1 คนสงสัย
สะบัดนิ้ว ช่วยกระตุ้นสมองและความจำ
ไม่ระบุชื่อ
 •  6 เดือนที่แล้ว
meter: false
1 ความเห็น

สุขภาพ

Thanathun. เลือกให้ข้อความนี้❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง

เหตุผล

การสะบัดมือหรือกำแบมือซ้ำไปมา ไม่ได้ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดใด ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งยังไม่ได้กระตุ้นให้เลือดไปเลี้ยงสมองดีขึ้น และไม่ได้

ที่มา

https://www.antifakenewscenter.com/ผลิตภ⋯แชร์-สะบัดนิ้ว-ช่วยกระตุ้นสมองและความจำ/

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    สถานการณ์โควิด
    19:52 อรชร @ ปุ๊ ลูกชาย นพ.อดิศักดิ์ si69 อายุ51 เปนนักข่าว AP ที่ NY เสียชีวิตด้วยคว19 ทั้งที่มีอาการเล็กน้อย อจ.อดิศักดิ์เล่าว่า ‘ลูกชายเป็นคนแข็งแรง นักวิ่งมาราธอน ได้เหรียญ Full marathon มา 80 กว่าเหรียญแล้ว วันหนึ่งเมื่อเร็วๆนี้รู้สึกเหนื่อยและเพลีย ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไปหาหมอ เขาก็เลยตรวจ COVID 19 test ปรากฏว่า positive ได้ follow up กับหมอมาตลอด จนกระทั่งมีอาการ breathing issue ถึงได้ไป ER ใน Manhattan พบ Pneumonia เข้า ICU on Ventilator ไม่กี่ ชม. ก็เสียชีวิตครับ มันรวดเร็วมากๆ อยากบอกเพื่อนๆว่า อย่าเอาเรื่องไข้ 37.5 C เป็น indicator ของโรคนี้ Unexplained fatigue ควรรับไว้พิจารณาด้วย.. 19:52 อรชร @ ปุ๊ For your information นะคะ จาก เพื่อนรัก พี่เปิ้ลซึ่งเป็น อาจารย์แพทย์ที่ ศิริราชค่ะส่งมาให้ วันนี้ 16 กค 65 เชื้อ BA5 ติดง่ายมากจนคิดว่าลงท้ายคงเป็นกันทุกคนทั้งโลก เมื่วานนี้มีแพทย์ท่านหนึ่งติดโควิดแล้วหาเตียงตามสิทธิ UC รักษาในรพ.ของรัฐไม่ได้ ขณะนี้อาการหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ใน ICU รพ.เอกชนแห่งหนี่ง ทุก ๆ วันมีญาติ ๆ และเพื่อน ๆ ปรึกษาผมมาวันละหลาย ๆ รายว่าติดโควิดแต่หาที่รับยาและ/หรือหาเตียงในรพ.ไม่ได้ ซึ่งมีในทุก ๆ สิทธิของระบบการรักษา และเพื่อน ๆ แพทย์ต่างก็ปรารภมากับผมว่าพบเหตุการณ์แบบเดียวกันจำนวนมาก ในฐานะที่ผมเป็นแพทย์คนหนึ่งที่ยังตรวจผู้ป่วยที่รพ.อยู่เป็นประจำ ประเมินจากสถานการณ์จริงว่าขณะนี้น่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มในแต่ละวันเกินกว่าห้าหมื่นคนอย่างแน่นอน มีทั้งแบบไม่มีอาการ แบบอาการน้อยและแบบอาการหนัก (ทั้ง 3 แบบต่างก็แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ทั้งสิ้น) ซึ่งเพื่อน ๆ แพทย์ของผมที่อยู่หน้างานจริงต่างก็คิดเหมือน ๆ กัน ดังนั้นผมจึงขอให้พี่น้องประชาชนทุก ๆ ท่านอย่าประมาทและการ์ดอย่าตกอย่างเด็ดขาดเพราะบางรายแม้ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 608 และฉีดวัคซีนแล้วไม่ต่ำกว้า 3 เข็มติดแล้วต้องใส่ท่อช่วยหายใจก็ยังมีให้เห็น อีกทั้งโควิดไม่เหมือนไข้หวัดใหญ่ที่หายแล้วจบ หากแต่ภายหลังหายแล้วระยะหนึ่งอาจเกิด MIS-C (Multisystem Inflammatory Syndrome in Children) กับลูกหลานของท่านซึ่งเป็นการอักเสบของหลาย ๆ อวัยวะพร้อม ๆ กันทำให้อาจเสียชีวิตได้ รวมทั้งทุก ๆ ท่านที่ติดเมื่อหายแล้วยังอาจเกิด Long Covid ในระยะยาวที่มีอาการได้ทั้งทางสมองและทางร่างกายทุก ๆ ส่วน กับท่านได้อีกด้วยนะครับ ด้วยความรักและความห่วงใย ศ.คลินิกเกียรติคุณนพ.อำนาจ กุสลานันท์ อดีตนายกแพทยสภา
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    แลบลิ้นป้องกันโรคสมองเสื่อมได้
    อ่านนะคะ ด้วยรัก และห่วงใยค่ะ อัลไซเมอร์จาก ดร.วิชัย เกียรติสามิภักดิ์ ยิ่ง อ่าน ยิ่งดี มี✔️✔️รู้ไว้มีประโยชน์✔️✔️ วันนี้คุณแลบลิ้นหรือยัง? ---------------- ฉันเข้าสู่วัยชราตอนปลายแล้ว(70-90) ถึงวัยนี้ตามธรรมชาติจะมีความเจ็บป่วยต่างๆ ฉันกังวลใจมากที่สุดก็คือการเป็นคนชราที่หลงลืม (อัลไซเมอร์) เพราะไม่เพียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เท่านั้น แต่ยังเป็นภาระให้คนในครอบครัวอีกด้วย วันหนึ่ง ลูกชายกลับมาจากข้างนอก เล่าให้ฟังว่า เพื่อนที่เป็นหมอบอกเขาเรื่อง การบริหารลิ้น หมอบอกว่าการบริหารลิ้นไม่เพียงแต่ป้องกันผู้สูงอายุเป็น อัลไซเมอร์เท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาโรคอ้วน ความดันสูง หลอดเลือดสมอง หอบหืด ตาฝ้าฟาง หูอื้อ คออักเสบ ไหล่ติด นอนไม่หลับ ฯลฯได้อีกด้วย ลูกเล่าจากที่หมอบอกว่า ง่ายมาก ขอเพียงทุก ๆ วันในตอนเช้าตรู่ หลังล้างหน้าเสร็จ บริหารลิ้นหน้ากระจก ดังนี้ 1.แลบลิ้นออก แล้วหดกลับ 10 ครั้ง 2. แลบลิ้นออก ตวัดไปทางริมฝีปากซ้าย-ขวา สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องทำทุกวัน และนี่ฉันก็ทำได้ ไม่ขาดสักวัน ทั้งปรับปรุงวิธีบริหารลิ้น ยืนหยัดทำไม่ขาดอยู่ปีเศษๆ ผลที่ได้รับคือ ไม่เพียงสมองโล่ง แต่อาการที่เคยเป็น เช่น ตาฝ้าฟาง มึนหัว กระเพาะไม่มีกำลัง น้ำมูกไหล เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แขนขาก็รู้สึกยืดหยุ่นขึ้นมาก และเชื่อมั่นว่า การบริหารลิ้น มีผลในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์จริง เพราะงานวิจัยของแพทย์แสดงผลอย่างชัดเจนว่า เส้นประสาทลิ้นเชื่อมต่อสัมพันธ์กับสมอง และสัญญาณแรกที่บ่งชี้ว่า เข้าสู่ภาวะชราภาพ คือ อาการลิ้นแข็ง ดังนั้น การบริหารลิ้นบ่อยๆ เป็นการกระตุ้นการทำงานของสมองทางอ้อม ป้องกันสมองฝ่อได้ .... ❤️ ส่งต่อให้คนที่เรารัก❤️
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    แพทย์หลายท่านชี้ว่าคนวัยเกษียณ (ผู้สูงวัย) ควรจะพูดคุยให้มากขึ้น เพราะขณะนี้ยังไม่มีทางรักษาและป้องกันรักษาโรคความจำเสื่อมได้เลย ทางเดียวที่ช่วยได้คือ การพูดคุยสนทนาให้มากขึ้น
    LINE กลุ่มคนแก่ชักสำคัญขึ้นมาแล้ว แพทย์หลายท่านชี้ว่าคนวัยเกษียณ (ผู้สูงวัย) ควรจะพูดคุยให้มากขึ้น เพราะขณะนี้ยังไม่มีทางรักษาและป้องกันรักษาโรคความจำเสื่อมได้เลย ทางเดียวที่ช่วยได้คือ การพูดคุยสนทนาให้มากขึ้น... การพูดคุยมีประโยชน์ต่อผู้สูงวัยอย่างน้อย 3 ประการ ประการแรก การพูดกระตุ้นและทำให้สมองมีความคล่องแคล่ว เพราะภาษากับการคิดจะสื่อสารระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาพูดเร็วซึ่งส่งผลโดยธรรมชาติให้เกิดปฏิกริยาการคิดที่เร็วขึ้นและเพิ่มความจำ บรรดาผู้สูงวัยทั้งหลายที่ไม่พูดคุยมีแนวโน้มสมองเสื่อม ประการที่สอง การพูดช่วยคลายความเครียดได้มากที่เดียว ช่วยไม่ให้เป็นโรคจิตและลดความเครียด บ่อยครั้งเราไม่พูดแต่จะเก็บกดไว้ในใจเรา นี่เป็นความจริง ด้วยเหตุนี้จะเป็นการดีที่จะให้โอกาสผู้สูงวัยทั้งหลายได้พูดมากขึ้น ประการที่สาม การพูดช่วยให้กล้ามเนื้อบนใบหน้า ทรวงอกได้ขยับตัวออกกำลังและเพิ่มสมรรถภาพของปอด ในขณะเดียวกันการพูดลดความเสี่ยงของการเสื่อมในดวงตาและหู รวมถึงความเสี่ยงที่แฝงมาเช่น ทำให้เวียนศรีษะและหูหนวก สรุปสั้น ๆ ได้ว่าสำหรับ คนวัยเกษียณหรือบรรดาผู้สูงวัยทั้งหลาย ทางเดียวที่จะป้องกัน โรคอัลไซเมอร์ คือ การได้พูดคุยสนทนากับผู้คนเท่าที่จะมากได้ และสนทนาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ไม่มีวิธีอื่นใดจะรักษาโรคนี้ได้เท่ากับการพูดคุย ดังนั้น ขอให้เราพูดคุยกันมากขึ้นและกระตุ้นให้ผู้สูงวัยท่านอื่น ๆ พูดคุยสนทนากับญาติมิตรและคนรอบข้างมากขึ้น ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์และดีต่อสุขภาพ ส่งผลดีต่อชีวิตและคุณภาพประชากรสูงวัยของชาติต่อไป กรุณาส่งให้ผู้สูงวัยท่านอื่น ๆ ด้วยจ้า Cr : ขอขอบพระคุณ ดร.บรรจง ชมภูวงศ์
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ช่วยทำให้ความจำดีจริงไหม
    เคยได้ยินว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่กินแล้วจะช่วยเรื่องผิวพรรณและความจำด้วยใช่ไหม?
    sutthidanoikaew
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เขียนได้โดนมากๆ ขอแชร์ให้คนไทยทุกคนได้อ่าน “ชีวิตจะดีหรือเลว อยู่ที่ตัวคุณเอง ไม่ใช่รัฐบาล” ไม่ทราบชื่อผู้เขียน…แต่เขียนสะท้อนความจริงได้ดีมาก วันนี้ ผมอยากให้คุณเปิดใจเป็นกลาง มองโลกแห่งความเป็นจริง แล้วอ่านสิ่งที่ผมเขียน... ประชาชน เรียกร้องหา การพัฒนาที่ดี เศรษฐกิจที่ดี ชีวิตที่ดี สวัสดิการที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ดี ขอให้ทุกคนรวยขึ้น มีความสุขมากขึ้น มีคนจนหมดไป แต่ตัวเองกลับทำตัวตรงข้าม คือ ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น อยากให้ประเทศพัฒนา แต่ไม่เคยพัฒนาคุณภาพตัวเอง นายกคนไหน ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ถ้าคนในประเทศยังขี้เกียจ ขาดจิตสำนึก ขาดคุณธรรม ขาดสติ ไร้ปัญญา ไร้การศึกษา หรือมีการศึกษาสูง แต่จิตสำนึกต่ำ คุณธรรมต่ำ คิดแต่จะด่าว่า โทษแต่คนอื่น ไม่เคยโทษตัวเอง หรือนอนรอแต่ความหวัง ลมๆแล้งๆ หวังคนอื่นมาช่วย แต่ไม่เคยช่วยตัวเองอย่างจริงจัง ประเทศนี้ มีปัญหามาตั้งแต่ รากเหง้าของประเทศ เป็นศูนย์รวม ของคนจำ นวนไม่น้อย ที่จอม 'ขี้เกียจ' 'มักง่าย' และ 'รอคอยความหวัง' เห็นแก่ตัว เก่งแต่พูดเก่งแต่โพสต์ พอลงมือทำจริงๆ ก็ทำไม่ได้ อย่างที่คุยโม้โอ้อวด จริงไหม? ต่อให้นายกรัฐมนตรี เก่งกาจแค่ไหน แก้ปัญหาชาติได้ดีเพียงไร หรือ มีทีมงานไม่โกงกิน แต่บางที ปัญหามาจากรากเหง้าของประเทศ ที่จริงๆแล้ว แก้เท่าไหร่ ก็ไม่สำเร็จหรอก เพราะอาจจะต้องแก้ที่ "คนในชาติก่อน" “จิตสำนึกที่ดี นั้น มีกันบ้างมั้ย” - ด้านสถาบันครอบครัว เพราะความเคยชินของคนไทย ปลูกฝังสั่งสอน ความมักง่าย ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม เลี้ยงเด็กตามมีตามเกิด บางคน แม้รวย ก็เลี้ยงดูลูกแบบตามใจ จนมากเกินไป เหมือนนิทานเรื่อง พ่อแม่รังแกฉัน เลี้ยงผิดๆ ถูกๆ บางบ้าน พูดจาหยาบคาย มึงกูกับลูกตั้งแต่เด็กๆ ปัญหาไม่พร้อมที่จะมีลูกก่อนวัยอันควร สอนกันมาแบบผิดๆ สมองเด็ก ก็ฝังลึกกันแบบผิดๆ​ ที่น่ากลัวคือ พ่อแม่คนเหล่านั้น สอนลูกไม่ เป็น ไม่รู้จักผิด/ชอบ/ชั่ว/ดี แม้บางคน พ่อแม่ เป็นถึง ศ.บ้าง รศ.บ้าง บางคนพ่วง ดร. อีกด้วย แต่มีลูกสาว ขนาดเป็นนิสิตจุฬาฯ ในปี 2563 กล้าที่จะแก้ผ้าให้ผู้ชายถ่ายรูปที่เสาชิงช้า อนาคตของชาติ จึงดูไร้คุณภาพ หรือที่เราเรียกว่า อนาคตของสังคมไทย มีแต่ “ขยะสังคม” รัฐบาล ไม่ได้มีหน้าที่ อยู่บ้านเดียวกับคุณ และคอยอบรมสั่งสอน จนลูกคุณโต หรือ จนมีหน้าที่การงาน - ด้านความยากจน หนักไม่เอา เบาไม่สู้ หมิ่นเงินน้อย คอยวาสนา บ้าเรื่องดวง ผัวทิ้งทำเสน่ห์คุณไสย งานไกลขี้เกียจไป อ้างว่าไม่มีรถขับ งานใกล้ เงินน้อยขี้เกียจทำ กู้เงินมาขายอาหาร ขายไม่เป็น ทำไม่สะอาด ทำไม่อร่อย ปากไม่ดี พอเจ๊ง ก็โทษรัฐบาล โทษเศรษฐกิจ โทษอากาศมันร้อน ฝนมันตก โทษคนไม่เดิน แต่ไม่เคยโทษตัวเอง เพราะไม่เคยมองเห็นตัวเอง ที่เป็นต้นเหตุปัญหาทั้งปวง คนจน ที่ขยันก็มีเยอะ แต่ต้องฉลาด มีสมองพัฒนา ใฝ่สูงใฝ่ก้าวไปข้างหน้า เป็นคนจนไม่ผิด แต่จนแล้วโง่ แถมขี้เกียจ เเบบนี้ผิด บางคนที่จน ไม่มีเงินจะเรียน ก็เรียนจบได้ด็อคเตอร์ ก็มีไม่น้อย มิใช่ เอาแต่มานั่งบ่น สิ่งนั้นไม่ดี สิ่งนี้ไม่ดี แต่ไม่เคยโทษตัวเอง ใครจะมาช่วยได้ล่ะ แล้วทำไมคนจน ที่เค้ามีฐานะดีขึ้น ทำงานด้วยสมอง และ มีสองมือเหมือนกัน ก็มีเยอะมากมายที่เขาได้ดี มีความเจริญก้าวหน้า เพราะเค้าไม่มีข้ออ้างแบบคุณนั่นเอง - ด้านการศึกษา ไม่รู้เค้าเลี้ยงลูกกันยังไง เด็กบางคนถึงไม่สนใจการเรียน ไม่ชอบมีการ บ้าน ไม่ชอบการสอบเก็บคะแนน อ้างว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดความเครียด ไม่ต้องการใส่เครื่องแบบ ไม่ต้องการไว้ผมทรงนักเรียน ไม่เห็นคุณค่าการศึกษา เพราะมีพ่อแม่ไร้คุณภาพ เด็กหลายคนจึงไร้การศึกษาที่ดีและสูง แทนที่จะสอนลูกว่า เรามันจนนะลูก ต้องตั้งใจเรียน​ จะได้​ทุนเรียนปริญญา เอาจริงๆนะ ถ้าลูกรักเรียนต่อ ให้พ่อแม่จนแค่ไหน ก็หาเงินมาให้ลูกเรียนจนจบปริญญาได้ เด็กหลายคนเกเร ไม่สนใจการเรียน พ่อแม่ก็ตัดหางปล่อยวัด ไม่รู้จะทำอะไร ก็กลายเป็นเด็กเกเร เด็กแว๊นซ์ ลักขโมย ดื่มเหล้า ข่มขืน ติดยา ขายตัว สร้างความเดือดร้อน พ่อแม่มันยังไร้คุณภาพ จะเอาปัญญาที่ไหนไปสอนลูก บางครอบครัว พ่อแม่ มีคุณภาพดี แต่ไม่เคยสอนเรื่องคุณ ธรรมและจริยะธรรมที่ดีให้แก่ลูก พอเกิดเรื่องก็บอก “ลูกฉันเป็นคนดี” กันทั้งนั้น ก็เพราะคิดแบบนี้ ลูกมันถึงเป็นแบบนี้ ผิด/ชอบ/ชั่ว/ดี คนเป็นพ่อแม่ ยังแยกแยะไม่ออก - ด้านสิ่งแวดล้อม ถามซิ เลิกเผาป่า เลิกเผาขยะกันหรือยัง​ ข่าวออกมาโครมๆ แต่จิตสำนึกไม่ มีเลย อ้างว่าต้องทำมาหากิน ก็ทำแบบนี้ทุกปี จริงๆแล้วการเผาป่ามันถูกต้องหรือไม่ มันก่อให้เกิดฝุ่นพิษ ควันพิษ เป็นการทำร้ายสุขภาพ หรือเราปล่อยให้ทำๆกันมาจนชิน ไม่รู้สึกอะไร พอรัฐหรือหน่วยงาน เข้ามาห้ามก็ด่า...นี่คือสันดานคนเหล่านั้น คือความเห็นแก่ตัว ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม​ เสียหายปีละเท่าไหร่​...กินตรงไหนทิ้งตรงนั้น คนที่อาศัยตามริมคลอง ก็ทิ้งลงคลองง่ายดี พอน้ำเน่าเหม็น ก็บ่น แล้วมาบอกว่า มันเป็นหน้าที่ของคนเก็บขยะ มีหน้าที่เก็บก็เก็บไป​ คุณจะให้บ้านเมืองมันเจริญได้ไง! ในเมื่อจิตใจคุณยังต่ำตมอยู่เลย -โกง/คอรัปชั่น​ เจอกันเยอะมั้ย​ ไม่ว่าจะคนรวย คนจน คนในระดับไหน การศึกษาสูง ต่ำ ไม่แตกต่างกัน ​ เป็นเรื่องนิสัย​/สันดาน พอมีโอกาส​ ก็โกงกันทั้งนั้น จิตสำนึกความซื่อสัตย์ไม่มี คนรวยโกงคนจน นักการเมืองโกงชาติ จิตใจทำด้วยอะไร ความเห็นแก่ตัวไง เงินคือพระ เจ้าสำหรับพวกมัน และค่านิยมคนไทย “มีเงินเรียกน้อง มีทองเรียกพี่” เป็นพวก ไอ้/อี ที่บ้าเงิน - ด้านการจราจร มีกี่คนที่ทำตามกฎจราจร 100% บ้าง ทางม้าลายรถต้องหยุดให้คนข้าม พวกคุณทราบกันหรือเปล่า ใช้ถนน ผิดกฎหมาย แล้วคิดว่าตัวเองถูก ดูอย่างข่าวป้าทุบรถ และข่าวจอดรถขวางหน้าบ้าน ทางเข้าออกคนอื่น โดยไร้จิตสำนึกว่า คนในบ้านเขาขับรถเข้า/ออกไม่ได้ มีบ่อย มีหลายๆคดี เรียกตัวเองว่า ชาวพุทธ แต่ไร้ ศีลธรรม การยับยั้งอารมณ์ ใครมีปืนมีมีด ก็ยิงก็ฟันเลย เถื่อนมาก แม้แต่ในโรงพยาบาล ก็ยังบุกไปทำร้ายร่างกายกัน และ พาลไปทำร้ายหมอและพยาบาลอีก แบบนี้ก็มีอยู่ในสังคมไทย แกล้งขับรถขวางทาง ไม่ให้รถ Ambulance ผ่าน ก็มีข่าวมาแล้ว ขับช้า เสือกขับแช่ยาว ในเลนขวาสุด ก็มีให้เห็นบ่อยๆในเวลาไปต่างจังหวัด อยากจอดข้างทางก็จอด เพื่อกินข้าว ที่ร้านอร่อยของตน บนถนนรถติด ขายของริมฟุตบาท ล้นออกมาบนพื้นที่ถนนรถวิ่ง รถยนต์/รถมอเตอร์ ไซค์ก็จอดซื้อกันตรงนั้น ทำให้รถติดในซอย ในเมื่อพฤติกรรมคนไทยจำนวนไม่น้อย มันเป็นแบบเนี้ย รัฐบาลจะไปช่วยอะไรได้ หวังแต่จะให้รัฐแก้ปัญหา และพัฒนาชาติ ตัวคุณเองยังแก้ปัญ หาตัวเองไม่ได้ และพัฒนาสมอง คุณภาพตัวเองไม่ได้เลย ถามตัวเองก่อน ด่ารัฐบาล "ทำหน้าที่ตัวเอง" ในฐานะพลเมืองของชาติ ดีที่สุดรึยัง พูดให้คิด มองความจริงให้ออก อย่าหลอก อย่าหลงตัวเอง เจ็บแต่จริง​ หันมามองตัวเองกันหน่อย​ ค่อยๆแก้​ ต่อให้รัฐบาล​/ผู้นำคนไหนๆ​ แปลงร่างมาจากเทวดาชั้นฟ้า​ ปัญหา​เมืองไทย ก็ไม่มีวันหมด แก้รัฐธรรม นูญ ก็เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง เป็นสำคัญ ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชา ชนอย่างแท้จริง แก้แล้ว ก็เพื่อให้นัก การเมืองกลุ่มใหม่ เข้ามาแสวงหาอำนาจ และ ผลประโยชน์ในกลุ่มพรรคพวกเพื่อนพ้องเท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องนมนานมา แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น มาให้เห็นตลอดเวลา​ที่ผ่านมา นักการเมืองโกงแล้ว หนีคดีไปต่างประเทศ ส่วนลูกน้อง ที่เคยเป็นคนดี แต่ยอมทำตาม ด้วยเกรงบารมี ก็ต้องติดคุกหัวโตไป เรายังอยากให้คนกลุ่มนี้ มาหาวิธีโกงชาติ โกงแผ่นดินกันอีกหรือ รักชาติ รักแผ่นดิน​ ให้จริงๆกันบ้างเถิด อย่าอ้างความรักชาติ จนน้ำลายไหล เพราะอดอยากปากแห้งมานาน หันกลับมามองตน แล้วเปลี่ยนแปลงตัวเองและ คนใกล้ตัวกันหน่อย สงสารนักรบชุดขาว และ อสม. ที่เขาเสียสละ และเสี่ยงกับโรค​ COVID-19 ที่ มากกว่าเรา อย่าได้เพิ่มปัญหาให้สังคมและประเทศของเราให้มากกว่า ที่มีอยู่ และเป็นอยู่เลย ในปัจจุบัน ทุกประเทศก็มีปัญหาเศรษฐกิจ ประชา ชนทุกประเทศก็ย่ำแย่เดือดร้อนกันทั้งนั้น มิใช่คนไทยเท่านั้นที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ. ขอบคุณผู้เขียน และ ขอบคุณทุกคนที่แชร์กันต่อไปและแชร์ให้มากก่อนถึงวันเลือกตั้ง.
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    กัญชารักษา39โรคนี้ได้จริงไหมครับ
    💝39โรค หายได้ด้วยกัญชา ประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์💝 🍀💐เอาสิ พี่กัญออกฤทธิ์. ปราบเรียบ 39 โรค มีอะไรบ้างไปดูกันเล้ย😊🤟 1 กัญชาสามารถหยุดการแพร่กระจายของมะเร็งไม่ให้ลุกลามและกำจัดเซลมะเร็งได้ โดยไม่ทำร้ายหรือสร้างความเสียหายให้กับเซลปกติ 2 กัญชาสามารถรักษาต้อหิน 3 กัญชาสามารถป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้(thcสามารถยับยั้งเซลล์เอเบตาโปรตีนไม่ให้ผลิตสารพิษที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์) 4 กัญชาสามารถช่วยลดอาการอักเสบ 5 กัญชาสามารถควบคุมและรักษาโรคลมชัก 6 กัญชาสามารถลดความเจ็บปวดจากโรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม 7 กัญชาสามารถรักษโรคโครห์น (Crohn’s Disease) ความผิดปกติเรื้อรังของลำไส้ใหญ่ได้ 8 กัญชาสามารถช่วยควบคุมและรักษาโรคพากินสัน 9 กัญชาสามารถลดความวิตกกังวล 10 กัญชาสามารถช่วยในการยับยั้งการสร้างสารก่อมะเร็งและปรับปรุงสุขภาพปอดได้ 11 กัญชาสามารถลดความเจ็บปวดจากเคมีบำบัด 12 กัญชาสามารถปรับปรุงอาการของโรคลูปัสหรือโรคเอสแอลอี (โรคพุ่มพวง) 13 กัญชาสามารถช่วยปกป้องสมองจากความเสียหายของโรคหลอดเลือดสมอง 14 กัญชาสามารถควบคุมกล้ามเนื้อกระตุก 15 กัญชาสามารถรักษาโรคลำไส้อักเสบ 16 กัญชาสามารถช่วยขจัดฝันร้าย 17 กัญชาสามารถปกป้องสมองจากการถูกกระทบกระแทกและการบาดเจ็บ 18 กัญชาสามารถช่วยให้เจริญอาหาร 19 กัญชาสามารถช่วยขยายหลอดลมและลดการหดตัวของหลอดลม 20 กัญชาสามารถแก้โรคบิด แก้ปวดท้อง และโรคท้องร่วง 21 กัญชาสามารถช่วยแก้อาการประจำเดือนไม่ปกติของสตรี 22 กัญชาสามารแก้โรคผิวหนังกลากเกลื้อน 23 กัญชาสามารถแก้ปวดหัวไมเกรน 24 กัญชาช่วยรักษาการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง 25 กัญชาสามารถช่วยบำบัดผู้ติดยาเสพติดชนิดรุนแรงเช่นเฮโรอีน 26 กัญชาสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตสูงได้ (รักษาเบาหวาน) 27 กัญชาสามารถช่วยรักษาแผลสด แผลหายยากจากเบาหวาน ให้แห้งและหายได้ 28 กัญชาช่วยทำให้มีอารมณ์เบิกบานแจ่มใสมีสมาธิและจิตใจสงบ 29 กัญชาสามารถช่วยผู้ป่วยที่ติดเชื้อHIVหรือเอดส์ให้สามารถใช้ชีวิตได้ดีขึ้น 30 กัญชาสามารถช่วยป้องกันโรคตับแข็ง 31 กัญชาสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น 32 กัญชาสามารถช่วยรักษาอาการกระดูกหักให้หายไวขึ้น และยังทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นด้วย 33 กัญชาสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายของระบบปเส้นประสาททั้งร่างกายและระบบเชื่อมต่อในสมอง 34 กัญชาสามารถรักษาโรคภูมิแพ้ต่างๆได้ 35 กัญชาสามารช่วยรักษาอาการโรคปลอกประสาทอักเสบหรือโรคเอ็มเอส (MS) 36 กัญชาช่วยแก้อาการแข็งเกร็งจากอัมพฤกษ์อัมพาตได้ 37 กัญชาสามารถแก้ไข้ผอมเหลือง ไม่มีกำลัง ตัวสั่นได้ 38 กัญชาสามารถรักษาแผลในเซลล์ลำไส้ที่เกิดจาการอักเสบของโรค crohn's disease ได้ (จาการทดสอบในตาจึงอาจนำไปสู่การใช้ในผู้ป่วยเบาหวานที่กำลังจะสูญเสียตาได้อีกด้วย) 39 กัญชาสามารถช่วยต่อสู้กับโรคลูคีเมียได้ กัญชาสามารถยับยั้งอารมณ์เกรี้ยวกราดได้ นี่เป็นเพียงบางส่วนเล็กๆเท่านั้นที่กัญชาสามารถทำได้ และโปรดจำไว้ว่า กัญชาเป็นมากกว่ายา..แต่ในฐานะยา.. "กัญชาคือยาที่ปลอดภัยที่สุดในโลก" ..เท่าที่มนุษย์จะหาได้..ในเวลานี้ (กัญชาใช้เป็นยาได้ทั้งมนุษย์และสัตว์) และกัญชายังมีความลับซ่อนอยู่อีกมาก.. 🤔
    Klamongkhon Klinhom
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    การนอนดึกเป็นการตั้งใจทำร้ายตนเอง อย่างร้ายแรงที่สุด(ถึงกับทำให้เป็นมะเร็งได้ จริงหรือ
    🙋‍♀️อดีตนอนดึกมาตลอด ปัจจุบันนอนไม่เกิน 4 ทุ่มครึ่ง อย่าให้สายเกินแก้ รีบปฎิบัติด่วน ❤️ด้วยรักและหวังดีอย่างจริงใจครับ ● บ้านไหนมีคน นอนดึก จำเป็นต้องอ่านบทความนี้นะครับ ● เพราะอะไร ? เพราะการนอนดึกๆ ทำให้ "อวัยวะสำคัญๆ" ของร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ หลอดเลือด ต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมไธรอยด์ และภูมิคุ้มกันร่างกายเสียหาย จึงเป็นเรื่องที่ต้องไม่ประมาท มาฟังหมอด้านเวชศาสตร์ชลอวัย อธิบายให้เข้าใจกัน 🔷️ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เล่าให้ฟังถึง ● ผลเสียของการนอนดึก ▪️ใครที่นอนเกิน 5 ทุ่มครื่ง จะมีผลทำให้ 5 อวัยวะหลักเสื่อมโทรมเร็วขึ้น ทั้ง 1▪️ สมอง 2▪️ หัวใจ 3▪️ หลอดเลือด 4▪️ ต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมไธรอยด์ และ 5 ▪️ ภูมิคุ้มกันร่างกาย 🔷️ แต่ถ้าปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตมาเป็นคนนอนเร็วขึ้น ตั้งแต่ 4 ทุ่มไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่งซึ่งเป็นนาทีทองของการนอน ก็จะช่วยให้มีสุขภาพดีขึ้นถึง 10 ประการ ดังนี้ :- 1. สมองสร้างเคมีสุข อย่างที่รู้ว่า สมองเป็นหัวเรือใหญ่ในการแจกงานให้อวัยวะต่างๆ แม้แต่เวลานอนก็ยังมอบรางวัลให้ร่างกาย ทั้ง ▪️ เคมีนิทรา (เมลาโทนิน) ▪️ เคมีสุข (ซีโรโทนิน) ▪️และฮอร์โมนเพศ ▪️แถมยังมีเคมีบำรุงร่างกายออกมา ช่วยควบคุมระบบในตัวเราให้ทำงานราบรื่น ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น สร้างเกราะป้องกันอาการป่วยเจ็บได้ด้วย 2. สร้างเคมีหนุ่มสาวปกติแล้ว เคมีหนุ่มสาวที่เรียกว่า โกรทฮอร์โมน จะค่อย ๆ ลดลงตามวัย รวมทั้งการนอนดึกก็ทำให้โกรทฮอร์โมนน้อยลงไปด้วย ☆แต่ถ้าเราเข้านอนเร็ว สักราว 4 ทุ่ม ไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่ง ☆สมองจะช่วยผลิตโกรทฮอร์โมนธรรมชาติให้ ☆สรุปว่ายิ่งเราหลับไว หลับสนิท ☆ เราก็ยิ่งดูอ่อนเยาว์ ☆เพราะโกรทฮอร์โมน จะหลั่งในช่วงเวลา 00.00-01.30 น. รวมเวลา 1 ชม.ครึ่งเท่านั้น ซึ่งจะช่วยซ่อมเสริมภูมิต้านทานโรค ให้มีพลังร่างกายที่มีความสมบูรณ์มากขึ้น 3. ความจำดีขึ้น การศึกษาจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ระบุว่า ☆คนที่นอนหลับได้ในช่วง 4 ทุ่ม ถึง 5 ทุ่ม ปรากฏผลงานวิจัยติดตาม พบว่า ☆ มีผลต่อความจำ ความมีสมาธิ อย่างมีนัยสำคัญ ☆และ ลดอุบัติเหตุลงได้มากขึ้น ☆นั่นก็เพราะเวลาเรานอน สมองจะมีกลไกช่วยจัดระเบียบ คล้ายกับการแยกอีเมลขยะออกไป ☆แต่ถ้าเราอดนอน เราจะรู้สึกมึน ลืมง่าย หรือ ไม่ก็ลิ้นพันกัน คิดอย่างพูดอย่าง หรือ อาจเผลอเรอได้ง่ายๆ ดังนั้น ต้องนอนให้เต็มอิ่ม จะได้เป็นการชาร์จแบตให้สมอง พร้อมรับความจำใหม่ๆ ได้ดี 4. คุมความดันโลหิตได้ การนอนหลับเร็ว ☆จะช่วยให้ระบบประสาทอัตโนมัติทั้งหลาย และกลไกทางชีวิวิทยา ที่เป็นเหมือนฟันเฟืองขนาดจิ๋ว ที่ทำงานซับซ้อน ☆ช่วยควบคุมหัวใจ และความดันโลหิตให้สงบลง ไม่แกว่งขึ้นลงง่ายเหมือนกับตอนตื่นนอน 5. ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนสึกหรอ คนก็เหมือนเครื่องยนต์ ทำงานมาหนัก ก็ต้องหยุดพักบ้างจริงไหม ☆ซึ่งการนอนก็เหมือนเข้าอู่ซ่อมรถ ช่วยซ่อมแซมร่างกายที่สึกหรอ ☆ช่วยให้สมองได้พักผ่อน ☆กล้ามเนื้อคลายตัว ☆หัวใจสงบขึ้น ☆ความดันลดลง โดยเฉพาะ ☆ถ้าหลับลึกได้ในช่วง 00.00 - 01.30 น. ในแต่ละคืน สุขภาพย่อมแข็งแรง เสมือนย้อนไปในช่วงที่อยู่ในวัยเบญจเพศได้ 6. ลดความเสี่ยงโรคอ้วน ☆ถ้าเรานอนเร็ว จะทำให้เราไม่หิวกลางดึก อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้อ้วน ☆นอกจากนั้น ยังมีกลไกดับหิวด้วยการสร้างเคมีดับหิวขึ้นมา ทำให้การนอนเร็วช่วยคุมน้ำหนักตัวได้ดีกว่า ☆อีกทั้งยังกระตุ้นเตาเผาในร่างกาย ให้ทำงานได้ดี ☆ ช่วยให้ไม่อ้วนง่าย ไม่สร้างเคมีเก็บไขมันมากด้วย 7. มีความสุขง่ายขึ้น ☆ยิ่งอดนอนมาก สมองของเราก็ยิ่งอึมครึม ทำให้ขาดสมาธิ ความจำก็ไม่ดี อะไรมากระทบนิดกระทบหน่อย ก็หงุดหงิดอา รมณ์เสียแล้ว แล้วจะมีความสุขได้อย่างไรล่ะ ☆ แต่ถ้าเราลองนอนให้เร็วขึ้น เราจะได้นอนอย่างเต็มอิ่ม ร่างกายและสมองได้พักผ่อน ความจำดี มีสมาธิ มองอะไรก็มีความสุขได้ง่ายขึ้นจริง ๆ นะ 8. ได้ล้างพิษ เวลาที่เรานอน จะเป็นช่วงเวลาที่อวัยวะอย่าง ตับ ไต ลำไส้ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ช่วยล้างพิษทำงานได้ดีขึ้น ลองสังเกตดูสิ ถ้าใครชอบอดนอน หรือ นอนดึก นอกจากหน้าตาดูหม่นหมองแล้ว ยังมีปัญหาท้องผูกด้วย นั่นเพราะส่วนหนึ่งของพิษมาจากการนอนดึก เพราะฉะนั้นสาวๆ ที่ชอบปวดรอบเดือนบ่อย ๆ ให้แก้ไขด้วยการนอนให้เร็วขึ้น จะช่วยคุมเคมีปวดได้มากขึ้น 9. ไม่เสี่ยงโรคกำเริบ เครื่องยนต์ที่ทำงานเกินเวลา ก็เสียได้ นับประสาอะไรกับมนุษย์ที่ไม่ยอมพักผ่อน ไม่ยอมหลับยอมนอน ☆ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ก็อาจทำให้โรคที่พกอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ พากันแผลงฤทธิ์ขึ้นได้ ☆โดยเฉพาะโรคหัวใจ ☆โรคหลอดเลือดสมอง ☆ความดันสูง ☆ เบาหวาน ☆ ภูมิแพ้ ☆โรคเครียด ☆โรคซึมเศร้า ☆ และโรคมะเร็ง เป็นต้น 10. ช่วยป้องกันการแก่ให้ช้าลง ☆ไม่อยากแก่ รีบชวนกันนอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม หรือ สูงสุด ไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่ง ☆ เพราะ การนอนไม่ดึกมาก จะช่วยเสริมสร้างความเป็นหนุ่มสาว ☆ และช่วยให้หลับสนิทได้ง่ายขึ้น ☆ ไม่ทำร้ายร่างกายให้แก่ก่อนวัยอันควร ☆เพราะ จะช่วยป้องกันความเสื่อมชราให้ช้าลงได้ด้วย . 🔷️อยากมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวอย่างยั่งยืน ต้องเปลี่ยนที่พฤติกรรม ฝึกให้เป็น นิสัย 🔷️ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ 🔷️ ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ ▪️ จะทำให้เรามีภูมิต้านทานที่ดี หลายๆ คนบอกรู้แต่บางครั้งก็ยังทำไม่ได้ มาลองจัดระเบียบชีวิตกัน (บอกตัวเองด้วย ^^) เพราะไม่มีใครสามารถให้ สุขภาพ ที่ดีกับเราได้ ยกเว้นเราต้องทำให้ตัวเอง และร่างกายคือบ้านที่เราต้องรักษาเพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข การป้องกันดีกว่าการซ่อมแซม เราคงไม่อยากเอาเงินที่หามาได้ไปแลกกับความเจ็บป่วยและค่ารักษาพยาบาลที่แพงขึ้นทุกวัน . ด้วยรักและปรารถนาดี ❤️ ❤️
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หญิงตั้งครรภ์แห่เสพยาบ้าเพราะเชื่อว่าจะทำให้คลอดง่ายเป็นความเชื่อที่อันตรายหรือไม่?
    สถานการณ์ปัจจุบันที่ รพ.ต่างๆ ต่างพบว่ามีหญิงที่เสพยาบ้าในขณะตั้งครรภ์จไนจำนวนมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะมีความเชื่อผิดๆ เช่นนี้อยู่ด้วย ซึ่งพอลองค้นข้อมูลเรื่องนี้บนอินเทอร์เน็ตดูก็เจอว่าเคยมีคุณหมอหลาย รพ.ก็ได้ออกมาบอกว่า การเสพยาบ้าเป็นอันตรายต่อบุตรในครรภ์เป็นอย่างมาก เช่น นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวใน นสพ.มติชนออนไลน์ว่า ยาบ้า ยาไอซ์ ยาอี หรือ อนุพันธ์แอมเฟตามีนใดๆ ไม่ได้ช่วยให้กระบวนการใดๆทั้งสิ้นของการคลอดบุตรง่ายขึ้นแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม มีเอกสารทางวิชาการหลายฉบับทั้งในและต่างประเทศได้ยืนยันว่า การที่มารดาเสพติดยากลุ่มแอฟตามีนหรือยาบ้าในขณะตั้งครรภ์ก่อให้เกิดอันตรายมากมากมายแก่บุตร ได้แก่ การแท้งบุตร เสียชีวิตในครรภ์หรือขณะคลอด ภาวะคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ ความผิดปกติของหัวใจ ภาวะเลือดออกในสมอง สมองตาย เซลประสาทถูกทำลาย ศีรษะเล็ก บุตรที่คลอดจากมารดาที่ติดยาบ้าจะมีอาการติดยาบ้าเช่นเดียวกับมารดา ได้แก่ มีปัญหาภาวะกดการหายใจ ร้องไห้ไม่หยุด กระวนกระวาย ไม่ดื่มนมตามปกติ เลี้ยงดูยาก เมื่อเติบโตไปยังมีผลต่อความผิดปกติของสมาธิ ความจำและความผิดปกติทางด้านพฤติกรรมต่างๆตามมา สำหรับมารดาเองที่เสพติดยาบ้า พบว่าประสบอันตรายหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆขณะตั้งครรภ์มากกว่าคนทั่วไปแล้ว หลังคลอดบุตรยังพบภาวะตกเลือดรุนแรงอาจถึงแก่ชีวิต มีหลายรายที่เกิดภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้าอีกด้วย อ้างอิง: ข้อมูลจาก รพ.ปทุมธานี, หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์
    naruemonjoy
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ถั่วเขียวต้มขิง แก้โรคคนแก่ ปวดหลัง ปวดเข่า ท้องอืด ล้างของเสียในตับ ช่วงนี้อากาศชื้น จะเป็นไข้หวัด ไม่สบายตัวได้ง่าย แนะนำให้ทาน ถั่วเขียวต้มน้ำขิง" ได้ทั้งโปรตีนและฟอสฟอรัสจากถั่ว และ ความอบอุ่นของร่างกายจากสรรพคุณของขิง ในถั่วเขียวมีฟอสฟอรัสสูง ป้องกันกระดูกทรุดตัวและไม่ปวดหลัง รวมทั้งกระดูกข้อต่อต่างๆ กระดูกสันหลัง ซี่โครง หัวเข่า ให้เป็นปกติ เพราะถ้ากระดูกสันหลังทรุด ก็จะมาทับเส้นประสาท ทำให้ขาชา ปวดขา ปวดหลัง เดินไม่สะดวก ถ้าหมอนรองกระดูกเข่าทรุดก็จะเข่าเสื่อมต้องผ่าออกใส่ของเทียมเข้าไปแทน บำรุงได้ด้วยกินอาหารที่มีฟอสฟอรัส เช่น ถั่วเขียว ถั่วงอก หรือกินวุ้นเส้นที่ทำมาจากถั่วเขียว 100% เช่น กินผัดถั่วงอกประจำตัวจะสูง ถั่วงอกก็มีฟอสฟอรัสอยู่ด้วยทำให้ตัวสูง เมื่อตัวสูงความจำก็จะดีไปด้วย โรคคนสูงอายุคือ "โรคที่ขาดฟอสฟอรัส" จะปวดหลัง หมอนรองกระดูกทรุด เหงือกร่น มาจากการขาดฟอสฟอรัสทั้งสิ้น นอนทับแขน ทับไหล่ ตื่นขึ้นมาเจ็บ ให้กินถั่วเขียวต้ม เวลาเดินแล้วปวดหลัง ก็เพราะขาดฟอสฟอรัส การกินถั่วเขียวยังช่วยบำรุงตับอีกด้วย เวลาต้มถั่วเขียว ให้ใส่ขิงไปด้วยเพิ่มพลังหยาง ขับลม และทำให้ไม่มีอาการท้องอืด แนะนำเมนู 1.ถั่วเขียว 500 กรัม 2.น้ำตาล 350 กรัม (จะใส่น้อยหน่อยก็ได้ เพราะไม่ได้เพิ่มสรรพคุณ แค่ช่วยให้กินง่ายขึ้น แนะนำให้ใช้น้ำตาลมะพร้าว หรือ ใส่ลูกหล่อฮั๊งก้วย จะอร่อยอีกแบบ เพราะเป็นน้ำตาลที่ไม่กระตุ้นเบาหวานด้วย) 3.ขิงแก่หั่นแว่น 40 กรัม 4.น้ำสะอาด วิธีทำ แช่ถั่วเขียวในน้ำ 3 ชั่วโมง แล้วนำต้มจนสุกเปื่อย จึงใส่น้ำตาลตามลงไป (น้ำตาลต้องใส่หลังจากถั่วสุก) ใส่ขิงตามลงไป เคี่ยวต่ออีก 7-8 นาที ปิดไฟ ตักใส่ถ้วยพร้อมเสริฟ รับประทานร้อนๆ จะชื่นใจ มีประโยชน์มากๆ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ความจำเสื่อมพฤติกรรมที่ต้องเปลี่ยน
    เรื่องนี้ดีมาก หมอศิริราชส่งมาให้ @svh9535i ❤️❤️❤️❤️❤️😊❤️ ความจำเสื่อมพฤติกรรมที่ต้องเปลี่ยน เรื่องนี้ดีมาก หมอศิริราชส่งมาให้ บทความโดย : หมอแดง ดิ อโรคยา เคยเป็นกันบ้างไหมครับ อาการที่บางครั้งเราพยายามจะนึกอะไรซักอย่างให้ได้ แต่มันนึกไม่ออก จะว่าลืมก็ไม่ใช่ เหมือนมันติดอยู่ที่ปากหรือเวลาจะก้าวออกจากบ้านไปทำงาน ทีไรก็ต้องลืมโน่นลืมนี่เป็นประจำ อาการแบบนี้จะเรียกว่าเป็นอาการความจำเสื่อมก็คงจะไม่ใช่ แต่ก็ใกล้เคียง ผมพบคนป่วยหลายรายที่มีอาการ ความจำเสื่อม แต่ที่เห็นได้ชัดเมื่อเร็วๆนี้ คนไข้เป็นผู้ชาย เคยทำงานรัฐวิสาหกิจ ตำแหน่งใหญ่โตเชียวล่ะครับ เกษียณมาได้ปีกว่าๆแล้ว พอเกษียณมาได้แล้ว ก็เกิดอาการความจำเสื่อมกำเริบอย่างหนัก มีอาการเหมือนเด็ก จำอะไรไม่ค่อยได้ จะกินจะนอนก็ดูยากไปหมด พูดฟังก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง บางครั้งมีอาการซึม บางครั้งยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าซีดเหมือนไม่มีเลือดมาเลี้ยง มือสั่นบ้าง ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรค “พาร์คินสัน” ก็เลยให้ยาสารพัดมากิน แต่อาการกลับไม่ดีขึ้นเลย เป็นที่กลุ้มใจของผู้เป็นภรรยา ที่ต้องคอยดูแลสามีเหมือนเป็นเด็กเล็ก จากการสอบถามประวัติความเป็นอยู่ อาหารการกิน การออกกำลังกาย ภรรยาของคนไข้ก็บอกว่า ผู้ป่วยก็กินดีอยู่ดี ออกกำลังกายประจำ ผู้ป่วยเป็นวิศวกรใหญ่ จึงน่าเชื่อได้ว่าต้องกินดีอยู่ดีแน่นอน กรรมพันธุ์ก็ไม่มี แล้วเกิดอาการได้อย่างไร หมอก็ให้คำตอบไม่ได้ ได้แต่รักษาไปตามอาการ ให้วิตามินบ้าง ยาแก้พาร์คินสัน ยาแก้อาการสั่นบ้าง หลายปีแล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม พฤติกรรมอย่างหนึ่งที่คนไข้ทำพลาดไป ก็คือ เขาดื่มน้ำน้อยมาก วันละไม่เกิน 2 แก้ว ไม่กระหายน้ำก็ไม่ดื่ม น้ำหนักเกือบ 60 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักขนาดนี้ควรดื่มน้ำ 9-10 แก้วต่อวัน แต่นี่ดื่มแค่ 2 แก้ว บวกกับทำงานใช้สมองมาก มีความเครียดด้วย เลือดเมื่อขาดน้ำก็ทำให้เลือดข้นหนืด ทำให้หลอดเลือดไม่มีความยืดหยุ่นเพราะเลือดไปเลี้ยงไม่พอ แล้วเลือดจะฉีดขึ้นไปเลี้ยงสมองได้อย่างไรกัน ทดลองเอาเครื่องสูบน้ำไปสูบน้ำในปลักวัวปลักควาย ที่วัวควายนอนแช่เป็นน้ำโคลนดูซิว่า เครื่องจะสูบน้ำขึ้นไปได้ไหม สุดท้ายเครื่องก็ต้องพัง ซึ่งเครื่องสูบน้ำก็เหมือนหัวใจคนเรา ที่ต้องสูบฉีดเลือดขึ้นไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่อเลือดมันข้นเหนียว ไม่ช้าหัวใจก็ต้องพัง เส้นเลือดในหัวใจก็อุดตันหมด ในกรณีของผู้ป่วยรายนี้ก็มีลักษณะเหมือนกัน เขามีอาการความจำเสื่อมหรือสมองไม่ทำงาน ก็เพราะสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง เหมือนเราใช้คนให้ทำงานแล้วไม่จ่ายเงินเดือน ไม่ให้ข้าวกิน แล้วเขาจะเอาแรงที่ไหนมาทำงานให้เรา เลือดนั้นจะนำพาอาหาร อ๊อกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าส่วนไหน เรามัวแต่กินยา กินวิตามิน โดยไม่ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต โดยเฉพาะการดื่มน้ำที่ถูกต้อง คงไม่มีวันที่โรคนี้จะหายได้ เพราะยาและวิตามิน ก็เข้าสู่ร่างกายไม่ได้ถ้าไม่มีน้ำพาไป เพราะเลือดประกอบด้วยน้ำถึง 91% ดังนั้นผมจึงให้ความสำคัญ กับการดื่มน้ำเป็นอันดับแรก โดยถือว่าน้ำเป็นยาวิเศษเลยทีเดียว เมื่อได้แนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมวิถีชีวิตใหม่แล้ว ขั้นตอนต่อไปเราก็ทำการนวดกระตุ้นฝ่าเท้า และนวดตัว เพื่อกระตุ้นให้อวัยวะภายในร่างกายทั้งหมด ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้เลือดลมหมุนเวียนได้ดี บางท่านอาจเข้าใจผิดว่าการนวดเท้านั้นเป็นการรักษาเท้า ท่านเข้าใจผิดนะครับ การนวดเท้าสามารถรักษาโรคได้เป็นอย่างดี ผู้ป่วยรายนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมได้นวดเท้าและนวดกดจุด จากใบหน้าที่ขาวซีดกลับดูมีเลือดฝาด ดูสดใสขึ้นเยอะ พูดคุยได้ดีขึ้น ยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าแต่ก่อน มีการตอบสนองที่ดี นั่นแสดงว่าเลือดลมเดินได้ดีขึ้นแล้วนั่นเอง สรุปแล้วสาเหตุของอาการความจำเสื่อมก็คือ อาการที่เลือดข้นหรือเลือดจาง ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอนั่นเอง ท่านใดที่รู้ตัวว่าเริ่มมีอาการดังกล่าวแล้ว ผมว่าทางที่ดีท่านควรจะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ถูกต้อง ตามที่ผมได้บอกไว้แล้ว อาการความจำเสื่อมจะไม่มาเยือนท่านโดยง่ายแน่นอน ป้าศรีขอเติม comment ของคุณหมอ Nart Fongsmut เข้ามานะคะ คุณหมอเชี่ยวชาญการดูแลผู้สูงอายุค่ะ ... "เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะดื่มน้ำไม่พอ dehydrated เป็นผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองไม่ดี สมองที่เสื่อม หดอยู่แล้วจะ function ได้ด้อยลงมากมาย พบบ่อยในสถานสงเคราะห์คนชราหรือ nursing home ที่ผู้สูงอายุช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มากนัก dependent..." ขอให้ช่วยกันแชร์ เพื่อประโยชน์ในวงกว้างนะ โปรดทราบ! ถ้าข้อมูลนี่เป็นประโยชน์และสามารถช่วยใครได้อีกหลายๆ คน อย่าเก็บไว้อ่านคนเดียวละอย่าลืมส่งให้กับคุณและคนที่คุณรักได้อ่านกันนะ .... ด้วยรักและห่วงใย จากเพื่อนถึงเพื่อน ....
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false