1 คนสงสัย
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถฉีดวันเดียวกับวัคซีนโควิด 19 ได้
ไม่ระบุชื่อ
 •  4 ปีที่แล้ว
meter: true
1 ความเห็น

โควิด 2019วัคซีนโควิด

Thanathun. เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

เหตุผล

จากการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง วัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถฉีดวันเดียวกับวัคซีนโควิด-19 ได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ดำเนินการตรวจส

ที่มา

https://www.antifakenewscenter.com/ผลิตภ⋯ดวันเดียวกับวัคซีนโควิด-19-ได้-จริงหรือ/

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    "ศาลโลก" รับฟ้อง "พญาอินทรีย์" ปล่อยโควิด-19 สงครามชีวภาพ ในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิดเผย โดย ผู้ตัดต่อพันธุกรรมเชื้อโควิด-19 คือพญาอินทรีย์เอง... ************** โควิด-19 มาจากฝีมือมนุษย์ สั่งทำโดย โดนัล ทรัมป์ มีแหล่งที่มาจากห้องแลป ไวรัส P3 ในมลรัฐคาโรไลน่าเหนือ ของสหรัฐอเมริกา!!! นาย Greg Roubini ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองชื่อดังของสหรัฐอเมริกาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทีวีที่ 1 ของอเมริกาได้เป็นผู้เผยความลับนี้ นาย Greg เผยว่า ไวรัสโควิด-19 ได้รับการออกแบบทางพันธุกรรมเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ หรือสงครามเชื้อโรค:- - มีแหล่งที่มาจากห้องแลป BSL-3 ในมลรัฐคาโรไลน่าเหนือ พัฒนาโดย ศาสตราจารย์ราล์ฟ บาร์ริก - พร้อมกันนั้น เขาระบุว่า ไวรัสถูก “รัฐบาลมืด” จากรัฐคาโรไลน่าเหนือ ทดลองในทหารส่งไปแพร่ระบาดในการแข่งขันกีฬาในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ลุกลามไปอิตาลี และอเมริกาทั้งประเทศ ##..ก่อนหน้านี้ในวันที่ 15 มีนาคม 2564 นายเกรก ก็ได้ ทวิตข้อความถามนายทรัมป์ว่า - เหตุใดจึงไม่บอกประชาชนอเมริกาว่า ไวรัสผลิตจากอเมริกา? ทำไมไม่อธิบายให้ชัดเจนว่าตัวไวรัสเองแท้จริงแล้วคืออาวุธชีวภาพ? **บังเอิญ ศาสตราจารย์ Luc Montanier ผู้ได้รับรางวัลโนเบลเนื่องจากเป็นผู้ค้นพบไวรัสเอชไอวี (HIV) ได้เปิดเผยกับนักข่าวชาวฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า - โควิด-19 ไม่ใช่มาจากธรรมชาติ หากแต่ได้รับการพัฒนาอย่างประณีตโดยนักวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุล ***ศาสตราจารย์ Luc Montanier ยืนยันว่า เป็นเรื่องเด่นชัดที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำเชื้อไวรัสที่มาจาก ค้างคาวเข้าไปเพิ่มความเข้มข้นของเชื้อเอชไอวีเข้าไปด้วย - นี่คือ การวางยาพิษที่ชั่วร้ายที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของโลก! ***นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สุดโหด ข่าวเกี่ยวกับ “เชื้อโควิด-19 เป็นอาวุธชีวภาพที่มาจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยฝีมือมนุษย์” มีมาโดยตลอด ***นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามทำงานหาแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสโดยนักวิทยาศาสตร์อินเดียค้นพบว่า เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ มีเชื้อเอชไอวีแทรกอยู่ด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าไวรัสตัวนี้มาจากการตัดต่อทางพันธุกรรม ***กลางเดือนมีนาคม นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์พบว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 จากผู้ป่วยรายหนึ่งในรัฐวอชิงตันพบว่าวัฏจักรวิวัฒนาการของมันมียาวนานกว่าครึ่งปีมาแล้ว พร้อมๆกับการศึกษาลึกซึ้งลงไปว่า ประเทศต่างๆในโลกไม่น้อยได้เบนสายตาแห่งความสงสัยไปที่อเมริกา ประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น อิตาลี ออสเตรเลีย ล้วนมีผู้ป่วยทียืนยันว่ามีแหล่งที่มาจากอเมริกาทั้งสิ้น *** ในเวลาต่อมา ROBERT REDFIELD ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกายอมรับว่า ผู้ป่วยตายจากไข้หวัดใหญ่ในเดือนกันยายน 2019 มีอยู่ไม่น้อยที่ตายจากเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ (เกิดก่อนการระบาดที่อู่ฮั่น) - ต่อปัญหานี้โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน นายจ้าว ลี่เจียง ได้ทวิตข้อความในทวิตเตอร์ถามผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกาว่า ผู้ป่วยรายแรกของอเมริกาเกิดขึ้นตอนไหน? ชื่ออะไร? อยู่โรงพยาบาลอะไร? และเป็นไปได้อย่างมากที่ทหารอเมริกาที่มาแข่งกีฬาทหาร นำเชื้อมาแพร่ที่เมืองอู่ฮั่น ในจีน >>>>สหรัฐอเมริกาต้องโปร่งใส ต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ให้โลกได้รู้ความจริง **ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถของคณะผู้สื่อข่าวคณะหนึ่งแห่งรัฐเวอร์จิเนีย ในที่สุดก็ได้ตามหาผู้ป่วยรายแรกจนพบ นั่นก็คือ ทหารอเมริกาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทหารที่เมืองอู่ฮั่นของจีนในเดือนตุลาคม 2019 นางมีชื่อว่า "Maatje Benassi" >>>นายทหารหญิงของอเมริกาคนนี้มีภูมิหลังพิเศษตรงที่นางมีความเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการชีวเคมี P4 ของนาย FORT DETRICK *** คนในครอบครัวก็มีหลายคนที่ยืนยันว่าผู้ติดเชื้อในจำนวนนี้มีอยู่คนหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายแรกในฮอลแลนด์ ก่อนติดเชื้อ เขาเคยไปในเขตพื้นที่ลอมบาร์เดียของอิตาลี ทำให้เขตพื้นที่นั้นเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ***มาถึงตรงนี้ หลักฐานเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 มีต้นกำเนิดมาจากสหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอน มีห่วงโซ่เชื่อมร้อยอย่างครบถ้วน ทหารพิเศษ 5 คนที่อเมริกาส่งเครื่องบินมารับกลับไปภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสและห้องแลป ที่ถูกปิดตาย ก็สามารถนำมาปะติดปะต่อกันได้แล้ว หากว่ากันตามตรรกะของนายทรัมป์ เราก็สามารถเรียกเชื้อโควิด-19 ว่า เป็น "ไวรัสนอร์ธคาโรไลนา" (Virus North Carolina) หรือ "ไวรัสอเมริกา" ***ในขณะที่หลักฐานทั้งหมดต่างชี้ไปที่อเมริกา เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของสหรัฐอเมริกายอมรับอย่างเปิดเผยว่า เชื้อโควิด-19 ไม่จัดอยู่ในชั้นของโรคระบาดเท่านั้น แต่จัดอยู่ในชั้นของอาวุธชีวภาพ กรืออาวุธเชื้อโรค เหมือนไวรัสโรคไข้หวัดเสปน เมื่อ 100 ปีก่อนที่ทหารอเมริกานำไปแพร่ในเสปน >>>ความไร้ยางอายนี้ ทำให้โลกตะลึงและได้เพิ่มข้อน่าสงสัยว่าสหรัฐอเมริกา เป็นฆาตกรผู้วางยาพิษคนทั้งโลก เพียงเพื่อจะขายวัคซีนป้องกันมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ขาดดุลการค้า” >>>เรื่องทั้งหมดได้ปรากฏชัดเจนแล้ว แต่ทว่าทรัมป์ยังพยายามโยนบาปอย่างไม่คิดชีวิต กล่าวหาให้จีนรับเคราะห์แทนอย่าง น่ารังเกลียดที่สุด ***เชื้อโควิด-19 ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติและความสูญเสียที่ยากจะประเมินได้ บาปนี้มันใหญ่หลวงเกินกว่าจะโยนออกไป แล้วโทษคนอื่น ***ยังมีข้อน่าสงสัยที่นาย เกรกได้ตีแผ่ออกมา นายราล์ฟ บาร์ริค ผู้รับผิดชอบพัฒนาไวรัส รัฐคาโรไลนาเหนือคนนี้เป็นใคร *** นาย บาร์ริค มาจากมหาวิทยาลัยคาโรไลนาเหนือ เขาเป็นหัวหน้านักไวรัสวิทยาที่เปลี่ยนโฉมใหม่ของโรคซาร์สโคโรนาไวรัสโดยการตัดต่อยีนในปี 2015 - และเขายังเป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาไวรัสดังกล่าวอีกด้วย ที่น่าตกใจก็คือ เขาเป็นบุคคลที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาทางคลินิกของยาวิเศษ "RADEXIVIR" เป็นไปอย่างที่โบราณว่าไว้ คนที่วางยาพิษก่อนอื่นต้องเตรียมผลิตยาแก้ยาพิษนั้นๆไว้ก่อนเสมอ!!!! - ยา RIDESIVIR ภายหลังจากปฏิบัติการทางคลินิกและถูกตั้งข้อสงสัยโดยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของมันจึงทำให้ตกกระป๋องไปพร้อมๆกับการแพร่ระบาดที่ลุกลามออกไปทั่วโลก ***สหรัฐอเมริกากลายเป็น “ศูนย์กลางการล้างโลก” ไปแล้ว - การแพร่ระบาดในช่วงแรกของอเมริกา ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ให้ความสาคัญกับมันเลยโดยมองว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ที่หนักกว่าปกติเท่านั้นเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคนของตนเองผลิตมันขึ้นมาจนกระทั่งเพื่อนรักของเขาคือ "นายสแตนลี่ย์ เชล่า" เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งมลรัฐนิวยอร์กเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 !! >>>>ถึงเวลานี้จีนได้ฟ้องร้องต่อศาลโลกว่า อเมริกาเป็นต้นเหตุในการแพร่เชื้อโรคไวรัสโควิด-19 อย่างตั้งใจเพื่อทำลายล้างจีนและประชาชนทั่วโลก*** >>>ตอนนี้คงต้องรอดูการสืบสวนของศาลโลกว่า จะตัดสินออกมาเช่นไร? ซึ่งถึง ณ เวลานี้ ทรัมป์เริ่มรู้สึกตัว และให้ความสาคัญในระดับสูง แต่ว่าสายไปเสียแล้ว!!! https://youtu.be/Y04Qm8QVQXE ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.ขวัญชัย เสธนันท์
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จากข่าวที่ประเทศจีนพบการแพร่ระบาด "ไข้หวัดหมู" ยังไม่เคยมีการแพร่เชื้อมาสู่คน ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก จริงหรือ
    เหตุการณ์ทั้งหมดยังอยู่ในหมู ยังไม่เคยพบติดในคน และยังไม่มีการแพร่ระบาดในคนแต่อย่างใด เป็นการทดลองและมีสมมติฐานด้วยเหตุผลดังกล่าวในสัตว์ทดลอง ถึงจะพบในคน การพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ก็สามารถทำได้ง่าย เป็นเพียงเปลี่ยนสายพันธุ์ให้ตรงกับสายพันธุ์ที่มีการระบาด
    naydoitall
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ สามารถป้องกันโควิดได้ด้วยหรือไม่
    มีข่าวว่าวันที่ 1 พค. จะมีการฉีดวัคซีนให้กลุ่มคนเสี่ยงทั้ง 7 กลุ่มฟรี อยากถามว่า วัคซีนไข้หวัดใหญ่นี้ป้องกันโควิดด้วยหรือเปล่าคะ
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉีดแล้วติดมากขึ้น ประสิทธิผลวัคซีน = -26.9% การศึกษาเพื่อประเมินประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในช่วงฤดูไวรัสทางเดินหายใจปี 2024-2025. คณะผู้วิจัยได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า: • ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นถึงวัคซีนที่ใช้ไวรัสที่ ถูกเลือกและนำมาใช้ในปี 2024 ถึง 2025 เป็น best guess และ ตามปกติแล้วประสิทธิภาพจะแตกต่างไปในแต่ละปี (ข้อมูลของ US CDC เอง)  • วัคซีนที่ใช้ใน Cleveland clinic นี้ เป็น inactivated trivalent ดังนั้นไม่อาจบอกได้ว่าวัคซีนที่ ใช้กระบวนการวิธีอื่น จะได้ผลต่างไปหรือไม่ • คณะผู้วิจัยได้แจกแจงไว้แล้วว่า หลักฐานการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่นั้น มาจากการตรวจหาเชื้อ ไม่ใช่เป็นการอนุมาน จากอาการไข้หวัดซึ่งจะทำให้การวิเคราะห์ผิดพลาด • พนักงานของคลินิกคลีฟแลนด์ที่ทำงานในโอไฮโอเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2024 อุบัติการณ์สะสมของไข้หวัดใหญ่ระหว่างผู้ที่อยู่ในรัฐที่ได้รับวัคซีนและไม่ได้รับวัคซีนถูกเปรียบเทียบในช่วง 25 สัปดาห์ถัดมา การป้องกันที่ได้รับจากการฉีดวัคซีน (วิเคราะห์เป็นตัวแปรร่วมที่ขึ้นกับเวลา) ได้รับการประเมินโดยใช้การถดถอยอันตรายตามสัดส่วนของค็อกซ์ • ผลลัพธ์ จากพนักงาน 53,402 คน มี 43,857 คน (82.1%) ได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เมื่อสิ้นสุดการศึกษา ไข้หวัดใหญ่เกิดขึ้นใน 1,079 คน (2.02%) ในระหว่างการศึกษา • อุบัติการณ์สะสมของโรคไข้หวัดใหญ่มีความคล้ายคลึงกันในรัฐที่ได้รับวัคซีนและไม่ได้รับวัคซีนในระยะเริ่มต้น แต่ในระหว่างการศึกษา อุบัติการณ์สะสมของโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนมากกว่าในกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน • ในการวิเคราะห์ที่ปรับตามอายุ เพศ งานพยาบาลทางคลินิก และสถานที่ทำงาน พบว่าความเสี่ยงของโรคไข้หวัดใหญ่สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนเมื่อเทียบกับในรัฐที่ไม่ได้รับวัคซีน (HR 1.27; 95% C.I. 1.07 – 1.51; P = 0.007) ซึ่งให้ประสิทธิผลของวัคซีนที่คำนวณได้คือ -26.9% (95% C.I. -55.0 ถึง -6.6%) • บทสรุป การศึกษาครั้งนี้พบว่าการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แก่ผู้ใหญ่ในวัยทำงานมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคไข้หวัดใหญ่ที่สูงขึ้นในฤดูกาลไวรัสทางเดินหายใจปี 2024-2025 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าวัคซีนไม่มีประสิทธิผลในการป้องกันไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้. https://www.medrxiv.org/content/10.1101/2025.01.30.25321421v3?utm_source=substack&utm_medium=email ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หมอยง แจงประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 ขึ้นกับพื้นที่ อย่ายึดติดที่ตัวเลข 2021-01-14 17:21:56 สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ม.ค. 2564)--นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่รัฐบาลจะนำเข้ามาฉีดให้ประชาชน ว่า การพิจารณาเรื่องประสิทธิภาพนั้นอย่าไปยึดติดที่ตัวเลข ขอให้ยึดความเป็นจริง เนื่องจากผลทดสอบในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน            สำหรับวัคซีนของบริษัท ซิโนแว็กเทคโนโลยี จำกัด นั้น ทดสอบที่ตุรกีในบุคคลทั่วไปให้ประสิทธิภาพ 90%, อินโดนีเซียทดสอบในบุคคลทั่วไป 60% ขณะที่บราซิลทดสอบในบุคลากรทางแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูงให้ประสิทธิภาพเหลือ 50% ซึ่งวัตถุประสงค์ของการผลิตวัคซีนมี 3 ประการ คือ 1.ฉีดแล้วป้องกันการติดเชื้อ 2.ฉีดแล้วติดเชื้อแล้วแต่ไม่เป็นโรค และ 3.ฉีดแล้วเป็นโรคแล้วไม่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต           "ตอนนี้ตลาดเป็นของผู้ขาย เพราะกำลังขาดแคลน ถ้าจะให้เลือกวัคซีนที่ดีที่สุดอาจซื้อไม่ได้ แต่องค์การอนามัยโลกบอกป้องกันได้เกิน 50% ก็ยอมรับได้ ถึงแม้เราอยากได้ที่ป้องกันถึง 100%" นพ.ยง กล่าว           ตนเองคงไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้วจะมีภูมิต้านทานได้นานแค่ไหน เพราะเป็นโรคอุบัติใหม่ อย่างกรณีวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ที่ก่อนหน้านี้ระบุว่าฉีดเข็มเดียวป้องกันได้ตลอดชีวิต ตอนนี้ต้องฉีดเพิ่มอีกเข็ม และจากการศึกษาเชื้อไวรัสโควิด-19 พบการกลายพันธุ์มีน้อยกว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ประมาณสิบเท่า ซึ้งไม่กระทบต่อการผลิตวัคซีน           "ถามว่าจะป้องกันได้กี่ปี นานแค่ไหน บอกได้เลยว่าไม่รู้ เพราะวัคซีนนำมาใช้แค่ 3-4 เดือน จะให้บอกว่าป้องกันนานแค่ไหน ไม่มีใครรู้ ต้องติดตามกันต่อไป ความรู้ใหม่จะเกิดขึ้น ถ้าฉีดแล้วยังติดเชื้อก็ต้องฉีดกระตุ้นใหม่ ซึ่งอาจจะอยู่ได้อีก 5 ปี" นพ.ยง กล่าว           ส่วนการตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่ขึ้นอยู่ความเสี่ยงของแต่ละคน เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูง โดยผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีมีโอกาสเสียชีวิต 3-4% ผู้ที่มีอายุเกิน 70 ปีมีโอกาสเสียชีวิต 10% และผู้ที่มีอายุเกิน 80 ปีมีโอกาสเสียชีวิต 20% แต่ถ้าเป็นผู้ที่อายุน้อยถึงจะติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ ต่อไปโรคนี้อาจเป็นโรคไข้หวัดธรรมดาที่ติดต่อได้ง่ายในเด็กๆ แต่ติดเชื้อแล้วไม่มีอาการ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันเอง แต่ไวรัสชนิดนี้จะไม่มีวันหายไปแต่จะมีวิวัฒนาการที่ไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรง           ปัจจุบันทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปแล้วราว 30 ล้านโดส โดยเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายที่ฉีดในจีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน และวัคซีนชนิด mRNA ของไฟเซอร์ฯ ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะเจรจานำวัคซีนที่มีใช้แล้วเข้ามาทดลองฉีดในประเทศไทยว่าจะมีการตอบสนองอย่างไร           ตนเองได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน มีผู้ตอบแบบสอบถามกลับมากว่า 3.3 หมื่นคน โดยประชาชนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นที่จะรับการฉีดวัคซีน 55% มีผู้ที่ไม่ฉีด 5% เนื่องจากก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุขเกิดความกังวลว่าอาจสูญเสียงบประมาณไปเปล่าๆ หากมีการนำเข้าวัคซีนแล้วประชาชนไม่สนใจ นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังให้ความเชื่อมั่นกับวัคซีนที่ผลิตจากประเทศแถบยุโรปและอเมริกามากกว่าวัคซีนที่ผลิตจากที่อื่น           อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนยึดมั่นตามมาตรการชีวอนามัย เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย เว้นระยะห่าง ซึ่งตนเองมีประสบการณ์จากการลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขแล้วไม่ติดเชื้อหลังกักกันโรคครบกำหนดแล้ว --อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันไวรัสโคโรนา ได้จริงหรือไม่
    hussy
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว อยู่อย่างไรท่ามกลางโควิด
    นอกจากผู้สูงอายุแล้ว ผู้ที่ป่วยมีโรคประจำตัวเหล่านี้ ก็สามารถเสี่ยงติดโควิดและได้รับอันตรายจากเชื้อได้เหมือนกัน รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย และนายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระบุว่า สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวดังต่อไปนี้ อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 โรคปอด โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต อาจจะรวมถึง เบาหวาน และโรคอันตรายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย (โรค SLE) วิธีลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 สำหรับผู้มีโรคประจำตัว ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ แม้ว่าจะไม่สามารถลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้ 100% แต่ก็สามารถลดความเสี่ยง และลดอันตราย รวมถึงความรุนแรงหากติดเชื้อได้ (ดีกว่าไม่ฉีดเลย) ลดการพบปะผู้คนในสถานที่ที่มีคนรวมกันอย่างหนาแน่น ล้างมือบ่อยๆ ใช้เจลล้างมือ หรือแอลกอฮอล์ กินร้อน ช้อนตัวเอง ใช้อุปกรณ์กินอาหารแบบแยกกินคนเดียว สอบถามแพทย์ประจำตัวถึงการลดระยะเวลาในการนัดพบติดตามอาการให้น้อยลง หรือเปลี่ยนวิธีเป็นปรึกษาผ่านวิดีโอคอลแทนการเดินทางไปโรงพยาบาล
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือ ราคาค่าฉีดวัคซีนโควิด 19 ใกล้เคียงกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ และต้องฉีด 2 เข็ม ปีหน้ามีความเป็นไปได้ในการเริ่มใช้วัคซีน
    วช. เปิดเผยผลวิเคราะห์ ราคาวัคซีน COVID -19 เป็นครั้งแรก คาดน่าจะอยู่ที่เข็มละ 620 บาท ใกล้เคียงกับราคาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และต้องฉีด 2 เข็ม ทั่วโลกมีความคืบหน้าการพัฒนาอย่างช้าภายในปี 2564 น่าจะเริ่มใช้ในคน
    naydoitall
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    7 กลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    นพ.ชาตรี ดวงเนตร แนะนำเรื่องฉีดวัคซีน
    ผมกับภริยาเพิ่งไปฉีด AstraZeneca เมื่อ 2 วันก่อนนี้เองเช่นเดียวกัน ผมแนะนำให้พวกเราไปฉีดอย่างยิ่งครับ ด้วยเหตุผลดังนี้ 1. โอกาสติดโรคน้อยลง 2. เมื่อติดแล้วโอกาสตายเกือบเป็นศูนย์ 3. ตัดวงจรการแพร่โรคลง ประเทศเราค้องการคนที่มีภูมิคุ้มกันประมาณ 60% (Herd Immunity) 4. พวกเราชอบเที่ยว ต้องมี Vaccine Passport จึงจะเที่ยวได้ใน New Normal ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 5. โดยสรุป ความเห็นส่วนตัวของผมเราผู้สูงอายุควรฉีด AstraZeneca เพราะวิธีการผลิตและ effect ระยะยาวก็เป็นที่ทราบกันดีในวงการแพทย์ (คล้ายวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่พวกเราฉีดกันทุกปี) ส่วนตัวอื่นเช่น Pfizer & Moderna (messenger RNA) วงการแพทย์ไม่รู้ ผลข้างเคียงระยะยาวเลยเพราะเป็นวัคซีนที่ผลิตมาวิธีใหม่ 6. โดยส่วนตัวผมทาน Baby Aspirin วันละ 1 เม็ดหนึ่งอาทิตย์ก่อนฉีด และ 2 อาทิตย์หลังฉีดเพื่อป้องกัน Blood clots จากการฉีดวัคซีน เป็นความเห็นส่วนตัวครับและขอให้เพื่อนทุกท่านปลอดภัยนะครับ นพ.ชาตรี ดวงเนตร
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false