ตรวจสอบข่าว

3 คนสงสัย
ห้ามกินลูกพลับห้ามต่อด้วยนมเปรี้ยวและกล้วยหอม เพราะจะทำให้เป็นพิษต่อร่างกาย
ช่วยบอกทุกคนที่บ้าน ฤดูลูกพลับออกตลาด กินลูกพลับห้ามต่อด้วยนมเปรี้ยวและกล้วยหอม เพราะจะทำให้เป็นพิษต่อร่างกาย มีข่าวออกมาแล้ว เด็กคนนึงไปยังไม่ถึง รพ .ก็เสียชีวิต ใครมีกลุ่มไลน์เพื่อนฝูงเยอะ​ ๆ​ ช่วยกันส่งต่อด้วย เสียเวลาแค่ 2-3 นาที สามารถช่วยคนได้ เป็นบุญกุศลไม่รู้จบ
...จำให้แม่นห้ามลืม...
ไม่ระบุชื่อ
 •  5 ปีที่แล้ว
meter: false
3 ความเห็น

โควิด 2019วัคซีนโควิดอย. เพิกถอนยาสมุนไพรมะเร็งผู้บริโภคเฝ้าระวัง

naydoitall เลือกให้ข้อความนี้❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง

เหตุผล

กิน ลูกพลับ กล้วย ตามด้วยนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตชนิดดื่ม ตอนที่ท้องว่าง ... ก็ปกติดี ขับถ่ายได้ตามปกติ
• เหตุผลที่มีคนพยายามอธิบายไว้ก็คือ แทนนิ

ที่มา

https://l.facebook.com/l.php?u=https://w⋯jJxYujt4VkNAWlFGaUzxx8Y0hPEmVUu41Rc0&s=1
Ad.tar เลือกให้ข้อความนี้❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง

เหตุผล

มีคำถามจากไลน์ถามมาว่า จริงหรือเปล่าที่ "ถ้ากินลูกพลับแล้ว ห้ามกินตามด้วยนมเปรี้ยวและกล้วยหอม อันตรายถึงตาย" .... 555 ไม่จริงเลยนะครับ คิดได

ที่มา

https://web.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/posts/519924701823921/?_rdc=1&_rdr
naydoitall เลือกให้ข้อความนี้❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง

เหตุผล

เป็นข้อความเก่าที่ส่งวนต่อๆกันมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว

ที่มา

https://www.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/posts/519924701823921/

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    ทุนการศึกษาปีละ 5,000 บาท ต่อเนื่อง 5 ปี สำหรับนักเรียน นักศึกษา ที่เป็นลูกของผู้เสียชีวิตจากโควิด ครับ 🙏 จริงหรือไม่
    ทุนการศึกษาปีละ 5,000 บาท ต่อเนื่อง 5 ปี สำหรับนักเรียน นักศึกษา ที่เป็นลูกของผู้เสียชีวิตจากโควิด ครับ 🙏 โดยไม่จำกัดจำนวนทุน และไม่จำกัดระดับชั้นการศึกษา ฝากแชร์ เผยแพร่ต่อ ส่งข่าวให้ถึงผู้สูญเสียด้วย ครับ … ‘มูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ในพระบรมราชูปถัมภ์’ มอบทุนการศึกษาต่อเนื่อง ๕ ปี ๆ ละ ๕,๐๐๐ บาท ให้นักเรียนนักศึกษาที่เป็นบุตรของผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัส ‘โควิด-๑๙’ โดยไม่จำกัดจำนวนทุน และไม่จำกัดระดับชั้นการศึกษา เนื่องด้วยมูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีความประสงค์สนับสนุนทุนการศึกษา เพื่อช่วยเหลือนักเรียน นิสิต นักศึกษา ผู้เป็นบุตรของผู้เสียชีวิตจากโรค “โควิด-๑๙” และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส “โควิด-๑๙” โดยไม่มีเงื่อนไขที่ต้องใช้คืนแต่อย่างใด เพียงมุ่งหวังให้ทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมให้กำลังใจ และสนับสนุนสร้างคนดี คนเก่ง มีคุณธรรมในสังคม ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดสรรทุนการศึกษา เป็นไปด้วยความเรียบร้อยทั่วถึง จึงกำหนดรายละเอียด วัตถุประสงค์ คุณสมบัติ เอกสารการยื่นใบสมัคร และเกณฑ์การคัดเลือก ดังต่อไปนี้ วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อบำเพ็ญกุศลเนื่องในอายุวัฒนมงคลครบ ๘๕ ปี เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต ประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ในพระบรมราชูปถัมภ์ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๔ ๒. เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส “โควิด-๑๙” คุณสมบัติของผู้สมัคร ๑. เป็นผู้มีสัญชาติไทย ๒. เป็นบุตรของผู้เสียชีวิตจากโรค “โควิด-๑๙” ๓. กำลังศึกษาอยู่ เอกสารการยื่นใบสมัคร ๑. สำเนามรณะบัตรของบิดาหรือมารดาที่ระบุว่าเสียชีวิตจากโรค “โควิด-๑๙” ๒. สำเนาบัตรประจำตัวหรือหนังสือรับรองสถานภาพ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ๓. สำเนาระเบียนแจ้งผลการศึกษาในภาคเรียนที่ผ่านมา โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาลงนามรับรอง ๔. สำเนาทะเบียนบ้านทั้งของผู้รับทุนและผู้เสียชีวิต ๕. สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ที่เป็นชื่อของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เกณฑ์การคัดเลือก มูลนิธิฯ จะคัดเลือกจากข้อมูลตามเอกสารการสมัครที่ครบถ้วน ผ่านช่องทางการรับสมัคร และจะพิจารณาตามขั้นตอนของมูลนิธิฯ ทั้งนี้ ผลการพิจารณาถือเป็นที่สิ้นสุด สำหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่มีความประสงค์รับทุนการศึกษา ให้ดำเนินการกรอกข้อมูลได้ที่ https://forms.gle/jweb5cYzkjrZXYhY7 พร้อมแนบไฟล์เอกสารตามที่กำหนด หมายเหตุ ๑. ผู้ที่ได้รับทุนตามบัญชีท้ายประกาศนี้ ซึ่งได้รับทุนการศึกษาในปี ๒๕๖๔ แล้ว จะได้รับทุนต่อเนื่องไปอีก ๔ ปี ๒. ผู้ที่ได้รับทุนต่อเนื่อง ๕ ปี จะต้องส่งเอกสารไปยังมูลนิธิฯ ทุกปี เพื่อส่งหลักฐานการศึกษาให้เป็นปัจจุบัน กรอกข้อมูลรับทุนที่ https://www.facebook.com/135197050358369/posts/1017057262172339/
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สธ.เตือน! หยุดส่งต่อข้อมูลเท็จ "โรคมะเร็ง" ต้องตรวจสอบก่อนแชร์
    เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ จ.ปทุมธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดกิจกรรม “วันมะเร็งโลก” โดยมีนายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ คณะผู้บริหาร ภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน บุคลากรสาธารณสุข อสม. และ ประชาชน เข้าร่วมงาน นายอนุทิน กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนทั่วโลก ประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ปีละประมาณ 140,000 คน เสียชีวิตประมาณ 80,000 คน โรคมะเร็งที่พบมาก 5 อันดับแรก คือ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง และมะเร็งปากมดลูก กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาโรคมะเร็งมาโดยตลอด โดยได้ผลักดันการดูแลรักษาโรคมะเร็งเข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและนำสู่การปฏิบัติ เพิ่มขึ้นหลายประการ ได้แก่ การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงด้วยการตรวจอุจจาระ หากพบความผิดปกติก็สามารถตรวจคัดกรองต่อด้วยการส่องกล้องตรวจลำไส้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยการตรวจหายีนผิดปกติ ในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม และ การคัดกรองรอยโรคเสี่ยงมะเร็งและมะเร็งช่องปาก นอกจากนี้ยังสนับสนุนสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจากวิธี PAP smear เป็นการคัดกรองด้วยวิธีการตรวจ HPV test ทำให้ความไวและความแม่นยำในการคัดกรองโรคสูงขึ้น และเมื่อคัดกรองพบว่าเป็นโรคมะเร็งแล้ว ก็สามารถเข้าสู่การรักษาได้อย่างรวดเร็ว สามารถลัดขั้นตอนการส่งต่อในระบบปกติโดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ตามนโยบาย “มะเร็งรักษาได้ทุกที่” (Cancer Anywhere) ซึ่งการวินิจฉัยเร็วและรักษาเร็ว เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วย ตั้งแต่เริ่มโครงการวันที่ 1 มกราคม 2564 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยใช้สิทธิ์มะเร็งรักษาได้ทุกที่แล้วกว่า 325,000 คน หรือ กว่า 2,900,000 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการเข้าถึงยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เช่น การตรวจวินิจฉัยด้วย PET scan ยารักษาโรคมะเร็งชนิดใหม่ สารสกัดกัญชาเพื่อลดอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นระหว่างการรักษา และการสนับสนุนอุปกรณ์ราคาแพง เช่น เครื่องฉายแสงให้กับโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยรอคอยการรักษาจำนวนมาก ทั่วประเทศ ทั้งนี้สมาพันธ์ควบคุมโรคมะเร็งสากล (UICC) ได้กำหนดให้วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็น “วันมะเร็งโลก” โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Uniting our voices and taking action ร่วมส่งพลังเสียงและลงมือทำ” มุ่งเน้นการร่วมกันหยุดการส่งต่อข้อมูลเท็จด้านโรคมะเร็ง (Fake Cancer News) และให้กำลังใจกับผู้ป่วยโรคมะเร็งให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้โดยเร็ว นอกจากการดำเนินงานของภาครัฐแล้ว สิ่งสำคัญคือความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการรับผิดชอบต่อสังคม ไม่สร้างมลภาวะหรือสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
    std47626
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false