1 คนสงสัย
ข่าว Fake Fake : ข่าวปลอม พอกผิวด้วยฟักทอง ช่วยให้ผิวขาวขึ้น
ห้องข่าวภาคเที่ยง - มีการเผยแพร่ข้อความเรื่อง พอกผิวด้วยฟักทอง ช่วยบำรุงให้ผิวขาวขึ้น เรื่องนี้เท็จจริง​เป็น​อย่างไร ติดตามในข่าว Fake Fake วันนี้​

กรณีแนะนำเคล็ดลับความงามพอกหน้าด้วยฟักทอง ทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มกระจ่างใส ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงถึงข้อมูลดังกล่าวว่า การนำเนื้อฟักทองมาพอกนั้นไม่ได้ทำให้ผิวขาวขึ้น เนื่องจากสารอาหารส่วนใหญ่ คือ คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น แคโรทีนอยด์ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี 3 ถึงแม้จะมีวิตามินบีที่มีคุณสมบัติทำให้ผิวขาวได้ แต่ไม่ได้มีปริมาณมากพอ และถึงจะเอาเนื้อฟักทองมาพอกผิว วิตามินบีก็ไม่สามารถปลดปล่อยและซึมเข้าสู่ผิวได้

นอกจากนี้ การสัมผัสกับแสงแดด ก็เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดสีเช่นกัน ดังนั้น ผิวจะขาวขึ้นได้ จะต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด หมั่นทาครีมกันแดด ใส่เสื้อผ้าแขนยาว

ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อ ในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dtam.moph.go.th หรือ โทร. 02-591-7007
std48423
 •  2 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น

ความสวยความงามยาสมุนไพร

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    กินคอลลาเจนกับวิตามินซี ทำให้ผิวขาวจริงไหม
    มีร้านค้าออนไลน์โฆษณาว่ากินทั้งวิตามินซี และคอลลาเจนจะทำให้ขาวขึ้นได้
    chang2717129
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    น้ำยาลอกผิวขาวทำให้ผิวขาวขึ้นได้
    admin
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    พอกผิวด้วยฟักทอง ช่วยบำรุงให้ผิวขาวขึ้น
    ไม่ระบุชื่อ
     •  9 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ปากกาฟอกฟันขาวอันตรายจริงหรือไม่ ?
    “ปากกาฟอกฟันขาว” อันตรายจริงหรือไม่ ? ปากกาฟอกฟันขาวที่กำลังเป็นที่นิยมบนโลกออนไลน์ อุปกรณ์ช่วยเสริมความมันใจให้กับรอยยิ้ม ที่ราคาจับต้องได้ แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่มีอันตรายที่ซ่อนอยู่ จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า กรมอนามัยได้ให้ข้อมูลว่าอุปกรณ์ฟอกฟันขาว ที่ขายกันตามอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะมีสาร "ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์" สูงกว่า6 % และอาจจะสูงถึง15 % ซึ่งปกติ ถ้าสูงกว่า 6% ต้องได้รับความควบคุม โดย อย. เพราะสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซต์ ซึ่งมีฤทธิ์ในการฟอกสีให้ขาวขึ้นนั้น ถ้ามีความเข้มข้นสูงมาก จะเป็นอันตราย กัดกร่อนเนื้อฟัน ทำให้เนื้อฟันเสียหาย และเสียวฟันมากขึ้นได้ ถาดที่ใช้ครอบฟัน ในการฟอกสีฟัน ก็ควรทำเป็นรายบุคคลโดยทันตแพทย์ จึงจะพอดีกับฟันของแต่ละคน เพราะถ้าไม่พอดี สารฟอกฟันจะไปโดนเหงือก อาจทำให้เหงือกบวม อักเสบได้ การฟอกสีฟัน สิ่งแรกที่ควรทำคือการมาพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยสาเหตุของสีฟันเพื่อวางแผนการรักษา ตรวจสุขภาพฟันให้แน่ชัดว่าไม่มีฟันผุ อาการเสียวฟัน เนื่องจากภาวะเหงือกร่น หลังจากนั้นจะขูดหินปูน หรือขัดคราบสีออก แล้วจึงพิมพ์ปากคนไข้เพื่อสร้างแบบจำลองฟัน นำมาทำถาดฟอกสีฟันโดยทำการบันทึกสีของฟันก่อน จากนั้นจึงทำการรักษาต่อไป (แหล่งข้อมูล : https://www.thaihealth.or.th และ https://cofact.org) ทพ.พิชัย งามวิริยะพงศ์ ทันตแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้ข้อมูลว่า สารที่ใช้ในการฟอกสีฟันมีส่วนประกอบหลัก คือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือ คาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ แส่วนมากจะใช้ความเข้มข้นอยู่ที่ประมาณ 25-40% แล้วนำน้ำยาทาบนฟันทิ้งไว้ ทำ 3 รอบ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยมีการใส่อุปกรณ์ที่ทำมาเพื่อป้องกันเหงื่อให้คนไข้ โดยจะได้รับการพิมพ์ฟันทั้งฟันบนและฟันล่าง เป็นถาดสำหรับแต้มน้ำยาฟอกสีฟันเฉพาะบุคคลนั้น ๆ เพราะแต่ละบุคคลจะมีลักษณะฟันที่ไม่เหมือนกัน เป็นการป้องกันไม่ให้ตัวน้ำยาไหลไปโดนเหงือกได้ และหลังทำเสร็จควรจะงดอาหารประเภทที่มีการติดสีมาก ๆ เช่น เครื่องดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ และงดการสูบบุหรี่ บางครั้งสามารถเกิดอาการเสียวฟันได้ชั่วคราวประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารเย็นจัดไปก่อน ทั้งนี้ ทพ.พิชัย ให้ข้อแนะนำว่า ทันตแพทย์ไม่แนะนำการซื้อปากกาฟอกฟันขาวที่ให้ไปทำด้วยตนเอง การฟอกฟันขาวหรือการรักษาฟันจากอาการต่าง ๆ ควรปรึกษาก่อนทุกครั้ง เพื่อที่จะได้ตรวจและเลือกแนวทางการรรักษา หากซื้อผลิตภัณฑ์ทำเองอาจเกิดผลที่เป็นอันตรายได้ และถ้าหากตัดสินใจการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต้องได้รับการควบคุมโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และดูว่าผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ไม่สูงกว่า 6% ตามที่ อย. กำหนด และควรมีคาร์บอกซี่โพลิเมทิลีน เป็นสารหนืดที่ทำไม่ไห้น้ำยาเหลวจนเกิน เพื่อให้น้ำยาเกาะติดบนผิวฟันได้ เพราะถ้าน้ำยาไหลไปโดยเหงือกอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือไปทำให้เกิดเคมีคอลเบิร์นต่อเหงือกจะเกิดปัญหาตามมาได้ คนที่ไม่สามารถฟอกฟันขาวได้ 1.หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร 2.คนที่อายุต่ำกว่า 16 ปี เพราะชั้นเคลือบยังไม่ได้แข็งแรงมากพอ 3.ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพฟัน ควรได้รับการรักษาให้เรียบร้อยเสียก่อน เช่น ฟันผุแบบไม่รู้ตัว ฟันเป็นรู ฟันสึกจากการแปรงฟันแรงเป็นช่องเว้าเข้าไปแถวเหงือก ฟันร้าว มีรอยร้าวที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หรือเดิมคนไข้เสียวฟันอยู่แล้วแค่กินน้ำเย็นกับไอศกรีมก็เสียวฟัน แล้วยังพยายามจะไปฟอกสีฟันก็จะเกิดปัญหาแทรกซ้อนตามมาได้ 4.คนที่มีการอุดฟัน อาจจะต้องมาตรวจกับทันตแพทย์ก่อนว่าวัสดุต่าง ๆ มันอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือเปล่า เพราะบางคนแบบอาจจะอุดตั้งแต่เด็กแล้วมีรูหรือมีช่อง น้ำยาเคมีเกิดมันเล็ดลอดแทรกเข้าไป ทำให้เกิดโพรงประสาทฟันอักเสบได้ 5.ไม่เคยรักษาโรคเหงือก เลือดออกตามไรฟัน หินปูนเกาะเต็มฟันหน้าทั้งบนทั้งล่าง ต้องรักษาโรคเหงือกให้เรียบร้อยเสียก่อน ดังนั้น การฟอกสีฟันควรทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การจะซื้อปากกาฟอกฟันขาวมาใช้เองอาจจะไม่ได้เห็นผลเท่าที่ควร หรือเกิดอันตรายต่อตัวผู้บริโภคได้ และควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนรักษาฟันทุกครั้ง
    ธนกฤต ราชัย
     •  8 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ครีมขาวใสภายใน3วัน
    ภก.สมชาย ปรีชาทวีกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า หัวเชื้อผิวขาวตัวดังกล่าวจากการตรวจสอบพบว่ามีความผิดเข้าข่ายการโฆษณาเกินจริง ในกรณีที่มีการเขียนข้อความว่า สามารถทำให้ผิวขาวขึ้นโดยสามารถเปลี่ยนสภาพผิวได้จากเดิมอย่างผิดปกติ จากผิวดำกลายเป็นขาว และที่มีข้อความว่าสามารถขาวขึ้นได้ภายใน 3 วัน หรือ 7 วัน ถือว่าเป็นการโฆษณาเกินจริงอย่างแน่นอน เนื่องจากปกติแล้วไม่สามารถยับยั้งหรือเปลี่ยนแปลงการผลิต เม็ดสีเมลานิน จึงไม่สามารถทําให้สีผิวเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ รวมถึงเน็ตไอดอลชื่อดังที่มีรูปในการโฆษณาก็อาจจะมีความผิดฐานโฆษณาเกินจริงได้เช่นกัน ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ของเราอยู่ระหว่างดำเนินการแจ้งไปยังผู้โพสต์เพื่อระงับโฆษณาและดำเนินการแจ้งความผิด ซึ่งโฆษณามีความผิด ฐานเกินความจริงหรือก่อให้เกิดความไม่ยุติธรรมกับผู้บริโภค โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาทนอกจากนี้จะมีการตรวจสอบไปยังบริษัทผู้ผลิตว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโฆษณาหรือไม่ด้วย
    std48002
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    พอกผิวด้วยฟักทอง ช่วยบำรุงให้ผิวขาวขึ้น' เป็นข้อมูลเท็จ 1136
    ฟักทอง ทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มกระจ่างใส ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงถึงข้อมูลดังกล่าวว่า การนำเนื้อฟักทองมาพอกนั้นไม่ได้ทำให้ผิวขาวขึ้น
    std48040
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    น้ำยาบ้วนปากผสมน้ำส้มสายชู ทำให้ตัวขาวขึ้น จริงหรือคะ
    มีการแนะนำสูตรทำให้ตัวขาวขึ้น ด้วยการผสมน้ำยาบ้วนปากกับน้ำส้มสายชู โดยเนื้อหาในบทความเป็นการบอกวิธีแก้ปัญหาส้นเท้าแตก ด้วยการแช่เท้าในน้ำอุ่นผสมน้ำยาบ้วนปาก และน้ำส้มสายชู จริงหรือคะ
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    กินน้ำมะเขือเทศทุกวันจะทำให้ขาวจริงไหม
    การที่ผิวคนเราจะขาวขึ้นได้ ต้องเกิดจากการลดเม็ดสีเมลานีนในชั้นผิวหนังให้ได้เสียก่อน ในน้ำมะเขือเทศมี สารไลปีน ช่วยปกป้องคลอลาเจนในชั้นผิว เพราะคลอลาเจนมีส่วนช่วยให้ผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้น ช่วยเสริมความเรียบตึงให้กับผิวหนัง และยังช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับ เมื่อดื่มน้ำมะเขือเทศแล้ว สารไลโคปีนจะทำให้ ผิวเนียนละเอียด และสว่างกระจ่างใสขึ้น ดังนั้น น้ำมะเขือเทศ จึงเป็นตัวช่วยในเรื่อง ทำให้ผิวใส ไม่ได้ช่วยทำให้ผิวขาวแต่อย่างใดครับ
    M
     •  7 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    พอกผิวด้วยเนื้อฟักทอง ทำให้ขาวขึ้นได้ จริงหรือ
    มีการแชร์วิธีทำให้ผิวขาวโดยการพอกผิวด้วยเนื้อฟักทอง เพราะฟักทองเป็นพืชที่มีประโยชน์ สารอาหารส่วนใหญ่คือ คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น แคโรทีนอยด์ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี 3 ทำให้ผิวขาวได้ จริงหรือ
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อยากรู้ว่ากินคอลลาเจนช่วยให้ผิวขาวได้จริงมั้ย จะได้ซื้อมากินบ้าง
    คือเราเป็นคนที่ผิวไม่ค่อยขาวมากเท่าไหร่แต่อยากขาวขึ้นเห็นว่าคอลลาเจนช่วยได้และมีขายเยอะมากเลยอยากซื้อมาลอง
    เอเลี่ยน
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false