1 คนสงสัย
-สารฆ่าเชื้อที่ใช้ตามบ้านเรือนและสามารถฆ่าเชื้อโคโรน่าไวรัสได้ มี 5 ชนิด ได้แก่ benzalkonium chloride, chloroxylenol, ethyl alcohol, isopropyl alcohol, และ sodium hypochlorite ส่วนมากจะจำหน่ายในความเข้มข้นสูง ดังนั้น ก่อนใช้ ผู้บริโภคต้องนำมาเจือจางด้วยน้ำ ให้มีความเข้มข้นไม่น้อยกว่าความเข้มข้นต่ำที่สุดที่สามารถฆ่าเชื้อได้

- ตัวอย่างเช่น ไฮเตอร์ Haiter® และ คลอร็อกซ์ Clorox® มีสารโซเดียมไฮโปคลอไรท์ที่ฆ่าเชื้อได้ ในรูปของ available Chlorine อยู่ 6% w/w จึงควรเจือจางให้ได้ความเข้มข้นตามที่เหมาะสม เช่น อาจใช้ 1 ส่วนผสมกับน้ำ 11 ส่วน ก็จะได้ความเข้มข้นโดยประมาณ 0.5%

-ส่วนน้ำยาฆ่าเชื้อยี่ห้อ เดทตอล นั้น มีขาย 2 ชนิด คือ Dettol® Hygiene Multi-Use Disinfectant กับ Dettol® Antiseptic Disinfectant ซึ่งมีสารออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน :

-Dettol® Hygiene Multi-Use Disinfectant มีสารออกฤทธิ์เป็น alkyl dimethyl benzoyl ammonium chloride เข้มข้น 2.4%w/w ใช้ฆ่าเขื้อโรคได้ แต่ไม่สามารถใช้กับผิวหนัง

-Dettol® Antiseptic Disinfectant มีสารออกฤทธิ์เป็น chloroxylenol เข้มข้น 4.8% (สังเกตโดยการดูที่ขวดจะมีมงกุฎสีฟ้าบนฉลาก) ซึ่งใช้ได้กับผิวหนัง // ตัวนี้ ถ้าจะใช้ทำความสะอาดพื้นผิว ให้เจือจางในอัตราส่วนน้ำยา 1 ส่วน ผสมน้ำ 39 ส่วน // ถ้าใช้กับผิวหนัง ต้องเจือจางลงให้เหมาะสม เช่น ใช้ล้างบาดแผล ให้เจือจางน้ำยาในอัตราส่วน 1:20 หรือถ้าใช้เพื่ออนามัยของร่างกาย ให้เจือจาง 1:40
kla
 •  4 ปีที่แล้ว
1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
meter: true
1 ความเห็น

โควิด 2019

supinya เลือกให้ข้อความนี้💬 มีความเห็นส่วนตัว

เหตุผล

ควรศึกษารายละเอียดการใช้สารเคมีแต่ละประเภทว่าแบบไหนควรใช้กับพื้นผิดวัสดุ หรือ อันไหนใช้กับร่างกาย แต่ต้องมีวธีในการเจือจาง สำหรับน้ำยาซักผ้

ความเห็นต่าง

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2833487143411457&id=610743119019215
naruemonjoy เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

เหตุผล

อันนี้เป็นข้อมูล การเลือกใช้น้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ของมหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ
ในส่วนสารฆ่าเชื้อ benzalkonium chloride, chloroxylenol

ที่มา

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    อันตราย! ทำแอลกอฮอล์ล้างแผลทำเจลล้างมือใช้เอง อาจฆ่าเชื้อโควิด 2019 ไม่ได้
    แพทย์ มธ. เผยเจลล้างมือที่ฆ่าเชื้อ โควิด-19 ได้ ต้องมีความเข้มข้น 70% ให้ชัวร์ต้องใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลเพราะไม่เข้มข้นมันไม่ตาย เตือนไม่ควรสัมผัสหน้ากากฝั่งสีเข้มหลังสวมใส่ อาจปนเปื้อนเชื้อได้
    naruemonjoy
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    ถั่งเช่าต้านมะเร็ง จากที่เรารู้ๆ กันดีว่าโรคมะเร็งนั้นเป็นโรคที่น่ากลัวมากๆ และเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของคนไทย และคนทั่วโลกให้มาอย่างยาวนาน จึงทำให้ถั่งเช่าที่สามารถช่วยต้านมะเร็งได้นั้น ได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดสมุนไพรที่ดีที่สุดของโลกในยุคนี้ ในถั่งเช่านั้นมีสารออกฤทธิ์ที่สามารถต้านมะเร็ง ซึ่งก็คือสารคอร์ไดเซปิน(cordycepin) โดยการทำงานหลักๆ ของสารคอร์ไดเซปิน(cordycepin) ในการออกฤทธิ์ต้านมะเร็งนั้นมีดังนี้ ถั่งเช่ามีฤทธิ์ต้านมะเร็ง -เข้าไปขัดขวางการสร้างสาร purine ซึ่งเป็นสารที่เซลล์มะเร็งชื่นชอบ -ขัดขวางการถอดรหัส DNA ได้ เพื่อไม่ให้สร้างโปรตีนที่เป็นอาหารของมะเร็ง -ช่วยชะลอการกระจายตัวของมะเร็งโดยการหยุดการทำงานของตัวควบคุมการกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง คุณรู้หรือไม่?…จากที่มีการศึกษามามากกว่า 20 ปี ไม่พบผลข้างเคียงหรือสารตกค้างใดๆเลย ในกลุ่มผู้ที่รับประทานถั่งเช่า แม้ในปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน รวมถึงในผู้สูงอายุทุกเพศ รักใครให้ถั่งเช่า 5 ทานถั่งเช่า ควรเห็นผลภายในกี่วัน? มีการวิจัยเรื่องของการต้านมะเร็งของถั่งเช่าโดย มหาวิทยาลัยการแพทย์ KANAZAWA ของประเทศญี่ปุ่น ได้ผลว่า ถั่งเช่านั้นสามารถฟื้นฟู และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบภูมิคุ้มกันในตัวของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งให้สามารถทำงานดีขึ้นได้ จากการทดลองในตัวของหนูที่ถูกกระตุ้นให้เกิดเซลล์มะเร็ง หลังจากได้รับการกินถั่งเช่าแล้วพบว่าเนื้องอกที่เป็นต้นเหตุของการเกิดมะเร็งนั้นมีขนาดที่เล็กลง และทำให้เจ้าหนูที่ถูกกระตุ้นเซลล์มะเร็งนั้นสามารถมีชีวิตยาวนานขึ้นได้ เนื่องจากสารออกฤทธิ์จากถั่งเช่าสามารถช่วยให้เซลล์แมคโคฟาจในร่างกายทำงานได้ดีขึ้นถึง 4 เท่า ส่งผลในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในการกำจัดเซลล์มะเร็งนั่นเอง สุขภาพดีกับเอสถั่งเช่า แนวนอน_2 การใช้ถั่งเช่ากระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกั ผลการทดลองศึกษาถั่งเช่าในการต้านมะเร็งปอดในผู้ป่วยมะเร็งระยะ 4 พบว่า ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นถึง 95% จากการทานถั่งเช่าเพียงวันละ 3 กรัม คู่ไปกับการทำคีโม นอกจากนี้ผู้ป่วยที่ได้ทานถั่งเช่าได้รับผลข้างเคียงจากการทำคีโมน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทานอย่างมีนัยสำคัญ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    ฟ้าทะลายโจร ต้านโควิด 19 ได้
    🛎 กระทรวงสาธารณสุขยืนยันฟ้าทะลายโจร ต้านโควิด-19 ได้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันแล้ว ฟ้าทะลายโจรมีสาร "แอนโดร กราโฟไลด์" ต้านโควิด-19 ไม่ให้เข้าเซลล์ และต้านการแตกตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในร่างกายได้ หารับประทานเพื่อป้องกันกันได้เลยวันนี้ .. .. ✅วิธีเลือกซื้อยาฟ้าทะลายโจร 🔺ยาฟ้าทะลายโจรมี 2ชนิด คือ แบบสกัดและแบบบดผง 🔺ดูบนฉลากว่ามีสารแอนโดรกราโฟไลด์ ไม่น้อยกว่า 20มก. ถ้าไม่มีระบุแปลว่าเป็นแบบบดผง 🔺ฟ้าทะลายโจรแบบบดผง จะมีสารแอนโดนกราโฟไลด์ประมาณ 4-5 มก. (เทียบกับแบบสกัดที่มีถึง 20 มก. และยังสกัดสาร AP3 มีผลข้างเคียงทำให้แขนขาอ่อนแรงออกไปแล้ว) 🔺สามารถกินเป็น immune booster สร้างภูมิต้านทานเชื้อให้กับร่างกายได้ 🛎คำแนะนำการใช้ยาแคปซูลสกัดฟ้าทะลายโจรแบรนด์การบูร เพื่อป้องกันการติดเชื้อในภารกิจประจำวันช่วงการแพร่ระบาดรอบ 3 นี้ ให้รับประทานเป็น Immune Booster วันละ 3 แคปซูล ตอนเช้าก่อนออกนอกบ้าน เพื่อรักษาปริมาณความเข้มข้น 60 มก. ของสารแอนโดรกราโฟไลด์ไว้ในกระแสโลหิตให้ได้ประมาณ 10-12 ชม. ให้เพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจประจำวัน ซึ่งจะไม่เกิดผลข้างเคียงเพราะสกัดเอาสาร AP3 ที่หากทานต่อเนื่องจะทำให้แขนขาอ่อนแรงออกไปแล้ว เราสามารถใช้การทานเป็น Imune booster ต่อเนื่องเช่นนี้ได้ โดยหยุดรับประทานเฉพาะวันที่พักผ่อนอยู่กับบ้านเท่านั้น 🔺สำหรับเด็กอายุ 7-12 ขวบ น้ำหนักน้อยกว่า 40 กก. ให้รับประทาน 2 แคปซูล/วัน 🔺สตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน 🛎 คำแนะนำสำหรับกรณีสัมผัสผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด-19 หรือเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 เองแล้ว ให้รับประทานวันละ 3/3/3 แคปซูล มื้อเช้า กลางวัน เย็น รวมเป็น 9 แคปซูลต่อวัน ทานต่อเนื่อง 5 วัน 45 แคปซูล ระหว่างรอผลตรวจหรือทานเมื่อทราบผลตรวจแล้วว่าติดโควิด-19 และต้องกักตัวเอง ด้วยเหตุสถานพยาบาลเต็ม รพ.ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้อีก ในกรณีที่เป็นผู้ที่รอผลตรวจ แล้วผลตรวจรอบแรกออกเป็น negative ก็ให้กินต่อจนครบ 5 วันตามโดสรักษาที่แนะนำเพื่อรอการตรวจรอบสอง เพราะบางท่านไปตรวจพบเชื้อตอนรอบสอง หากเราใช้โดสรักษาของกรมการแพทย์แผนไทยฯ ตามนี้ แล้วติดเชื้อ เราก็สามารถหายเป็นปกติได้หากร่างกายแข็งแรง เพราะสารแอนโดรกราโฟไลด์เข้มข้นในแคปซูลสกัดฟ้าทะลายโจรนี้สามารถจะเพิ่มภูมิต้านทานเชื้อให้กับให้ร่างกายได้ สำหรับเด็กอายุ 7-12 ขวบ น้ำหนักน้อยกว่า 40 กก. โดสรักษาให้รับประทานครึ่งหนึ่งของโดสสำหรับผู้ใหญ่ คือที่ 5 แคปซูล/วัน แบ่งเป็น 3 เวลาก่อนอาหาร คือ 2/2/1 แคปซูล .. https://youtu.be/QtmUGfkGfp8
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ความอันตรายที่น่ากลัวของส้มโอ
    "ความอันตรายที่น่ากลัวของส้มโอ" ใครกินยาลดความดัน ยาลดไขมันควรอ่าน งานจะยุ่งขนาดไหน ก็ต้องอ่าน เพียงกินแค่ส้มโอ ก็ทำให้เกือบเสียชีวิตได้ อันตราย...จำเป็นต้องระวัง!! วันนี้ที่เมืองเจียงซี มีผู้สูงวัยคนหนึ่งกินส้มโอเข้าไป หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงรู้สึกผิดปกติ ที่บ้านจึงพาไปโรงพยาบาล ขณะที่เดินทางไปโรงพยาบาล ผู้สูงวัยก็รู้สึกโลกหมุน หัวใจเต้นเร็ว และก็เป็นลมไป เมื่อไปถึงโรงพยาบาลตรวจร่างกายเรียบร้อย แพทย์ที่รักษาดูอาการได้วิเคราะห์สาเหตุออกมาว่า ส้มโอไม่มีพิษภัยต่อร่างกาย ถ้าจะมีปัญหาคือก่อนกินส้มโอ ผู้สูงวัยได้กินยาลดความดัน แพทย์ได้แนะนำว่า ส้มโอมีผลต่อการทำงานของยาลดความดัน ทำให้ยากลายเป็นพิษร้ายแรงต่อร่างกายได้ ภายในส้มโอมีสาร Coumarin ซึ่งมีผลต่อเอนไซม์ในตับ ทำให้การทำงานของเอนไซม์นั้นลดลง ซึ่งเอนไซม์นี้มีผลต่อการเผาผลาญยา เมื่อยาเผาผลาญไม่ได้ ทำให้ความเข้มข้นของยาในเลือดเข้มข้นขึ้น ทำให้สะสมกลายเป็นพิษต่อร่างกายได้ นอกจากนี้ ในส้มโอยังมีสารที่เรียกว่า Naringenin ทำให้ยาเข้าไปในลำไส้ได้เร็วขึ้น เมื่อยาถูกดูดซึมเข้าไป ก็จะทำให้ในเลือดมีความเข้มข้นของยาสูง ทำให้ร่างกายของคนเกิดอาการมึนหัวหรือความดันเลือดต่ำได้ แพทย์ผู้ชำนาญการได้เตือนว่า การกินส้มโอแบบนี้ให้โทษแก่ร่างกาย หากเป็นห่วงคนรอบตัว กรุณาส่งต่อให้พวกเขา! 1.ส้มโอไม่ควรกินพร้อมกับอาหารทะเล เพราะส้มโอมีวิตามินซีสูง ในอาหารทะเลจะมีธาตุสารหนูสูง วิตามินซีและสารหนู เมื่อเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้เกิดสารจำพวกอาร์เซนิกไตรออกไซด์ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ซึ่งหากร่างกายได้รับเป็นปริมาณมาก อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ 2.ส้มโอไม่สามารถกินร่วมกับยาบางชนิดได้ เช่น ยาลดไขมันในเส้นเลือด, ยาแก้แพ้ (Terfenadine), ยากดภูมิคุ้มกัน (Cyclosporine), คาเฟอีน, ยาต้านแคลเซียม (Calcium Channel Blocker), ยาลดอาการปวด (Cisapride) เป็นต้น ดังนั้นผู้ป่วยที่รับประทานยาเหล่านี้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ไม่ควรกินส้มโอหรือน้ำส้มโอ เรื่องนี้กรุณาอย่าเก็บไว้ดูเพียงคนเดียว ส่งต่อให้คนอื่นให้ได้มากที่สุด สิ่งนี้อาจช่วยชีวิตคนรอบข้างและเพื่อนๆ ของคุณให้พ้นจากอันตรายเหล่านี้ได้ ช่วงนี้เป็นช่วงที่คนนิยมกินส้มโอ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน หวังว่าคุณจะเป็นคนแรกที่ส่งต่อเรื่องราวที่มีประโยชน์นี้ ยิ่งส่งต่อมาก ก็จะทำให้คนยิ่งระมัดระวังกันมากขึ้น เพียงใช้เวลาแค่หนึ่งวินาทีในการส่งต่อแก่คนรู้จัก ขอบคุณมากๆ Cr.น.พ.อนันต์ ประสานสุข
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ถ้าแอลกอฮอล์เจลเข้าจมูก จะทำให้เนื้อเยื่อในจมูกอักเสบได้จริงหรือ ?
    ทุกวันนี้เราใช้แอลกอออล์ความเข้มข้นสูง 70% กันมากมายเพื่อฆ่าเชื้อโควิด ถ้าแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นสูงขนาดนี้เข้าจมูก ทำให้เยื่อจมูกอักเสบได้ จริงหรือคะ
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    ย้ำอีกรอบ!!! ดื่มแอลกอออล์ โดยเฉพาะแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ไม่ฆ่าเชื้อโควิด 19 แถมเสี่ยงตายด้วย
    เอทิลแอลกอฮอล์ หรือเอทานอล (Ethyl Alcohol หรือ Ethanol) เป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 95% ผลิตจากพืชประเภทน้ำตาลและพืชจำพวกแป้ง เช่นเดียวกันกับแอลกอฮอล์ที่ผสมในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถึงแม้จะเป็นชนิดของแอลกอฮอล์ที่สามารถรับประทานได้ แต่ด้วยความเข้มข้นที่สูงกว่าในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วไป ทำให้ผู้ดื่มมีภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษและในบางรายรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ จึงเหมาะสำหรับทำความสะอาด เช็ด ถู เพื่อฆ่าเชื้อ นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อหวังฆ่าเชื้อ COVID-19 อาจเป็นสาเหตุให้ผู้ดื่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19 ได้ โดยเฉพาะผู้ที่นิยมดื่มเป็นประจำ มีโอกาสรับเชื้อได้ง่าย เพราะเมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย จะถูกดูดซึมและส่งต่อการทำงานในทุกระบบของร่างกาย เข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ให้เกิดการติดเชื้อต่างๆ ง่ายขึ้น การรวมกลุ่มเพื่อดื่มสังสรรค์ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการรับเชื้อจากการสัมผัสหรือใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น การดื่มแอลกอฮอล์จากแก้วเดียวกันหรือหลอดเดียวกัน
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุขแนะนำประชาชนในการทำความสะอาด ทำลายและฆ่าเชื้อโรค COVID-19
    เนื่องจากไวรัสโคโรนาสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้เป็นระยะเวลานาน 2 ชั่วโมง - 9 วัน เพื่อป้องกัน การแพร่กระจายเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในสภาพแวดล้อม จึงควรใช้สารที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อได้ใน ระยะเวลาสั้น องค์การอนามัยโลกให้คำแนะนำสาร 3 ชนิดที่ทำลายเชื้อไวรัสได้ภายในระยะเวลา 1 นาที ได้แก่ - สารประกอบโซเดียมไฮโปคลอไรท์ 0.1% (เช่น น้ำยาฟอกขาวความเข้มข้น 1000 ppm) - ไฮโดรเจนเปอร์ ออกไซด์ 0.5% (5000 ppm) - และ แอลกอฮอล์ 62%-70% คำแนะนำฉบับนี้ จึงแนะนำวิธีการทำความสะอาด ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมอุปกรณ์ การเตรียมสารทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อ การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ บริเวณพื้นผิว การจัดการภายหลังทำความสะอาด และข้อควรระวัง
    naruemonjoy
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    งานจะยุ่งขนาดไหน ก็ต้องอ่าน เพียงกินแค่ส้มโอ ก็ทำให้เกือบเสียชีวิตได้ อันตราย...จำเป็นต้องระวัง!! วันนี้ที่เมืองเจียงซี มีผู้สูงวัยคนหนึ่งกินส้มโอเข้าไป หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงรู้สึกผิดปกติ ที่บ้านจึงพาไปโรงพยาบาล ขณะที่เดินทางไปโรงพยาบาล ผู้สูงวัยก็รู้สึกโลกหมุน หัวใจเต้นเร็ว และก็เป็นลมไป เมื่อไปถึงโรงพยาบาลตรวจร่างกายเรียบร้อย แพทย์ที่รักษาดูอาการได้วิเคราะห์สาเหตุออกมาว่า ส้มโอไม่มีพิษภัยต่อร่างกาย ถ้าจะมีปัญหาคือก่อนกินส้มโอ ผู้สูงวัยได้กินยา ลดความดัน แพทย์ได้แนะนำว่า ส้มโอมีผลต่อการทำงานของยา ลดความดัน ทำให้ยา กลายเป็นพิษร้ายแรงต่อร่างกายได้ ภายในส้มโอมีสาร Coumarin ซึ่งมีผลต่อเอนไซม์ในตับ ทำให้การทำงานของเอนไซม์นั้นลดลง ซึ่งเอนไซม์นี้มีผลต่อการเผาผลาญยา เมื่อยาเผาผลาญไม่ได้ ทำให้ความเข้มข้นของยาในเลือดเข้มข้นขึ้น ทำให้สะสมกลายเป็นพิษต่อร่างกายได้ นอกจากนี้ ในส้มโอยังมีสารที่เรียกว่า Naringenin ทำให้ยาเข้าไปในลำไส้ได้เร็วขึ้น เมื่อยาถูกดูดซึมเข้าไป ก็จะทำให้ในเลือดมีความเข้มข้นของยาสูง ทำให้ร่างกายของคนเกิดอาการมึนหัวหรือความดันเลือดต่ำได้ แพทย์ผู้ชำนาญการได้เตือนว่า การกินส้มโอแบบนี้ให้โทษแก่ร่างกาย หากเป็นห่วงคนรอบตัว กรุณาส่งต่อให้พวกเขา! 1.ส้มโอไม่ควรกินพร้อมกับอาหารทะเล เพราะส้มโอมีวิตามินซีสูง ในอาหารทะเลจะมีธาตุสารหนูสูง วิตามินซีและสารหนู เมื่อเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้เกิดสารจำพวกอาร์เซนิกไตรออกไซด์ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ซึ่งหากร่างกายได้รับเป็นปริมาณมาก อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ 2.ส้มโอไม่สามารถกินร่วมกับยาบางชนิดได้ เช่น ยาลดไขมันในเส้นเลือด, ยาแก้แพ้ (Terfenadine), ยากดภูมิคุ้มกัน (Cyclosporine), คาเฟอีน, ยาต้านแคลเซียม (Calcium Channel Blocker), ยาลดอาการปวด (Cisapride) เป็นต้น ดังนั้นผู้ป่วยที่รับประทานยาเหล่านี้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ไม่ควรกินส้มโอหรือน้ำส้มโอ เรื่องนี้กรุณาอย่าเก็บไว้ดูเพียงคนเดียว ส่งต่อให้คนอื่นให้ได้มากที่สุด สิ่งนี้อาจช่วยชีวิตคนรอบข้างและเพื่อนๆ ของคุณให้พ้นจากอันตรายเหล่านี้ได้ ช่วงนี้เป็นช่วงที่คนนิยมกินส้มโอ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน หวังว่าคุณจะเป็นคนแรกที่ส่งต่อเรื่องราวที่มีประโยชน์นี้ ยิ่งส่งต่อมาก ก็จะทำให้คนยิ่งระมัดระวังกันมากขึ้น เพียงใช้เวลาแค่หนึ่งวินาทีในการส่งต่อแก่คนรู้จัก ขอบคุณมากๆ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    งานจะยุ่งขนาดไหน ก็ต้องอ่าน เพียงกินแค่ส้มโอ ก็ทำให้เกือบเสียชีวิตได้ อันตราย...จำเป็นต้องระวัง!! วันนี้ที่เมืองเจียงซี มีผู้สูงวัยคนหนึ่งกินส้มโอเข้าไป หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงรู้สึกผิดปกติ ที่บ้านจึงพาไปโรงพยาบาล ขณะที่เดินทางไปโรงพยาบาล ผู้สูงวัยก็รู้สึกโลกหมุน หัวใจเต้นเร็ว และก็เป็นลมไป เมื่อไปถึงโรงพยาบาลตรวจร่างกายเรียบร้อย แพทย์ที่รักษาดูอาการได้วิเคราะห์สาเหตุออกมาว่า ส้มโอไม่มีพิษภัยต่อร่างกาย ถ้าจะมีปัญหาคือก่อนกินส้มโอ ผู้สูงวัยได้กินยาลดความดัน แพทย์ได้แนะนำว่า ส้มโอมีผลต่อการทำงานของยาลดความดัน ทำให้ยากลายเป็นพิษร้ายแรงต่อร่างกายได้ ภายในส้มโอมีสาร Coumarin ซึ่งมีผลต่อเอนไซม์ในตับ ทำให้การทำงานของเอนไซม์นั้นลดลง ซึ่งเอนไซม์นี้มีผลต่อการเผาผลาญยา เมื่อยาเผาผลาญไม่ได้ ทำให้ความเข้มข้นของยาในเลือดเข้มข้นขึ้น ทำให้สะสมกลายเป็นพิษต่อร่างกายได้ นอกจากนี้ ในส้มโอยังมีสารที่เรียกว่า Naringenin ทำให้ยาเข้าไปในลำไส้ได้เร็วขึ้น เมื่อยาถูกดูดซึมเข้าไป ก็จะทำให้ในเลือดมีความเข้มข้นของยาสูง ทำให้ร่างกายของคนเกิดอาการมึนหัวหรือความดันเลือดต่ำได้ แพทย์ผู้ชำนาญการได้เตือนว่า การกินส้มโอแบบนี้ให้โทษแก่ร่างกาย หากเป็นห่วงคนรอบตัว กรุณาส่งต่อให้พวกเขา! 1.ส้มโอไม่ควรกินพร้อมกับอาหารทะเล เพราะส้มโอมีวิตามินซีสูง ในอาหารทะเลจะมีธาตุสารหนูสูง วิตามินซีและสารหนู เมื่อเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้เกิดสารจำพวกอาร์เซนิกไตรออกไซด์ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ซึ่งหากร่างกายได้รับเป็นปริมาณมาก อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ 2.ส้มโอไม่สามารถกินร่วมกับยาบางชนิดได้ เช่น ยาลดไขมันในเส้นเลือด, ยาแก้แพ้ (Terfenadine), ยากดภูมิคุ้มกัน (Cyclosporine), คาเฟอีน, ยาต้านแคลเซียม (Calcium Channel Blocker), ยาลดอาการปวด (Cisapride) เป็นต้น ดังนั้นผู้ป่วยที่รับประทานยาเหล่านี้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ไม่ควรกินส้มโอหรือน้ำส้มโอ เรื่องนี้กรุณาอย่าเก็บไว้ดูเพียงคนเดียว ส่งต่อให้คนอื่นให้ได้มากที่สุด สิ่งนี้อาจช่วยชีวิตคนรอบข้างและเพื่อนๆ ของคุณให้พ้นจากอันตรายเหล่านี้ได้ ช่วงนี้เป็นช่วงที่คนนิยมกินส้มโอ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน หวังว่าคุณจะเป็นคนแรกที่ส่งต่อเรื่องราวที่มีประโยชน์นี้ ยิ่งส่งต่อมาก ก็จะทำให้คนยิ่งระมัดระวังกันมากขึ้น เพียงใช้เวลาแค่หนึ่งวินาทีในการส่งต่อแก่คนรู้จัก ขอบคุณมากๆ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false