ตรวจสอบข่าว

1 คนสงสัย
ไชเท้ากำจัดสารพัดพิษ
ไม่ระบุชื่อ
 •  2 วันที่แล้ว
0 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    รายงานต่างประเทศพบว่า อาการเริ่มแรกของโควิดทำให้นิ้วเท้าอักเสบ จริงหรือไม่
    อาการที่สังเกตได้ของโควิด นอกจากอาการไข้ ไอแห้ง หรือบางทีมีน้ำมูก บางทีมีอาการแน่นหน้าอก แต่ในต่างประเทศมีรายงานว่านิ้วเท้าจะอักเสบเป็นสีม่วง อาการคล้ายหิมะกัดเท้า เจ็บแสบ เป็นอาการที่สังเกตได้เบื้องต้นของโควิด จริงหรือคะ
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ ให้ร่วมบุญช่วยช้าง มีการแนบเลขบัญชี เป็นเรื่องจริงหรือไม่
    21-4-64 พระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ พระครูอ๊อด เป็นเจ้าภาพ 200,000 บาท #ไม่รู้ว่าจะช่วยเจ้าได้หรือไม่ #ครั้งหนึ่งในชีวิตไถ่ชีวิตช้าง #ฝากบุญใหญ่ให้ญาติธรรมทั้งหลาย #วันนี้ไปดูช้างเห็นแล้วสงสารอยากจะไถ่ชีวิตช้างเชือกนี้มาก เหมือนเขาอยากให้เราช่วยปลดโซ่พันธนาการออกจากเท้าให้ สังเกตุเห็นเอางวงจับที่โซ่หลายครั้ง เลยถามเจ้าของเขาก็อยากจะขาย เลี้ยงไม่ไหวเพราะพิษโควิด #หากไถ่ชีวิตช้างเชือกนี้ได้คงจะเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ และจะขอน้อมถวายให้เป็นมรดกแห่งความเมตตาเป็นพุทธบูชาในวันวิสาขบูชา (วันพุธที่ 26 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้) และจะมอบช้างเชือกนี้ ให้เป็นมรดกของแผ่นดินเพื่ออนุรักษ์ ต่อไป ช้างอายุแค่ 8 ปี ราคา 1,180,000 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นบาท) #วันนี้เลยตัดสินใจ รวบรวมปัจจัยที่โยมถวายพระครูอ๊อดมา จากการเทศน์ การบรรยาย งานสวด และ การสอนหนังสือ มาเททำบุญไถ่ชีวิตให้เจ้าทั้งหมดเลยนะ จำนวน 200,000 บาท #ใจอยากทำก็ทำ ทำแล้วสุขใจพระครูอ๊อดไม่คิดอะไรมาก #แค่อยากให้โยมที่ถวายปัจจัยพระครูอ๊อดมาได้บุญมากๆ แอบตั้งชื่อช้างเชือกนี้ไว้ในใจว่า #เจ้าพลแสน (วาสนาพระครูอ๊อดยังน้อย ไม่รู้จะช่วยเจ้าได้แค่ไหนนะ) #ร่วมบุญได้ที่ "ธ.กรุงไทย 540-0-18694-7" #สอบถามราละเอียดได้ที่ 0808500184 พระครูสังฆรักษ์วีรวัฒน์ วีรวฑฺฒโน (พระครูอ๊อด) วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ ร่วมบุญได้ไม่เกินวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นี้ (วันที่ 26 พฤษภาคม คือ วันวิสาขาบูชา) #อานิสงส์ช่วยเหลือชีวิตเป็นทาน 1. เป็นผู้ต่อชีวิต ย่อมได้ชีวิตที่ยืนยาว ปลอดภัย มีความสุข และตราบใด ที่ยังไม่สิ้นอายุขัยบุคคลนั้น จะไม่มีกรรมใดๆมาตัดรอนได้ 2. สัตว์ที่พ้นจากที่คุมขังแล้ว อยู่ด้วยความปลอดภัยย่อมดีใจ ปลาบปลื้มใจ ฉันใด บุคคลผู้ให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน ก็ย่อมได้รับความปลาบปลื้มใจฉันนั้น 3. ผู้ไห้ชีวิตสัตว์เป็นทานอยู่เป็นนิจ เขาเหล่านี้ย่อมพบแต่มิตร ปราศจากศัตรูมาแผ้วพาน 4.การช่วยให้สรรพสัตว์พ้นจากที่คุมขัง และอันตราย ย่อมส่งผลให้สามารถหลุดพ้น จากเครื่องพันธนาการน้อยใหญ่ ทั้งหลาย #ขออานิสงส์แห่งบุญใหญ่ครั้งนี้จงเกิดแก่ญาติธรรมทุกท่านและครอบครัวอย่างมหาศาล 1 แชร์ 1 บุญใหญ่
    Mrs.Doubt
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    กล้วยดิบ 'วัคซีน' พื้นบ้าน เปลวสีเงิน : ไทยโพสต์ 25 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 00:01 น. ผมทดลองแล้ว ลงทุนไป ๒๐ บาท รับประกันคุณภาพในการป้องกันได้กว่า ๘๐% UP! กล้วยครับ.... กล้วยน้ำว้าดิบๆ หั่นแว่นๆ ทั้งเปลือก คลุกเกลือ เคี้ยวให้เต็มปาก เจ้ายางและเมือกกล้วย จะเป็นด่านหน้า เคลือบในปากและลำคอ ฆ่าเชื้อแปลกปลอม ก่อนลงไปในท้อง ผมดูจากคลิป "ป้านิดดา หงษ์วิวัฒน์" นักธรรมชาติบำบัด สนทนากับ "รศ.ดร.โกวิน วิวัฒนพงศ์พันธ์" ที่พวกเขาส่งมาให้ ผมมันพวก "กล้วยนิยม" ฟังเสร็จ ซื้อกล้วยดิบมาลองเลย ลองมา ๒ วัน เห็นผลทันตา ปกติตื่นนอน คอผมเหมือนผ่านการกินทราย ปรากฏว่าหายไปเลย! ผมถอดคำจากคลิปมาให้ อยากให้ทดลองกัน ระหว่างวัคซีนยังไม่มา ใช้ "วัคซีนกล้วยดิบ" ไปก่อน รับรอง "โควิดยกโคตรขยาด"! โกวิน : ผมไอ แสบคอ ก็ค้นในเน็ต พบว่า เมื่อเป็นไวรัส มีรายงานศึกษาว่า โควิดตัวนี้ มีความแตกต่างจากไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดธรรมดาอย่างไร อยู่ในกลุ่มเดียวกัน อาการคล้ายกันมาก แต่จุดต่างของเขา คือ จะแสบคอมาก จะไอ (แห้ง) มาก มีไข้ ก็ไข้มากเลย มีรายงานออกมาว่า จุดเริ่มต้นของเขาอยู่ที่ลำคอ จนกระทั่งต่อมรับรสที่อยู่ที่ปลายลิ้นไม่สามารถทำงานได้ดี กินอาหารไม่อร่อย รับรสไม่ได้ "ผมก็บอกว่า เอ้ย..ถ้าอย่างนั้น มันเริ่มต้นที่คอใช่มั้ย เราหาอะไรมาจัดการที่คอให้ได้สิ ถ้าเราจัดการได้ มันก็ไม่มีลามไปที่ปอด ปอดก็ไม่เป็นไร ปอดก็ทำหน้าที่ได้ การที่เอาปอดเข้าฟอกออกซิเจนได้ ระบบอื่นก็ไม่ล้มเหลว ไม่ล้มเหลวเราก็ไม่ป่วยซี" ผมก็เริ่มต้นศึกษา แล้วก็เจอกล้วย มีอยู่ราย ผมจำไม่ได้ ต้องขอบคุณเขา ที่เขาช่วยแนะนำ เขาบอกว่ากล้วยน้ำว้า ต้องกล้วยดิบนะเขียวๆ เนี่ย เอามาแล้วต้องหั่นเป็นแว่นๆ เอาลักษณะที่เราเคี้ยวง่ายๆ มีข้อมูลแพทย์แผนไทยโบราณว่า กล้วยดิบนี้สามารถหยุดยั้งการไอที่ลำคอได้ "ผมบอกเอ๊ะ...อย่างนั้นต้องทดลองดูซี" มันหยุดไอที่ลำคอเพราะอะไร เพราะว่าเมื่อมีเชื้อโรคมาเข้าร่างกาย จะผ่านระบบหายใจก่อน หรือผ่านมาที่ปาก ร่างกายก็จะมีระบบกักเชื้อโรค ลำคอนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะมีน้ำเมือกออกมา เพื่อกักเชื้อโรคจากอากาศที่มีเชื้อโรค ฉะนั้น เมื่อเชื้อโรคมาติดที่นี่ มันก็จะมีอาการอักเสบที่ลำคอก่อน พออักเสบปุ๊บ ร่างกายก็พยายามกำจัดมันออกด้วยอาการไอ ไอมากแสดงว่ามีเยอะ ถ้าแสบคอมาก แสดงว่ามีเยอะ แสบคอน้อยก็มีน้อย ผมก็เออ...เว็บไซต์ที่พูดถึงนี่ กล้วยเนี่ย ยางเขาสามารถจัดการได้ เขาบอกว่า เอายางเนี่ย แล้วก็เอาเกลือใส่เล็กน้อย แล้วก็เคี้ยว ยางก็จะค่อยๆ เคลือบลำคอ ยางมีคุณสมบัติพิเศษในการฆ่า เพราะเป็นด่างด้วย ถ้าสด ยางจะเยอะ แห้ง ยางจะน้อย แล้วผมก็ทดลอง เอากล้วยดิบทั้งเปลือกมาหั่น ใส่ทัพเพอร์แวร์แล้วเอาเกลือใส่ไว้ พกขึ้นก่อนนอน เพราะผมกลางวันไอน้อย กลางคืนไอเยอะ ถามว่าทำไมกลางวันไอน้อย เพราะกลางวันเราดื่มน้ำ เดินไป-เดินมา น้ำลายเราจะหลั่งมากในเวลากลางวัน เวลาหลั่งเราก็กลืนเข้าไปในร่างกาย ระหว่างกลืนก็พาเชื้อโรคเข้าไปในลำคอ น้ำลายเป็นด่าง พอเราดึงตัวนี้ผ่านเข้าไปในกระเพาะ กระเพาะมีกรดสูง ก็ฆ่ามันตาย แต่กลางคืนน้ำลายหลั่งน้อย ยิ่งผู้สูงอายุยิ่งหลั่งน้อย เพราะฉะนั้น ผู้สูงอายุ แม้จะแปรงฟันให้สะอาดอย่างไร ก็จะมีรสเปรี้ยว-กลิ่นเปรี้ยว เพราะว่าแบคทีเรียมันเติบโต ยิ่งถ้าเกิดมีน้ำตาลในเหงือกเยอะ กินของหวานเยอะ แปรงยังไงก็ไม่สะอาดมาก ก็จะติดอยู่ แต่ถ้าเจอด่างเข้าไป ผมจิ้ม ก็จะเคี้ยว วันนั้นผมมีไข้ ไอเยอะมากเลย ผมก็ไปเอากล้วยดิบมาเลย หั่นๆๆๆๆ เก็บไว้ เกลือจิ้มไว้ กลางคืนก่อนนอน ผมก็เคี้ยวๆ พอเคี้ยวไปประมาณครึ่งลูก อาการที่ไอๆ อยู่เนี่ย ผมตกใจมากเลย เอ๊ะ...ผมไอ ทางการแพทย์นับเป็นหน่วยนะ มันหายไป ๕๐%เลย แล้วที่แสบคอ กินข้าว-กินน้ำแสบมากเลย โอ๊ะ..หายไปแฮะ ผมก็ดีใจ พร้อมตกใจนะ เอ๊ะ...เราไม่มียาอะไรในการแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ว่าจะเอายาอะไรมาอม ที่จะสามารถลดอาการอักเสบ ไอน้อยลง ๕๐% หลังเคี้ยวกลืนเข้าไปไม่เกิน ๕ นาที เป็นความมหัศจรรย์มากเลย ที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านยุคโบราณที่เขาใช้อยู่ ผมก็เคี้ยวๆๆๆ พอเคี้ยวๆๆ เสร็จแล้ว ก็เคี้ยวให้เต็มปาก เพราะในปากก็จะมีเกลือที่ใส่กับกล้วยเข้าไป เกลือก็จะไปละลายเคลือบที่ลำคอ กล้วยนี่ก็มีเนื้อแล้วก็ยาง เมื่อเคี้ยวยางก็จะค่อยๆ ออก แล้วก็ค่อยๆ กลืนลงไป ก็จะไปเคลือบที่คอ พอเคลือบที่คอ ยางนี้เป็นด่างสูงมาก เจ้าเชื้อโรคที่มาจากหวัดทั้งหมดติดที่คอก็จะตาย พออาการไอน้อยลง ไข้น้อยลง เพราะว่าอักเสบน้อยลง ก็หลับสบาย ถ้าเมื่อไหร่ไอมาก เราจะนอนไม่หลับ พอหลับตื่นมา ก็เข้าห้องน้ำ ผมเคี้ยวต่อไปอีก เพราะว่าตื่นขึ้นปุ๊บก็กลืนน้ำลาย เคี้ยวต่ออีก ๓-๔ แว่น ต่อมาตอนเช้าผมหายเลย ป้านิดดา : อาจารย์เคี้ยวหลังแปรงฟันหรือก่อนแปรงฟัน? โกวิน : หลังแปรงฟัน หมายถึงกลางคืน อาจารย์แปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เคี้ยว "คือเราแปรงฟันเรียบร้อยแล้วก็เคี้ยวเลย เคี้ยวแล้วก็เคลือบไว้เลย ไม่ต้องไปแปรงฟันใหม่นะ เพราะฉะนั้น แปรงฟันตอนเช้าก็จะมีเศษกล้วยอยู่บ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้น อาการอักเสบที่คอ ไอ หายไป" ป้านิดดา : เฉพาะก่อนนอนใช่มั้ย แล้วตอนเช้าเคี้ยวต่อมั้ย? โกวิน : พออาการไอมันหาย ก็ไม่ได้เคี้ยว แต่พอก่อนนอน ผมก็เตรียมไปอีก ถ้ามีอาการไอ ผมก็เคี้ยวต่อไป ทำแบบนี้ จนทุกวันนี้ติดกล้วยเลย "คำถามทางบ้าน" "มีหลายคนถามมาว่า เวลาทาน ทานทั้งเปลือกด้วยใช่มั้ยคะ?" "ใช่..ใช่ เอากล้วยทั้งลูกล้างให้สะอาด แล้วก็ฝาน พอฝานไปแล้ว ยางก็จะออกมา ส่วนกล้วย เนื้อกล้วยปกติจะมีคาร์โบไฮเดรต เป็นน้ำตาล แต่เนื่องจากเขาดิบ เป็นแป้ง เขาจึงไม่มีสภาพเป็นน้ำตาลเท่าไหร่ ฉะนั้น การที่เขาทำหน้าที่ได้สมบูรณ์เนี่ย มันเป็นความซับซ้อน ไม่ใช่ยางอย่างเดียว ผมคาดว่า น้ำเกลือก็มีผล ยางก็มีผล เนื้อที่เป็นแป้งก็มีผล" ครับ....... ผมแกะคำมาเลย ไม่อยากสรุป ก็ยังไม่จบความดี แต่เนื้อที่หมด ที่เหลือ "ป้านิดดา" ให้ความรู้ด้านสารในกล้วยดิบ จะนำมาต่อวันหลัง ลองกันดูนะครับ "กล้วยดิบ" พิชิตโควิดได้ แต่ใครก็อย่าไปบอกธนาธรเชียวนะ เดี๋ยวมัน "อมกล้วย" ไลฟ์สดอีก ยุ่งตายหะ!
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือ ใช้เปลือกแตงกวา เปลือกหัวไชเท้า เปลือกมะเขือเทศ และสารส้ม มาผสมกันแล้วทาบริเวณที่เป็นฝ้า รักษาฝ้าที่ใบหน้าได้
    มีการแจกสูตรผ่านเฟซบุค โลชั่นผักรักษาฝ้า หน้าใครเป็นฝ้า จุดด่างดำ รอยกระ เพียงใช้เปลือกแตงกวา เปลือกหัวไชเท้า เปลือกมะเขือเทศ และสารส้ม มาผสมกันแล้วทาบริเวณที่เป็นฝ้า ใช้ทาบำรุง จะช่วยลดฝ้ากระจุดด่างดำ
    naydoitall
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    โรค ฉี่หนูระบาดที่สงขลาจริงหรือคะ
    โรคเลปโตสไปโรซิส หรือโรคฉี่หนูที่มักจะระบาดในช่วงฤดูฝนกำลังระบาดที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่สงขลาในขณะนี้ เตือนประชาชนที่ย่ำโคลน น้ำขังด้วยเท้าเปล่าเสี่ยงติดโรคทางบาดแผลหรือรอยถลอกที่เท้า อาการคือปวดศีรษะ มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณน่องให้รีบพบแพทย์จริงหรือคะ
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อ่านหน่อยนะ เตรียมตัวไว้นะ คนเยอะแยะบอกเราว่า ทำอย่างไรจึงจะไม่ติดไวรัสโคโรน่า แต่ไม่ยักมีใครสักคนบอกว่า ถ้าเกิดติดไวรัสแล้ว จะต้องทำอย่างไร ขอบคุณนะ คุณพยาบาลในจักรภพอังกฤษที่รวบรวมคำแนะนำนี้ให้เรา นี่เป็นคำแนะนำที่มีเหตุผลบางประการ จากพยาบาลทั่วไปในอังกฤษ นี่เป็นสิ่งที่ดิฉันเจอคำแนะนำว่า แรกที่สุดต้องทำอย่างไร จึงจะหลีกพ้นจากการติดไวรัส: • ล้างมือให้สะอาดหมดจด รักษาอนามัยร่างกาย อยู่ห่างๆ​ ผู้คน แต่ที่ดิฉันไม่เคยเห็นเลย คือ คำแนะนำว่า ถ้าเกิดติดไวรัสขึ้นมาจริงๆ​ จะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ซึ่งนี่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเราได้นะ ดังนั้น ในฐานะเป็นพยาบาลเพื่อนใกล้บ้าน ดิฉันขอให้คำแนะนำบางประการ: ถ้าคุณ เกิดติดเชื้อ โควิด-19 ขึ้นมา คุณต้องรู้จักเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน คล้ายๆกับว่า คุณรู้แล้วว่าคุณโดนไอ้เจ้าเชื้อทางเดินลมหายใจเล่นงานเข้าแล้ว เช่น เป็นมีภาวะหลอดลมอักเสบ หรือ ภาวะปอดบวม คุณต้องนึกไว้นะว่าอาการเหล่านี้จะเกิดกับตัวคุณ คุณต้องเริ่มทำสิ่งต่อไปนี้เดี๋ยวนี้เลย : ให้แสงแดดชะโลมทั่วตัววันละ 20 นาทีทุกวัน (หรือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้) แสงแดดจะเพิ่มระดับไวตามิน D ให้คุณมากมาย นี่จะไปเสริมความสามารถของภูมิคุ้มกันของตัวคุณ ถ้ามีกำลังทรัพย์ ให้กินอาหารเสริมดีๆ ร่วมกับไวตามิน C 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน รวมทั้ง สังกะสี ซิลิเนียม และ สารกลูทาไธโอน น้ำมันตับปลายี่ห้อ Scott’s Emulsion ก็เป็นอาหารบำรุงชั้นดีทีเดียว (น้ำมันตับปลาค้อด) สิ่งที่คุณจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าเข้าไว้ก่อน คือ: *กระดาษ Kleenex* *ยาพาราเซตามอล Paracetamol* *ยาแก้ไอ ตามที่ชอบ (ให้ดูฉลากยาด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า ยาแก้ไอจะไม่มียาพาราเซตามอลไปเพิ่มอีก) *ยาอมผสมสังกะสี *สะเปรย์พ่นคอ เช่น Andolex หรือ TCP *น้ำผึ้งกับมะนาวก็ได้นะ ดีทีเดียวละ​ ! ยาหม่อง Vicks* vaporub ก็ดีนะ คนใช้กันเยอะ *เครื่องลดความชื้น ก็ควรจะซื้อมาใช้ในห้องที่คุณจะนอนทั้งคืน (คุณอาจจะใช้วิธีอาบน้ำอุ่นจากฝักบัว และนั่งในห้องน้ำ หายใจเอาไอน้ำเข้าตัวก็ได้นะ) ถ้าคุณเคยเป็นหอบหืด และหมอเคยจ่ายยาพ่นให้ ต้องแน่ใจนะว่า มันยังไม่หมดอายุ ให้หายาพ่นมาสำรองไว้นะ *อาหารการกิน* นี่เป็นเวลาเหมาะแก่การทำอาหารดีๆกิน ให้ทำซุบไว้เยอะๆเลย ใส่ตู้เย็นเอาไว้ พร้อมทุกเมื่อ *น้ำ น้ำ น้ำ* ตุนไว้เลยนะ ของเหลวใสๆที่คุณชอบนั่นแหละ เอาไว้ดื่มกิน น้ำประปาก็น่าจะดีนะ บางครั้งบางคราวคุณอาจนะต้องใช้ *การจัดการกับอาการที่เกิดขึ้น เมื่อมีไข้สูงกว่า 38°c ให้กินยา Paracetamol จะดีกว่ายา Ibuprofen. *พักผ่อนเยอะๆ * คุณไม่ควรออกจากบ้านนะ​ ! ถึงแม้ว่าคุณรู้สึกดีขึ้น ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ก็อาจจะมีเชื้อไวรัสอยู่กับตัวไปตั้ง 14 วัน ดังนั้น คนแก่กับคนที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว อย่าไปใกล้เขานะ *ใส่ถุงมือและหน้ากากอนามัย* เพื่อป้องกันไม่ให้กระจายเชื้อไปให้คนอื่นในบ้านของคุณเอง *กักตัว* ในห้องนอน ถ้าคุณไม่ได้อยู่แต่ลำพัง ให้บอกเพื่อนและคนในครอบครัวให้ วางสิ่งที่จะส่งให้คุณไว้ภายนอก เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสติดต่อ *ทำความสะอาด* ซักผ้าปูที่นอน เสื้อผ้าบ่อยๆ และล้างห้องน้ำด้วยน้ำยาทำความสะอาดด้วย *คุณไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล เว้นไว้แต่ว่า คุณกำลังหายใจลำบาก หรือมีไข้สูงมาก(มากกว่า 39°C) แล้ว ใช้หยูกยาต่างๆ​ ไม่ได้ผล กับผู้ใหญ่ ที่มีสุขภาพดีแล้ว 90% สามารถดูแลได้ที่บ้าน โดยการพักผ่อน ดื่มน้ำ กินยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยา ถ้าคุณกังวล หรือไม่สบายใจ​ รู้สึกว่า ตัวเองอาการจะหนักขึ้น *ความเสี่ยงที่มีอยู่แล้ว* ถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับสภาพปอด (เช่น​ หายใจติดขัด ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด) หรือกำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ต้องคุยกับหมอแล้วละว่า คุณควรจะทำอย่างไร หากคุณเกิดไม่สบายขึ้นมา *สำหรับเด็กๆ* พ่อแม่ออกจะโล่งใจว่า โคโรนาไวรัส ญาติดีกับเด็กมาก มันมักจะเป็นไม่กี่วันก็หาย (แต่มันก็ยังเป็นเชื้อโรคติดต่อนะ) จึงต้องคำนึงถึงสภาพเด็กๆ​ ด้วย . *ให้มีสติและตระเตรียมตามควรแก่เหตุ* แล้วทุกอย่างจะไม่เสียหาย จะบอกคุณเอาไว้ว่า ค่า pH ของโคโรนาไวรัสทั้งหลาย มีได้ตั้งแต่ 5.5 ถึง 8.5. สิ่งที่เราต้องทำ ในการจัดการกับไวรัสโคโรนา คือ เราต้องกินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง โดยมีค่า pH สูงกว่าของไวรัส ดังที่บอกไว้ข้างบนนี้ อาหารเหล่านั้น เช่น *มะนาวฝรั่ง - 9.9pH* *มะนาว - 8.2pH* *อะโวคาโด - 15.6pH* *กระเทียม - 13.2pH* *มะม่วง - 8.7pH* *ส้มเขียวหวาน - 8.5pH* *สับปะรด - 12.7pH* *ดอกเก็กฮวย(?) - 22.7pH* *ส้ม - 9.2pH* คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณติดไวรัสโคโรนาเข้าให้แล้ว? 1. คันคอ 2. คอแห้ง 3. ไอแห้งๆ 4. มีไข้ตัวร้อน 5. หายใจถี่ หอบ 6. ไม่ได้กลิ่น และไม่รู้รส 7. นิ้วเท้า มีสีเขียวคล้ำ หรือดำ ดังนั้น เมื่อใดมีอาการอย่างนี้ให้กินน้ำอุ่น ร่วมกับน้ำมะนาวเข้าไปเลย อย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ กรุณาส่งต่อๆไปให้คนในครอบครัวและเพื่อนๆด้วยนะ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อันตรายจากการใช้กระชายมากเกินไป จริงหรือไม่
    (loud volume) มีคำเตือนจาก นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หลังจากเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนปีที่ผ่านมา มีผู้แชร์ข้อมูลประสบปัญหาการใช้สมุนไพร โดยระบุว่า ดื่มน้ำกระชาย 10 วัน ร่างกายทรุดไร้เรี่ยวแรง “ผมนำทั้งหมด (กระชาย น้ำผึ้ง น้ำมะนาว) มาปั่นเป็นน้ำสำหรับดื่ม โดยดื่มเช้าและเย็น ดื่ม 2 จอกทุกวันเป็นเวลา 10 วัน ผมเริ่มป่วย แขนขาอ่อนแรง พูดเริ่มไม่ชัด เกือบจะเป็นปากเบี้ยว เดินก้าวเท้าไม่ได้ โดยซีกขวาผิดปกติคล้ายอัมพฤกษ์ ในที่สุดต้องไปพบแพทย์ ต้องนอนโรงพยาบาล 6 วัน ตรวจสแกนสมอง สแกนทุกอย่าง ผลเอกซเรย์พบว่า เลือดหนืดไปเลี้ยงก้านสมองไม่ทัน ประเด็นสำคัญคือ กระชายไม่ควรกินเยอะทุกวัน และในผู้สูงอายุยิ่งต้องระวังจะทำให้เลือดหนืด และเสี่ยงป่วย ขณะนี้อาการฟื้นตัวดีขึ้น 80-90% แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ดีเต็ม 100% ยังเดินไม่สมบูรณ์” นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า สมุนไพรอย่างกระชาย หากรับประทานเป็นอาหารสามารถรับประทานได้ เพราะการประกอบอาหารไม่ได้ใช้จำนวนมาก แต่การรับประทานตามหลักก็ไม่ได้แนะนำให้บริโภคทุกวัน แม้แต่เป็นอาหารตามหลักโภชนาการก็ไม่แนะนำให้บริโภคอะไรประจำทุกวัน แต่ต้องบริโภคหลากหลาย หากรับประทานด้วยจุดประสงค์ทางยา หรือการบำรุงร่างกาย ต้องอยู่ภายใต้แพทย์และแพทย์แผนไท ยแนะนำ ยิ่งผู้สูงอายุยิ่งต้องระวัง
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ⚠️ สำคัญ!! โปรดอ่าน‼️ 1. แพทย์คนหนึ่งเตือนว่า ... ที่ 40 องศาถ้าคุณดื่มน้ำน้ำแข็งทันทีหลอดเลือดขนาดเล็กอาจระเบิดได้ เพื่อนของเขาเพิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อล้างเท้าด้วยน้ำเย็น จากนั้นดวงตาของเขามองไม่เห็นอย่างชัดเจน มีเพียงหูเท่านั้นที่ได้ยินเสียง เขาก็เสียขีวิตในเวลาต่อมา 2. อุณหภูมิในบางสถานที่มีถึง 38 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า แต่อุณหภูมิของความรู้สึกของร่างกายควรสูงกว่า อันตรายไม่ได้มีแค่จากการดื่มน้ำเย็นเท่านั้น แม้แต่ล้างมือ / ล้างหน้า / ล้างเท้า ด้วยน้ำเย็นๆก็อันตราย คุณจะต้องไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายที่ร้อนกระทบกับน้ำเย็นแบบทันที คุณต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเพื่อให้ร่างกายเย็นลง และ ปรับเป็นอุณหภูมิในร่ม ดื่มน้ำอุ่นประมาณ 34 ถึง 36 องศาเซลเซียส 3. ผู้ชายที่เคยแข็งแรงมากคนหนึ่ง ปัจจุบันเป็นโรคหลอดเลือดสมอง เขาอยู่ในสภาพที่ไม่ดี ชายคนนั้นเล่าว่า "เร็ว ๆ นี้ในวันที่อากาศร้อน ผมกลับบ้านเพื่อให้เย็นลงอย่างรวดเร็วจากความร้อน ผมอาบน้ำเย็นทันที ผมรู้สึกว่าไม่สามารถขยับขากรรไกรได้อย่างถูกต้อง รถพยาบาลส่งผมไปโรงพยาบาลนั่นช่วยชีวิตผมไว้ " ⚠️โปรดจำไว้ว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่อากาศร้อน ให้หลีกเลี่ยงน้ำเย็นเพราะจะทำให้หลอดเลือดหดตัวอย่างรวดเร็ว‼️ ผู้ใหญ่ที่มีเด็กเล็ก หรือ คนชราที่บ้านควรแจ้งผู้ดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้ สภาพอากาศไม่ปกติ มันอาจจะรู้สึกดีถ้าดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ แต่มันอันตรายมาก‼️
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ผักชี มีสรรพคุณวิเศษมาก ผักชีล้างไต ได้สุดยอด จริงหรือ
    ไต ท่านรู้จัก “ผักชี” กันทุกคน ท่านทราบไหมว่า “ผักชี” มีสรรพคุณวิเศษมาก ผักชีล้างไต ได้สุดยอด วิธีล้างไตแบบง่ายๆ ไตมีหน้าที่กรองเกลือส่วนเกินในอาหาร รวมทั้งสารพิษที่มาในอาหารและอื่นๆปีแล้วปีเล่า ดังนั้นถึงเวลาในการทำความสะอาดอวัยวะที่เรียกว่า"ไต"กันเสียที ด้วยเรื่องง่าย ๆ ไม่เกิน 100 บาทก็ทำได้แล้ว ไม่ต้องไปล้างไตเสียเงินแพง ๆ เลยครั่บ โดยการนำ"ผักชี"มาล้างทำความสะอาดและสับให้ละเอียด หลังจากนั้นนำไปต้มประมาณ 10 นาที และกรองเอาแต่น้ำ แช่ตู้เย็น กินวันละ 1 แก้วใหญ่ หรือหากใครนำมาปั่น อาจจะปั่นสดๆดื่มทันทีตอนเช้าก็ได้ แค่นี้คุณจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง โดยการที่ไตคุณถูกล้าง สังเกตได้จากปัสสาวะที่ถูกถ่ายออกมา และความรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฝากแชร์หน่อยครับ...ได้บุญจริงๆ
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หัวไชเท้า ❤ เมื่อทานผักผลไม้และสมุนไพรได้ อาหารเสริมจึงไม่ได้มีความจำเป็นอีกต่อไป เพราะอาหารเสริมก็สกัดมาจากพืชผัก ผลไม้และสมุนไพรเช่นเดียวกัน ตามคำนิยามที่ว่า ทานอาหารเป็นยานั่นเอง สำหรับหัวไชเท้านี้เป็นอาหารทางการแพทย์ที่มีมากเป็นอันดับสองของโลก เป็นผักตระกูลกระหล่ำ ความพิเศษและแตกต่างจากไม้ตระกูลกะหล่ำที่เหลือคือ หัวไชเท้ามีองค์ประกอบสองส่วน คือมีรากและหัวไชเท้าช่วยเติมเต็มระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อเราทานเข้าไป กำมะถันที่มีอยู่ในหัวไชเท้าจะขับไล่เชื้อโรคทุกชนิดและทำหน้าที่เป็นมูลไส้เดือน มันจะช่วยฆ่าหนอนพยาธิในลำไส้และปรสิตอื่น ๆ ทั้งหมดได้อีกด้วย หัวไชเท้ามีส่วนประกอบของ ออร์กาโนซัลเฟอร์ช่วยให้หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำสะอาดและสร้างเกราะป้องกันในตัวเพื่อป้องกันไม่ให้คราบจุลินทรีย์เกาะติดกับเยื่อบุ หัวไชเท้าช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยป้องกันโรคหัวใจและปัญหาหลอดเลือดหัวใจอื่น ๆ ได้ดี เพราะหัวไชเท้าช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอล ชนิดที่ดี และลดคอเลสเตอรอล ชนิดที่ไม่ดี หัวไชเท้าช่วยขับไล่มะเร็งได้เกือบทุกชนิด เพราะสามารถฟื้นฟูไต ตับ ตับอ่อน และม้ามได้เป็นอย่างดี ใบของหัวไชเท้าไม่ต้องทิ้งเพราะเป็นหนึ่งในอาหารรักษาร่างกาย ที่ดีมาก เช่นกัน เพราะใบไม้หัวไชเท้าเป็นพรีไบโอติกที่มีประสิทธิภาพมากเป็นอันดับสองรองจาก บลูเบอร์รี่ป่า เลยทีเดียว ทั้งหัวไชเท้าและใบและมีสารอาหารจำนวนมาก เช่น วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ ไฟโตเคมิคอล และอัลคาลอยด์ ต้านมะเร็ง และมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ช่วยซ่อมแซมลำไส้ใหญ่ และส่วนอื่น ๆ ของลำไส้ที่สูญเสียความสามารถในการดูดซึมสารอาหาร สารอาหารของมันนั้นถูกดูดซึมโดยระบบย่อยอาหารที่ทำงานผิดปกติมากที่สุด และดูดซึมได้ดีกว่าอาหารอื่น ๆ เนื่องจากมีเอนไซม์สูง จริง ๆ แล้ว ใบหัวไชเท้าเป็นอาหารป่า แม้ว่าจะปลูกในสวนหรือในฟาร์มก็ตาม ใบไม้เหล่านี้ช่วยกำจัดสารพิษทั้ง 4 อย่างออกจากร่างกาย คือ กำจัดดีดีที รังสี โลหะหนัก ไวรัส ทานได้ทั้งสดและต้มใส่ซุบน้ำก๋วยเตี๋ยวต้มจืดหรือแกงส้ม ส่วนทานสดโดยจิ้มน้ำพริกหรือทานกับชูชิ ปั่นดื่มจะดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำความสะอาดโลหะหนักในระดับที่รุนแรง และกำจัดสารปรอท ตะกั่ว สารหนู และอะลูมิเนียมออกจากร่างกาย มีพลังเกือบเท่าผักชี ใบและหัวไชเท้าช่วยป้องกันโรคทางระบบประสาทรวมถึงโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง เอแอลเอส ( ALS ) และโรคไลม์ ( Lyme ) ทางระบบประสาท หัวไชเท้าจึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผักใบที่ทรงพลังที่สุดสำหรับสุขภาพของผู้คนนั่นเอง โดย Boos Day ❤
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false