1 คนสงสัย
ทานวิตามินบี เป็นประจำก่อนนอน ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
ไม่ระบุชื่อ
 •  2 ปีที่แล้ว
meter: false
1 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)
Thanathun. เลือกให้ข้อความนี้❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง

เหตุผล

บุคคลทั่วไปที่ไม่มีภาวะขาดวิตามินบี การกินวิตามินบีเสริมไม่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ การกินอาหารให้สมดุลครบ 5 หมู่ ร่างกายจะได้รับวิตามินบีอย่างเพ

ที่มา

https://www.antifakenewscenter.com/ผลิตภ⋯บี-เป็นประจำก่อนนอน-ช่วยป้องกันโรคหัวใจ/

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    ผงมรณะหมู่
    ผงมรณะหมู่ (ขอบคุณด็อกเตอร์จิรพล สินธุนาวา ที่แนะนำข้อมูลมาเห็นด้วย 100% ครับ และเพิ่มเติมก็คือผงชูรสที่ใช้ในญี่ปุ่นนั้นทำจากสาหร่ายทะเลที่ไม่ได้อมพิษ แต่ในประเทศไทยใช้ที่เห็น ๆ ทางด้านล่างครับ) อยากตายไม่เหงา กินไป ป่วยเรื่อย ๆ ตายตาม ๆ กันไป ไทย ลาว พม่า ติดกันงอมแงม คือ ญี่ปุ่น ชาติที่ว่าพัฒนาแล้ว ฆ่าหมู่คนชัด ๆ แต่ในประเทศตัวเอง มีกฏหมายห้ามผลิตและจำหน่ายจ้ายกโรงงานมาไทย💣 • ผงชูรสฆ่าคน! ทราบไหมครับ ในการผลิตผงชูรสทั้งแบบก้อนและแบบผงในประเทศไทย ใช้แป้งมันสำปะหลังและกากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบหลัก แต่แหล่งข่าวที่ผมรู้จักยืนยันว่า มันมีอะไรแปลก ๆ มากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่มาจากกระดูกสัตว์ อย่างกระดูกวัว กระดูกควาย โซดาไฟ และปุ๋ยยูเรีย ก็คิดดูเองสิว่า ทำไมของเหลวที่เกิดจากกระบวนการผลิต ทำไมยังสามารถนำไปขายให้เกษตรกรไปเป็นปุ๋ยน้ำ รดไร่นา จนพืชขึ้นเขียวขจี (แต่กลายพันธุ์ด้วยหรือเปล่าไม่รับรองนะ) ลองสังเกตุดูสิว่า คนงานในโรงงาน และชุมชนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ โรงงานผลิตผงชูรส ถึงมีอาการอิดโรย ป่วยกระเสาะกระแสะกันทั้งชุมชน เพื่อน ๆ ผมที่อยู่โรงงานผลิตผงชูรส เขายังไม่กินผงชูรสเลย แต่เขาจะนำผงชูรสผสมน้ำอุ่น แล้วไปขัดห้องน้ำ ขัดหม้อ ที่มีเขม่าดำ ขัดหัวเข็มขัดทองเหลือง ขัดสร้อยเงิน แช่เหรียญเก่า หรือแช่พระกรุ ก็ไม่แน่ เพราะผมเคยลองขัดดูแล้วเวิร์กมาก ๆ ถ้าไม่เชื่อท่านผู้อ่านลองดูเองนะครับ จริง ๆ แล้ว "ผงชูรส ไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการเลยแม้แต่นิดเดียว" "ผงชูรส มีประโยชน์เพียงทำให้ต่อมรับรส เปิดกว้างขึ้น ทำให้รู้สึก ว่าอาหารมีรสชาติดีขึ้น" อันตรายของผงชูรสถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ 1) พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากเกลือโซเดียม กล่าวคือผงชูรสมีโซเดียมที่มาจากโซดาไฟ เป็นองค์ประกอบสำคัญเช่นเดียวกับเกลือแกง แต่อันตรายมากกว่าเกลือแกงตรงที่ว่า เกลือแกงใช้เพียงนิดเดียวก็รู้สึกว่ามีรสเค็ม แต่ผงชูรสใส่มากเท่าไหร่ ก็ไม่รู้สึกตัวว่ามีปริมาณโซเดียมมากเท่าไหร่ เพราะไม่มีรสชาติให้รู้สึก หรือพูดอีกนัยหนึ่ง ผงชูรสมีพิษแฝงในเรื่องโซเดียม ซึ่งมีพิษภัยอันตรายดังนี้: 1.1) ทำให้ภูมิต้านทานหรือภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ลดลง ถึงแม้ผงชูรสจะไม่ทำให้ใครเป็นเอดส์ แต่มันทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง ยิ่งถ้าคนป่วยเป็นเอดส์มาทานอาหารที่ใส่ผงชูรส ยิ่งทำให้ตายเร็วกว่าที่ควรเป็นครับ 1.2) ทำให้เกิดการคั่งในสมองเด็ก ซึ่งเมื่อเด็กโตขึ้นจะเป็นคนปัญญาอ่อน ในปัจจุบันมีเด็กปัญญาอ่อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่มีผงชูรสแพร่หลายในประเทศไทย ผงชูรสทำให้เด็กทารกเกิดอาการชักโคม่า ซึ่งบางครั้งแพทย์ไม่รู้สาเหตุ และอาจทำให้รักษาผิดพลาด เป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ยังเป็นภัยต่อหญิงมีครรภ์ ทำให้ร่างกายผอม และยังมีพิษภัยต่อทารกในครรภ์และทารกแรกเกิดด้วย 1.3) ผงชูรสเป็นอันตรายต่อผู้เจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ เช่น โรคไต ความดันสูง และโรคหัวใจ เป็นต้น 2) พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากตัวผงชูรสแท้ ส่งผลดังนี้ 2.1) ทำให้เกิดอาการแพ้ผงชูรส ซึ่งจะมีอาการชา และร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้น ใบหน้า โหนกแก้ม ต้นคอ หน้าอก บางคนมีผื่นแดงเกิดขึ้นตามตัว แน่นหน้าอก หัวใจเต้นช้าลง หายใจไม่สะดวก เป็นต้น จนเป็นที่รู้จักและขนานนามโรคแพ้ผงชูรสในภัตตาคารจีน 2.2) ทำลายสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตและระบบสืบพันธุ์ของร่างกาย ทำให้เจริญเติบโตช้า ปัญญาอ่อน ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ เป็นหมัน อวัยวะสืบพันธุ์เล็กลง ทั้งในเรื่องของขนาดและน้ำหนัก 2.3) ทำลายระบบประสาทตา สายตาเสีย หรือเกิดตาบอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัตว์ทดลอง ยิ่งอายุน้อย จะยิ่งเกิดผลร้ายมาก 2.4) ทำลายกระดูกและไขกระดูก ซึ่งเป็นส่วนที่ผลิตเม็ดเลือดแดงในร่างกาย ทำให้โลหิตจางได้ 2.5) ทำให้วิตามินในร่างกายลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี 6 แก้โรคแพ้ผงชูรสได้ 2.6) เกิดโรคมะเร็ง 2.7) ทำลายระบบประสาทส่วนกลางทำให้เป็นโรคประสาทได้ง่ายขึ้น 3) 😎 เปลี่ยนแปลงโครโมโซม ทำให้ผิดปกติ ปากแหว่ง หูแหว่ง และจมูกวิ่น แขนขาพิการ เป็นต้น แต่ถึงเห็นพิษภัยขนาดนี้ประชาชนตาดำ ๆ อย่างเราคงจะหลีกเลี่ยงผลชูรสได้ยาก เพราะตั้งแต่ภัตตาคารใหญ่ ๆ จนไปถึงร้านข้างถนน ยังขาดความรู้เรื่องโทษจากผงชูรส เรามาเริ่มต้นจากบ้านของเรา และช่วยกันรณรงค์เรื่องพิษภัยของผงชูรสกันดีกว่าครับ Cr: ขอบคุณที่มา จาก นสพ. ฐานเศรษฐกิจ
    Mrs.Doubt
     •  9 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    กินฟักทองป้องกันสารพัดโรค
    กินฟักทองป้องกันสารพัดโรค . ลดน้ำตาลป้องกันเบาหวาน เปลือกฟักทองที่มีฤทธิ์ทางยา ซึ่งจะไปกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ก็จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดเบาหวานได้ งานวิจัยในญี่ปุ่นที่ทำการทดลองกับผู้ป่วยเบาหวานจำนวน 133 คน พบว่า ผู้ที่กินฟักทองเป็นประจำจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่าผู้ป่วยที่ไม่ได้กินฟักทอง . ลดเสี่ยงมะเร็ง 4 ชนิด งานวิจัยอีกเรื่องหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นเช่นกันพบว่า ผู้ที่กินฟักทองเป็นประจำจะลดโอกาสเสี่ยงการเกิดโรค มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก . ป้องกันสิวและจอประสาทตาเสื่อม เพราะฟักทองมีเบต้าแคโรทีนสูง จึงช่วยป้องกันการเกิดสิว และอาการจอประสาทตาเสื่อม . ลดอาการภูมิแพ้ หอบหืด โรคหัวใจ และภาวะซึมเศร้า ฟักทองยังมีแมกนีเซียมสูง จึงช่วยลดอาการภูมิแพ้ หอบหืดและยังมีวิตามินบี 6 ซึ่งมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและอาจช่วยแก้ภาวะซึมเศร้าได้ . ลดไขมัน เพื่อหุ่นเพรียว สำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการลดความอ้วน ฟักทองมีใยอาหารที่ละลายน้ำในปริมาณสูง ใยอาหารจะช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอลที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย นอกจากนี้ยังมีแคลอรีต่ำไขมันน้อย เมื่อกินแล้วจึงไม่ทำให้อ้วน และมีวิตามินซีสูง จึงช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณดี มีน้ำมีนวล . กินฟักทองอย่างไรให้คงคุณค่าสารอาหาร การต้ม นึ่ง อบ หรือผัด ไม่สามารถทำลายเบต้าแคโรทีนในฟักทองได้ แต่หากต้มฟักทองในน้ำ จะสูญเสียวิตามินบี
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    พอกผิวด้วยเนื้อฟักทอง ทำให้ขาวขึ้นได้ จริงหรือ
    มีการแชร์วิธีทำให้ผิวขาวโดยการพอกผิวด้วยเนื้อฟักทอง เพราะฟักทองเป็นพืชที่มีประโยชน์ สารอาหารส่วนใหญ่คือ คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น แคโรทีนอยด์ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี 3 ทำให้ผิวขาวได้ จริงหรือ
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    น้ำมะพร้าวเพิ่มขนาดหน้าอกได้จริงหรือ?
    น้ำมะพร้าวเพิ่มขนาดหน้าอกได้จริงหรือ? . แพทย์หญิงภัทราวดี ศิริประภานนท์กุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติศาสตร์-นารีเวชศาสตร์ ตำแหน่งนายแพทย์ปฏิบัติการ โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้ข้อมูลว่า ในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เรียกว่า ไฟโตเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนจากพืช สามารถออกฤทธิ์กับเนื้อเยื่อที่ตอบสนองกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงได้ โดยเฉพาะเนื้อเยื่อไขมัน เนื้อเยื่อเต้านม และอวัยวะสืบพันธุ์ . แต่ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยกับมนุษย์ที่พบว่าน้ำมะพร้าวช่วยเพิ่มขนาดหน้าอกขึ้นได้จริง นอกจากนี้น้ำมะพร้าวยังมีน้ำตาล ให้พลังงานค่อนข้างสูง ประมาณ 17 แคลอรี่ต่อ 100 กรัม และยังมีวิตามินบี วิตามินซี เกลือแร่ โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก เพราะฉะนั้นน้ำมะพร้าวจึงสามารถให้ทดแทนกับผู้ที่สูญเสียเกลือแร่ได้ แต่ข้อเสียของน้ำมะพร้าวก็คือถ้ารับประทานในปริมาณมากๆ จะทำให้น้ำหนักขึ้นได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่คิดว่าทานน้ำมะพร้าวแล้วหน้าอกใหญ่ขึ้น ก็มาจากน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ไขมันไปสะสมที่หน้าอกก็เลยทำให้รู้สึกว่าขนาดหน้าอกของตนเองใหญ่ขึ้น . ข้อมูลสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 ณ โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เครือข่ายอีสานโคแฟค มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
    อีสานโคแฟค
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    วิตามินบีช่วยลดภาวะการไหลตาย
    วิตามินบีสามารถลดการเกิดภาวะไหลตายหรือหัวใจล้มเหลว
    std48051
     •  10 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ถังเช่ามัลติวิตามินบีช่วยทำให้สุขภาพดีจริงหรือไม่
    Densiri Tongnopakun
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 3 คนสงสัย
    อาหารอุ่นไมโครเวฟ อันตรายแถมเสี่ยงมะเร็ง
    กรณีที่มีผู้โพสต์คลิปวิดีโอให้คำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพว่า อันตรายจากการทานอาหารที่อุ่นไมโครเวฟ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งนั้น ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า คลื่นไมโครเวฟ (Microwave) ที่ใช้ปรุงอาหาร คือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเช่นเดียวกับคลื่นวิทยุ มีหลักการทำงานโดยการปล่อยรังสีเป็นคลื่นไปกระทบอาหาร ทำให้โมเลกุลน้ำทั้งภายใน และนอกอาหารสั่น และเสียดสีกันจนเกิดเป็นความร้อนสะสม จากนั้นพลังงานดังกล่าวจะสลายตัวไป จากข้อมูลที่ระบุว่า การใช้ไมโครเวฟจะทำให้สูญเสียสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินบี วิตามินซี โฟเลตนั้น ตามข้อเท็จจริงแล้วการปรุงหรืออุ่นอาหารทุกกรรมวิธีที่ใช้ความร้อนอาจเป็นผลให้เกิดการสูญเสียสารอาหารได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่าคลื่นไมโครเวฟไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์ และไม่ตกค้างในอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันแน่ชัดว่าการอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟจะเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง
    std47915
     •  10 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    แชร์ว่อน! พอกผิวด้วย "ฟักทอง" ช่วยบำรุงให้ผิวขาวขึ้น แจงแล้วเป็นข่าวปลอม
    จากกรณีที่มีผู้แนะนำเคล็ดลับความงาม ระบุว่า "พอกผิวด้วยฟักทอง" ช่วยบำรุงให้ผิวขาวขึ้น ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า "การนำเนื้อฟักทองมาพอกนั้นไม่ได้ทำให้ผิวขาวขึ้น เนื่องจากสารอาหารส่วนใหญ่ คือ คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น แคโรทีนอยด์ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี 3 ถึงแม้จะมีวิตามินบีที่มีคุณสมบัติทำให้ผิวขาวได้ แต่ไม่ได้มีปริมาณมากพอ และถึงจะเอาเนื้อฟักทองมาพอกผิว วิตามินบีก็ไม่สามารถปลดปล่อยและซึมเข้าสู่ผิวได้ นอกจากนี้การสัมผัสกับแสงแดดก็เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดสีเช่นกัน ดังนั้นผิวจะขาวขึ้นได้จะต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด หมั่นทาครีมกันแดด ใส่เสื้อผ้าแขนยาว เป็นต้น”
    std48431
     •  10 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อาการมือเท้าชา เป็นสัญญาณเตือนโรคปลายประสาทอักเสบ จริงหรือ
    มีการแชร์ข้อความในสื่อออนไลน์ต่างๆ เรื่อง อาการมือเท้าชา ที่มีสาเหตุมาจากขาดวิตามินบี เป็นสัญญาณเตือนโรคปลายประสาทอักเสบ จริงหรือ
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false