คุณยาย ผู้อยู่ในยุคที่ไม่เคยคิดถึงการอนุรักษ์โลก
ที่ช่องจ่ายเงินในซุปเปอร์มาร์เก็ต เด็กสาวพนักงานได้แนะนำคุณยายท่านหนึ่งว่า น่าจะเอาถุงผ้ามาใช้มากกว่าถุงพลาสติกซึ่งไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม
คุณยายขอโทษขอโพยและกล่าวว่า
“สมัยก่อน พวกเราไม่ได้มีความคิดเรื่องอนุรักษ์อะไรแบบนี้หรอก”
พนักงานสาวตอบกลับ
“มันถึงกลายเป็นปัญหาของคนในยุคพวกหนูน่ะสิคะ เพราะคนรุ่นคุณยายไม่เคยสนใจเรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตของลูกหลานเลย”
คุณยายคิด.. แต่เธอก็พูดถูกนะ ในยุคนั้นน่ะ เราไม่เคยคิดเรื่องอนุรักษ์ รักโลก โลกร้อน โลกสีเขียวอะไรพวกนี้หรอก
ในสมัยนั้น พวกขวดนม ขวดน้ำ ขวดเบียร์ที่เราดื่มหมดแล้ว เราก็ส่งกลับไปที่ร้าน ที่ร้านก็ส่งกลับไปโรงงาน โรงงานก็เอาไปล้างฆ่าเชื้อ แล้วนำกลับมาบรรจุเครื่องดื่มใหม่ หมุนเวียนใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปตลอด ถึงมันจะเป็นการรีไซเคิลอย่างแท้จริง แต่... ตอนนั้นเราก็ไม่เคยจะคิดเรื่องอนุรักษ์หรอก
ที่ร้านขายของเอาถุงกระดาษมาใส่ของชำให้ กลับบ้านมาก็เอาถุงนั้นมาใช้ซ้ำได้หลายแบบ หลักๆ ก็เอาไปใส่ขยะ แล้วก็ยังเอามาห่อปกหนังสือเรียน เพราะสมัยนั้นหนังสือเรียนไม่ได้เป็นของเรา แต่เป็นของที่โรงเรียนให้ยืมใช้ เราเลยเขียนอะไรไปบนปกแบบส่วนตัวไม่ได้ การห่อปกด้วยกระดาษถุงสีน้ำตาล ทำให้เราอยากจะเขียนอะไรบนปกหนังสือของเราก็เขียนได้ ไม่มีใครว่า แต่ก็... แย่จัง ที่ตอนนั้นเราไม่เคยจะคิดเรื่องอนุรักษ์หรอก
เวลาจะขึ้นไปยังตึกชั้นสูงๆ เราก็ต้องเดินเอา เพราะไม่มีบันไดเลื่อนที่ใช้พลังงานมหาศาลในการขับเคลื่อนอยู่ตามตึกให้ใช้ แต่... เธอก็พูดถูกนะ ตอนนั้นเราไม่เคยจะคิดเรื่องอนุรักษ์หรอก
ในสมัยก่อน เราซักผ้าอ้อมให้ทารกใช้ เพราะไม่มีผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบใช้แล้วทิ้ง เราตากเสื้อผ้าบนราว ไม่ได้ใช้เครื่องจักรที่กินไฟมากมายเพียงเพื่อการปั่นผ้าให้แห้ง ลมและแสงแดดก็ตากเสื้อเราได้แห้งดีนะ แต่... สาวน้อยคนนั้นก็พูดถูก ตอนนั้นเราไม่เคยจะคิดเรื่องอนุรักษ์หรอก
ในสมัยก่อน แต่ละบ้านจะมีโทรทัศน์เพียง 1 เครื่อง หรือว่าวิทยุ 1 เครื่อง ไม่ได้มีประจำครบทุกห้อง และจอโทรทัศน์สมัยนั้นก็มีขนาดไม่ต่างกับขนาดของผ้าเช็ดหน้าเท่านั้นแหละ ไม่ได้มีจอที่ใหญ่คับห้อง ส่วนในครัว เราซอย หั่น และปั่นพวกส่วนผสมอาหารด้วยมือ เพราะไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าคอยอำนวยความสะดวกให้ และในเวลาที่เราจะส่งของที่สามารถแตกได้ง่ายทางไปรษณีย์ เราก็เอากระดาษหนังสือพิมพ์มาห่อและปั้นเป็นก้อนกลมๆ วางรอบๆ เพื่อกันกระแทก ไม่ได้ใช้โฟมเม็ดกันกระแทก หรือว่าพลาสติกบับเบิลห่อ
ในสมัยก่อน เราออกกำลังกายได้ด้วยการเดิน เราเลยไม่ต้องไปเข้ายิมเพื่อเดินบนลู่วิ่งไฟฟ้า แต่... เธอก็พูดถูกนะ เราไม่เคยจะคิดเรื่องอนุรักษ์หรอก
เราดื่มน้ำจากบ่อน้ำหรือน้ำตกโดยใช้กระบวยไม้เวลาที่กระหายแทนที่จะใช้ถ้วยพลาสติกขวดพลาสติกทุกครั้งที่ดื่ม เราเติมปากกาด้วยหมึกแทนที่จะไปซื้อด้ามใหม่ใช้ เราเปลี่ยนเฉพาะใบมีดโกนแทนที่จะทิ้งไปทั้งอันเพียงเพราะใบมีดมันหมดคมแล้ว แต่... เราไม่เคยจะคิดเรื่องอนุรักษ์หรอก
ในสมัยก่อน ชาวบ้านใช้รถเมล์หรือรถสาธารณะเอา เด็กๆ ก็ขี่จักรยานหรือไม่ก็เดินไปโรงเรียนแทนที่จะใช้คุณแม่ให้ขับรถไปกลับเป็นแท็กซี่ส่วนบุคคล ที่ห้องในบ้านของเรามีเต้าปลั๊กไฟอยู่เพียงจุดเดียว ไม่ได้มีช่องเสียบไฟมากมายสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนเป็นโหลๆ และเราก็ไม่ได้มีแกดเจ็ทที่ใช้รับสัญญาณดาวเทียมที่ลอยอยู่ห่างไกลออกไปนอกโลกถึง 37,000 กิโลเมตร เพื่อจะบอกกับเราว่า ร้านอาหารแถวบ้านของเราตั้งอยู่ตรงจุดไหน
แต่มันก็น่าเศร้าใช่ไหมล่ะ ที่คนสมัยนี้เอาแต่โทษว่าคนในยุคของเรานั้นใช้โลกสิ้นเปลือง เพียงแค่เพราะว่าเราไม่เคยคิดเรื่องการอนุรักษ์กันเลย ...ในยุคนั้น
ช่วยแชร์และส่งต่อเรื่องราวจากบทสนทนาของหญิงสูงวัยผู้ไม่เคยคิดเรื่องการอนุรักษ์ กับเด็กเกรียนโลกสีเขียวพวกนี้กัน
#ClubToHappiness
ที่ช่องจ่ายเงินในซุปเปอร์มาร์เก็ต เด็กสาวพนักงานได้แนะนำคุณยายท่านหนึ่งว่า น่าจะเอาถุงผ้ามาใช้มากกว่าถุงพลาสติกซึ่งไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม
คุณยายขอโทษขอโพยและกล่าวว่า
“สมัยก่อน พวกเราไม่ได้มีความคิดเรื่องอนุรักษ์อะไรแบบนี้หรอก”
พนักงานสาวตอบกลับ
“มันถึงกลายเป็นปัญหาของคนในยุคพวกหนูน่ะสิคะ เพราะคนรุ่นคุณยายไม่เคยสนใจเรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตของลูกหลานเลย”
คุณยายคิด.. แต่เธอก็พูดถูกนะ ในยุคนั้นน่ะ เราไม่เคยคิดเรื่องอนุรักษ์ รักโลก โลกร้อน โลกสีเขียวอะไรพวกนี้หรอก
ในสมัยนั้น พวกขวดนม ขวดน้ำ ขวดเบียร์ที่เราดื่มหมดแล้ว เราก็ส่งกลับไปที่ร้าน ที่ร้านก็ส่งกลับไปโรงงาน โรงงานก็เอาไปล้างฆ่าเชื้อ แล้วนำกลับมาบรรจุเครื่องดื่มใหม่ หมุนเวียนใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปตลอด ถึงมันจะเป็นการรีไซเคิลอย่างแท้จริง แต่... ตอนนั้นเราก็ไม่เคยจะคิดเรื่องอนุรักษ์หรอก
ที่ร้านขายของเอาถุงกระดาษมาใส่ของชำให้ กลับบ้านมาก็เอาถุงนั้นมาใช้ซ้ำได้หลายแบบ หลักๆ ก็เอาไปใส่ขยะ แล้วก็ยังเอามาห่อปกหนังสือเรียน เพราะสมัยนั้นหนังสือเรียนไม่ได้เป็นของเรา แต่เป็นของที่โรงเรียนให้ยืมใช้ เราเลยเขียนอะไรไปบนปกแบบส่วนตัวไม่ได้ การห่อปกด้วยกระดาษถุงสีน้ำตาล ทำให้เราอยากจะเขียนอะไรบนปกหนังสือของเราก็เขียนได้ ไม่มีใครว่า แต่ก็... แย่จัง ที่ตอนนั้นเราไม่เคยจะคิดเรื่องอนุรักษ์หรอก
เวลาจะขึ้นไปยังตึกชั้นสูงๆ เราก็ต้องเดินเอา เพราะไม่มีบันไดเลื่อนที่ใช้พลังงานมหาศาลในการขับเคลื่อนอยู่ตามตึกให้ใช้ แต่... เธอก็พูดถูกนะ ตอนนั้นเราไม่เคยจะคิดเรื่องอนุรักษ์หรอก
ในสมัยก่อน เราซักผ้าอ้อมให้ทารกใช้ เพราะไม่มีผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบใช้แล้วทิ้ง เราตากเสื้อผ้าบนราว ไม่ได้ใช้เครื่องจักรที่กินไฟมากมายเพียงเพื่อการปั่นผ้าให้แห้ง ลมและแสงแดดก็ตากเสื้อเราได้แห้งดีนะ แต่... สาวน้อยคนนั้นก็พูดถูก ตอนนั้นเราไม่เคยจะคิดเรื่องอนุรักษ์หรอก
ในสมัยก่อน แต่ละบ้านจะมีโทรทัศน์เพียง 1 เครื่อง หรือว่าวิทยุ 1 เครื่อง ไม่ได้มีประจำครบทุกห้อง และจอโทรทัศน์สมัยนั้นก็มีขนาดไม่ต่างกับขนาดของผ้าเช็ดหน้าเท่านั้นแหละ ไม่ได้มีจอที่ใหญ่คับห้อง ส่วนในครัว เราซอย หั่น และปั่นพวกส่วนผสมอาหารด้วยมือ เพราะไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าคอยอำนวยความสะดวกให้ และในเวลาที่เราจะส่งของที่สามารถแตกได้ง่ายทางไปรษณีย์ เราก็เอากระดาษหนังสือพิมพ์มาห่อและปั้นเป็นก้อนกลมๆ วางรอบๆ เพื่อกันกระแทก ไม่ได้ใช้โฟมเม็ดกันกระแทก หรือว่าพลาสติกบับเบิลห่อ
ในสมัยก่อน เราออกกำลังกายได้ด้วยการเดิน เราเลยไม่ต้องไปเข้ายิมเพื่อเดินบนลู่วิ่งไฟฟ้า แต่... เธอก็พูดถูกนะ เราไม่เคยจะคิดเรื่องอนุรักษ์หรอก
เราดื่มน้ำจากบ่อน้ำหรือน้ำตกโดยใช้กระบวยไม้เวลาที่กระหายแทนที่จะใช้ถ้วยพลาสติกขวดพลาสติกทุกครั้งที่ดื่ม เราเติมปากกาด้วยหมึกแทนที่จะไปซื้อด้ามใหม่ใช้ เราเปลี่ยนเฉพาะใบมีดโกนแทนที่จะทิ้งไปทั้งอันเพียงเพราะใบมีดมันหมดคมแล้ว แต่... เราไม่เคยจะคิดเรื่องอนุรักษ์หรอก
ในสมัยก่อน ชาวบ้านใช้รถเมล์หรือรถสาธารณะเอา เด็กๆ ก็ขี่จักรยานหรือไม่ก็เดินไปโรงเรียนแทนที่จะใช้คุณแม่ให้ขับรถไปกลับเป็นแท็กซี่ส่วนบุคคล ที่ห้องในบ้านของเรามีเต้าปลั๊กไฟอยู่เพียงจุดเดียว ไม่ได้มีช่องเสียบไฟมากมายสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนเป็นโหลๆ และเราก็ไม่ได้มีแกดเจ็ทที่ใช้รับสัญญาณดาวเทียมที่ลอยอยู่ห่างไกลออกไปนอกโลกถึง 37,000 กิโลเมตร เพื่อจะบอกกับเราว่า ร้านอาหารแถวบ้านของเราตั้งอยู่ตรงจุดไหน
แต่มันก็น่าเศร้าใช่ไหมล่ะ ที่คนสมัยนี้เอาแต่โทษว่าคนในยุคของเรานั้นใช้โลกสิ้นเปลือง เพียงแค่เพราะว่าเราไม่เคยคิดเรื่องการอนุรักษ์กันเลย ...ในยุคนั้น
ช่วยแชร์และส่งต่อเรื่องราวจากบทสนทนาของหญิงสูงวัยผู้ไม่เคยคิดเรื่องการอนุรักษ์ กับเด็กเกรียนโลกสีเขียวพวกนี้กัน
#ClubToHappiness