1 คนสงสัย
ปาตี้ยา
#วัยรุ่นเกือบร้อยปิดรีสอร์ต ปาร์ตี้วันเกิด #มั่วสุมเสพยานรก ยึดยา-ปืนเพียบ

ตำรวจนำกำลังบุกรวบกลุ่มวัยรุ่นกว่า 80 คน เหมารีสอร์ตพัทลุง ปาร์ตี้วันเกิด มั่วสุมเสพยานรก ยึดของกลางเพียบ อาวุธปืน 12 กระบอก คุมตัวดำเนินคดี

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 13 มิ.ย.2566 พ.ต.ท.ธนภัทร บุญชนะ สว.ปฏิบัติการ กก.สส.2 พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรวิทย์ เพ๊ชรสีขาว สว.กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.9 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรพัทลุง ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจพัทลุง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากพะยูน สนธิกำลัง เข้าตรวจค้นรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ดอนประดู่ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง หลังรับแจ้งเครือข่ายกลุ่มวัยรุ่นจากนอกพื้นที่ ทั้ง จ.สงขลา ยะลา นครศรีธรรมราช มาร่วมจัดปาร์ตี้วันเกิดกัน

โดยเจ้าหน้าที่ได้แกะรอยติดตามกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า “ไม่รู้คับ ไม่รับรู้ ทุกการลงทุนหวังรุนเสมอ” โดยพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นได้เดินทางมาพบกันหลังเที่ยงคืน ก่อนเหมารีสร์อตเปิดห้องพัก และจัดปาร์ตี้ยาเสพติดบริเวณห้องประชุม

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พ.ต.อ.ภาคิน ณ.ระนอง รอง ผบก.ภจ.ว.พัทลุง จึงนำกำลังปิดล้อมตรวจค้น พบกลุ่มวัยรุ่นชายและหญิง อายุ 18-35 ปี ร่วมปาร์ตี้เสพยาเสพติดภายในห้องดังกล่าวจำนวนมาก รวมทั้งกำลังส่วนหนึ่งได้ปิดล้อมห้องพักที่มีกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงพักรวมกัน ก่อนจัดการตรวจค้น พบกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดมากกว่า 80 คน บางคนยังอยู่ในอาการมึนเมา และหัวสั่น

นอกจากนี้ ตรงบริห้องประชุมที่จัดปาร์ตี้ทางเจ้าหน้าที่พบอาวุธืนพกสั้น พร้อมยาเสพติด ทั้งประเภทยาบ้า ยาไอซ์ และยาเคตกอยู่จำนวนมาก และบริเวณรอบห้องพักรีสอร์ตยังมีการโยนอาวุธปืน และยาเสพติดทิ้งไว้เกลื่อน เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดเพื่อแยกหาเจ้าของ ก่อนควบคุมตัวกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดคัดแยกเพื่อหาสารเสพติด

การตรวจค้นครั้งนี้เจ้าหน้าที่ยึดอาวุธปืนพกสั้นรวม 12 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน ยาเสพตดิดชนิดต่างอีกจำรวนหนึ่ง สำหรับความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

ที่มา : ข่าวสด
std48950
 •  1 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    คำเตือน!!!โปรดเรียนรู้จากสิ่งนี้
    คำเตือน!!!โปรดเรียนรู้จากสิ่งนี้ เวลาที่คุณเดินทางโดยเครื่องบิน ให้ระวังผู้โดยสารที่นั่งข้างๆ และพูดคุยอย่างเป็นมิตร หญิงชราเข้ามานั่งข้างฉันในเครื่องบิน เธอขอให้ฉันช่วยวางกระเป๋าในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ แต่สุภาพบุรุษที่นั่งตรงข้ามก็เข้ามาช่วยอย่างรวดเร็ว (ฉันไม่สูงมากและช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะเป็นสิ่งที่ฉันพยายามหลีกเลี่ยงในทุกกรณี) เธอนั่งลงทันที และเริ่มบทสนทนา เธอพูดจาไพเราะมาก ดังนั้น เราจึงคุยกันตลอดเที่ยวบินไปดูไบ ทันใดนั้น เมื่อนักบินประกาศว่าเรากำลังเริ่มเดินทางมุ่งสู่ DXB เพื่อนใหม่ของฉันเกิดปวดท้อง กระทันหัน ฉันรีบกดปุ่มเรียกพนักงานต้อนรับและบอกว่าเธอไม่สบาย ผู้หญิงคนนี้ เริ่มเรียกฉันว่า 'ลูกสาวของฉัน' แอร์โฮสเตสบอกฉันว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากให้ยาแก้ปวดและรอจนกว่าเครื่องจะลงจอด นักบินประกาศว่าเรามีเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์บนเครื่อง และแนะนำให้เราทุกคนอยู่ในความสงบ เพื่อนใหม่ของฉันกำลังร้องไห้และเหงื่อออกอย่างบ้าคลั่ง และเธอไม่ยอมปล่อยมือฉัน ทำให้ทุกคนคิดว่าเรารู้จักกัน เมื่อเราลงจอดที่ DXB สุภาพบุรุษคนเดียวกับที่ช่วยวางกระเป๋าของเธอในช่องเหนือศีรษะ ก็ลุกขึ้นมาช่วยหยิบกระเป๋าเดินทางของเธอ แต่เมื่อเขาหยิบสัมภาระของเธอออกมา เขาแนะนำให้ฉันทำตัวห่างเหินจากผู้หญิงคนนี้ และบอกให้ลูกเรือรู้ว่าเราไม่ได้เดินทางมาด้วยกัน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมาถามฉันว่าเราสนิทกันไหม ฉันยืนยันกับพวกเขาว่าเราเพิ่งพบกันบนเครื่องบิน ฉันไม่รู้จักเธอเลย เมื่อเราเริ่มเดินลงจากเครื่องและฉันกล่าวคำอำลา เธอก็ขอร้องให้ฉันถือกระเป๋าถือของเธอ ฉันรู้สึกลังเล แต่สุภาพบุรุษคนนั้นมองตาฉันและส่ายหัวอย่างหนักแน่น เขาส่งข้อความบอกฉันให้ลูกเรือช่วยจัดการแทน ฉันจึงออกจากเครื่องบินและปล่อยให้ 'เพื่อนใหม่' ของฉันรอรถเข็นกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ระหว่างที่รอกระเป๋า ฉันได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย 'เพื่อนใหม่' ของฉันกำลังวิ่งหนี เธอลุกจากรถเข็น ทิ้งกระเป๋าถือไว้กับแอร์โฮสเตสแล้ววิ่งไปที่ทางออกพร้อมกับสัมภาระที่เหลือของเธอ! โชคดีที่ตำรวจสนามบินเร็วกว่า พวกเขาจับเธอและนำตัวกลับมาพร้อมกุญแจมือ ผู้หญิงคนนี้เริ่มโทรหาฉัน.. " ลูกสาวของฉันๆ !.. เธอทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง!! เธอขนยาเสพติดและพยายามจะโยนความผิดให้ฉัน!" โชคดีที่สุภาพบุรุษคนนั้นบอกตำรวจสนามบิน ว่าฉันและเธอเพิ่งพบกันบนเครื่อง ตำรวจนำหนังสือเดินทางของฉันไปและขอให้เธอเปิดเผยชื่อเต็มของฉันหากเราเดินทางไปด้วยกันจริง ขอบคุณพระเจ้า!! ฉันไม่ได้บอกชื่อของฉันกับเธอด้วยซ้ำ ฉันถูกสั่งให้ตามตำรวจไปที่ห้องเล็กๆ และถูกสอบสวนอย่างละเอียด ฉันพบเธอที่ไหน...ฉันขึ้นที่ไหน...เธอขึ้นที่ไหน ฯลฯ... และกระเป๋าเดินทางของฉันก็ถูกค้นและปัดฝุ่นอย่างถี่ถ้วนเพื่อหาลายนิ้วมือ พวกเขาตรวจพิสูจน์กระเป๋าเดินทางของเธอทั้งหมดและไม่พบลายนิ้วมือของฉันในกระเป๋าเดินทางหรือกระเป๋าถือของเธอ! ฉันถูกปล่อยตัวพร้อมกับคำแนะนำ ว่าไม่ให้แตะต้องกระเป๋าเดินทางของใครเลย ไม่ว่าจะบนเที่ยวบินหรือที่สนามบิน จากวันนั้น ฉันไม่สนหรอกว่าคุณจะมีสัมภาระมากแค่ไหน คุณจะต้องจัดการกับมันเอง ฉันจะไม่เสนอรถเข็นให้คุณวางกระเป๋าเดินทางของคุณ! สัมภาระของคุณ คือปัญหาของคุณ...และถ้าคุณไม่สามารถเอื้อมถึงห้องเก็บของเหนือศีรษะได้ และฉันเป็นคนที่ใกล้ที่สุด โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่บนเครื่อง เพราะทั้งหมดที่ฉันจะทำคือจ้องมองคุณเปล่าๆ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง! ข้อมูล - WhatsApp
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือบทความนี้เขียนโดย Kobayashi Koichi มหาวิทยาลัยนาโกย่า
    Kobayashi Koichi ศาสตราจารย์ญี่ปุ่น วิเคราะห์อเมริกา น่าศึกษายิ่ง สื่อญี่ปุ่น: ภายใน 10 ปีสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะล่มสลาย เหมือนอดีตสหภาพโซเวียต! วารสารวิชาการชื่อ "Izu View the World" ตีพิมพ์บทความของ Kobayashi Koichi ศาสตราจารย์ด้านการเมืองระหว่างประเทศ แห่งมหาวิทยาลัยนาโกย่า บทความนี้เชื่อว่า ภายใน 10 ปีข้างหน้าสหรัฐฯมีแนวโน้ม ที่จะแตกแยกและล่มสลายอย่างกะทันหัน! เมื่อบทความนี้เผยแพร่ออกไป ก็ทำให้เกิดความฮือฮาไปทั่วโลกทันที บทความที่ลงหัวข้อนี้ "A Split United States and the Split of the United States" เชื่อว่ามีความขัดแย้งสามอย่าง ในสหรัฐอเมริกา ที่ไม่มีทางเอาชนะได้ และข้ามผ่านไม่ได้ โดยฝังรากลึก ซึ่งจะส่งเสริมสหรัฐอเมริกาให้มีอำนาจ อยู่ยงคงกระพัน เช่นเดียวกับอดีตสหภาพโซเวียต แต่ในที่สุดก็จะนำไปสู่การสลายตัว ที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ เป็นเพียงวิถีการสูญพันธุ์ของพวกมันเกิดขึ้น ในทิศทางตรงกันข้าม 1. ความขัดแย้งทั้งสามนี้ ได้แก่ 1) การเหยียดผิวที่ฝังรากลึกความขัดแย้งทางเชื้อชาติ 2); พลังของกลไกภายในของระบบประชาธิปไตยอเมริกัน กำลังอ่อนล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ 3) การเรียกร้องเสรีภาพมากเกินไปของผู้คน และความขัดแย้งระหว่างความเป็นจริง และความสามารถที่จะให้ได้ ความขัดแย้งทั้งสามนี้ กลายเป็นโรคเรื้อรังที่สังคมอเมริกัน ไม่สามารถรักษาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความขัดแย้งทางเชื้อชาติ และความแตกแยกทางเชื้อชาติเป็นอุปสรรคของคนอเมริกัน? เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในเมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน เจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวยิงปืนถึงเจ็ดนัด เข้าที่ด้านหลังของชายผิวดำ เพราะเขาปฏิเสธที่จะให้สอบปากคำ ทำให้เกิดการจลาจลตามมา ต่อมามีวัยรุ่นผิวขาวอีกคน ยิงใส่ผู้ชุมนุมบริเวณ "สำนักงานคุ้มครอง" ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย เหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้เกิดการประท้วงระดับชาติอีกครั้ง ห่างจากคดีตำรวจปราบจลาจล "จอร์จ ฟลอยด์" ในรัฐมินนิโซตา เพียงสามเดือน มันเกิดอะไรขึ้นกับสหรัฐอเมริกา? การจลาจลทางเชื้อชาติเกิดขึ้นหลายครั้ง ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา แต่ความแตกต่างคือ ในอดีตส่วนใหญ่กระจุกตัว อยู่ในถิ่นฐานของคนผิวดำ แต่ขณะนี้ ด้วยความแพร่หลายของโทรศัพท์มือถือ การสื่อสารแบบใหม่ ความดึงดูดทางอารมณ์ร่วมของมวลชน และความสามารถในการระดมคนในสังคมอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ อาจจุดชนวนลุกลามทั่วสหรัฐอเมริกาในทันที ในทางกลับกัน กลุ่มคนผิวขาวหัวรุนแรง ได้เพิ่มความยึดโยงกันเหนียวแน่นขึ้น และมีการขยายตัวของพวกเขาด้วยเช่นกัน กองกำลังติดอาวุธ ได้โลดแล่นไปตามท้องถนน ด้วยปืนไรเฟิลอัตโนมัติ และบางครั้ง ตำรวจก็มองว่า พวกเขาเป็นตัวช่วย ในการรักษาระเบียบสังคม เป็นผลให้เกิดการจลาจลทางชาติพันธุ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น กองกำลังติดอาวุธผิวขาวหัวรุนแรง มีความหยิ่งผยองมากขึ้น และประธานาธิบดีทรัมป์ก็จุดฟืนโหมไฟตลอดทั้งวัน สร้างความแตกแยกทั้งภายในและภายนอก ปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกัน เป็นเพียงอุบัติเหตุหรือไม่? หรือเป็นอาการของการเสื่อมถอย ในโครงสร้างของอเมริกา? เมื่อปี 2019 การสำรวจของสถาบัน Brookings ในสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยรายงาน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนทางชาติพันธุ์ ของประชากรในสหรัฐอเมริกา เห็นได้ชัดว่าเหมือนคำถามมากมาย ได้รับคำตอบ ในปี 1980 ชาวอเมริกันผิวขาว คิดเป็น 79.6% ของประชากร ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำ รวมถึงชาวลาติน ชาวเอเชียและคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่คนผิวขาว ในปี 2018 คนผิวขาวคิดเป็น 60.4% ส่วนคนที่ไม่ใช่คนผิวขาว คิดเป็นเกือบ 40% เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป40ปี ประชากรคนผิวขาวลดลง 20% ส่วนประชากรอายุต่ำกว่า 15 ปี ในปี 1980 คนผิวขาวคิดเป็น 73% แต่ในปี 2018 คนผิวขาวมีสัดส่วนเพียง 49.9% ลดลง เหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่ง จากแนวโน้มดังกล่าว อีกประมาณ 20 ปีข้างหน้า ประชากรผิวขาวจะเหลือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรในประเทศและคนผิวขาว อายุต่ำกว่า 30 ปีจะกลายเป็นชนกลุ่มน้อย ที่ชัดเจน การเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณ ในโครงสร้างทางประชากรนี้ จะเปลี่ยนการเมืองอเมริกันโดยพื้นฐาน มีประเด็นสำคัญสองประการ ประการหนึ่งคือจากรัฐบาลกลางไปจนถึงระดับท้องถิ่น คนที่ไม่ใช่คนผิวขาว จะควบคุมอำนาจ ได้มากขึ้น ประการที่สองคือ คนที่ไม่ใช่คนผิวขาว จะแก้ไขการแจกจ่ายทรัพยากรทางเศรษฐกิจและสังคม ให้ยุติธรรมเสียใหม่ ผ่านการออกเป็นกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงพื้นฐาน ของอำนาจทางการเมือง และทรัพยากรทางสังคมและเศรษฐกิจ จะทำให้ความแตกแยกทางสังคมรุนแรงขึ้น และนำมาซึ่งความทุกข์ทรมาน การเติบโตอย่างรวดเร็ว ของกลุ่มคนผิวขาวที่ก้าวร้าวในปัจจุบัน รวมถึงการเกิดกระแสนิยมของทรัมป์ เป็นผลิตผลมาจากความกลัวกังวลของคนผิวขาว ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปัจจุบัน ไม่ว่าใครจะชนะ อีกฝ่ายจะตกอยู่ในความสิ้นหวัง และความโกรธที่ฉุนเฉียว ทางออกที่สหรัฐฯสามารถทำได้คือ การเมืองแบบตัวแทนของอเมริกาที่เกิดจากการผสมผสาน ระหว่างลัทธิเสรีนิยม ปัจเจกนิยม และทุนนิยมและปักใจเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่า นี่คือแนวทางการปกครอง ที่มีคุณธรรมสูงสุด และมีประสิทธิผลสูงสุด สำหรับมนุษยชาติในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม โรคไวรัสโควิด ที่ระบาดไปทั่วโลก ได้ทำลายภาพลวงตานี้ เผยให้เห็นความจริงว่า สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ มีผลการดำเนินงาน แย่ที่สุดในโลก การปกครองแบบอเมริกัน ไม่เพียงแต่ไม่ช่วย แต่ยังทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก นอกจากนี้ยังช่วยให้ความเจ็บป่วย ทางเชื้อชาติเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมดั้งเดิมสามารถเกิดขึ้นพร้อมกัน และไม่สามารถควบคุมได้ แม้จากมุมมองของการเมืองเชิงประชากร ที่เรียบง่าย ประเทศใดในโลกที่สามารถรักษาเอกภาพของการเมือง และดินแดนไว้ได้เป็นเวลานาน โดยไม่มีเชื้อชาติประชากร เป็นคนส่วนใหญ่ที่มั่นคง? ไม่มีเลย ด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ของอเมริกันผิวดำ ที่ถูกค้ามนุษย์กดขี่ และเลือกปฏิบัติ โดยคนผิวขาว ความแตกแยกครั้งใหญ่ในอนาคตในสหรัฐอเมริกา จะเต็มไปด้วยความเกลียดชังและการเสียเลือดเนื้อ และมีความเป็นไปได้มาก ที่จะระเบิดเป็นสงครามกลางเมือง ในทันที สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ มีอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก การแตกสลายของสหรัฐอเมริกานั้น ร้ายแรงกว่าอดีตสหภาพโซเวียตมาก มันจะเป็นความหายนะของมนุษยชาติซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้ เมื่อสามสิบปีที่แล้วระหว่างเรากับคนรุ่นนี้ ดูเหมือนว่าการอพยพไปยังสหรัฐอเมริกาเป็นจุดหมายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในแผนที่เส้นทางสู่ความสำเร็จในชีวิต เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ในอีก 20 ปีข้างหน้าเส้นทางการอพยพจะถูกย้อนกลับ และชาวอเมริกันจำนวนมากอาจต้องการย้ายไปประเทศอื่น ภายใน 10 ปีสหรัฐอเมริกาจะล่มสลายหรือไม่? ゚ สิ่งนี้ฟังดูเหมือนนิทานอาหรับราตรี ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเหลือเชื่อ เช่นเดียวกับการสลายตัวของสหภาพโซเวียต ในตอนนั้น มันเกินความคาดหมายของผู้คน อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ก็เป็นเช่นนี้ เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเสมอ! คุณไม่มีทางรู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นการล่มสลายและการสลายตัวของสหรัฐอเมริกาโดยเนื้อแท้ แล้วแต่สวรรค์จะเป็นอะไร? ภาพยนตร์เรื่อง "Loying Gorge" ที่ถ่ายทำในปี 1971 มีการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับสวรรค์และมนุษยชาติ "ความดีและความชั่วจะได้รับการตอบแทน "ชาติบ้านเมืองและหน่วยงานทางการเมืองก็เหมือนกับบุคคล หากทำสิ่งเลวร้ายไม่เลิกก็จะได้รับการแก้แค้นจากพระเจ้าด้วย สหรัฐอเมริกา? ตามคำพูดของคนทั่วไป มันไม่ได้ทำสิ่งที่ดีเลย ในช่วง 200 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้ง ประเทศ ที่ชอบกำหนดเจตจำนงของตนเองบังคับต่อชาติอื่น ชาติที่ชอบที่จะทำลายชาติอื่น องค์กรทางการเมืองที่ขยายไปทุกหนทุกแห่ง ครอบงำผู้คนและอวดความแข็งแกร่งไปทุกหนทุกแห่ง ในที่สุดก็จะมีวันแห่งความเหนื่อยล้า บางทีนี่อาจเป็นกฎแห่งประวัติศาสตร์มากกว่า! ด้วยวิธีนี้ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ความเป็นจริงหรือตรรกะ สหรัฐฯดูเหมือนจะ "รุดหน้าสู่ความหายนะ" โดย: Kobayashi Koichi มหาวิทยาลัยนาโกย่า
    naydoitall
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ก่อนเช็คอินกระเป๋าเดินทางของคุณโดยเครื่องบิน ถ่ายรูปกระเป๋าของคุณเพื่อเป็นหลักฐาน สำคัญมาก! อย่าลืมถ่ายภาพกระเป๋าเดินทางของคุณด้วยโทรศัพท์ก่อนเช็คอินและเช็คอิน มันสามารถช่วยชีวิตคุณได้ดีมาก . . . . . . . . (1) เขาบินจากเยอรมนีไปไนจีเรียด้วยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ ที่สนามบินไนจีเรีย กระเป๋าเดินทางใบหนึ่งซึ่งมีป้ายชื่อของเขาหายไป เขายื่นคำร้องแต่ได้รับคำสั่งให้กลับบ้าน เจ้าหน้าที่สนามบินจะพบเขาและโทรหาเขา (2) ตอนเที่ยงคืน เขาได้รับโทรศัพท์: พบกระเป๋าของเขาและขอให้เขามารับมัน เขามาถึงสนามบินและถูกล้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัย DSS, NDLEA และคนอื่นๆ.... (3) เขาเห็นป้ายชื่อของเขา แต่กระเป๋าเดินทางไม่ใช่ของเขา! มีคนเอาป้ายชื่อเดิมของเขาออกจากกระเป๋าเดินทางที่หายและติดมันบนกระเป๋า <มียาเสพติด> เขายืนยันว่าไม่ใช่กระเป๋าเดินทางของเขาและแสดงรูปถ่ายกระเป๋าของเขาที่ถ่ายที่สนามบินเยอรมัน (4) แม้จะมีหลักฐานภาพถ่าย แต่เขาก็ถูกบันทึก ตรวจสอบ และควบคุมตัวอย่างจริงจัง เขาได้รับการปล่อยตัวในหลายวันต่อมา สมมติว่าเขาไม่ได้ถ่ายรูปกระเป๋าไว้ล่วงหน้า คุณเดาได้ไหมว่าความอยุติธรรมโดยไม่ได้ตั้งใจจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขา? (5) เขาไปร้องเรียนที่สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ และเกิดการจลาจลในสำนักงาน ในท้ายที่สุด สายการบินได้จ่ายเงินชดเชยจำนวนมากสำหรับปัญหาของเขา (6) เขาแนะนำผู้โดยสารทุกคน: เมื่อทำการเช็คอินอย่าลืมถ่ายรูปกระเป๋าของคุณด้วยโทรศัพท์มือถือ การกระทำนี้อาจช่วยชีวิตคุณได้ ในหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศมุสลิมในตะวันออกกลางและอินโดนีเซียและตุรกี มาเลเซีย ยาเสพติด ลักลอบมีโทษถึงตายรู้ยัง?
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือ ใช้ปรอทวัดไข้ดัดแปลงเป็นอุปกรณ์เสพยาและนำสารปรอทด้านในหรือหลอดไฟผสมสารเสพติด เสี่ยงสารปรอทเข้าสู่ร่างกายระวังร่างกายอันตรายถึงเสียชีวิต
    ปัจจุบันปัญหายาเสพติดได้แพร่ระบาดเข้าสู่กลุ่มวัยรุ่น โดยการเสพยาที่แปลกไม่ว่าจะเป็นการนำปรอทวัดไข้ที่มีขายตามร้านขายยาและร้านสะดวกซื้อทั่วไปมาดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ในการเสพยา หรือแม้กระทั้งนำสารปรอทที่อยู่ในปรอทวัดไข้มาผสมยาเสพติด ปรอทเป็นโลหะหนักมีสถานะเป็นของเหลว สามารถระเหิดกลายเป็นไอได้ดีที่อุณหภูมิห้องและจะกลายเป็นไอมากขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ไอปรอทไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่มีสีไม่มีกลิ่น หากได้รับสารปรอทเข้าสู่ร่างกายปริมาณมากแบบเฉียบพลัน จะทำให้หายใจลำบาก หอบ เจ็บหน้าอก ปากพอง เหงือกอักเสบ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องรุนแรง เลือดออกในอวัยวะภายใน ถ่ายเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด ไตวาย เกิดอาการทางระบบประสาทและอาจเสียชีวิตได้
    naydoitall
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false