช่น สถานเสริมความงาม ทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา และไม่ผ่านการรับรอง ทำให้เกิดอันตรายทั้งแบบเรื้อรังและเฉียบพลันได้ อาการข้างเคียงจากการใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องสำอางในกลุ่มที่ทำให้มีผิวขาว จะมีอาการคัน มีผื่นผิวหนังอักเสบ ระคายเคืองจากการแพ้ สังเกตได้จากบริเวณผิวหนังที่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องสำอางนั้น ๆ มีลักษณะ บวม แดง ร้อน เมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน ๆ อาจจะทำให้สีของผิวหนังเข้มขึ้น สีเล็บผิดปกติ และเปราะบางได้ บางกรณีเกิดรอยขาวคล้ายกับด่างขาวได้ จริงหรือคะ
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ปากกาฟอกฟันขาวอันตรายจริงหรือไม่ ?
    “ปากกาฟอกฟันขาว” อันตรายจริงหรือไม่ ? ปากกาฟอกฟันขาวที่กำลังเป็นที่นิยมบนโลกออนไลน์ อุปกรณ์ช่วยเสริมความมันใจให้กับรอยยิ้ม ที่ราคาจับต้องได้ แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่มีอันตรายที่ซ่อนอยู่ จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า กรมอนามัยได้ให้ข้อมูลว่าอุปกรณ์ฟอกฟันขาว ที่ขายกันตามอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะมีสาร "ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์" สูงกว่า6 % และอาจจะสูงถึง15 % ซึ่งปกติ ถ้าสูงกว่า 6% ต้องได้รับความควบคุม โดย อย. เพราะสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซต์ ซึ่งมีฤทธิ์ในการฟอกสีให้ขาวขึ้นนั้น ถ้ามีความเข้มข้นสูงมาก จะเป็นอันตราย กัดกร่อนเนื้อฟัน ทำให้เนื้อฟันเสียหาย และเสียวฟันมากขึ้นได้ ถาดที่ใช้ครอบฟัน ในการฟอกสีฟัน ก็ควรทำเป็นรายบุคคลโดยทันตแพทย์ จึงจะพอดีกับฟันของแต่ละคน เพราะถ้าไม่พอดี สารฟอกฟันจะไปโดนเหงือก อาจทำให้เหงือกบวม อักเสบได้ การฟอกสีฟัน สิ่งแรกที่ควรทำคือการมาพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยสาเหตุของสีฟันเพื่อวางแผนการรักษา ตรวจสุขภาพฟันให้แน่ชัดว่าไม่มีฟันผุ อาการเสียวฟัน เนื่องจากภาวะเหงือกร่น หลังจากนั้นจะขูดหินปูน หรือขัดคราบสีออก แล้วจึงพิมพ์ปากคนไข้เพื่อสร้างแบบจำลองฟัน นำมาทำถาดฟอกสีฟันโดยทำการบันทึกสีของฟันก่อน จากนั้นจึงทำการรักษาต่อไป (แหล่งข้อมูล : https://www.thaihealth.or.th และ https://cofact.org) ทพ.พิชัย งามวิริยะพงศ์ ทันตแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้ข้อมูลว่า สารที่ใช้ในการฟอกสีฟันมีส่วนประกอบหลัก คือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือ คาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ แส่วนมากจะใช้ความเข้มข้นอยู่ที่ประมาณ 25-40% แล้วนำน้ำยาทาบนฟันทิ้งไว้ ทำ 3 รอบ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยมีการใส่อุปกรณ์ที่ทำมาเพื่อป้องกันเหงื่อให้คนไข้ โดยจะได้รับการพิมพ์ฟันทั้งฟันบนและฟันล่าง เป็นถาดสำหรับแต้มน้ำยาฟอกสีฟันเฉพาะบุคคลนั้น ๆ เพราะแต่ละบุคคลจะมีลักษณะฟันที่ไม่เหมือนกัน เป็นการป้องกันไม่ให้ตัวน้ำยาไหลไปโดนเหงือกได้ และหลังทำเสร็จควรจะงดอาหารประเภทที่มีการติดสีมาก ๆ เช่น เครื่องดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ และงดการสูบบุหรี่ บางครั้งสามารถเกิดอาการเสียวฟันได้ชั่วคราวประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารเย็นจัดไปก่อน ทั้งนี้ ทพ.พิชัย ให้ข้อแนะนำว่า ทันตแพทย์ไม่แนะนำการซื้อปากกาฟอกฟันขาวที่ให้ไปทำด้วยตนเอง การฟอกฟันขาวหรือการรักษาฟันจากอาการต่าง ๆ ควรปรึกษาก่อนทุกครั้ง เพื่อที่จะได้ตรวจและเลือกแนวทางการรรักษา หากซื้อผลิตภัณฑ์ทำเองอาจเกิดผลที่เป็นอันตรายได้ และถ้าหากตัดสินใจการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต้องได้รับการควบคุมโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และดูว่าผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ไม่สูงกว่า 6% ตามที่ อย. กำหนด และควรมีคาร์บอกซี่โพลิเมทิลีน เป็นสารหนืดที่ทำไม่ไห้น้ำยาเหลวจนเกิน เพื่อให้น้ำยาเกาะติดบนผิวฟันได้ เพราะถ้าน้ำยาไหลไปโดยเหงือกอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือไปทำให้เกิดเคมีคอลเบิร์นต่อเหงือกจะเกิดปัญหาตามมาได้ คนที่ไม่สามารถฟอกฟันขาวได้ 1.หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร 2.คนที่อายุต่ำกว่า 16 ปี เพราะชั้นเคลือบยังไม่ได้แข็งแรงมากพอ 3.ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพฟัน ควรได้รับการรักษาให้เรียบร้อยเสียก่อน เช่น ฟันผุแบบไม่รู้ตัว ฟันเป็นรู ฟันสึกจากการแปรงฟันแรงเป็นช่องเว้าเข้าไปแถวเหงือก ฟันร้าว มีรอยร้าวที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หรือเดิมคนไข้เสียวฟันอยู่แล้วแค่กินน้ำเย็นกับไอศกรีมก็เสียวฟัน แล้วยังพยายามจะไปฟอกสีฟันก็จะเกิดปัญหาแทรกซ้อนตามมาได้ 4.คนที่มีการอุดฟัน อาจจะต้องมาตรวจกับทันตแพทย์ก่อนว่าวัสดุต่าง ๆ มันอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือเปล่า เพราะบางคนแบบอาจจะอุดตั้งแต่เด็กแล้วมีรูหรือมีช่อง น้ำยาเคมีเกิดมันเล็ดลอดแทรกเข้าไป ทำให้เกิดโพรงประสาทฟันอักเสบได้ 5.ไม่เคยรักษาโรคเหงือก เลือดออกตามไรฟัน หินปูนเกาะเต็มฟันหน้าทั้งบนทั้งล่าง ต้องรักษาโรคเหงือกให้เรียบร้อยเสียก่อน ดังนั้น การฟอกสีฟันควรทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การจะซื้อปากกาฟอกฟันขาวมาใช้เองอาจจะไม่ได้เห็นผลเท่าที่ควร หรือเกิดอันตรายต่อตัวผู้บริโภคได้ และควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนรักษาฟันทุกครั้ง
    ธนกฤต ราชัย
     •  1 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    กระทรวงวัฒนธรรมสั่งห้ามเอาท่ารำไทยใส่ในเกม จริงหรือ
    กระทรวงวัฒนธรรมสั่งห้ามเอาท่ารำไทยใส่ในเกมผี Home Sweet Home เกรงว่าคนจะกลัวการรำไทย คิด ภูวพัฒน์ ชนะสกล ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมมาธิการ E-Sport ได้ทวิตข้อความว่า "เพิ่งรู้จากที่ประชุมอนุฯ เกม Home Sweet Home ตอนแรกจะเอาท่ารำไทยต่างๆ ใส่เข้าไปในเกม แต่กระทรวงวัฒนธรรม ห้ามใช้ เพราะอาจจะทำให้คนกลัวการรำไทย (เกมมันเป็นเกมผีๆ) และเหตุผลอื่นๆ ทางผู้ผลิตเลยต้องคิดท่ารำใหม่เองหมดเลย" จึงมีการปรับแก้ผีนางรำใหม่ให้สวยงามและลดความน่ากลัวลง มันจึงไม่ออกมาน่ากลัวอย่างโปสเตอร์ที่เห็น เพื่อให้เมื่อคนเห็นผีนางรำเขาจะยังคงสง่างามและสวยงามอยู่
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    : หยุดเป็นเหยื่อ ธุรกิจการเมือง ต้องอ่าน ! # นักการเมือง ไม่ได้มองประชาชน ด้วยความรัก ความ เป็นห่วง แต่มองเป็น แค่ 'เหยื่อ' เนื้อแท้การเมืองไทย เป็นแค่ธุรกิจ ลงทุนเพื่อ เข้ามาถอนทุน ใครเงิน หนาจ่ายหนักหรือหลอก ให้ประชาชนลงคะแนน เสียงให้ได้มากกว่า ก็ ได้ถอนทุน ใครแพ้ ก็ขาดทุน ในการเลือกตั้ง แต่ละครั้ง นักการเมือง ต่างๆจึงยอมทุ่มเงินจำ นวนมาก มีการซื้อตัว สส.จากพรรคอื่นมา เข้าพรรค มีการจ่าย เงินซื้อเสียงเพื่อหวังให้ ตัวเองได้เป็นรัฐบาล ผู้สมัคร สส.ของ พรรคการเมืองในแต่ละ จังหวัด ไม่ได้คัดเลือก จากคุณงามความดี แต่ ดูที่ว่าใครที่มีอิทธิพล มี ฐานเสียง หวังแค่ให้ พรรคชนะเลือกตี้ง รัฐ สภาไทยจึงมีแต่พวกผู้ มีอิทธิพล เจ้าพ่อ มาเฟีย คนทำธุรกิจสีเทา ฯลฯ นโยบายหาเสียง เน้นขายฝัน จะทำได้ จริงหรือไม่ ไม่ใช่สาระ สำคัญ และส่วนใหญ่ จะมาแนวประชานิยม เพราะนักการเมืองเขา รู้นิสัยคนไทยดีว่าชอบ ของแจก แด.ของฟรี แต่เมื่อมีอำนาจแล้ว เสียงของประชาชน ก็ ไร้ความหมาย ดูเรื่องพลังงานเป็น ตัวอย่างได้แหกปากร้อง อย่างไร ก็ไม่มีรัฐบาล ไหนฟัง เพราะแก็ส น้ำ มัน ไฟฟ้าคนจำเป็นต้อง ใช้ มันถอนทุนได้เต็ม ปากเต็มคำ แต่ปัญหาคือ ประชาชนส่วนใหญ่ ตามเกมนนักการเมือง ไม่ทัน จึงหลงทางไป แบ่งฝ่ายเชียร์และเชียร์ กันแบบไม่ลืมหูลืมตา ใช้แต่ความเชื่อความ ศรัทธา จนต้องมานั่ง ทะเลาะกันเอง และเมื่อ ปชช.อ่อนแอ มันจึงง่าย สำหรับการกอบโกย ถอนทุนคืน การเมืองไทย จึง ปลักอยู่กับการโกงกิน ไม่หลุดพ้นไปไหน ส่ง ผลให้ชาติบ้านเมืองไม่ ไม่พัฒนา แถมมีแต่ ถอยหลังลงเหว พวกคนชั่วร้ายจึง ชอบเข้ามาเล่นการเมือง เพราะโกงแล้วรวย มี ปชช.ปกป้องแก้ตัวให้ มี ปชช.ใช้หนี้โกงแทน เมืองไทยจึงได้แค่นี้ เรื่องความเจริญรุ่งเรือง อย่าได้ไปหวัง มารอลุ้น กันว่า จะล้มลงเมื่อไหร่ ดีกว่า เพราะเมื่อฝูง ปลวก กัดแทะบ้านทุก วันๆแล้ว สุดท้ายแล้ว มันจะไปเหลือซากอะไร ยังไงๆ วันหนึ่งมันก็ต้อง ล้มครืนลงมา มีเหตุก็ ย่อมมีผล ลำพังวันนี้ก็เสื่อม พังไปหมดทั้งชาติแล้ว เศรษฐกิจพัง สังคมพัง ความมั่นคงของชาติใน ทุกๆด้านพัง นิติรัฐพัง กระบวนการยุติธรรม พัง ตำรวจเป็นยิ่งกว่า โจร ข้าราชการโจร นักการเมืองโคตรโจร ปชช.เสื่อม คนครึ่งค่อน ประเทศแยกแยะผิด ชอบไม่ได้ แยกแยะคน ดีคนชั่วไม่เป็น ไม่รู้ดีรู้ ชั่ว ขนาดวงการสงฆ์ ยังเสื่อม ไม่เหลือ ตราบใดถ้า ปชช. ส่วนใหญ่ไม่รู่จักปรับ ปรุงพัฒนาตัวเอง ยัง เอาแต่แบ่งฝ่ายฟัดกัน เอง ไม่หันหน้ากลับมา รักสามัคคีกัน แล้วช่วย กันหาทางปฏิรูปการ เมือง เพื่อเปลี่ยนจาก การเมืองธุรกิจ ให้เป็น การเมืองเพื่อชาติและ ประชาชนอย่างแท้จริง ก็นับถอยหลังได้เลย /. (ผิดหวัง)
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    การเมืองเล่นงาน เรื่องของกัญชา ที่ พ.ร.บ. ต้องถูกถอดออกจากที่ประชุมสภา แบบหักปากกาเซียนนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องของการเมือง ที่พรรคการเมือง จะต้องมองถึงศึกเลือกตั้งที่กำลังใกล้เข้ามาทุกวินาที เป็นศึกที่จะยอมกันไม่ได้แน่นอน จำได้ไหม ตอนนำร่าง พ.ร.บ.กัญชาเข้าสภา ในขั้นตอนยกร่าง ปรากฏว่าทุกพรรคยกมือเห็นดี เห็นงาม วันนั้น ยังมองว่าเป็นโอกาสของประเทศไทย ทั้งในเรื่องของการแพทย์และเศรษฐกิจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ท่าที ที่เคยเป็นมิตรจากฝ่ายการเมืองเริ่มไม่เหมือนเดิม เพราะรู้กันดีว่าหากปล่อยนโยบายกัญชาเดินหน้าราบรื่น รับรองว่า พรรคภูมิใจไทย กับสโลแกน “พูดแล้วทำ” กระหื่มแน่ ดังนั้น เมื่อมาถึงวาระที่ 2 ของการพิจารณา พ.ร.บ.ดังกล่าว จึงต้องใช้โอกาสนี้ ซัดให้ล้มหงาย นำโดยพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ที่กลับมาจับมือกัน ทั้งที่เรื่องนี้ มีทางออก มากมายโดยไม่จำเป็นต้องถอนร่างกลับไปแก้ไขใหม่ให้เสียเวลา อาทิ การพิจารณารายมาตราต่อในที่ประชุมสภาได้เลย แต่การดึงดันที่จะให้ถอนร่างไปนั้น ก็ไม่ต่างจากการล้มนโยบายของพรรคภูมิใจไทยแล้ว เพราะเหลือเวลาอีกไม่มากอายุของสภาจะหมดลง นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธาน กมธ.ร่าง พระราชบัญญัติฉบับนี้ พูดด้วยความท้อใจ “วันนี้ประเทศไทยต้องเดินหน้านับหนึ่งก่อน ถ้ามีข้อบกพร่องประการใดก็พร้อมที่จะแก้ แต่วันนี้ท่านยังไม่ได้ดูแต่ละมาตราเลย แต่บอกให้ผมเอากลับไปแก้ ผมเอามานำเสนอต่อที่ประชุมนี้ หากท่านเห็นว่ากฎหมายในแต่ละมาตราไม่ดี ก็เป็นเอกสิทธิ์ของท่าน แต่วันนี้อย่าเพิ่งติ หากท่านยังไม่เห็นรายละเอียด” นายศุภชัย กล่าว อันที่จริง กับท่าทีของพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกพิศดาร แต่เป็นพรรคประชาธิปัตย์ต่างหากที่น่าจับตามอง เพราะอย่าลืมว่า ก็เป็นพรรคร่วมมาด้วยกัน จึงถือเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย ที่อยู่ดีๆ เอามีดมาฟันเพื่อนหัวแบะ หรือโกรธเคืองที่ถูกพรรคภูมิใจไทย ไล่เจาะพื้นที่ภาคใต้ แต่ทุกพื้นที่นั้น ทุกพรรคก็มีสิทธิ์หาเสียง และประชาชนก็มีสิทธิ์เลือก ใช่หรือไม่ ? อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ พูดอยู่เสมอว่า กังวลการใช้กัญชาอย่างเลยเถิด แต่การบังคับให้ต้องถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เท่ากับการใช้กัญชาของไทย จะยังถูกควบคุมด้วยกฎหมายเดิม ที่ไม่ทันสมัย ไม่ทันสถานการณ์ การดูแลไม่ทั่วถึงครอบคลุม ช่างย้อนแย้งเสียนี่กระไร มีคำถามที่แหลมคมจากกลุ่ม “เขียนอนาคตกัญชาไทย” ต่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่บัดนี้ หมายรวมถึงพรรคเพื่อไทยด้วย 1.กัญชาเสรีนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงวันที่ 9 มิ.ย.จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการปล่อยให้กัญชาเสรีที่สุดเพราะไม่มีกฎหมายมากำกับ และในช่วงที่เสรีที่สุดนี้ กัญชาได้ก่อให้เกิดความวิบัติใดกับสังคมบ้าง เช่น คนติดกัญชาเพิ่มขึ้น คนติดกัญชาไปทำร้ายคนอื่น เหตุการณ์ใดที่ถูกนำมาเป็นปัจจัยชี้วัดว่ากัญชาควรกลับไปเป็นยาเสพติด โดยต้องตอบคำถามนี้เพราะในคำแถลงระบุชัดเจนว่านี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง ฉะนั้นหากยืนยันว่ากระทำบนหลักการ จึงต้องชี้แจงต่อสาธารณะว่ามีข้อมูลใดที่แสดงให้เห็นว่ากัญชาควรต้องกลับไปเป็นยาเสพติด 2.ท่านไม่เห็นด้วยที่อนุญาตให้ครัวเรือนปลูกกัญชาได้ เพราะมองว่าจะเอาไปสูบแทนที่จะนำไปทำประโยชน์ทางการแพทย์ คำถามที่สำคัญคือท่านมีความรู้แค่ไหนในเรื่องกัญชา และนำหลักเกณฑ์ใดมาตัดสินว่าหากชาวบ้านมีสิทธิในการปลูกกัญชาได้แล้วจะก่อให้เกิดภาวะคนสูบกัญชาทั้งประเทศ หากท่านคิดว่าการที่คนเข้าถึงกัญชาแล้วจะทำให้คนสูบกัญชามากขึ้นนั้น เป็นความไร้เดียงสานำความไม่รู้มาตัดสินพืชพื้นเมืองที่อยู่คู่กับครัวเรือนของประเทศนี้มานานก่อนที่รัฐบาลจะประกาศให้ผิดกฎหมาย “ความตายและการเจ็บป่วยของชาวบ้านซึ่งไม่มีเงินรักษา ไม่ได้มีเงินแบบท่าน พวกเขาเหล่านั้นใช้น้ำมันกัญชาในการรักษาชีวิต อย่างที่ ท่านไม่เคยใส่ใจ และอย่าไร้เดียงสาพูดเรื่องกัญชาทางการแพทย์ หากประชาชนไม่สามารถปลูกได้ กัญชาจะกลับไปอยู่ในมือของกลุ่มทุนและผู้เชี่ยวชาญ ทั้งที่มันอยู่ในตำรายาแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้านเมื่อครั้งสมัยอยุธยาและชาวบ้านสามารถผลิตยารักษา นำไปใส่อาหารแทนผงชูรส และอย่าดูถูกประชาชนว่าไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรถูกอะไรผิดต่อการใช้พืชพื้นเมืองชนิดนี้ ชาวบ้านปลูกกัญชาผิด เวลาพวกคุณเทเหล้าใส่ปากขวดละหลายหมื่น มึนเมากันกลับเป็นวัฒนธรรมอันดีงาม” น่าเสียดายที่พรรคนี้กีดขวางประชาชนในการเข้าถึงการผลิตยาสมุนไพรจากพืชพื้นเมืองที่ชื่อว่ากัญชา สังคมต้องตัดสินพรรคนี้ว่า ควรที่จะให้โอกาสพรรคนี้มาทำงานในสภาอีกหรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อว่าคำถามเหล่านี้ จะไม่มีคำตอบ เพราะพวกเขาได้บรรลุเป้าหมายแล้ว เป้าหมายทางการเมืองในการตัดขาคู่แข่ง เขาคิดแค่นี้ และทำมันได้แล้ว #Ringsideการเมือง
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    “ พร ” คืออะไร? ทำอย่างไรจึงจะได้พร ความหมายของคำว่า อายุ วรรณะ สุขะ พละ . …. “ วันนี้เรามาพูดกันถึงเรื่อง “พรปีใหม่” ถ้าพูดตามภาษาพระแท้ๆ พรเป็นสิ่งที่เราจะต้องสร้างขึ้นเอง . มีพุทธพจน์ตรัสไว้เลยทีเดียวว่า อายุ วรรณะ สุขะ พละ ต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่น่าใคร่ น่าปรารถนา น่าพอใจ แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นด้วยการอ้อนวอน หรือความปรารถนาเท่านั้นก็หาไม่ ท่านทั้งหลายที่ปรารถนาสิ่งเหล่านี้จะต้องปฏิบัติสิ่งที่เป็นเหตุปัจจัย ที่จะให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นเอง ที่พูดมาข้างต้นนั้นก็คือ การที่เรากำลังจะทำเหตุปัจจัยให้พรเหล่านี้เกิดขึ้น . พรคืออะไร เราพูดกันบ่อยๆ ว่า “จตุรพิธพรชัย” คือ พร ๔ ประการ ได้แก่ อายุ วรรณะ สุขะ พละ . “อายุ” คืออะไร คำว่า อายุ ก็ยุ่งอีกแล้ว ถ้าจะพูดกันเรื่องถ้อยคำก็จะเสียเวลามาก คำว่า พร ก็เป็นปัญหา คำว่า อายุ ก็เป็นปัญหา ต่อไปจะขออธิบายความหมายของคำว่า พร สักหน่อย . คำว่า “พร” นั้น ที่จริงในภาษาพระ แปลว่า ผลประโยชน์หรือสิทธิพิเศษที่ให้ตามคำขอ ขอยกตัวอย่างเช่น ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระเจ้าแผ่นดินมีอำนาจสูงสุด ชี้ตายชี้เป็นได้ ปุโรหิตคนหนึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดพระราชา มีลูกเป็นคนที่พูดไม่ดี ซึ่งต่อไปลูกนั้นจะต้องใกล้ชิดพระราชา และตัวปุโรหิตเองก็แก่จะตายอยู่แล้ว จึงคิดต่อไปเมื่อตนเองสิ้นชีวิตไปแล้ว ถ้าลูกพูดอะไรผิดพลาดไป พระราชาอาจจะสั่งตัดศีรษะ เมื่อคิดอย่างนี้แล้วท่านปุโรหิตก็เลยขอพรจากพระราชาว่า “ลูกของข้าพระองค์นี้เป็นผู้ที่มีวาจาไม่ดี ฉะนั้น ถ้าหากว่าเขาพูดอะไรผิดพลาดไป ขอพระองค์ได้โปรดยกโทษให้ ไม่เอาโทษ” การขอสิทธิพิเศษอย่างนี้เรียกว่า ขอพร และเมื่อพระเจ้าแผ่นดินพระราชทานให้ โดยตรัสว่า “ตกลง เรายอมให้” อย่างนี้เรียกว่า ให้พร . เป็นอันว่า พร หมายถึงสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ หรือสิทธิพิเศษที่ให้ตามที่ขอ เขาขอแล้วให้ก็เรียกว่า ให้พร อย่างเช่น พระนางผุสดีขอพร ๑๐ ประการจากพระอินทร์ ก็หมายความว่าตัวเองต้องการอะไรก็ขอไป แล้วเขาให้ ก็เรียกว่า ให้พร นี้เป็นความหมายเดิมแท้ของมัน . คราวนี้มีอีกความหมายหนึ่ง คือ “พร” แปลว่า ประเสริฐ อะไรก็ตามที่เป็นของประเสริฐ เช่น พระรัตนตรัย ก็เป็น วร คือเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ปัญญาก็เป็น วร คือเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นพรทั้งนั้น พรก็คือสิ่งที่ประเสริฐ พระรัตนตรัยก็เป็นพร ปัญญาก็เป็นพร สติก็เป็นพร สมาธิก็เป็นพร คือเป็นสิ่งที่ดีงามประเสริฐ . ที่ว่ามานี้ เป็นความหมายเดิมของท่าน แต่ในเมืองไทย คำว่า “พร” เราใช้ในความหมายว่าอย่างไร คนไทยใช้คำว่าพรในความหมายว่า สิ่งที่เราปรารถนา สิ่งดีงามที่อยากจะได้ ฉะนั้นจึงเป็นความหมายที่เพี้ยนไปแล้ว ในที่นี้ เราจะมาประยุกต์ความหมายเสียใหม่ว่า พร คือ สิ่งที่เราปรารถนา พร้อมทั้งเป็นสิ่งที่ดีงามประเสริฐด้วย กล่าวคือ เป็นสิ่งที่มีคุณค่าล้ำเลิศ . สิ่งที่มีคุณค่าล้ำเลิศ ที่เราปรารถนานั้น ก็มีหลายอย่าง แต่ในที่นี้เราจะมองตามถ้อยคำที่คุ้นๆ กันอยู่แล้ว เช่น อายุ วรรณะ สุขะ พละ เป็นต้น . ทีนี้จะอธิบายความหมายของคำว่า อายุ วรรณะ สุขะ พละ . “อายุ” คืออะไร อายุในภาษาไทยมีความหมายที่ค่อนไปในทางลบมากกว่าในทางบวก กล่าวคือในภาษาไทยนั้น ถ้าพูดว่าคนมีอายุมากก็มีความหมายไม่ดี คือแก่จะแย่แล้ว แต่ถ้าอายุน้อยกลับดี แสดงว่ายังเด็ก ยังหนุ่มยังสาว . ส่วนในภาษาพระนั้น อายุมากยิ่งดี อายุน้อยไม่ดี อายุน้อยก็คือพลังจวนหมด จะแย่แล้ว ในภาษาพระนั้นอายุคืออะไร อายุคือพลังที่หล่อเลี้ยงชีวิต ฉะนั้นท่านจึงให้พรอย่างหนึ่งว่าอายุ . ถ้าอายุเป็นของไม่ดีแล้ว พระจะมาให้พรว่า ให้คุณมีอายุมาก อย่างนี้ก็แย่ เราก็คงต้องบ่นว่า ทำไมพระจะให้เราแก่เสียล่ะ แต่ที่จริงไม่ใช่อย่างนั้น ที่บอกว่าให้มีอายุนั้น หมายถึง ให้เรามีพลังหล่อเลี้ยงชีวิตมากๆ ใครมีพลังหล่อเลี้ยงชีวิตมาก คนนั้นก็จะมีชีวิตมั่นคงเข้มแข็ง อยู่ได้ยืนยาว . “วรรณะ” ก็คือ ผิวพรรณที่ผ่องใส มีสง่าราศี . “สุขะ” ก็คือความสุข ความคล่อง ความปราศจากสิ่งบีบคั้นติดขัด คับข้อง . “พละ” ก็คือ กำลัง ความเข้มแข็ง มีเรี่ยวแรง รวมทั้งมีสุขภาพดี . นอกจาก ๔ ข้อนี้แล้ว ท่านยังมีอีกอย่างหนึ่ง ที่เราไม่ค่อยได้ยิน จึงรวมเป็นพร ๕ ประการ คือมี “โภคะ” เติมเข้าอีกตัวหนึ่ง . พร ๔ ประการ เราได้ยินบ่อย คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ เรียกว่า จตุรพิธพร . แต่พร ๕ ท่านมีเพิ่มอีกอย่างหนึ่งเป็น อายุ วรรณะ สุขะ โภคะ พละ ได้แก่เติมโภคะ คือทรัพย์สมบัติเข้ามาอีกอย่างหนึ่ง รวมเป็น ๕ อย่าง ถ้าเรียกตามคำพระก็เป็น เบญจพิธพร . ทีนี้ท่านบอกว่า สิ่งเหล่านี้มิใช่จะได้มาด้วยการอ้อนวอนปรารถนา การที่เราให้พรกัน ก็คือ เรามาแสดงความปรารถนาดีต่อกัน เรามาตั้งจิตปรารถนาประโยชน์สุขแก่กัน และด้วยพลังจิตที่ปรารถนาดีนี้ ก็จะเกิดคุณธรรมความดีงามขึ้นมาในใจของผู้ให้ ซึ่งมีผลต่อจิตใจของเขา . ในเวลาเดียวกัน ทางฝ่ายผู้รับก็พลอยมีจิตใจบันเทิง เอิบอิ่มชื่นบาน คือ ซาบซึ้งในน้ำใจเมตตา หรือไมตรีของผู้ให้นั้นเอง อันนี้แหละก็เกิดเป็นความสุข และความมีไมตรีจิตตอบแทนขึ้นในใจของเขา ก็เลยกลายเป็นมีคุณธรรมเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย . ทีนี้ ถ้าหากว่ามีความเชื่อมั่นจริงๆ และเกิดกำลังใจแรงกล้า ก็จะมีความเป็นไปที่เกิดขึ้นโดยกลไกทางจิต ซึ่งเป็นเรื่องของอำนาจจิต หรือพลังของจิตนั้นเอง ไม่ใช่ว่าใครมาดลบันดาลให้หรอก ถ้าเราทำถูกต้อง เราปฏิบัติถูกต้องแล้ว ผลดีก็เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย . แต่สำหรับผู้คนที่ไม่ศึกษาเล่าเรียน ก็นึกว่าเป็นอำนาจภายนอกบันดาล ส่วนคนที่ได้ศึกษาแล้วก็จะรู้ว่าที่จริงเป็นกลไกของจิตนั่นเอง ถ้าเราเชื่อมั่นจริงๆ แล้ว มันก็มีกำลัง มีพลังอำนาจมาก ฉะนั้นเราจึงควรปฏิบัติให้ถูกต้องต่อสิ่งเหล่านี้” . สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( ป. อ. ปยุตฺโต ) ที่มา : ธรรมบรรยาย หัวข้อเรื่อง “พรที่สัมฤทธิ์แก่ผู้ดำเนินชีวิตที่ดี”
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false