1 คนสงสัย
เจริญพร ญาติโยมผู้ใจบุญ อาจารย์มาบอกบุญใหญ่ เดือน ธค.ของทุกปี จะมีพระนิสิตนานาชาติ มาปฏิบัติธรรม ที่ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน เขาค้อ
แต่ปีนี้พระจะมาเร็ว คือ พระจะเข้าศูนย์ฯ ในวันที่ 24 พย.66 ถึงวันที่ 10 ธค.66 รวม 17 วันจำนวน 200 รูป

ขอเชิญญาติโยมผู้ใจบุญมาร่วมทำบุญ ถวายภัตตาหาร พระหมู่ใหญ่มาก่อน10.30 น.นะครับ มาด้วยจิตศรัทธา
ถ้าไม่มีเวลามา จะร่วมถวายภัตตาหารด้วยปัจจัยก็ได้นะครับแจ้งมาเลย
ที่ พระยศสวัสส์ สกุลมานันท์ ธ.กรุงไทย เพชรบูรณ์ ออมทรัพย์ 614-0-88774-7
ถ้าโยมมาเองโยมจะได้เห็นพระแต่งกายแปลกๆแต่ก็เป็นพุทธเหมือนกันครับ เจริญพร
ไม่ระบุชื่อ
 •  10 เดือนที่แล้ว
0 ความเห็น

ภาคเหนือ

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    ในวันที่ ๒๓ มิถุนายน นี้ ให้ชักชวนกันไปทำบุญที่วัด วัดไหนก็ได้ที่สะดวก
    มีคำทำนายโบราณ ว่า ในสมัยรัชกาลที่ ๑๐ ไทยจะเข้าสู่ยุค “ศิวิไลซ์” บ้านเมืองจะเจริญ มีประชาธิปไตย คนไทยจะร่ำรวย มีความสุข แต่ดูๆ ไป ข้อเท็จจริง ประเทศนี้ยิ่งจะมืดมน ไร้ทางออก อึดอัด เลยไปถามพระอาจารย์สายวิปัสนาท่านหนึ่ง ว่า >ถาม :: ทำไม? เหตุการณ์จึงไม่เป็นไปตามคำทำนาย > ตอบ :: โยม ที่บ้านเมืองมันไม่ดีขึ้น เพราะ “คนไทยไม่ทำบุญให้บรรพชน” “รู้มั๊ยว่าวิญญาณบรรพชนไทยอยากช่วยคนไทยเหลือเกิน แต่ไม่มีพลัง” >ถาม :: จะให้ทำอย่างไรเล่าพระคุณเจ้า > ตอบ :: อาตมาจะชี้แนะ ในวันที่ ๒๓ มิถุนายน ปี ๒๓๐๙ เป็นวันที่พม่าตีค่ายบางระจันแตก วีระบุรุษของไทยที่เป็น “คนธรรมดา” ก็คือคนชั้น “ไพร่” ได้สละชีพเพื่อปกป้องมาตุภูมิอย่างห้าวหาญยิ่ง แต่คนชั้น “นาย” ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอยู่ในกำแพงพระนครอย่าง “ขี้ขลาดและเห็นแก่ตัว” วิญญาณบรรพชนเหล่านั้นรอคอย คอยให้พวกเราเติมพลังให้พวกเขา แล้วพวกเขาจะแสดงอภินิหาร ปราบปรามคนชั่วให้สิ้นไป >ถาม :: เติมพลังอย่างไร ครับ > ตอบ :: ให้แจ้งไปให้ทั่วในหมู่คนไทย ในวันที่ ๒๓ มิถุนายน นี้ ให้ชักชวนกันไปทำบุญที่วัด วัดไหนก็ได้ที่สะดวก ใครอยู่ที่ไหนทำที่นั่น อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับ “วีระชนชาวบ้านบางระจัน ทุกๆ คน รวมทั้งพระครูศิริธรรมโชติ นายแท่น นายจัน ขุนสรร พันเรือง ใครต่อใคร ยิ่งถ้าท่านได้บวชพราห์ม ถืออุโบสถศีล นั่งสมาธิได้ ยิ่งจะได้กุศลแรงกล้า จะทำให้วิญญาณของท่านเหล่านี้มีพลังดุจเทพ เขาจะมาช่วยให้ไทยมีคนดีๆ มานำคนไทยเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ให้แจ้งคนไทยให้ช่วยๆ กันน๊ะโยม กุศลแรง การทำบุญก็ไม่ได้เสียหายอะไร ได้บุญได้กุศลด้วยนะ > ถ้าท่านเห็นด้วย โปรดส่งต่อเพื่อชาติบ้านเมือง
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ประวัติวันสงกรานต์ ความเป็นมาของวันสงกรานต์ ประวัติวันสงกรานต์ หรือเรื่องเล่า ตำนานของสงกรานต์นี้มีปรากฎในศิลาจารึกที่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร  เป็นเรื่องราวตำนานตั้งแต่อินเดียโบราณเล่าสืบต่อกันมา โดยย่อว่า มีบุตรของเศรษฐีคนหนึ่งชื่อ ธรรมบาลกุมาร เป็นผู้ที่รู้ภาษานกแล้ว เรียนไตรเพทจบ เมื่ออายุได้เจ็ดขวบ ได้เป็นอาจารย์บอกมงคลต่างๆ แก่มนุษย์ทั้งปวง ซึ่งในขณะนั้น โลกทั้งหลายนับถือท้าวมหาพรหมและกบิลพรหมองค์หนึ่งว่า เป็นผู้แสดงมงคลแก่มนุษย์ทั้งปวง เมื่อกบิลพรหมทราบ จึงลงมาถาม ปัญหาธรรมบาลกุมาร ๓ ข้อ สัญญาไว้ว่า ถ้าแก้ปัญหาได้จะตัดศีรษะบูชา ถ้าแก้ไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมาร
          
      ธรรมบาลขอผลัด ๗ วัน ครั้นล่วงไปได้ ๖ วัน ธรรมบาลกุมารก็ยังคิดไม่ได้ จึงลงจากปราสาทไปนอนอยู่ใต้ต้นตาลสองต้น   มีนกอินทรี ๒ ตัวผัวเมียทำรังอาศัยอยู่บนต้นตาลนั้น ครั้งเวลาค่ำนางนกอินทรีจึงถามสามีว่า พรุ่งนี้จะได้อาหารแห่งใด สามีบอกว่า จะได้กินศพธรรมบาลกุมาร ซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสีย เพราะทายปัญหาไม่ออก นางนกถามว่า ปัญหานั้นอย่างไรสามีจึงบอกว่า ปัญหาว่าเช้าราศีอยู่แห่งใด เที่ยงราศีอยู่แห่งใด ค่ำราศีอยู่แห่งใด นางนกถามว่า จะแก้อย่างไร สามีบอกว่า เวลาเช้าราศีอยู่หน้า มนุษย์ทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างหน้า เวลาเที่ยงราศีอยู่อก มนุษย์ทั้งหลายจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก เวลาค่ำราศีอยู่เท้า มนุษย์ทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างเท้า รุ่งขึ้นท้าวกบิลพรหมมาถาม ปัญหาธรรมบาลกุมารก็แก้ตามที่ได้ยินมา ท้าวกบิลพรหมจึงตรัสเรียกเทพธิดาทั้ง ๗ อันเป็นบริจาริกาพระอินทร์มาพร้อมกัน แล้วบอกว่า เราจะตัดศีรษะบูชาธรรมบาลกุมาร. ศีรษะของเราถ้าจะตั้งไว้บนแผ่นดินไฟก็จะไหม้ทั่วโลก ถ้าจะทิ้งขึ้นบนอากาศ ฝนก็จะแล้ง ถ้าจะทิ้งไว้ในมหาสมุทรน้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดนั้นเอาพานมารับศีรษะ แล้วก็ตัดศีรษะส่งให้ธิดา นางจึงเอาพานมารับพระเศียรบิดาไว้แล้ว แห่ทำประทักษิณ รอบเขาพระสุเมรุ ๖๐ นาที แล้วก็เชิญประดิษฐานไว้ในมณฑปถ้ำคัณธุลีเขาไกรลาศ บูชาด้วยเครื่องทิพย์ต่างๆ พระวิศณุกรรมก็นฤมิตรแล้วด้วย แก้วเจ็ดประการชื่อ ภควดีให้เป็นที่ประชุมเทวดา เทวดาทั้งปวงก็นำเอาเถาฉมุลาด ลงมาล้างในสระอโนดาตเจ็ดครั้งแล้วแจกกันสังเวยทุกๆ พระองค์ครั้งถึงครบกำหนด ๓๖๕ วัน โลกสมมติว่า ปีหนึ่งเป็นสงกรานต์นางเทพธิดาเจ็ดองค์ จึงผลัดเวรกันมาเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหม ออกแห่ประทักษิณเขาพระสุเมรุทุกปี แล้วกลับไปเทวโลก ซึ่งลูกสาวทั้งเจ็ดของท้าวกบิลพรหมนั้น เราสมมติเรียกว่า นางสงกรานต์ มีชื่อต่างๆ ดังนี้ ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม ทุงษะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราช ภักษาหารอุทุมพร (ผลมะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาบนหลังครุฑ แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันอาทิตย์ ชื่อ นางแพงศรี ถ้าวันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม โคราคะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดา ภักษาหารเตลัง (น้ำมัน) พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังพยัคฆ์ (เสือ) แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันจันทร์ ชื่อ นางมโนรา ถ้าวันอังคารเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม รากษสเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง อาภรณ์แก้วโมรา ภักษาหารโลหิต พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายทรงธนู เสด็จมาบนหลังวราหะ (หมู) แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันอังคาร ชื่อ นางรากษสเทวี ถ้าวันพุธเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มณฑาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเข็ม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังคัทรภะ (ลา) แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันพุธ ชื่อ นางมันทะ ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิริณีเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา พระหัตถ์ขวาทรงขอช้าง พระหัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จมาบนหลังคชสาร (ช้าง) แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันพฤหัส ชื่อ นางัญญาเทพ ถ้าวันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จมาบนหลังมหิงสา (ควาย) แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันศุกร์ ชื่อ นางริญโท ถ้าวันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทรายพระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จมาบนหลังมยุรา (นกยูง) แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันเสาร์ ชื่อ นางสามาเทวี ซึ่งในปีนี้ วันมหาสงกรานต์เป็นวันจพุธที่ ๑๔ เมษายน เวลา ๓.๓๙ น. นางสงกรานต์ จึงเป็นนางรากษสเทวี (เหตุที่ว่าเป็นเทวีประจำวันอังคารเพราะ ถือว่า เวลาเปลี่ยนย้ายยังไม่รุ่งเช้าวันใหม่)           คำว่า " สงกรานต์ " มาจากภาษาสันสฤกตว่า สํ - กรานต แปลว่า ก้าวขี้น ย่างขึ้น หรือก้าวขึ้น การย้ายที่ เคลื่อนที่ คือพระอาทิตย์ย่างขึ้น สู่ราศีใหม่ หมายถึงวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งจะอยู่ช่วงระหว่างวันที่๑๓,๑๔,๑๕,๑๖ เมษายนของทุกปี ปีนี้ วันมหาสงกรานต์เป็นวันพุธที่ ๑๔ เวลา ๓.๓๙ น. วันเนาจึงเป็นวันที่ ๑๕ วันเถลิงศก คือวันที่ ๑๖ ความหมายของคำที่เกี่ยวข้องกับสงกรานต์ มีดังนี้           สงกรานต์ ที่แปลว่า " ก้าวขึ้น " " ย่างขึ้น " นั้นหมายถึง การที่ดวงอาทิตย์ ขึ้นสู่ราศีใหม่ อันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกเดือน ที่เรียกว่าสงกรานต์เดือน แต่เมื่อครบ ๑๒ เดือนแล้วย่างขึ้นราศีเมษอีก จัดเป็นสงกรานต์ปี ถือว่าเป็น วันขึ้นปีใหม่ทางสุริยคติ ในทางโหราศาสตร์ มหาสงกรานต์ แปลว่า ก้าวขึ้นหรือย่างขึ้นครั้งใหญ่ หมายถึงสงกรานต์ปี คือปีใหม่อย่างเดียว กล่าวคือสงกรานต์หมายถึง ได้ทั้งสงกรานต์เดือนและสงกรานต์ปี แต่มหาสงกรานต์ หมายถึง สงกรานต์ปีอย่างเดียว           วันเนา แปลว่า " วันอยู่ " คำว่า " เนา " แปลว่า " อยู่ " หมายความว่าเป็นวันถัดจากวันมหาสงกรานต์มา ๑ วัน วันมหาสงกรานต์เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ย่างสู่ราศีตั้งต้นปีใหม่ วันเนาเป็นวันที่ดวงอาทิตย์เข้าที่เข้าทาง ในวันราศีตั้งต้นใหม่เรียบร้อยแล้ว คืออยู่ประจำที่แล้ว           วันเถลิงศก แปลว่า " วันขึ้นศก " เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ การที่เปลี่ยนวันขึ้นศกใหม่มาเป็นวันที่ ๓ ถัดจากวันมหาสงกรานต์ ก็เพื่อให้หมดปัญหาว่า การย่างขึ้นสู่จุดเดิม สำหรับต้นปีนั้นเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาเพราะอาจมีปัญหาติดพันเกี่ยวกับชั่วโมง นาที วินาที ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ที่จะเปลี่ยนศกถ้าเลื่อนวันเถลิงศกหรือวันขึ้นจุลศักราชใหม่มาเป็น วันที่ ๓ ก็หมายความว่า อย่างน้อยดวงอาทิตย์ได้ก้าวเข้าสู่ราศีใหม่ ไม่น้อยกว่า ๑ องศาแล้วอาจจะย่างเข้าองศาที่ ๒ หรือที่ ๓ ก็ได้ 
          วันสงกรานต์เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ซึ่งกษัตริย์สิงหศะแห่งพม่า ซึ่งเดิมบวชอยู่เป็นพระสงฆ์ และขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ ทรงตั้งขึ้นเมื่อปีกุนวันอาทิตย์ พ . ศ . ๑๑๘๑ โดยกำหนดเอาดวงอาทิตย์เข้าสู่ราศีเมษได้ ๑ องศา เดิมทีแล้ว ไทยเราใช้วันขึ้น๑ ค่ำ เดือนอ้าย(ประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม) เป็นวันขึ้นปีใหม่ (ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ “ลาลูแบร์ ยังบันทึกว่าปีใหม่ไทยคือวันขึ้น ๑ ค่ำเดือนอ้าย ) แต่ในล้านนา สุโขทัย คงใช้ตามพม่า เพราะใกล้ชิดกัน เคยเป็นเมืองขึ้นกันมา ส่วนไทยภาคกลาง คงมาใช้หลังการเสียกรุง จุลศักราช สงกรานต์จึงเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยด้วย    ในปีแรกที่กำหนดเผอิญเป็นวันที่ ๑๓ เมษายน ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่วันที่ ๑๓ เมษายนทุกปี แต่เมื่อเป็นประเพณี ก็จำเป็นต้องเอาวันนั้นทุกปี เพื่อมิให้การประกอบพิธี ซึ่งมิได้รู้โดยละเอียดต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา วันที่ ๑๓ จึงเป็นวันสงกรานต์ของทุกปี           
          จนถึง รัชกาลที่ ๕ ทรงเปลี่ยนมาใช้ วันที่ ๑ เมษายน เป็นวันปีใหม่ต่อมา จอมพล ป.พิบูลสงคราม ในปีพ.ศ. ๒๔๘๓ จึงได้เปลี่ยนไหม่ โดยกำหนดเอาวันที่ ๑ มกราคม เป็น วันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้เข้ากับ หลักสากลที่นานาประเทศนิยมปฏิบัติ ส่วนใดที่เป็นสิ่งที่ดี เรื่องการทำบุญให้บรรพบุรุษ การระลึกถึงบุพการี เป็นวันครอบครัว เราก็นำมาปฏิบัติได้ แต่การบอกว่า เป็นวันปีใหม่ไทย อาจารย์ยังติดๆ อยู่นิดหน่อย(ไม่อยากเป็นการระลึกถึงการเป็นประเทศเมืองขึ้น😊😊) ในปีนี้ มีปัญหาเรื่องโรคระบาด covid-19 ทำให้พวกเราต้องอยู่บ้าน ทักทายกันด้วยเทคโนโลยี ส่งใจให้กัน ให้ทุกคนแคล้วคลาดปลอดภัย อย่างไรก็ตามขอสวัสดีวันสงกรานต์ด้วยนะครับ อ. วันชัย รวยอารี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    บัญชีรับเงินบริจาคเพื่อต่อสู้สงครามโควิด-19 ร่วมกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ชื่อบัญชีว่า “โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเพื่อผู้ป่วยโรคร้ายแรง” ธนาคารไทยพาณิชย์ 0273 สาขาบิ๊กซี แจ้งวัฒนะ เลขที่บัญชี 273-241279-5 บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ผมขอเรียนท่านผู้มีจิตศรัทธาทราบว่าชั่วชีวิตของผมไม่เคยขอรับบริจาคเงิน ครั้งนี้คือครั้งแรกในชีวิต สถานการณ์โรคระบาดในวันนี้ผมตัดสินใจจัดตั้ง รพ.สนาม ระดับ 3 เพื่อรับการส่งต่อผู้ป่วยอาการหนักและอาการปานกลางจาก รพ.ทั่วไป ทั้งรัฐและเอกชน ตลอดจน รพ.สนามระดับ 1 และ ฮอสปิเทลทุกแห่ง รพ.สนาม ระดับ 3 ที่ผมจะจัดตั้งขึ้นนี้มีขีดความสามารถเป็น ไอ ซี ยู ขนาด 48 เตียง สำหรับผู้ป่วยอาการหนักที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์ประจำ ไอ ซี ยู จำนวนมาก และ หอผู้ป่วยสนามระดับ 2 ขนาด 256 เตียง สำหรับผู้ป่วยอาการปานกลางซึ่งเกือบทั้งหมดมีอาการปอดอักเสบที่สามารถเลวร้ายไปสู่ภาวะวิกฤตทางระบบหายใจและทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิต ดังนั้น รพ.สนาม ระดับ 3 ที่มีขีดความสามารถเป็น ไอ ซี ยู ที่สามารถรับผู้ป่วยอาการหนักจำนวนมากๆ จึงเป็นทางรอดในสถานการณ์โรคระบาดที่เลวร้ายนี้ จำนวนเตียง ไอ ซี ยู สนาม ขนาด 48 เตียงถือว่ามีจำนวนที่มากมาย แต่หากสถานการณ์โรคระบาดยังเลวร้ายต่อเนื่อง ผมจะยกระดับขีดความสามารถหอผู้ป่วยสนาม ระดับ 2 ขนาด 256 เตียงให้เป็น ไอ ซี ยู ทันที ขณะนี้ผมได้เตรียมระบบจ่ายก๊าซและอากาศทางการแพทย์[Medical Gas Pipeline System]ทั้งระบบหลักจาก รพ.มงกุฎวัฒนะและระบบสำรองจาก บริษัท LINDE , เครื่องช่วยหายใจ [Ventilator] และระบบมอนิเตอร์ผู้ป่วยวิกฤต[Patient monitor] , เครื่องมือแพทย์ประจำ ไอ ซี ยู อีกจำนวนมากซึ่งจะเพียงพอกับจำนวนเตียง ไอ ซี ยู 48 เตียงในลำดับขั้นการปฏิบัติในระยะแรกภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์นับจากประกาศนี้ เนื่องจากการรับบริจาคเงินเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยมีความประสงค์ที่จะรบกวนทรัพย์จากพ่อแม่พี่น้อง ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้แล้วผมยิ่งไม่ปรารถนา ทั้งนี้ก็เพราะ รพ.มงกุฎวัฒนะเป็น รพ.เอกชนที่แสวงประโยชน์ในทางธุรกิจ แต่สถานการณ์ขณะนี้ ลำพังกำลังทุนทรัพย์และทรัพยากรของ รพ.มงกุฎวัฒนะและตัวผมแล้ว ขอเรียนว่ากำลังไม่เพียงพอกับไอ้โควิด-19 ที่คุกคามประชาชนจำนวนมากครับ ผมมีสิ่งหนึ่งที่กล้าประกาศว่า ผมมีความห้าวหาญที่มากพอ และประสบการณ์ที่สังคมไทยยังอาจใช้ประโยชน์จากผมได้ ที่สำคัญยิ่ง คือ ความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คดโกง ตรงไปตรงมาของผม ถึงแม้ตัวผมเองจะเป็นคนดุดันจริงจัง แต่ความดุดันจริงจังของผมนั้นก็เป็นไปด้วยจิตวิญญาณเพื่อปกป้องชาติและพระมหากษัตริย์เท่านั้น โดยส่วนตัวของผมแล้วเป็นคนเรียบง่าย สมถะ ตลก ใจดี เช่นเดียวกับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี แหละครับ...ยกเว้นเรื่องเดียวที่ผมไม่เคยยอม คือ การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ผมเคารพรักและเทิดทูน เพราะนั่นคือภัยคุกคามที่ผมไม่มีวันยอมตามคำสัตย์ปฏิญาณตนของผมที่ถวายต่อพระเจ้าแผ่นดิน โพสต์ประกาศบัญชีรับเงินบริจาคนี้ เป็นการรับเงินบริจาคเข้าบัญชี รพ.มงกุฎวัฒนะซึ่งเป็นนิติบุคคลที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด ต้องรับการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชี และรายรับจากเงินบริจาคจะต้องรายงานให้กรมสรรพาการทราบเพื่อการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย... เงินบริจาคทั้งหมดไม่ได้เข้ากระเป๋าผมหรือกระเป๋าใครทั้งสิ้นครับ ผมขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ร่วมต่อสู้ไอ้โควิด-19 และขอให้ทุกท่านจงปลอดภัยจากโรคร้ายนี้ถ้วนหน้า พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ 26 เม.ย.64 เวลา 16.39 น.
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ในงานศพของคุณฉลบชลัยย์ พลางกูร ภรรยาของอดีตเสรีไทย คุณจารึก พลางกูร เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีพวกเสื้อแดงและนิยมเสื้อแดง แห่กันไป นัยว่าอาลัยท่านหนักหนา แต่พออ่านหนังสือที่แจกในงานศพท่าน ก็อึ้งกันไปตามๆ เพราะท่านฝาก"ด่า" อย่างงี้ "Everything Happens For A Reason" "ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระคถาคตทรงแสดงเหตุเกิดขึ้น และดับไปของธรรมเหล่านั้น" > ในจักรวาลนี้ไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นด้วยเหตุและผลทั้งสิ้น,... . @@@: หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (นายปรีดี พนมยงค์) แกนนำคนสำคัญของคณะราษฏร์ แต่งงานกับนางสาว พูนศุข ณ ป้อมเพชร,... ท่านเป็นผู้นำคนแรกของไทย ที่มีความปรารถนาจะเป็นประธานาธิบดี ครั้งที่ทำการปฏิวัติฯ ท่านเคยใช้ถ้อยคำรุนแรง กล่าวจาบจ้วงโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์,... ครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ พระองค์ทรงตรัสถามว่า -"ใครในคณะราษฏร์ เป็นผู้เขียนข้อความปราศรัยโจมตีเรา"?,... > นายปรีดี มีความเป็นลูกผู้ชายพอ,... ถวายบังคมทูลว่า -"ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ ข้าพระพุทธเจ้าเป็น ผู้เขียนบทความเองพระพุทธเจ้าข้า",... รัชกาลที่ ๗ ตรัสถามว่า -"ท่านเขียนสิ่งที่ไม่เป็นความจริงเช่นนั้น กล่าวหาเราได้อย่างไร"?,... > พระอาญามิพ้นเกล้าฯ -"เมื่อทำการใหญ่ถึงขั้นปฏิวัติแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าต้องการจะเอาชนะ จึงเขียนข้อความเช่นนั้นเพื่อปลุกปั่นประชาชนให้เชื่อถือ....เพราะหากว่าแพ้แล้ว หมายถึงเป็นกบฏ และต้องตายสถานเดียว จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อจะให้ได้ชัยชนะ พระพุทธเจ้าข้า" WOW !!!,... และนั่นคือครั้งแรก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ ทรงแย้มสรวลพระโอษฐ์ได้,... ตรัสชมนายปรีดีว่า:- "ดีมากลูกผู้ชายกล้าทำ (ชั่ว) ก็กล้ารับ" ---------------- @@@: คุณทักษิณ ชินวัตร / มีหลายอย่างที่เหมือนนายปรีดี พนมยงค์ คือนอกจากจะเป็นคนเรียนเก่ง ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และอยากจะเป็นประธานาธิบดีแล้ว,... สิ่งที่เหมือนอย่างไม่น่าเชื่อคือ คุณทักษิณ แต่งงาน กับนางสาว พจมาน ณป้อมเพชร,... วันนี้คุณทักษิณ ไม่มีแผ่นดินอยู่เหมือน หลวงประดิษฐ์มนูธรรม,... มีความเป็นไปได้สูงว่า คุณทักษิณอาจจะไม่ได้กลับมาตายบนผืนแผ่นดินไทยเช่นเดียวกัน แต่สิ่งหนึ่งที่คุณทักษิณ ไม่เหมือนกับนายปรีดีคือ -"คุณทักษิณไม่เคยยอมรับความจริง"!!!,... ----------------- @@@ : คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,... เป็นบุตรชายของ พญ.สดใส เวชชาชีวะ,... ซึ่งท่านพญ.สดใส เป็นหลานตาของ - "หลวงพิพิธพจการ"- (แจ่ม สูตะบุตร) หรืออีกนัยหนึ่งคือ (หลวงพิพิธพจการ) คือทวดของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั่นเอง,... เชื่อหรือไม่ ?,... ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีอั้งยี่กลุ่มหนึ่งชื่อ-"คณะยี่เฮ็ง"- อยู่ที่จังหวัดจันทบุรี สร้างความเดือดร้อน ให้คนไทยเป็นอย่างมาก,... หัวหน้าแก๊งอั้งยี่ชื่อ-"นายง่วนเส็ง แซ่คู"- เคยถูกพิพากษาจำคุกที่จังหวัดตราด โดยหลวงพิพิธพจการ. (แจ่มสูตบุตร)เมื่อครั้งที่ท่านเป็นผู้พิพากษา,... > หลายปีต่อมาพอนายง่วนเส็ง พ้นโทษจึงย้ายมาอยู่จันทบุรี / พอรู้ข่าวว่าหลวงพิพิธพจการ มาประจำอยู่จังหวัดจันทบุรี > นายง่วนเส็งจึงส่งคนไปทำร้ายหลวงพิพิธฯ > เมื่อถูกจับอีกครั้งจึงถูกส่งตัวมาติดคุกยาวที่กรุงเทพฯ,... *** มีปรากฏหลักฐานทางจดหมายเหตุว่า,... นายง่วนเส็ง เป็นพ่อของนาย-"ซุนเซียง"- ซึ่งอพยพย้ายครอบครัวจากจันทบุรีขึ้นไปอยู่เชียงใหม่ ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น-"นายเลิศ ชินวัตร"- YOOOO!!!,... นายเลิศ ชินวัตร, ท่านคือเตี่ยของคุณทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง !!!,... *** ใช่ครับ, ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ,... ใครทำกรรมใดย่อมได้รับผลกรรมนั้นๆ,... และใครทำบุญใด ผลบุญนั้นย่อมตอบสนองเช่นเดียวกัน !!!,... วาทะเติ้งเสี่ยวผิง "อย่าตอบแทนบุญคุณส่วนตัว ด้วยผลประโยชน์ประเทศชาติ" รัฐบุรุษผู้พลิกเปลี่ยนประเทศจีน จากยากจนมาเป็นมหาอำนาจของโลกในปัจจุบันนี้ ได้เปิดเผยเรื่องของตนเอง ต่อไปนี้ว่า :- ขณะที่ตนถูกแก๊งอ้อฟโฟร์ ซึ่งนำโดยภรรยาเหมา นางเจียงจิง กล่าวโทษและตามล่าเป็นครั้งที่สองนั้น เขาได้หลบซ่อนตัวอยู่ในกรมทหารทางใต้ของจีน ซึ่งเจ้ากรมทหารนั้นเป็นเพื่อนกัน ให้การปกป้องเขาอยู่ ครั้นเขากลับมามีอำนาจอีกครั้ง เจ้ากรมทหารเพื่อนกันคนนั้น ก็เอ่ยปากขอตำแหน่งให้ตนเอง ในฐานะมีบุญคุณส่วนตัว เติ้งได้กล่าวต่อเพื่อนว่า "อันบุญคุณของท่าน ที่ช่วยข้าพเจัาส่วนตัวนั้น ข้าฯก็เห็นแจ้งอยู่ หากท่านตัองการอะไรจากข้าฯเป็นส่วนตัวแล้วไซร้ ข้าฯก็ยินดี ตอบสนองคุณท่าน มิได้ลืม แต่ประเทศชาติ หาได้เป็นหนี้บุญคุณต่อท่านไม่ ข้าฯ มิอาจตอบแทนบุญคุณส่วนตัว ดัวยผลประโยชน์ของชาติได้" อุธาหรณ์จากเรื่องดังกล่าว ถ้าพิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปัจจุบันนี้ คงเห็นได้ว่า ความล้าหลัง ไร้ประสิทธิภาพ และการโกงกินของนักการเมือง อย่างโจ๋งครึ่มในปัจจุบันนี้ เป็นผลจากการ "ตอบแทนบุญคุณส่วนตัว ด้วยผลประโยชน์ประเทศชาติ" มากมาย นับจากการเอานักเลงหัวไม้มาเป็นรัฐมนตรี จนถึงการซื้อเสียงของประชากรรากหญ้า การที่นักการเมืองขี้โกง ของบฯ ทำความเจริญให้แก่หมู่บ้าน แล้วชาวบ้านแห่กันลงคะแนนเสียงให้ ก็เข้าข่ายเรื่องนี้เช่นกัน หากเห็นด้วยกับผมในบทความนี้ กรุณาส่งต่อให้มากที่สุด เผื่อไม่แน่ เราอาจทำดีเล็กๆน้อยๆ ตอบแทนบุญคุณประเทศชาติได้บ้าง ..ศ.นพ.วันชัย วัฒนศัพท์..
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false