2 คนสงสัย
คำแนะนำหมอสถาบันแผนไทยศีรษะอโศก
(เฮ!!หมอสถาบันแผนไทยศีรษะอโศก..เริ่มปล่อยของแล้ว)
เรื่อง.ยาต้านโควิด 19
ถามมาว่า...
ดื่มน้ำขิงร้อนกับมะนาว ต้าน covid ได้จริงหรือ???

ตอบว่า..ได้จริงครับ

เรามาเข้าใจธรรมชาติของ covid ก่อนครับ

ตัวมันไม่ใช่เชื้อรุนแรง ไม่ใช่ ติดแล้วลงปอด กินปอดทันที คนเป็นก็ตายทันที

คนที่ตายเพราะร่างกายอ่อนแอจริงๆ...
และไม่ใส่ใจรักษาตนเองจริงๆครับ
(รอตรวจ... รอหมอ... รอยา... รอวัคซีน... และรอจบชีวิต)

ถ้าเราไม่รอ...และรีบลุกขึ้นรักษาตนเองก็รอดครับ

ร่างกายคนเราเมื่อภูมิต้านทานลด... ร่างกายจะสร้างเมือกหรือน้ำมูก ในระบบทางเดินหายใจ เพื่อจับเชื้อโรคไว้ไม่ให้ลงปอด

เชื้อมันจะต้องอาศัยเพาะตัวอยู่บริเวณลำคออย่างน้อย 4 วัน ร่างกายเราจึงพยายามสู้ด้วยการทำให้ไอหรือจาม เพื่อขับมันออกไป...

4 วันนี้คือช่วงเวลาทองของเราที่จะฆ่าโควิด... ทำลายมันก่อนที่จะแพร่เชื้อไปที่ปอด...

ให้เรานำขิงมา 1 แง่ง ทุบใส่ในกาน้ำร้อน
มะนาว 3 ลูก ผ่าครึ่ง ใส่ลงไปทั้งเปลือก
กดน้ำร้อนดื่มต่างน้ำทั้งวัน...
น้ำขิงร้อนจะทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดและภูมิต้านทานมาที่ลำคออย่างต่อเนื่อง... เชื้อโควิคจะไม่สามารถขยายตัวและถูกทำลาย

รสเปรี้ยวของมะนาว... ช่วยทำลายเสมหะที่เกาะอาศัย ของโควิค เมื่อ แนวทางเดินหายใจ แห้ง โควิคจะอยู่ไม่ได้และแพร่กระจายไม่ได้
มันจะถูกทำลายและหยุดการแพร่กระจายในที่สุด

รสขมจากเปลือกมะนาว...
กระตุ้นให้ตับเกิดการสร้างเลือดและภูมิต้านทาน... การดื่มน้ำร้อน ขิง ช่วยให้ภูมิต้านทานทำงานได้ดียิ่งขึ้น เข้าโจมตีเชื้อโควิดได้อย่างรวดเร็ว...

ถ้าเรารักษาตัวเองได้เร็วเช่นนี้... เชื้อโควิดจะตายและหยุดการแพร่เชื้อทันทีครับ... การระบาดไปสู่คนรอบข้างและครอบครัวก็จะไม่เกิดขึ้น

ถ้ามัวรอตรวจหรือไปหาหมอรอรักษาโรงพยาบาลอาจสายเกินไปครับ...

ช่วยแชร์ความรู้นี้ต่อไปให้คนไทยทุกคนรักษาตนเองได้และป้องกันการระบาดได้ครับ

(ด้วยรักและห่วงใย
จากหมอแพทย์แผนไทยศีรษะอโศกครับ)
Mrs.Doubt
 •  4 ปีที่แล้ว
meter: false
1 ความเห็น

ยาสมุนไพรโควิด 2019

Ad.tar เลือกให้ข้อความนี้❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง

เหตุผล

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ชี้แจ้งว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลรายงานการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ น้ำขิง และน้ำกระชายผสมน้ำผึ้งมะนาว สามาร

ที่มา

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/937134

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    อย. เตือนอย่าซื้อชุดตรวจโควิด COVID-19 มาตรวจเอง จริงหรือ
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเตือนว่า อย่าหาซื้อชุดตรวจโควิด COVID-19 แบบ Rapid Test ที่ลักลอบขายผ่านออนไลน์มาตรวจเอง เพราะเสี่ยงต่อการแปลผลที่ผิดพลาด เนื่องจากชุดตรวจ COVID-19 แบบ Rapid Test เป็นการตรวจหาภูมิต้านทานไม่ได้เป็นการตรวจหาเชื้อ ควรไปตรวจที่โรงพยาบาลจะได้ผลแน่นอนกว่า จริงหรือ
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ผู้สูงอายุไม่ควรฉีดวัคซีน
    4 เหตุผลที่ไม่ควรให้ผู้สูงอายุฉีดวัคซีน ศาสตราจารย์นายแพทย์สุจริต ภักดีเป็นนักไวรัสวิทยาชาวเยอรมันและศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยา เขาเป็นคนไทยที่เกิดในสหรัฐอเมริกาและได้รับการศึกษาที่โรงเรียนในสวิตเซอร์แลนด์อียิปต์และไทย เขาเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยบอนน์ เขาเป็นอดีตหัวหน้าสถาบันจุลชีววิทยาทางการแพทย์และสุขอนามัยในเยอรมนี นายแพทย์สุจริต ภักดี อายุ 73 ปี บอกว่าจะไม่ยอมให้ฉีดวัคซีนป้องกัน Covid -19 อย่างเด็ดขาดและนี่คือ 4 เหตุผลของท่าน 1. วัคซีน เฉพาะตัวมันเองก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงอยู่แล้ว : วัคซีนป้องกัน Covid - 19 นี้ไม่เคยทดสอบกับผู้สูงอายุ เกือบทั้งหมดทดลองกับคนหนุ่มสาวที่แข็งแรง เท่านั้น ราวครึ่งนึงมีไข้ หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ มีภาวะบวมน้ำเหลือง ปวดหัว และไม่สบาย ดังนั้นถ้าฉีดวัคซีนนี้ให้กับคนสูงอายุที่มีอาการเหล่านี้อยู่ก่อนแล้ว ก็จินตนาการไม่ออกว่าหลังจากได้รับวัคซีนไปแล้วจะเป็นอย่างไร 2. วัคซีนมีส่วนประกอบหลายอย่างซึ่งสารหรือสิ่งที่ถูกห่อหุ้ม (mRNA) อาจทำให้เกิดการแพ้อย่างรุนแรง 3. วัคซีนนี้อาจทำให้เกิดปฎิกริยาเกินจริง (Overreaction) กับการติดเชื้อที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติตามมา เช่นไข้หวัดใหญ่ วัคซีนจะทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำงานเกินจริง ผลการทดลองในสัตว์ สำหรับเชื้อไวรัส ซาร์ - โควิด -1 พบว่ามันทำให้เกิดการขยาย (Amplification) ของระบบภูมิคุ้มกันเพื่อทำปฎิกริยากับโรค ส่งผลให้สัตว์ทดลองเกือบเสียชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เมื่อคุณฉีดวัคซีนเข้าไป ภายในเวลาไม่กี่นาที วัคซีน (mRNA) จะกระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว และมันจะเข้าไปยังเซลล์ที่ไม่ได้ติดเชื้อด้วย และมันจะผลิตไวรัสโปรตีนในเซลล์ของเรา ทำเซลล์ของเราให้เป็นโรงงานผลิตโปรตีน และจะทำให้เกิดอาการแพ้ภูมิตัวเอง รวมทั้งอาจส่งผลถึงภาวะเส้นเลือดอุดตัน ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ 4. วัคซีนนี้ไม่ควรใช้กับสตรีมีครรภ์ (BioNtechไบโอเอนเทค ถึงกับห้ามให้วัคซีนกับสตรมีครรภ์เลยทีเดียว) และหากสตรีได้รับการฉีดวัคซีนนี้แล้วก็ไม่ควรมีครรภ์ในระยะ 2 เดือนหลังจากได้รับวัคซีน Cr. V.Chalermchai ผู้แปล
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สธ.ค้นหาคนกรุงติดโควิด-19ไม่แสดงอาการ ลุยตรวจภูมิต้านทาน
    สธ.ลุยตรวจภูมิต้านทานคนกรุง ค้นหากลุ่มติดโควิด-19ไม่แสดงอาการ นำร่อง 2 เขต บางเขน-คลองเตย ระบุเป็นพื้นที่ตั้งสถานที่เสี่ยงผับ สนามมวย ชุมชนหนาแน่น
    Ad.tar
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หากผิวหนังมีลักษณะเป็นผื่นบวมแดง ปวดร้อน ตรงกลางผื่นอาจมีตุ่มน้ำใส หรือตุ่มหนอง บางรายอาจมีไข้ ปวดเมื่อยร่วมด้วย หากพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ให้รีบพบแพทย์โดยด่วน จริงหรือ เพราะอาจจะเป็นโรคไฟลามทุ่ง เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
    กรมการแพทย์ เตือนประชาชน ป้องกันตัวเองจากโรคไฟลามทุ่ง โรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย พบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ ผู้ที่กินยาสเตียรอยด์ โรคเบาหวาน ผู้สูงอายุ มักพบโรคที่ขา และใบหน้าจากที่มีประวัติทำศัลยกรรม
    naydoitall
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เอาผู้ติดเชื้อโควิด19 ไปอยู่ด้วยกันในรพ.สนาม จะแลกเปลี่ยนเชื้อกันไปมาหรือไม่
    Covid#102 เอาผู้ติดเชื้อโควิด19 ไปอยู่ด้วยกันในรพ.สนาม จะแลกเปลี่ยนเชื้อกันไปมาหรือไม่ คำตอบสั้นๆ คือ ไม่ครับ คำตอบยาวๆ คือ ถ้าเรากำลังติดเชื้อไวรัสตัวหนึ่งแล้ว จะเกิดปรากฏการณ์เรียกว่า viral interference คือ ร่างกายจะต้านทานไม่ให้ไวรัสตัวที่สองเข้าสู่เซลล์ได้ ทั้งนี้เกิดจากการที่ร่างกายสร้างสารที่เรียกว่า interferon ซึ่งทำงานอย่างไม่จำเพาะหมายความว่า ถึงเป็นไวรัสคนละชนิดก็ต้านทานได้ Viral interference มักจะเกิดอย่างรวดเร็ว แต่อยู่ไม่นานเกินเดือน คือพอทิ้งช่วงห่างออกไป เราก็ติดเชื้อใหม่ได้อีก นั่นเป็นเหตุที่ตารางการฉีดวัคซีนส่วนมาก จะเว้นเวลาระหว่างเข็มแรกและเข็มที่สองไว้สักเดือน เพื่อให้ interference จากเข็มแรกหมดไปก่อน Viral interference จะเกิดได้ต้องมีช่วงห่างระหว่างเวลาที่เจอเชื้อไวรัสสองตัว หากเชื้อสองชนิดเข้ามาพร้อมกันก็อาจติดได้ทั้งคู่ ดังนั้นเราจึงฉีดวัคซีนหลายชนิดได้พร้อมกัน แต่ควรฉีดวันเดียวกัน หากทิ้งช่วงห่างแล้วควรรอไปสักเดือนเลย เพื่อให้ viral interference หมดไปก่อน แม้กระนั้น หากฉีดวัคซีนเชื้อเป็นหลายชนิดพร้อมกัน เชื้อตัวที่เจ้าสู่เซลล์ได้ก่อน ก็อาจก่อกวนไม่ให้ตัวที่เข้าช้าเข้าไม่ได้อยู่ดี เช่น วัคซีนโปลิโอ เราให้เชื้อพร้อมกันสามชนิดในหลอดเดียว โดยทั่วไปจะเกิดภูมิต้านทานสำหรับเชื้อเพียง 1-2 ชนิดในการให้แต่ละครั้ง เราจึงนิยมให้สามครั้งในเด็กเล็ก การพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกก็ยุ่งยากมาก เพราะมีเชื้อถึงสี่ชนิดที่ต้องให้ได้ผลพร้อมกัน กลับมาที่รพ.สนาม คนไข้ทุกคนติดเขื้อโควิด19แล้ว หากมีเชื้อโควิด 19 อีกตัว พยายามจะเข้าก็จะเจอ viral interference เข้าไม่ได้ เมื่อเชื้อหายไปก็เป็นเพราะมีภูมิคุ้มกันแล้ว ก็ไม่ติดอีก ไม่ต้องห่วงครับ
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือ กะปิมีประโยชน์ถึง 10 ข้อควรกินเป็นประจำ
    กะปิมี 10 ข้อดีที่ควรกินเป็นประจำ โดยอ้างสรรพคุณ ดังนี้ 1. บำรุงกระดูก 2. บำรุงเลือด 3. ช่วยให้ฟันไม่ผุ 4. มีโอเมก้า 3 5. มีจุลินทรีย์ เสริมภูมิต้านทาน 6. บำรุงสายตา 7. มีวิตามินช่วยทำให้ผ่อนคลาย 8. ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี 9. บำรุงสมอง และ 10. บำรุงหัวใจ ควรกินเป็นประจำเพื่อทำให้สุขภาพแข็งแรง
    naydoitall
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เมื่อติดเชื้อโคโรนาไวรัสแล้ว ไม่ได้ทำให้เสียชีวิตทุกราย
    จากข่าวลือในโลกออนไลน์ที่ว่า หากติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้วจะทำให้เสียชีวิตทุกรายในเวลาอันสั้นนั้น ในเอกสารเผยแพร่ หมอชวนรู้ ของแพทย์สภา บอกว่า ข้อมูลของผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ ส่วนมากเป็นผู้ป่วยสูงอายุ เลยสร้างภูมิต้านทานช้าจนมาสู้เชื้อไม่ทัน และเป็นผู้ที่มีโรคปอดเรื้อรังอยู่แล้ว ทำให้ปอดอักเสบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อรุนแรงและรวดเร็ว ทำห้เกิดภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ส่วนผู้ที่มีปอดแข็งแรง ก็สามารถทนต่อการก่อโรคของเชื้อที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงเวลาที่ภูมิต้านทานของผู้ป่วยเกิดมามากพอ จนต่อสู้ทำลายเชื้อก่อโรคได้ทันก่อนที่เนื้อปอดจะเสียหายจนแก้ไขไม่ทัน ผู้ป่วยที่แข็งแรงกว่าจึงป่วยและฟื้นตัวได้ทันจากภูมิต้านทานของตนเอง
    naruemonjoy
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    การติดเชื้อโควิด-19 ครั้งแรกจะทำให้มีภูมิต้านทานระดับหนึ่ง เมื่อติดเชื้อซ้ำในครั้งที่สอง อาการจะลดลงกว่าตอนที่ติดเชื้อในครั้งแรก จริงไหม
    การติดเชื้อโควิด-19 ครั้งแรกจะทำให้มีภูมิต้านทานระดับหนึ่ง เมื่อติดเชื้อซ้ำในครั้งที่สอง อาการจะลดลงกว่าตอนที่ติดเชื้อในครั้งแรก
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    ศาลโลก สั่ง ให้ ทุกประเทศ หยุดฉีดวัคซีน
    สรุปตอนนี้ ศาลโลก สั่ง ให้ ทุกประเทศ หยุดฉีดวัคซีน เพราะ เขา เล็งเห็นอันตราย ที่ เกิด กับ มนุษย์ ที่ไดรับวัคซีนนี้..ถือ ว่า การบังคับ ออก กฏ ให้ ประชากร ต้อง ไปฉีด วัคซีน เป็น สิ่ง ผิด...เป็นการก่อ อาชญากรรม ต่อ มวลมนุษย์ชาตื ..เพราะวัคซีน ไม่สามารถ ป้องกันได้จริง..พิสํจน์ได้จาก การ ที่ ฉีด แล้ว 2-3 เข็ม ก็ ยัง ติดเชื้อ โควิด ได้อีก วัคซีนจึง ไม่ได้ช่วยป้องกัน .. แต่ ในวัคซีน มี สาร ที่ทำให้เกิด ความผิดปกติ กับ หลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกันที่มีอยู่เดิมถูกเปลี่ยนไป และจะกลายเป็น ไร้ภูมิต้านทาน อย่างถาวร....ระบบสมอง ระบบกล้ามเนื้อ กระดูก และ อวัยวะภายใน ที่ เลือด ไปหล่อเลี้ยงทั้งหมด จะเกิด ปัญหาตามมา ในระยะ หลัง จากนี้..เปรียบ เหมือน มนุษย์ ชาติ ฉีด วัคซีน เข้าไปเพื่อจะ ฆ่าตัวตาย แบบ ผ่อนส่ง...ศาลโลกพิสูจน์ ความจริง แล้ว จึง สั่ง ให้ ปรเทศ ต่างๆหยุด การ ฉีดวัคซีน..ทันที...
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ทีมหมอจากมหาลัยไต้หวัน เตือนมาว่า ภายในปีนี้อย่าเข้าใกล้ พบปะ หรือ ทานอาหารร่วมกับคนที่เป็นโควิดมาก่อน ///// (๑) จากผลการผ่าร่างกาย 1. covid-19 มันคือการรวมกันของ ซาร์กับเอดส์, หมอหลายคนบอกว่า คนถึงแม้จะรักษาหายจากโควิดแล้ว แต่มันจะมีผลเป็นบวกอยู่อีก นี่ไม่ใช่การกลับมาเป็นใหม่ แต่เป็นเพราะมันไม่สามารถรักษาหายขาดได้ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโควิด 2. ภูมิต้านทานโดนทำลาย ทั้งนี้ซาร์จะทำร้ายแค่ปอด จะไม่กระทบกับภูมิต้านทาน.. ส่วนเอดส์จะทำลายภูมิต้านทาน.. ส่วนโควิด 19 นั้นทำลายอวัยวะของเราเหมือนกับ ซาร์+เอดส์ 3. การล้มเหลวของปอดอย่างเฉียบพลันเป็นผลทำให้ตายของซาร์ แต่ โควิด 19 ทำให้ตายเพราะการล้มเหลวของอวัยวะหลายๆอย่าง (๒) ศาตราจารย์ Peng Zhi Yong จากมหาลัยอู่ฮัน บอกผลจากการผ่าร่างกายว่า 1. คนที่หายจากโควิด ผลตรวจเลือดพบว่าระดับของดัชนี lymphocyte (ลิมโฟไชด์) จะไม่กลับมาเหมือนเดิม ระบบต้านทานของร่างกายจะไม่ค่อยเหมือนเดิม 2. แม้ผลตรวจของคนที่ให้กลับบ้านได้จะเป็นลบ แต่ภูมิต้านทานนั้นเสียหายไปแล้ว มันสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้ง่ายมาก 3. ลักษณะคล้ายๆกับไวรัสตับอักเสบบี ที่จะมีเชื้อโรคไวรัสอยู่ในร่างกายได้อย่างยาวนาน 4. ทีนี้ก็ต้องมาดูกันว่าคนที่หายจากโควิดแล้วนั้นจะสามารถแพร่เชื้อต่อไปได้อีกไหม? (๓) หมอที่ทำและการรักษาเสนอว่า 1. ตอนนี้เราเน้นรักษาคนไข้ ที่ติดเชื้อ แต่คนที่รักษาหายแล้วนั้นอาจยังมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย ต้องดูต่อไปและศึกษา วิจัยว่าจะแพร่เชื้อได้อีกไหม? 2. หากเป็นอย่างนี้สงครามกับโควิดก็ยังไม่จบลงง่ายๆ เลยแนะนำว่าภายในปีนี้ถึงปีหน้าออกไปข้างนอกก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยและอย่าไปที่คนรวมกลุ่มกันเยอะๆ รักษาระยะห่าง 2 เมตร ***** ผมเห็นด้วยกับบทความนี้นะ อย่าไปเสี่ยงมันไม่คุ้มเลย สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการสถาบันทิศทางไทย
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false