1 คนสงสัย
เตือนระวัง หลอดเลือดสมองแตกหลังอาบน้ำ
ไม่ระบุชื่อ
 •  9 เดือนที่แล้ว
meter: middle
1 ความเห็น

สุขภาพ

Thanathun. เลือกให้ข้อความนี้◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน

เหตุผล

การอาบน้ำไม่ได้ส่งผลให้เกิดหลอดเลือดในสมองถึงจะมีอุณหภูมิที่ร้อนหรือเย็นจัด ก็ไม่เกี่ยวกับอาการหลอดเลือดในสมองแตกแต่อย่างใด ตามข่าวอาจเป็นคว

ที่มา

https://tna.mcot.net/sureandshare-1322779

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    สาเหตุอาการบ้านหมุน อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
    ใครที่มีอาการบ้านหมุน อย่าคิดว่าแค่นอนไม่พอเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วอาการบ้านหมุนมีหลายสาเหตุ อาจอันตรายกว่าที่คิดก็ได้ อาการ “บ้านหมุน” เป็นอย่างไร ทุกคนอาจคุ้นเคยกับอาการ “เวียนศีรษะ” ตามปกติ แต่สำหรับอาการบ้านหมุน จะเป็นอาการที่รู้สึกว่าตัวเองหมุนหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัวหมุนได้ ซึ่งที่จริงแล้วไม่มีการเคลื่อนไหวนั้นเกิดขึ้นจริง สาเหตุของอาการบ้านหมุน อาการเวียนศีรษะแบบบ้านหมุน อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งความผิดปกติของระบบการทรงตัวของร่างกายตลอดจนความเจ็บป่วยอื่นๆ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคเบาหวาน เป็นต้น ความผิดปกติของหูชั้นในหรือระบบสมองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทรงตัว ความผิดปกติของระบบอื่นๆ เช่น ระบบไหลเวียนโลหิต หรือสายตา ฤทธิ์ข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด ปัจจัยอื่นๆ เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ เมารถ หรือเมาเรือ วิธีรักษาอาการบ้านหมุน ปกติแล้วแพทย์จะทำการรักษาตามสาเหตุ วิธีรักษาในแต่ละคนจึงแตกต่างกันออกไป เช่น อาจมีการให้ยาไปกินที่บ้าน เพื่อลดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หรือฝึกทรงตัว เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับสมดุลของระบบประสาททรงตัวได้ เป็นต้น วิธีป้องกันการเกิดอาการบ้านหมุน หลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดอาการบ้านหมุน เช่น เครียด วิตกกังวล นอนหลับไม่เพียงพอ เป็นต้น หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ลดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกาย และบริหารประสาททรงตัวอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเสียงดัง และการกระทบกระเทือนบริเวณหู
    somkid.so.63
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ⚠️ สำคัญ!! โปรดอ่าน‼️ 1. แพทย์คนหนึ่งเตือนว่า ... ที่ 40 องศาถ้าคุณดื่มน้ำน้ำแข็งทันทีหลอดเลือดขนาดเล็กอาจระเบิดได้ เพื่อนของเขาเพิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อล้างเท้าด้วยน้ำเย็น จากนั้นดวงตาของเขามองไม่เห็นอย่างชัดเจน มีเพียงหูเท่านั้นที่ได้ยินเสียง เขาก็เสียขีวิตในเวลาต่อมา 2. อุณหภูมิในบางสถานที่มีถึง 38 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า แต่อุณหภูมิของความรู้สึกของร่างกายควรสูงกว่า อันตรายไม่ได้มีแค่จากการดื่มน้ำเย็นเท่านั้น แม้แต่ล้างมือ / ล้างหน้า / ล้างเท้า ด้วยน้ำเย็นๆก็อันตราย คุณจะต้องไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายที่ร้อนกระทบกับน้ำเย็นแบบทันที คุณต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเพื่อให้ร่างกายเย็นลง และ ปรับเป็นอุณหภูมิในร่ม ดื่มน้ำอุ่นประมาณ 34 ถึง 36 องศาเซลเซียส 3. ผู้ชายที่เคยแข็งแรงมากคนหนึ่ง ปัจจุบันเป็นโรคหลอดเลือดสมอง เขาอยู่ในสภาพที่ไม่ดี ชายคนนั้นเล่าว่า "เร็ว ๆ นี้ในวันที่อากาศร้อน ผมกลับบ้านเพื่อให้เย็นลงอย่างรวดเร็วจากความร้อน ผมอาบน้ำเย็นทันที ผมรู้สึกว่าไม่สามารถขยับขากรรไกรได้อย่างถูกต้อง รถพยาบาลส่งผมไปโรงพยาบาลนั่นช่วยชีวิตผมไว้ " ⚠️โปรดจำไว้ว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่อากาศร้อน ให้หลีกเลี่ยงน้ำเย็นเพราะจะทำให้หลอดเลือดหดตัวอย่างรวดเร็ว‼️ ผู้ใหญ่ที่มีเด็กเล็ก หรือ คนชราที่บ้านควรแจ้งผู้ดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้ สภาพอากาศไม่ปกติ มันอาจจะรู้สึกดีถ้าดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ แต่มันอันตรายมาก‼️
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง อากาศร้อนระวังโรคลมแดด-ฮีทสโตรก
    สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ เตือนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองให้ระวังโรคลมแดด ในช่วงที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับอากาศที่ร้อนจัด แนะหลีกเลี่ยงสภาพอากาศร้อนจัด ดื่มน้ำให้มากเพียงพอ รับประทานยาสม่ำเสมอ
    naydoitall
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    การนอนดึกเป็นการตั้งใจทำร้ายตนเอง อย่างร้ายแรงที่สุด(ถึงกับทำให้เป็นมะเร็งได้ จริงหรือ
    🙋‍♀️อดีตนอนดึกมาตลอด ปัจจุบันนอนไม่เกิน 4 ทุ่มครึ่ง อย่าให้สายเกินแก้ รีบปฎิบัติด่วน ❤️ด้วยรักและหวังดีอย่างจริงใจครับ ● บ้านไหนมีคน นอนดึก จำเป็นต้องอ่านบทความนี้นะครับ ● เพราะอะไร ? เพราะการนอนดึกๆ ทำให้ "อวัยวะสำคัญๆ" ของร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ หลอดเลือด ต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมไธรอยด์ และภูมิคุ้มกันร่างกายเสียหาย จึงเป็นเรื่องที่ต้องไม่ประมาท มาฟังหมอด้านเวชศาสตร์ชลอวัย อธิบายให้เข้าใจกัน 🔷️ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เล่าให้ฟังถึง ● ผลเสียของการนอนดึก ▪️ใครที่นอนเกิน 5 ทุ่มครื่ง จะมีผลทำให้ 5 อวัยวะหลักเสื่อมโทรมเร็วขึ้น ทั้ง 1▪️ สมอง 2▪️ หัวใจ 3▪️ หลอดเลือด 4▪️ ต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมไธรอยด์ และ 5 ▪️ ภูมิคุ้มกันร่างกาย 🔷️ แต่ถ้าปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตมาเป็นคนนอนเร็วขึ้น ตั้งแต่ 4 ทุ่มไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่งซึ่งเป็นนาทีทองของการนอน ก็จะช่วยให้มีสุขภาพดีขึ้นถึง 10 ประการ ดังนี้ :- 1. สมองสร้างเคมีสุข อย่างที่รู้ว่า สมองเป็นหัวเรือใหญ่ในการแจกงานให้อวัยวะต่างๆ แม้แต่เวลานอนก็ยังมอบรางวัลให้ร่างกาย ทั้ง ▪️ เคมีนิทรา (เมลาโทนิน) ▪️ เคมีสุข (ซีโรโทนิน) ▪️และฮอร์โมนเพศ ▪️แถมยังมีเคมีบำรุงร่างกายออกมา ช่วยควบคุมระบบในตัวเราให้ทำงานราบรื่น ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น สร้างเกราะป้องกันอาการป่วยเจ็บได้ด้วย 2. สร้างเคมีหนุ่มสาวปกติแล้ว เคมีหนุ่มสาวที่เรียกว่า โกรทฮอร์โมน จะค่อย ๆ ลดลงตามวัย รวมทั้งการนอนดึกก็ทำให้โกรทฮอร์โมนน้อยลงไปด้วย ☆แต่ถ้าเราเข้านอนเร็ว สักราว 4 ทุ่ม ไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่ง ☆สมองจะช่วยผลิตโกรทฮอร์โมนธรรมชาติให้ ☆สรุปว่ายิ่งเราหลับไว หลับสนิท ☆ เราก็ยิ่งดูอ่อนเยาว์ ☆เพราะโกรทฮอร์โมน จะหลั่งในช่วงเวลา 00.00-01.30 น. รวมเวลา 1 ชม.ครึ่งเท่านั้น ซึ่งจะช่วยซ่อมเสริมภูมิต้านทานโรค ให้มีพลังร่างกายที่มีความสมบูรณ์มากขึ้น 3. ความจำดีขึ้น การศึกษาจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ระบุว่า ☆คนที่นอนหลับได้ในช่วง 4 ทุ่ม ถึง 5 ทุ่ม ปรากฏผลงานวิจัยติดตาม พบว่า ☆ มีผลต่อความจำ ความมีสมาธิ อย่างมีนัยสำคัญ ☆และ ลดอุบัติเหตุลงได้มากขึ้น ☆นั่นก็เพราะเวลาเรานอน สมองจะมีกลไกช่วยจัดระเบียบ คล้ายกับการแยกอีเมลขยะออกไป ☆แต่ถ้าเราอดนอน เราจะรู้สึกมึน ลืมง่าย หรือ ไม่ก็ลิ้นพันกัน คิดอย่างพูดอย่าง หรือ อาจเผลอเรอได้ง่ายๆ ดังนั้น ต้องนอนให้เต็มอิ่ม จะได้เป็นการชาร์จแบตให้สมอง พร้อมรับความจำใหม่ๆ ได้ดี 4. คุมความดันโลหิตได้ การนอนหลับเร็ว ☆จะช่วยให้ระบบประสาทอัตโนมัติทั้งหลาย และกลไกทางชีวิวิทยา ที่เป็นเหมือนฟันเฟืองขนาดจิ๋ว ที่ทำงานซับซ้อน ☆ช่วยควบคุมหัวใจ และความดันโลหิตให้สงบลง ไม่แกว่งขึ้นลงง่ายเหมือนกับตอนตื่นนอน 5. ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนสึกหรอ คนก็เหมือนเครื่องยนต์ ทำงานมาหนัก ก็ต้องหยุดพักบ้างจริงไหม ☆ซึ่งการนอนก็เหมือนเข้าอู่ซ่อมรถ ช่วยซ่อมแซมร่างกายที่สึกหรอ ☆ช่วยให้สมองได้พักผ่อน ☆กล้ามเนื้อคลายตัว ☆หัวใจสงบขึ้น ☆ความดันลดลง โดยเฉพาะ ☆ถ้าหลับลึกได้ในช่วง 00.00 - 01.30 น. ในแต่ละคืน สุขภาพย่อมแข็งแรง เสมือนย้อนไปในช่วงที่อยู่ในวัยเบญจเพศได้ 6. ลดความเสี่ยงโรคอ้วน ☆ถ้าเรานอนเร็ว จะทำให้เราไม่หิวกลางดึก อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้อ้วน ☆นอกจากนั้น ยังมีกลไกดับหิวด้วยการสร้างเคมีดับหิวขึ้นมา ทำให้การนอนเร็วช่วยคุมน้ำหนักตัวได้ดีกว่า ☆อีกทั้งยังกระตุ้นเตาเผาในร่างกาย ให้ทำงานได้ดี ☆ ช่วยให้ไม่อ้วนง่าย ไม่สร้างเคมีเก็บไขมันมากด้วย 7. มีความสุขง่ายขึ้น ☆ยิ่งอดนอนมาก สมองของเราก็ยิ่งอึมครึม ทำให้ขาดสมาธิ ความจำก็ไม่ดี อะไรมากระทบนิดกระทบหน่อย ก็หงุดหงิดอา รมณ์เสียแล้ว แล้วจะมีความสุขได้อย่างไรล่ะ ☆ แต่ถ้าเราลองนอนให้เร็วขึ้น เราจะได้นอนอย่างเต็มอิ่ม ร่างกายและสมองได้พักผ่อน ความจำดี มีสมาธิ มองอะไรก็มีความสุขได้ง่ายขึ้นจริง ๆ นะ 8. ได้ล้างพิษ เวลาที่เรานอน จะเป็นช่วงเวลาที่อวัยวะอย่าง ตับ ไต ลำไส้ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ช่วยล้างพิษทำงานได้ดีขึ้น ลองสังเกตดูสิ ถ้าใครชอบอดนอน หรือ นอนดึก นอกจากหน้าตาดูหม่นหมองแล้ว ยังมีปัญหาท้องผูกด้วย นั่นเพราะส่วนหนึ่งของพิษมาจากการนอนดึก เพราะฉะนั้นสาวๆ ที่ชอบปวดรอบเดือนบ่อย ๆ ให้แก้ไขด้วยการนอนให้เร็วขึ้น จะช่วยคุมเคมีปวดได้มากขึ้น 9. ไม่เสี่ยงโรคกำเริบ เครื่องยนต์ที่ทำงานเกินเวลา ก็เสียได้ นับประสาอะไรกับมนุษย์ที่ไม่ยอมพักผ่อน ไม่ยอมหลับยอมนอน ☆ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ก็อาจทำให้โรคที่พกอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ พากันแผลงฤทธิ์ขึ้นได้ ☆โดยเฉพาะโรคหัวใจ ☆โรคหลอดเลือดสมอง ☆ความดันสูง ☆ เบาหวาน ☆ ภูมิแพ้ ☆โรคเครียด ☆โรคซึมเศร้า ☆ และโรคมะเร็ง เป็นต้น 10. ช่วยป้องกันการแก่ให้ช้าลง ☆ไม่อยากแก่ รีบชวนกันนอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม หรือ สูงสุด ไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่ง ☆ เพราะ การนอนไม่ดึกมาก จะช่วยเสริมสร้างความเป็นหนุ่มสาว ☆ และช่วยให้หลับสนิทได้ง่ายขึ้น ☆ ไม่ทำร้ายร่างกายให้แก่ก่อนวัยอันควร ☆เพราะ จะช่วยป้องกันความเสื่อมชราให้ช้าลงได้ด้วย . 🔷️อยากมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวอย่างยั่งยืน ต้องเปลี่ยนที่พฤติกรรม ฝึกให้เป็น นิสัย 🔷️ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ 🔷️ ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ ▪️ จะทำให้เรามีภูมิต้านทานที่ดี หลายๆ คนบอกรู้แต่บางครั้งก็ยังทำไม่ได้ มาลองจัดระเบียบชีวิตกัน (บอกตัวเองด้วย ^^) เพราะไม่มีใครสามารถให้ สุขภาพ ที่ดีกับเราได้ ยกเว้นเราต้องทำให้ตัวเอง และร่างกายคือบ้านที่เราต้องรักษาเพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข การป้องกันดีกว่าการซ่อมแซม เราคงไม่อยากเอาเงินที่หามาได้ไปแลกกับความเจ็บป่วยและค่ารักษาพยาบาลที่แพงขึ้นทุกวัน . ด้วยรักและปรารถนาดี ❤️ ❤️
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ข่าวปลอม อย่าแชร์! ผู้ที่เป็นโรคไมเกรน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกมากกว่าคนปกติถึง 46%
    กรณีที่มีการโพสต์เตือนโดยระบุว่า ผู้ที่เป็นโรคไมเกรน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกมากกว่าคนปกติถึง 46% ทางสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า เนื้อหาในข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบันบอกว่า ไมเกรนมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองแตกตามที่กล่าวอ้าง
    std46541
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี สำหรับ 7 กลุ่มเสี่ยง จริงหรือ
    เนื่องจากว่าอาการ ไข้หวัดใหญ่ มีลักษณะอาการคล้ายโควิดมาก ทางกรมควบคุมโรคจะมีการฉีดวัคซีนฟรีให้กลุ่มเสี่ยงดังนี้ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และสำหรับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป โรคอ้วน (น้ำหนัก>100 กิโลกรัม หรือ BMI >35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) และผู้มีโรคเรื้อรัง (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน)
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สระผมก่อนอาบน้ำอาจทำให้เส้นเลือดแตก
    ไม่ควรสระผมก่อนอาบน้ำและควรล้างส่วนอื่นๆของร่างกายก่อนเนื่องจากศีรษะเปียกและเย็นเลือดจะไหลไปที่ศีรษะเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น หากหลอดเลือดแคบลงก็มีโอกาสแตกได้
    std47924
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    🌻🌻เป็นลมในห้องน้ำ⭕อย่าลืมนั่งบนเก้าอี้สบาย ๆเพื่ออาบน้ำ เรามักจะได้ยินเสียงคนมีอาการวูบล้มลงขณะเริ่มอาบน้ำ ทำไมเราไม่เคยได้ยินว่าตกที่อื่น? เมื่อฉันเข้าร่วมหลักสูตรวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีศาสตราจารย์จากสภาการกีฬาแห่งชาติซึ่งเข้าร่วมหลักสูตรนี้แนะนำว่าคุณไม่ควรสระผมก่อนอาบน้ำและควรล้างส่วนอื่น ๆ ของร่างกายก่อน เนื่องจากเมื่อศีรษะเปียกและเย็นเลือดจะไหลไปที่ศีรษะเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น หากหลอดเลือดแคบลงก็มีโอกาสที่จะทำให้เส้นเลือดแตกได้ เนื่องจากมักเกิดขึ้นในห้องน้ำอย่าลืมสร้างความตระหนักรู้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นอีก 1. เปียกก่อนจากฝ่าเท้า 2. น่อง 3. ต้นขา 4. หน้าท้อง. 5. ไหล่ 6. หยุดชั่วคราว 5-10 วินาที 👉เราจะรู้สึกราวกับว่ามีไอน้ำ / ลมพัดออกมาจากร่างกายจากนั้นเราก็ไปอาบน้ำตามปกติ 🌻 ภูมิปัญญา: เช่นเดียวกับแก้วที่เติมน้ำร้อนแล้วเติมน้ำเย็น เกิดอะไรขึ้น? แก้วจะแตก⚡ !!! 🚿ถ้าร่างกายเรา ... พังเพราะอะไร? อุณหภูมิร่างกายของเราร้อนมากและน้ำก็เย็นมากดังนั้นหากเราอาบน้ำให้ร่างกายหรือราดศีรษะโดยตรง จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เนื่องจากเส้นเลือดแตก 🌻นี่คือสาเหตุที่เรามักจะเห็นคนล้มลงในห้องน้ำอย่างกระทันหัน เราอาจเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือไมเกรนเนื่องจากการอาบน้ำผิดวิธี 🚿วิธีการอาบน้ำนี้เหมาะสำหรับทุกวัยโดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ คอเลสเตอรอลและไมเกรน )ปวดศีรษะ) รวมถึงผู้สูงอายุ ไม่ควรอาบน้ำเย็นเพื่อความปลอดภัยและหาเก้าอี้นั่งอาบน้ำจะดีที่สุด 🚫อย่าขี้เหนียวกับความรู้โปรดแบ่งปันเพิ่มเติม ..
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ช่วยแบ่งปันโพสต์นี้ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ " การกินผลไม้ในตอนท้องว่าง " สิ่งนี้จะเปิดดวงตาของคุณ! อ่านให้จบ และส่งมันให้กับรายชื่อ e-list ของคุณทั้งหมด ฉันเพียงทำมัน ! ดร. สตีเฟ่น หมาก ทำการรักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายโดยวิธีการ “Un-Orthodox”และผู้ป่วยจำนวนมากฟื้นตัว ก่อนที่เขาได้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อกำจัดการเจ็บป่วยของผู้ป่วยของเขา เขาเชื่อในการรักษาโดยทางธรรมชาติในร่างกายต่อความเจ็บป่วย ช่วยดูบทความของเขาด้านล่าง มันเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการรักษาโรคมะเร็ง เมื่อเร็วๆนี้ อัตราความสำเร็จของฉันในการรักษาโรคมะเร็งคือประมาณ 80% ผู้ป่วยโรคมะเร็งไม่ควรตาย การรักษาโรคมะเร็งถูกค้นพบแล้ว – มันอยู่ในวิธีที่เรากินผลไม้ ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ฉันขอโทษสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งหลายร้อยคน ที่ตายภายใต้การรักษาธรรมดาทั่วไป " การกินผลไม้ " เราทุกคนคิดว่าการกินผลไม้ หมายถึงเพียงแค่ การซื้อผลไม้ ตัดมัน และก็ใส่มันเข้าไปในปากของเรา มันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด มันสำคัญที่จะทราบวิธีการและ * เมื่อไหร่ * ที่จะกินผลไม้ วิธีที่ถูกต้องของการกินผลไม้อย่างไร? มันหมายถึง " ไม่กินผลไม้ " หลังมื้ออาหารของคุณ ! ผลไม้ควรกินในตอนท้องว่าง ถ้าคุณกินผลไม้ในตอนท้องว่าง มันจะมีบทบาทสำคัญ ในการล้างพิษในระบบของคุณ, ให้การจัดการที่ดีของพลังงาน เพื่อลดน้ำหนัก และกิจกรรมในชีวิตอื่น ๆ แก่คุณ " ผลไม้เป็นอาหารที่สำคัญที่สุด " สมมติว่า .. คุณกินสองชิ้นของขนมปัง แล้วชิ้นหนึ่งของผลไม้ ชิ้นของผลไม้ > พร้อมที่จะผ่านตรงไปสู่กระเพาะลงไปในลำไส้ > แต่มันถูกขัดขวางจากการทำเช่นนั้น เนื่องจากขนมปังถูกกินก่อนผลไม้ ในระหว่างนั้น อาหารทั้งมื้อของขนมปังและผลไม้นั้น จะเน่าเปื่อย และบูด และเปลี่ยนเป็นกรด ในนาทีที่ผลไม้เข้ามาสัมผัสกับอาหาร ในกระเพาะอาหาร และน้ำย่อย, มวลอาหารทั้งหมดเริ่มที่จะเปื่อยเน่า ดังนั้นโปรดกินผลไม้ของคุณในตอน * ท้องว่าง * หรือก่อนมื้ออาหารของคุณ! คุณเคยได้ยินคนบ่น : ทุกครั้งที่ ฉันกินแตงโม-ฉันเรอ เมื่อฉันกินทุเรียน-ท้องของฉันพองขึ้น เมื่อฉันกินกล้วย-ฉันรู้สึกเหมือนวิ่งเข้าห้องน้ำ ฯลฯ .. ฯลฯ .. จริง .. ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณกินผลไม้ตอนท้องว่าง ผลไม้ผสมกับการเน่าเปื่อยของอาหารอื่น ๆ และผลิตก๊าซ และด้วยเหตุนี้ ตัวคุณจะขยาย! ผมสีเทา, หัวล้าน, การระเบิดทางประสาท และรอยคล้ำใต้ดวงตา ทั้งหมดเหล่านี้จะ * ไม่เกิดขึ้น * ถ้าคุณกินผลไม้ตอนท้องว่าง ไม่มีสิ่งเช่นนั้นหรอก ที่ผลไม้บางอย่าง เช่นส้มและมะนาวเป็นกรด เพราะผลไม้ทั้งหมด > กลายเป็นด่างในร่างกายของเรา ตามที่ ดร.เฮอร์เบิร์ด เชลตัน ผู้ทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าคุณได้เข้าใจถ่องแท้ วิธีที่ถูกต้องของการกินผลไม้ คุณมี * ความลับ * ของความงาม อายุยืน สุขภาพ พลังงาน ความสุข และน้ำหนักที่ปกติ เมื่อคุณต้องการดื่มน้ำผลไม้ - ดื่มเพียงแค่ * น้ำผลไม้สดเท่านั้น * ไม่ใช่จากกระป๋อง แพ็ค หรือฃวด อย่าแม้แต่ .. จะดื่มน้ำผลไม้ที่ผ่านการทำให้ร้อนขึ้น อย่ากินผลไม้ปรุงสุก เพราะคุณไม่ได้รับสารอาหารทั้งหมด คุณจะได้รับรสชาติของมัน การปรุงสุก ทำลายวิตามินทั้งหมด แต่กินผลไม้ทั้งผล จะดีกว่า การดื่มน้ำผลไม้ หากคุณควรดื่มน้ำผลไม้สด ดื่มมันคำหนึ่ง โดยคำหนึ่งช้าๆ เพราะคุณต้องปล่อยให้มัน > ผสมกับน้ำลายของคุณ ก่อนที่จะกลืนกินมันลงไป คุณสามารถดำเนินต่อไป ในการกินมังสวิรัติผลไม้ 3 วัน เพื่อทำความสะอาด หรือล้างพิษในร่างกายของคุณ เพียงแต่ กินผลไม้ และดื่มน้ำผลไม้สด ตลอดทั้ง 3 วัน แล้วคุณจะต้องแปลกใจ เมื่อเพื่อนของคุณ บอกคุณว่า คุณดูเปล่งประกายอย่างไร! กีวี : เล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่ นี้เป็นแหล่งที่ดีของ โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, วิตามินอี และไฟเบอร์ ปริมาณวิตามินซีของมันคือ สองเท่าของส้ม แอปเปิ้ล : แอปเปิ้ล 1 ผล ต่อวัน ช่วยให้ห่างไกลจากแพทย์? แม้ว่าแอปเปิ้ลมีปริมาณวิตามินซีต่ำ แต่ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระ และ flavonoids ซึ่งจะช่วยเพิ่มการทำงานของวิตามินซี จึงช่วยในการลดความเสี่ยงของ มะเร็งลำไส้ใหญ่ หัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง สตรอเบอร์รี่ : ผลไม้ป้องกัน สตรอเบอร์รี่มีความสามารถ ในการต้านอนุมูลอิสระสูงสุดในบรรดาผลไม้ที่สำคัญ และป้องกันร่างกายจากโรคมะเร็ง หลอดเลือดอุดตัน และอนุมูลอิสระ ส้ม : ยาที่หวานที่สุด กินส้ม 2-4 ผลต่อวัน อาจช่วยขจัดโรคหวัดออกไป, ลดคอเลสเตอรอล, ป้องกันและละลายนิ่วในไต, และลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ แตงโม : ดับกระหายที่ยอดที่สุด ประกอบด้วยน้ำ 92% มันถูกบรรจุด้วยปริมาณ " กลูตาไธออน " จำนวนมากมาย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของเรา พวกเขายังเป็นแหล่งสำคัญของ " ไลโคปีน " อนุมูลอิสระที่ต่อสู้กับโรคมะเร็ง สารอาหารอื่นๆ ที่พบในแตงโม คือ วิตามินซี และโพแทสเซียม ฝรั่ง และมะละกอ : รางวัลสูงสุดสำหรับวิตามินซี พวกเขาเป็นผู้ชนะที่ชัดเจน สำหรับปริมาณวิตามินซีสูงของพวกเขา ฝรั่ง-ยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการท้องผูก มะละกอ-อุดมไปด้วยแคโรทีนๆนี้ เป็นสิ่งที่ดี สำหรับดวงตาของคุณ ################## การดื่มน้ำเย็น หรือเครื่องดื่มเย็นหลังอาหาร = มะเร็ง คุณสามารถเชื่อสิ่งนี้หรือไม่? สำหรับผู้ที่ชอบดื่มน้ำเย็น หรือเครื่องดื่มเย็น, บทความนี้เหมาะสมกับคุณ อย่างไรก็ตาม น้ำเย็น หรือเครื่องดื่มเย็น จะทำให้ของมันๆที่คุณเพิ่งจะได้กินเข้าไป-แข็งตัว จะทำให้การย่อยอาหารช้าลง ครั้งหนึ่ง “ ตะกอนนี้ ” จะทำปฏิกิริยากับกรด จะแยกตัว และถูกดูดซึมโดยลำไส้ เร็วกว่าอาหารที่เป็นของแข็งจะเรียงตัวที่ลำไส้ ในไม่ช้า จะกลายเป็นไขมัน และนำไปสู่โรค​​มะเร็ง! มันดีที่สุด ที่จะดื่ม น้ำซุปร้อนหรือน้ำอุ่น หลังอาหาร หมายเหตุที่สำคัญ เกี่ยวกับหัวใจวาย กระบวนการหัวใจวาย : ( สิ่งนี้ไม่ตลก! ) ผู้หญิงควรจะทราบว่า > ไม่ใช่ทุกอาการหัวใจวาย จะเป็นการเจ็บปวดที่แขนซ้าย โปรดระวังความเจ็บปวดที่รุนแรง ในแนวกราม ขากรรไกร คุณอาจจะไม่เคยเจ็บหน้าอก เป็นอันดับแรก ระหว่างในช่วงของหัวใจวาย อาการคลื่นไส้ และเหงื่อออกมาก คือ อาการทั่วไปด้วย หกสิบเปอร์เซ็นต์ ของคนที่มีอาการ " หัวใจวายขณะที่พวกเขานอนหลับ " จะไม่ตื่นขึ้นมา อาการปวดกราม สามารถให้คุณตื่นขึ้นมา จากการหลับสนิท โปรดระมัดระวังและเฝ้าระวัง ยิ่งเรารู้ เรายิ่งมีโอกาสที่ดีกว่า ที่เราสามารถอยู่รอดได้ แพทย์โรคหัวใจพูดว่า : ถ้าทุกคนที่ได้รับอีเมล์นี้ โปรดส่งมันให้กับ 10 คน คุณสามารถแน่ใจได้ว่า เราจะรักษาอย่างน้อยที่สุด หนึ่งชีวิตไว้ ดังนั้นช่วยทำ อย่างน้อยที่สุด 1 งานที่ดี ในวันนี้
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    ยาลดน้ำหนัดลดได้จริงหรือไม่จริง
    ยาลดความอ้วน หนึ่งตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่หลายคนเลือกเพื่อรีดน้ำหนักส่วนเกินออกจากร่างกาย เพราะเชื่อว่าสามารถช่วยให้น้ำหนักลดลงได้เร็ว ซึ่งจริง ๆ แล้วยาชนิดนี้มีทั้งคุณและโทษ จึงมีความจำเป็นที่ผู้คิดจะใช้ยาลดน้ำหนักต้องเรียนรู้เกี่ยวกับยาเหล่านี้ให้มากขึ้น เพื่อความปลอดภัย และการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ ยาลดความอ้วน ถือเป็นเพียงตัวช่วยหนึ่งในการลดน้ำหนักเท่านั้น เพราะมีผลข้างเคียงมาก และต้องใช้ควบคู่กับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่สามารถช่วยให้ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักสามารถบรรลุเป้าหมายได้ด้วยการรับประทานยาเพียงอย่างเดียว ขณะที่ประสิทธิภาพของยาลดความอ้วนจะช่วยให้ลดน้ำหนักลงได้เพียง 5-10% ต่อปีเท่านั้น อีกทั้งยาลดความอ้วนที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องยังเป็นยาที่ใช้กับคนเฉพาะกลุ่มอีกด้วย ทั้งนี้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่ายาลดความอ้วนสามารถใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย ซึ่งความจริงแล้วหากเป็นยาที่แพทย์เป็นผู้สั่งจ่าย ก็จะใช้กับผู้ที่ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยการควบคุมอาหาร หรือไม่สามารถออกกำลังกายเนื่องจากปัญหาสุขภาพ เช่น ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงกว่า 30 ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงกว่า 27 และมีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนโดยตรง ได้แก่ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง ภาวะคอเลสเตอรอลสูง โรคหัวใจ ความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
    KingTVz456za
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false