ผู้ว่า กทม.
ชัชชาติ สิทธิพันธ์
"บุรุษผู้แข็งแกร่ง
ที่สุดในปฐพี"
ออกอาการ "เมาหมัด"
ตั้งแต่ยกแรก เนื่องจาก
มีแต่มุสลิม เป็นที่
ปรึกษา
นายชัชชาติ สิทธิ
พันธ์ุ ผู้ว่า กทม.ซึ่งไป
งานเชื่อมสัมพันธ์
ไทย- ซาอุดิอารเบีย ที่
มูลนิธิ เพื่อศูนย์กลาง
อิสลามแห่งประเทศ
ไทยเขตสวนหลวง
(30 สิงหาคม 2565)
ใส่ชุด "มุสลิมอาหรับ"
พร้อมกับชูนิ้วชี้ถ่ายรูป
และก่อนหน้านี้ ได้
ออกนโยบายเทศกาล
ประจำเดือนตลอดทั้ง
ปี พ.ศ.2566 โดยไม่มี
ศิลปวัฒนธรรมไทย
หรือเทศกาลพุทธ
ศาสนาอยู่เลย เช่น
งานสงกรานต์ การ
ทำบุญเดือนสิบ หรือ
งานลอยกระทง ฯ
ทั้งหมดนี้ ถูกแทนที่
ด้วยเทศกาลของอิส
ลาม เนื่องจากมีมุสลิม
ืเป็นที่ปรึกษาอยู่เพียง
ฝ่ายเดียว
ตาม พ.ร.บ.การบริ
หารองค์กรอิสลาม
(พ.ศ.2540) ซึ่งออก
โดยรัฐบาล พล.เอก
ชวลิต ยงใจยุทธ หมวด
4 มาตรา 23 ระบุว่า จัง
หวัดใดที่มีมัสนิด 3 แห่ง
ขึ้นไป ให้ "คณะกรรม
การอิสลามประจำจัง
ืหวัด" จำนวน 9-30 คน
เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราช
ืการจังหวัดนั้น ..
ข้อเท็จจริงคือ มีการ
สร้างมัสยิดใน กทม.
มากกว่าจำนวนมัสยิด
ในกรุงกัวลาลัมเปอร์
ของมาเลเซียเสียอีก
"คณะกรรมการอิส
ลามประจำกรุงเทพฯ"
จึงเป็นที่ปรึกษา ของ
ผู้ว่า กทม.แต่เพียง
ฝ่ายเดียว
ผู้ว่ากทม. จึงหนีไม่
พ้นที่จะ "เมาหมัด" ตั้ง
ืแต่ยกแรกของการ
ทำงานแล้ว
ผู้ว่าฯ ชัชขาติ สิทธิ
ืพันธ์ ซึ่งได้คะแนน 1.2
ล้านเสียงจากชาวพุทธ
และ 2 แสนเสียงจาก
มุสลิมในกทม.เป็นตัว
อย่างของชาวพุทธ
"โลกสวย" ที่ไม่ได้รับรู้
หรือตระหนักถึง
"ปัญหามุสลิม
เชื้อสายมลายู "
ที่ครอบงำกองทัพไทย
ระบบราชการไทย และ
การเมืองไทย ตลอด
90 กว่าปี 20 ฉบับ
ที่ผ่านมา
คุณชัชชาติ ในชุด
"เจ้าชายซาอุ" จึงออก
อาการเคร่งเครียด สาย
ตามองต่ำ ไม่สู้หน้าคน
งุนงงในบทบาทของตัว
เองท่ามกลางเสียงเชียร์
ของมุสลิมหยิบมือเดียว
ใน กทม.แบะเสียงก่น
ด่า ของชาวพุทธ
ทั่วประเทศ
ประเทศไทยมี 77
จังหวัด สร้างมัสยิดไป
แล้ว75 จังหวัด (ยกเว้น
จังหวัดน่าน และนคร
พนม ที่ประชาชนออก
มาต่อต้าน จึงยังสร้าง
ไม่สำเร็จ)
ผู้ว่าราชการ ใน
ืจัวหวัดเหล่านั้น ซึ่งมี
"คณะกรรมการอิสลาม
ประจำจังหวัด"
เป็นที่ปรึกษาโดย
กฎหมาย คงจะตกอยู่
ในสถานะที่ไม่แตกต่าง
ไปจาก ผู้ว่า ฯ กทม.
เท่าใดนัก
* กรุณาแชร์ต่อ
ชัชชาติ สิทธิพันธ์
"บุรุษผู้แข็งแกร่ง
ที่สุดในปฐพี"
ออกอาการ "เมาหมัด"
ตั้งแต่ยกแรก เนื่องจาก
มีแต่มุสลิม เป็นที่
ปรึกษา
นายชัชชาติ สิทธิ
พันธ์ุ ผู้ว่า กทม.ซึ่งไป
งานเชื่อมสัมพันธ์
ไทย- ซาอุดิอารเบีย ที่
มูลนิธิ เพื่อศูนย์กลาง
อิสลามแห่งประเทศ
ไทยเขตสวนหลวง
(30 สิงหาคม 2565)
ใส่ชุด "มุสลิมอาหรับ"
พร้อมกับชูนิ้วชี้ถ่ายรูป
และก่อนหน้านี้ ได้
ออกนโยบายเทศกาล
ประจำเดือนตลอดทั้ง
ปี พ.ศ.2566 โดยไม่มี
ศิลปวัฒนธรรมไทย
หรือเทศกาลพุทธ
ศาสนาอยู่เลย เช่น
งานสงกรานต์ การ
ทำบุญเดือนสิบ หรือ
งานลอยกระทง ฯ
ทั้งหมดนี้ ถูกแทนที่
ด้วยเทศกาลของอิส
ลาม เนื่องจากมีมุสลิม
ืเป็นที่ปรึกษาอยู่เพียง
ฝ่ายเดียว
ตาม พ.ร.บ.การบริ
หารองค์กรอิสลาม
(พ.ศ.2540) ซึ่งออก
โดยรัฐบาล พล.เอก
ชวลิต ยงใจยุทธ หมวด
4 มาตรา 23 ระบุว่า จัง
หวัดใดที่มีมัสนิด 3 แห่ง
ขึ้นไป ให้ "คณะกรรม
การอิสลามประจำจัง
ืหวัด" จำนวน 9-30 คน
เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราช
ืการจังหวัดนั้น ..
ข้อเท็จจริงคือ มีการ
สร้างมัสยิดใน กทม.
มากกว่าจำนวนมัสยิด
ในกรุงกัวลาลัมเปอร์
ของมาเลเซียเสียอีก
"คณะกรรมการอิส
ลามประจำกรุงเทพฯ"
จึงเป็นที่ปรึกษา ของ
ผู้ว่า กทม.แต่เพียง
ฝ่ายเดียว
ผู้ว่ากทม. จึงหนีไม่
พ้นที่จะ "เมาหมัด" ตั้ง
ืแต่ยกแรกของการ
ทำงานแล้ว
ผู้ว่าฯ ชัชขาติ สิทธิ
ืพันธ์ ซึ่งได้คะแนน 1.2
ล้านเสียงจากชาวพุทธ
และ 2 แสนเสียงจาก
มุสลิมในกทม.เป็นตัว
อย่างของชาวพุทธ
"โลกสวย" ที่ไม่ได้รับรู้
หรือตระหนักถึง
"ปัญหามุสลิม
เชื้อสายมลายู "
ที่ครอบงำกองทัพไทย
ระบบราชการไทย และ
การเมืองไทย ตลอด
90 กว่าปี 20 ฉบับ
ที่ผ่านมา
คุณชัชชาติ ในชุด
"เจ้าชายซาอุ" จึงออก
อาการเคร่งเครียด สาย
ตามองต่ำ ไม่สู้หน้าคน
งุนงงในบทบาทของตัว
เองท่ามกลางเสียงเชียร์
ของมุสลิมหยิบมือเดียว
ใน กทม.แบะเสียงก่น
ด่า ของชาวพุทธ
ทั่วประเทศ
ประเทศไทยมี 77
จังหวัด สร้างมัสยิดไป
แล้ว75 จังหวัด (ยกเว้น
จังหวัดน่าน และนคร
พนม ที่ประชาชนออก
มาต่อต้าน จึงยังสร้าง
ไม่สำเร็จ)
ผู้ว่าราชการ ใน
ืจัวหวัดเหล่านั้น ซึ่งมี
"คณะกรรมการอิสลาม
ประจำจังหวัด"
เป็นที่ปรึกษาโดย
กฎหมาย คงจะตกอยู่
ในสถานะที่ไม่แตกต่าง
ไปจาก ผู้ว่า ฯ กทม.
เท่าใดนัก
* กรุณาแชร์ต่อ